เรื่องจริง ของ ผี และ วิญญาณ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย รักไร้พ่าย, 4 พฤศจิกายน 2008.

  1. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ผี หรือวิญญาณ มีจริงครับ ส่วนใหญ่จะเป็นเปรต

    ผีที่เรารู้จักกัน จริงๆแล้วก็คือเปรตนั่นเอง

    เปรตคือ วิญญาณที่ตายไปแล้ว เกิดเป็นโอปปาติกะ คือผุดเกิดขึ้นเอง
    ด้วยอำนาจแห่งบาปที่เคยทำไว้เมื่อชาติก่อน

    เปรตมีหลายประเภท จำแนกได้12 ประเภท

    เปรตอาศัยอยู่ตามที่ต่างๆ
    ตามภูเขา แม่น้ำ ต้นไม้ ท้องฟ้า หรือ ใกล้ชิดกับคน

    และที่เราคุ้นเคยกันมาก คือ เปรตที่อาศัยใกล้ชิดกับคน
    คืออยู่ภพภูมิที่ซ้อนภพมนุษย์

    ผีหรือเปรตที่ปรากฎตัวให้คนเห็นนั้น เพราะเหตุผลบางประการ เช่น
    1 วิญญาณนั้นเคยเป็นญาติกับเรามาก่อน มาปรกกฏให้เห็นเพราะต้องการบอกอะไรบางอย่างหรือด้วยความคิดถึงและผูกพันกับเรา

    2 วิญญาณมาปรากฏนั้น อาจเป็น เปรต ที่มาขอส่วนบุญกับเรา
    เพราะเปรตนั้น มีความหิวกระหาย และทรมานมาก
    ด้วยผลแห่งอกุศลที่เขาทำไว้ จึงเกิดเป็นเปรต
    เปรตหรือผีที่เราพบเห็นบ่อยๆ มักจะเป็นประเภท ปรทัตตูปชีวีเปรต
    ตือเปรตที่ ยังชีพด้วยการขอส่วนบุญคนอื่น

    เขามาหาเราเพราะต้องการส่วนบุญจากเรา เราเข้าใจผิดคิดว่า
    ผี มาหลอกนั่นเอง

    แต่จริงๆแล้ว เขาไม่ได้มาหลอก แต่มาขอส่วนบุญ
    เราควรอุทิศส่วนบุญให้เขาไป
    เพราะเขาทรมานมาก เหมือนคนขอทานที่มาขอเงินจากเรานั่นแหละครับ

    การอุทิศส่วนบุญให้นั้น ก็เพียงแค่นึกถึงบุญกุศลที่เราเคยทำไป
    จะเคยทำนานเท่าไหร่ก็ตาม
    ขอให้นึกบุญนั้นให้ได้ และอุทิศให้เขาไป เมื่อเขาอนุโมทนาแล้ว
    เขาจะหายไปเอง

    แต่ส่วนใหญ่คนที่เจอเปรต หรือ ผี มักตกใจกลัวไปก่อน อาจวิ่งหนีกระเจิง เพราะเห็นเปรตมีหน้าตาน่ากลัว
    คิดว่าจะมาทำร้าย มาบีบคอเราเหมือนในหนังผีที่สร้างขึ้น
    3 ผีหรือเปรต ที่มีจิตใจโหดร้าย หรือเป็นมิจฉาทิฎฐิ
    ที่ชอบแกล้งคนให้ตกใจกลัว

    เปรตประเภทนี้ อาศัยอยู่ในสถานที่เฉพาะของเขา
    เช่น ตามบ้านร้าง ตามภูเขา แม่น้ำ
    เมื่อคนผ่านไปแถวนั้นซึ่งเป็นอาณาบริเวณของเขา เขาจึงปรากฏกายมาหลอก เพื่อขับไล่เราให้ออกไป

    บางคนสงสัยว่า ทำไมผีหรือเปรตเหล่านี้ จึงไม่ปรากฏให้คนเห็นไปเลย
    คำตอบคือ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีกฏเกณฑ์บังคับอยู่
    อย่างโลกเราก็มีกฏหมาย บังคับไม่ให้คนทำผิด

    ในโลกวิญญาณก็มีกฎเช่นกัน คือ วิญญาณที่เป็นเปรตนั้น
    ห้ามปรากฎกายให้คนเห็น เพราะจะเป็นบาป
    เป็นกรรมมาก และ เปรตหรือผีต่างรู้กฎเกณฑ์เหล่านี้ดี

    นอกจากนี้ยังห้ามไม่ให้ไปอาศัยตามบ้าน ทีอยู่ศัยของคน
    ยกเว้นตามบ้านที่ไม่มีเจ้าของ
    เช่นบ้านร้าง หรือตามสถานสาธารณะทั่วไป
    เราจึงมักเจอเปรต หรือ ผี ตามบ้านร้าง หรือตามป่าเขา

    และเวลาที่ผีปรากฏกายให้เราเห็น มักจะเห็นเพียงครึ่งตัว
    หรือ เป็นเงาลางๆ
    เพราะวิญญาณโอปปาติกะ นั้น มีรูปกายละเอียดมาก
    เมื่อผีจะทำให้คนเห็นเขาได้
    ต้องเนรมิตตนเองเป็นกายหยาบ เพราะคนเรามีรูปกายที่หยาบ และมีตาเนื้อที่มองเห็นเฉพาะ
    รูปที่หยาบๆ ผีหรือวิญญานจึงต้องทำด้วยวิธีนี้ คนจึงจะเห็นได้

    แต่ผีนั้นก็ต้องใช้พลังอย่างมาก และไม่สามารถปรากฎให้เห็นได้นาน เพราะจะหมดสิ้นพลังงานของตนเองและจะเหนื่อยล้ามาก
    อาจใช้เวาลานานมากเพื่อฟื้นพลังใหม่

    เปรตหรือผีบางประเภทมีอิทธิฤทธิ์มาก สามารถแปลงกายเป็นสัตว์ดุร้าย
    หรือแปลงเป็นคน หรือแม้กระทั่งแปลงเป็นเทวดามาหลอกคนก็ได้

    หากเราเจอผีหรือเจอเปรตก็ตาม อันดับแรก คือ ขอให้ตั้งสติให้สติให้ดี
    หากใจยังกระเจิ่งอยุ่ ก็ขอให้นึกถึงอานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย
    เมือ่ใจเราเริ่มนิ่งแล้ว ก็ขอให้ตั้งจิตนึกถึงบุญกุศลของเราที่ได้ทำไว้
    แล้วอุทิศให้เขาไป ให้นึกว่าเปรตที่มานี้ก้เหมือนคนยาจกเข็ญใจที่มาขอให้เราช่วยนั่นเอง

    เขาต้องการเพียงส่วนบุญจากเรา ดังนั้นเราควรมีใจเมตตา
    อุทิศให้เขาไปนะ

    หากเข้าใจตามนี้ ต่อไปเราก็จะไม่ต้องกลัวผีอีกต่อไป
     
  2. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    มีอีกป่าวคะ
     
  3. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    เพิ่มเติมครับ

    ผมขอนำประสบการณ์จริงของผู้ที่เจอผีแบบจะๆ มาเล่าให้ฟัง

    เป็นประสบการณ์ของอาจารย์ผมเอง ท่านเป็นอาจารย์สอนธรรมะ
    มากว่า 30 ปี ท่านแตกฉานทางธรรมมากและบรรยายธรรมให้แก่สาธุชนจยถึงพระภิกษุ

    อาจารย์ผมเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่ง ท่านถูกเชิญให้ไปบรรยายธรรมะที่วัดต่างจังหวัด
    ท่านไปกับลูกศิษย์ของท่านคนหนึ่งซึ่งเป็นหมอ
    และต้องพักข้างคืนที่วัด โดยอาจารย์และลูกศิษย์พักอยู่ที่โรงเก็บของในวัด

    ตอนกลางคืนหลังจากบรรยายธรรมเสร็จ อาจารย์ก็เข้าไปพักผ่อน
    คุณหมอก็เกิดกลัวผีขึ้นมา แต่อาจารย์ผมไม่กล้ว แต่ก็หวั่นๆเหมือนกัน
    เพราะบรรยากาศวังเวงมาก ในนั้นไม่มีไฟฟ้า ต้องจุดตะเกียงเอา

    และแล้ว ก็เกิดบางอย่างขึ้น

    อาจารย์ผมได้เห็นร่างเงาๆทมึนๆ มาโผล่อยู่ตรงหน้าอาจารย์
    ตอนนี้นอาจารย์ผมก็สะดุ้งเลย แต่ไม่ได้เอะอะโวยวาย เพราะท่าน
    มีบารมีแก่กล้าพอสมควร
    อาจารย์ผมจึงบอกกับหมอที่นั่งข้างๆ แต่หมอยังไม่เห็น

    อาจารย์บอกหมอว่า "มาแล้วนะ" ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่า คำนี้หมายถึงอะไร
    คุณหมอได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจแล้วว่า ได้เจอผีแล้ว แต่หมอคิดว่า ผีนั้นคงอยู่นอกห้อง
    แต่ความจีงผีนั้นมาอยู่ตรงหน้าทั้งสอง

    แต่คุณหมอกลัวมาก รีบมุดเข้ามุ้งนอนเลย

    ส่วนอาจารย์ผมซึ่งอยุ่กับผีตรงหน้า ห่างกันไม่ถึง 1 เมตร

    คุณลองคิดดูนะครับว่า ถ้าอยู่ๆมีวิญญานปรากฏตัวต่อหน้าเราแบบฉับพลันระยะ 1 เมตร
    คุณจะรู้สึกยังไง

    อาจารย์ผมเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ผีนี้ปรากฏออกมา เขาผุดขึ้นมาจากพื้น
    แบบโผล่ปุ๊บขึ้นมายืนตรงหน้า

    และวิญญาณนั้น น่าจะเป็นเปรต

    ลักษณะของวิญญาณนั้น เป็นผู้ขาย แต่งตัวรุงรัง ยืนก้มหน้าอยู่
    อาจารย์ท่านก็ตั้งสติ และค่อยๆจ้องมองในตาเขา เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นอะไร
    ตาของเปรตตนนั้นเศร้ามาก และไม่กล้าสบตาอาจารย์

    ถ้าเป็นคุณกล้าสบตากับผีรึเปล่า

    เขาเป็นเปรต ชนิด ปรทัตตูปชีวีเปรต เป็นผีที่มาขอส่วนบุญนั่นเอง

    อาจารย์ผมทราบดังนั้น แล้ว ก็บอกว่า "จะอุทิศส่วนบุญให้นะ"

    อาจารย์ก็พยายามนึกถึงบุญกุศลที่ทำมา แต่ตอนนั้นก็ยังตื่นๆอยุ่เหมือนกัน
    และนึกได้ว่า ได้บรยายธรรมให้ผู้คนฟัง จึงนึกถึงบุญกุศลนั้น
    และอุทิศให้เปรตนั้นไป

    เมื่อเปรตนั้นฟังคำอุทิศแล้ว ก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาเลย
    อาจารย์บอกว่า ตอนทีเขาหายร่างไปนั้น ร่างหายลงมุดพื้นไป

    จากนั้นไม่นาน คิดว่าคงไม่มีอะไรแล้ว แต่

    ไม่กี่อึดใจต่อมาก็มีผี อีกตัวหนึ่งผุดขึ้นมาจากพื้นเหมือนผีตัวแรกเลย

    แต่คราวนี้เป็นผู้หญิง และเหมือนกับตัวแรกเลย คือก้มหน้า ตาเศร้า

    อาจารย์ก็ใด้อุทิศผลบุญให้ แล้วผีนั้นก็หายไป

    เห็นไหมครับว่า ถ้าเรามีสติดีๆและเข้าใจเรื่องของเปรต วิญญาณ มากกว่านี้
    เราจะไม่กลัวเลย

    บางทีเราสับสนกับผีในนิทาน หรือในหนังที่สร้างจากจินตนการเพื่อหลอน
    ประสาทคนดูมากเกินไป เราจึงยึดติดว่า ผี หรือ วิญญานนั้นน่ากลัว

    ทำให้เราไม่มีฌอกาสได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับวิญญาณ
    และพลาดโอกาสในการทำบุญไปอีกทางหนึ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2008
  4. หนูแว่น

    หนูแว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +3,207
    บรรยากาศมันก็คงทำวังเวงนิดๆ พาให้หัวขนลุก อาจกลัวได้เหมือนกัน
    ต้องไม่ขาดสติ แต่ก็ยาก เจอเข้าจะๆ มันก็ตกใจทุกที ต้องฝึกตนให้มากกว่านี้
    โมทนา ด้วยค่ะ
     
  5. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,020
    ถ้าเ้รามั่นใจว่าผีมีจริงเเล้วเเม้เรายังไม่เคยเห็น เราจะไม่รู้สึกกลัวพวกเขาอีกเลย เราตายไปก็เป็นผีเช่นเดียวกัน จริงๆตอนนี้เราก็คือผีในร่างคนนี่เองทุกๆคน อนุโมทนา
     
  6. กะละมัง

    กะละมัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +150
    จริงๆแล้วอาจจะเป็นพวกเทวดาชั้นต่ำๆก็ได้ค่ะ้ (ชั้นจตุมหาราชิกาภูมิ)
    เพราะเทดาภูมินี้บางส่วนอยู่ในโลกมนุษย์ เช่น "รุกขเทวดา" อ่ะค่ะ ^_^V

    .
    .
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2009
  7. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    ถึงมีคำกล่าวให้คนตายไงครับ ว่าขอให้ไปที่ชอบๆ ตอนมีชีวิตชอบเข้าวัดฟังธรรม สวดมนต์ไหว้พระ ก็ได้ไปเกิดในสุคติภูมิ ตรงกันข้าม หากใช้ชีวิตอยู่ในวังวนของ โลภะ โทสะ โมหะ ตัณหา ต่างๆ ก็คงมีอบายภูมิเป็นแดนเกิด ผี ปิศาจไม่น่ากลัวเท่าคน โดยเฉพาะคนหลอกคนนี่น่ากลัวมาก จะอย่างไรก็ตามไม่ว่าผีหรือคน ล้วนต่างอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรมทั้งสิ้น ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ครับ ฉนั้นจงอย่าประมาทในการสังสมคุณงามความดีตอนยังมีโอกาส เพราะถ้าจะมาเสียใจตอนอยู่อบายภูมิคงไม่มีเวลาแล้วละ เพราะมีเวลาเพื่อรับกรรมจากไฟนรกเท่านั้น อ้อ คุนกะละมัง รุกขเทวดา ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...