เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 30 สิงหาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,494
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๔


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,494
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๓๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ กระผม/อาตมภาพไปรับวัคซีน AZ เข็มที่ ๒ มา ปกติดีด้วยประการทั้งปวง อาจจะเป็นเพราะว่ากำลังใจไม่ได้ต่อต้าน คิดว่าเชื้อโรคก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกัน ก็เลยไม่ได้เกิดอะไรขึ้น นั่งรอดูอาการ ๓๐ นาที แล้วกลับวัดมา เข้าระบบซูมมีตติ้ง ประชุมไป ๒ งาน ๓ งาน..!

    หลังจากนั้นก็ยังมีการมอบของให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขตำบลชะแล ที่ตอนนี้มีชาวบ้านโดนกักตัวอยู่ถึง ๕๖ ราย แล้วก็มอบกับอาสาสมัครสาธารณสุขตำบลท่าขนุน ที่ตอนนี้ไล่แจกกระจาย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยาเม็ดฟ้าทะลายโจร หรือข้าวปลาอาหาร เพราะว่าหลายบ้านที่โดนกักตัวก็ลำบาก ออกไปซื้อหาอาหารไม่ได้

    แล้วก็มีคุณจักษณา วรรณวาทกุล คอยนำเอาข้าวกล่องแช่แข็งมามอบให้ทางเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ในนามของคณะศิษย์วัดท่าขนุนอยู่เป็นระยะ ชาวบ้านก็ได้อานิสงส์ไปด้วย เพียงแต่ว่าจะละลายข้าวกล่องกันเป็นหรือเปล่า ? ส่วนใหญ่ที่ท่านนายกเทศมนตรี ก็คือท่านประเทศ บุญยงค์ เอาไปแจกให้ ถ่ายรูปส่งมา มีแต่บ้านมุงแฝก มุงจาก จะไปหาเตาไมโครเวฟที่ไหนมาอุ่นอาหารได้ ? ก็คงจะมีอย่างเดียว คือรอให้ละลายแล้วก็เอาไปอุ่นด้วยเตาธรรมดา

    ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ส่งอุปกรณ์การแพทย์ ยา ตลอดจนกระทั่งอาหาร มาสนับสนุนทางโรงพยาบาลสนามวัดท่าขนุน ซึ่งตรงจุดนี้ต้องบอกว่า ถ้าพวกเราไม่ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ก็จะเป็นภาระที่หนักยิ่งของทางวัดท่าขนุนของเรา


    *** หมายเหตุ : ทางคุณจักษณาแจ้งว่า อาหารที่นำมามอบให้ เป็นอาหารกล่องแบบร้อน พร้อมรับประทานได้ทันที
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,494
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ระยะนี้ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า มีข่าวไม่ดีไม่งามที่เกิดขึ้นในคณะสงฆ์ แล้วก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายและน่าเสียใจก็คือ ในช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาด พระเจ้าของเราทำงานเพื่อชาวบ้านกันหนักมาก ไม่ว่าจะเป็นการมอบข้าวปลาอาหาร ยารักษาโรค เครื่องมือแพทย์สารพัด กระทั่งจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย เผาศพฟรี แต่ว่าแทบจะไม่มีข่าวลงสื่อเลย แต่พอมีผู้ที่ทำความไม่ดีขึ้นมารายหนึ่ง ก็จะมีการตามติด ลงข่าวหลาย ๆ วันต่อเนื่องกัน เหมือนอย่างกับกลัวว่าคณะสงฆ์จะไม่บอบช้ำพอ..!

    ตอนนี้เราจะเห็นว่าข่าวผู้กำกับ ที่สอบสวนด้วยวิธีพิสดาร จนผู้ต้องหาถึงแก่ชีวิตนั้นเงียบหายไปแล้ว สื่อหันมาเล่นแต่ข่าวพระวัดปันเสาที่เชียงใหม่ ตั้งวงฉันหมูกระทะและซดเบียร์ไปด้วย..! ซึ่งเรื่องนี้ต้องบอกว่า พระท่านก็ต้องอาบัติด้วยความไม่ละอาย คือรู้แล้วขืนทำ

    ถ้าหากว่าภาษาหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่า "เป็นพวกหน้าด้านใจด้าน" ซึ่งการต้องอาบัติลักษณะอย่างนี้ ท่านถือว่ารุนแรงที่สุด ก็คือรู้อยู่แล้วขืนทำ แล้วทางตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่จับแล้วปรับ ทางคณะสงฆ์ก็คงจะเกรงใจ เพราะว่าท่านก็มีฐานะ มียศ มีตำแหน่ง จึงยังไม่เห็นว่าทางคณะสงฆ์จะลงโทษอะไรเป็นที่เด่นชัด

    ส่วนอีกรายหนึ่งก็คือพระอานนท์ ธมฺมโชโต พระในสังกัดวัดไพรสณฑ์ศักดาราม จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ไปให้กำลังใจแก่ท่านผู้กำกับที่ทำผู้ต้องหาตายคามือ..! ซึ่งเรื่องนี้ แบ่งเป็น ๒ ประเด็นด้วยกัน

    ประเด็นแรกก็คือ ท่านเป็นผู้ที่ไม่รู้กาลเทศะ และไม่เห็นความผิดของตน คำว่าไม่รู้กาลเทศะก็คือ ถ้าหากว่าในสายตาชาวบ้านทั่วไป อีกฝ่ายหนึ่งเป็นฆาตกร..! ไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่ถ้าหากว่าทางด้านศาล เขาถือว่าเป็นผู้ต้องหา เพราะว่าตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาลงมา ก็ต้องถือว่าเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาเท่านั้น

    ดังนั้น...ในภาษากฎหมายกับในสายตาชาวบ้านนั้นต่างกัน ในเมื่ออีกฝ่ายหนึ่ง ในสายตาชาวบ้านเห็นเป็นฆาตกร แล้วคุณเป็นพระ ไปให้กำลังใจกับฆาตกร เขาเรียกว่าไม่รู้กาลเทศะ ไม่สามารถที่จะแยกแยะผิดชอบชั่วดีออกมาได้ ในเมื่อมีคำสั่งจากต้นสังกัดขับไล่ออกจากวัด ท่านก็ไม่ได้สลด ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,494
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ทำให้ไปนึกถึงประการที่สอง ก็คือท่านเป็นพระที่บวชเมื่อแก่ แล้วพระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า "พระหลวงตามักหัวดื้อ ว่ายากสอนยาก" เราจะเห็นว่าพระพุทธวจนะนั้นเป็นสัจธรรมที่แท้จริง สิ่งหนึ่งประการใดที่พระองค์ท่านตรัสไว้ไม่มีพลาดเลย

    มีหลวงตามหัศจรรย์อยู่รูปเดียวก็คือ พระราธเถระ ที่บวชแล้วเป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย จนเป็นเอตทัคคะ คือผู้เป็นเลิศในทางว่านอนสอนง่าย ซึ่งบรรดาหลวงตาทั้งหลายส่วนใหญ่ก็แบกกิเลสท่วมหัวมา เพราะว่าอายุมาก ประสบการณ์มาก ไม่ค่อยจะฟังพระอุปัชฌาย์อาจารย์ แล้วถ้ายิ่งพระอุปัชฌาย์อาจารย์ไม่มีเวลาอบรมสั่งสอน ก็ยิ่งเละเทะหนักเข้าไปใหญ่

    ส่วนพระเณรอีกหลายท่านที่ไปม็อบทะลุฟ้า นั่นก็ต้องบอกว่าไม่รู้กาลเทศะยังไม่พอ ยังไม่รู้ด้วยว่าชาวบ้านมองตนเองในลักษณะอย่างไร สิ่งที่ท่านทั้งหลายคิด พูด หรือทำ อาจจะมีความเป็นจริงตามนั้น แต่ไม่ใช่สถานที่และเวลาอันเหมาะสมในการแสดงออกแบบนั้น

    เพราะว่าพระหรือสมณะ แปลว่าผู้สงบ หรือว่าผู้มีบาปอันลอยแล้ว ไม่ควรที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกในลักษณะอย่างนั้น แต่ก็ยังไปกัน ก็ทำให้สื่อทั้งหลายมีโอกาสที่จะเล่นงานพระได้สมใจนึก อยู่ในลักษณะไป "เตะลูกเข้าทางตีน" จะไม่ให้เขายิงประตูย่อมเป็นไปไม่ได้

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ พระภิกษุสามเณรของเราต้องตระหนักว่า ทุกอย่างที่เราคิด ที่เราพูด ที่เราทำอยู่ในสายตาชาวบ้านเสมอ ท่านทั้งหลายที่เล่นสื่อโซเชียลอยู่ ไม่ว่าจะเป็นไลน์ เป็นเฟซบุ๊ก เป็นอินสตราแกรม หรือแม้กระทั่งอีเมล์ ขอให้รู้ว่าสิ่งที่ท่านทั้งหลายแสดงความเห็นผ่านสื่อโซเชียลออกไป จะมีคนเก็บข้อมูลไว้ทันที ถ้าหากเขาเห็นว่าไม่ชอบมาพากลเมื่อไร ก็เตรียมโดนถล่มยับเยินได้เลย..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,494
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    แล้วเมื่อเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้น สิ่งที่เสียหายมากที่สุดก็คือพระพุทธศาสนา เพราะว่าเขาจะเหมารวม โดยเฉพาะมีบรรดาท่านที่ "คอมเมนท์" หรือแสดงความเห็นเอาสนุก อยู่ในลักษณะว่า "เลิกไหว้พระมานานแล้ว..เลิกทำบุญมานานแล้ว เพราะมีแต่พวกนี้" กลายเป็นว่าสิ่งที่เราทำโดยขาดความยั้งคิด ไม่ได้ใช้สติปัญญาไตร่ตรอง เป็นสาเหตุให้คนที่ไม่เลื่อมใส เกิดความไม่เลื่อมใสหนักยิ่งขึ้น คนที่มีความเลื่อมใสในศาสนาก็เสื่อมความเลื่อมใสลงไป

    การกอบกู้ภาพพจน์พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องที่ยากเย็นมาก เพราะว่าสังคมเปลี่ยนไป คนไม่เห็นความสำคัญในเรื่องของพระสงฆ์หรือว่าพระศาสนา

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าคนเรามัวแต่ไปทำมาหากิน แล้วก็ห่างหลักธรรมออกไปทุกที การศึกษาเล่าเรียนต่าง ๆ ก็เอาเรื่องหน้าที่ศีลธรรมออกไปจากหลักสูตร พ่อแม่ก็ไม่สามารถเป็นตัวอย่างให้กับลูกได้ กว่าจะถึงมือพระก็แก่เกินแกง ดัดไม่ไหวแล้ว เป็นต้น

    พวกท่านจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสำนึกของความละอายชั่วกลัวบาป ทำอะไรต้องมีสติอยู่เสมอ ว่าสิ่งที่เราทำนั้น ตัวเราเสียหาย ครูบาอาจารย์เสียหาย วัดวาอารามเสียหาย คณะสงฆ์เสียหาย ตลอดจนกระทั่งพระพุทธศาสนาเสียหาย ถ้าส่วนไหนที่มีความเสียหายแม้แต่น้อยหนึ่ง เราก็ไม่ไปแตะต้อง โอกาสที่เราจะโดนตำหนิติเตียนก็ยาก แต่ว่าทันทีที่เราทำลงไป ทำความดีเป็นร้อยครั้งไม่มีใครชม ถ้าทำผิดครั้งเดียว จะโดนเขาด่าไปเป็นเวลานาน

    แม้ว่าเรื่องของลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ เป็นของธรรมดาโลก แต่เราก็สามารถที่จะเลี่ยงได้ ไม่ใช่ว่าธรรมดาโลกแล้วเราไปวิ่งใส่ ถ้าลักษณะอย่างนั้น เขาเรียกว่าขาดปัญญาเป็นอย่างยิ่ง ตรงจุดนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสงฆ์ของเราเอาไว้ว่า
    ในกระแสสังคมปัจจุบัน เราควรที่จะทำตัวอย่างไร

    ส่วนอีกข้อหนึ่งที่ขอกล่าวถึงเป็นการส่งท้ายคือ มีผู้สงสัยว่า เหรียญพญาเต่ามังกรเงินล้านเปิดโลกพลิกชีวิต พิมพ์เล็ก ที่เพิ่งจะลงกระทู้ไปไม่กี่วัน ทำไมราคาแพงกว่าปกติหลายเท่า ? ก็ต้องบอกว่าเหรียญชุดนี้เป็นเหรียญที่ไม่ได้ตั้งใจจะเอาออกให้บูชา ตั้งใจจะบรรจุกรุ เนื่องจากว่าเป็นเหรียญตัวอย่างที่ทำมาไม่กี่เหรียญเท่านั้น ก็เลยเอาไว้ข้างที่นอน เรียกว่าเสกมาตลอด
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เลยตั้งราคาไว้แพง เพราะว่าไม่อยากให้ใครบูชา เมื่อทราบแล้วกรุณาอย่าไปบูชาอีก..! เก็บเงินเอาไว้ซื้อข้าวกินในช่วงเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาดจะดีกว่า

    จึงขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณร และเจริญพรแก่ญาติโยมทุกท่านเอาไว้แต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๓๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...