OO บันทึกของครู...." สับเปลี่ยน-ถอนถอยธาตุธรรม เพื่องานศาสนจักร " OO

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ohogamez, 9 พฤษภาคม 2006.

  1. ohogamez

    ohogamez เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +2,327
    จากบันทึกของครู ผู้ทำงานถวายหลวงปู่สด ต้นธาตุ ต้นธรรม และศาสนาจักร

    0000000000000000000000000000000000000000000

    จากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้
    สัจจธรรม ข้อหนึ่งที่ว่า จะหาสักคนหนึ่งเพื่อธรรมแห่งความ
    หลุดพ้น ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร ดังนี้ว่า..............

    "หนทางสายนี้เป็นทางอันสงบ ระงับ อันประณีตเยือกเย็น
    อันสัตว์ทั้งหลายค้นหาได้ยาก เป็นทางอันประเสริฐของผู้มี
    ปัญญา ผู้หาธุลีในดวงตามิได้แล้ว เป็นผู้ดำเนินไป"

    มรรคาสายนี้ เป็นที่ทำญาณ
    รู้ทุกประการ ทำซึ่งดวงตา
    ย่อมจักเป็นไป เพื่อให้นำมา
    ความรู้ยิ่งพา พบสงบนิพพาน


    ฉะนั้นอะไรเล่าที่จะเป็นวิชชาที่นำพาสรรพสัตว์ข้าม
    ทะเลทุกข์ได้ดีที่สุด ข้าพเจ้านำความดำริของตน กราบเรียน
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อทราบ หลวงพ่อยิ้มอย่างพอใจ และ
    ว่า.............

    "แก้วกายธรรม นี้แหละคือ โพธิจิต มหาจิตอันยิ่ง
    ใหญ่ เป็นคุณสมบัติของเหล่าผู้กล้าแห่งโพธิญาณจะดำเนิน
    ไป ถ้าเช่นนั้น เจ้าจงบำเพ็ญโพธิญาณให้ถึงมหาปณิธานที่
    เจ้าพึงมีเถิด หลวงพ่อจะมอบวิชชาอันประเสริญล้ำค่าแก่เจ้า

    เจ้ารู้ไหม ความลำบากยากแค้นและความทุกข์เวทนา
    ที่เจ้าได้รับมา ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่าน..............
    ความทุกข์เวทนาแห่งกองสังขาร ทำให้เจ้าเกิดความเบื่อ
    หน่าย เมื่อจิตเกิดความเบื่อหน่าย ก็ย่อมคลายความติด
    เพราะคลายติด จิตก็พ้น เพราะจิตพ้น ก็ผ่องแผ้ว
    รู้ว่า จิตพ้นแล้วหนอ จิตหนา

    แม้จะทุกข์เวทนา แต่เจ้าก็เหมือนเด็กน้อยที่เต็มไปด้วย
    ความหวัง ดั่งเด็กน้อยที่ตื่นขึ้นมาทุกเช้า ด้วยสายตาดวง
    ใหม่ พร้อมที่จะเรียนรู้ และปฏิบัติตามคำสั่งสอนของ
    ครูบาอาจารย์ อย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย และเห็น
    แก่ได้ เต็มเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา สงสารสัตว์โลก
    ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ถึงสุขภาพจะไม่อำนวย เจ้าก็ยังข่มสังขาร
    ออกช่วยผู้คน ถึงจะมีเงินทองอันน้อยนิด เจ้าก็สละ เพื่อผู้ที่
    ทุกข์ยากมากกว่า เจ้ามีคุณสมบัติเหมาะที่จะเดินรุกหน้าต่อไป
    เพื่อสู่เส้นทางโพธิญาณ"

    ( หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ความทุกข์ยาก
    ลำบาก พิสูจน์ถึงแล้วแห่ง คุณสมบัติของแก้วกายธรรม ดังนี้

    1.ไม่สนใจ ในความเจ็บไข้ได้ป่วย
    2.ไม่สนใจ ให้ใครตามใจรักใคร่
    3.ไม่สนใจ ในอุปสรรค
    4.ไม่สนใจ ในความล้มเหลว
    5.ไม่สนใจ สิ่งตอบแทนผลประโยชน์
    6.ไม่สนใจ ความทุกข์ยากในการทำดี
    7.ไม่สนใจ การถูกใส่ร้ายป้ายสี
    8.มุ่งมั่นทำดี
    9.อยู่เพื่อให้
    10.ซ้ายไม่ไป ขวาไม่ไป หลังไม่มอง
    เดินหน้าสู่ทางสายกลาง )

    ฉะนั้น หลวงพ่อจะคืนเจ้า สู่เส้นทางที่เจ้าได้ดำเนินมา
    แล้วและ จะต้องผลิต่อไป เจ้าจงตั้งใจเรียนวิชชาธรรมกาย
    ขั้นสูงต่อไป วิชชาเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่องานของธาตุ
    ธรรมหาที่สุดมิได้

    ( วิชชาธรรมกายลำดับจากต้นถึงปลายมี

    มณีรัตน์ วิชชาแก้โรค แก้กรรม
    ฤทธิณรงค์ วิชชาการรบ
    พงศ์กษัตริย์ วิชชาการปกครอง
    บรมจักร มนุษย์สมบัติ
    พุทธจักร นิพพานสมบัติ )


    จากวันนั้นข้าพเจ้าก็ปิดฉากตัวเองลง เพื่อจะฝึกฝน
    วิชชาขั้นสูงต่อไป เพื่อมิให้ผู้คนมารบกวน และอยากให้ทุก
    ท่านที่รู้จัก ลืมข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้าจึงเข้าสมาธิทำวิชชาแก้
    ผัง จับฝูงแมวสีขาวมัดเป็นพรวน แล้วส่งคืนวัดต้นสังกัดทุก
    แห่ง แล้วอาราธนากำแพงแก้ว 7 ชั้น ครอบทั้งบ้านและ
    ครอบครัว ซ่อนธาตุซ่อนธรรมไว้เสีย ได้ผล แม้ผู้คนที่มาหา
    ถึงหน้าบ้าน ยังหันหลังกลับ และไม่นาน ทุกท่านก็ลืมบ้านหลัง
    น้อยแห่งนี้และลืมข้าพเจ้าไป

    แปลกแต่จริง !!! การปฏิบัติธรรมครั้งนี้กลับทำให้
    ข้าพเจ้าลำบากใจเป็นที่สุด เพราะเมื่อเข้าสมาธิแล้ว กลับ
    ปรากฏมีแส้จีน(ภู่ยาว ๆ มีด้ามถือ) มาตวัดตัวข้าพเจ้าลอยละ
    ลิ่วเข้าไปแดนวิสุทธิภูมิ พบเซียน 2 ท่าน


    <CENTER>
    ท่านหนึ่งหนวดดำ
    อีกท่านหนึ่งหนวดขาว
    นั่งอยู่เบื้องหน้าข้าพเจ้า ข้าพเจ้างงมาก !!!!
    </CENTER>
    แล้วท่านก็เริ่มสอนข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าจำต้องเรียน........
    เรื่องราวของภพ จักรวาล ทั้งจักรวาลภายนอกและจักรวาล
    ภายใน คือตัวของเราเอง ท่านทั้ง 2 ได้บอกชื่อแก่ข้าพเจ้า
    แต่ข้าพเจ้าไม่สันทัดภาษาจีน จึงขอเรียกท่านว่า

    <CENTER>
    ท่านเซียนหนวดขาว
    และท่านเซียนหนวดดำ
    </CENTER>
    ข้าพเจ้าเรียนถามไปว่า

    "มายุ่งกับข้าพเจ้าทำไม? ข้าพเจ้าเรียนวิชชาธรรมกาย
    ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำอยู่"

    ท่านเซียนทั้งสองตอบว่า

    "ตัวข้าพเจ้านั้นสร้างบารมีเป็นธาตุธรรมทั้งสองสาย
    คือสายสีขาว ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ
    (ภาษีเจริญ) และสายสีแดง วิชชาเซียน วิสุทธิเทพ -
    วิสุทธิภูมิ "

    นี้คือสาเหตุ เมื่อหลวงพ่อคืน "คุณสมบัติ" ตามที่
    ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมา สายสีแดง จึงตรวจพบข้าพเจ้า และให้
    ท่านวิสุทธิเทพมาพาข้าพเจ้าคืนสู่ วิชชาเซียน (ข้าพเจ้าถึง
    บางอ้อ !! เพราะสงสัยอยู่นานว่าทำไม อาสนะบัวของตนมี
    สีชมพู ใส ไม่ใช่สีขาวใสแบบหลวงพ่อ)

    ปรมาจารย์เซียนมาสอนข้าพเจ้า ทุกครั้งแส้ของท่าน
    เซียนจะตวัดข้าพเจ้า ได้ก่อนที่จะเข้าสู่วิชชาธรรมกาย จึงทำ
    ให้ ข้าพเจ้าได้เรียนวิชชาเซียน เริ่มต้นตั้งแต่การกำเนิดแห่ง
    ภพ จักรวาล เรียนรู้มาจนถึงภาคพื้นมนุษย์ ให้รู้ฟ้า รู้ดิน
    และ รู้มนุษย์ ทุกครั้งท่านเซียนจะเอาแส้ตวัดเอากายละเอียด
    ของข้าพเจ้าไปเรียนรู้วิชชาเซียน ซึ่งข้าพเจ้าเริ่มสนุกกับ
    วิชชาเพราะ เป็นสิ่งที่สัมผัสกับมนุษย์โดยตรง รู้ฟ้า
    รู้ดิน และ รู้มนุษย์


    วิชชาเซียนประกอบด้วย

    -ชี่กง การโคจรของลมปราณจักรวาล
    -ไน่กง การโคจรลมปราณภายใน
    -บู๊เฮียบ วิทยายุทธ์
    -ฮวบกง เรื่องฤทธิ์และการเขียนยันต์

    เบื้องต้นฝึกสำเร็จเรียก วรยุทธ์
    เบื้องกลางฝึกสำเร็จเรียก อภิยุทธ์
    เบื้องสูงฝึกสำเร็จ เป็นเซียน

    (เซียนยังมีลำดับขั้นในวิสุทธิภูมิ)


    จนกระทั่ง.......วันหนึ่งที่ข้าพเจ้าเรียนวิชาการเขียน
    ยันต์ให้มีฤทธิอยู่นั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำซ้อน
    สุดละเอียดเก็บกายฝ่ายเซียนออก และสั่งห้ามข้าพเจ้าเรียน
    วิชชาเซียนต่อไป ให้ทุ่มเทเวลาทั้งหมดแก่วิชชาธรรมกาย
    เพราะจะเป็นวิชชาซึ่งจำเป็นต่องานของธาตุธรรม อย่าได้เสีย
    เวลาแก่สิ่งเหล่านี้เลย ให้ตั้งใจเรียนวิชชาผังการรบ
    การปกครอง

    หลวงพ่อให้ข้าพเจ้าว่า...สัจจะเด็ดขาดจะช่วยงานหลวง
    พ่อสะสางธาตุธรรม สืบสานสายงานต่อจากงานที่หลวงพ่อ
    ทำไว้ คือ การคำนวณยุคทมิฬ - ถิ่นกาขาว ให้เข้าสู่ยุคถิ่น
    กาขาว - ชาวศิวิไลซ์ ไม่ว่ากาลข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ต้อง
    ไม่ทิ้งงาน จนกว่า..จะสามารถคำนวณงานศาสนจักร
    อาณาจักร พุทธจักร มรรคผล นิพพานในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่
    ส่วนเดียว คำนวณรวมเป็นหนึ่ง

    ทั้งนี้ต้องอาศัยเงื่อนไขแห่งกาลเวลาของภพ จักรวาล
    ดวงดาว มาเรียงเป็นแนวเดียวกันในวันที่ 5 พฤษภาคม
    ค.ศ. 2000 ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อไม่อาจอยู่ถึงได้
    เพื่ออาศัยเงื่อนจักรวาลนี้ เปิดเอาหัวแก๊สส่วนธรรม ที่ซ้อนตั้ง
    ฉากกัน เป็นผลให้ศาสนาเรียวลง ๆ จนหมดไปจากแผ่นดิน
    สุวัณณภูมิ แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง แผ่นดินแห่งการสืบ
    ศาสนจักร อาณาจักร พุทธจักร มรรคผลแห่งนี้


    ถ้างานแล้วเสร็จ ข้าพเจ้าจะคืนสู่ความเป็นสถานภาพ
    ใด ๆ ก็ตาม ก็จะไม่บังคับอีกต่อไป .............

    ข้าพเจ้าไม่เข้าใจในสิ่งที่หลวงพ่อกล่าว แต่ก็ยอมให้
    สัจจะ คืนนั้นข้าพเจ้าจุดธูปไหว้บอกกล่าวฟ้า - ดิน ขอขมา
    โทษกรรมและ บอกเลิกการเรียนวิชชาต่อปรมาจารย์วิชชา
    เซียนทั้งหลาย ยุติการเรียนนับแต่คืนนี้เป็นต้นไป เพราะ
    ข้าพเจ้าได้ให้สัจจะจะช่วยงาน พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัด
    ปากน้ำ ผู้มีพระคุณยิ่งไปแล้ว

    ไม่คาดไม่ฝัน ทันทีที่ปักธูปลงเท่านั้น สายตาละเอียด
    ก็เห็นกองทัพ แต่งกายเหมือนนักรบฝ่ายจีนฝ่ายสีแดง ปรากฏ
    ขึ้นกลุ่มหนึ่ง เข้าต่อสู้โรมรันอุตลุดกับกองทัพนักสิทธิ์
    (กายสิทธิ์) ฝ่ายสีขาว ข้าพเจ้าตกใจมาก เกิดมาไม่เคยพบ
    เคยเห็น ยืนตลึงทำอะไรไม่ถูก ทั้งสองฝ่ายประมูลฤทธิ์ เพื่อ
    แย่งชิงธาตุธรรม คือตัวข้าพเจ้านั่นเอง

    เมื่อคิดได้เช่นนั้น จึงกำหนดจิตสู่กายละเอียด ออกไป
    ห้ามทัพ บอกสัจจะเด็ดขาด จะขอช่วยงานพระเดชพระคุณ
    หลวงพ่อ ตามสัจจะจนกว่าจะถึง ค.ศ. 2000 แล้วค่อยว่า
    กันต่อไป

    กองทัพฝ่ายสีแดงได้ยินเช่นนั้น ก็หยุดรบทันที
    ปรากฏกาย......องค์พระแม่กวนอิมขึ้นมาพูดสำทับเสียงก้อง
    ว่า....

    "เก๊า ซี๊ อี เชาะ นั๊ง บ่ หงี ไล้ ไห่ ลื่อ"

    แล้วทั้งกองทัพฝ่ายสีแดงก็หายวั๊บไปกับตา ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ
    เพราะไม่สันทัดในภาษาจีน แต่ก็จำคำพูดนี้ได้ขึ้นใจ
    รู้สึกแต่ว่าคงจะไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ใส่ใจ เพราะข้าพเจ้าผ่าน
    ความทุกข์ยาก ลำบาก มาอย่างมากมาย ชีวิตก็ตั้งใจเพื่อ
    ช่วยงานหลวงพ่ออยู่แล้ว ฉะนั้น

    ถึงงานจะ เสี่ยงเพียงไร ตั้งใจมั่น
    จะบากบั่น สร้างสรรค์ วางเป้าหมาย
    จะเหลวล้ม สำเร็จ ฤากลับกลาย
    ลูกคนนี้ จะสู้ เพื่อธาตุธรรม
    <!-- / message -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...