แล้วเรา คือ อะไร?...../ใคร....?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 4 สิงหาคม 2009.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เหตุแห่งทิฏฐิ ๖
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนอริยสาวกผู้สดับแล้ว
    ผู้เห็นพระอริยะทั้งหลาย ฉลาดในธรรมของพระอริยะ
    ได้รับแนะนำดีแล้วในธรรมของพระอริยะ
    เห็นสัตบุรุษ ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ
    ได้รับแนะนำดีแล้วในธรรมของสัตบุรุษ

    ย่อมพิจารณาเห็น รูป ว่า
    นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา
    ย่อมพิจารณาเห็น เวทนา ว่า
    นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา
    ย่อมพิจารณาเห็น สัญญา ว่า
    นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา
    ย่อมพิจารณาเห็น สังขารทั้งหลาย ว่า
    นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา
    ย่อมพิจารณาเห็น วิญญาณ ว่า
    นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา
    จากพระพุทธพจน์ เป็นอันเข้าใจกันได้ว่า

    นั่นคือ ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    แล้วเรา คือ อะไร?...../..ใคร?
    แล้วอะไร..../ใคร...คืออัตตาของเรา???

    //84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=4443&Z=4845&pagebreak=0

    +++++++++++++
    ^
    ^
    ผมยกพระสูตรมานั้น เพื่อให้ทุกท่านได้อภิปรายกันอย่างกว้างข้วางออกไป
    ตามความเข้าใจของแต่ละท่าน ที่มีเข้าใจต่อพระพุทธวจนะที่ทรงตรัสไว้ข้างบน

    ผมถือว่าความเข้าใจในพุทธวจนะของแต่ละคนนั้น
    ย่อมเป็นเอกสิทธิ์ที่เกิดจากความเชื่อศรัทธาของตนเองเท่านั้น

    แต่ขอให้ใช้วาจาสุภาพ.../และไม่หยาบคายมาแสดงความคิดเห็น
    ยิ่งไม่พาดพิงถึงบุคคลอื่นยิ่งเป็นการดี......อิสระเต็มที่ครับ


    ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2009
  2. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    พระสูตรตรงตัวอยู่แล้ว จะไปหาเราจากไหนได้เล่า ยังห่วงกลัวจะไม่มีเรา ชี้กลัวดับสูญ จะไปทรงมันไว้ทำไม นั่นแลความเห็นที่ผิด

    เราในที่นี้หมายถึงสิ่งที่ยึดถือเป็นตัวตน ไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีตัวตนนะ ยังมีตัวมีตนอยู่ เกิดโดยความเป็นเรา ที่ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นโดยเรา

    ถ้าพี่ธรรมภูตยังไม่ผ่านตรงจุดนี้ แล้วยังจะรีบพูด รีบสรุป มันจะยิ่งเอาทิฐิตัวเองที่ยังเคลื่อนเผยแพร่ออกมา ทั้งยังเป็นการสอนธรรมผิด แล้วยังบ่งบอกถึงภูมิวิปัสสนาของตัวอีกด้วย

    เจริญธรรม ด้วยความปรารถนาดียิ่ง ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2009
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ในฐานะปุถุชนคนมีกิเลสหนาอย่างเรานะ (ฐานะอื่นๆ เราไม่รู้)

    เรา คือ ทิฏฐิ คือ สักกายทิฏฐิ
     
  4. minidog

    minidog Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2009
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +91
    อ่านคำภีร์ 100 เล่มก็ไม่สู้ลงมือปฎิบัติสมาธิ 10 นาที
     
  5. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ท่านคงไม่เข้าใจธรรมมะของพระพุทธองค์นะครับ เราไม่มีในกาย ในกายไม่มีเรา มีแต่จิตกับธรรมชาติ อย่ายึดมั่น ถือมั่น ว่าของเราตัวเรา ธรรมชาติมีอะไรก็มีแค่นั้น โลกนี้มีแต่มายาไม่มีของจริงตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้มีแต่จิตกับกรรมที่ทำไว้แค่นั้น สาธุ
     
  6. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เมื่อขันธ์๕ ไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย/..อะไรเป็นของท่านทั้งหลาย

    การวางใจเป็นกลางในลาภสักการะ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งอะไรเล่า ไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย
    รูปไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงละรูปนั้นเสีย
    รูปนั้นท่านทั้งหลายละได้แล้ว จักมีเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข สิ้นกาลนาน.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เวทนาไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย
    ท่านทั้งหลายจงละเวทนานั้นเสีย เวทนานั้นท่านทั้งหลายละได้แล้ว
    จักมีเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข สิ้นกาลนาน.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญาไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย
    ท่านทั้งหลายจงละสัญญานั้นเสีย สัญญานั้นท่านทั้งหลายละได้แล้ว
    จักมีเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข สิ้นกาลนาน.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย
    ท่านทั้งหลายจงละสังขารเหล่านั้นเสียสังขารเหล่านั้นท่านทั้งหลายละได้แล้ว
    จักมีเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข สิ้นกาลนาน.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิญญาณไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย
    ท่านทั้งหลายจงละวิญญาณนั้นเสีย วิญญาณนั้นท่านทั้งหลายละได้แล้ว
    จักมีเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข สิ้นกาลนาน.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
    ชนพึงนำไป พึงเผาหรือ พึงกระทำหญ้า ไม้ กิ่งไม้และใบไม้
    ในพระวิหารเชตวันนี้ ตามความปรารถนา
    ท่านทั้งหลายพึงดำริอย่างนี้ บ้างหรือหนอว่า ชนย่อมนำไป ย่อมเผา
    หรือย่อมกระทำเราทั้งหลาย ตามความปรารถนา?
    ไม่เป็นได้เลย พระเจ้าข้า.
    ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุแห่งอะไร?


    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะว่านั้นไม่ใช่อัตตา
    หรือบริขารที่เนื่องด้วยอัตตาของข้าพระองค์ทั้งหลาย.


    อย่างนั้นแล ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย
    ท่านทั้งหลาย จงละสิ่งนั้นเสีย สิ่งนั้นท่านทั้งหลายละได้แล้ว
    จักมีเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข สิ้นกาลนาน.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย
    ท่านทั้งหลายจงละรูปนั้นเสีย รูปนั้นท่านทั้งหลายละได้แล้ว
    จักมีเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข สิ้นกาลนาน.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เวทนาไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย ...
    วิญญาณไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย ...
    สังขารทั้งหลาย ไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย ...
    วิญญาณไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงละวิญญาณนั้นเสีย
    วิญญาณนั้นท่านทั้งหลายละได้แล้ว
    จักมีเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข สิ้นกาลนาน.

    \\พระไตรปิฎก\พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒ - พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๔...ธรรมเปรียบเหมือนแพ.mht

    +++++++++++++++

    เมื่ออะไรๆก็ไม่มี/...อะไรๆก็ไม่เที่ยง/...อะไรๆก็เป็นทุกข์/...อะไรๆก็ไม่ใช่ตน
    พระบรมครูออกค้นหาอมตะธรรมไปเพื่ออะไร.../ที่ใช่มีมั้ย????

    /...เพื่อความไม่มีอะไรเหรอ?/...การหลุดพ้นจากกิเลสมีมั้ย?
    เมื่อมีการการหลุดพ้นจากกิเลสจริง?/...ย่อมต้องมีสิ่งที่หลุดพ้นจากกิเลสเหล่านั้นสิ?

    ถ้าอะไรๆก็ไม่มี ผมว่าเรียนวิธีทำอาหารกินยังได้และมีความอิ่มอร่อยกลับมาใช่มั้ยครับ?????????
    ในเมื่อฝึกฝนอบรมจิตถึงขั้นเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อให้จิตหลุดพ้นจากกิเลสและอุปกิเลสทั้งหลาย....แล้ว

    เมื่อถึงที่สุด(สบายใจได้เลยว่า)อะไรๆก็ไม่มี จะต้องเสียเวลาค้นหาอะไรไปทำไม เพราะมันไม่มีอะไรทั้งนั้น

    ;aa24
     
  7. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    6/8/2009
     
  8. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ก้อมันไม่จริงๆนี่ครับ มันเอามาเทียบกับกับเรื่องสามัญสมมุติไม่ได้ มันเป็นสภาพธรรมชาติที่พระองค์ออกค้นหาเพื่อพ้นจากสภาพธรรมชาติไงครับพี่ เพราะการพ้นสภาพนั้นจำต้องเรียนรู้ธรรมชาติทุกสิ่งที่ก่อให้เกิดรูปและจิต เมื่อเห็นแล้วทราบแล้วก็เข้าใจว่าเมื่อมันยังเดินหรือเคลื่อนไปตามกระแสธรรมชาตินั้นก็แสดงว่ายังไม่เห็นความเป็นจริงเมื่อแยกเราออกจากธรรมชาติได้เมื่อนั้นก็เห็นความจริง และเมื่อแยกออกมาแล้วยังยึดอยู่ มันก็ไม่แยกจากธรรมชาติโดยเด็ดขาดต่อเมื่อ ตัดไม่เหลือเยื่อใยได้จริง ก็จะแยกจากสภาวะธรรมชาติ แต่ไปกับธรรมชาติ งงไหม แต่มันก็คือธรรมชาติอีกแบบ เรียก ธรรมชาติของการหลุดพ้น หรือ ธรรมะธาตุ ที่ปุถุชนชอบใช้แต่ไม่เข้าใจไงครับ ผมช่วยอธิบายให้ฟังเข้าใจง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ ได้แค่นี้ครับ ส่วนจริงหรือไม่นั้น ต้องพิสูจน์ด้วยตนเองครับ
     
  9. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ยกมาให้อภิปรายพระสูตร -*- แปลกดีนะครับ เหมือนบอกว่า อภิปรายซิพระสูตรนี้ เป็นอย่างไร ดีไม้ ถูกไม้ ในมุมของคนสื่อนะ

    ต่อ พระสูตรนี้ใช้ในการพิจารนาดูขันธ์ พระตถาคตเจ้าสอนเราว่าขันนี้ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา น่าจะบอกว่ายกมาไห้ดูได้รู้ธรรมที่พระตถาคตสอนแล้วนำไปพิจารนา

    ต่างกันอยู่นะ มันเห็นคนละแบบเลยทีเดียว
     
  10. supkoong

    supkoong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +22
    พระพุทธองค์ตรัสไว้ดีแล้วถูกต้องบริสุทธิ์ทุกอย่าง
    ดูมือของตัวเอง เหี่ยวลงๆทุกวันร่างกายเดินทางตั้งแต่เกิดไปสู่จุดจบ โดยไม่สนใจว่าเราจะว่ายังไง...ถ้าเราเป็นเจ้าของทำให้มันหยุดแก่ดู...หยุดเจ็บ หยุดป่วยก็ไม่ได้...สุดท้ายก็ต้องคืนทุกสิ่งให้โลกนี้ ติดอยู่ใน สุข สรรเสริญ ลาภ ยศ เพื่อร่างที่มันแก่ลงแล้วก็ต้องตายนี่น่ะหรือ
     
  11. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ทำให้มาก คิดให้น้อย แจ่มครับ...
     
  12. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ระบบถูกแบ่งหยาบง่ายๆเป็น2ระดับ คือ
    1.ระบบที่ตามกฎแห่งกรรม
    ที่เป็นของเราคือ บาป บุญ เวร กรรม บารมีที่สะสมแต้มเพื่อรอแลกกิฟต์วัลเชอร์
    กลับมาเกิดเป็น คนมั่งมี คนรวย จน ลำบาก ขาดแคลน
    เราคือสภาวะจิตที่ต้องเป็นไปตามกรรม

    2.ระบบที่พ้นโลก หลุดพ้น กฎแห่งกรรมไม่ถูกใช้แบบ1:1 คือ มีการต่อรอง ชดเชย
    ที่เป็นของเราคือ ไม่มี เมื่อจิตพ้นโลก เมื่อกายดับสูญ
    ไม่มีตัวตนให้ต้องรับกรรมอีกแล้ว
    จึงเหมือนการลักไก่ล้มโต๊ะ เหมือนพวกนักเลงแทงบอล เสียไม่จ่ายแต่ได้จะเอา
    หรือคนดีมาก ให้คนยืมเงินไปทั่วแต่ยกหนี้ให้ไม่เอาคืน
    นี่คือว่าง จบเกมส์ ไม่เอาอีกแล้ว ทั้งบาป ทั้งบุญ สุข ทุกข์
    เราคือสภาวะจิตที่ต้องเป็นไปตามกรรมแล้วไม่ได้รับผลแห่งกรรม คือไม่สุข ไม่ทุกข์
     
  13. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    แต่ข้อที่สองของท่าน psi มันเป็นปัญหาที่ไม่ง่ายจะให้หลุดได้นะสิครับ นั่นแหละเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องค้นหา ผมรับประกันว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลุดพ้นจากกิเลสทั้งหลาย
     
  14. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านคคห.ที่๒ครับ กลัว/หรือ...ไม่กลัว ยึด/หรือ..ไม่ยึด สมมุติบัญญัติมีให้ไว้เรียกหากันเท่านั้น
    บัญญัติมีไว้ให้ใช้ ไม่ใช่มีไว้ให้เพิกถอนทิ้งเสียเมื่อไหร่ จะยึด/หรือ...ไม่ยึด กลัว/หรือ...ไม่กลัว
    สมมุติบัญญัติก็ยังคงอยู่อย่างนั้นของมัน ไปถอนทิ้งได้ที่ไหนกัน/ถ้าถอนทิ้งก็เรียกหากันไม่ได้สิ

    เช่นนายก.ซี้อบ้านมาหลังหนึ่ง เป็นของเรา(นายก.) แต่นายก.(เรา) ไม่เคยคิดจะยึดเอาบ้านนี้เลย
    คิดไว้ว่าเมื่อตนเองล่วงไปแล้ว จะต้องยกให้ลูกหลาน หรือในขณะนี้จะมาอยู่อาศัยก็ยังได้เลย
    บ้านนี้ยังใช้เป็นของเรา(นายก.)มั้ย?/...ใช้สิ ไม่ใช่ของนายก.(เรา) แล้วจะเป็นของใครหละ?

    เมื่อมีคนอื่นบุกลุกเข้ามามีอธิปไตยเหนือบ้านหลังนี้ได้มั้ย?
    ...ย่อมได้สิเพราะเรา(นายก.) ไม่ยึดบ้านนี้แล้วใช่มั้ย?
    เรา(นายก.) มีสิทธิ์ปกป้องบ้านของเรา(นายก.)มั้ย???

    ขึ้นชื่อว่าจิตของเรา แสดงว่าเป็นของคนอื่นไปไม่ได้
    ดั ชั่ว ถี่ ห่าง เรา(จิต)ก็ต้องเป็นผู้รับใช่มั้ย???
    ยึด/...ไม่ยึด ก็ยังคงเป็นของเราอยู่นั่นแหละ
    หลุดพ้น/...ไม่หลุดพ้น ก็ต้องเป็นของคน(เรา เขา ท่าน เธอ)ที่หลุดพ้น/...ไม่หลุดพ้น

    ถ้าไม่มีของใครเลย จะบอกได้ยังไงว่าใครที่หลุดพ้น
    อย่าบอกนะว่า มีแต่การหลุดพ้นผู้หลุดพ้นไม่มี
    หรือมีแต่การเป็นพระอริยเจ้า ผู้เป็นพระอริยเจ้าไม่มี
    ใครๆก็สวมรอยได้ว่าความพระอริยเจ้าเป็นของๆตน(โมเมเอาเองก็ได้)

    ;aa24
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านคคห.ที่๓ครับ
    ขันธ์๕ ไม่ใช่เรา
    เมื่อเรา คือ ทิฏฐิ คือ สักกายทิฏฐิ

    การละสักกายทิฐิ คือ การละขันธ์๕ได้
    ขันธ์๕ คือ สักกายทิฐิ

    เขียนใหม่ไดว่า สักกายทิฐิ ไม่ใช่เรา(ทิฐิ สักกายทิฐิ)หรือครับ

    ;aa24
     
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านคคห.ที่๔ครับ ท่านบอกว่า

    อ่านคำภีร์ 100 เล่มก็ไม่สู้ลงมือปฎิบัติสมาธิ 10 นาที<!-- google_ad_section_end -->

    ผมขอเพิ่มเติมว่า การลงมือปฏิบัติสมาธิ ๑ช.มหรือนานกว่านั้น
    ยังไม่เท่าผู้ที่เข้าถึงฌาน๔ เพียงชั่วช้างกระดิก/งูแลบลิ้นเลยครับ

    ;aa24
     
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านคคห.ที่๕ครับ ท่านว่าเหลือแต่จิตกับกรรม(อารมณ์) อะไรๆนอกจากนี้ไม่มีอีกแล้ว/...ใช่ครับ

    ผมขอถามว่า ใข่จิตของเราเป็นผู้รับกรรมที่ตนเอง(เรา)ทำใช่มั้ยครับ?
    จิตของเธอนั้น เป็นผู้รับกรรมที่เธอทำขึ้นนั่นเองใช่มั้ยครับ?
    ถ้าไม่มีสมมุติให้เรียกหากัน จะรู้ไหมครับว่ากรรมที่ทำขึ้นมานั้นเป็นของใคร?

    ;aa24
     
  18. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ต่อไปนี้ผมจะพูดอะไรแค่ครั้งเดียวนะครับ จะเข้าใจก็ดี จะไม่เข้าใจก็ดี จะพยายามลดกรรม ไม่พูดอะไรซ้ำซาก

    จะพยายามงดการสนทนาแบบสนองความเห็นตัวนะครับ เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าจะก่อโทษมากกว่า ประกอบกับเสียเวลาเพียรผม เพราะผมยังไม่
    สิ้นอนุสัย

    และสุดท้าย จะคุยกับผู้ที่สนทนารู้เรื่องเท่านั้น

    อนุโมทนา ในความใฝ่ธรรม ^-^
     
  19. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    อย่าได้ประมาทนะครับ ครูอาจารย์ท่านมีความเพียรและปัญญามากกว่าเราเป็นไหนๆ เอาที่สำเร็จอรหันต์นะครับ กว่าจะผ่านแต่ละลำดับขั้นตอนนั้นไม่ธรรมดาครับ อย่าได้ประมาทเพราะกิเลสบางทีดูเหมือนไม่มีแต่จริงแล้วมี และก็มากเกินพรรณาด้วยเพียงแต่เราเข้าไปไม่ถึงตัวตนอันนั้นครับ
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โห... เอาเข้าสูตรสมการ ด้วย... วุ้ย
    สงสัยจะอาศัยสมการ ไปนิพพาน... ซะแระ

    การละสักกายทิฏฐิ (ของเรานะ ของคนอื่นก็คงแล้วแต่จะคิดกันไป) หมายถึง การเห็นความจริงว่า กายและใจนี้ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ขันธ์5 ก็ไม่ใช่ของเรา

    ถ้ายังเห็นว่า ทิฏฐินี้ผิด ทิฏฐินี้ถูก แปลว่า มีทิฏฐิที่เป็นเรายึดไว้ว่า ทิฏฐินี้ตรงกับความเห็นนี้ คือถูก ผิดจากนี้คือไม่ถูก คือมีเรา มีเขา มีกู มีตัวกู มีของกู ก็เรียกว่ามีทิฏฐิ มีสักกายทิฏฐิ ยังเห็นว่า นี่ของเรา นั่นก็ของเรา ถ้ายังมีทิฏฐิ ต่อให้เห็นอะไร ต่ออะไรมันรวมเล็ก รวมใหญ่ มันก็คือยังเห็นผิด อยู่นั่นแหละ สักกายทิฏฐิเต็มหัวเต็มหู เห็นรวมเล็กรวมใหญ่ เป็นอัตตาของตน แล้วจะเห็นสิ่งที่อยู่เหนือความเป็นไปของอัตตาตนได้หรือ

    ของบางอย่าง มันต้องละ ต้องทิ้ง แม้แต่ตัวเอง ก็ไม่ยึดเอา มันถึงจะเห็นสิ่งที่เหนือกว่านั้น แบบว่า ตอนที่ยึดตัวตนไว้มันเห็นอย่างหนึ่ง แต่พอไม่ยึดมันก็เห็นอีกอย่างหนึ่ง

    ทิฏฐิเรา ก็ของเรา ไม่ตรงกับท่าน เราก็ไม่ได้ว่าอะไร
    เราก็ยึดของเรา ท่านก็ยึดของท่าน(รึป่าว..)
    ยังมีทิฏฐิ ก็อย่างหนึ่ง ไม่ยึดทิฏฐิเป็นของตน ก็อีกอย่างหนึ่ง
    ความรู้สึกมันต่างกัน คนมีทิฏฐิ กับคนที่ไม่ทิฏฐิ ก็ต่างกัน

    อยากจะรู้ใครมีทิฏฐิอะไร แบบไหน อ่านโพสท์ความเห็นของคนนั้น
    ก็จะเห็นได้ เพราะทิฏฐิของใครของมัน ทิฏฐิจะแสดงชัดถึงตัวตนของคนนั้น

    คนที่ไม่มีทิฏฐิ ละทิฏฐิ ได้แล้ว ก็แสดงออก อย่างหนึ่ง
    คนมีทิฏฐิ ยังละทิฏฐิไม่ได้ ก็แสดงออก อย่างหนึ่ง
    ถึงจะเปลี่ยนกี่ชื่อ กี่ล๊อคอินมาโพสท์ ถึงแม้แรกๆจะมองไม่ออก
    แต่พอพูดมากๆ มันจะมีตัวตน มีทิฏฐิ แสดงออกมาให้คนอื่นเขาจำได้
    ซักวันหนึ่งอยู่ดี เพราะมันมีเผลอ มันก็แสดงตัวตนออกมา ถ้าไม่มีเผลอ
    ก็ไม่ออกมา คนอื่นเขาก็ไม่รู้ แต่ทุกอย่างก็มีข้อยกเว้นอยู่ดี เราก็พูดจาก
    ประสบการณ์ของเราที่เป็นสัมผัสแบบปุถุชน
     

แชร์หน้านี้

Loading...