กลั้นลมหายใจ ไม่ใช่ทางตรัสรู้ธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 20 สิงหาคม 2013.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมแนะนำให้คุณเอาคำถามนี้ไปถามอาจารย์ที่คุณนับถือ ฟังอาจารย์ตอบแล้วคุณใคร่ครวญตามให้ดี คุณกับผมมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ผมยกคำสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ผมนับถือมาโพสต์ คุณยังไม่เปิดใจที่จะรับธรรม ผมตอบไปจะเปล่าประโยชน์ครับ
     
  2. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    แล้วไงงง ผมพูดอะไรผิด
     
  3. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    newamazing แน่ใจนะว่าเป็นศิษย์วัดนาป่าพง ผมเคยฟังอาจารย์คุณสอนว่า ถ้าไฟกำลังลุกไหม้บนศีรษะ ยังไม่ต้องรีบดับไฟ ให้มาเรียนรู้อริยสัจก่อน การเรียนรู้อริยสัจเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่าการดับไฟที่กำลังลุกไหม้บนศีรษะ

    คำของคุณขัดกันเอง คำของคุณขัดกับคำของอาจารย์ ไปกันใหญ่แล้วครับ
     
  4. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    คุณไม่รู้หรอกครับ ว่าพูดอะไรผิด แล้วก็จะไม่มีวันรู้ด้วย ตราบเท่าที่คุณยังไม่เห็นกิริยาจิต
     
  5. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ต้องเก่งแบบคุณใช่ป่าว ที่ไม่รู้ว่าปีติเป็นเวทนา catt3
     
  6. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    อุรุเวลาอย่าปล่อยความไม่รู้เลย คุณรู้แค่นั้นจำมาได้นิดหน่อย มันมีอีกเยอะ
     
  7. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ทุกผัสสะนั้น เกิดเป็นเวทนา เป็นสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรือ ไม่สุขไม่ทุกข์ อยู่แล้ว

    พระพุทธองค์จึงไม่จัดหมวดหมู่ปีติให้อยู่ในเวทนานุปัสสนา เพราะสาระของเวทนานุปัสสนา คือ กำหนดรู้ถึงเวทนาที่เสวยอยู่ในปัจจุบันขณะ

    ไม่ใช่การหลงเข้าใจผิด บีบบังคับขันธ์ ให้สร้างสภาวะให้เกิดขึ้นมาใหม่

    สิ่งที่คุณทำอยู่ บิดเบือนคำสอนพระพุทธองค์ไปเรื่อยๆ ในการเถียงกับหลายๆ คน จะส่งผลกับคุณนะ เลิกเสียเถอะ
     
  8. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ทำไมไม่ตอบเขาไปหละ ว่าทำไมคุณถึงเป็นศิษย์ล้างครู

    ครูบอกอย่างนึง ตัวเองพูดอีกอย่างหนึ่ง

    พอคนอื่นมาแย้งว่า ตัวคุณเองพูดไม่ตรงกับครูบาอาจารย์ ดันไปบอกว่า คนอื่นไม่รู้

    ก็มันเห็นอยู่ชัดๆ ว่าคุณเป็นศิษย์คิดล้างครู แล้วจะเบี่ยงประเด็นไปไหนอีก
     
  9. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมฟังมานิดหน่อย แต่ผมจำได้และเข้าใจ คุณไปถามอาจารย์มาก่อน อย่าอวดรู้ ขายตัวเองเปล่าๆ ครับ
     
  10. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    นี่แหล่ะคือตัวคุณผิดไม่เคยยอมรับว่าเข้าใจผิด ดูเอาจตุกกะที่ ๒

    เวทนานุปัสสนาของท่านพุทธทาส


    ตอน ๙ อานาปานสติ ขั้นที่ห้า การกำหนดปีติ

    ตอน ๑๐ อานาปานสติ ขั้นที่หก การกำหนดสุข

    ตอน ๑๑ อานาปานสติ ขั้นที่เจ็ด การกำหนดจิตตสังขาร

    ตอน ๑๒ อานาปานสติ ขั้นที่แปด การทำจิตสังขารให้รำงับ
     
  11. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ก็ชัดเจนดีนี่ครับ...

    อานาปานสติ เป็นการปฏิบัติอยู่ในหมวดกายานุปัสนา ไม่ใช่ เวทนานุปัสนา

    อันนี้หลวงพ่อพุทธทาส นำเอาผลของอานาปานสติ เอาผัสสะของปีติ ที่เกิดกลายเป็นสุขเวทนา มาพิจารณา ลองอ่านให้ละเอียด ท่านไม่ได้พิจารณาสาระสำคัญที่ตัวของปีติจากสมาธิ แต่ท่านพิจารณา ลักษณะของสุขเวทนา

    สาระสำคัญของเวทนานุปัสสา คือ พิจารณาลักษณะของเวทนาต่างๆ ทั้ง สุขเวทนา ทุกขเวทนา ไม่สุขไม่ทุกข์

    http://palungjit.org/8227728-post17.html

    สิ่งที่ newamazing ทำ ตั้งแต่แรก คือ newamazing พยายามตัดต่อ ยัดเยียด เปลี่ยนแปลง ธรรมะของพระพุทธองค์ ทั้งที่พระไตรปิฎกมีเขียนไว้ชัดเจน ว่าในเวทนานุปัสสนา ฝึกอย่างไร มีข้อความคำสอนอย่างไร

    แต่ก็ newamazing ยังพยายาม ตัดต่อ แทรกข้อความของอานาปานสติ เข้ามาในเวทนานุปัสสนาบรรพ

    พอโดนจับได้ ว่า พระพุทธองค์ไม่ได้สอนไว้เช่นนั้น ก็พยายามค่อยๆ เบี่ยงประเด็นมาทีละนิด ให้ผู้อื่นหลุดจากประเด็นเดิมไป พอจุดขัดแย้งเปลี่ยนจุดแล้ว ก็ยกคำสอนของครูบาอาจารย์ ตัดมาเฉพาะส่วนที่ได้ประโยชน์กับตนเอง เอามาสนับสนุนตน

    แต่ความชั่วเดิม มันไม่เปลี่ยนนะครับ แล้วผมก็ไม่หลงไปตามการเบี่ยงประเด็นของคุณด้วย

    ความชั่วเดิมของคุณ คือ เวทนานุปัสสนาบรรพ ในพระไตรปิฎก ไม่มีการกล่าวถึงปีติ แต่คุณบอกว่ามี โดยยกข้อความตัดจากส่วนอานาปานสติ มาใส่ บอกว่าเป็นส่วนของเวทนานุปัสสนา

    นี่คือการปรามาสพระรัตนตรัย ที่เป็นประเด็นของคุณ
     
  12. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ตอนแรกตกใจว่าเอาพระสูตรมาจากไหน บอกว่าทำไมผมหาไม่เจอ ยกมาให้ดูแล้วว่าเป็นอานาปานสตินั้นมีทั้งการพิจารณาหมวดกาย เวทนา จิต ธรรมม อินทรบุตรผมยอมแพ้คุณแล้วล่ะ ยอมจริงๆ
     
  13. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ทำไม มีสติแล้วรู้ว่า ตัวตนสร้างกันไม่ได้ ไม่ว่าจะบังคับหรือปล่อยตามธรรมชาติ เพราะอยากจะให้มีก็มีไม่ได้ มันเป็นเพียงเหตุปัจจัย ..ล่ะ
    แสดงว่าใครๆก็ไม่มีตัวตน เลยมาโชว์อะไรๆในโพสต์กันแบบไม่มีตัวตนหรือ

    คิดว่าไอ้ที่สร้างเหตุปัจจัยตลอดนั่นล่ะ เป็นการสร้างภพชาติ(การเกิด)
    คิดว่าใครๆก็หลงตนยึดว่าของๆตนเสียอีก ...พอมีสติแล้ว จึงเห็นว่า ตนยังยึดมั่นในตน มีเขา เรา ขนาดไหน(มีอวิชชาขนาดไหน) ยังสร้างตน(ดีชั่ว)ขนาดไหน มีสติในการแก้อุปาทานนี้ขนาดไหน เมื่อไม่เข้าร่วมขบวนการสังขารเพราะกิเลส ก็คลายตัณหาอุปาทาน ไม่สร้างเหตุปัจจัยในภพชาติ(ตัวตน)ให้มากมายขึ้นไป.. คือพยายามไม่สร้างเหตุปัจจัยของการเกิด(ตัวตน)อีก

    เคยดูหนังไหม (เปรียบหนังเป็นอารมณ์ของตน)
    แล้วไม่ร่วมอารมณ์ไปกับหนัง มีสติตามดูเฉยๆ ก็เห็นเหตุไปถึงอารมณ์ซึ่งเกิดตามกิเลสสามเหตุแห่งอวิชชา(เหตุแห่งการเกิด(ตัวตน))
    เพราะหากมีอารมณ์ไปกับหนังเนี่ยเขาเรียกว่าตามอารมณ์ ไม่เท่าทันอารมณ์ สร้างอารมณ์(ตัวตน)เป็นไปตามที่ถูกกระทบ อย่างนี้ตัวตนดีชั่วเกิดตลอดเวลา คือมีตัวตนเข้าไปแทรกแซง
    หากมีสติก็ไม่ร่วมอารมณ์กับหนัง ตามดูไป ถึงหนัง(อารมณ์)ที่เกิด ตั้งอยู่และดับไป..(ไม่เข้าไปสร้างเหตุปัจจัยใหม่) แต่หากเข้าไปร่วมอารมณ์ ก็เกิดอารมณ์ใหม่ๆตามมา(เหตุแห่งการเกิด)

    การโชว์บุญ เป็นการโชว์ตัวตน(อัตตา)หรือเปล่า
    และถ้ามองเห็นแต่ส่วนบุญของตน โดยไม่เห็นส่วนที่เสียด้วย ก็เรียกว่าขาดสติ คือตามกุศลอกุศลของตนไม่ทัน เห็นแต่ส่วนกุศลอาจทำให้คิดว่าตนดีตนเลิศ แต่ในส่วนอารมณ์อื่นๆกลับไม่เห็น แบบนี้เป็นการเห็นตัวเองตามใจตนมากกว่าเห็นตามจริง
    พระอริยะ ย่อมเห็นด้านเสียที่ตนยังคงเหลือได้ชัด (ถึงทำลายได้ไม่เกินเจ็ดชาติ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2013
  14. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    นั้นไงมองอะไรก็เป็นการโชว์บุญ มองเป็นอัตตา เพราะคุณละไม่ได้คุณถึงคิดในด้านนั้นสังขารข้นต์ของคุณเป็นตัวปั้นแต่งให้คุณแบบนั้นไปในทางลบ มันไม่ใช่ตัวตนของคุณหรอกเพราะ สัพเพธรรมาอนัตตา คุณเรียนรู้เข้าใจสะใหม่นะ

    ตัวตนนะมันไม่มีหรอก ไม่งั้นคุณจะไปไม่รอด แต่ถ้าสังขารขันต์คุณปรุ่งแต่งในทางบวก คุณก็จะมองว่า ดีจังเลย ส่วนในด้านความเป็นจริงของผม อวิชาย่อมยังมีเหลือผมย่อมมองเห็นเสมอเพระาผู้ที่มีหิริโอตัปปะจะละอายแก่บาปที่กระทำ แต่คุณคงเข้าใจว่าสิ่งที่ผมพูดผมคุยไปเป็นเรื่องลบ คุณถึงมองผมแบบนั้นถ้าคุณมองในเชิงบวกความคิดนี้จะไม่มีกับคุณ

    ผมคุยกับคู่สนทนาใครมาแบบไหนผมก็จะเป็นกระจกส่องกลับไปหาตัวตนของเขา เหมือนอย่างคุณคุยกับผม ผมก็มีแต่หาข้อโต้แย้งหาเหตุผลกลับไป ผมไม่ได้มาเอาความรู้ท่านอื่นมาแสดง ผมเอาเหตุผลที่แตกต่างมาแสดงให้ฟัง ต้องการให้เห็นความต่างในอีกมุมมอง และผู้ที่มีควา่มแตกต่างนั้นทำตัวอย่างไรในชีวิตประจำวัน ถ้าใครคิดว่าผมอวดก็ช่วยไม่ได้จริงเพราะเขามีจิตใจอย่างนั้นตัวตนเขาเป็นอย่างนั้นจริง
     
  15. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    วันนี้มาเป็นชุดเชียวน้า ..........."ผมคุยกับคู่สนทนาใครมาแบบไหนผมก็จะเป็นกระจกส่องกลับไปหาตัวตนของเขา "วลีนี้มันเหมือนคุณจรจัดมากๆๆ
    ปล.เรื่องทำบุญยังอยู่อีก เบื่อมากๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2013
  16. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    บอกตัวเองนั้นดีเลิศประเสิรฐศรี

    พอเพื่อนพ้องท้วงติ่งเรื่องที่ดี

    ดันไม่เห็นความดีที่ท้วงมา

    อย่าท่วงถามความดีที่ตนบอก

    มองให้ออกอันไหนเหตุ อันไหนผล

    ใช่สติตรองดู จะรู้ได้ในใจตน

    นั้นคือเหตุ ละ ผล ที่เป็นมา

    สาธุเจริญธรรม
     
  17. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    อะไรที่ท้วงมา ก็เห็นมีแต่คำว่าผมอวดตน คุณรู้ป่าวว่าเวลาผมเห็นใครพูดแบบที่ผมเขียนเรื่องการทำบุญทำไมผมมองอีกมุมหนึ่ง ผมไม่คิดว่าเขาอวด เขาเอามาบอกเราก็เท่านั้น เราจะยินดีหรือไม่ก็ไม่มีใครว่าเรามันอยู่ที่จิตเรา แต่ผมจะไม่คิอว่าเขาอวด ด้วยความสัจจริง จิตผมเป็นแบบนี้จริงๆ ทานลองพิจารณาดูนะครับ เวลาผมโต้แย้งก็หาว่าผมรั้นไม่ฟังใคร อ้าวอย่างนี้ก็ยัดเยียดข้อหาอีก ลองพิจารณาดูนะครับ
     
  18. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    ส่วนผมเบื่อแล้วน้า น้ามีเรื่องอื่นอีกปะ นอกจากตักบาตรทุกวัน ต้นปีบริจาค50000อะ ฟังมาหลายสัปดาห์แล้วอะ ขอเรื่องใหม่หน่อยสิ
     
  19. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    มันจะไม่อยู่ได้ไงเรื่องทานแต่ละวันผมมีคนมาสนทนาด้วยผมก็ชี้แจงไปคุณเคยฟังแล้วถ้าไม่ยินดีก็อุเบกขาซิ จะมามีจิตใจเป็นอคติทำไม บวกๆๆๆจิตใจสบาย
     
  20. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ newamazing
    ตามจริงเหรอ ผมตื่นเช้าใส่บาตรทุกวัน เลี้ยงสัตว์จรจัดทุกวัน นั่งสมาธิทุกวัน สอนธรรมะทุกวันแบบตัวต่อตัว เสาร์อาทิตย์ชอบไปวัดเสาร์หน้าไปถวายสร้างห้องน้ำ และจะถวายจัดภูมิทัศน์ที่วัด ชีวิตผมมีเท่านี้ดีพอมั้ย หรือต้องให้เหาะได้ก่อน


    ก็เวลาใครเขาว่าคุณ เข้าเรื่องสติ หรือ เรื่องเห็นตัวเอง หรือเรื่องๆๆๆ
    คุณก็จะกลับมาที่..เดิม โชว์บุญ
    แล้วก็โยงไปพระอริยะต้องชุ่มไปด้วยการให้ ท้าทายคนอื่นว่าตักบาตรหรือเปล่า..

    แล้วจะให้เข้าใจมากไปกว่า อวดอริยะโชว์บุญ ได้อย่างไร..
    ซ้ำไปมา ดูว่าเรื่องธรรม ก็เป็นอย่างที่เห็นๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...