เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

พระปางรำพึง สององค์นี้ก็แจกฟรีน่ะครับ น่าจะเป็นพระโหล ผมไปกราบหลวงพ่อตามปกติ พอกราบท่านเสร็จ ปั้บ ท่านก็คว้ากระป่องเก่าๆ สนิมเขลอะ มาวาง ล้วงไปเอาพระมาโชว์ ผมเลย " ไถ " ท่านมาตามธรรมเนียมคนชอบของฟรี ผมเคยเห็นวางในตู้เซียนที่วิเศษฯแต่เขาไม่รู้ว่ามาจากไหนหรอกครับ มาจากวัดมอญน่ะเองพี่ ส่วนท่านจะเคยแจกเมื่อไหร่ผมลืมถาม แต่ดูแล้วมีความเก่าพอสมควร หลวงพ่อแจกแล้วเก็บจนลืมไว้ในกระป๋อง แล้วพระท่านไปเจอเลยเอามาถวายหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านเลยแจกมา เลี่ยมเสร็จเหมาะสำหรับผู้มีเบี้ยน้อย ห้อยได้เลย และเหมาะสำหรับ พวกชอบของฟรีแบบผม .....อิอิ
<O</O
พระปางรำพึงนี่เป็นพระประจำวันศุกร์น่ะครับ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ

 

สวัสดีตอนเช้าครับพี่พี ขอขอบคุณมากนะครับที่สละเวลามาตอบกระทู้ของผม (||)

 

ด้วยความยินดีครับ

 

ขออนุโมทนาด้วยครับ เพิ่งได้เข้ามาชม กราบหลวงพ่อทรงครับ สังฆัง น มามิ คราวหน้าผ่านวัดท่าน จะแวะเข้าไปทำบุญครับ

 

พอดีมีเหรียญหลวงพ่อทรง รุ่นแรก ปี 2513

 

ยินดีด้วยครับ

แต่กรุณาโชว์รูป ยิ่งยินดีใหญ่

 

*-* ตัวผมเองก็มีรูปหลวงพ่อทรงอยู่รูปนึงครับ บูชาติดตัวอยู่ทุกๆวัน ขอบพระคุณสำหรับข้อมูลดีๆที่นำเสนอเป็นวิทยาทานครับ *-* thaiput007@hotmail.com

 

รักหลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรงแม้จะไม่เคยพบท่านแต่แปลกรักท่านเหมือนเห็นเห็นท่านตลอดเวลา

 

ของหายาก....แหะๆ

 

รูปหล่อ ๕ นิ้ว รุ่นทิ้งทวน ( รุ่นสุดท้าย )

จากรูป อันนี้โชว์มาทีหนึ่งแล้ว เป็นองค์ที่หลวงพ่อเสกซ้ำให้บนเตียง แบบนอนเสก รวมกับองค์ที่เอามาฝากให้หมอ ที่วิชัยยุทธ อีกสี่องค์ ท่านให้ผมมาด้วยความรักและเมตตาก่อนท่านจะล่ะสังขารไปแดนเกษม ประมาณ ๒ - ๓วัน ตอนผมเอารูปหล่อนี้ไปให้พวกหมอที่วิชัยยุทธ หลังจากงานหลวงพ่อแล้ว พวกหมอๆ ดีใจมาก ที่ได้รูปหล่อนี้
<O</O
ที่จริงรุ่นนี้ผมควรจะเอาเรื่องนี้ไปต่อ รูปหล่อ ๕ นิ้ว รุ่น ปี ๔๒ และ ๔๙ แต่ผมกระโดดไป ผมเลยเอามาลงตอนนี้น่ะครับ เอาว่าเล่าตามสไตล์ผมก็แล้วกัน ทางนี้นิด ทางโน้นหน่อย อย่าว่ากันเลยน่ะครับ...แหะๆ

<O</O
รูปหล่อรุ่นนี้ ว่าตามตรงแบบฟันธงเลยว่า เป็นดำริห์ของหลวงพ่อเอง แบบว่าคราวนี้ไม่ใช่ของโรงเรียนเจ้าเก่า สร้างแล้วทางวัดร่วมแจม อะไรประเภทนั้นอีกต่อไป หรือ เป็นของนายทุนรายใด เป็นของบริสุทธิ์มาจากหลวงพ่อโดยตรง แต่พิมพ์ก็เดิมๆน่ะแหละครับ เพราะหลวงพ่อชอบ แต่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ท่านนั่งจับเข่าแล้วดูสง่าดี เพียงแต่ดัดแปลงโต้ะฐานสิงห์มาเป็น ฐานเขียงเรียบ ลายไทยแทน ข้างหน้าก็ลง คำว่า พระครูสุภัทรธรรมโสภณ ส่วนด้านหลัง ก็คำว่า วัดศาลาดิน อ. วิเศษฯ จ. อ่างทอง ตกลงมีทั้งคำว่า ดิน วิเศษ และ ทอง มีคำดีๆ เป็นคำมงคลทั้งนั้นน่ะครับ ดินเพื่อการงอกเงย วิเศษเพื่ออิทธิฤทธิ์ และทอง เพื่อความร่ำรวย ตกลงเป็นพรที่หลวงพ่อทิ้งไว้ให้แทนตัวท่าน เพื่อความเป็นมงคล เป็นรูปแทนตัวท่านรุ่นสุดท้ายจริงๆ

รูปหล่อนี้ จำได้ว่าสั่งทำมาตอนท่านยังไม่ป่วยแต่ใกล้ๆแล้ว แต่ทำเสร็จช่างนำมาส่งน่ะ ผมพอจำได้ว่าหลวงพ่อเริ่มป่วยแล้ว แต่ยังพูดคุยได้ เพราะผมยังได้ยิน ท่านกับหลานท่านที่เป็นฝ่ายการเงิน บ่นๆกันว่า ช่างทำเกินจำนวนมา ( ช่างเจ้านี้ ทำเกินมั่วมาประจำแบบเจตนา จะได้เก็บตังค์เพิ่ม แต่มาคิดตอนนี้ก็ดี เพราะของจะได้มีมากขึ้นเล่นหาได้มากขึ้น ....อิอิ ) ผมไม่ทราบจริงๆว่า เกินเท่าไหร่ เพราะบอกตามตรงตอนนั้นไม่ได้สนใจเรื่องจำนวน แต่มั่นใจจำนวนทั้งหมดประมาณหลักร้อย เพราะหลังจากที่ปลุกเสกเสร็จ นำไปที่วัดผมเห็นวางซ้อนกันอยู่กองใหญ่เหมือนกัน คงจะหลายร้อยองค์ ตอนนั้น ทางวัดให้ออกบูชา องค์ล่ะ ๑,๕๐๐ บาทต่อองค์ ราคาเท่ากับรุ่นก่อนหน้านั้น

<O</O
ส่วนการปลุกเสกผมไม่ได้เห็นเพราะไม่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ถามจากผู้ที่เข้าร่วม ฟังแล้วตรงกันว่าท่านปลุกเสกแน่นอน เมื่อช่างทำเสร็จเอาเข้าไปเสกในโบถส์เหมือนรุ่น ปี ๔๒ และ ๔๙ แล้วนิมนต์หลวงพ่อ นั่งรถไป แล้วท่านลงไปเสกให้ในโบถส์ ชั่วระยะเวลาหนึ่งไม่นานเพราะท่านป่วยแล้ว อันนี้น่าจะเป็นท่านอยากไปเองเพราะเจตนาจะให้เป็นรุ่นโลหะแรกที่ท่านสั่งทำเอง แล้วเป็นรุ่นสุดท้าย ที่จะทิ้งทวนไว้แทนตัวท่านด้วย เป็นของๆท่านล้วนๆ และ คงไม่มีใครกล้าบังคับให้ท่านไปเสกให้ได้ ยกเว้นหลวงพ่อต้องการจะไปเอง

<O</O
นอกจากนั้น ยังเป็นรูปหล่อที่ท่านฝากมาให้หมอ สี่ท่านที่รักษาท่านที่ วิชัยยุทธ ที่ได้ดูแลท่านอย่างดี รวมทั้งให้ผมองค์หนึ่ง ทั้งรูปหล่อคุณพุ่ม ท่านก็ให้ผมมาอีกองค์ในวันสุดท้ายที่ผมได้มีวาสนาพบกับท่าน แบบท่านยังมีลมหายใจ วันนั้นท่านให้สัญญานชัดเจนแก่ผมว่าท่านจะตายแน่ๆ( อย่างที่เล่าไปแล้ว ) และจะไม่ได้พบกันอีกซึ่งทำให้ผมได้มีโอกาศขอขมาท่านเป็นครั้งสุดท้าย หลวงพ่อท่านให้ผมไว้ เพื่อเอาไว้ให้ดูแทนตัวท่านเพราะท่านทราบว่าผมติดวัตถุ ซึ่งถ้าดูตามเจตนาทิ้งทวนของหลวงพ่อแล้ว รุ่นนี้น่าจะเก็บหา มาบูชาที่สุดครับ ในความคิดของผม เพราะเป็นของท่านจริงๆ ดำหริห์เอง เป็นเจตนาของท่านเองแท้ๆ สั่งสร้างเอง จ่ายเงินเอง และเสกเอง และเจตนามอบให้คนบางคนที่ท่านมีโอกาศไว้แทนตัวท่าน ก่อนท่านจะสิ้นลมหายใจ

<O</O
อันนี้ไม่รวมถึงรุ่นคุณพุ่ม ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นรูปหล่อเหมือนรุ่นแรกของหลวงพ่อที่เป็นของท่านเอง ที่แม้หลวงพ่อจะเป็นเจ้าภาพออกทุนเอง แต่อาจจะไม่ใช่ดำหริห์ของหลวงพ่อโดยตรงก็ได้น่ะครับ เพราะการทำรูปหล่อเรซิ่นนี้ค่อนข้างไฮเทค มีราคาแพง ผมทราบว่าเป็นการทำของครูเจ้าเก่า และของคณะวัดไผ่ล้อม นครปฐมซึ่งดูแล้วจัดว่าเป็นมืออาชีพ พิธีใหญ่ที่สุดของหลวงพ่อทีเดียว มีเจ้าฟ้าเสด็จ มีตราพระนามประทับบนรูปหล่อ ( ทำให้ไม่มีใครกล้าปลอม หรือ เสริมออกมา ) ซึ่งก็ทำให้ รุ่นหล่อเรซิ่นรุ่นคุณพุ่ม มีราคาแพงมาก ออกจากวัด ราคา ๙,๙๙๙ บาทที่เดียว ทำให้ของเดินยาก เพราะใครจะบูชาคงคิดแล้วคิดอีก ถ้าไม่ตั๋งจริงๆ...แหะๆ และน่าจะไม่ใช่ดำหริห์ส่วนตัวของหลวงพ่อ ซึ่งเป็นคนง่ายๆ ไม่ชอบของมีราคาแพง

<O</O
ผิดกับรูปหล่อทองเหลืองซึ่งต้นทุนต่ำกว่ามาก สร้างโดยช่างพื้นบ้าน เจ้าเดิมที่หลวงพ่อสั่งได้ ตอนนั้นรูปหล่อรุ่นคุณพุ่มยังเหลืออยู่ ที่วัดอีกเยอะ ถ้าจะว่าไปแล้วไม่มีความจำเป็นในแง่จำนวนที่จะต้องสั่งทำรูปหล่อขนาดบูชาเพิ่มมาอีก แต่หลวงพ่อคงมีเหตุผลของท่านซึ่งจริงๆแล้วเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเป็นอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามทำให้รูปหล่อรุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายจริงๆ ที่หลวงพ่อปลุกเสกให้ในโบถส์เป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนั้น ท่านก็ไม่ได้เสกอะไรเป็นทางการอีก เพราะป่วยหนัก

<O </O
รูปหล่อนี้ว่าตามตรงฝีมือช่างเดิมเจ้าเก่า ไม่ได้ละเอียดละออ พิถีพิถันอะไรมากมายนัก แต่ก็มีประพิมประพรายของหลวงพ่อทรงอยู่ หลวงพ่อท่านยิ้มน้อยๆ จัดว่ามีชีวิตชีวา ดูได้เพลินๆ ทำให้นึกถึงหลวงพ่ออันเป็นที่รักของศิษย์ เป็นเนื้อทองเหลือง อย่างเดียวแต่มีสองผิวคือ แบบ รมสีแดงเม็ดมะขาม รมไม่แน่นเท่าไหร่ แบบเปรอะๆ และแบบผิวเดิมๆ สีทองเหลือง เพื่อเอาใจกิเลสของคนที่ชอบความแตกต่าง

</O
ข้างใต้ฐานก็เทปูน ฝังเส้นเกศาทุกองค์มากบ้างน้อยบ้าง เป็นการฝังเสร็จมาจากช่าง เหมือนกับรูปหล่อทองเหลือง ปี ๔๙ ผมซูมให้ดูเส้นเกศาของหลวงพ่อ เส้นเกศาของหลวงพ่อมีจุดสังเกตุน่ะครับ แต่ผมไม่บอกที่นี้น่ะครับ เป็นการชี้ช่องไปหน่อย แต่ของแบบนี้ แบบเส้นเกศาจะเลียนแบบไม่ได้หรอกครับ มีอาถรรพ์ ทำอย่างไร จากศีรษะใครก็ไม่มีทางเหมือนได้ เพราะมีเอกลักษณ์มาจากศีรษะของคนคนเดียวกันน่ะครับ คือ ศีรษะของหลวงพ่อทรงพระผู้เฒ่าผู้ทรงศีล แล้วใครบังอาจไปเลียนแบบจะเข้าตัวคนทำเลียนแบบไปก็ได้ครับ เมื่อมาลองเล่นกับของสูงแบบหลวงพ่อทรงเข้า ตัวอย่างมีแล้วน่ะครับ ผมไม่เล่าที่นี่ ไม่ชอบซ้ำเติมใคร ใครทำอะไรไว้ กรรมอาจจะมาก่อนตายก็ได้ ตายแล้วก็ไปรับต่อ ตัวใครตัวมันน่ะครับ

จากประสบการณ์ของผม ที่ผ่านมา ของรุ่นแรก กับ รุ่นสุดท้ายนี่จะเป็นที่นิยมของนักนิยมพระเครื่อง เพราะของรุ่นแรก พระท่านตั้งใจ เพราะเป็นสิ่งแรก จะไม่ให้เสียชื่อ มีศักศรีดิ์ของรุ่นแรกอยู่ ( ในที่นี้ของหลวงพ่อทรงคือ เหรียญบิน ) และของที่เป็นรุ่นสุดท้าย เพราะเมื่อถึงตอนนั้น มีบารมีที่สร้างสะสมมา มีวิชาแก่กล้าขึ้นถึงที่สุด และพระท่านรู้ว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทำในรูปสังขารของท่าน ( ไม่ใช่กายทิพย์ ) ท่านจะทิ้งทวนใส่หมดแบบไม่กั้ก ไม่ยั้ง ทำให้รุ่นสุดท้ายนี้เป็นที่นิยมหลายอาจารย์ พวกนิยมพระเครื่องจะจ้องหากัน และสำหรับหลวงพ่อทรงก็คือรุ่นรูปหล่อ ๕ นิ้ว รุ่นนี้ครับ ปลุกเสกตอนเริ่มป่วยด้วยพลังจิตของผู้มีบุญ แจกให้คนก่อนท่านตายไม่กี่วัน เป็นของสั่งลาจริงๆครับ <O</O

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ

 

มือถือหลวงพ่อ
วันนี้ขอพักสายตาวันน่ะครับ ที่จริงยังมี พระเครื่องของหลวงพ่ออีกหลายแบบ ทีผมจะทยอยนำมาลง ผมไปเรื่อยๆก็แล้วกันน่ะครับ
<O</O
แต่วันนี้ขอโชว์มือถือเครื่องหนึ่งน่ะครับ ถ้าท่านที่เคยไปวัดมอญมาบ้าง ถ้าสังเกตุ จะเห็นมือถืออันนี้วางข้างกายพระผู้เฒ่า เก่าแสนเก่า แบตจะอัดไฟไม่ค่อยอยู่ สายชาร์จ บางที่ชาร์จเข้า บ้างไม่เข้าบ้าง ท่านก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยน จนผมเอาสายชาร์จผมไปแลกมา เพราะบางที่ท่านบ่นๆ ว่าโทร มันเหลือแค่เม็ดเดียว ( หมายความว่าถ่านมันเหลือไฟแค่ขีดเดียว )
<O</O
มือถืออันนี้ ความเดิมว่าท่านใช้มานาน มีลูกศิษย์ถวาย ในยุคนั้นหลายปีมาแล้ว มือถือยังแพงเป็นหมื่นๆอยู่ ท่านก็ใช้มาเรื่อยๆไม่ยอมเปลี่ยน เพราะคงคิดว่ามือถือยังแพงอยู่น่ะครับ และความมัธยัสของท่านด้วย เคยมีคนมาของ ซองท่านไปบูชา เฉพาะซองน่ะครับ แต่ไม่ได้แอ้ม
<O</O
อันนี้ก็ไหนๆแล้ว เล่าซ่ะเลย ผมเคยได้หวยจากมือถืออันนี้ คือหลังจากผมเงียบๆไปหลายวันเพราะยุ่ง ท่านก็โทรมาหา ชวนคุยโน่นคุยนี่ไปตามเรื่อง เอาว่าคงอยากให้ผมไปหาน่ะแหละครับ
<O</O
<O</O
พอดีมันใกล้หวยออก ผมยังไม่รู้จะเล่นอะไรดี เลยเอาเบอร์ท่านที่โทรเข้าน่ะ แทงหวย .....แหะๆ ถูกครับ ....ไม่ทราบบังเอิญหรือปล่าวน่ะ

<O</O
เบอร์ท่านคุณต้องลองไปไล่ดู ไม่ทราบปีไหนเดือนอะไรที่หวยออก เพราะนานแล้ว ผมลืม แต่เบอร์โทรท่านคือ ๐๘๙ ๕๓๐ ๒๖๙๙ ผมไม่เคยลบออกจากเครื่องของผม ไม่เคยคิดด้วย แต่อย่าโทรไปน่ะครับ หลวงพ่อท่านไม่อยู่แล้ว คนรับจะเป็นคนอื่นที่ครอบครองไว้ เดี๋ยวจะตกใจ.....แหะๆ
<O</O
<O</O
มือถืออันนี้มีคนโทรมาหาท่านบ่อยๆเหมือนกัน ท่านก็รับแล้วคุยด้วย บางทีโทรมาปรึกษาเรื่องต่างๆ จัดว่าหลวงพ่อ แม้จะเมตตา รับแขกญาติโยมแบบ person to person ที่วัดแล้ว ท่านยังมีบริการ on line เคลื่อนที่ด้วย....แหะๆ สามารถโทรคุยถามได้จากที่ไกลๆ ใต้ก็มี อีสานก็มี จัดว่าหลวงพ่อท่านทันสมัยเหมือนกัน ในเครื่องนี้ ผมเคยแอบดู มีเบอร์เพียบเลยเหมือนกัน จัดว่าหลวงพ่อ มีแฟนคลับเยอะ พอสมควร แต่ยังดีที่ไม่มีใครไปขอให้ท่าน เป่าหรือ เสกผ่านมือถือ แบบที่เพื่อนผมเล่าให้ฟังถึงพระแถวเมืองกาญฯ ที่เป่าหัว ผ่านมือถือ อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า จะ work หรือปล่าว แต่คงมีผลด้านกำลังใจน่ะครับ...อิอิ<O</O
<O</O

ตกลงเอามาให้ดู ประกอบเรื่องหลวงพ่อทรงครับ<O</O

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ
สุดยอดเลยลุงพี ผมก็เคยเห็นหลวงพ่อใช้ครับ
ตอนไปกราบหลวงพ่อ

 

อย่างงี้เขาเรียกว่าท่านสงเคราะห์คนด้วยของไฮเทคครับ

 

กราบเท้าหลวงพ่อ และโมทนาพี่อีกครั้งน่ะครับ

ธรรมใดที่หลวงพ่อบรรลุแล้ว ขอให้ผมเห็นธรรมนั้นด้วย

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ

 

ขอรบกวนถามพี่พี หน่อยครับ ว่าตะกรุดมหาจักรฯ เวลาเราอาราธนา จะต้องว่าคาถาหรือเปล่าครับ หรือว่า ตั้งจิตถึงหลวงพ่อ แล้วอธิษฐานเอาเลย

ถ้าต้องอาราธนา พี่พี มีคาถาไหมครับ ผมลองค้นแล้วปรากฏว่า ที่ได้มาไม่ค่อยชัดอ่านไม่ออกอยู่หนึ่งตัว ก็เลยไม่อยากเดา เดี๋ยวคาถาวิบัติ

ผมพึ่งไปอาราธนาตะกรุดลงมาจากหัวนอนครับ เอามาถักเชือก แล้วคาดเอวติดตัวครับ ก็เลยสงสัยนิดหน่อยว่า จะต้องว่าคาถาอาราธนาหรือเปล่า จะได้ทำให้ถูกต้องครับ

ขอบพระคุณพี่พี ล่วงหน้าด้วยครับ

 

รูปหลวงพ่อทรงรับพัดยศ


ผมไม่ทราบจริงๆว่ารับจากท่านใด แต่จะเห็นว่าเป็นพัดแฉก หลวงพ่อยังหนุ่มมากเลย ถ้าคุณจำรูปถ่ายอัดกระจกรุ่นแรกได้ เขาจะเล่ากันว่า ปี ๒๕๑๒ ทำก่อนเหรียญบิน ในรูปถ่ายอัดกระจกนั้น จะเห็นหลวงพ่อนั่ง ข้างๆพัดแฉกอันนี้

ผมไม่รู้ตัวจริงๆว่าจะต้องมาเขียนประวัติหลวงพ่อบางส่วน ไม่อย่างนั้นผมจะซักแล้วจดให้ละเอียดทีเดียว หลวงพ่อท่านก็ไม่เล่าประวัติท่านมากนัก แล้วแต่โอกาศ ที่ล่ะนิดล่ะหน่อย ครับ ผมก็ปะติดปะต่อเอา ถ้า พ.ศ. ๒๕๑๒ หลวงพ่อท่านจะอายุประมาณ ๔๖ ปีครับ<O</O
<O</O

แต่มีครูโรงเรียนท่านหนึ่ง ผมไม่กล้าเอ่ยนามเพราะไม่ได้ขออนุญาติ ท่านเถียงเสียงแข็งเลยว่า รูปถ่ายอัดกระจก สร้างหลังเหรียญบิน ท่านผู้นี้ใกล้ชิด หลวงพ่อมาหลายสิบปี เรียกหลวงพ่อว่าหลวงพี่ แล้วยังเป็นผู้รู้เหตุการณ์การสร้างรูปถ่ายอัดกระจกซ่ะอีก อย่างนั้นแสดงว่า จากรูปถ่ายนั้น หลวงพ่อมีอายุ มากกว่า ๔๖ ปีน่ะครับ และจะสรุปได้อีกอย่างว่าเหรียญบินคือเหรียญรูปหลวงพ่อ ( อาจารย์ทรง ) ที่เป็นวัตถุมงคลรุ่นแรกที่เป็นรูปของหลวงพ่อจริงแน่นอนครับ อันนี้ยิ่งเพิ่มศักศรีดิ์ของเหรียญบินเป็นอย่างมาก

<O</O
และแสดงว่าท่านได้พัดยศนี้คงอายุประมาณ มากกว่า ๔๖ ปีนั้น จัดว่ายังหนุ่มมาก ขาวสูงโปร่งทีเดียว
<O</O
<O</O

หลานท่านบอกผมว่า เคยได้ยินว่า ตอนหลวงพ่อหนุ่มๆ ยังไม่บวชมีสาวมาชอบเยอะ เพราะหล่อเข้าตา ขาว สูง หน้าตาดี ใจดี มีฐานะด้วย แต่ไม่ได้แอ้มหลวงพ่อหรอกครับ ....แหะๆ ยากส์ๆๆๆๆ เพราะพอพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้บวช ก็เหมือนปล่อยพญาราชสีห์หนุ่มเข้าป่า ท่านก็เข้าไปเพลิดเพลินในป่าดงขมิ้น จิตสงบนิ่งอยู่ในแดนผ้าเหลือง ไม่มีคำว่าคิดสึกสำหรับท่าน เรียกว่าเดินไปแต่ข้างหน้าไม่มีถอยหลัง จนมาล่ะสังขารในขณะปฏิบัติหน้าที่ในเครื่องแบบ คือ ผ้าเหลืองเหมือนกัน
<O</O
<O</O

ส่วนคำถามของคุณ Moodam น่ะครับ เรื่องนี้ผมเคยเล่าไปแล้วแต่อาจจะไม่เครียล์ ผมจะเล่าแบบละเอียดเลยน่ะครับ จากมุมมองและประสบการณ์ของผม ของท่านอื่นอาจจะแตกต่างกันไปตามพื้นฐานที่ประสบมาก็ไม่ว่ากันน่ะครับ
<O</O
<O</O

เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน ผมเคยถามอาจารย์ผม หลวงปู่พระครูบุญศรี ว่า ของๆหลวงปู่( พระเครื่อง เครื่องราง ) มีคาถา กำกับไหมครับ ท่านตอบว่า ไม่มี ทำสำเร็จแล้ว ให้อธิษฐานเอา และผมถามต่อว่า มีข้อห้ามไหมครับ ท่านตอบว่า ไม่มี
<O</O
<O</O

หลังจากนั้นอีกประมาณ ๙-๑๐ ปี เมื่อผมพบหลวงพ่อทรง ได้ระยะหนึ่ง ผมถามคำถามเดียวกันกับหลวงพ่อทรง
<O</O
<O</O

ของๆหลวงพ่อ( พระเครื่อง เครื่องราง ) มีคาถา กำกับไหมครับ ท่านตอบว่า ไม่มี ทำสำเร็จแล้ว ให้อธิษฐานเอา และผมถามต่อว่า มีข้อห้ามไหมครับ ท่านตอบว่า ไม่มี
<O</O
<O</O
เหตุการณ์นี้ ถามคำถามแบบเดียวกัน ต่างกรรมต่างวาระ ต่างคน ต่างเวลา ต่างสถานที่กันน่ะครับ แต่ตอบเหมือนกัน อย่างกับนัดกันมาตอบ <O</O
<O</O

และที่จริงแล้วนอกเหนือจากนั้นแล้ว หลวงปู่พระครูบุญศรี ให้คาถาผมมาหลายบท ผมก็ใช้อยู่ เพราะผมเป็นศิษย์ครอบครูของหลวงปู่ท่านรับผมเป็นศิษย์แบบถูกต้อง ส่วนหลวงพ่อทรง อย่างที่กล่าว ท่านไม่เคยรับผมเป็นศิษย์น่ะครับ ครูบาอาจารย์รุ่นเก่าที่ขลังจริงๆ ท่านจะไม่ให้คาถาง่ายๆมั่วๆ และไม่ให้ของดีง่ายๆ ต้องลองใจกันก่อน และถ้าคิดว่า รับได้ และรับเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กันแล้วจึงจะมอบคาถาหรือวิชาให้ และที่ให้ก็ไม่ได้ให้หมด ยกเว้นคนๆนั้นจะใกล้ชิด และมีวาสนาได้ใกล้ชิดจริงๆ และมีวาสนาบารมีถึง จึงจะได้วิชาสำคัญๆ และคนๆนั้นไม่ใช่ผมแน่ๆครับ เมื่อพระอาจารย์ของผมท่านล่ะสังขาร วิชาเหล่านั้นก็คงสูญหายไป ผมได้มาแค่กระผีกริ้น<O</O
<O</O

ยกตัวอย่าง วิชาอย่างหนึ่งของหลวงปู่พระครูบุญศรี ซึ่งเด็ดขาดมาก คือการต่อชะตาชีวิต อันนี้ไม่ได้พูดมั่วๆน่ะครับ ถ้าคุณรู้จักลูกศิษย์สายหลวงปู่บุญศรีถามเรื่องนี้ดูได้ ส่วนผมเห็นกับตา อยู่ร่วมในเหตุการณ์หลายครั้ง และเคยนำน้ำมนต์จากพิธี ไปช่วยคนอย่างน้อยหนึ่งคนที่ได้ผลอย่างเด็ดขาด ส่วนท่านอื่น มีอีกหลายท่านที่หลวงปู่ช่วยไว้ ผมไม่รู้จักท่านเหล่านั้นเลย เลยไม่ได้ทราบผลในตอนจบ ผมมีโอกาศจะเล่าละเอียดในวันข้างหน้าก็แล้วกัน วิชานี้เมื่อหลวงปู่พระครูบุญศรี ล่ะสังขาร ผมไม่ทราบว่ามีใครได้ไว้ครับ แต่คิดว่าไม่มี ส่วนผม บารมีไม่ถึงแน่นอน มิฉนั้นหลวงปู่คงสอนผมแล้ว หรือ ผมคงต้องไปบวชอยู่กับท่านน่ะ ...แหะๆ<O</O
<O</O

ส่วนหลวงพ่อทรง เนื่องจากผมไม่ใช่ศิษย์ของท่าน ท่านก็ไม่เคยสอนอะไรให้ มีแต่ของสำเร็จที่ท่านทำไว้ให้ด้วยเมตตา และผมพอจะทราบว่า ท่านมีวิชามาก และคงจะได้สูญหายไปหลายอย่างเมื่อท่านล่ะสังขารไป และผมคงมีบารมีไม่ถึงตามเคย ไม่งั้นคงได้วิชาอะไรบางอย่างจากท่านไว้บ้าง<O</O
<O</O

แต่ผมมีข้อสรุปจากมุมมองผมน่ะครับ

ของๆหลวงพ่อทรง สำเร็จแล้วจากการอธิฐานจิต จิตเป็นตัวกำหนดไว้แล้วครับ เมื่ออาราธนามาใช้ ก็ อธิฐานด้วยจิต เพราะพวกตัวบทคาถา เคล็ดสำคัญ ได้ถูกบรรจุไว้หมดแล้ว ด้วยขั้นตอนทางจิตของหลวงพ่อ เหมือนหลวงพ่อได้ตั้งโปรแกรมไว้แล้วครับ<O</O
<O</O

พระมีวิชาหรือ เรียนวิชามา แล้วพอท่านมาปฏิบัติธรรม เจริญสติไปด้วย พอไปถึงจุดๆหนึ่ง หลังจากคร่ำเคร่งทำมานานเข้า สติท่านจะแก่กล้ามาก เมื่อถึงจุดนั้นท่านจะล่ะวางพวกสมมุติ ทั้งหมดไปได้สิ้น ท่านจะล่ะพวกพิธีกรรม ขั้นตอน ฤษถ์ยาม ตัวคาถาและ พวกเลขยันต์ไปได้หมด เหลือแต่จิตล้วนๆ เรียกว่า เข้าตรง เร็ว เพราะจิตนี้ไวมาก มีกำลังแรง มีการทะลุทะลวงได้สูง<O</O
<O</O

แต่ความที่ท่านมีศิษย์ที่จะต้องโปรด และส่วนมากติดสมมุติ และท่านก็มีครูบาอาจารย์ที่พวกท่านนับถือ พวกอักขระเลขยันต์ก็ลงไปตามบังคับ ครูบาอาจารย์ ที่ท่านได้สอนมา แต่อาจจะหดสั้นลงให้มันสดวก เหลือแค่ไม่กี่ตัว บางหลวงพ่อเหลือแค่ตัวเดียวก็มีเช่นหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่าที่ ลงตัวพุ วนๆ ก็พอแล้ว หลวงปู่เผือกลงตัว อัง หลวงพ่อจงก็ลงแค่ตัว อัง เป่าพ้วงเดียว ( แต่ยิงจนปืนพังมาแล้ว ) หลวงปู่บุญศรีลงแค่ นะ ตัวเดียว ฯลฯ ส่วนคาถาก็ท่องไปตามปาก ตามบังคับ ท่องไปอย่างนั้นแหละ แต่ตัวสำคัญคือจิตนี่แหละ เพราะถ้าจิตไม่ถึงแล้ว ให้ลงอีกร้อยตัว ท่องอีกร้อยคาถาก็แค่นั้นครับ<O</O
<O</O

แต่ถ้าจิตถึง บางทีแค่มองเพ่ง ก็ใช้ได้แล้ว ไปขอท่านลงจารให้ ท่านก็ลงให้ตัวเดียว ตื้อหน่อยก็แถมอีกสองสามตัว ถามเรื่องคาถามากำกับ ท่านว่าไม่มี เพราะท่านไม่ได้ใช้ ท่านใช้จิต เหมือนเครื่องคอม ก็อบแผ่น ซีดี ก็อบกี่แผ่นก็เหมือนกัน เพราะตั้งโปรแกรมไว้แล้ว แต่การก็อบด้วยจิตมันไวกว่ากันเยอะ มีคนเล่าว่า หลวงพ่อขอม ท่านทำพระตั้งเยอะ ใส่ไหใส่ลังไว้ มากมายเหลือคณา เพราะพระมีเยอะ ตอนจะเสกพระทีต้องเดินเสกไปเรื่อยๆผ่านกองวัตถุมงคลกองไหน แค่เดินผ่านท่านเพ่งเอา พระก็ “ ติด “แล้ว
<O</O
<O</O

ตอนเราอาราธนาของแบบนี้ก็ใช้จิตเหมือนกัน ไม่ใช่คว้าไปติดตัวเฉยๆ ต้องบอกกล่าว เหมือนเราบอกคุณพ่อเรา คุณพ่อท่านรักเรา แต่เราไม่บอกว่าจะเอาอะไร ท่านก็ทำให้ไม่ถูกใจน่ะครับ เพราะไม่บอกกล่าวกันก่อน
<O</O
<O</O

การอาราธนาของขลัง ถ้าท่านถนัดท่องคาถาแล้ว ทำให้จิตมั่น ก็ทำไป หรือถนัดอะไรให้ทำไปตามที่ฝึกมา เพื่อให้จิตมั่น รู้สึกเหมือนของขึ้น ตัวเบา จิตซาบซ่าไปกับของชิ้นนั้น ขนลุกชูชัน เหมือนเชิญกำลังพุทธคุณ หรือ ครูบาอาจารย์เข้าตัว โบราณใช้กลั้นลมหายใจ แล้วว่าคาถาในใจ เป็นคาบๆ อาจจะถึง เจ็ดคาบ เก้าคาบ ถ้าคาถาไม่ยาวมาก จนจะสุดลมหายใจ การกลั้นลมหายใจจะทำให้จิตมีสมาธิได้ แปบหนึ่ง ยิ่งฝึกกลั้นลมหายใจมากๆ และนานๆ จะทำให้ จิตยิ่งมั่น ยิ่งทำของยิ่งขึ้น หรือ ใช้คาถาขึ้น ที่จริงจิตมันมีสมาธิน่ะครับ แล้วเชิญครูบาอาจารย์ คาถา เลขยันต์มาเข้าตัว จะรู้สึกตัวพอง ขนลุกชูชัน หนังจะหนา เหมือนของขึ้นได้

<O</O
<O</O
แต่การกลั้นลมหายใจนี้ มันเป็นไสยศาสตร์น่ะครับ เพราะมาปิดกั้นวิชาทางพุทธ ที่ให้มาฝึกลมหายใจ เพราะถ้าฝึกกลั้นไปมากๆ จนติด พอจะมาฝึกลมหายใจ มันจะยากมาก เพราะติดกลั้นลมซ่ะแล้ว<O</O
<O</O

ถ้าท่านไม่เชื่อ ให้ลองกลั้นลมหายใจดู เอาให้นานที่สุดแทบทนไม่ได้ อาจจะต้องทำติดต่อกันสองสามครั้ง พอกลั้นไป แทบทนไม่ได้จะสำลัก จนเกือบๆจะตายน่ะครับ จิตมันนึกว่าร่างกายจะตาย จิตมันจะรวมเป็นสมาธิ วันนั้นจิตมันจะรวมมีสมาธิดี บางทีรวมเป็นดวงแน่นเชียว ไม่วอกแวก และรวมได้นานกว่าปกติ<O</O
<O</O

ผมเคยลองเล่นแบบนี้มาก่อน ที่จริงมันก็ไม่ใช่ของแปลกอะไร แต่เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตนี่แหละ คนพอจะตาย จิตมันก็กลัวตายไปด้วย มันเลยเชื่องขึ้นหน่อย ถ้าลองดูได้ แต่อย่าฝึกครับ มาฝึกทางพระดีกว่า ให้จิต และสติอยู่กับลมหายใจ เข้าและออก รู้ว่า ลม เข้า สั้นหรือยาว และรู้ว่าลมออก สั้น หรือ ยาว อาจจะเข้ายาว แต่ออกยาว หรือ เข้ายาว ออกสั้น ฯลฯ รู้ว่าลมเริ่มละเอียดขึ้นหรือไม่ ฝึกไปนานๆจิตจะมีสมาธิไปเอง<O</O
<O</O

เมื่อจิตพอสงบแล้วมีสมาธิแล้ว อาจจะแค่ขนิกกะ สมาธิ เฉียดๆ หรือ ดีหน่อยคือ อุปปะจาระ มีสมาธิที่แน่วแน่ขึ้น เราก็กำหนดจิตถึงวัตถุมงคลชิ้นนั้น อาราธนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และครูบาอาจารย์ มารดา บิดา และเทพยดา มาสถิตย์ แล้วอธิษฐานตามที่เราปราถนา ให้เมตตาแคล้วคลาด ปกป้องภัยต่างๆ ป้องกันภูติผีปีศาจ ( ถ้ามี ) หรือ เขี้ยวเล็บ หอกดาบ ( ถ้าจะไปบู้ ) แล้วเป่าลมปราณลงไปบนวัตถุมงคลของเรา พอเมื่อจิตมั่น ซาบซ่าไปทั่วร่างกาย ผลก็จะสำเร็จตามนั้น<O</O
<O</O

มาที่ตะกรุดมหาจักรหน่อยครับ ตะกรุดชนิดนี้บอกตามตรงมีอุปเท่ห์มาก ไม่อยากจะโม้เลย ลองใช้ดูเองดีกว่า ใช้ได้หลายอย่างจริงๆ ตามแต่อธิษฐาน ทั้งรุกและรับ อีกทั้งจะหนุนดวงชะตาของผู้บูชาให้รุ่งเรืองอีกด้วย ถ้าท่านบูชาด้วยจิตใจที่มั่นคง และเคารพในพระรัตนตรัย
<O</O
<O</O

ยิ่งท่านเป็นคนมีสัจจะ พูดคำไหนคำนั้นไม่โลเล จิตท่านจะมีกำลัง และพวกเทพยดาจะชอบคนมีสัจจะ ท่านจะใช้ของขึ้นมาก และถ้าศีลท่านยิ่งมีมาก และถ้ายิ่งได้ครบทุกข้อเมื่อไหร่ ได้ศีลแบบมั่นคงในห้าข้อแล้วแบบทั้งหลับและตื่น จิตจะมั่นมีสมาธิ ท่านกำลังจะไปถึงจุดที่ท่านไม่ต้องใช้วัตถุมงคลใดๆติดตัวแล้วครับ
<O</O
<O</O

รักษาจิตนี้ของท่านให้ดี จำอารมณ์สบายๆแบบนั้นให้แม่น เจริญอารมณ์นั้น ให้ได้ทุกลมหายใจ เมื่อตื่นมาก็จับอารมณ์นั้นเลย ตอนนอนก็จับอารมณ์นั้นจนหลับไป ท่านจะไปไกลมากครับ แค่ศีลห้าข้อแค่นี้แหละ หลวงพ่อวัดท่าซุง รับรองเลยว่า ปิดกั้นประตูนรกได้แน่นอน หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านรับรองครับ ผมได้ยินกับหูหลายครั้งครับ ทั้งได้ยินในเทปอีก ได้ฟังมาแต่ยังเด็กๆ<O</O

 

ขอบพระคุณ พี่พี มากเลยครับ ที่กรุณาพิมพ์อย่างยาว ให้ผมได้เปิดโลกทัศน์ เสียที

อันนี้เป็นเพราะตัวสงสัยครับ ตอนผมอ่านหนังสือเค้าบอกว่า ต้องอาราธนา ด้วยคาถา อิติปิโส วิเสเสอิ ฯ

แล้วเวลาอยากทำน้ำมนต์ก็ต้องใช้คาถา อาวุธทั้งสี่ (ถ้าจำผิด ต้องขออภัยด้วยครับ) ก็เลยอยากรู้ว่า ต้องทำอย่างนั้นหรือเปล่า หรือว่า อธิษฐานบอกได้เลย

ตอนนี้กระจ่างแล้วครับ ขอขอบพระคุณพี่พี อีกครั้ง ที่กรุณาผม