เราได้อะไรจากการรับรู้ว่าจะเกิดภัยพิบัติที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต?

ผมตั้งกระทู้นี้ เนื่องจากได้อ่านกระทู้หนึ่งเกี่ยวกับการทำนายภัยพิบัติจะเกิด แล้วมีสมาชิกท่านหนึ่งตอบว่า

เลยเกิดคำถามขึ้นมาว่า เราได้อะไรจากการรับรู้ว่าจะเกิดภัยพิบัติที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต?

การรับรู้ภัยพิบัติในที่นี้ หมายถึงรับรู้จาก "การทำนายอนาคต" ของบุคคลที่มีสิ่งพิเศษกว่าคนปกติทั่วไป เช่น เห็นอนาคตจากความฝัน หรือจากผู้ที่ปฏิบัติธรรมและสามารถรู้อดีตและมองเห็นอนาคตที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอนาคตที่ทำนายนั้น ไม่มีอะไรที่สามารถบ่งบอกได้เลยว่ามันจะเกิดขึ้น

ตอนแรกตั้งใจจะเล่าเกี่ยวกับเรื่องของผม แต่ท่าทางจะยาว ขอสรุปว่า ก่อนหน้านี้ (ต้นปี 2554 หรือก่อนที่จะเกิดน้ำท่วม) ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ ไม่เชื่อเรื่อง UFO ไม่เชื่อเรื่องผี วิญญาณ นรก สวรรค์ หรือสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ตอนนี้ผมเชื่อครับ

แต่ถ้าถามว่าเชื่ออย่างสนิทใจหรือไม่ ตำตอบคือ "ไม่" ครับ จนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง และวิธีที่ดีที่สุดและผมคิดว่าในอนาคตผมคงจะไปทางนั้น นั่นคือการปฏิบัติธรรมหรือบวช

เนื่องด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น หน้าที่การงาน สภาพแวดล้อม สิ่งที่ต้องดูแลรับผิดชอบ พ่อ แม่ ครอบครัว ฯลฯ การจะละทิ้งชีวิตทุกอย่างที่ยังปกติสมบูรณ์และดำเนินไปได้ด้วยดีเพื่อปฏิบัติธรรมหรือบวช คงต้องใช้คำว่ายังเป็นไปไม่ได้

สมมุติว่า ใครก็ตามที่มีญาณทิพย์ สามารถใช้สิ่งพิเศษเหล่านี้ทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ (รวมถึงทำนายภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น) สามารถแสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ผมเชื่อว่ามันจะเป็น "ทางลัด" ในการพิสูจน์ความเชื่อ สามารถทำให้ผมและน่าจะรวมถึงคนอีกจำนวนมาก เชื่อได้อย่างสนิทใจ หากใครมีความพร้อมก็สามารถที่จะละกิเลสทั้งปวงและมุ่งเข้าสู่การปฏิบัติธรรมได้ทันที

ในขณะที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ด้วยตัวเองได้ ที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ นั่นคือ พยายามตัดกิเลสให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่คิดทะเยอทะยาน เตรียมตัวที่จะสละทุกสิ่งทุกอย่างได้ทุกเมื่อ คอยให้คำแนะนำ+สอนลูก (เป็นสิ่งเดียวที่ผมเป็นห่วงมากที่สุด เนื่องจากยังเด็ก) เกี่ยวกับธรรมะ ให้รับรู้เรื่องผี วิญญาณ (เน้นเรื่องของธรรมะ) เข้าใจสัจธรรมเกี่ยวกับบาปบุญและผลกรรมที่จะได้รับจากการกระทำ ฯลฯ

และเมื่อรวมกับการที่ผมเอง ปกติก็ทำดีมาโดยตลอดชีวิตอยู่แล้ว และไม่เคยทำความชั่วร้ายแรงใดๆ ผมจึงไม่กังวลเรื่องภัยพิบัติ เพราะไม่ว่าจะเกิดหรือไม่เกิด หรือไม่ว่าจะรอดตายจากภัยพิบัติหรือไม่ ทุกคนก็จะต้องได้รับผลกรรมที่ทำไว้อยู่ดี ไม่มีทางที่จะหลีกหนีความจริงนี้พ้น

ดังนั้น ความเห็นผม ใครก็ตามที่เป็นคนดี การรับมือกับภัยพิบัติก็คือ ไม่ต้องทำอะไรครับ เพียงแค่ทำความดีต่อไปหรือทำให้มากขึ้น โดยเฉพาะการทำประโยชน์ให้ผู้อื่น ส่วนใครที่รู้ตัวว่าทำบาป ทำชั่ว ก็ "ไม่ต้องทำอะไร" เช่นกันครับ เพราะไม่ว่าจะหนีไปไหน หรือทำอะไรก็ตาม ไม่มีทางที่จะหนีพ้น

สรุปนะครับ ในขณะที่ยังสามารถทำอะไรได้อยู่ ให้ทำความดี เสียสละ มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคน (ซึ่งก็คือ "พระศรีอริยเมตไตรย" ความเมตตา(ต่อผู้อื่น)อันยิ่งใหญ่ในความหมายของท่านพุทธทาส) หยุดการทำชั่วทำบาป ถ้าทำงานก็ทำอย่างซื่อสัตย์ สิ่งใดที่เคยทำผิด เคยแกล้งคน หลอกลวงคน ทำสิ่งผิดกฏหมาย ให้สำนึกในสิ่งที่ทำแล้วเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นใหม่ นั่นคือการเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติที่ดีที่สุดตามความเห็นผมครับ

 

อ่านแล้วชอบความคิดนะ
ผมคิดว่าต่างคนไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพื่อนๆหลายคนในที่นี้พอฟังคำทำนายแล้วก็มาบอกต่อๆกัน ให้คนอ่านตัดสินใจกันเอาเอง ใครไม่เชื่อพออ่านแล้วก็ไปทำธุระของตัวเองซะ อย่ามาเสียเวลางาน การเยาะเย้ยด้วยคำพูดหรือตัวอักษรก็คงเป็นกรรมเหมือนกัน ตัวเองจะซวยเปล่า

ส่วนถามว่าได้อะไรจากการคาดการณ์ ส่วนตัวผม ได้ความรู้แล้วเอามาวิเคราะห์

1 แผ่นดินไหวจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกมันทำไห้เกิดดินไหวจริง โดยวิทยาศาสตร์สมัยไหม่

2 พายุสุริยะจากดวงอาทิตย์มีผลกับโลกจริง
3 เชื่อว่าภัยพิบัติส่วนหนึ่งมาจากฝีมือมนุษย์ (จากพวกที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโลกหรือจัดระเบีนบโลก)
4 คำทำนาย อาจจริงและไม่จริง ก็รู้แก่ใจในทุกคน อ่านแล้วก็อย่าไปเชื่อมันทั้งหมด ก็เตรียมๆบ้างไม่เห็นเสียหาย และเมื่อเข้าใจอะไรดีแล้วก็สบายไม่คิดมาก

 

ขอบคุณความเห็นของคุณ ped2011 ครับ เรื่องภัยพิบัติจากฝีมือมนุษย์ (เช่น HAARP) ผมเองก็สนใจเช่นกันครับ

ผมเลยขอเพิ่มเติมเล็กน้อยครับ

เนื่องจากผมเพิ่งจะเข้าเว็บนี้ได้ไม่นาน จึงไม่ทราบว่ามีใครที่เป็นผู้โพสต์การทำนายภัยพิบัติบ้าง โพสต์กันนานหรือยัง หรือมีการทำนายที่ถูกต้องบ้างหรือยัง เพราะปกติไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ แต่จะมีบุคคลเพียง 2 ท่านเท่านั้นที่ผมติดตามเมื่อมีโอกาส และก็เป็น 2 ท่านที่ทำให้ผมเข้ามาที่นี่ นั่นคือ คุณปู (Interpoo) กับคุณ อริยะบุญ พ่อน้องตุ้ย โดยเฉพาะคุณปูมีเรื่องราวที่ค่อนข้างน่าสนใจ น่าศึกษาติดตาม

สาเหตุที่ผมติดตามทั้ง 2 ท่าน เพราะผมเข้ามาที่นี่ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ซึ่งทั้งคุณอริยะบุญและคุณปู ได้บอกว่าจะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย (อาจจะมีท่านอื่นด้วย แต่ผมไม่ได้ติดตาม)

นอกเหนือจาก 2 ท่าน ยังมีดร.สมิตรที่บอกเช่นกัน (น่าจะเป็นการอ้างถึงอาจารย์เทพพนม) ว่า มนุษย์ต่างดาวเตือนว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นช่วงเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม 2554 (ใกล้ๆ ช่วงนี้ของปีที่แล้ว) ซึ่งในอีกหลายเดือนต่อมาก็เกิดน้ำท่วมใหญ่จริงๆ

ช่วงหนีน้ำท่วม (บ้านผมน้ำท่วม หนีน้ำประมาณ 1 เดือน) ได้มีโอกาสอ่านหนังสือมากมาย ได้รู้จักคุณริว จิตสัมผัส คุณเจน ญาณทิพย์ และอีกมากมาย ในช่วงนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี (ถ้ามองโลกในแง่ดีก็คือ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต)

คงเพิ่มเติมเท่านี้ครับ และอยากให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสาร อย่าเชื่อคนง่าย และหมั่นทำความดีนะครับ

 

น้องพลาดกระทู้แห่งปีไปได้ไง

 

ผมได้การเตรียมพร้อมเรื่องเสบียง และในระหว่างน้ำท่วม ผมไม่ต้องดินรนสู้น้ำ เหมือนคนอื่นไม่ต้องแย่งของตามห้างเหมือนคนอื่น และยังมีเวลาในการช่วยเหลือ และแบ่งบันให้กับผู้เดือดร้อนอีกมากมาย
นี่แหละครับผลของการเตรียมตัว ผลดีมีมากกว่าผลเสียครับ และหรือ อย่างน้อยผมไม่ต้องออกไปแย่งไข่ไก่ น้ำท่วม ครับ ขอแสดงความเห็นเท่านี้ครับ

 

ได้รู้ว่า...คนต้องการทราบวันที่จะเกิดภัยพิบัิติ โดยมีอารมณ์ ประหนึ่งว่า อยากถูกหวย...

ทำไม ...คน....ถึงให้ความสำคัญ กับวันที่จะเกิด ภัยพิบัติ นัก...

แทนที่จะ ตระหนักถึง การศึกษา หรือ ให้ความรู้ ในการรับมือกับภัยพิบัติแบบต่างๆ

อย่างกรณี ที่คน ห่วงกันแต่เรื่องวันฟ้าดับ...ก็เก็งกันอย่างกับ หวยออก....ถ้าเราไปสนใจแต่กับเรื่องวันฟ้าดับ..(ซึ่งอาจจะต้องรออีกเป็นปีก็ได้) ระหว่างนั้น...เราไม่ศึกษาข้อมูลใดๆ เตรียมแพ็คของไว้เพื่อรอวันฟ้าดับ จะหนีจากระดับน้ำทะเลขึ้นสูง..ที่จะโถมเข้ามา...

ระหว่างรอใน ช่วงปีกว่าๆ เราอาจจะเจอ แผ่นดินไหวหนักๆ ก็ได้...แล้วเราศึกษาหรือเตรียมรับมือไว้บ้างหรือไม่...

คนทั่วไปคิดว่า กทม. เป็นแผ่นดินปากแม่น้ำ จะช่วยรับ แรงแผ่นดินไหว..
แต่ความจริงคือ...ดินเหนียวแบบ กทม. (Soft Mud) จะขยายแรงของแผ่นดินไหวใกล้เคียง ให้แรงขึ้นหลายเท่า..นักวิทยาศาสตร์ ที่ทำการจำลอง ทำนายว่า ตึกที่สูงกว่า 5 ชั้นใน กทม. จะถล่มหมด....

ความจริง หากเรา มองอย่างวิทยาศาสตร์ ไม่มองแบบ "คำทำนาย" จะมีโอกาสรอด หรือ จะทำให้เรารับมือกับภัยพิบัติได้อย่างถูกวิธี

อย่างเช่น...ดร.สมิธ ธรรมสโรช ทำนายว่า สึนามิจะเข้าทางอันดามัน...เมื่อปี 2002 ระหว่าง 2 ปีที่ยังไม่เกิดสึนามิ เราก็ไม่ไปเที่ยวทะเลสวยๆ ทางอันดามันงั้นหรือ...

ในกรณี สึนามิ เข้าที่อันดามัน ท่านคิดว่า

"ความรู้" ความเข้าใจ อย่างถ่องแท้ในปรากฏการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น...
หรือ
"คำทำนาย" อย่างไหน จะทำให้เรารับมือกับภัยพิบัติ ได้อย่างถูกต้อง ทันท่วงทีมากกว่ากัน...

คนที่มีความรู้ เรื่องสำนามิ ก็จะไปเที่ยว ทะเลอันดามันอย่างสบายใจ..และมีความรู้ในการรับมือ..ในขณะที่คนที่เฝ้าแต่อาศัย "คำทำนาย" อาจจะกลัว ไม่ไปเที่ยว ทะเลฝั่งอันดามันเลยก็ได้...

ในกรณีกลับกัน หากคนสองคน ต้องไปทำงานที่ทะเลฝั่งอันดามัน แล้วอยู่ๆ เกิดสึนามิขึ้น ท่านคิดว่า คนที่มี "ความรู้" ความเข้าใจในปรากฏการณ์ภัยพิบัติธรรมชาติประเภทนี้(สึนามิ) กับคนที่อาศัยคำทำนาย ท่านคิดว่า คนแบบไหนจะรอด คนแบบไหนที่จะรับมือ กับภัยธรรมชาติได้อย่างถูกวิธี....

ผมคิดว่า ดีไม่ดี คนที่ฝังคำทายสึนามิเข้าทีอ่าวไทย นั่น อาจจะลงไปจับปลาที่ค้างอยู่ตามหาด ตอนที่น้ำมันลงฮวบๆ อย่างสนุกสนาน ก็เป็นได้...โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะต้องตายในไม่กี่นาทีต่อมา....



หากเรามองอย่างวิทยาศาสตร์ ศึกษาอย่างวิทยาศาสตร์ เรามีความรู้ ว่าเมื่อเกิดแผ่นดินไหวในทะเล เราต้องเฝ้าระวังสึนามิ หรือหากน้ำลดกระทันหันที่ชายหาด คนที่มี "ความรู้" จะรู้ว่านี่กำลังจะเกิดสึนามิ....ก็จะรับมือได้ทัน ด้วยการหนีขึ้นที่สูง....

หากเรามีความรู้ เราจะรับมือกับ ภัยพิบัติ ประเภทต่างๆได้ทัน และถูกต้อง เช่น..

ดร.เสรี ได้จำลองการเกิดสึนามิที่จะเข้าทางอ่าวไทย...หากเราศึกษาข้อมูล เราก็จะไม่กลัวว่า..ถ้าเกิดแผ่นดินไหว บริเวณแถวฟิลิบปินส์ เรามีเวลาเตรียมตัวประมาณ 10-14 ชม.(หากเกิดสึนามิจากรอยต่อดังกล่าว สิ่งที่ยืนยันได้คือ เราจะได้ข่าวว่ามีสึนาิมิเข้าที่เวียดนามหลังแผ่นดินไหวประมาณ 2 ชม.) และคลื่นที่เข้าปะทะ จะไม่สูงนัก..แค่ 1-2 เมตร แต่เราไม่ควรปะทะคลื่นโดยตรงเพราะคลื่นประเภทนี้ ไม่สูงแต่ความเ็ร็วสูง มีการบันทึกไว้ว่า ชาวญี่ปุ่นตัวขาด เพราะคลื่นสึนามิที่ต่ำ แต่ความเร็วสูงแบบที่จะเข้าทางอ่าวไทย....

(ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ใช้ GPS ตรวจวัดบริเวณฟิลิบปินส์ปรากฏว่ามีแผ่นเปลือกโลกโดนกดลงไป 32 เมตร มันมีโอกาสดีดตัวกลับ แน่นอนสึนามิตามมา)

แล้วกรณีเกิดแผ่นดินไหว เรา้ต้องปฏิบัติอย่างไร....หรือสามารถระวัง หรือตรวจจับสัญญาณก่อนหน้า ของภัยประเภทนี้ ได้หรือไม่...เช่น แผ่นดินไหวบริเวณใดจะมีผลกระทบ ถึง กทม. เราควรช่วยกันค้นหา ข้อมูลเหล่านี้มาเผยแพร่... และช่วยกันเฝ้าระวัง.....

การปฏิบัติตามคู่มือ แผ่นดินไหว ที่เผยแพร่มาจากญี่ปุ่นถูกต้องหรือไม่ ที่ให้เราไปอยู่ใต้โต๊ะ คู่มือเหล่านั้น บอกให้ปฏิบัติเช่นนั้นเพราะตึกในญี่ปุ่นออกแบบมาให้รับแรงแผ่นดินไหวได้หลายริกเตอร์ (เพราะญี่ปุ่นเจอแผ่นดินไหวบ่อยๆ ผังเมืองของเขาเลยเข้มงวดเรื่องนี้) การหลบไปใต้โต๊ะ เพื่อจะได้ไม่ต้องบาดเจ็บจากของที่ตกลงมา ในขณะที่ในประเทศไทย ตึกต่างๆ ไม่ได้ ออกแบบสำหรับแผ่นดินไหวหรือแรงเหวี่ยงและการโยกคลอน แต่ออกแบบรับแรงแนวตั้งเสียส่วนมาก การไปหลบใต้โต๊ะแบบญี่ปุ่น เราอาจจะแบน ไปกับตึกที่ถล่มลงมาก็ได้...

หรืออย่างคำแนะนำว่าควรอยู่ในตัวตึก จนแน่ใจว่า ไม่มีอาฟเตอร์ช๊อกแล้วค่อยออกมา..แต่สำหรับตึกเมืองไทย หากเรารอดจากจังหวะแรกที่แผ่นดินไหว แล้วเราก็อยู่รอในตัวตึก เราอาจจะตายในตึก เพราะตึกถล่มด้วยแรงอาฟเตอร์ช๊อกที่ตามมาก็ได้....

คู่มือในการปฏิบัติที่หนึ่ง อาจจะไม่เหมาะกับอีกที่หนึ่ง เราควรช่วยกันหาคำตอบเรื่องนี้ ซึ่งผมก็ไม่ยืนยันว่า ข้อสังเกตุของผมถูก..อาจจะผิดก็ได้...


่ส่วนวันฟ้าดับนั้น....เท่าที่อ่านมาเห็นว่ามีสัญญาณเตือนมากมาย......แต่เรื่องแผ่นดินไหวนี่ เห็นมีคนให้ข้อมูลไม่มากนัก...

 

หากถามว่าผมได้เตรียมอะไรไหมเมื่อได้รับรู้ว่าอาจจะเกิดภัยพิบัติในอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะเกิดหรือไม่เกิด เช่น จากคำทำนายของหมอดู ET

จะว่าไปแล้ว แม้ว่าผมบอกว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ขึ้นอยู่ที่บุญกรรมของแต่ละคน แต่สมมุติว่ามีภัยพิบัติเกิดขึ้นจริง และเหตุการณ์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว สิ่งที่ต้องคิดก็คือ เราจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร

ผมทำธุรกิจส่วนตัว และต้องดูแลคนเป็นจำนวนมาก สิ่งที่ผมตั้งใจว่าอยากจะทำก็คือ การเพิ่มวงประกันทรัพย์สิน เช่น อาคาร อุปกรณ์สำนักงาน คอมพิวเตอร์ ฯลฯ (ซึ่งปกติก็มีประกันอยู่แล้ว แต่อาจจะเพิ่มวงเงินอีกเล็กน้อย)

ทุกคนเกิดมาต้องตาย แต่หากไม่ตายก็ต้องคิดครับว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เราจะดูแลคนอื่นอย่างไร เรียกว่าไม่ถึงกับปล่อยให้อะไรจะเกิดก็เกิดไปทั้งหมด (เพราะไม่ได้รับผิดชอบเฉพาะตัวเองเพียงคนเดียว)

แต่การรับสิ่งเหล่านี้ (หมายถึงการทำนายทายทัก) ก็ต้องใช้วิจารณญาณ ซึ่งผมคิดดูแล้วคงต้องบอกว่าแล้วแต่บุญกรรมแต่ละท่านครับ

 

ประทับใจคำนี้จริง ๆ เลย
ที่ผ่านมาตัวเองก็เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน

 

ถึงเวลาที่ต้องยอมรับความจริงของโลก ทุกอย่างไม่เที่ยง ความตายเที่ยงที่สุด ผมเชื่อคำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำครับ และพระอริยสงฆ์ทุกท่านที่เตือนมา ผมเตรียมทุกอย่างพร้อม สู่ยุคศิวิไล ถือศิล 5 พระรัตนตรัยเป็นที่สูงสุด เสบียงบุญ ปัจจัยสี่ โดยไม่คิดเสียดายเงิน ถ้าไม่เกิดจิงๆ ผมจะนำของที่เตรียมไว้ไปทำบุญ ไม่เห็นต้องคิดมากอะไรเลย รู้แล้วเตรียมพร้อม ดีกว่ารู้แล้วไม่เตรียม ไม่ตั้งอยู่บนความลังเล ตายก็ได้ ไม่ตายก็ดี ได้สู้ก่อนตาย ดีกว่านั่งนิ่งๆ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจภัยพิบัติหลอก มัวแต่ทำมาหากิน แล้วแต่กรรม ช่วงนี้แผ่นดินไหวทุกที่ ทั่วโลก ใกล้บ้านเราขึ้นมาทุกที สัญญามาแล้ว.... ตื่นกันเถิดพี่น้อง ไม่เชื่อท่านก็วางอุเบกขา ก็จบ...:'(

 

ปฏิบัติดี ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เวลาของทุกคน เหลือน้อยลงทุกที ทุกที

 

ได้เพื่อนๆที่คิดเหมือนเรา และได้เพื่อนๆที่คิดต่างกะเรา.... ก้อเท่าน้ันเอง

 

ผมเตรียมฝึกหมัดดาวเหนือแล้วครับ

 

+1


(รู้สึกเหมือนกำลังมีกรรมไงไม่รู้คับ 555+)

 

เสียความรู้สึกที่ดีๆๆๆกับพวก x-men (พวกกลายพันธ์)
อย่างโง้นอย่างงี้แล้วก็เลื่อนนนนนนนนนนนนนนนนน เราเซ็งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 

ท่าน ก็เหมือนกันนะครับ รู้รึเปล่าว่าน้องเมย์ที่คุณใฝ่ฝันหานั้นจริงแล้ว อาจจะเอารูปคนอื่นมาทำเป็นรูป Profile นะครับ

หลักฐาน
http://www.mysquare.in.th/girlgang/kate/index.html

 

กระทู้นี้เตรียมโดนลบช้าเร็ว ตรัสแล้วไม่คืนคำ สาวกเทพมังกรกดไลค์ด่วน

 

ใครๆ ก็ต้องตาย แต่ก่อนตายได้ทำอะไรบ้าง รำลึกถึงความตายเป็นบุญใหญ่

 

ผมเกรงว่า นี้อาจจะเป็นอีก หนึ่งกระทู้ที่จะโดนปิด อีกน่ะครับ เพราะดันเสนอเนื้อหาที่ขัดแย้งกับคนหมู่มากที่อยู่ในเว็บนี้ เศร้าใจจริงๆครับที่คนเราไม่ยอมรับความเห็นที่ต่างต่างกันบ้าง ทั้งที่ความเห็นต่างก็ใช่ว่าจะเป็นด้านเสียซะทีเดียว เอาใจช่วยน่ะครับ

 

ได้รู้อะไรหลายอย่างครับ

- คนที่มีเจตนาดีโดยแท้จริง
- คนอยากดัง
- พระอยากดัง
- คนที่หากินบนความกลัวของคน
- คนหมกมุ่น
- คนมีเหตุผล
- คนไร้เหตุผล
- คนที่คิดว่าตัวเองคิดถูกอยู่คนเดียวในโลก
- คนมีสติ
ฯลฯ

ทุกอย่าง ใช้วิจารณญาณ และ สติ ให้มากครับ
หากภัยมาเมื่อไหร่ ให้ใช้สติ อย่าใช้เครื่องรางของขลังนะครับ

 

มีสติดี