เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 5 สิงหาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันแรม ๔ ค่ำ เดือน ๘ หลัง ซึ่งโดยธรรมเนียมแล้ว ทางคณะสงฆ์กำหนดให้วันแรม ๓ ค่ำ เดือน ๘ ของทุกปี เป็นวันที่ให้พระใต้บังคับบัญชาต่างจังหวัด จะเข้าไปถวายสักการะต่อเจ้าคณะปกครองในกรุงเทพฯ

    ในส่วนของคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ก็จะมารวมตัวกันถวายสักการะพระเถระเจ้าคณะปกครองที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) พร้อมกัน หลังจากฉันเพลแล้ว จึงค่อยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ปรากฏว่าตั้งแต่พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) ขึ้นมาเป็นเจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านได้ไปขนเอา "วัตถุโบราณ" ออกมาใช้งานทั้งหมด..!

    คำว่า "วัตถุโบราณ" ในที่นี้ก็คือ พระสังฆาธิการที่เคยเป็นเจ้าคณะปกครองระดับสูง เมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว สมัยก่อนก็แค่ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา ซึ่งไม่ค่อยจะมีใครไปปรึกษาหารือด้วย..! แต่พอพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. ขึ้นมาเป็นเจ้าคณะภาค ๑๔ นอกจากท่านจะแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ แล้ว ท่านยังนิมนต์มาใช้งานจริงด้วย

    ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า บรรดาพระเถระเจ้าคณะปกครองนั้น มากด้วยประสบการณ์ ตามบาลีกล่าวว่าเป็นรัตตัญญู ผู้รู้ราตรีนาน คืออยู่มานานมาก มีประสบการณ์มาก คราวนี้ท่านทั้งหลายเหล่านี้ถ้าหากว่าปล่อยทิ้งเอาไว้เฉย ๆ ก็จะเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก เพราะว่าประสบการณ์การทำงานของท่านนั้น เด็กรุ่นหลังไม่มีทางที่จะเทียบได้เลย

    เมื่อเป็นเช่นนั้น พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. เจ้าคณะภาค ๑๔ รูปปัจจุบัน จึงได้แต่งตั้งบรรดาที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดหลายต่อหลายรูปเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ โดยเฉพาะล่าสุดนี้ก็คือ หลวงปู่สมบุญ - พระครูสุวรรณธรรมานุยุต วัดลำพันบอง อายุถึง ๑๐๒ ปีแล้ว..! แต่ว่าหลวงปู่ท่านยังแข็งแรงมาก

    วันก่อนยังไปปลุกเสกวัตถุมงคลมาด้วยกันที่วัดระฆังโฆสิตาราม วันนี้ได้พบกันอีก กระผม/อาตมภาพเข้าไปกราบท่าน และแนะนำพระเถระหลายรูปที่ไม่รู้จักหลวงปู่ เนื่องจากว่าท่านไม่ได้เป็นเจ้าคณะปกครองมาเกิน ๒๐ ปีแล้ว เพราะว่าพระของเราต้องเกษียณอายุในตำแหน่งเจ้าคณะปกครองตั้งแต่ ๘๐ ปีเป็นต้นไป แปลว่าตอนนี้หลวงปู่ท่านเป็นแค่ตำแหน่งเจ้าอาวาสเท่านั้น
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    กระผม/อาตมภาพเองก็ยังเคยเรียนถวาย ในสมัยที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ชุ้น - หลวงปู่พระธรรมเสนานี (ชุณณห์ กิตฺติวณฺโณ) ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ว่า "ทำไมไม่เปิดโอกาสให้เจ้าอาวาสได้เกษียณอายุบ้าง ?"

    หลวงปู่ชุ้นท่านมองชนิดที่เรียกว่า "ไอ้เด็กนี่ไม่รู้ภาษาอะไรเลย !?" แต่ก็ยังเมตตาตอบว่า "ถ้าให้เจ้าอาวาสเกษียณอายุ แล้วในสมัยเป็นเจ้าอาวาส เคยเล่นพระลูกวัดเอาไว้มาก ถึงเวลาพระลูกวัดขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาส แกคิดว่าแกจะมีวัดอยู่ไหม !?" ดังนั้น..ตำแหน่งเจ้าอาวาสจึงเป็นตำแหน่งเดียวที่ต้องตายคาตำแหน่งเท่านั้น ห้ามเกษียณอายุเด็ดขาด..!

    กระผม/อาตมภาพก็เพิ่งจะ "ถึงบางอ้อ" ตอนนั้นเอง เมื่อมาระลึกดูก็ยังเห็นว่า เจ้าคณะปกครองระดับผู้ใหญ่ท่านรอบคอบมาก เนื่องเพราะว่าบุคคลที่เป็นเจ้าอาวาสนั้น ไม่ว่าใจดีขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าหากว่าต้องการให้การปกครองเป็นไปโดยความสงบเรียบร้อยดีงาม ก็จำเป็นต้องปากเปียกปากแฉะ จ้ำจี้จ้ำไช บางทีก็ทั้งบ่นทั้งด่า อาจจะมีผู้ที่ไม่พอใจท่านได้ เมื่อถึงเวลา ถ้าให้เกษียณอายุ ยกขึ้นเป็นกิตติมศักดิ์ บรรดาพระลูกวัดที่เคยโดนเอาไว้มากก็อาจจะเอาคืน ทำให้ "คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก"

    แต่ว่าสิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อแย้ม หรือว่าพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. ท่านทำนั้น กระผม/อาตมภาพเห็นด้วย เนื่องเพราะว่าเป็นการแสดงความกตัญญูต่อเจ้าคณะปกครองอาวุโส ที่เคยเป็นผู้บังคับบัญชาเหนือตนมาก่อน ดังนั้น..วันนี้หลายท่านซึ่งไม่เคยเห็น เพราะว่าครูบาอาจารย์บางท่านก็เกษียณอายุมานานแล้ว บรรดาพระลูกพระหลานที่เพิ่งจะเป็นรองเจ้าคณะอำเภอบ้าง เพิ่งจะเป็นเจ้าคณะอำเภอบ้าง ก็ได้เห็น และมีบางท่านที่แอบกระซิบถามกระผม/อาตมภาพว่า "หลวงปู่รูปนั้นเป็นใคร ? หลวงพ่อรูปนี้เป็นใคร ?"

    กระผม/อาตมภาพเคยทำโครงการ ตั้งใจนิมนต์พระเกษียณอายุในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ไปร่วมกันฉันเพล พูดคุยกันให้หายเหงาที่วัดท่าขนุน เพราะว่าตอนช่วงนั้นก็มีหลายรูปที่เกษียณอายุ แล้วไม่ได้รับการใช้งานเหมือนยุคนี้ แต่โครงการก็ไปพังลงเพราะหลวงปู่ชุ้นเช่นกัน..!

    หลวงปู่พระธรรมเสนานีของกระผม/อาตมภาพบอกว่า "ถ้าให้ไปนั่งเฉย ๆ ข้าไม่เอา ไปก็ต้องสวดมนต์สิวะ..!" เมื่อเจอคนแก่ไฟแรง แต่เราไม่อยากให้ท่านเหนื่อย กระผม/อาตมภาพจึงต้องพับโครงการไปโดยอัตโนมัติ และพระเถระยุคนั้นก็มรณภาพ ล้มหายตายจากไปมากต่อมากด้วยกันแล้ว
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    เมื่อมาเห็นหลวงพ่อเจ้าคุณแย้มของเราได้ไปขุดกรุเอา "วัตถุโบราณ" ทั้งหลายออกมาให้ลูกหลานได้เคารพบูชา เมื่อถึงเวลาประชุม ก็มีการถามไถ่ความเห็น ให้แสดงความเห็นกันจริง ๆ กระผม/อาตมภาพยังชื่นอกชื่นใจแทนท่านเจ้าคณะภาคเป็นอย่างยิ่ง ว่าสิ่งที่ท่านทำนั้น เป็นตัวอย่างให้เห็นชัดว่า พุทธภาษิตที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา ความรู้คุณท่านและตอบแทน เป็นเครื่องหมายของคนดี

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อแย้มของพวกเรา ด้วยความที่คลุกคลีตีโมงมาด้วยกันนาน กระผม/อาตมภาพรู้จักท่านตอนเป็นพระครูโสภณปัญญาวุธ เลขานุการของหลวงปู่พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) ซึ่งท่านเองก็ต้องเรียกว่าคร่ำหวอดกับวงการสงฆ์มาตั้งแต่สมัยนั้น เลื่อนขึ้นมาเป็นพระพิพัฒน์วิริยาภรณ์ พระราชวิริยาลังการ พระเทพศาสนาภิบาล เจริญในการปกครองขึ้นมาตามลำดับ จากเจ้าคณะตำบลมาเป็นเจ้าคณะอำเภอ มาเป็นรองเจ้าคณะจังหวัด แล้วกระโดดไปเป็นเจ้าคณะภาคเลย..! ปัจจุบันนี้ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่พระธรรมวชิรานุวัตร

    สิ่งที่ท่านทำ ทำให้กระผม/อาตมภาพนึกถึงคำพูดของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงว่า คนจีนมาทำงานที่เมืองไทยไม่นาน ก็ตั้งหลักปักฐานร่ำรวยกันทุกคน เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า คนจีนมีความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ มีการแสดงออกซึ่งความกตัญญูอย่างชัดเจน สิ่งนี้แหละที่เป็นคุณความดี ค้ำจุนให้คนจีนมีความเจริญรุ่งเรืองมาทุกยุคทุกสมัย


    กระผม/อาตมภาพมาเห็นชัดในยุคของหลวงพ่อเจ้าคุณแย้มนี่แหละ ว่าความที่ท่านกตัญญูต่อหลวงปู่หลวงพ่ออดีตเจ้าคณะปกครอง ที่เคยเป็นผู้บังคับบัญชาเหนือตน พยายามยกย่องให้มีเกียรติยศ พยายามที่จะดึงท่านมาร่วมงาน และให้ท่านช่วยมองปัญหา ช่วยหาทางแก้ปัญหาให้อย่างจริง ๆ จัง ๆ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หลวงพ่อเจ้าคุณแย้มท่าน เจริญรุ่งเรืองในการปกครองขึ้นมาตามลำดับ แม้ว่าส่วนหนึ่งคนเขาจะเห็นว่า ท่านเป็นบุคคลประเภท "ใจถึง..พึ่งได้" แต่ว่าเนื้อแท้ภายในนั้น กระผม/อาตมภาพว่าน่าจะเกิดจากความกตัญญูนี่เอง

    กระผม/อาตมภาพได้ถวายสักการะบรรดาเจ้าคณะปกครองต่าง ๆ เป็นการส่วนตัวด้วย ซึ่งสิ่งของที่ถวายนั้นก็ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อย แต่ว่าในส่วนของน้ำใจนั้น ต้องถือว่ามีความเคารพรักกันเป็นการส่วนตัว ซึ่งเป็นความกลมเกลียวเหนียวแน่นที่เราท่านรู้กันอยู่ภายใน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    เมื่อฉันเพลเสร็จเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็วิ่งไปยังวัดบางปลาหมอ หมู่ที่ ๖ ตำบลน้ำเต้า อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะว่าได้รับนิมนต์จากพระมหาณัฐพล กิตฺติปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดบางปลาหมอรูปปัจจุบัน ให้ไปช่วยปลุกเสกวัตถุมงคล รุ่น ๑๑๘ ปี มรณกาล ๒๐๘ ปีชาตกาล พระอุปัชฌาย์สุ่น สุนฺทโร อดีตเจ้าอาวาสวัดบางปลาหมอ
    เมื่อไปถึงก็ไปกราบรายงานตัวต่อหน้าพระประธานในโบสถ์ แล้วไปกราบรูปหล่อหลวงปู่สุ่น ขอให้ท่านเมตตาสงเคราะห์ในงานพุทธาภิเษกครั้งนี้ หลวงปู่ท่านก็ยังล้อเล่นว่า "ถ้าอย่างนั้น ข้าคิดค่าแรงครึ่งหนึ่ง..!" ซึ่งความจริงเป็นความเมตตาอย่างยิ่ง เพราะว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่นั้น ท่านจะคิดทั้งหมด กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ว่าอะไร เนื่องเพราะว่าได้แต่นั่งมองท่านที่เป็นคนลงแรงเองต่างหาก..!
    หลังจากที่นั่งพักผ่อนบนศาลาการเปรียญ รอจนได้เวลาก็เดินไปที่อุโบสถ ปรากฏว่าท่านเจ้าคุณหลวงตา (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) พอเจอหน้าท่านก็ถามเลยว่า "เป็นอย่างไร ? ผ้าไตรพระราชทานและสังฆทานส่วนพระองค์ไปถึงแล้วใช่ไหม ? ทำไมแกตกสำรวจนานนักวะ..!?"
    กระผม/อาตมภาพก็ไม่สามารถที่จะบอกกล่าวได้ เนื่องเพราะว่ายุคนี้สมัยนี้นั้น แม้กระทั่งเรื่องของพระครูสัญญาบัตรก็ยังมีการตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีก แต่ละรายที่เสนอชื่อขึ้นไป จะมีสันติบาล หรือว่าสายสืบไปถึงวัดอย่างน้อย ๒ รอบ ๓ รอบ ญาติโยมรอบวัดก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมถึงได้ซักไซ้ไล่เรียงกันขนาดนั้น ? แต่ว่าทำให้กระผม/อาตมภาพเห็นอยู่อย่างหนึ่งว่า ถ้าหากว่าใครมีปัญหากับชาวบ้าน มีหวังคุณ "เดี้ยง" แน่นอน..!
    เมื่อเข้าไปในอุโบสถ ก็ได้กราบหลวงพ่อแม้น (พระครูสมบูรณ์จริยธรรม) วัดหน้าต่างนอก ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นพระเกจิอาจารย์หลักของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งท่านเป็นประธานเจิมและจุดเทียนชัย กระผม/อาตมภาพเข้าที่ภาวนา ดูท่านอาจารย์ปู่ทวด (หลวงปู่สุ่น) นั่งองค์ใหญ่ล้นโบสถ์เหมือนกัน แล้วก็นั่งท่าเดียวกันกับวันก่อนที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) วัดระฆังโฆสิตารามนั่ง ก็เลยคิดว่า อดีตเจ้าอาวาส เวลานั่งก็น่าจะท่านี้เหมือนกันหมด..!
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,533
    ค่าพลัง:
    +26,371
    เมื่อหลวงปู่สุ่นท่านบอกว่า "เต็มสมบูรณ์แล้ว" กระผม/อาตมภาพก็ทำน้ำมนต์ กำลังพรมน้ำมนต์อยู่ พระมหาณัฐพล เจ้าอาวาส นิมนต์ท่านเจ้าคุณหลวงตาดับเทียนชัย ท่านเจ้าคุณหลวงตาหันมาบอกว่า "เล็ก..แกช่วยจัดการที" กระผม/อาตมภาพนึกไปว่า เหมือนสมัยตอนอยู่วัดท่าซุงทุกประการ..!

    สมัยนั้นแม้ว่าบางทีกระผม/อาตมภาพจะนั่งห้อยท้ายเป็นรูปที่เก้า มีหลวงตาเจริญบ้าง หลวงพ่อโอบ้าง หลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์บ้าง นั่งอยู่อันดับ ๑ - ๒ - ๓ มาตามลำดับก็ดี แต่พอมีเรื่องที่จะต้องเจิม จะต้องลง จะต้องเขียนยันต์อะไรให้กับญาติโยมเขาก็ตาม ก็จะมีคำสั่งว่า "เล็ก..ไปทำที" กระผม/อาตมภาพก็เคยประท้วง "หลวงพี่" ทั้งหลายว่า "อยู่กับหลวงพ่อมานานขนาดนี้ ทำไมไม่ศึกษาเอาไว้บ้าง" หลวงพ่อโอตอบอย่างชัดเจนว่า "เป็นแล้วเหนื่อยว่ะ..!" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่เหนื่อยมาตลอดจนกระทั่งถึงวันนี้

    เมื่อดับเทียนชัยเสร็จ รับไทยธรรม
    แล้ว กระผม/อาตมภาพก็กราบลาทุกท่าน บอกท่านว่า "คนบ้านไกล จำเป็นจะต้องรีบไปก่อนครับ" แล้วก็น้อมจิตกราบแทบเท้าขอบพระคุณหลวงปู่อาจารย์ทวด ซึ่งท่านเองเมตตาอนุเคราะห์สงเคราะห์มาโดยตลอด กระผม/อาตมภาพรู้สึกจริง ๆ ว่าหลวงปู่สุ่นท่านไม่ได้อยู่ในลักษณะของท่านอาจารย์ปู่ทวดตามความรู้สึก แต่รู้สึกว่าท่านเป็นปู่เป็นตาจริง ๆ

    เพราะว่าครั้งแรกที่ไปทำความสะอาด "เพิงหมาแหงน" ให้กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ซึ่งเพิงหลังนี้เป็นกุฏิหลังแรกของท่านที่ไปอยู่ที่วัดท่าซุง เจอรูปหลวงปู่สุ่นขนาดเล็กอยู่ในกรอบ ซึ่งกลายเป็นสีเหลืองน้ำตาล กรอบหมดแล้ว เห็นแล้วยังสะดุ้งว่า "ใครเอารูปคุณตาของกระผม/อาตมภาพมาไว้ที่นี่ ?" เพราะว่าคุณตาของกระผม/อาตมภาพนั้น ท่านชอบตัดผมเกรียนติดหนังศีรษะ เหมือนอย่างกับพระโกนหัวเลย..!

    พอไปกราบเรียนถาม พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่า "หลวงปู่สุ่น วัดบางปลาหมอ ข้าก็ลืมไปแล้วว่าเคยติดรูปท่านเอาไว้กราบไหว้ในกุฏิ" กระผม/อาตมภาพขออนุญาตท่านนำมาติดไว้ให้ที่หัวเตียง แต่ปรากฏว่ารูปเล็กจนเกินไป จึงโดนครูนนทา อนันตวงษ์ เอาไปเก็บเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็ว่าจะขอติดมือมาบูชาเอง..!

    แต่ว่าวันนี้ทางด้านพระมหาณัฐพลท่านได้ถวายรูปหลวงปู่สุ่นรูปใหญ่มา หลวงปู่ท่านยังบอกว่า "แกเอาไปขายอีกแน่นอน""ใช่ไหม ?" กระผม/อาตมภาพก็ตอบเลียนแบบปฏิปทาหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า "กระผมถือว่า สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถือพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง โดยเฉพาะครูบาอาจารย์ครับผม" หลวงปู่ท่านบอกว่า "แกรีบไปเลย..ไม่อย่างนั้นจะโดนไม้เท้า..!"

    เมื่อถึงเวลา กระผม/อาตมภาพจึงได้เดินทางกลับมา โดยอาศัย "พี่กู" นำทาง เนื่องเพราะว่าบริเวณนั้น ถนนหนทางค่อนข้างจะซับซ้อน กว่าที่จะมาถึงที่พักก็กินเวลาไปนานโขทีเดียว

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...