เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 10 พฤษภาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ อากาศยังคงร้อนอยู่มาก พวกเราต้องระมัดระวังให้ดี โดยเฉพาะพวกที่ชอบน้ำแข็ง ถ้าหากว่าร่างกายร้อนมาก ๆ แล้วรับน้ำเย็นเข้าไปกะทันหัน บางทีก็น็อกไปเลย..! ดังนั้น..จึงอยู่ที่พวกเราต้องระมัดระวังกันเอง จะว่าไปแล้ว ถ้าหากว่าเราสร้างความเคยชินที่ดีให้กับตัวเอง ก็สามารถที่จะอยู่ได้ แต่คราวนี้เราไปสร้างความเคยชินที่ไม่ดี ก็คือไปหาพัดลมบ้าง เครื่องปรับอากาศบ้าง จนทำให้กลายเป็นอยู่ยาก

    ถ้าเราเห็นว่าทุกอย่างเป็นธรรมดาของโลกแล้วยอมรับ จิตใจก็จะไม่กลัดกลุ้ม ไม่ทุกข์มาก แต่ถ้าหากว่าเราไปฝืนเมื่อไร ความทุกข์ก็เกิดขึ้นทันที ดังนั้น..ในเรื่องของธรรมชาติซึ่งเป็นปกติธรรมดาของโลก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องพยายามทำความเข้าใจ และพยายามอยู่ด้วย โดยที่ไม่ฝืนธรรมชาติมาก ความทุกข์ก็จะน้อยลง

    เมื่ออาทิตย์ก่อนที่กระผม/อาตมภาพไปเยี่ยมสามเณรภาคฤดูร้อนของวัดเขื่อนวชิรลงกรณ บรรดาสามเณรเข้าไปอยู่ในถ้ำหลังวัด ซึ่งเหมือนกับห้องปรับอากาศดี ๆ นี่เอง เพราะว่าในถ้ำนั้น กลางวันจะเย็น กลางคืนจะอุ่น บางทีก็อุ่นจนเกินเหตุเหมือนกัน

    ช่วงที่ออกธุดงค์ กระผม/อาตมภาพเคยอาศัยอยู่ในถ้ำ บางทีก็เป็นเดือน ๆ ยกเว้นในเรื่องของความชื้นแล้ว ส่วนอื่นรู้สึกว่าพอเหมาะพอดี เพราะว่าช่วงกลางวันเมื่ออากาศร้อน ในถ้ำก็เย็น กลางคืนอากาศเย็น ในถ้ำก็อุ่น เรื่องของความชื้น เราก็สามารถที่จะก่อไฟไล่ความชื้นได้
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติธุดงควัตร เพื่อขัดเกลาพวกเราให้เคยชินกับความยากลำบาก เมื่อถึงเวลาพบสิ่งที่ลำบากน้อยกว่าก็จะรู้สึกว่าสบาย แล้วขณะเดียวกันก็จะได้เห็นทุกข์อย่างชัดเจน ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ถ้าหากว่าเราไปฝืนธรรมชาติก็จะสร้างความทุกข์ เพราะว่าใจของเราไปปรุงแต่งเอง โดยเฉพาะถ้าหากว่าดวงดี แบบที่กระผม/อาตมภาพเจอ ก็มีทั้งน้ำป่า ไฟป่า พายุลูกเห็บ..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    เรื่องของน้ำป่านั้นมีโอกาสอย่างเดียว คือต้องขึ้นที่สูงถึงจะพ้นได้ แต่ว่าก่อนน้ำป่าจะมา ก็จะมีสัญญาณบอกเหตุ ก็คือฝนตกหนักก่อน ดังนั้น..ถ้าหากว่ามีฝนตกหนัก เราต้องรีบขึ้นที่สูงโดยด่วน เพราะว่าน้ำป่าถึงเวลามาโครมเดียวแล้วก็เลยไป..!

    เมื่อประมาณ ๓ ปีก่อน ที่ทางด้านไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี ขนาดวัวกระทิงที่เป็นสัตว์ป่า โดนน้ำป่าซัดตายไปสองตัวตามที่ป่าไม้เขาพบซากอยู่ คนเราไม่แข็งแรงขนาดนั้น ถ้าหนีไม่ทันก็ตายสถานเดียว น้ำป่าเวลามาจะมีเสียงดังมากล่วงหน้ามาก่อน ถ้าได้ยินเสียงแล้วไหวตัวทันก็ยังมีโอกาสรอด ถ้าหนีขึ้นที่สูงไม่ทัน ก็ต้องหาทางหลบอยู่หลังก้อนหินใหญ่ ๆ ใหญ่เท่าบ้านเท่าตึกได้ยิ่งดี อย่างน้อย ๆ เวลาน้ำป่าปะทะเข้ามา ก็จะได้มีก้อนหินคอยยับยั้งเอาไว้

    ส่วนในเรื่องของไฟป่านั้น ต้องหนีลงห้วยอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นห้วยแห้งหรือว่าห้วยมีน้ำก็ตาม ถ้าหากว่าหนีลงห้วยแห้ง ให้ใช้ผ้าเปียกชุบน้ำแล้วปิดจมูกไว้ อย่างน้อยก็ได้กรองควันไฟไปได้ระดับหนึ่ง อาจจะมีโดนความร้อนบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ไม่ถึงตาย แต่ถ้าเป็นห้วยมีน้ำก็ดำน้ำไปเลย..!

    เรื่องของพายุลูกเห็บ หาที่บังหัวตัวเองให้ได้ก่อน ที่กระผม/อาตมภาพเจอมา ตกอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ป่าโปร่งไปหมด กิ่งไม้ใบไม้หักสะบั้นร่วงเต็มพื้น แล้วก็หนาวจับจิตจับใจมาก ต้องรีบก่อไฟต้มน้ำร้อนโดยด่วน

    ดังนั้น..ในเรื่องของการออกธุดงค์ ส่วนใหญ่แล้วก็เหมือนกับเอาชีวิตไปเสี่ยง ความจริงแล้วการธุดงค์เป็นแค่การเปลี่ยนที่ภาวนาเท่านั้น สภาพจิตของเราเมื่อพบที่ใหม่ ๆ ก็หวาดระแวงว่าจะมีอันตรายหรือเปล่า ? จึงทำให้ตื่นโพลงอยู่ อย่างที่หลายคนใช้คำว่า "ผิดที่แล้วนอนไม่หลับ" แต่ความจริงแล้วคือสภาพจิตมีการตื่นอยู่ เพื่อระมัดระวังอันตรายที่อาจจะมาถึง

    ถ้าได้รับการภาวนาเพิ่มเติม ความแหลมคมของสติสมาธิจะมีมาก อย่างที่ไปประเทศอินเดียมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ญาติโยมบางท่านปรารภว่า แรก ๆ กำลังใจทรงตัวโดยไม่ต้องภาวนาเลย แต่พอถึงเวลากลับเมืองไทย ความคุ้นเคย รู้สึกว่าปลอดภัยแล้ว สภาพจิตก็ฟุ้งซ่านไป รัก โลภ โกรธ หลง ทันที

    ดังนั้น..การธุดงค์ อันดับแรกเลยคือเปลี่ยนที่ภาวนา สภาพจิตไม่เคยชินก็จะระวังตัวเองกลายเป็นผู้ตื่น ถ้าเรารู้จักประคับประคองรักษากำลังใจเอาไว้ หลับกับตื่นก็จะรู้สึกตัวเท่ากัน ทำให้รัก โลภ โกรธ หลง กินใจของเราไม่ได้
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    อันดับต่อไป การออกธุดงค์ย่อมเจออันตรายด้วยประการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ร้าย เรื่องของภูตผี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้ากำลังใจของเรายึดมั่นอยู่ในคุณพระรัตนตรัย ก็จะทำให้เราผ่านไปได้โดยง่าย แล้วก็จะเกิดความเคารพพระรัตนตรัยมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามประสบการณ์ เนื่องเพราะเห็นแล้วว่า คุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งของเราอย่างแท้จริง

    ถ้ากำลังใจของเราเคารพและยึดมั่นในคุณพระรัตนตรัย ความเป็นพระโสดาบันข้อแรกก็จะเกิดขึ้นกับใจของเราได้ คือเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างแท้จริง หลังจากนั้น เราก็แค่ไปกวดขันให้ทุกสิกขาบทของศีลนั้นบริสุทธิ์บริบูรณ์ แล้วก็ทำสติรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราเป็นผู้ที่ก้าวไปสู่ความตายอยู่ตลอดเวลา ขึ้นชื่อว่าตายแล้วการเกิดใหม่ไม่มี กำลังใจของเราปักมั่นอยู่ที่พระนิพพานแห่งเดียว ถ้าสามารถรักษาอารมณ์ให้ต่อเนื่องได้ ความเป็นพระโสดาบันก็จะเข้าถึงเราได้ง่าย

    ดังนั้น..การบัญญัติธุดงควัตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เพื่อก่อประโยชน์ประการต่าง ๆ ด้วยกัน ก็คือให้เป็นผู้มักน้อย สันโดษ ปลีกตัวออกจากหมู่ เป็นผู้ปรารถนาน้อย มีการขัดเกลาตนเอง อดทนต่อความทุกข์ยาก เห็นความเป็นจริงว่า คุณพระรัตนตรัยนั้นไม่มีอะไรเหนือกว่า ก็จะทำให้กำลังใจของเรามั่นคงในพระพุทธศาสนามากขึ้น ฉะนั้น..การไปธุดงค์ก็คือไปเพื่อหวังหมดกิเลส

    ความจริงการธุดงค์ไม่จำเป็นต้องเข้าป่า เราอยู่ที่ไหนก็ทำได้ อย่างเช่นการฉันมื้อเดียว การบิณฑบาตเป็นวัตร การใช้ผ้าสามผืน เป็นต้น ใครถนัดข้อไหนก็ศึกษาดู แล้วพยายามทำให้เป็นกิจวัตรประจำตัว เท่ากับว่าเป็นการขัดเกลาตนเอง

    โดยเฉพาะในเรื่องของอาหาร ต้องพยายามฉันให้ได้ทุกอย่างโดยที่ไม่ช่างเลือก เพราะว่าตราบใดที่เรายังช่างเลือกก็คือกินตามใจกิเลส โอกาสที่เราจะหลุดพ้นก็ยาก เพราะว่ายังตามใจปากตัวเองอยู่ ถ้าหากว่าเราห้ามปากตัวเองได้ ก็สามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้ละเมิดศีลได้ทุกข้อ เพราะว่ากำลังใจในการหักห้ามนั้นเท่ากัน

    จึงเป็นเรื่องที่พวกเราพึงสังวรเอาไว้ว่า สภาพดินฟ้าอากาศที่ร้อนหนาวผิดปกติ ก็เป็นเรื่องที่พวกเราพึงจะแก้ไขกันไปตามเหตุการณ์ ไม่ใช่ไปคร่ำครวญ บ่นว่า ซึ่งมีแต่จะพาความทุกข์ให้เกิดขึ้นกับเราโดยใช่เหตุ


    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...