ไขปริศนาวิชาดูดวง และญานวิเศษ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย รักไร้พ่าย, 25 ธันวาคม 2008.

  1. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ขอให้รายละเอียดเกี่ยวกับวิชาหมอดู หรือ วิชาโหราศาสตร์
    และญาณทิพย์ องค์ใน ว่ามัลักษณะอย่างไร
    เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร


    วิชาหมอดูหรือโหราศาสตร์ เป็นหลักทางสถิติ
    ที่เกิดจากการสังเกตุสิ่งแวดล้อม
    รอบตัวอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อเป็นสัญลักษณ์หรือ เครื่องกำหนด
    เพื่อจะล่วงรู้ความเป็นไปของชีวิตคน
    และการสังเกตุนี้ได้กระทำซ้ำๆ มาจนได้ข้อมูลที่แม่นยำในระดับหนึ่ง
    จึงตั้งเป็นทฤษฎีและหลักการขึ้นมา

    เช่น การดูดวง ส่วนใหญ๋ใช้วัน เดือน ปี และเวลาเกิดของคนนั้น
    เป็นจุดอ้างอิงหรือ เครื่องกำหนด

    คนโบราณจะเฝ้าสังเกตุคนที่เกิดในวัน เวลานั้นๆ
    ถึงความเป็นไปของชีวิตคนนั้น

    และเมื่อมีคนที่เกิดในวันเวลานั้นอีกก็สังเกตุพฤติกรรมคนนั้นอีก
    แล้วหาความเหมือนกันของชีวิตคนเหล่านั้นจากสิ่งที่ได้ประสบในชีวิต
    แล้วมาสรุปเป็นหลักวิชาดูดวง

    เช่น นาย ก เป็นคนที่เกิดเดือน มีนาคม
    มักชอบจินตนการเพ้อฝัน ชอบท่องเที่ยว และ ชอบอ่านหนังสือ

    นาย ข ก็เกิดเดือนมีนาคม ชอบจินตนาการเพ้อฝัน แต่ชอบอยู่กับที่ไม่ไปไหน

    นาย ค เกิดเดือนมีนาคม ชอบจินตนากรเพ้อฝัน และชอบกินเหล้า

    เมื่อสังเกตุจากจุดอ้างอิง คือ เดิอนมีนาคม ปรากฎว่าทั้ง นาย ก ข ค มีนิสัยที่ตรงกันคือ
    ชอบจินตนาการเพ้อฝัน เมื่อทำการสังเกตุคนอื่นอีกที่เกิดเดือนดังกล่าว มักชอบ
    จินตนากรเพ้อผัน ก็สรุปเป็นทฤษฎีทางสถิติ

    ว่าคนเกิดเดือนมีนาคม ชอบจินตนาการเพ้อฝัน

    นี่คือที่มาของวิชาโหราศาตร์คือการสังเกตุจุดอ้างอิง เพื่อรู้ความเป็นไปของชีวิต
    และบันทึกเป็นสถิติ

    ซึ่งจุดอ้างอิงสามารถเป็นอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นวันเวลาเกิด
    อาจเป็นสังเกตุลักษณะใบหน้าคน ว่าคนมีหน้าตาแบบนี้ จมูกปากทรงนี้
    จะเป็นคนนิสัยแบบนี้ จึงเป็นที่มาของวิชาโหวงเฮ้ง

    หรือแม้แต่สังเกตุลายมือ หรือ อื่นๆ เช่น สังเกตุการเสี่ยงทายของคนนั้น
    เช่น เสียงทายไพ่ เสี่ยงใบไม้ ก็เป็นจุดอ้างอิงทางสถิติเหมือนกัน

    อันที่จริงชีวิตคนเรา จะสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบตัวทั้งหมด
    และสิ่งแวดล้อมนี่เอง สามารถบอกความเป็นไปของคนๆนั้นได้ อยู่ที่คนจะสัง
    เกตุสิ่งเหล่านั้นหรือไม่
    ผู้ที่สังเกตุและบันทึกเป็นสถิติ จนกลายเป็นวิชาโหราศาสตร์ในที่สุด


    วิชาหมอดูจึงไม่เป็นอะไรมากกว่าวิชาทางสถิติ


    แต่เหตุใดวิชาสถิติทั่วไป เช่น สถิติการค้า สถิติการจราจร
    จึงไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนวิชาหมอดู

    เพราะวิชาสถิติโหราศาสตร์ว่าด้วยเรื่องความเป็นไปของชีวิตคน
    และคนที่มาดูหมอส่วนใหญ่มักขาดศรัทธาในตนเอง จึงไม่อาจพึ่ง
    ตัวเองได้เมื่อประสบปัญหาชีวิต และกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง หรือเรียกว่า วิตกจริต
    มักเอาศรัทธาตนเองไปมอบให้กับใครก็ได้ที่สามารถล่วงรู้
    ความเป็นไปของชีวิตและบอกทางแก้ชีวิตให้พ้นทุกข์ได้

    หมอดู และ วิชาโหราศาสตร์จึงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาเพราะความศรัทธาที่
    ได้รับจากคนที่ไปดูสถาปนาให้ เพราะสามารถชี้ทางชีวิตได้

    คูณค่าของหมอดูในสายตาคนทั่วไปมักมองไปที่ความแม่นยำในการทำนาย
    ยิ่งทำนายแม่นมาก หมอดูคนนั้นยิ่งประสบความสำเร็จเป็นที่ศรัทธาและเชื่อถือมากขึ้น
    แต่หากทำนายผิดพลาด เส้นทางชีวิตสายนี้ก็ถึงทางตันเลย

    โหราจารย์มักกล่าวว่า หากทำนายถูก หมอดูนั้นก็กลายเป็นเทวดาชั่วข้ามคืน
    แต่ทำนายผิดกลายเป็นหมาในบัดดล

    แต่นอกเหนือจากคุณค่าของหลักวิชาที่แม่นยำแล้ว หมอดูต้องมีจรรยาบรรณที่ดีด้วย
    คือห้ามทำนายชีวิต ที่ส่งผลกระทบในทางเลวร้ายกับผู้คน
    เช่น ทำนายให้เกิดความแตกแยกในครอบครัว
    หรือทำนายว่า จะตายเมื่อไหร่ หรือทำนาย บุตรหลานคนไหนดีกว่ากัน

    หมอดูหลายคนมักมีชีวิตที่ล้มเหลว เพราะเกิดจากการทำนายชีวิตคนอื่นให้ประสบกับความเสียหาย
    เช่น ทักว่าให้คนที่ดูดวงเลิกกับสามี หรือ ภรรยา
    ผลแห่งกรรมนั้นย่อมส่งให้หมอดูนั้นมีชีวิตที่อับโชคเรื่องคู่ครองด้วย

    หมอดุในสายตาของผู้คน เปรียบเหมือนเทวดาผู้กำหนดชะตาผู้คน
    เพราะทุกคำพูดของหมอดูเป็นที่เชื่อถือ และศรัทธา และจะทำตามคำพูดนั้นหรือคำแนะนำนั้น
    จึงต้องระวัง และรอบคอบเป็นที่สุด

    องค์ประกอบของชีวิตประกอบด้วย 3 อย่าง คือ
    1 การกระทำ คือ คิด พุด ทำ
    2 วิบากกรรม คือผลของการกระทำ ที่จะเป็นตัวกำหนดความเป็นไปของชีวิตคนนั้น
    3 นิสัย คนนั้น หรือจริต ที่เป็นไปด้วย โลภ โกรธ หลง เมตตา ปัญญา
    ซึ่งเป็นตัวผลักดันให้เกิดการกระทำ

    วิชาโหราศาสตร์สามารถดูได้ 2 องค์ประกอบเท่านั้นคือ
    1 นิสัย
    2 วิบากกรรม ว่าจะพบประสบอะไรบ้างจะดี ร้าย รวย จน โสด หม้าย
    เป็นวิบากรรมทั้งหมดที่ต้องเผชิญ

    หมอดูสามารถบอกได้ว่า คนนั้นจะประสบสิ่งที่ดี หรือโชค หรือพบสิ่งที่ไม่ดี
    หรือเคราะห์ได้เมื่อไหร่วันไหน ปีไหน และนี่คือสิ่งที่คนที่ไปดูหมอต้องการที่จะรู้

    เพราะความไม่รู้ชีวิตที่จะเกิด ทำให้คนส่วนใหญ่เป็นทุกข์และกังวล
    การไปหาหมอดูจึงเป็นทางออก

    แต่หมอดูไม่สามารถดูอีกองค์ประกอบหนึ่งของชีวิตที่สำคัญที่สุดได้
    นั่นคือการกระทำของคนนั้นในปัจจุบันว่าควรจะทำกรรมอะไร ทำแบบไหน

    คนที่ไปดูหมอ เพราะหมอดูสามารถทำนายอนาคตได้
    ไม่ใช่ทำนายการกระทำของคนนั้น
    แต่ทำนายความเป็นไปของวิบากรรมที่คนนั้นจะประสบเจอในอนาคต

    การแนะนำต่างๆของหมอดูไม่ใช่เกิดจากวิชาโหราศาสตร์
    แต่เป็นส่วนที่ต่อเพิ่มเข้ามาของหมอดูคนนั้น ขึ้นอยู่กับภูมิธรรม และจรรยาบรรณของ
    หมอดูนั้นว่ามีมากน้อยแค่ไหน

    บางคนก็เป็นพวกมิจฉาทิฐิ คือไม่มีความรู้ทางธรรมะ และอาจแนะนำสิ่งผิดๆ เช่น บอกว่า
    ชีวิตคนถูกลิขิตด้วยดวงดาวบ้าง เทพพรหมลิขิตบ้าง

    และอาศัยความรู้ทางโหราศาสตร์ที่มี แสวงหาลาภสักการะ
    โดยที่ใจไม่มีสำนึกของความเมตตาเลย เช่นแนะนำให้ไปสะเดาะเคราะห์โดย
    ทำพิธิกรรมต่างๆ หรือพิธีทางไสยศาตร์บ้าง เพื่อหวังผลตอบแทนก้อนโต

    จริงๆน่าจะเรียกว่ามิจฉาชีพในคราบหมอดูมากกว่า ที่หากินกับความทุกข์คนอื่น
    โดยอาศัยความอ่อนแอในใจของผู้นั้น มาเป็นช่องทาง

    แต่บางคนก็เป็นผู้มีสัมมาทิฎฐิ คือบอกธรรมให้คนในการแก้กรรม
    ตามหลักธรรมของพระพุทธองค์

    ส่วนการมีญาณ คือการ เห็นความเป็นไปของชีวิตจากจิตที่ได้บำเพ็ญ
    ทางบุญบารมีซึ่งเห็นเหมือน หมอดูในแง่ขององค์ปรระกอบของชีวิต 2 อย่าง คือ
    นิสัย และ วิบากกรรมแต่จะเห็นได้ชัดเจนกว่าวิชาโหราศาสตร์
    เพราะสามารถเห็นป็นภาพได้เลยในดวงจิต
    ไม่ต้องอาศัยการตีความจากตัวเลขหรือข้อมูลทางสถิติ
    ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนอยู่

    และยังเห็นลึกลงไปถึงอดีตชาติ และเจ้ากรรมนายเวรด้วย และสามารถสื่อกับ
    เทพ วิญญาณ เพื่อหาทางแก้ไขให้ได้ด้วย
    ซึ่งหมอดูไม่สามารถมองได้ขนาดนั้น
    แต่การจะดูได้แม่นและชัดเจนของผู้มีญาณ
    ต้องขึ้นกับความนิ่งในดวงจิตด้วย

    วิชาหมอดู และ ญาณทิพย์ เป็นแค่การดูและบอกความเป็นไปของชีวิต
    ส่วนการกระทำที่เป็นตัวกำหนดชีวิตก็คือการกระทำปัจจุบันหรือกรรมนั่นเอง

    นี่เป็นเหตุที่พระพุทธองค์ไม่ทรงสนับสนุนเรื่องการดูดวง
    และการอภิญญาทางใน
    เพราะไม่ใช่ทางแห่งการพ้นทุกข์โดยตรง
    ทางหรือ มรรค นั้นเกิดที่การกระทำของคนเราในปัจจุบัน
    ที่อยู่นอกเหนือวิสัยของ หมอดู และ ญาณของผู้วิเศษทั้งหลาย

    ส่วนคำแนะนำในการดำเนินชีวิต ที่หมอดูหรือ ผู้มีญาณแนะนำ
    ขึ้นอยู่กับภูมิธรรมของหมอดู และผู้วิเศษเหล่านั้นว่ามีมากน้อยแค่ไหน

    ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอดูหรือผู้มีญาณ มาแนะนำก็ได้
    จะเป็นใครก็ได้ หากผู้นั้นเข้าใจในหลักธรรมที่ถูกต้อง ก็สามารถแนะนำ
    ให้เราได้ดำเนินชีวิตที่ถูกต้องได้

    หากคนที่ไปดูดวงหรือไปดูกรรมจากญาณ มีพื้นฐานทางธรรมดีอยู่แล้ว
    ก็สามารถสร้างกรรมดีได้ด้วยตัวเองโดย สร้างเหตุที่ดี โดยอิงจากชีวิตที่ต้องเผชิญมา
    ที่บอกโดยหมอดู หรือ ผู้มีญาณ

    หรือถ้าหากผู้นั้นมีภูมิธรรม และจิตใจเข้มแข็งมากพอ
    อาจไม่ไปพึ่งหมอดู หรือ ผู้มีญาณเลย
    เขาจะดูจากสิ่งเกิดขึ้นกับชีวิตตัวเองและใช้หลักธรรมแก้ไขชีวิตตัวเองได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2008
  2. เล่งอ๋อง

    เล่งอ๋อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +147
    ช่ายค้าบ อ่านแล้วดีจัง
     
  3. napapatch_datch

    napapatch_datch Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    247
    ค่าพลัง:
    +57
    อ่านแล้ว ดี ดี จัง
     
  4. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    เหรอ....
    อ่านแล้วมันตรงๆๆๆๆ..กับตัวเองไปหมดเลยเหรอ
    รู้แล้วมันก็เปลี่ยนตัวเองไปเลยเหรอๆๆๆๆ....
     
  5. Add-on

    Add-on Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +64

แชร์หน้านี้

Loading...