โลกันตนรก ถ้าได้ไปแล้วไม่มีวันได้กลับมาเกิดเป็นคนอีก ต้องอยู่ที่นั่นไปตลอดกาล จริงหรือครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย pataweeton, 9 พฤศจิกายน 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. pataweeton

    pataweeton ปถวีธร

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +11
    "โลกันตนรกตรงข้ามกับนิพพาน อยู่นอกสังสารวัฏ ว่ากันว่า คนที่จะไปโลกันตนรกคือคนทำกรรมหนักที่สุดในสังสารวัฏ สั่งสมกรรมจนหมดสิ้นความเป็นคน ร้ายแรงกว่าอนันตริยกรรม ขนาดอนันตริยกรรมก็ต้องชดใช้กรรมทุกภพชาติจนกว่าจะนิพพาน เช่น ถ้าได้กระทำปิตุฆาต/มาตุฆาต เมื่อมาเกิดก็จะต้องถูกฆ่าทุกภพชาติ ถ้าเกิดอีกล้านชาติก็ต้องถูกฆ่าทั้งล้านชาติ ชดใช้กรรมไปตลอดวัฏสงสาร ในเมื่อโลกันตนรกหนักกว่าอนันตริยกรรม ก็จะต้องออกจากสังสารวัฏแล้วไปอยู่โลกันตร์เพื่อชดใช้กรรมที่นั่นไปตลอดกาล ไม่มีที่สิ้นสุด (น่ากลัวมาก)

    นั่นก็เพราะว่าคนที่ไปโลกันตนรกมักเป็นคนที่ไม่เห็นคุณของพระรัตนตรัย โดยเฉพาะการชอบเบียดเบียนพระโพธิสัตว์ที่มาสร้างบารมีในโลกชมพูทวีป ซึ่งผู้ที่เบียดเบียนนั้นมีพื้นฐานจริตที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ความงี่เง่าไร้เหตุผล และความจองหอง (ถืออัตตาสุดๆ) พอนานเข้าก็ฟูมฟักจนมืดบอด ถลำลึก ดิ่งลึกชนิดหัวทิ่มด้วยระบบความคิดผิดๆ เข้าข่ายนิยตมิจฉาทิฐิ กลายเป็นคนที่เย็นชา อำมหิต จองหอง ไร้เหตุผล ไร้ศีลธรรม ไม่เห็นคุณพระรัตนตรัย ไม่เห็นคุณบิดามารดา และสำคัญตนผิดๆ เตือนไม่ได้ ช่วยไม่ได้ สงเคราะห์ใดๆไม่ได้ทั้งสิ้น เป็นจิตวิญญาณที่ไร้ประโยชน์ ไร้ค่า อีกทั้งยังเป็นภัยต่อผู้อื่น จึงไม่สามารถอยู่ร่วมกับจิตวิญญาณใดๆในวัฏสงสารได้ จิตวิญญาณมืดบอดซึ่งหมดสิ้นความเป็นคนแล้วนั้นไม่สามารถมีอัตภาพมนุษย์เป็นที่ตั้งได้อีกต่อไป ไม่มีวันได้กลับมาเวียนตายเกิดในวัฏสงสาร"

    ข้อมูลต่างๆที่มีให้พิจารณามีทั้งที่บอกว่าไปแล้วกลับและไปแล้วไม่มีวันกลับ ที่บอกว่าไปแล้วมีโอกาสกลับมาเกิดเป็นคนอีกในช่วงระยะเวลาที่นานเป็นพุทธันดรนั้น คำว่านานเป็น "พุทธันดร" นั้นมีกล่าวในพระไตรปิฎกไหมครับ เท่าที่ทราบมา ไม่มีการกล่าวถึงกาลเวลาในโลกันตนรกแต่อย่างใดเลย มีการกล่าวถึงกาลเวลาทุกภพภูมิยกเว้นเฉพาะโลกันตนรกเท่านั้น นี่จึงน่าจะมีนัยบางอย่าง ทั้งนี้ ก็ต้องรู้จักพิจารณา

    หากพิจารณาดีๆ ระบบสังสารวัฏเป็นระบบแห่งการเรียนรู้ เป็นระบบที่สอนให้รู้จักเข้าหาปัญญา สอนสิ่งต่างๆแก่ทุกจิตวิญญาณเสมอ เพียงแต่เป็นการเรียนรู้ที่อาศัยการสั่งสมข้ามภพข้ามชาติ แน่นอน การเรียนรู้ย่อมอาศัยการสั่งสม การสั่งสมที่ว่าอย่างน้อยคือการทวนซ้ำ หลายสิ่งหลายอย่างอาศัยการทวนซ้ำชนิดข้ามภพข้ามชาติ คิดง่ายๆแค่ในชาติภพหนึ่ง นักร้องเพลงกว่าจะร้องเพลงๆหนึ่งเป็น ต้องร้องเพลงนั้นทวนซ้ำกี่ครั้งกว่าจะร้องได้อย่างชำนาญ ไม่ใช่ซ้อมแค่ครั้งเดียวอย่างแน่นอน นั่นคือนัยหนึ่งแห่งการสั่งสม แต่การสั่งสมในแง่ของการหล่อหลอมจิตวิญญาณย่อมอาศัยกาลเวลาที่ยาวนั้นกว่านั้นมาก ยาวนานชนิดข้ามภพข้ามชาติกันเลยทีเดียว บ้างก็เป็นกัป เป็นกัลป์ เป็นอสงไขย อยู่ที่ว่าตนเองจะเลือกให้ตนเองฟูมฟักไปในทิศทางใด เป็นคนอย่างนั้น เป็นคนอย่างนี้ กว่าจะเป็นคนดีได้ต้องสั่งสมสิ่งที่ดีๆมาเท่าไหร่ ทำดีครั้งแล้วครั้งเล่ามาเท่าไหร่ วันนี้จะเป็นคนเช่นใดก็อยู่ที่ตนเองว่าจะเลือกสิ่งใดให้กับตนเอง เลือกทางที่ดี เลือกสิ่งที่ดี อยู่ที่ตนเองแท้ๆ จงรู้จักเลือกสิ่งที่ดีจริงๆให้กับตนเอง จงเลือกธรรม เลือกปัญญาก่อน เพราะสิ่งนี้สามารถแปลงเป็นสมบัติ แปลงเป็นเงินตราได้ บางอย่างที่ผิดพลาดโดยเฉพาะความอิจฉาริษยาและความจองหองก็อย่าปล่อยให้ลุกลามชนิดข้ามภพข้ามชาติ นั่นอาจเป็นจุดหนึ่งแห่งการนำตนไปสู่โลกันตนรกก็ว่าได้ ภัยแห่งวัฏสงสารน่ากลัวมากๆ ทั้งนี้ ในเมื่อสังสารวัฏเป็นระบบแห่งการเรียนรู้ข้ามภพข้ามชาติ โดยเบื้องต้น หากจะกล่าวอย่างรวบรัดว่าจุดปลายปลายทางแห่งสังสารวัฏมีทางเลือกแค่ 2 ทาง นั่นคือนิพพานกับโลกันตนรก ถ้าจะกล่าวว่า หากประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ก็จะได้ไปนิพพาน หากล้มเหลวก็จะได้ไปโลกันตนรก ก็ว่าได้

    เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง เราก็สั่งสมข้ามภพข้ามชาติจนได้อัตภาพมนุษย์นี้ ซึ่งเป็นอัตภาพมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีนิ้วมือ มีนิ้วเท้า 5 นิ้ว เพื่อย้ำว่าเป็นมนุษย์ได้เพราะใจสูงด้วยศีล 5 มือและเท้าเป็นนัยหนึ่งหนึ่งแห่งการกระทำ การกระทำด้วยศีล 5 คือการกระทำของมนุษย์ที่มีใจเป็นคน นอกจากนี้ ที่เห็นได้ชัดคือ เรามีดวงตาขาวกับดำ ซึ่งมีนัยแห่งสอนให้รู้แยกแยะขาวกับแยกดำ แยกถูกกับแยกผิด แยกดีกับแยกชั่ว แยกบุญกับแยกบาป เราได้สั่งสมมาถึงจุดๆหนึ่งสอนให้เรารู้สัจธรรมแห่งความตรงกันข้าม ซึ่งธรรมนี้เป็นธรรมหลายคนรู้ว่าเป็นธรรมที่ตรัสโดยพระพุทธองค์ นั่นคือเมื่อมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ย่อมมีอีกสิ่งหนึ่งที่ตรงกันข้าม เช่น ขาวสอนให้รู้ว่ามีดำ ดำสอนให้รู้ว่ามีขาว ร้อนสอนให้รู้ว่ามีหนาว หนาวสอนให้รู้ว่ามีร้อน สว่างสอนให้รู้ว่ามีมืด มืดสอนให้รู้ว่ามีสว่าง ปิดอบายก็สอนให้รู้มีว่ามีตรงกับกับปิดอบาย (ปิดความเป็นคน) ก็เช่นเดียวกัน อริยบุคคลสอนให้รู้ว่ามีบุคคลที่ตรงข้ามกับอริยบุคคล (บุคคลที่สั่งสมบาปกรรมจนหมดสิ้นความเป็นคนเพื่อไปโลกันตนรก) และนิพพานก็สอนให้รู้ว่ามีสิ่งที่ตรงข้ามกับนิพพาน นั่นก็คือโลกกันตนรก ที่ใดมีแสงสว่างที่นั่นย่อมมีเงา เมื่อมีผู้หนึ่งไปนิพพานก็ย่อมมีผู้หนึ่งไปโลกันตนรก ลองพิจารณาดู

    ผมได้ยินมาว่าคนที่ตกโลกันตนรกนั้น ไปแล้วไปเลย ไม่มีวันได้กลับมาเกิดเป็นคนอีก ต้องอยู่ที่นั่นไปตลอดชั่วกาล! แม้กระทั่งคนที่ลงโลกกันตนรกเป็นคนแรกนับตั้งแต่มีระบบสังสารวัฏมา ปัจจุบันก็ยังเสวยทุกข์อย่างทรมานสุดๆอยู่จนถึงขณะนี้ โลกันตนรกไม่ใช่ที่ที่จะไปกันได้ง่ายๆ! เพราะต้องถึงที่สุดของความเลวจริงๆ ต้องสั่งสมกรรมหนักๆจนกว่าจะถึงเกณฑ์ และต้องเลวสุดๆชนิดที่อำมหิตและเลือดเย็นเกินกว่าที่จะใช้ชีวิตร่วมกับสรรพสัตว์ในสังสารวัฏ! นับว่าเลวยิ่งกว่าอนันตริยกรรมเสียอีก โลกันตนรกจึงอยู่นอกจักรวาล อยู่นอก(ระบบ)สังสารวัฏ อยู่นอกเหนือจากทั้ง 31 ภพภูมิ และไม่ได้นับเป็นภพภูมิแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ทุกภพภูมิแห่งการเวียนว่ายตายเกิดมีระบุเวลา มีระบุอายุขัย มีระบุความยาวนาน แต่โลกันตนรกไม่มีระบุเวลาใดๆเลย เมื่อได้ไปแล้วก็จะไปแล้วไปเลย ไม่มีทางได้กลับมาเกิดเป็นคนอีกตลอดกาล!

    กรรมหนักๆนั้นโดยหลักๆก็มักจะเป็นพวกที่ชอบเบียดเบียนอริยบุคคล ชอบเบียดเบียนพระโพธิสัตว์ที่มีบุญบารมีมากๆ ชอบเบียดเบียนคนที่มีบุญบารมีมากๆ ชอบเบียดเบียนคนที่มีศีลมีธรรม รวมถึงชอบเบียดเบียนผู้คนเป็นจำนวนมากๆด้วย ซึ่งเบียดเบียนโดยปราศจากความเมตตาปราณี ไม่คำนึงถึงศีลธรรม และเย็นชาเกินไป ต้องสั่งสมบาปกรรมหนักๆทำนองนั้นไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงเกณฑ์โลกันตนรก โอกาสที่จะได้ทำกรรมหนักๆเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆกับทุกๆคน เกิดขึ้นได้กับบางคนเป็นการเฉพาะเท่านั้น มักเป็นผู้นำที่หลงผิดที่มีอภิญญา อิทธิฤทธิ์ พลังจิต และไสยศาสตร์ดำที่แรงมากๆ เน้นว่าต้องมีอภิญญาแต่ใช้ในทางที่ผิด! ผู้ที่จะไปโลกันตร์ต้องมีอภิญญา มิฉะนั้นจะไม่ถึงที่สุดของความชั่วเพราะใช้อภิญญาเบียดเบียนสรรพสัตว์จนตนเองหมดสิ้นความเป็นคน อภิญญาที่ใช้ในทางที่ผิดก็คือพลังมืด เข้าข่ายไสยศาสตร์ คนที่จะไปโลกันตร์ชอบใช้พลังมืดเหล่านั้นในการเบียดเบียนผู้อื่นทั่วสารทิศโดยเฉพาะการดลบันดาลให้เกิดเหตุร้ายต่างๆ ถ้าได้สั่งสมกรรมหนักๆจนถึงเกณฑ์โลกันตนรกแล้วนั้นก็จะต้องไปชดใช้กรรมที่นั่นเป็นการเฉพาะอย่างไม่มีวันได้กลับมาเกิดเป็นคนอีกตลอดกัลปาวสาน! เมื่อถึงคราวต้องไปก็ต้องไปแล้วไปเลยเท่านั้น ถึงแม้ที่ผ่านมาจะยังมีบุญเก่าเหลืออยู่แค่ไหนก็ตาม บุญเก่าทั้งหมดนั้นก็จะถูกกีดกันไว้ไม่ให้สนองผลบุญใดๆทั้งสิ้น! เพราะกรรมหนักๆที่ถูกทดไว้ก่อนเรื่อยๆระหว่างที่บุญเก่าสนองผลจนหลงประมาทนั้นช่างหนักหนามากจนถึงเกณฑ์โลกันตนรกเสียแล้ว ต่อให้ไปเติมบุญใหม่ๆที่มีอานิสงส์มากๆอีกแค่ไหน บุญเหล่านั้นก็จะถูกกีดกันไว้ทั้งหมด คล้ายๆกับคำกล่าวว่า "ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน" สำหรับอนันตริยกรรม แต่โลกันตนรกนั้นหนักยิ่งกว่าอนันตริยกรรมเสียอีก จะถือว่าเมื่อทำกรรมหนักๆแล้วค่อยไปเติมบุญใหญ่ๆที่มีอานิสงส์มากๆที่สนองผลบุญก่อนบุญและบาปใดๆไม่ได้อีกต่อไป (ทำชั่วแล้วค่อยไปทำบุญใหญ่ๆ) ซึ่งจริงๆแล้วบุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป จะนำมาหักล้างกันไม่ได้ เพียงแต่บุญใหญ่ๆนั้นจะสนองผลก่อน ส่วนบาปทั้งหมดที่มีอยู่แรกเดิมนั้นก็จะทดไว้ก่อน (รอวันสนองผล) แต่บาปหนักๆที่สั่งสมแล้วทดไว้ก่อนเรื่อยๆนั้นช่างหนักหนามากๆชนิดที่ถึงเกณฑ์โลกันตนรกเสียแล้ว เมื่อถึงคราวต้องไปโลกันตนรก ต่อให้บุญเก่ายังเหลืออยู่อีกมากมายแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ถูกกีดกันไว้หมดสิ้น! แล้วก็ต้องไปอยู่ในโลกันตนรกตลอดชั่วกัลปาวสานสถานเดียว! ความพิสดารของผู้ที่จะไปโลกันตนรกในแง่ของเล่ห์กลการทำบุญกับทำบาปมักเป็นเช่นนี้ในช่วงเวลาหนึ่งที่ผ่านมาด้วย นับว่าเป็นการทำบุญกับการทำบาปด้วยเล่ห์กลอย่างพิสดารเป็นพิเศษ จะเรียกว่า "ชั่วอย่างพิสดาร" ด้วยก็ได้

    ที่สำหรับคนที่ชั่วๆในลักษณะที่พิสดารก็ย่อมมีความพิเศษ จึงมีการเอ่ยเรียกโลกันตนรกว่า "ภพภูมิพิเศษ" ความพิเศษก็คือโลกันตนรกคืออยู่นอกเหนือจาก 31 ภพภูมิแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ถ้าได้ไปแล้วก็ต้องอยู่ที่นั่นไปเลยตลอดกาล ไม่มีวันได้กลับมาเกิดอีก! เป็นสถานที่พิเศษเฉพาะที่อยู่นอกจักรวาล ซึ่งสงวนไว้สำหรับผู้ที่ถึงที่สุดของความชั่ว โดยเฉพาะผู้ที่ชาติชั่วอย่างพิสดารจริงๆเท่านั้น! โลกันตนรกไม่ได้นับรวมอยู่ใน 31 ภพภูมิแห่งการเวียนว่ายตายเกิดและก็เป็นภพภูมิที่ไม่ระบุกาลเวลาก็อาจเป็นนัยว่าถ้าได้ไปแล้วก็ต้องอยู่ที่นั่นไปเลยตลอดกัลปาวสาน จะว่าโลกันตนรกตรงข้ามกับนิพพาน ก็ว่าได้ นิพพานไม่ใช่ภพภูมิแห่งการเวียนว่ายตายเกิด โลกันตนรกก็ไม่ใช่ภพภูมิแห่งการเวียนว่ายตายเกิดเช่นกัน นิพพานไม่ได้นับรวมอยู่ใน 31 ภพภูมิแห่งการเวียนว่ายตายเกิดเหมือนกัน และก็ถ้าได้ไปแล้วก็ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกเหมือนกัน สำหรับภพภูมิทั้งหมด 31 ภพภูมิ เมื่อขึ้นชื่อว่า "ภพภูมิ" ก็ย่อมมีการเวียนว่ายตายเกิด ทั้งหมด 31 ภพภูมิแห่งการเวียนว่ายตายเกิดนั้นก็ล้วนมีการกล่าวถึงกาลเวลาทั้งนั้น ซึ่งระยะเวลาในการเสวยผลกรรมในแต่ละภพภูมิก็ยาวนานแตกต่างกัน มีเพียงแค่นิพพานกับโลกันตนรกเท่านั้นที่ไม่ได้กล่าวถึงกาลเวลา โลกันตนรกถึงแม้จะมีการเอ่ยเรียกเป็นฉายาว่า "ภพภูมิพิเศษ" ก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ภพภูมิแห่งการเวียนว่ายตายเกิดแต่อย่างใด ไม่ใช่ภพภูมิแห่งการเวียนว่ายตายเกิดก็คือ "ไปแล้วก็ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก" นิพพานอย่างที่ได้ยินกันมาว่า "ไปแล้วไม่กลับ" นั่นคือถ้าได้ไปแล้วก็ไม่กลับมาเกิดอีกแน่นอน (เปรียบเป็นเสวยสุขอันเป็นนิรันดร์) โลกันตนรกก็น่าจะเป็นอีกขั้วที่ตรงข้ามกับนิพพาน เมื่อไม่ได้นับรวมไว้กับภพภูมิแห่งการเวียนว่ายตายเกิดทั้งหมด ก็อาจเป็นนัยได้ว่าถ้าได้ไปแล้วก็ไม่ได้กลับมาเกิดอีกเช่นเดียวกัน (เปรียบเป็นเสวยทุกข์อันเป็นนิรันดร์) นี่อาจเป็นสัจธรรมแห่งความตรงกันข้ามระหว่างสุดขั้วทั้งสอง ซึ่งขั้วหนึ่งมีความดีเป็นที่ตั้ง (นิพพาน) ส่วนอีกขั้วหนึ่งก็มีความชั่วเป็นที่ตั้ง (โลกันตนรก) "ที่สุดของความดีคือนิพพาน ส่วนที่สุดความชั่วคือโลกันตนรก" ขนาดตกนรกอเวจีจากการกระทำอนันตริยกรรม ซึ่งนับว่ากรรมหนักสุดๆแล้ว ถึงแม้ว่านานแสนนาน ต่อให้นานแค่ไหน นานมากๆเป็นชั่วกัปชั่วกัลป์ เมื่อสิ้นสุดการชดใช้กรรมในนรกอเวจีแล้วนั้น ก็ยังมีโอกาสได้กลับมาเกิดเป็นคนอีก แต่ไม่ใช่สำหรับโลกันตนรก ในเมื่อไม่ได้นับโลกันตนรกเข้ารวมกับภพภูมิแห่งการเวียนว่ายตายเกิดทั้งหมด ก็อาจเป็นอีกนัยได้ว่าโลกันตนรกก็อยู่นอกเหนือการเวียนว่ายตายเกิด นั่นคือไปแล้วไม่ได้กลับมาเกิดอีกตลอดกัลปาวสาน

    เห็นได้ว่าโลกันตนรกนั้นมีโทษหนักยิ่งกว่าอนันตริยกรรมเสียอีก! จะว่าโลกันตนรกมีโทษหนักกว่านรกอเวจีหรืออนันตริยกรรม ก็ว่าได้ นับว่าเป็นภัยแห่งวัฏสงสารที่น่ากลัวมากๆ! น่ากลัวมากที่สุดในสากลจักรวาล! ที่อื่นใดจะน่ากลัวเท่าโลกันตนรกไม่มีอีกแล้ว! ที่เรียกโลกันตนรกว่า "นรกเย็น" ด้วย ก็ไม่ใช่ว่าเย็นสบายแต่อย่างใดแต่เป็นเย็นทรมานสุดขั้ว! ผู้ที่ตกโลกันตนรกได้นั้นจะต้องถึงที่สุดของความเลวจริงๆ เลวชนิดที่เลือดเย็นและอำมหิตผิดมนุษย์สุดๆจริงๆเท่านั้น จะนับว่าเลวที่สุดในโลก เลวที่สุดในจักรวาล เลวที่สุดในสังสารวัฏ เลวยิ่งกว่าอเวจี เลวยิ่งกว่าอนันตริยกรรม หรือเลวไม่มีที่สิ้นสุด ก็ว่าได้ โดยเบื้องต้น จริตหรือนิสัยใจคอของผู้ที่จะไปโลกันตนรกได้นั้นคือชาติชั่วอำมหิตผิดมนุษย์ชนิดที่ดักดานสุดๆจนไม่หลงเหลือความเป็นคนอยู่ในจิตใจใดๆเลย (ตรงข้ามกับอริยบุคคล) นั่นคือชอบประทุษร้ายผู้มีศีลมีธรรม โดยเฉพาะจริตสันดานที่ชอบอิจฉาริษยาผู้ที่มีบุญบารมีมากๆ (มักอิจฉาริษยาผู้ที่เป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบุญบารมีมากๆจนต้องหาหนทางเบียดเบียนให้ถึงแก่ปางตายทุกวันค่ำเช้า) เห็นคนที่มีบุญบารมีมากๆไม่ได้เลย! ไม่เห็นคุณของบิดามารดา ไม่เห็นคุณค่าของความดี ไม่คำนึงถึงศีลธรรม ชอบเบียดเบียนชีวิตสรรพสัตว์อย่างไร้ความเมตตาปราณีอยู่เป็นนิจ ชอบเพ่งโทษผู้อื่นอย่างเลือดเย็นจนดองเป็นสันดาน นี่เป็นเพียงแค่จริตสันดานหลักๆซึ่งนับว่าเลวสุดๆแล้ว นอกจากนี้ ก็อาจเป็นเลวสุดๆในลักษณะที่พิสดารด้วย (เลวพิสดาร) ซึ่งหมายถึง "เลวที่ดูไม่ออกเลยว่าเลว" หรือเลวอย่างลึกลับซับซ้อน นั่นคือเลวอย่างไม่เปิดเผยตัวตน โดยเลวอย่างแยบยลและแนบเนียนสุดๆ ถึงอย่างไร ไม่ว่าจะเลวแบบเปิดเผยตัวตนหรือเลวแบบไม่เปิดเผยตัวตน ก็นับว่าเลวสุดๆไม่ต่างกันนัก ซึ่งบาปกรรมที่ได้สั่งสมมาทั้งหมดนั้น เมื่อรวมกันแล้วหนักยิ่งกว่าอนันตริยกรรมเสียอีก! โดยทั่วไป ผู้ที่ได้กระทำอนันตริยกรรมจะต้องไปชดใช้กรรมที่นรกอเวจีก่อน แต่ผู้ที่จะได้ไปชดใช้กรรมที่โลกันตนรกนั้นยิ่งกว่านั้น ต้องสั่งสมบาปกรรมจนหนักยิ่งกว่าอนันตริยกรรมถึงขนาดที่ว่าแม้แต่นรกอเวจีก็แบกรับไว้ไม่ไหวแล้วจริงๆ นั่นแลเลวสุดๆชนิดที่ว่า "แม้แต่นรกอเวจีก็ยังไม่รับ ต้องไปโลกันตนรกสถานเดียว"

    ที่ได้ยินมา ผู้ที่มีโอกาสไปชดใช้กรรมในโลกันตนรกนั้นมักเป็นผู้นำที่หลงผิด และผู้นำที่หลงผิดนั้นก็มักจะมีอภิญญา พลังจิต อิทธิฤทธิ์ที่เป็นมิจฉาทิฐิ และก็ไสยศาสตร์ดำที่แรงมากๆด้วย สามารถใช้อำนาจ พลังจิต และไสยศาสตร์ดำในการฆ่าและเบียดเบียนผู้คนเป็นจำนวนมากๆได้ ไสยศาสตร์มนต์ดำที่แรงนั้นก็มักเป็นการบูชายัญด้วยชีวิตของผู้คนอย่างแนบเนียนสุดๆ ซึ่งสามารถดลบันดาลให้เกิดเหตุร้ายทั่วโลกที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากๆได้ เช่น การก่อการร้าย ตึกถล่ม เครื่องบินตก อุบัติเหตุต่างๆ โรคระบาดต่างๆที่มีผู้คนตายนับล้าน การแทรกจิตวิญญาณของบุคคลระดับผู้นำในยุคสมัยต่างๆแล้วบงการให้สังหารผู้คนอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์เป็นจำนวนมากๆ (พิสดารมากๆ) เป็นต้น การสร้างความวุ่นวายทั่วโลก (ป่วนโลก) ด้วยพลังจิตและไสยศาสตร์มนต์ดำในลักษณะทำนองนี้ สามารถทำได้จากทางไกลได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่มีใครสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเพราะพลังจิตนั้นอยู่เหนือปัจจัยทางกายภาพ (ทั้งระยะทางและกาลเวลา) อาจมีผู้นำบนโลกนี้เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำบาปกรรมพิสดารเช่นนี้ได้ ถึงอย่างไร สำหรับตำแหน่งผู้นำนี้ ถ้าคนดีมาอยู่ในตำแหน่งแล้วทำคุณก็ทำคุณขึ้นสุดๆ แต่ถ้าคนชั่วมาอยู่ในตำแหน่งแล้วทำบาปก็ทำบาปขึ้นสุดๆเหมือนกัน (คุณอนันต์ โทษมหันต์) แต่ในยุคนี้ ก็อาจเป็นผู้นำเลวๆที่เป็นปีศาจในคราบเทวดาที่ชอบแสร้งตนเป็นคนดีโดยภายนอกแต่ภายในจิตใจเลวสุดๆ หรือที่เรียกว่า "กาขาว" ซึ่งหมายถึงคนที่ภายนอกเป็นสีขาวแต่ภายในเป็นสีดำ นั่นคือภาพลักษณ์ภายนอกดีแต่จิตใจสกปรกสุดๆ คนในยุคนี้เป็นอย่างนี้กันมาก ชอบทำชั่วในที่ลับตา ชอบทำชั่วอย่างแยบยลและอย่างแนบเนียนสุดๆ โดยต่อหน้าผู้คนจะชอบแสร้งตนเป็นคนที่แสนดี

    สำหรับการไม่รู้คุณบิดามารดา ก็มาจากการลุมลามของสันดานขี้อิจฉาริษยาอย่างงี่เง่าและแรงกล้ามากๆ จริตสันดานของผู้ที่จะไปชดใช้กรรมในโลกันตนรกคือสันดานขี้อิจฉาริษยาอย่างงี่เง่าสุดๆกับชาติชั่วดักดานสุดๆในลักษณะที่เลือดเย็นและอำมหิตผิดมนุษย์สุดๆด้วย อิจฉาริษยาผู้ที่มีบุญบารมีมากๆ อิจฉาริษยาผู้ที่มีลาภสักการะมากๆ อิจฉาริษยา อิจฉาตาร้อนสุดๆเมื่อเห็นใครก็ตามที่มีคนเคารพกราบไหว้เยอะๆ บ้างก็ถึงขนาดทนอยู่ร่วมแผ่นดินกับผู้ที่บุญบารมีมากกว่าไม่ได้ ต้องกำจัด ต้องทำลาย ต้องขับไล่ไปให้พ้น นับว่าเป็นความอิจฉาริษยาที่งี่เง่าไร้เหตุผลมากๆ คนที่มีจริตสันดานขี้อิจฉาริษยาอย่างงี่เง่าสุดๆนั้น เมื่อมีอำนาจ อภิญญา และไสยศาสตร์ดำที่แรงมากๆ ก็อาจถลำตนจนลุกลามบานปลายและพาตนลงสู่โลกันตนรกได้เองในที่สุด! ที่ได้ยินมาก็คืออิจฉาริษยาแม้กระทั่งพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้าที่เป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบุญบารมีมาก โดยอุตส่าห์รอหาโอกาสจ้องทำลายชนิดข้ามภพข้ามชาติ ซึ่งจะไม่ฆ่า ไม่เบียดเบียนในชาติที่ยังเป็นพ่อแม่ลูกกันอยู่ แต่จะรอให้พ้นชาตินั้นไปแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงอนันตริยกรรม อย่างที่ได้กล่าวไว้ว่าผู้ที่จะไปชดใช้กรรมในโลกันตนรกนั้นมักเป็นผู้ที่มีอภิญญาที่รู้เล่ห์กลในบุญบาปและชอบทำบุญบาปด้วยเล่ห์กลอย่างพิสดาร! (ทำบุญด้วยความไม่บริสุทธิ์ใจ) กล่าวง่ายๆคือมีเล่ห์กลในบุญบาป สามารถกำหนดดูเพื่อตรวจสอบได้ว่าทำบุญทำบาปเช่นใดแล้วจะส่งผลเช่นใด รู้ว่ากรรมหนักระดับอนันตริยกรรมนั้นส่งผลก่อนกรรมใดๆทั้งปวง ก็เลยเลี่ยง เมื่อไม่ได้กระทำอนันตริยกรรม แม้ที่ผ่านมาจะได้ทำบาปกรรมอื่นๆสักเท่าใด ก็จะรู้ถึงขนาดที่ว่าต้องทำบุญอะไรที่ได้อานิสงส์มากๆและสนองผลบุญก่อนบุญบาปที่มีอยู่แรกเดิมทั้งหมด เมื่อบุญใหญ่ๆสนองผลก่อน ก็หลงประมาทว่าตนได้ทำบาปไว้มากแต่ตนก็ยังอยู่อย่างสุขสบายดี ยังคงเป็นใหญ่เป็นโตและอยู่อย่างสุขสบาย และยังคงสั่งสมกรรมหนักไปเรื่อยๆ หารู้ไม่ว่าบาปกรรมหนักๆที่เอาแต่สั่งสมไปเรื่อยๆนั้นได้ถูกทดไว้ก่อน ซึ่งจะรอสนองผลหลังจากบุญใหญ่นั้นหมด แต่ด้วยเล่ห์แห่งบุญและบาป คนพวกนี้ก็จะคอยเติมบุญใหญ่ๆที่มีอานิสงส์มากๆแบบนี้วนไปเรื่อยๆจนเติมไม่ได้อีกต่อไป เติมบุญด้วยเล่ห์กลจนเติมไม่ได้อีกต่อไป! เพราะกรรมหนักๆที่ได้สั่งสมทดไว้เรื่อยๆนั้นถึงเกณฑ์โลกันตนรกเสียแล้ว! เมื่อถึงเกณฑ์โลกันตนรก ต่อให้มีบุญมากมายแค่ไหนบุญเหล่านั้นก็จะถูกกีดกันการสนองผลไว้ทั้งหมดทั้งสิ้น! ซึ่งน่ากลัวมากๆ บุญใหญ่ๆที่มีอานิสงส์มากและสนองผลบุญก่อนบุญบาปที่มีอยู่แรกเดิมนั้นคือการทำบุญกับพระอรหันต์ที่เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ แล้วก็มักอธิฐานจิตให้แคล้วคลาด ให้ได้อภิญญา ให้ได้เจอพ่อแม่ที่เป็นพระโพธิสัตว์ในชาติถัดๆไป (แฝงเจตนาอกุศล) ให้ได้เป็นใหญ่เป็นโต ให้มีคนรัก ให้มีเคารพและยอมรับนับถือ พวกนี้ชอบอธิษฐานทำนองนี้และคำอธิษฐานก็ย่อมส่งผลจนตนหลงประมาท ไม่ชอบใช้ผลบุญที่สนองนั้นในทางที่ดี แต่กลับนำไปใช้ในทางที่หลงผิด (ใช้บุญไม่เป็น) เมื่อกาลเวลาผ่านไปจนข้ามภพข้ามชาติ ก็จะรู้โดยอภิญญาหรืออิทธิฤทธิ์ได้ว่าใครคือพ่อแม่ของตนที่เป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบุญบารมีมากกลับชาติมาเกิด ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็จะจ้องหาโอกาสเบียดเบียนอย่างเลือดเย็นและอย่างอำมหิตผิดมนุษย์สุดๆจนถึงแก่ปางตายเสียให้ได้อยู่ร่ำไป รู้ทั้งรู้ว่านั่นคือพ่อแม่ในอดีตชาติ อีกทั้งเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบุญบารมีมากด้วย ก็ยังไม่เว้น! แม้ชาติปัจจุบันจะมาถืออย่างงี่เง่าว่าไม่ใช่พ่อแม่ของตนเองแล้ว แต่บริบทของวิบากกรรมลักษณะนี้ถือว่าไม่บริสุทธิ์ใจต่อพ่อแม่ของตนเองอย่างข้ามภพข้ามชาติ อย่าลืมว่า "บาปกรรมอยู่ที่เจตนาและบริบท" ยิ่งถ้ามีอภิญญาที่รู้ได้ขนาดนี้ว่าเคยเป็นพ่อแม่ลูกกันมาก่อนในชาติภพที่เพิ่งผ่านมาด้วย ก็นับว่ารู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจและยิ่งเข้าข่ายอนันตริยกรรม 3 องค์คือฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ และฆ่าพระอรหันต์! เพราะบางคนที่เป็นพระโพธิสัตว์นั้นเทียบเท่าอริยบุคคลที่เป็นพระอรหันต์ด้วย เห็นได้ว่าพระโพธิสัตว์องค์ใดที่ลาพุทธภูมิก็มักจะบรรลุอรหันต์แล้วนิพพานในชาตินั้นเลย การบรรลุธรรมของผู้ที่เป็นพระโพธิสัตว์กับผู้ที่ไม่ได้เป็นพระโพธิสัตว์นั้นต่างกัน แม้ถือว่าไม่ใช่อนันตริยกรรมโดยตรงแต่ก็นับว่าเข้าข่ายอนันตริยกรรมเป็นทวี! เมื่อเอาแต่สั่งสมกรรมหนักๆอย่างหลงผิดเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ทดกรรมหนักๆไปก่อนเรื่อยๆ สักวันก็ย่อมถึงเกณฑ์โลกันตนรก! เมื่อถึงเกณฑ์โลกันตนรกแล้ว บุญใดๆก็ตามที่มีอยู่ทั้งหมด แม้จะยังมากมายสักเพียงใด และต่อให้ไปเติมบุญใหญ่ๆใหม่อีกสักเท่าใดด้วย บุญทั้งหลายเหล่านั้นก็จะถูกกีดกันไว้ไม่ให้สนองผลบุญทั้งหมดทั้งสิ้น! แล้วก็ต้องไปอยู่ในโลกันตนรกตลอดชั่วกัลปาวสานสถานเดียว! จะมาเล่นเล่ห์กลกับบุญบาปในลักษณะแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป เห็นได้ว่ากรรมหนักๆที่เข้าข่ายอนันตริยกรรมนั้นน่ากลัวมากๆ ถึงแม้จะไม่ใช่อนันตริยกรรมโดยตรง แต่ถ้าเอาแต่สั่งสมไปเรื่อยๆ ก็ย่อมมีสักวันที่ถึงเกณฑ์โลกันตนรกเลยทีเดียว! อาจกล่าวได้ว่าผู้ที่จะต้องไปอยู่โลกันตนรกเป็นการถาวรนั้นคือผู้ที่ชอบทดกรรมหนักๆที่เข้าข่ายอนันตริยกรรมไปเรื่อยๆจนถึงเกณฑ์ด้วย ก็ว่าได้

    นอกจากเบียดเบียนพ่อแม่ที่เป็นพระโพธิสัตว์อย่างข้ามภพข้ามชาติแล้ว ก็ยังมีในลักษณะที่ชอบเบียดเบียนผู้ที่มีศีลธรรมมากๆ ชอบเบียดเบียนผู้ที่มีบุญบารมีมากๆ ชอบเบียดเบียนคนที่มีอะไรที่ดีๆกว่าตน ซึ่งจะชอบมองในเชิงหมั่นไส้อย่างงี่เง่าไร้เหตุผลสุดๆว่าเหนือกว่าตน มีความสุขกว่าตน หรือเกินหน้าเกินตา พวกนี้ชอบใช้อภิญญา อิทธิฤทธิ์ หรือพลังจิตสอดส่องทั่วโลกทุกวันค่ำเช้าว่าวันนี้มีใครที่มีบุญบารมีมากๆมาเกิดบ้าง ใครมีความสุขที่สุดในโลกขณะนี้บ้าง ใครมีอะไรที่ดีๆที่สุดในโลกอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วค่อยหาทางเบียดเบียนอย่างเงียบๆและอย่างแนบเนียนสุดๆ ทั้งนี้ ก็ยังคงอยู่บนพื้นฐานของจริตสันดานที่ชอบอิจฉาริษยาอันแรงกล้าสุดๆ นอกจากนี้ ก็ยังชอบฆ่าคนตายนับแสนนับล้านทั่วโลก ชอบฆ่าและเบียดเบียนผู้อื่นอยู่เป็นนิจ เห็นการเสียชีวิตของผู้คนและสัตว์เป็นเรื่องสนุก เห็นการทรมานและการทำลายชีวิตผู้คนและสัตว์เป็นเรื่องสนุกด้วย ซึ่งปราศจากความเมตตาปราณีโดยสิ้นเชิง ปราศจากความเห็นอกเห็นใจ เห็นผิดเป็นชอบ มีระบบความคิดและจิตใจเป็นนิยตมิจฉาทิฐิชนิดที่ดิ่งลึกสุดๆ ตกเป็นทาสของกิเลสโดยเฉพาะความอิจฉาริษยา ความอาฆาตพยาบาท และความหลงผิดชนิดที่หน้ามืดตามัวสุดๆ อาจกล่าวได้ว่าผู้ที่มีจริตสันดานที่นำไปสู่โลกันตนรกนั้นตรงข้ามกับอริยบุคคล ก็ว่าได้ ผู้ที่จะไปโลกันตนรกกับผู้ที่เป็นอริยบุคคลคือปริศนาแห่งความตรงกันข้าม คนที่ชอบทำกรรมหนักๆเป็นอาจิณนั้นถือว่าอำมหิตผิดมนุษย์และเลือดเย็นสุดๆ หมดสิ้นความเป็นคนโดยสิ้นเชิง เมื่อสั่งสมกรรมหนักจนถึงระดับสูงสุดเกินกว่านรกอเวจีจะแบกรับไว้ได้แล้วนั้น ก็นับว่าถึงที่สุดของความเลวแล้วจริงๆ เลวสุดๆชนิดที่ชอบสั่งสมบาปกรรมจนผลบาปนั้นหนักยิ่งกว่าอนันตริยกรรมเสียอีก เลวสุดๆจนหมดสิ้นความเป็นคนโดยสมบูรณ์ หมดสิ้นจนไม่เหลืออะไรให้กลับมาเกิดเป็นคนได้อีกต่อไปตลอดกัลปาวสาน หมดสิ้นความเป็นคนจนไม่หลงเหลือความเป็นคนให้ได้กลับมาเกิดเป็นคนอีกตลอดไป (ไม่สมควรเป็นคน) ต้องไปอยู่ในโลกันตนรกตลอดกัลปาวสานสถานเดียว! ไปแล้วไปเลยตลอดกาล ไม่มีวันได้กลับมาเกิดเป็นคนอีก ขนาดผู้ที่จะไปอเวจีได้นั้นล้วนเป็นผู้ที่กระทำอนันตริยกรรม ซึ่งนับว่าเป็นกรรมหนักถึงขนาดที่ว่า "ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน" ในชาติภพนั้นๆแล้ว แต่โลกันตนรกยิ่งกว่าอเวจี ยิ่งกว่าอนันตริยกรรมเสียอีก ถึงแม้ไปอเวจีแล้วกลับมาเกิดเป็นคนได้อีกก็จริงแต่จำนวนครั้งก็ย่อมมีข้อจำกัด บริบทนี้ หากเคยผ่านการตกนรกอเวจีมาหรือนรกขุมที่ลึกๆมาแล้ว อย่าถือว่าเดี๋ยวก็ได้กลับขึ้นมาอีก ระวังครั้งต่อไปอาจต้องไปโลกันตนรกตลอดกัลปาวสานเลยก็เป็นได้! ไม่ใช่ว่าจะทำเลวซ้ำๆซากๆเดิมๆได้เสมอไป จะถือว่าตกนรกแล้วแม้นานเท่าใดก็ได้กลับมาทำชั่วต่ออีกอย่างซ้ำๆซากๆไม่ได้ เมื่อถึงขีดจำกัดแล้วก็ต้องไปโลกันตนรกตลอดกัลปาวสานสถานเดียว

    สำหรับการสั่งสมกรรมหนักด้วยการเบียดเบียนพระโพธิสัตว์หรืออริยบุคคลที่มีบุญบารมีมากๆด้วยความอิจฉาริษยาที่ว่ามีบุญบารมีมากกว่าตนนั้น บ้างก็ว่าต้องเล่นงานบุคคลที่เป็นระดับพระโพธิสัตว์ โดยทำให้พระโพธิสัตว์ถึงแก่ปางตาย 4 คนเป็นต้นไป (เทียบเท่า 4 อนันตริยกรรม) ซึ่งอาจต้องสั่งสมบาปกรรมนั้นอย่างข้ามภพข้ามชาติ แต่สั่งสมบาปกรรมภายในชาติเดียวก็มี นั่นก็เพราะว่าพระโพธิสัตว์อาจมีมากกว่าหนึ่งคนหรือมีหลายคนในยุคสมัยเดียวกัน การเบียดเบียนพระโพธิสัตว์จนถึงแก่ปางตายโดยเฉพาะพระโพธิสัตว์ที่เคยเป็นพ่อเป็นแม่ในอดีตชาติด้วยก็เข้าข่ายอนันตริยกรรมเป็นทวี แค่เบียดเบียนพระโพธิสัตว์ทั่วไปจนถึงแก่ปางตายก็เข้าข่ายเบียดเบียนอริยบุคคล ซึ่งกรรมหนักชนิดที่เข้าข่ายอนันตริยกรรมแล้ว ไม่ต่างจากอนันตริยกรรมในข้อที่ว่าด้วยการฆ่าพระอรหันต์เท่าใดนัก นั่นก็เพราะว่าพระโพธิสัตว์ก็เทียบเท่าอริยบุคคลหรือผู้ที่บรรลุธรรม บางคนที่เป็นพระโพธิสัตว์อาจเทียบเท่าผู้บรรลุอรหันต์เลย ก็ว่าได้ ดังนั้น ทำกรรมหนักกับพระโพธิสัตว์หรือผู้ที่มีบุญบารมีมากๆหลายๆคนภายในแค่เพียงชาติเดียวก็มีโอกาสไปโลกันตนรกได้เหมือนกัน นอกจากนี้ การเบียดเบียนพระโพธิสัตว์นั้นยังรวมถึงเบียดชีวิตในลักษณะที่ถึงแม้ไม่ได้ฆ่าให้ตายแต่ทำให้เหมือนตายทั้งเป็นเป็นระยะเวลาที่ยาวนานด้วย (ฆ่าให้ตายทั้งเป็น) บางที การเบียดเบียนในลักษณะที่ฆ่าให้ตายทั้งเป็นทั้งชีวิตโดยเล่นกับชีวิตความเป็นอยู่และหน้าที่การงานของพระโพธิสัตว์หรือผู้ที่มีบุญบารมีมากๆอาจโทษหนักพอๆกันกับฆ่าให้ตายไปเลยหรืออาจโทษหนักยิ่งกว่านั้นอีกเสียด้วยซ้ำ ก็เป็นได้

    บ้างก็ว่าต้องกระทำครบ 4 อนันตริยกรรม หรือทำบาปกรรมที่มีโทษเป็นที่ 4 เท่าของอเวจีเป็นต้นไป ผู้ใดที่สั่งสมกรรมจนเทียบเท่า 4 อนันตริยกรรมหรือยิ่งกว่านั่นไปแล้ว ผู้นั้นนับว่าหมดสิ้นความเป็นคนโดยสิ้นเชิง! (เลวสุดๆเกินกว่าจะเยียวยา) เมื่อตายไปก็ต้องไปโลกันตนรกตลอดกัลปาวสานอย่างสถานเดียว ขนาดแค่เพียง 1 อนันตริยกรรม ก็ถือว่าหนักหนาสาหัสแล้ว ซึ่งต้องชดใช้กรรมนั้นไปตลอดทุกภพชาติจนถึงชาติสุดท้ายที่สิ้นสุดการเวียนว่ายตายเกิดแล้ว อนันตริยกรรมจะคอยตามสนองอย่างไม่มีที่สิ้นสุดทุกภพชาติ อนันตริยกรรมนั้นน่ากลัวมากๆ หากกรรมหนักๆที่ได้สั่งสมมานั้นเทียบเท่า 4 อนันตริยกรรมหรือยิ่งกว่านั้นไปแล้วคิดหรือว่าวิบากกรรมจะสิ้นสุดง่ายๆ คิดหรือว่าจะได้กลับมาเกิดเป็นคนอีก อย่าลืมว่าอนันต์แปลว่าไม่มีที่สิ้นสุด แต่นี่กรรมที่ได้ทดหรือสั่งสมไว้จนถึงเกณฑ์โลกันตร์ซึ่งหนักกว่าอนันตริยกรรมเสียอีก แล้วที่ว่า 4 อนันตริยกรรมหรือยิ่งกว่านั้นไปแล้วจะขนาดไหน นั่นแล หากสั่งสมกรรมหนักที่เทียบเท่าตั้งแต่ 4 อนันตริยกรรมไปแล้ว ก็ต้องอยู่ในโลกันตนรกไปสถานเดียวอย่างไม่มีที่สิ้นสุดตลอดกัลปาวสาน! เมื่อถึงคราวต้องไปชดใช้กรรมในโลกันตนรก ก็ต้องไปชดใช้ตลอดกัลปาวสานอย่างไม่มีวันได้กลับมาอีก ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีคุณงามความดีมากมายแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถห้ามปรามไม่ให้ไปโลกันตนรกได้! เมื่อถึงคราวต้องไปก็ต้องไปแล้วไปเลยตลอดกัลปาวสานสถานเดียว! ถึงอย่างไร หากยังไม่สายเกินไป หากกรรมหนักๆที่ได้สั่งสมมานั้นยังไม่ถึงระดับที่ต้องไปโลกันตนรก จักรวาลก็ย่อมให้โอกาสเสมอ แต่โอกาสในบริบทนี้ก็ย่อมมีข้อจำกัด ไม่ใช่ว่าทำบาปกรรมหนักๆแบบนั้นได้ตลอดเสมอไป ดั่งที่ได้กล่าวไว้แล้ว จักรวาลหรือสังสารวัฏให้โอกาสกระทำกรรมหนักในลักษณะที่เป็นการเบียดเบียนพระโพธิสัตว์ (โดยเฉพาะพระโพธิสัตว์ที่เคยเป็นพ่อเป็นแม่ในอดีตชาติด้วย) จนถึงแก่ปางตายได้ไม่เกิน 4 คน/ครั้ง (เทียบเท่า 4 อนันตริยกรรม) นอกจากนี้ ก็ยังมีกรณีอนันตริยกรรมอื่นๆอีก เช่น ฆ่าบิดา ฆ่ามารดา ฆ่าพระอรหันต์ และทำให้สงฆ์แตกแยก ถึงอย่างไร ถึงแม้ไม่ได้กระทำอนันตริยกรรมเหล่านี้ แต่ถ้าหากฆ่าคนตายเป็นประจำจนรวมยอดได้เป็นจำนวนมากๆก็อาจมีผลกรรมที่หนักยิ่งกว่าอนันตริยกรรมอีก ก็เป็นได้ เมื่อบาปกรรมที่ได้สั่งสมไว้เทียบเท่าหรือเกินกว่า 4 อนันตริยกรรมไปแล้วก็ต้องไปโลกันตนรกสถานเดียวอย่างไม่มีวันกลับตลอดกัลปาวสาน คนที่สั่งสมบาปกรรมจนหนักยิ่งกว่าอนันตริยกรรมได้นั้นนับว่าไม่ใช่คน ไม่เหลือความเป็นคนให้กลับมาเกิดเป็นคนได้อีกแล้ว!

    ย้ำอีกครั้งว่าบาปกรรมจากการเบียดเบียนพระโพธิสัตว์ก็เทียบเท่าการเบียดเบียนอริยบุคคลซึ่งก็เข้าข่ายอนันตริยกรรมเหมือนกัน! อนันตริยกรรมคือบาปกรรมที่น่ากลัวที่สุดในจักรวาล! ดังนั้น อย่าได้แม้แต่จะคิดที่จะเบียดเบียนพระโพธิสัตว์ใดๆทั้งสิ้น! อันที่จริง ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือพระโพธิสัตว์และรวมถึงบรรดาสัตว์ต่างๆก็อย่าได้เบียดเบียน เพียงแต่ว่าบาปกรรมจากการเบียดเบียนพระโพธิสัตว์นั้นจะเป็นกรรมหนักเป็นพิเศษที่อาจเข้าข่ายอนันตริยกรรมเลย ก็ว่าได้ คนรอบข้างเรา คนที่ดูแสนจะธรรมดาอาจเป็นพระโพธิสัตว์ที่มาสร้างบารมีก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้ จงระมัดระวังเข้าไว้ จะระมัดระวังไว้ให้มากๆ พระโพธิสัตว์ก็สามารถเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้ กรณีพระพุทธเจ้าครั้นที่เสวยชาติเป็นพระโพธิสัตว์ที่เป็นพ่อค้า ชื่อว่า "เสรีวะ" ก็เป็นตัวอย่างที่ตอบโจทย์ว่าพระโพธิสัตว์สามารถเกิดมาเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้ กรณีเบียดเบียนพระโพธิสัตว์นี้ อย่าว่าแต่ฆ่าเลย ถึงแม้ไม่ได้ฆ่า แค่เบียดเบียนให้ลำบาก ให้เจ็บป่วย ให้เสียทรัพย์ ให้เสียเวลาชีวิต หรือแม้กระทั่งแค่คิดไม่ดีด้วย ก็นับว่าบาปกรรมมหันต์แล้ว ตายไปต้องตกนรกหมกไหม้อยู่ในนรกนานตั้งไม่รู้กี่กัป หรือเพียงแค่คิดอกุศล (มโนกรรม) หรือถ้อยคำอกุศล (วจีกรรม) ก็บาปมหันต์แล้ว! อาจตกนรกชนิดที่ไม่ได้ผุดได้เกิดไปอีกนานแสนนานเลย เล่นกับพระโพธิสัตว์หรือเล่นกับผู้ที่มีบุญบารมีมากนับว่าอันตรายมากๆ! หากสั่งสมบาปกรรมครบจำนวนครั้งหรือถึงระดับชนิดที่หนักหนาเกินกว่าที่อเวจีจะแบกรับไว้ได้แล้วนั้น ก็ต้องไปโลกันตนรกตลอดกัลปาวสานสถานเดียว! ผู้ที่เบียดเบียนได้แม้กระทั้งพระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีด้วยความดีได้ลงคอนั้นก็นับว่าเลวสุดๆ เบียดเบียนแม้กระทั่งคนดี ก็นับว่าเลวที่สุดในจักรวาล ก็นั่นแล "เลวถึงขนาดที่ว่าแม้แต่นรกอเวจีก็ยังไม่รับ!"

    "ไม่รู้จักหลาบจำ" ปกติ นรกไม่ว่าจะขุมใด โดยเฉพาะขุมอเจวีและขุมที่ลึกๆย่อมให้บทเรียนชนิดที่หลาบจำจนไม่กล้าทำบาปใดๆอีก หากยังดื้อด้านและดักดานทำชั่วได้อีกด้วยการถือเสียว่ายอมตกนรกและต่อให้ตกนรกนานสักเท่าใดก็ยังได้กลับมาเกิดเป็นคนอีก ซึ่งจะได้แก้แค้นอีกนั้น โอกาสก็ย่อมมีข้อจำกัดเสมอ จักรวาลย่อมมีระบบรักษาสมดุล ระบบวิบากกรรมย่อมไม่ปล่อยให้ทำแบบนั้นได้อย่างซ้ำๆซากๆไปตลอดอย่างแน่นอน หากยังคงดักดาน ไม่รู้จักจำ ไม่ยอมกลับตัวกลับใจ มีแต่จะถลำลึกลงไปอีกนั้น รอบต่อไปอาจไปอยู่โลกันตนรกตลอดกาลเลยก็เป็นได้ เมื่อถึงที่สุดของบาปกรรมแล้ว แม้อเวจีที่ขึ้นชื่อว่านรกขุมที่ลึกที่สุดแล้วก็ไม่อาจแบกรับคนที่ชาติชั่วดักดานสุดๆแบบนี้ไว้ได้อีกต่อไป ก็ต้องไปชดใช้กรรมที่โลกันตนรกตลอดกัลปาวสานสถานเดียว! จะมาถือแบบเดิมๆว่าตกนรกขุมลึกๆมาแล้ว แม้นานสักกี่กัปก็ได้ขึ้นมา เดี๋ยวรอบต่อไปก็เป็นเช่นนั้นอีก ระวังรอบต่อไปจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว ต้องไปอยู่ในโลกันตนรกตลอดกัลปาวสานอย่างไม่มีวันได้กลับมาอีกสถานเดียว!

    หากยังคงดักดานทำชั่วด้วยการสั่งสมกรรมหนักที่เป็นการเบียดเบียนพระโพธิสัตว์อย่างหน้ามืดตามัวถึงระดับที่ถึงต้องไปโลกันตนรกแล้วนั้น วิบากกรรมก็ย่อมส่งผลให้ต้องไปโลกันตนรกตลอดกัลปาวสานสถานเดียว! เพราะหมดสิ้นความเป็นคนโดยสิ้นเชิงจนไม่เหลืออะไรให้กลับมาเกิดเป็นคนได้อีกตลอดกัลปาวสาน อย่างที่ได้กล่าวไว้ เมื่อกล่าวขยายความอีกครั้ง จริตสันดานหลักๆของผู้ที่จะไปโลกันต์นั้นจะต้องชาติชั่วสุดๆ ต่ำช้า ใจดำ อำมหิตผิดมนุษย์ เลือดเย็นสุดๆ เห็นการเสียชีวิตของผู้คนและสัตว์เป็นเรื่องสนุก เห็นการทรมานและทำลายชีวิตผู้คนและสัตว์เป็นเรื่องสนุก หมดสิ้นความเมตตาปราณี เห็นแก่ตัวสุดๆ ไม่รู้คุณบิดามารดา ไม่เห็นคุณของพระรัตนตรัย (รวมถึงไม่เห็นคุณของพระโพธิสัตว์ด้วย) ไม่เห็นค่าของคุณงามความดี เห็นผิดเป็นชอบ เข้าข่ายนิยตมิจฉาทิฐิชนิดที่ดิ่งลึกสุดๆ ใครเตือน ใครให้ข้อคิดใดๆที่เป็นคติธรรมก็ไม่ได้ ปิดกั้นหมด ปราศจากใจที่เปิดรับธรรมโดยสิ้นเชิง เกินกว่าจะเยียวยา มืดบอดสนิทโดยสิ้นเชิง ในเมื่อไม่สามารถช่วยด้วยการให้ข้อคิดทางธรรมเพื่อนำไปสู่การคิดและกระทำที่กลับตัวใจได้ นับประสาอะไรกับการช่วยเหลืออื่นๆที่นอกเหนือจากนี้ ขนาดการให้ธรรมซึ่งชื่อว่าเป็นการให้ที่ประเสริฐที่สุดแล้ว ก็ยังปิดกั้น เขาถึงว่า "สัตว์นรกโลกันตร์เป็นสัตว์นรกที่สงเคราะห์ไม่ได้"

    ความใจดำอำมหิตผิดมนุษย์ ความเลือดเย็น ความหลงผิด และความดักดานในการคอยเพ่งโทษผู้อื่นอย่างเลือดเย็นจนดองเป็นสันดานนั้น ทำให้ปิดกั้นทุกสิ่งที่ดีงาม ปราศจากใจที่เปิดรับสิ่งที่ดีๆทั้งปวง ชาติชั่วดักดานและเลือดเย็นเกินไป! เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงต้องมาอยู่ที่นรกเย็น เลือดเย็นก็ต้องคู่กับนรกเย็น ซึ่งคำว่านรกเย็นไม่ได้หมายความว่าเป็นนรกที่เย็นสบายแต่อย่างใด แต่เป็นความเย็นระดับจิตวิญญาณ เป็นความเย็นที่เย็นที่สุดขั้วในโลกวิญญาณ วิญญาณหนาวในโลกวิญญาณนับว่าทรมานแล้วแต่ก็ยังไม่ถึงเศษเสี้ยวของหนาวในโลกันตนรก! นับว่าเย็นสุดแสนหฤโหด เย็นสุดๆชนิดทรมานทุกอณูขุมขนของจิตวิญญาณจนไม่สามารถอยู่อย่างเป็นสุขได้ทุกขณะ! เย็นน่ากลัว เย็นทรมานสุดๆตลอดเวลา ยิ่งเป็นเย็นทะเลน้ำกรดที่อยู่เบื้องล่างอีกก็ไม่ต้องพูดถึง เย็นทรมานและเจ็บปวดทรมานสุดๆชนิดที่เจ็บปวดทรมานที่สุดในจักรวาล! ไม่มีความเจ็บปวดทรมานใดๆอีกแล้วในสากลจักรวาลที่สามารถสู้ความเจ็บปวดทรมานในโลกันตนรกได้! ที่สุดของความเจ็บปวดทรมานคือโลกันตนรก! ที่ว่าเย็นทรมานสุดๆคือนัยของกรรมที่ว่าด้วยความเลือดเย็นที่อำมหิตสุดๆก็ว่าได้ นอกจากนี้ ในโลกันตนรกก็ปราศจากแสงสว่างใดๆทั้งปวง มืดสนิทชนิดที่มืดยิ่งกว่ามืด แม้ลืมตาก็มองอะไรไม่เห็นเลย ต้องคลำอยู่ในความมืดท่ามกลางซอกหินที่คมยิ่งกว่ามีดที่ทิ่มแทงและบาดร่างกายอยู่ตลอดเวลา ไหนจะห่าฝนที่ตกลงมาเป็นหอกใส่ร่างกายอยู่ร่ำไป ไหนจะเบื้องล่างที่เป็นทะเลน้ำกรดที่คอยรองรับเมื่อพลัดตกลงไปอีก ฯลฯ ไม่มีทางหาความสุขได้ ทุกซอกทุกมุมน่ากลัวทั้งนั้น ไม่มีช่วงเวลาใดเลยที่ว่างเว้นจากความเจ็บปวดทรมาน ต้องทุกข์ทรมานสุดๆตลอดเวลาไปอย่างนั้นไปตลอดกาล ทุกข์ทรมานเป็นอนันต์ นั่นคือทุกข์ทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไปตลอดกัลปาวสาน เป็นการลงโทษตลอดกาล ที่สำหรับคนที่เลวสุดๆในจักรวาลก็ย่อมหาความสุขสบายไม่ได้แม้แต่เศษของเศษอณูเป็นธรรมดา! ความใจดำอำมหิตและเลือดเย็นชนิดที่หมดสิ้นความเป็นคนโดยสิ้นเชิงนั้นทำให้ต้องไปอยู่ในโลกันตนรกโดยไม่มีโอกาสได้กลับมาเกิดเป็นคนอีกตลอดกัลปาวสาน อย่างที่ได้กล่าวไว้ อาจกล่าวได้ว่าโลกันตนรกนั้นตรงข้ามกับนิพพานก็ว่าได้ เป็นคู่แห่งความตรงกันข้าม นิพพานไปแล้วไม่กลับ (ไม่มีตัวตน) ส่วนโลกันตนรกก็ไปแล้วไม่กลับเหมือนกัน แต่ต้องอยู่ที่นั่นไปตลอดกาลอย่างไม่ได้มีวันกลับมา (มีความเป็นตัวตนสูงสุดในจักรวาล)

    ตัวอย่างข้อความที่เว็บไซต์แห่งหนึ่งที่กล่าวถึงโลกันตนรกในลักษณะที่ว่าไปแล้วไม่มีวันได้กลับมาเกิดเป็นคนอีก

    ...

    89.png

    ที่มาของข้อความ
    https://www.komchadluek.net/kom-lifestyle/96511

    "เห็นได้ว่ากฎแห่งกรรมนั้นช่างน่ากลัวมาก! สังสารวัฏหรือจักรวาลย่อมมีระบบป้องกันหรือรักษาสมดุลเสมอ ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของการให้ความยุติธรรมแก่ทุกจิตวิญญาณอย่างไม่มีการแบ่งแยกเสมอ จงหมั่นระลึกอยู่เสมอว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วเสมอ จงพยายามอย่าเบียดเบียนใครเลย ไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น"

    ทั้งนี้โปรดใช้วิจารณญาณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2024
  2. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    ตกลงโลกันตนรกไปแล้วไม่มีวันได้กลับมาเกิดเป็นคนอีก จริงหรือครับ

    ไม่จริง
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...