เรียน "หมอดู" อนาคตรุ่งได้ หมอดูมีกี่ประเภท?

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 28 มกราคม 2010.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    โหรสว.ชี้ เรียน " หมอดู" อนาคตรุ่งได้

    [​IMG]

    “ความ อยากรู้เรื่องอนาคตเป็นสิ่งไม่ผิด แต่ต้องอยากรู้โดยไม่ขาดปัญญา ชะตาที่รู้ล่วงหน้าไม่สามารถแก้ไขได้เพราะเราหนีกรรมไม่พ้น แต่สามารถทำกรรมดีให้กรรมเก่าเจือจางได้”

    ดร.บุญเลิศ ไพรินทร์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.ฉะเชิงเทรา เป็นอีกหนึ่งผู้รู้ที่ศึกษาและสนใจด้านโหราศาสตร์มานานกว่า 20 ปี จนได้ฉายาจากกลุ่มการเมืองว่า “โหร สว.”

    “พ่อ ผมเคยเป็นเด็กวัดที่พระตะบองจึงเชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์และไสยศาสตร์ ผมจึงคุ้นเคยกับศาสตร์เหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนผมไม่ค่อยเชื่อพ่อสักเท่าไหร่ เพราะผมจากบ้านมาเรียนหนังสือตั้งแต่อายุยังน้อย เราจึงห่างกันมาก แต่ประเด็นที่ทำให้กลับไปสนใจในเรื่องนี้อีกครั้ง คือ ตอนอายุประมาณ 38 เคยให้หมอดูทายว่าในอนาคตจะได้ตำแหน่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในสำนักงานคณะ กรรมการข้าราชการพลเรือน(กพ.)หรือไม่ กี่คนๆ ก็ทายว่าได้ แต่เรารู้ดีว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะได้ตำแหน่งนี้ ผมจึงไปซื้อตำราหมอดูของอาจารย์เชย บัวก้านทอง มาศึกษาถึง 10 เล่ม อ่านตั้งแต่ 3 ทุ่ม ถึง ตี 4 จึงได้เข้าใจว่าเพราะอะไรหมอดูถึงทายว่าเราจะได้ตำแหน่ง และสุดท้ายก็ได้จริงๆ มาตอนนี้ผมรู้สึกเสียดายตำราเก่าๆของคุณพ่อมาก เพราะนอกจากผมแล้ว พี่น้องคนอื่นๆไม่มีใครสืบทอดความรู้เหล่านี้ไว้เลย”

    “ตอน ไปเรียนที่อเมริกา ผมเข้าห้องสมุด ถ่ายเอกสาร หนังสือเกี่ยวกับโหราศาสตร์ จน ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ แซวว่า... ผมว่าพี่บุญเลิศไม่ได้ดูตำราเรียนเลยนะเนี๊ย อ่านแต่ตำราหมอดู ผมมีตำราโหราศาสตร์ภาษาอังกฤษมากว่าภาษาไทย เพราะกวาดซื้อจากทุกๆ ประเทศที่เดินทางไปเยือน ผมยังรวบรวมและแปลคำทำนายของนอสตราดามุสจากภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อศึกษาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

    “ปัจจุบันผมกำลังมีงานเขียนชิ้นใหม่ คือ หนังสือรู้เท่าทันหมอดู

    ซึ่งแบ่งประเภทของการพยากรณ์ทั้งหลาย เป็น 6 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

    กลุ่ม ที่ 1 การ พยากรณ์โดยอาศัยอิทธิพลทางอ้อมของพลังงานผ่านสื่อต่างๆ เช่น การทำนายโดย ไพ่ เซียมซี ปั่นติ้ว การเรียงตัวของหยดเทียนในน้ำมนต์ ฯลฯ คือ กลุ่มที่มีความเชื่อว่า คนที่จับจะมีพลังงานสอดคล้องหรือเป็นมิตรกับพลังงานในวัตถุที่ใช้ทำนาย ผมก็วิจารณ์ไว้ว่าถ้ามันแม่นจริงจับทุกครั้งต้องได้เหมือนเดิมทุกครั้ง มันถึงจะน่าเชื่อถือ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มพยากรณ์ที่แม่นยำน้อยที่สุด มันเป็นไปตามความน่าจะเป็นของหลังสถิติ เพราะฉะนั้นจงอย่าหลงงมงายกับมันมาก”

    “กลุ่มที่ 2 การพยากรณ์จากอิทธิพลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผ่านร่างทรง อาจเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ หรือ ภูตผี ต่างๆ
    โดย ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า พวกร่างทรงไม่ค่อยน่าเชื่อถือ เพราะไม่รู้ว่าผีจริงหรือผีปลอม และผีในที่นี่มีความฉลาดพอที่จะหยั่งรู้เรื่องของใครต่อใครได้หรือไม่ ถ้าเราไม่มั่นใจว่าทรงจริง หรือ ทรงหลอกก็อย่าไปใช้บริการ จงอย่างมงายโดยไม่พิสูจน์ด้วยตนเองตามหลักกาลามสูตร 10 ประการของพระพุทธศาสนา มิฉะนั้นเราจะตกเป็นเหยื่อของหมอดู”

    “กลุ่มที่ 3 การพยากรณ์จากอิทธิพลของอำนาจจิตในรูปแบบต่างๆ เช่น ตาทิพย์ หูทิพย์ ระลึกชาติ ทายใจคน หรือที่หมอบางคนใช้คำว่าเอ็กซเรย์ แม้ พระพุทธศาสนาจะบอกไว้ว่าอำนาจจิตอาจได้มาด้วยการทำทาน ถือศีล สวดมนต์ ทำสมาธิภาวนาจนได้ฌานสูงถึงขั้นปัญญาญาณ แต่เราก็เป็นปุถุชนธรรมดาที่สามารถถูกต้มตุ๋นได้ เพราะเราพิสูจน์ได้ไม่ว่าหมอดูในกลุ่มนี้มีอำนาจจิตจริงหรือไม่ เราต้องอาศัยคนที่มีปัญญาญาณมาพิสูจน์ ซึ่งก็เป็นเรื่องยากมาก”

    “กลุ่มที่ 4 การ พยากรณ์โดยการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมของเจ้าชะตา เช่น พยากรณ์จากตัวอักษร ลายเซ็น การเปลี่ยนชื่อ สกุล การดูฮวงจุ้ย เลือกทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวยให้เกิดโชคลาภ จัดสถานที่ให้สอดคล้องกับการเคลื่อนตัวของพลังงานที่ให้คุณ กลุ่มนี้ไม่มีหลักประกันว่ามนุษย์ที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์แล้วจะโชคดีเสมอไป เพราะเรายังมีวิบากกรรมที่เคยสร้างไว้ในอดีตชาติตามมาเล่นงาน เว้นแต่เราจะทำความดี ถือศีล ทำทานเพื่ออโหสิกรรมให้กัน

    “กลุ่มที่ 5 การพยากรณ์จากร่องรอยอิทธิพลของพลังงานจากดวงดาวที่มาประทับบนร่างกาย ใบหน้า และปรากฏในลำตัว อวัยวะบางส่วนของมนุษย์ เช่น ลายมือ ลายเท้า โหงวเฮ้งบนใบหน้า ฯลฯ กลุ่มนี้เป็นการพยากรณ์ที่เริ่มมีความเม่นยำขึ้น เพราะมีร่องรอยปรากฏอยู่ให้เห็น แต่การทำนายในลักษณะนี้จะมองอนาคตได้ไม่ไกลมากนักเพราะต้องรอดวงดาวมาประทับ เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างอวัยวะ”

    “กลุ่มที่ 6 การพยากรณ์โดยใช้วิชาโหราศาสตร์
    เป็น พยากรณ์ที่สามารถทำนายการเปลี่ยนแปลงได้ทุกๆ วันตามดวงดาวที่เคลื่อนตัว ทุกองศา ทุกลิปดา ของดวงดาวจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนโลก การผูกดวงจึงต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจทางดาราศาสตร์ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ บริสุทธิ์ที่สามารถตอบคำถามหรือให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงดาวและเทหวัตถุบน ท้องฟ้าได้อย่างเป็นรูปธรรม การพยากรณ์กลุ่มนี้จึงละเอียดที่สุด”


    “ทุกคนเรียนโหราศาสตร์ได้หมด แต่ควรมีอิทธิบาท 4 เป็นคุณสมบัติติดตัว คือ 1.ฉันทะ ต้องรักที่อยากจะรู้ อยากจะศึกษา 2. วิริยะ คือ ต้องมีความเพียรพยายามที่จะใช้เวลาศึกษาตำราอย่างจริงจัง 3.จิต ตะ ต้องใช้เหตุใช้ผลตรวจตราสังเกตดาวดวงที่เคลื่อนตัวอยู่ในราศีต่างๆ เพื่อหาเหตุผลว่าดวงดาวเหล่านี้ทำให้เกิดอะไรกับบุคคลบนพื้นโลก 4.วิมังสา ต้องใช้ปัญญา และฉลาดพอที่จะทำนายท้องฟ้าว่างเปล่าได้ รวมถึงสามารถใช้ปัญญาในการคำนวณ จดจำข้อมูลดวงดาวได้”

    “หาก ถามผมว่าคนที่สนใจเรียนโหราศาสตร์จำเป็นต้องมีสัมผัสที่หกหรือไม่ ผมว่าก็มีส่วนนะ เพราะผู้บังคับบัญชาของผมเคยหยิบยืมตำราอาจารย์เชยไปศึกษาถึง 3 เดือน สุดท้ายก็ต้องนำกลับมาคืนเพราะท่านบอกว่าอ่านแล้วไม่เข้าใจ แต่ผมว่ามันน่าจะเป็นเรื่องของความรักและความสนใจมากกว่า เราต้องให้ความใส่ใจ เข้าใจมันอย่างจริงจัง ถ้าดวงชะตาของผู้ศึกษามีดาวพุธและดาวพฤหัสอยู่ในตำแหน่งที่ดีก็น่าจะเรียน รู้โหราศาสตร์ได้ดี เพราะดาวพุธเป็นดาวของนักปราชญ์ ส่วนดาวพฤหัสเป็นดาวเจ้าปัญญา ดาวคุณธรรม ซึ่งการทำนายแต่ละครั้งต้องใช้ปัญญาในการจดจำข้อมูล และใช้คุณธรรมในการทายทัก ผู้เรียนคนใดไม่มีคุณธรรมก็เป็นได้แค่ซาตาน ไม่ใช่หมอดู ”

    “ใน เมืองไทยคนที่สนใจโหราศาสตร์มักจะถูกดูถูกว่างมงาย เพราะคนพูดไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริง หมอดูในเมืองไทยรายได้ดี เพราะมีคนอยากรู้อนาคตเยอะแยะ อย่างหมอฟันธง ทำนายครั้งละ 2,500 บาท หมอคอนเฟิร์ม พอเริ่มดังก็ขยับราคาจากหลักร้อย ไต่ระดับจนเท่าหมอฟันธง จากสถิติในสหรัฐอเมริกา คนอเมริกาใช้เงินไปกับการปรึกษาหมอดูมากกว่าเงินที่ใช้ในโรงพยาบาล ทุกรัฐของอเมริกาจะมีสมาคมโหราศาสตร์ตั้งอยู่ อเมริกามีการเปิดสอนโหราศาสตร์ในระดับมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 และปัจจุบันมีการเรียนการสอนถึงขั้นปริญญาโท ”

    “ความ อยากรู้เรื่องอนาคตเป็นสิ่งไม่ผิด แต่ต้องอยากรู้โดยไม่ขาดปัญญา ชะตาที่รู้ล่วงหน้าไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการสะเดาะเคราะห์ เพราะวิธีนี้เป็นเดรฉานวิชาที่ไม่นำไปสู่การหลุดพ้น เราหนีกรรมไม่ได้เพราะเราต้องใช้กรรมเก่าจากอดีตชาติ กรรมเปรียบเหมือนเกลือที่อยู่ในแก้ว ถ้าเติมน้ำน้อยมันก็เค็มมาก เติมน้ำมากความเค็มก็เค็มน้อย เกลือยังมีเท่าเดิมไม่หายไปไหน แต่ความเค็มจะเจือจางด้วยกรรมดีที่เติมลงไป”

    ##################

    รับหนังสือ eduzones journal ฉบับ "คู่มือ..สอบตรง" และ ล่าสุด "อยากเป็นหมอ..ไม่ต้องรอชาติหน้า" ฟรี ดูที่ eduzones journal


    ที่มา
    eduzones journal
     
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ช่วงนี้รู้สึกว่าสังคมไทยจะฮิตเหลือเกินเรื่องดูดวง มีทั้งโหร ส.ส. ส.ว. คอนเฟิร์ม ฟันธง โหร ค.ม.ช. โหร ฯลฯ มากมาย
    หนังสือพิมพ์ไม่มีอะไรลงก็ไปเอาขี้ปากหมอดูมาพาดหัวหน้าหนึ่ง
    บ้างก็ถึงขั้นสแกนกรรม X-ray กรรม อีกสักหน่อยคงจะมี CTscan กรรม หรือ Cardiogram กรรม กันบ้างกระมัง

    หมายเหตุ ต่อไปนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    ในฐานะที่ผมเองก็ศึกษาทางโหราศาสตร์ พอมีความรู้เรื่องดูดวงอยู่บ้าง
    เท่าที่เห็นมา หมอดูแบ่งได้เป็น 5 พวกครับ

    1. ผู้มีญาณพิเศษติดตัว - เหมือนในการ์ตูนหรือนิยายล่ะครับ หมอดูกลุ่มนี้มีสัมผัสพิเศษติดตัว ไม่ว่าจะเป็นตาทิพย์มองเห็นความเชื่อมโยงของเจ้ากรรมนายเวร หรือชีวิตความเป็นไปได้จริง พวกนี้มีน้อยถึงน้อยมาก และส่วนใหญ่ของจริงก็ไม่เปิดเผยตัวเองออกมาสู่สาธารณะด้วย เพราะคนเป็นแบบนี้เค้าทรมานครับ รู้ในเรื่องที่ไม่อยากรู้ เห็นในสิ่งที่ไม่อยากเห็น รู้ไปก็เท่านั้น แต่ถ้าคุณเจอแล้วเค้ายอมบอกอะไรๆคุณนับว่าเป็นวาสนาที่หาได้ยากยิ่ง...

    2. ผู้สำเร็จอภิญญาญาณ - พระสงฆ์ หรือผู้ปฏิบัติกรรมฐาน หรือ ผู้ที่กำหนดจิตให้แน่วแน่ถึงขั้น อาจจะได้รับสัมผัสพิเศษมาครับ ในพระไตรปิฎกเองก็กล่าวถึงระดับอภิญญาไว้ว่าเป็น อิทธิฤทธิืแบบหนึ่ง คือ ทิพยเนตร ทิพยโสต ทิพยญาณ บางคนก็สำเร็จได้ถึงขึ้นบุพเพนิวาสานุสติญาณ คือรู้อดีตชาติของตนและคนอื่น ได้จุตูปปาตญาณ รู้กำเนิดแห่งกรรมเป็นมา ส่วนมากพระเกจิอาจารย์ดังๆที่ร่ำลือกันว่าดูหมอแม่นจะเป็นจำพวกนี้ครับ แต่ของจริงท่านมักจะไม่อวดอ้างฤทธิ์ของตนเอง และไม่เรียกร้องให้คนไปเป็นลูกศิษย์ลูกหาทำนายพร่ำเพรื่อ เพราะขั้นนี้ต้องรักษาศีลสัตย์ให้บริสุทธิ์ ไม่งั้นเสื่อมครับ

    3. ร่างทรง - สำหรับร่างทรงแท้ที่จูนคลื่นวิญญาณเข้ากับโอปปาติกะระดับสูงได้ ก้จะพอล่วงรู้ความเป็นมาเป็นไปของดวงชะตาที่ผ่านมา และกำลังจะเกิดขึ้นได้ส่วนหนึ่ง ส่วนพวกร่างทรงที่ทรงผีมั่วๆ ก้อาจจะพอรู้เรื่องธรรมดาๆทั่วไปบ้าง แต่ร่างทรงแท้ๆก็มีน้อยอีกนั่นแหละ ที่เห็นๆกันอยู่ตามศาลเจ้าเป็นทริกปาหี่ซะหมดครับ

    4. นักโหราศาสตร์ - พวกนี้ถือเป็นนักสถิติศาสตร์ผสมกับคณิตศาสตร์แบบหนึ่ง ทั้งฮวงจุ้ย โหงวเฮ้ง โหราศาสตร์ไทย จีน หรือยูเรเนียน ต้องการการคิดคำนวณละเอียดยิบๆ ตามหลักตำรา และแต่ละคนก็มีตำราปรับปรุงของตัวเองขึ้นมาอีก ส่วนพวกทำนายไพ่ป๊อกหรือไพ่ยิปซี หรือหมอดูลายมือ ก็เป็นการอ่านคำทำนายจากหลักสูตรวิชาของการตีความ หมอดูทั่วไปจะเป็นกลุ่มนี้มากที่สุด เพราะถ้าศึกษาและตั้งใจมากพอก็ทำได้ทุกคนครับ แต่จะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับนิสัยส่วนตัวมากกว่า

    5. หมอดูจิตวิทยา - หมอดูกลุ่มนี้อาศัยการพูดคุยหลอกล่อให้คนที่มาดูดวงเล่าเรื่องของตัวเอง แล้วค่อยๆตะล่อมทำนายไปให้กำกวม ปลอบโยนและปลอบประโลมใจครับ ไม่ได้ใช้ศาสตร์แห่งการทำนายสักเท่าไร หมอดูพวกนี้ว่าไปแล้วก็คือจิตแพทย์ที่อ้างไสยศาสตร์แทนที่จะเป็นวิทยาศาสตร์ ดีๆนี่เองครับ

    ซึ่งหมอดูทั้ง 5 แบบ มีทั้งแท้และเก๊ แต่เท่าที่เห็นอยู่ในสื่อทุกวันนี้ ถ้าพวกที่อ้างว่ามีญาณพิเศษนั้น ส่วนตัวผมคิดว่าเก๊ 100% ครับ อย่่างพวกสแกนกรรม หรือตาทิพย์คอนเฟิร์ม พวกเขาใช้จิตวิทยาร่วมกับการสมประโยชน์ของสื่อ หาเงินเข้ากระเป๋าอย่างน่ารังเกียจ ส่วนพวกหมอดูการเมืองก็เอาโหราศาสตร์มารับใช้จุดประสงค์ส่วนตัวทางการเมือง ไม่ทำนายตามจรรยาบรรณโหรของตัวเองเลย

    ของจริงเค้าไม่แสดงตัวออกสื่อกันนักหรอกครับ...
    เซ็งสื่อไทยที่ไม่มีอะไรก็พาดหัวเรื่องหมอดู คนธรรมดาเค้ายังห้ามไม่ให้ดูดวงบ่อยๆ นี่ดวงเมืองดูกันจนช้ำหมดแล้ว ภาษาหมอดูก็คงเรียกว่า ดูจนดวงแตกเลยทีเดียวเชียว เฮ้อ...ประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบโหราธิปไตยรึไงกัน
    ส่วนตัวผมเอง ดูดวงแต่ไม่เชื่อดวงครับ
    คือมีคติว่า ถ้าใครเชื่อดวงชะตา ดวงชะตาก็จะชักพาไป ส่วนคนไม่เชื่อดวงก็ทำอะไรไม่ได้
    สบายใจดีครับ
    ป.ล. แต่การดูดวงเป็นทำให้เนื้อหอมในหมู่สาวๆครับ ตั้งแต่เด็กสาวจนถึงวัยดึกแก่แม่ม่ายเลย การันตี!!!



    ที่มา หมอดู 5 จำพวก | 世界 の 図書館 : Library of the world
     
  3. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,020
    กำลังอยากรู้อยู่พอดีเลยว่าหมอดูมีกี่ประเภท แล้วผมจะมาแบ่งหมวดหมู่ใหม่เอง
    ขอบคุณ สันโดษมาก
     
  4. deedeeman

    deedeeman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +258
    ส่วนตัวผมเอง ดูดวงแต่ไม่เชื่อดวงครับ
    คือมีคติว่า ถ้าใครเชื่อดวงชะตา ดวงชะตาก็จะชักพาไป ส่วนคนไม่เชื่อดวงก็ทำอะไรไม่ได้
    สบายใจดีครับ
    ป.ล. แต่การดูดวงเป็นทำให้เนื้อหอมในหมู่สาวๆครับ ตั้งแต่เด็กสาวจนถึงวัยดึกแก่แม่ม่ายเลย การันตี!!!



    อนุโมทนาครับ ท่านกล่าวไว้ดีมากครับ
     
  5. cplove

    cplove สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
    หมอดูเกิดจากการที่พันธกิจเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ สร้างสมบารมี ค่ะ
    และหมอดูที่ใช้ญาณเทพผนวกกับศาสตร์การทำนายต่างๆ
    ขึ้นอยู่กับพันธกิจของแต่ละคน แต่คุณเลืกได้ว่าจะเป็นหมดดูหรือร่างแต่เป็นไปเพื่อช่วยเหลือคนทุกข์ นี่คือหมอดูที่แท้จริง ช่วยคนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ok นะคะ
     
  6. cplove

    cplove สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
    หมอดูเกิดจากการที่พันธกิจเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ สร้างสมบารมี ค่ะ
    และหมอดูที่ใช้ญาณเทพผนวกกับศาสตร์การทำนายต่างๆ
    ขึ้นอยู่กับพันธกิจของแต่ละคน แต่คุณเลืกได้ว่าจะเป็นหมดดูหรือร่างแต่เป็นไปเพื่อช่วยเหลือคนทุกข์ นี่คือหมอดูที่แท้จริง ช่วยคนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ok นะคะ
     
  7. cplove

    cplove สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
    อีกอย่างท่านก้อพาเราปฎิบัติธรรมเข้าสู่เส้นทางบุญ ไม่ต้องไปตกนรก
    ดีเสียอีก
    จะเชื่อคนหนัยก้อขึ้นอยู่กับสัมผัสของคุณล่ะคะ
    *-*
     
  8. กิตติ_เจน

    กิตติ_เจน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,657
    ค่าพลัง:
    +1,281
    เปลี่ยนจากดูหมอมาดูตัวเองดีกว่าครับ
     
  9. playlenlen

    playlenlen สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +1
    ผมขอตอบแทนนักโหราศาสตร์สากลแบบยูเรเนี่ยนนะครับ(ระบบสายนะ)

    เท่าที่ผมสังเกตดูนั้นพบว่า มีหลายคนยังมองวิชาโหราศาสตร์ผิด จนเกิดการกล่าวหาว่า "งมง่าย" "ไม่มีเหตุผล" "อ่าวงี้คนเกิดวันเดียวกัน เวลาเดียวกันมันก็เหมือนกันหมดดิ" "หลักสถิติและย่อมมีทายผิดบ้าง"

    ก่อนอื่นขอเล่า profile ตัวเองก่อนนะครับ ผม หมอซัน(ขอสงวนชื่อจริง) จบปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์จุฬาฯ (ผ่านวิชาทาง logic และ stat physic มาเรียนร้อย)หลังจากเรียนจบก็ทำงานดูดวงอย่างเดียวเลยเต็มตัว

    ความเข้าใจผิดของคน
    1.โหราศาสตร์เป้นวิชาสถิติ ผิดถนัดครับ เพราะความหมายของดาวแต่ละดวงไม่ได้เกิดจากการเอาคนที่เกิดวันเดียวกัน 1000 คนแล้วมาทำการดูว่ามีอะไรเหมือนกัน แล้วมาเทียบกับดาวบนท้องฟ้าแล้วมาสรุปความหมายของดาว ผิดอย่างแรง อย่างแรกคือ คนบนโลกนี้ไม่มีใครที่มีตำแหน่งดาวตอนวันเกิดเหมือนกันเลยแม้แต่คนเดียว ฝาแฝดก็ไม่เหมือนกันครับ ยืนยัน

    ก่อนที่จะเล่าเหตุผลว่าทำไม ผมก็ต้องเล่าก่อนว่าดวงชะตาคืออะไร มีทฤษฎีหนึ่งที่ว่าเรื่องกลไกการทำงานของวันเกิดที่มีต่อคนไว้น่าเชื่ออถือที่สุดคือ "ทฤษฎีแผ่นdisc" กล่าวคือ cell สมองคนเราจะได้รับการพัฒนาในระหว่างการอยู่ในครรภ์มารดาจนถึงช่วงเวลาหนึ่ง(สมมุติให้เป้น X วัน) โดยค่า x แต่ละคนไม่มีใครเหมือนกัน เมื่อถึงเวลา X วันแล้ว cell สมองของเราจะได้รับการพัฒนาสูงสุด จุดนั้นเองที่สมองของคนเราจะเปรียบได้กับแผ่นดิสที่ว่างเปล่า ละคลื่นสนามแม่เหล็กของโลกรอบๆตัวเด็กนั้นจะทำหน้าที่เหมือนเป้นตัว mem สมองของเด็กจะจดจำสภาพคลื่นแม่เหล็กรอบๆตัว ณ ขณะนั้นไว้แล้วจะติดตัวเด็กจนวันตาย สภาพคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกนั้นก็คือ ผลจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของ ดาวทุกดวงในระบบสุรยจักรวาล ที่ส่งผลมายังโลกของเรา ทำให้สภาพสนามแม่เหล็กของโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละจุดแต่ละองศา แต่ว่าเราไม่มีทางรู้ว่า X นั้นคือกี่วัน ดังนั้นเขาจึงอาศัยวันเกิดและเวลาเกิดเป็นนาทีที่เปะๆ (เวลาตัดสายรก) มาเป้นตัวตั้งแล้ว คำนวณย้อนกลับไปหาวัน X อีกที นั้นเขาดรียกว่า "วันเกิดจริง หรือ วันปฎิสนธิเสมือน" แต่เนื่องจากไม่มีทางที่เราไม่ทราบค่าคงที่ที่จะคำนวณย้อนกลับของแต่ละคน ดังนั้น เขาจึงอาศัย หลัก การสมคล้อยของเวลา (Synchronization) ที่กล่าวไว้ว่า "ณ เวลาเดียวกัน ทุกสิ่งในเอกภพจะต้องมีพฤติกรรมที่สอดคล้องกัน" นั้นหมายความว่า ไม่ว่าคุณจะใช้เวลาไหน ก็สามารถเป้นตัวแทนของคุณได้ ขอให้เวลานั้นเป้นเวลาที่สำคัญที่สุดมีผลที่สุดกับชีวิต ด้วยเหตุนี้ เวลาเกิดจึงเป้น เวลาที่ 2 ที่สำคัญรองจากเวลาปฏิสนธิเสมือน ถ้าเวลาเกิดไม่ดี นั้นก็คือ ตอนเวลาปฏิสนธิเสมือนก็ค่อยไม่ดีด้วยเหมือนกัน (มัน link กันได้ด้วยทฤษฎีนี้)

    การลงตำแหน่งดาวจริงๆต้องอาศัย ละติจูด ลองติจูด ของโรงพยาบาลที่เราเกิด(ถ้าเอาให้เปะ ต้องเอาพิกัดของเตียงคลอด) ด้วยเหตุนี้ คนที่เกิด วันเดือนปี เวลาเดียวกัน แต่ต่างจังหวัดกัน ดวงไม่เหมือนกันเลยครับ กรณีฝาแฝดครรภ์เดียวกัน เวลาเกิดของเดกจะไม่เหมือนกัน กล่าวคือ ปกติการทำคลอดเดกนั้น เวลาจะตัดสายรกนั้น ไม่ใช่ว่าอยู่ๆพอคลอดนึกอยากตัดก็ตัดไม่ได้ครับ สายรกจะมีเวลาการบีบรัดตัวต่างกัน คุณหมอเขาต้องรอให้สายรกหยุดเต้นก่อนถึงจะตัดได้ (ดังนั้นคงไม่มีใครคลอดเดกออกมา 2 คนพร้อมกันแล้ว สายรกหยุดเต้นพร้อมกัน แล้วใช้กรรไกรตัดสายพร้อมกันแน่นอน)

    ที่จริงไม่ต้องนึกละเอียดก็ได้ครับ ทำไมคนเกิดวันเดียวกับนายกมีเป้น ร้อยคน แต่นายกมีแค่คนเดียวในไทย (ก็เพราะว่า 100 คนนั้น ดวงไม่เหมือนกันนะซิครับ)

    ดังัน้นที่ว่า เอาดวงคนมาเก็บข้อมูลที่เหมือนกันนั้น เลิกคิดครับ ไม่จริงเด็กขาด คุณรู้จักวิชาสถิติไหม สถิติเป้นวิชาที่ใช้ อธิบายในสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถอธิบายได้เพื่อเอามาทำนายอนาคตจากสิ่งที่เราไม่รู้ เช่น ถ้าจะดูว่าปีหน้าฝนตกกี่ ลบ.ม. ไม่มีใครทำสมการคำนวณน้ำฝนจาก ปริมาณนี้ทะเล x อัตราการระเหย x ความเร็วลม x ..... (อาจมีก็ได้แต่ ปัจจุบันไม่มีใครทำสมการได้) เขาจะอาศัยเอาปริมาณน้ำฝนในอดีต 40 ปีย้อนหลัง มา pot กราฟแล้วดูแนวโน้ม แล้วมาทำนาย นั้นคือ เอาสิ่งที่อธิบายไม่ได้มาอธิบาย

    อีกอย่างหนึง สถิติเป้นวิชาที่ว่าด้วย คนส่วนใหญ่ P 68.28% ต้องเกิด ส่วนที่เหลือเป้นคนส่วนน้อย แต่โหราศาสตร์ ไม่มีคำว่าคนส่วนใหญ่หรือคนส่วนน้อย เพราะ ทุกคนไม่มีใครที่มีข้อมูลดวงเหมือนกันเลยแม้แต่คนเดียว

    แต่โหราศาสตร์เกิดจาก "การสังเกต ตั้งสมมุติฐาน ทดลอง วิเคราาะห์ แล้วสรุปผล" มันคือกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน!

    คุณทราบไหม Sir Isac Newton มีอาชีพเป้นหมอดู ก่อนที่จะมาเป้นอาจารย์มหาลัย นั้นเพราะมันไม่ใช่วิชาสถิติหรืออธิบายไม่ได้ แต่มันเป้นวิชาที่ว่าด้วย ความเป้นไปของธรรมชาติ ที่ไม่ต่างกับวิชา Physic เลยแม้แต่นิดเดียว

    อธิบายง่ายๆ ดวงอาทิต เราทราบว่า ดวงอาทิตเป็นแหล่งพลังงานความร้อน ความร้อนทำให้โลกอบอุ่น แสงแดดทำให้พืชสร้าง ออกซิเจนได้ ทำให้สิ่งมีชีวิตเกิด ถ้าผมตั้งว่า

    ดวงอาทิตย์ = ชีวิต คงไม่ผิดนะครับ ถ้าเกิดดวงอาทิตย์โดนบังละ (สุริยุปราคา เหมือนมีไรมาบดบัง ดังนั้น ดวงอาทิตย์ถูกบัง = ชีวิตถูกบดบังด้วย แบบนี้ถูกไหม? คุณอาจงงมันจะเกี่ยวไงวะ ดวงอาทิตก็ยังอยู่นิ ครับใช่ ดวงอาทิตไม่หาย แต่สนามแม่เหล็กของโลก ณ ตอนที่โดนบังนั้น หายไปครับ ตำแหน่งที่ควรจะเป้นกลับมีอะไรมารบกวนทำให้เสียสมดุล สมองมนุษย์เราทำงานด้วยกระแสไฟฟ้า ถ้ามีกระแสไฟฟ้า ย่อมมีความเกี่ยวข้องกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าแน่นอน สนามแม่เหล็กมีความผิดปกติ สมองของเราก็ย่อมผิดปกติ แต่ๆ สุริยคราสมันเกิดแต่เป้นหลักนาที ดังนั้นจึงไม่มีผลทำให้คนตาย แต่ถ้าดันมีเดกที่เกิดเวลานี้ละ ช่วงสุริยคราสพอดี ตามหลัก Synchronization ถ้าวันสำคัญผิดปกติ ย่อมเป็นตัวบ่งบอกว่า วันปฏิสนธิเสมือนย่อมผิดปกติด้วย ลองดูผลการวิจัยได้ครับ วันที่ 15/1/53 ที่เกิดสุริยคราส นานที่สุด ตอนผ่านประเทศอินเดดีย ทางมหาลัยอินเดียเขาส่งเครื่องตรวจวัดสภาพอากศตอนเกิดสุริยคราว เพื่อเป้นการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ และโหราศาสตร์ด้วย

    มีงานวิจัยประจำห้องทดลอง Sandia เมือง Albbuquerque , Newmaxico "การเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กรอบๆ เมือง แอลบูเคอร์คี ทำให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นและลดลงในอัตราใกล้เคียงกัน

    2. โหราศาสตร์ไม่ใช่วิชาบอกทุกอย่างที่จะเกิด แต่บอกแค่สิ่งที่จะเกิดตามธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะทำให้เกิด ง่ายๆครับ ผมสามารถบอกได้ว่า ญ คนนี้จะมีคนมาขอแต่งงานเมื่อไหร่ อายุไร เดือนไหน วันไหน เวลาไหน นาทีไหน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า ผู้หญิงคนนั้น จะ say yes หรือ no เพราะดาวคือบอกได้ว่าจะมีแรงปรารถนาของ ช คนนึ่งมาขอแต่งงานกับคุณ แต่คุณเท่านั้นเป้นคนตัดสินใจ
    หรือ ผมบอกได้ว่า ถ้าคุณไปสอบ TOFEL วันนี้คุณจะได้คะแนนดี เพราะวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส ฟ้าเป็นใจให้คุณ แต่ถ้าคุณไม่ได้อ่านไรไปเลย ไม่มีความรู้ไรไปเลย แล้วไปสอบ ยังไงก็สอบไม่ได้กลับกลายเป้นเข้าไปนอนสบายๆในห้องสอบ

    เข้าใจไหมครับ ผมบอกโอกาสไรเข้ามาหาคุณ แต่ถ้าคุณไม่มีความพร้อม โอกาสนั้นก็ลอยหายไปคุณความไม่ได้ หรือ คุณมีความพร้อม มีทุน มีเงิน แต่ไม่มีโอกาส มันก็ไม่เกิดอะไร

    ควาามสำเร็จ = ความพร้อมของคุณ + โอกาสของฟ้า มหาลัยสอนแค่ว่าทำไงให้คุณพร้อมตลอดเวลา แต่ไม่ได้สอนว่า โอกาสจะมาเมื่อไหร่ จึงมีคำกล่าวที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น (นั้นคือ ทำไปด้วยความพร้อมจนกว่าจะบังเอิญตรงกับโอกาสที่เอื้อ) มีแต่ศาสตร์พยากรณ์เท่านั้นที่จะบอกได้ว่า โอกาสมาเมื่อไหร่

    ผมขอตอบเท่านี้แหละกันครับเพื่อเป็นการเปิดทัศนะคติที่มีต่อ โหราศาสตร์ ใครไม่เชื่อโหราศาสตร์ก็ช่าง แต่ ผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆ นักวิเคราะห์หุ้นดังๆ (คนใหญ่ๆในรัฐบาล) ต่างมีที่ปรึกษาหรือไม่ก็เขาเรียนโหราศาสตร์ทุกคน ย้ำ ทุกคนครับ แต่เขาไม่เปิดเผยให้ใครรู้ ทำไมผมจะไม่รู้ ก็ผู้บริหารแบงค์ใหญ่แบงหนึ่ง นั่งเรียนด้วยกันกับผมเนี่ยอะ
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    พวกนี้ไม่เข้าใจ เลยไม่ีรู้จักเรื่องดวง

    ดวงนี้ เปรียบเหมือนการสร้างบ้าน กล่าวคือ การวางดวง คือ การวางเสาเข็ม

    ส่วนบ้านจะออกมาสวยแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับเราตกแต่ง มันจะน่าอยู่ก็อยู่ที่คน

    ดังนั้น การวางดวง ถ้าวางตำแหน่งดี มันก็สบาย ถ้าวางตำแหน่งเสาเข็มไม่ดี หันหน้าบ้านไปทางทิศที่ร้อน มันก็ไม่ดี อันนี้ก็โทษใครไม่ได้ เพราะเราทำบุญทำกรรมมา

    แต่ว่า จะดีหรือเลวร้ายไปเลย นั้นอยู่ที่คนกระทำตัว

    ยกตัวอย่างเช่น ดวงของคนๆ หนึ่ง ดีมากๆ ปีันั้น มีเกณฑ์ชะตา ฟ้าเปิด พฤหัสคุม
    แต่ว่า ตัวเองไปหลงมัวเมาทางชั่ว กระทำกรรมไม่ดี สืบต่อมา ก็ปรากฎว่าปีนั้น ติดคุก เป็นต้น

    คนเรา จะดีหรือไม่ดี ถ้า รู้จักมีคุณธรรม แล้ว ดวงกำหนดไม่ได้เลย

    โดยเฉพาะมีสติให้มาก ดวงจะกำหนดให้เราขึ้นลงไม่ได้

    บางคนว่า แล้ว ทำไม ขับรถดีๆ แล้วมีคนขับมาชน อันนี้ เราก็ต้องดูเรื่องกรรม ไม่ใช่เรื่องดวง เรื่องกรรม นี่ เราอาจจะมีเคราะห์กรรม ให้เราทำบุญมากๆ ให้เจ้ากรรมนายเวร

    เราก็จะพ้นภัย

    ดวงเป็นเพียงแค่ เสาเข็ม
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    แต่การจะฝืนดวงได้อย่างแท้จริง นั้น ต้องมีคุณธรรมสูง

    ต้อง มีสติสูง ดังนั้น สำหรับคนทั่วไป ก็ให้สวดมนต์บ่อยๆ

    ใครดวงไม่ดี พระเสาร์เล็งดวงชะตา ก็ให้ทำบุญ เจริญสติ อย่ากังวลเมื่อไปดูดวง

    ให้ ถวายสังฆทาน ปฏิบัติธรรม เพื่อให้ใจนี้หลุดพ้นจากอำนาจของ ดวงดาว

    ก็จะพ้นภัย
     
  12. กองทัพเทพ

    กองทัพเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +2,629
    อ่านแล้ว
    ชอบมาก
     
  13. นัยนันท์

    นัยนันท์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    เรื่องของดวง

    เรื่องของดวงนั้นเป็นเรื่องความเชื่อส่วนตัวครับ.....แต่สำหรับผมนั้นบอกได้คำเดียวว่า...ไม่เชื่อ...คนที่เชื่อต่างกับเราไม่ได้แปลว่าเขาผิดครับ...ผมไม่เชื่อแม้ว่าจะศาสตร์ดวงไหนๆ เพราะคนเราเกิดแต่กรรม...อยู่ด้วยกรรม...จบเพราะกรรม....กรรมมีการสั่งสมมานาน....มันเป็นไปไม่ได้ที่อนาคตจะถูกกำหนดด้วยอิทธิพลของดวงดาว..ถ้าโหราศาสตร์บอกว่าจะรวย..แต่คุณไม่ทำงาน..จะรวยหรือไม่... ผมเคยมีอาชีพนี้แต่ปัจจุบันงดแล้วเลิกแม้ว่ารายได้จะดี..เพราะสุดท้ายเราจะฝืนกรรมที่เราก่อมานานไม่ได้.....ช่วงชีวิตดีเพราะกรรมดีแสดงผล...ช่วงชีวิตไม่ดีมีทุกข์เพราะถึงคิวของกรรมชั้วแสดงผล
    ผมจะขอทิ้งคำถามใหหนักโหราศาสตร์ตอบผมเรื่องมันมีอยู่ว่า

    มีเด็ก 2 คนเป็นเพื่อนกันคนแรกเจอกระเป๋าตังค์ แล้วส่งคืนเจ้าของ..เจอเจ้าของใจดีมอบเงินรางวัลเป็นสินน้ำใจ
    คนที่ 2 เจอเหมือนกันบริเวณไกล้กันแต่เจ้าของเงินกลับขี้เหนียวไม่ให้สักบาท

    อยากจะถามว่าทำไมเด็กคนแรกได้รางวัล
    คนที่ 2 ไม่ได้


    อาจจะเป็นคำถามไร้สาระแต่ผมจะตอบให้
    หลายคนอาจจะตอบว่า..ดวง....ดวง...ดวง...แล้วก็ดวงซวย..เจอเจ้าของงก
    แต่ที่จริงแล้วเป็นเพราะกรรมต่างหาก
    ทำไมเด็กคนที่ 2 ไม่เจอกระเป๋าตังค์ของเจ้าของใจดีเพื่อที่จะได้รางวัลน้ำใจ
    ทำไมเด็กคนแรกถึงเจอแล้วได้รางวรบกวนท่านผู้รู้มาตอบหน่อยครับ
    อย่าสักแต่ตอบว่า...อ๋อ...ก็ดวงไม่ดีใง
     
  14. อ ปองภพ

    อ ปองภพ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ได้แง่คิดดีๆ หลากหลายแง่มุม ดวงก็เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล แต่ละคนมีเหตุมีผลของตัวเอง ต้องพิจารณาด้วยเหตุ ด้วยผล อย่างมงายนะครับ
    ส่่วนตัวผมใช้ตำราหนึ่งในการทำนายดวง ใครสนใจ ติดต่อมาได้ บริการให้ฟรี .....อาจจะมีผลต่อการตัดสินใจก็ได้ 086 4702348 ยินดีต้อนรับทุกสาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...