เรื่อง ทิฐิ ดีๆที่น่าศึกษาของใครไม่ทราบแต่เขียนดีพอเป็นแนวทางครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย kengkenny, 29 กรกฎาคม 2009.

  1. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ธรรมะวันนี้มากล่าวถึงเรื่องสำคัญมากๆเรื่องหนึ่งในพระพุทธศาสนาครับ นั่นคือเรื่องทิฏฐิ หรือว่าทิฐิ ซึ่งแปลว่าความเห็น ผมเคยกล่าวไว้ตั้งแต่ทำบล็อกแรกๆว่าสัมมาทิฏฐิคือการมีความเห็นถูกต้องตามทำนองคลองธรรมว่าบุญและบาปมี สวรรค์และนรกมี คนเมื่อทำกรรมดีย่อมให้ผลคือการไปสู่คติที่ดีในกาลต่อๆไปเมื่อกรรมดีนั้นแสดงผล บุคคลควรคบบัณฑิตผู้เป็นกัลยาณมิตร ไม่ควรคบคนผู้เป็นพาล (ดังที่ปรากฏในมงคล38ประการ) ฯลฯ เหล่านี้ แม้เวลานี้ก็ยืนยันว่าอย่างนั้น เพราะบุคคลเมื่อไปคบหาคนไม่ดีแล้วจะพบกับความเจริญได้อย่างไร แต่ว่าสัมมาทิฏฐินั้นเป็นสัมมาทิฏฐิในทางโลก ยังมีสัมมาทิฏฐิในอีกระดับหนึ่งที่สูงกว่านั้น ประณีตกว่านั้น เข้าใจได้ยากกว่านั้นเพราะเป็นสิ่งที่จะทำความเข้าใจโดยอาศัยการคาดคะเนเอานั้นไม่ได้
    ในทิฐิกถานั้นอธิบายเรื่องของทิฏฐิเอาไว้ทุกประการโดยละเอียด แม้เนื้อหาจะลุ่มลึกมากก็ตามแต่จะเห็นว่าเนื้อหาไม่ได้ยาวสักเท่าใด ผมจึงเชื่อว่าถ้าท่านใดศึกษาบล็อกของผมมาโดยตลอด หากให้เวลาท่านผู้อ่านพอสมควร ท่านผู้อ่านทุกท่านจะสามารถทำความเข้าใจได้โดยการอ่านทบทวนไปมาสักหลายๆครั้ง ซึ่งในบล็อกนี้ผมก็จะขอให้ท่านทำอย่างนั้นครับ ที่ผมจะอธิบายนั้นเป็นเนื้อหาเพิ่มเติมครับ
    ในทิฐิกถานั้นกล่าวไว้มีใจความส่วนหนึ่งว่า ทิฏฐิคือความลูบคลำด้วยความถือผิดว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่านั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา หรือความถือผิดว่า ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ... มโนวิญญาณ จักษุสัมผัส โสตสัมผัส ... มโนสัมผัส จักษุสัมผัสสชาเวทนา ... มโนสัมผัสสชาเวทนา รูปสัญญา ... โผฏฐัพพะสัญญา รูปสัญเจตนา สัททสัญเจตนา ... ธรรมสัญญเจตนา รูปตัณหา สัททตัณหา ... ธรรมตัณหา รูปวิตก สัททวิตก ... ธรรมวิตก ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ อากาสธาตุ วิญญาณธาตุ ปฐวีกสิณ อาโปกสิณ ... อากาสกสิณ วิญญาณกสิณ ผม ขน เล็บ ฟัน ฯลฯ น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร สมองในศีรษะ ฯลฯ จักขายตนะ รูปายตนะ ... โผฏฐัพพายตนะ มนายตนะ ธรรมายตนะ จักขุธาตุ รูปธาตุ จักขุวิญญาณธาตุ โสตธาตุ ... ธรรมธาตุ มโนวิญญาณธาตุ ฯลฯ
    ยังมีมากกว่านี้ ดังในกถานั้นครับ ว่าการยึดถือในสิ่งต่างๆทั้งที่เป็นรูปธรรม ทั้งที่เป็นนามธรรม เหล่านี้ว่าเป็นตัวเรา ว่าเป็นของเรา แม้ปฐมฌาน ทุติยฌาน ฯลฯ อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป ... อุปาทาน ภพ ชาติ ชราและมรณะ ฯลฯ ก็รวมอยู่ด้วย
    ทิฐิ16ประการได้แก่ อัสสาททิฏฐิ อัตตานุทิฏฐิ มิจฉาทิฏฐิ สักกายทิฏฐิ สัสสตทิฏฐิอันมีสักกายะเป็นวัตถุ ... ภวทิฏฐิ วิภวทิฏฐิ นับแล้วก็ครบถ้วน16ประการ ต่อจากนี้ทิฏฐิกถาได้อธิบายโดยละเอียดว่าแต่ละประเภทใน16ประการนั้นมีกี่แบบย่อยบ้าง ได้อธิบายครบถ้วน ตรงนี้แหละที่ผมกล่าวว่าเมื่อท่านผู้อ่านได้อ่านทบทวนดูหลายๆครั้งก็จะแยกแยะได้ ยกตัวอย่างเช่น ในข้อ339 กล่าวว่า ทิฏฐิอันถือเอาที่สุดว่ารูป หรือเวทนา หรือสัญญา หรือสังขาร หรือวิญญาณเป็นโลกและโลกไม่เที่ยง เรียกว่าอันตคาหิกทิฏฐิ ย่อมเป็นการถือผิดด้วยอาการ5
    เมื่อท่านอ่านต่อๆไปก็จะเห็นว่าความเห็นว่าโลกเที่ยง โลกไม่เที่ยง โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด ชีวิตและสรีระเป็นอย่างเดียวกัน หรือชีวิตกับสรีระเป็นคนละอย่าง สัตว์เบื้องหน้าเมื่อตายแล้วย่อมเกิดอีก หรือว่าสัตว์เบื้องหน้าเมื่อตายแล้วย่อมไม่เกิดอีก หรือว่าสัตว์เบื้องหน้าย่อมเป็นอีกบ้าง ไม่เป็นอีกก็มีบ้าง ฯลฯ
    เมื่ออ่านครบถ้วนแล้วก็จะสงสัยว่าถ้าอย่างนั้นจะเชื่อว่าอย่างไร คำตอบอยู่ที่วลีหนึ่งในกถาที่ปรากฏหลายต่อหลายครั้งว่า "ทิฐิอันถือเอาที่สุดว่า" นี้แหละครับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นพระองค์เดียวที่รู้แจ้งในโลก ทรงทราบธรรมธาตุทุกประการ เมื่อเป็นเช่นนี้ เราย่อมไม่เรียกพระญาณของพระองค์ว่าเป็นทิฏฐิหรือว่าความเห็น ส่วนความเห็นทั้งหลายที่ผ่านมานั้นได้ถือเอาที่สุดว่าโลกเที่ยงบ้าง โลกไม่เที่ยงบ้าง เหล่านี้ เป็นการถือเอาที่สุดอย่างนี้ก็เป็นธรรมดาว่าจะเป็นความเห็นที่ถูกต้องไปไม่ได้เลย เป็นการกล่าวตู่เอาบ้าง เป็นการคาดคะเนเอาบ้าง ฯลฯ ส่วนพระสาวกผู้เป็นพระอรหันตขีณาสวเจ้าทั้งหลายนั้นท่านมีสัมมาทิฏฐิโดยเริ่มต้นจากศรัทธา เชื่อในพระญาณก่อน ครั้นได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วจึงไม่ต้องเชื่อผู้อื่นอีก ญาณของพระอรหันตขีณาสวเจ้านั้นย่อมไม่ล่วงเลย ไม่ขัดแย้งจากพระญาณของพระบรมศาสดาเลย
    เพราะเหตุใดพระสาวกเหล่านั้นจึงเกิดศรัทธาขึ้นได้ คำตอบก็มีหลายประการ เช่นบางท่านเห็นจริงในอริยสัจ4 บางท่านเห็นกับตนเองว่าพระบรมศาสดาไม่ทรงมีกิเลสใดๆเลยทั้งราคะ โทสะ และโมหะ ฯลฯ บางท่านได้กัลยาณมิตรในพระศาสนานี้แนะนำ บางท่านได้เห็นการแสดงปาฏิหาริย์อันล่วงเลยวิสัยปุถุชน แต่พระศาสดาไม่ทรงอธิบายเลยว่าทิฏฐิต่างๆเหล่านี้สิ่งใดผิดสิ่งใดถูก พระองค์ตรัสว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ช่วยให้เกิดปัญญาในการพ้นทุกข์ พระองค์นั้นทรงทราบธรรมธาตุทั้งปวงด้วยการบำเพ็ญบารมีมานับเวลาแสนยาวนาน ยกตัวอย่างแต่ปฐมฌาน จะอธิบายมากเท่าไหร่ก็ไม่ทำให้ผู้ฟังเข้าใจชัดเจนเท่ากับผู้ได้ปฐมฌานเองจะทราบชัดกับตนเอง

    ในตอนท้ายของญาณกถานี้จึงได้สรุปด้วยพระพุทธดำรัสว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายถูกทิฏฐิ2อย่างกลุ้มรุมแล้ว พวกหนึ่งย่อมติดอยู่ พวกหนึ่งย่อมแล่นไป ส่วนผู้มีจักษุเห็นอยู่ที่ว่าติดอยู่นั้นติดอยู่อย่างไร เทวดาและมนุษย์ผู้ชอบภพ ยินดีในภพ บันเทิงอยู่ในภพ จิตของเทวดาและมนุษย์เหล่านั้นย่อมไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งอยู่ ไม่น้อมไป ในธรรมที่พระบรมศาสดาทรงแสดงเพื่อความดับภพ ที่ว่าแล่นไปนั้นอย่างไร เทวดาและมนุษย์พวกหนึ่งย่อมอึดอัด ระอา เกลียดชังภพ ยินดีในคสามปราศจากภพว่า ชาวเราเอ๋ย ได้ยินว่าเมื่อใดกายตนแตกไปแล้วย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ เพราะฉะนั้น ความไม่เกิดนั้นละเอียด ประณีต

    ส่วนผู้ที่มีจักษุเห็นอยู่อย่างไร พระบรมศาสดาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเห็นความเป็นสัตว์ตามความเป็นจริง ครั้นแล้วย่อมปฏิบัติเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับความเป็นสัตว์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนผู้มีจักษุเห็นอยู่ อย่างนี้แล


    พระสูตรในวันนี้ยกมาจากพระสุตตันตปิฎก เล่ม23 ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค มหาวรรค ทิฐิกถา ครับ
    ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น รวมทั้งพระธรรม และพระสงฆ์ ขอกุศลเกิดแก่ท่านจากของบทความครับ
    ***********************************************************
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2009
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พวกหนึ่งย่อมติดอยู่ พวกหนึ่งย่อมแล่นไป ส่วนผู้มีจักษุเห็นอยู่ *-*
     
  3. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ท่านคงรู้แล้วใช่ไหมครับคุณพี่ขวัญ ว่าเหตุใดผมจะกล่าวอะไรนำไปเรื่อยๆ เพราะว่าสิ่งที่หลายท่านปฏิบัติในอดีตนั้นมันไม่ใช่ทางเพื่อละเพื่อคลายเลย จึงเริ่มตั้งกระทู้จาก ธาตุ๔ ขันธ์๕ สัมพันธ์กันอย่างไร ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เกี่ยวยังไง กับ อริยสัจ๔ แล้วก็เป็น แม้กายก็ไม่ใช่ของเราแม้จิตก็ไม่ใช่ของเรา และก็ให้พิจารณาการเกิดดับที่ยากที่สุดของพระศาสนานี้คือจิต โดยตั้งว่า ใครที่คิดว่าจิตไม่เกิดดับ อธิบายหน่อย บัดนี้ท่านคงมองเห็นแล้วสินะ ไม่ต้องห่วงไม่ได้มีแต่ท่านที่มองเห็นหรอกหลายๆท่านก็มองเห็นเช่นกันครับ
    อนุโมทนาครับ คุณพี่ขวัญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2009
  4. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    และหลายคนก็ยังสงสัยเหมือนเดิม สำหรับผมจะสงสัยก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นกระทำแล้วมันไม่ละคลายจาก ราคะ ความกำหนัด ในรูปราคะ และ สัญญาราคะ ทั้งหลายตลอดจนสภาวะที่ทำให้จิตเศร้าหมองทั้งหลาย เช่น โทสะ โมหะ ทั้งหลาย แต่ปัจจุบันนี้ จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ผู้ยังมีความกำหนัดมากในจิต ทั้งที่ปฏิบัติมาก็นานแล้ว ยังกำจัด อกุศลจิตที่เกิดขึ้นไม่ได้หรือลดลงไม่ได้ ก็ไม่ต้องถามมากหรอกว่า อะไรเรียกว่า หลง หรือ อะไร เรียก ไม่หลง เพราะคนแบบนั้นไม่เคยรู้ตัวเองเลยสักครั้งเดียว
     
  5. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    มีอีกเรื่องจะแจ้งครับ คือ อย่างนี้ครับ ตอนนี้เราทราบดีทุกคนว่า ขณะนี้ก็กึ่งพุทธกาลแล้ว และเราก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ผมจึงมาเพื่อชี้แจงแถลงไขแก่บางท่านเพื่อในอนาคตกาลอาจได้กุศลผลบุญนั้นเกื้อกูลกันไป เนื่องจากผมรู้สึกว่า เอาแบบว่ารู้สึกแล้วกันครับ ในปัจจุบันชาตินี้หากไม่สามารถเข้ากระแสแห่งนิพพาน เป็นอริยะบุคลอันมี
    พระโสดาบัน พระสกิทาคามี และ พระอนาคามีได้ ผมเชื่อว่า หลายท่านคงไม่อาจเกิดทันยุคของพระศรีอารยพุทธเจ้าแน่นอนครับ เพราะเหตุแห่งความไม่แน่นอนของสรรพสิ่ง เนื่องจากมนุษย์ยุคนี้ ไม่ค่อยมีความศรัทธาและมองไม่เห็น เป้าหมายแห่งความเป็นพระศาสนานี้อย่างแท้จริง เว้นแต่ท่านจะเข้าใจและศรัทธาธรรมนั้นอย่างแท้จริงและลึกซึ้งก็อาจจะมีโอกาสทันพระศาสนานั้น แต่ถึงอย่างไรผมก็หวังว่าท่านทั้งหลายจะเพียรปฏิบัติด้วยความเพียร ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ได้ดวงตาเห็นธรรมกันทุกท่าน เพราะหากจิตเข้าถึงกระแสพระโสดาบันได้จริงอย่างน้อยๆ ยังไงๆ ก็ต้องจุติที่ยุคของพระพุทธเจ้าไม่พระองค์ใดพระองค์หนึ่งแต่โดยมากจะอธิษฐานไว้กับพระพุทธเจ้าองค์ทัดไปในแต่ละพุทธกัปล์
    ขออนุโมทนาแก่ทุกท่านครับที่มีวาสนาทุกท่านโปรดเร่งความเพียรด้วยครับ อ่านแล้วตามนั้นครับไม่ได้กล่าวเพื่อให้เชื่อแต่อยากให้รีบเพียรฝึกจิตให้เห็นธรรมนั้นตามสมควรแก่ธรรมนั้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2009
  6. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    เรียกว่าปัญญายังไม่เกิด
     
  7. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ก็มันเห็นเป็นแบบนั้นจริงๆครับ
     
  8. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คับเห็นน่ะดีแล้วผมหมายถึงคนที่ยังไม่เห็นน่ะ เค้าเรียกปัญญายังไม่เกิด
     
  9. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    แบบย่อๆได้ไหมครับ เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์
     
  10. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    ท่านว่ายุคที่มี สิ่งปรนเปรอ อายตนะ เช่น ทุกวันนี้ เราจะเข้าถึงธรรมสักเพียงใด เหมือนเครื่องกีดขวางที่มากมาย ใหญ่โต คิดแล้ว...........ยากนะ.
     
  11. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ยากครับแต่ ขอท่านจงตั้งสติรับสิ่งที่จะเกิด แล้ววางใจเป็นกลางครับ ผมเองก็ทำได้เท่านี้ครับ อนุโมทนาครับ
     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    หากยังต้องวางเป็นกลาง ก้ถือ ว่าดีในเบื้องต้น หากมันวางเอง ปัญญาจึงเริ่มเดิน
     
  13. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ตอนนี้ต้องทำเองก่อนครับ หากเมื่อไหร่วางเองเมื่อนั้นก็จะไม่ได้เจรจากันอีกครับ
     
  14. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    หากมันเริ่ม วางเอง ทำอย่างไรที่มันวางเอง ควร พอกพูนตรงนั้น จนมัน วางเองโดย สมบูรณ์
     
  15. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ต้องทำต้องศึกษาจนกระทั่งมันวางของมันไปเอง นั่นแหละ จิตมันถึงจะมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น โล่งโปร่งเบาสบายมากขึ้น ฌานนี่อารมณ์ใจมันยังหนักนะ ดูเหมือนเบาสบายแต่แท้ที่จริงยังหนักกว่ากันเยอะ เพราะมันเป็นอารมณ์เพ่ง อันนี้มันเป็นสัมมาสมาธิ เป็นสมาธิโดยธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากการเสกสรรปั้นแต่งใด ๆ มันก็เลยเป็นธรรมชาติ เบา อ่อน ควรแก่งาน...
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ทิฏฐิ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG][​IMG]

    [​IMG] ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2009
  17. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    อยากให้อ่านและทบทวนอีกครั้งหนึ่งครับ เรื่องนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...