โทษของการทำอนันตริยกรรมต้องตกอเวจีมหานรกแน่นอน

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 29 ตุลาคม 2008.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ถาม: พระโมคคัลลาน์...?

    ตอบ: พระโมคคัลลาน์ ท่านเคยๆ ทำ แล้วท่านก็รับกรรมไปเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าเศษกรรมที่เหลือ เงินต้นน่ะจ่ายไปแล้ว เศษกรรมที่เหลือมันตามมาในชาติปัจจุบันนี้ ทำให้ท่านต้องโดนทุบจนกระทั่งว่า กระดูกป่นเท่าเม็ดข้าวสาร อรรถกถาเขาเปรียบไว้ว่า ถ้าจับใบหูนี่ กระดูกทั้งหมดก็จะไปกองที่ปลายเท้า ถ้าจับปลายเท้ากระดูกทั้งหมดก็จะมากองด้านศีรษะ ละเอียดได้ขนาดนั้น นั่นแค่เศษกรรม

    แต่ว่าตัวต้นจริงๆ ลงอเวจี ฆ่าพ่อ หนึ่ง ฆ่าแม่ หนึ่ง ฆ่าพระอรหันต์ หนึ่ง ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต หนึ่ง ทำสังฆเภท คือยุสงฆ์ให้แตกกัน ความจริงทำร้ายพระพุทธเจ้า ทำอย่างไรก็จะไม่หนักหนาเกินกว่านั้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น โทษก็เลยกลายเป็นทำร้ายพระพุทธเจ้า อย่างเก่งก็ได้แค่ห้อเลือด แต่ว่าความที่เจตนาทำร้ายต่อพระพุทธเจ้า โทษก็เลยกลายเป็นอนันตริยกรรม ลงอเวจี แน่นอน

    ถาม: แต่ว่าก็ยังมีโอกาสที่จะเข้าพระนิพพาน ?

    ตอบ: มี แต่ว่าต้องพ้นจากชาตินั้นแล้ว หลุดขึ้นมาได้เมื่อไหร่ก็เป็นอันว่าได้ ทำชั่วเอาไว้เยอะ ถ้าลงอเวจีเป็นพื้น ต่อไป ขุมอื่นๆ มันก็เก็บไปเรื่อยแหละ กว่าเงินต้นจะหมดเดี๋ยวดอกเบี้ยตามมาอีก

    ถาม: แล้วพระเทวทัตล่ะคะ ?

    ตอบ: พระเทวทัตนี่ สองอย่างรวมกัน คือว่าทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิตอย่างหนึ่ง จริงๆ ตั้งใจจะฆ่าให้ตาย แต่ฆ่าไม่สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเอาช้างนาฬาคีรี มากรอกเหล้าให้เมา แล้วไสไปไล่ชนพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ จัดนายขมังธนูไปยิงพระพุทธเจ้าก็ไม่สำเร็จ ตัวเองก็เลยขึ้นไปบนเขาคิชกูฏ กลิ้งหินลงมาจะทับพระพุทธเจ้า ก็ไม่สำเร็จอีก แล้วอีกอย่างก็คือยุสงฆ์ให้แตกกันกลายเป็นสองฝ่าย ตั้งใจว่าจะชิงอำนาจการปกครองสังฆมณฑลไปจากพระพุทธเจ้าท่าน

    ในเมื่อทำสงฆ์แตกกันก็เป็น อนันตริยกรรมอย่างหนึ่ง ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิตก็เป็นอนันตริยกรรมอย่างหนึ่ง แต่ว่า พระเทวทัต ก่อนที่จะโดนธรณีสูบมิดไปทั้งตัว ได้ตั้งใจขอขมาพระรัตนตรัย โทษก็เลยน้อยหน่อย กลายเป็นว่าลงอเวจีแค่ประมาณสิ้นอายุศาสนานี้ เท่านั้น คือ ราวๆ ๕,๐๐๐ ปี กับอีกหน่อยหนึ่ง เพราะว่าก่อนพระพุทธเจ้า จะปรินิพพาน ก็เลยบวกเข้าไปอีกหน่อยหนึ่ง เสร็จแล้วขึ้นมาจะเป็น พระปัจเจกพุทธเจ้า บุญเก่าท่านก็ทำไว้เยอะ

    ถาม: แต่ว่าเป็นพระพุทธเจ้าได้ไหมคะ หรือว่าเป็นแค่พระปัจเจกฯ ?

    ตอบ: พระเทวทัตน่ะเหรอ ท่านตั้งใจไว้อย่างนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้ามีความสามารถเหมือนพระพุทธเจ้าทุกอย่าง ขาดแต่สัพพัญญุตาญาณอย่างเดียว แล้วก็ไม่อยากสอนใครให้เข้าถึงมรรคผล ยกเว้นบุคคลใดมีวิสัยจะได้มรรคผล ในลักษณะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าเหมือนกัน ท่านก็จะสอนเขา ถ้าสำหรับประชาชนทั่วๆ ไป ท่านสอนแค่ ทาน ศีล ภาวนาขั้นต้นเท่านั้น ไม่สอนให้ถึงมรรคถึงผล ปัจเจกะ แปลว่า รู้เฉพาะตัว คือขี้สงสัย แต่ไม่อยากสอนใคร ขี้สงสัย ก็เลยอยากจะรู้ให้ครอบ จริงๆ โอกาสที่คนจะทำอนันตริยกรรมมันยาก คนฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ได้ นี่มันโหดน่าดูเลย แล้วพระอรหันต์ท่านทรงความดีขนาดนั้นน่ะ

    ถาม: อย่างคนที่เมายาบ้าแล้วฆ่าพ่อแม่นี่เป็นอะไรไหมคะ ?

    ตอบ: เป็นจ้ะ เขาไม่ได้ถามว่าคุณเมาหรือเปล่า ? แต่เขาถามว่า คุณทำหรือเปล่า ? เสร็จแหงๆ เลย

    ถาม: ...............................

    ตอบ: จริงๆ สังฆเภท ก็คือสงฆ์เขาแยกกัน ประเภทว่าถ้าหากว่าวัดเดียวกันแยกกันทำสังฆกรรมคนละโบสถ์ นั่นชัวร์เลย สังฆเภทแน่ สังฆะเภทะความแตกแยกในหมู่สงฆ์

    ถาม: อ้าว แล้วถ้าเกิดพระพวกนั้นที่บวชเข้ามาไม่ใช่ พระแท้ล่ะครับขาดจากความเป็นพระไปหมดแล้วล่ะ ?

    ตอบ: ขาดตั้งแต่แรกแล้ว โทษอันนี้ก็ไม่มี แต่ถ้าหากว่าเจตนาร้าย มันก็ต้องโดนเหมือนกัน

    ถาม: อ๋อ เจตนาเป็นตัวตั้ง ?

    ตอบ: ตัวท่านไม่ใช่พระ แต่สิ่งที่ทำก็คือโทษของอเวจีเขา เป็นอนันตริยกรรม

    ถาม: หนึ่งกัปนี่จะนับกันอย่างไรครับ ?

    ตอบ: ก็อรรถกถาถึงได้เปรียบว่า เป็นภูเขาหินล้วน กว้างหนึ่งโยชน์หนาหนึ่งโยชน์ ยาวหนึ่งโยชน์ ร้อยปี เทวดาเอาผ้าเนื้ออ่อนเหมือนสำลีมาปัดทีหนึ่ง ร้อยปีมาปัดทีหนึ่ง สึกเสมอพื้นเมื่อไร ก็ได้กัป

    ถาม: เวลาตกอเวจีทีหนึ่งพระพุทธเจ้าไม่ตรัสรู้ไปแบบ ...?

    ตอบ: ก็ถึงได้บอกไงว่า ถ้าหากว่าในช่วงนี้นะ ถ้าใครขึ้นข้างบนได้ ถือว่า เฮงที่สุด เพราะว่าพระพุทธเจ้ายังเหลืออีกตั้ง ๖ องค์ติดๆ กัน แต่ขณะเดียวกันใครลงข้างล่างก็ซวยที่สุด ซวยตรงที่ว่า พระพุทธเจ้าไปซะจนหมดทั้ง ๖ องค์แล้ว ยังไม่โผล่ขึ้นมาเลย ตกลงจะเอาเฮง หรือเอาซวยดี




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนกันยายน ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ




    .
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...