"ไวกิ้ง" ยอดนักรบเรือมังกร

piyaa · 14 มีนาคม 2010

<object data="/assets/dbozone-regular.swf" name="sIFR_replacement_0" id="sIFR_replacement_0" type="application/x-shockwave-flash" class="sIFR-flash" width="930" height="34">

</object>

ไวกิ้งขึ้นชื่อเป็นที่สุดเรื่องการรบทางเรือ.
เวลา พูดถึง "ไวกิ้ง" คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงกลุ่มกองเรือมหึมา ผู้ชายร่างกำยำ สวมหมวกมีเขา และบ่อยครั้งที่ผู้คนนึกไปถึง เรือโจรสลัด แต่จริงๆแล้ว ไวกิ้งมีความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่มากกว่านั้น ในฐานะชนเผ่าที่มีความสามารถอันยอดเยี่ยมทั้งด้านการเดินเรือ และการปกครอง ทำให้หากมองย้อนไปในหน้าประวัติศาสตร์แล้ว จะพบว่าไวกิ้งเป็นหนึ่งในชนเผ่าอันน่าทึ่ง และเป็นส่วนสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งใน รอยเชื่อมต่อของประวัติศาสตร์ยุโรป
ว่า แล้ว ไทยรัฐ ซันเดย์ สเปเชียล โดยทีม งานต่วย'ตูน ก็จะขอพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับไวกิ้งขนานแท้ สุดยอดชนเผ่าที่เก่งฉกาจที่สุด เผ่าหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก
ฝอยมา ว่าไวกิ้งเป็นสุดยอด ท่านผู้อ่านอาจ จะยังไม่เชื่อแต่หากบอกว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดราชวงศ์ผู้ปกครองอังกฤษ ซึ่งสืบเนื่องมาเป็นราชวงศ์ที่โด่งดังที่สุดในโลกปัจจุบันนี้ อังกฤษเคยถูกปกครองด้วยไวกิ้งมาก่อนล่ะ นั่นแน่!! ท่านผู้อ่านหลายท่านอาจจะตาลุกขึ้นมาแล้วว่า เป็นไปได้อย่างไร เรื่องนี้ไม่ได้โม้ค่ะ เพราะถอย ไปตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 8 ชาวไวกิ้งก็ได้ชื่อว่าเป็นนักเดินเรือที่เก่งขั้นเทพ สามารถพากองเรือ บุกตะลุยไปไหนก็ได้ที่มีน่านน้ำไปถึง จนเป็นที่ครั่นคร้ามไปทั้งยุโรป
หนึ่ง ในแม่ทัพไวกิ้งที่เก่งกล้าอย่าง คนุต อนุชาของกษัตริย์เดนมาร์ก เคยนำเหล่าทหารบุกเข้ายึดอังกฤษไว้ได้อย่างง่ายดาย พระองค์จึงเป็นไวกิ้งจากเดนมาร์กพระองค์แรกที่ได้สวมมงกุฎเป็นกษัตริย์แห่ง อังกฤษ

ซากเรือไวกิ้งในพิพิธภัณฑ์.
ครั้น กษัตริย์คนุตผู้ยิ่งใหญ่สิ้นพระชนม์ ความปั่นป่วนก็เกิดขึ้นบนเกาะอังกฤษอีกครั้ง แต่ไม่นานเท่าไหร่หรอกค่ะ นักรบที่ได้ชื่อว่าสุด ยอดที่สุดของโลกอีกคนหนึ่งก็เผยโฉมเข้ามาสู่เกาะแห่งนี้คือ วิลเลียม ดยุคแห่งนอร์มังดี ที่ยกพลขึ้นเกาะ ปราบปรามผู้ต่อต้านอย่างราบคาบ ก่อนประกาศตนเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ และได้ ฉายาวิลเลียม ผู้พิชิต ซึ่งในกาลต่อมา เชื้อสายของพระองค์ได้ปกครองอังกฤษสืบต่อเนื่องมาอย่างไม่ขาดสายจนปัจจุบัน นี้
และวิลเลียม ผู้พิชิตนั้น ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นสายเลือดไวกิ้งแท้ๆ ซึ่งบรรพบุรุษของพระองค์ล่องเรือมาจากสแกนดิเนเวีย รุกมาถึงอาณาจักรฝรั่งเศส และด้วยความแข็งแกร่งของไวกิ้งกลุ่มนี้ ทำเอากษัตริย์ฝรั่งเศสครั่นคร้ามจนต้องตัดสินพระทัยเจรจาสงบศึก และยกแผ่นดินให้ไวกิ้งได้อยู่อาศัย และการที่ไวกิ้งถูกเรียกขาน กันอีกอย่างหนึ่งว่านอร์แมน หรือนอร์ทแมน ก็ทำให้ย่านที่ไวกิ้งมาปักหลักอยู่ในฝรั่งเศส กลายเป็นแคว้นที่มีชื่อว่านอร์มังดี และนั่นก็ทำให้ราชวงศ์ ที่ถือกันว่าเป็นต้นสายราชวงศ์อังกฤษ ได้ชื่อว่า ราชวงศ์นอร์แมน ซึ่งเมื่อนับถอยหลังไปก็คือ ราชวงศ์แห่งเผ่าไวกิ้งนั่นเอง

ไวกิ้ง เชื่อว่าใครพิชิตมังกรได้ ก็คือผู้มีฝีมือสุดยอด (ภาพจาก How to Train Your Dragon)

นอก จากไวกิ้งที่มาปักหลักในนอร์มังดีจะ ไปได้ดิบได้ดีในอังกฤษแล้ว เชื้อสายไวกิ้งกลุ่มนี้ ยังได้สยายปีกไปยังดินแดนอื่นๆด้วย เช่น อิตาลี โมร็อกโก และที่สำคัญคือ รัสเซีย ซึ่งถูกสถาปนาขึ้นหลังการบุกมาถึงของผู้นำไวกิ้ง นาม รูริค ผู้ รวบรวมแผ่นดินจนเกิดเป็นราชอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ และการที่พวกไวกิ้งส่วนใหญ่ชอบไว้เคราสีแดง จึงเป็นที่มาของคำว่ารัสเซีย เนื่องจากคำว่า "รัส" หมายถึงสีแดงนั่นเอง
ยังมีไวกิ้งกลุ่มอื่นๆ ที่บุกเข้าไปถึงสเปน ไอร์แลนด์ กรีนแลนด์ ฯลฯ เรียกว่าไปทั่วยุโรป ทีเดียวค่ะ และนักประวัติศาสตร์บางท่านยังเชื่อว่า ไวกิ้งอาจจะ เคยเดินทางไป ถึงอเมริกาเหนือ หรือ แคนาดามาก่อนใครๆแล้วก็เป็นได้ แต่วัฒนธรรมของ ไวกิ้งไม่ค่อยจะมีหลงเหลือมาถึงปัจจุบันมากนัก ก็เพราะแม้ ว่าไวกิ้งจะขยายอาณาเขตไปอย่างมาก มาย และกลายเป็น กษัตริย์ผู้ปกครองหลายดินแดน แต่เมื่อไวกิ้งได้เป็นเจ้าเข้าครองมักจะไม่ทำลายอารยธรรมเก่าๆ แต่ กลับยอมรับเอาวัฒนธรรมท้องถิ่นมาเป็นของตน แต่กระนั้นก็ ได้ฝากวัฒนธรรมของตัวเองไว้บ้าง เช่น ความ มีระเบียบวินัย ความรักชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งใน พื้นฐานอันเป็นรากที่สำคัญของยุโรปมาจนทุกวันนี้

ถึง เวลาเฉลยเรื่องสำคัญ แล้วล่ะค่ะ ว่าไวกิ้งเป็นใครมา จากไหน และทำไมถึงได้เก่งนัก ตอบเรื่องแรกก่อนนะคะ ไวกิ้งนั้น ก็คือพวกนอร์แมน หรือนอร์ทแมน เป็นชนเผ่าที่อยู่ทางยุโรปตอนเหนือ ซึ่งปัจจุบันคือสวีเดน เดนมาร์ก นอร์เวย์ ซึ่งเป็นเขตที่อากาศหนาวทารุณ ทำให้พวกเขามักจะออกไปล่าอาณา นิคมในเขตที่อุ่นกว่า จนได้ครองหลายพื้นที่ดังกล่าวมาแล้ว

ความห้าวหาญของนักรบเคราแดงขจรขจายไปทั่วยุโรป

จุด สำคัญที่ทำให้ไวกิ้งเก่งเหนือเผ่ายุโรปอื่นๆ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะอากาศนี่แหละค่ะ ที่ทำให้ไวกิ้งมีความทรหดอดทน ด้านนิสัยใจคอนั้น นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า พวกไวกิ้งเป็นพวกดุร้าย ป่าเถื่อน แต่หากมองอีกนัยหนึ่ง ไวกิ้งเป็นพวกมีระเบียบวินัย มีระบบการปกครองที่แน่ชัด
แต่สิ่งสำคัญ ที่ทำให้ไวกิ้งมีชัยไปทั่ว เป็นเพราะเทคโนโลยีการเดินเรือค่ะ ในภาพยนตร์หลาย เรื่องมักแสดงให้เห็นว่า กองเรือไวกิ้งเป็นกองเรือ ขนาดใหญ่ เรือลำโตเบ้อเร่อ แต่อันที่จริงเรือไวกิ้ง มักจะเป็นเรือขนาดเล็ก รูปร่างเพรียว และด้วย ขนาดกะทัดรัดนี่เอง ที่ทำให้เรือไวกิ้งบุกไปได้ ทั่ว ตั้งแต่มหาสมุทรจนถึงแม่น้ำ มีบันทึกว่า อังกฤษ เคยต้องตระหนกกับการมาถึงของไวกิ้งอย่างฉับพลัน เป็นเพราะจู่ๆทัพเรือไวกิ้งก็ล่อง "ลึก" เข้ามาถึงแม่น้ำเทมส์เสียแล้ว

แล้ว ไฉนเลย เรือลำจ้อยถึงได้ข้ามทะเลมาได้ตั้งไกล คำถามนี้เป็นเรื่องที่นักประวัติศาสตร์ มึนตึ้บ ตอบไม่ได้มานาน จนกระทั่งมีการค้นพบ สิ่งสำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งในความลับของไวกิ้ง นั่นคือ "ใบเรือ"

ความโลภทำให้ฟาฟเนียต้องกลายเป็นมังกร

เมื่อ ราวๆ 20 ปีก่อนนี้เอง ที่นักประวัติศาสตร์ ได้พบหลักฐานสำคัญ เป็นเศษผ้าเก่าแก่ที่ถูกเก็บ รักษาไว้ในโบสถ์แห่งหนึ่งที่นอร์เวย์ ซึ่งจากการวิเคราะห์อย่างละเอียดก็พบว่า เป็นผ้าขนแกะที่ทอด้วยเทคนิคชั้นสูง ทำให้มีความแข็งแรงทนทาน เป็นพิเศษเกินกว่าผ้าอื่นๆในยุคเดียวกัน สามารถต้านแรงลมโดยไม่ขาดง่ายๆ และยังมีน้ำหนักเบา ทำให้เรือมีความคล่องตัวสูง และเป็นการเฉลยคำตอบ ที่ว่า ทำไมไวกิ้งถึงได้บุกตะลุยไปได้ทุกถิ่นที่อย่างรวดเร็วเกินกว่าที่เจ้าบ้านจะ เตรียมการรับมือ

เรือไวกิ้งส่วนมากจะทำหัวเรือเป็นรูปมังกร ทำให้มักจะถูกเรียกขานกันติดปากว่า เรือมังกรที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะไวกิ้งนั้นมีความเชื่อเรื่องเทพ เรื่องเหนือธรรมชาติค่อนข้างมาก และมังกรก็เป็น หนึ่งในสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง เป็นการแสดงถึงฝีมือของนักรบ เชื่อกันว่าใครเอาชนะมังกร ได้ ก็เป็นผู้มีฝีมือที่สูงส่ง ไวกิ้งกับมังกรจึงเป็น สิ่งที่ขาดกันไม่ได้
แต่ถึงแม้ไวกิ้งจะคู่กับ มังกร ทว่า ในภาพรวม แล้ว ชาวไวกิ้งถือว่ามังกรเป็นสิ่งชั่วร้าย ซึ่งต่อมา ก็เป็นความเชื่อทั่วไปของชาวยุโรป จนเกิดเป็นตำนานอัศวินปราบมังกรกันมากมาย ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่รับเอาจินตนาการไปจากไวกิ้งแทบทั้งนั้น

หัวเรือไวกิ้งมักจะประดับด้วยรูปสลักมังกร

ตำนาน ไวกิ้งเรื่องที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางเรื่องหนึ่ง ก็คือเรื่องของฟาฟเนีย ซึ่งบางตำนานก็บอกว่าเป็นคน แต่บ้างก็ว่าเป็นยักษ์ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ฟาฟเนียก็คือตัวแทนของความ โลภขนาดหนัก เพราะถึงกับสังหารบิดาของตนเอง เพื่อชิงทรัพย์สมบัติ และด้วยความโลภอันร้ายกาจนี่เอง ทำให้ฟ้าดินลงโทษ ฟาฟเนียเลยกลายมา เป็นมังกร และต่อมาก็ถูกฆ่าตายในที่สุด มังกรในแนวคิดของไวกิ้งจึงเป็นทั้งตัวแทนของความชั่วร้าย และความโลภไปพร้อมๆกัน
เมื่อมังกรเป็นสิ่งไม่ดี แล้วทำไมชาวไวกิ้งจะต้องเอาเรือหัวมังกรเป็นด่านหน้า นั่นเพราะมังกรแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง และการที่มังกรเป็นสัญลักษณ์แห่งความชั่วร้าย การเอามังกร ไว้หน้าเรือ ก็เพื่อนำพาความวิบัติไปสู่ศัตรู และมังกรก็ยังจะช่วยไล่สัตว์ทะเล หรือวิญญาณร้ายในระหว่างเดินทางด้วย สรุปแล้ว แม้มังกรจะไม่ดี แต่หากเอามาเป็นหัวหอกในการบุกไปขยี้ประเทศ อื่นๆมังกรก็กลายเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะไปเสียนี่

แต่ เมื่อไหร่ก็ตามที่ไวกิ้งลงจากเรือแล้วขึ้นบก หากมีการยกเรือตามมาด้วย คราวนี้แหละค่ะ ต้องถอดหัวมังกรออก เพราะเวลาที่ไม่ต้องการเอามังกรไปขู่ใคร หรือทำร้ายใคร ก็ไม่พึงพกติดตัว เพราะจะเป็นการไล่วิญญาณ หรือเทพดีๆ ออกไปด้วย ดังนั้น มังกรกับเรือไวกิ้งจึงจะเป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้เท่านั้น แต่จะไม่ใช่ในยาม สงบ ยกเว้นในกรณีที่มีการสลักเป็นภาพอัศวินปราบมังกร ถ้าอย่างนั้นก็เอาติดตัวไปได้ค่ะ ทำให้ ซุ้มประตูโบสถ์หลายแห่งในดินแดนไวกิ้งมักจะประดับภาพการปราบมังกร ซึ่งจะเป็นเครื่องหมาย ในการคุ้มภัย จึงเป็นการตอกย้ำว่า ไวกิ้งกับมังกรนั้น ขาดจากกันไม่ได้แน่นอน
ก็เลยไม่แปลก ที่ล่าสุดจะมีภาพยนตร์เรื่อง How to Train Your Dragon อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร ภาพยนตร์การ์ตูน 3 มิติ ที่แสดงให้เห็นถึงความเก่งกล้า และการผจญภัยอันแสนเร้าใจของไวกิ้ง กับมังกรที่เปลี่ยนจากศัตรูมาเป็นคู่หูได้อย่างน่าสนุกทีเดียวเชียวค่ะ.

ทีมงาน ต่วย'ตูน