เรื่องเด่น ใครมีวิธีแก้กรรมด่าพระด่าเจ้าบ้าง

คือผมเป็นคนหนึ่งที่เคารพและบูชาพระรัตนตรัยอย่างมาก แต่ทุกครั้งที่กราบบูชาหรือ มองพระพุทธรูป หรือทำอะไร ก็ตาม สมองมันก็ด่าว่า ต่าง ๆ มันคิดในใจนะ ไม่รู้จะทำอย่างงัยดี ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ดี มีใครว่ารู้วิธีแก้บ้าง จะทำอย่างไรดี วันไหนนั่งสมาธิก็สงบหน่อย วันไหนกิเลสฟู มันก็เริ่มอีกแล้ว รบกวนทุกท่านด้วยนครับ ใครรู้วิธีแก้ บอกหน่อยเถอะ ถือว่าเอาบุญ ผมไม่อยากตกนรก นะครับ ..........ขอสารภาพเลย.

​

 

ให้ขอขมาพระรัตนตรัยทุกครั้งที่คิดไม่ดี

 

ผมก็เคยน่ะ แต่ไม่บ่อย แต่ ก็ ขอขมาทุกครั้ง อยู่ดีๆ มันก็คิดมาเองเลย เออ แปลก

 

จิตเขาสอนธรรมะให้ดูอยู่นะครับ เขากำลังบอกคุณว่า จิตมันไม่ใช่ของคุณ

คุณ ซึ่งเป็นผู้ดูอยู่ จะเห็นจิตซึ่งไม่ใช่ผู้ดูมันปรุงการปรามาสขึ้น เมื่อปัจจัยมี
และถ้ายังไม่หมดเหตุ มันก็ยังทำเองไม่เลิก

จิตมันกำลังบอกคุณว่า จิตมันเป็นอนัตตา ไม่ได้ตกอยู่ในอำนาจบังคับของ
คุณ คุณทำไอย่างเดียว คือ ดูมันด่า มันปรามาสไป

หากยิ่งอยากหยุด มันจะยิ่งด่าให้ดู เพื่อที่จะสอนธรรมให้คุณเข้าใจ ว่าพระ
ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั้นเป็นอย่างไรบ้าง จิตมันมีสามัญลักษณ์
เป็นไตรลักษณ์อย่างไรบ้าง

คุณก็น้อมระลึกไปเลยว่า จิตมันมีสามัญลักษณ์เป็นอนัตตา แล้วดูเฉยๆ อย่า
ไปอยากแก้

ทำไมไม่ต้องแก้

ก็เพราะเสียงปรามาสมันลั่นดังและจบกระแสไปแล้ว กรรมทำไปแล้ว จะไปแก้อะไรหละ

กรรมใหม่ต่างหากที่ควรรักษาไม่ให้เกิดขึ้น ก็คือ ความกังวลใจ ตัณหาที่อยากหาย ไม่
อยากปรามาส นี่โดนวิภวตัณหาเข้าครอบงำไปแล้ว กรรมปรามาสก็หนักพอแล้ว นี่ยัง
ตกอยู่ใต้กรรมใหม่ในวิภวตัณหาต่ออีก ขังตัวเองทั้งขึ้นทั้งร่อง ดูเฉยๆ ยอมรับในสามัญ
ลักษณ์เสียก็จะผ่อนหนักลงได้เอง

ดังนั้น มันปรามาสก็ช่างมัน มันดังแค่ในมโนทวารของคุณ คุณอย่าพูดออกมาให้คน
อื่นได้ยินกรรมมันก็จบแค่ในมโนทวาร มันปรามาสอีกก็น้อมเป็นไตรลักษณ์ไป เห็นบ่อยๆ
จนกว่าจิตมันจะจดจำได้ว่า เราไม่ทุกข์ร้อน เราเฉยๆ เรานั่งดูเฉยๆ เป็น จิตมันก็จะเลิก
สอนมุขนี้ มันจะเงียบไปเอง แต่กิเลสมันก็จะหามุขใหม่มาหลอกคุณให้หวั่นไหวอีกไป
เรื่อยๆ วิธีแก้ก็คือ ดูเฉยๆ รู้เฉยๆ ดูเขาสอนสามัญลักณ์ในจิตไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะระลึก
ทันว่า จิตมันมีไตรลักษณ์จริงๆ ตรงตามพุทธพจน์ เชื่อโดยจิต ไม่ใช่ด้วยคิด เชื่อโดยมีสติ
เป็นเครื่องรู้ ไม่ใช่ช่วยรู้แบบจะเอาดีเกลียดชั่ว เมื่อนั้นก็จะพบหนทางเห็นธรรมะที่พระพุทธ
องค์ตรัสถึง

พอเห็นตัวสติมันทำงาน มันตัดคำปรามาสให้หายไปต่อหน้าต่อตา ไม่เกิดขึ้นอีก ภพชาติ
ที่เคยสร้างกรรมปรามาสก็ถูกประหารไปแล้ว ง่ายๆแค่นี้ ไม่ต้องไปกดข่มโดยการทำสมถะ
ยกปัญญาไปเลย น้อมดูพระไตรลักษณ์เป็นวิปัสสนาไปเลย

 

เคยเหมือนกัน แล้วไปกดมัน เหมือนกับข่ม ไม่ให้คิด มันยิ่งคิดใหญ่ ไม่อยากบาป ไม่อยากตกนรก โอ๊ย สารพัด ยิ่งฟุ้งซ่าน เลยเอาใหม่

ง่ายมาก มันอยากคิดให้มันคิด ดูมันคิดนั่นแหระ มันจะด่าจะว่ายังไง ดูมันเฉย ๆ พอมันคิดจบ ถามมันว่า จบแล้วหรอ ไม่ต่ออีกล่ะ มันก็ไม่คิดแฮะ

แต่สำคัญต้องมีสติดูมัน อย่าให้มันคิดเพลินแบบไม่รู้ตัว จากนั้นมันก็ไม่ผุดมาอีก

ถ้าเราหลบเรากลัวมัน ถ้าเราดู(คือรู้ตัวมีสติ)มันจะกลัวเรา

ครูเขามาสอนค่ะ เจริญสติให้มาก ๆ อย่าหลบกิเลสในใจ

 

ขอขอบคุณมากๆ เข้ามาได้ทั้งความรู้และวิธีปฏิบัติ
อนุโมทนา สาธุ

 

ผมแนะนำให้ขอขมาตามคำขอขมาด้านล่างและฟังธรรมเทศนา
โดยหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต ชุด
​

ขอเชิญท่านทั้งหลาย ขอขมาต่อองค์คุณพระรัตนตรัย
เพื่อเป็นการปลดล็อคกรรม
เพื่อความแจ้งแห่งธรรมะที่จะได้สดับต่อไป
โดยหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต
โปรดเป็นองค์ประธานนำขอขมา ณ ที่นี้

ความสำนึกดี​

ขอขมา​

ขออนุโมทนา​

​

คำขอขมาอโหสิกรรม
(การขอขมาอโหสิกรรมเป็นประเพณีของพระอริยะ ในการเปิดบารมี ไม่ให้ปิดกั้นในการบรรลุธรรม)
ตั้งนะโม ๓ จบ​

"ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ข้าพเจ้าได้ประมาทพลาดพลั้งละเมิดล่วงเกิน
ปฏิฆะปรามาส ลบหลู่ ดูหมิ่น ต่อองค์คุณเบื้องสูง คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ ทุกภพทุกชาติ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ทุกพุทธันดร
พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้า พระมหาโพธิสัตว์เจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า
พระเดชพระคุณหลวงพ่อโพธิศรีสุริยะ เขมรโต องค์ในกายทิพย์ พรหมเทพทุกองค์ เทพไท้ เทวา
เบื้องบนถึงที่สุด ท่ามกลางถึงที่สุด เบื้องล่างถึงที่สุด ผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม ทุกรูป ทุกนาม
ทุกดวงจิตดวงวิญญาณ มนุษย์ อมนุษย์ ทั้งหลาย ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ ซึ่งข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินไว้
ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ในทุกภพ ทุกชาติ ทุกกัลป์ ทุกกัป ทุกพุทธันดร​

กราบขอขมาลาโทษ ขอขมากรรม โดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต ทรงเป็นประธาน
โปรดเมตตา อโหสิกรรม ให้กรรมทั้งหลายเป็นโมฆะกรรม เพื่อความไม่ติดขัดในดวงใจ ลุล่วงพ้นทุกข์
ตามพุทธประสงค์ ตรงต่อพระนิพพาน ในชาติปัจจุบันกาลนี้ด้วยเถิด สาธุ"​

​

การขอขมากรรม ณ ที่ใดก็ตาม ให้น้อมในองค์คุณมหาพุทธะ (คือพระพุทธเจ้าทุกพระองค์)
มหาอรหันต์ มหาโพธิสัตว์ ทุกพระองค์ รวมเป็น ๑ คือ
อิทธิอานุภาพ เป็นเมตตามหากรุณา ไม่มีประมาณ
ขออโหสิกรรม ได้ผลฉับพลันทันใด น้อมขอขมา สำนึกด้วยใจจริงๆ​

ที่มา http://www.rombodhidharma.com/
http://rombodhidharma.pantown.com/​

 

เยี่ยม ....
ขอขมาแล้วขนลุกซู่เลย
ขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมสนทนาธรรม

 

สิ่งที่เกิดขึ้น คือความคิดที่ฟุ้งซ่านเป็นเพียงสภาะวะธรรมอย่างหนึ่งครับ เราไม่สามารถบังคับไม่ให้มันเกิดได้ และให้มันดับไปได้ มันเป็นธรรมชาติของจิตที่ต้องแสวงอารมณ์ทั้งหลายมาปรนปรอ
ขอให้เรามีสติ คอยดู การเกิดและการดับของมัน ถ้าเกิดความคิดนี้ขึ้นมาก็หายใจยาวๆ กำหนดที่ลิ้นปี่ ฟุ้งซ่านหนอๆ โดยไม่บังคับให้มันดับไป แค่ดูเฉยๆ และมันก็จะดับไปเองตามกฏอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ถ้าเรามองเห็นดังนี้ จากอกุศลก็จะเปลี่ยนเป็นกุศลแทน อย่าไปกังวลครับ ถ้าเป็นกังวลก็ มากำหนด ที่ลิ้นปี่ ดูความกังวลที่เกิดขึ้น เกิดขึ้น ตั้งอยู๋ ดับไป อย่างไร ทุกสภาวะธรรมเสมือนครูที่มาสอนเราครับ

 

อย่างของผมเนียะ ที่แล่นอยู่ในหัวอะนะ
ระยำต่ำช้าสุดๆ

ถ้าเราระงับมันไม่ให้ไหลออกมาทาง คำพูด
หรือการกระทำได้ ก็น่าจะพอแล้วครับ

คนที่มีบุญคุญกับเรา เราอยากจะไปละเมิดท่านซะที่ไหน
ใครมาจาบจ้วงล่วงเกิน พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ของเรา
บางที่อยาก ต่อย หรือ ตบ ปากมันซะด้วยซ้ำ
แสดงว่าเราก็ไม่ได้อยากคิดเรื่องแย่ๆอย่างนี้หรอก

มันเกิดขึ้น กับหลายท่านครับ

แต่ท่านเหล่านั้นไม่เล่าออกมา ไม่ใช่ว่าจะอับอาย เขิลอะไรหรอก
กลัวว่า เดี๋ยวคนไม่มี ดันไปควานหาเข้า จากไม่มี มันจะเกิดมีขึ้นมาซะอีก

จริงๆแล้วก็ไม่ใช่ของเลวร้ายไปเสียทั้งหมด การมีอยู่ของมัน
ช่วยเตือนสติให้เราระมัดระวัง สำรวม การกระทำ คำพูด และความคิด
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่อยากพูดถึงข้อดีของมันมาก
เดี๋ยวคนไม่มี เค้าจะอิจฉาเอา

 

ถ้ายังนึกหาข้อดีของมันไม่ออก
ให้หมั่น ขอขมา พระรัตนตรัย พ่อแม่ครูบาอาจารย์ไว้บ่อยๆครับ

เป็นอันว่า เราไม่ได้ปล่อยปะละเลย
ยังมีเจตนาว่าจะแก้ไข และหาทางแก้ไขอยู่เนืองๆ ไม่ขาดสาย

แต่ตอนนี้ยังไม่หาย

โดยทั่วๆไป นักภาวนาชาวพุทธทั่วๆไป จะเข้าใจ
เพราะมีคนเป็นอย่างนี้หลายคน ไม่ใช่เรื่องแปลก
ของโหลๆ เกลื่อนๆ

 

ขออนุโมทนาสาธุครับ และขอขอคุณสำหรับ คำตอบทุกๆกระทู้ ผมขอน้อมรับไปปฏิบัติครับ ถ้าได้ผลแล้วจะกลับมาโพส อีก หวังว่ากระทู้คงมีประโยชน์กับคนอื่น ๆ บ้างนะครับ ไม่พิมพ์ต่อละ หัวมันชอบด่าคนอื่น อีกแล้ว แม้กระทั้งตัวผมเองยังด่าตัวเองเลย ให้ตายสิ!

 

อนุโมทนาสาธุกับเจตนาดีของทุกๆท่านด้วยนะครับ และขอกราบขอขมาด้วยเช่นกันครับ

 

เป็นอยู่บ่อยๆน่ะค่ะ อยู่ๆคำด่ามันก็ลอยมาในหัว พอสมองสั่งว่าอย่าสิ มันก็จะสวนปุ๊บเลยบางครั้งก็เป็นก่อนขอขมาฯแป๊บนึง พยายามเท่าไรก็ไม่หาย
แต่บางครั้งไม่ไปนึกเพ่งมัน ว่าวันนี้จะเป็นอีกมั้ย มันก็หายไปเฉยๆ

ยังพยายามอยู่เรื่อยๆ และขอขมาพระรัตนตรัยทุกวันค่ะ ^ ^

 

เมื่อก่อนเคยเป็นบ่อยมากคิดเเล้วบางครั้งก็ทุบๆหัวตัวเอง ถึงกับนอนไม่ค่อยหลับบ้างก็มี เเต่ตอนนี้ไม่เป็นเเล้วค่ะ เพราะขอขมาทุกครั้งเลยค่อยๆหายเลือนไปเองค่ะ ขอบคุณนะค่ะที่เจ้าของกระทู้กล้ามาถามเพื่อนๆ อนุโมทนาด้วยค่ะ

 

ขอบคุณหลายเด้อ ดีใจที่ได้เข้าอ่านกระทู้นี้ ได้สิ่งดี ๆจากหลายท่านรวมกันไปพิจารณาและฝึกปฏิบัติด้วย สาธุ อนุโมทนากับทุก ๆท่านค่ะ ไม่เสียทีที่มีวาสนาได้เกิดเป็นชาวพุทธ และขอเกิดในศาสนาพุทธทุก ๆชาติที่ศาสนาพุทธเจริญอยู่ จนได้หลุดพ้นเทอญ สาธุ

 

เป็นธรรมชาติ จิตที่ฝึกยังไม่ได้ มักจะไหลไปทางต่ำอยู่เสมอ ๆ
วิธีรับมือ กับจิตที่คิดไม่ดี คิดได้แต่อย่าทำในสิ่งที่คิด
เราเป็นผู้ดูจิตอย่างเดียว จะเห็นว่าธรรมชาติของจิตต้องคิด คิดแต่ละอย่างไม่ค่อยจะซ้ำกันเลย ถ้าเห็นจิตตนเองได้ก็หยุดคิด ทั้งที่เป็นบุญและเป็นบาป
จิตก็จะเข้าพักผ่อนในความว่าง ที่เป็นอนัตตา คือแก่น<WBR>สาระแท้จริง
ไม่ใช่อัตตา ไม่ใช่ตัวใช่ตน ไม่มีตัวตน
ถึงตรงนี้ไม่ยากและก็ไม่ง่าย ต้องอาศัยการปฏิบัติมาอย่างมาก
จนรู้จิต เห็นจิต ของตัวเอง ว่าไม่เที่ยง จนปล่อยว่างความยึดมั่นถือมั่น
ออกจากดวงจิตได้ ก็หมดเหตุของสมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ ก็จะพบบรมสุข

คิดแต่ไม่ทุกข์ ทั่งที่จิตคิดเป็นกุศลกับอกุศล

เพราะรู้เท่าทันความคิด จิตก็จะปล่อยวางจากความคิดเท่านี้ทำได้ไหม

 

อนุโมทนาค่ะ อยากรู้มานานล่ะ เป็นเหมือนกัน ไม่หายซักกะที