ข้อมูลเตรียมพรัอมรับมือสถานการณ์ภัยน้ำท่วม

tanakorn_ss · 27 มิถุนายน 2012

แนะนำไอเดียดีๆ

ทำเรือจากกาละมัง

แนะนำให้ใช้กาละมังแบบหนาและเหนียว ถ้าจะทำเป็นแพ ควรหาซื้อไม้อัดมาวางด้านบน แล้วเจาะรูร้อย

เรือทำจากแกลลอน
คลิกลิ้งเพื่อดูรายละเอียด

Milk Jug Raft

เรือทำจากกระดาษและขวดพลาสติก
คลิกลิ้งเพื่อดูรายละเอียด
Water Bottle Raft

ทำเรือจากขวดพลาสติก

คลิกลิ้งเพื่อดูรายละเอียด
Fresh Pics: Boat Made From Recycled Plastic Bottles

ทำเรือจากไม้อัด
คลิกลิ้งเพื่อดูรายละเอียด
The BO-AT Single Sheet Plywood Boat

เรือทำจากขวดพลาสติกและแกลลอน
คลิกลิ้งเพื่อดูรายละเอียด Water Bottle Kayak with Outrigger

ทำเรือจากถังน้ำ
คลิกลิ้งเพื่อดูรายละเอียด
Easiest raft ever, it seems.

ทำเรือจากเทปกาว
คลิกลิ้งเพื่อดูรายละเอียด
Duct Tape Kayak

มาทำเรือผ้าใบแบบง่ายๆกันเถอะ

คลิกลิ้งเพื่อดูรายละเอียด

Easy tarp boat

มีวิธีป้องกันน้ำท่วมอื่นๆอีกมั้ย?

ถ้าหากระสอบทรายไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งวิตกจริต ยังมีวิธีอื่นที่จะช่วยให้ท่านป้องกันน้ำเข้าบ้านได้ ลองอ่านดูนะครับ
๑) ก้้นด้วยอิฐบล็อกที่ช่องน้ำจะเข้าบ้านได้ ขนาดมาตรฐานมีความสูง ประมาณ ๑๙ ซม. ยาว ๓๐ ซม. กั้นก่อนท่วม น้ำลดแล้วทุบทิ้ง หาซื้อได้ตามร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไป

น้ำเข้าทุกทิศอย่ามัวดูแต่หน้าบ้าน
1) อย่าลืมอุดรูระบายน้ำด้วย เพราะน้ำจะผุดขึ้นมา อย่าดีใจว่ากั้นหน้าบ้านได้แล้วไปเช็คทุกที่ เช่น ห้องน้ำ ห้องซักล้าง หากจุกอุดรูหาย ให้ไปหาซื้อที่ร้านฮาร์ดแวร์ โฮมโปร จะมีขายเพราะส่วนใหญ่จะเป็นไซส์มาตรฐาน
อย่าสักแต่อุด ให้เอาดินน้ำมันอุด ถ้าเอาไม่อยู่ก็ต้องใช้กาวยาง หรือ ซิลิโคน มายิงอัดไปเลย (ซื้อได้ในที่เดียวกัน) เอาของหนักทับถ้ากลัวมากๆ
แล้วก็ไปอาบน้ำที่ชั้นบน

2) ถ้าทำได้ ตัดท่อPVCขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4นิ้ว มาครอบไว้ที่ปากท่อระบายน้ำให้ห้องน้ำชั้นล่างของบ้าน ติดด้วยซิลิโคน ระดับน้ำจะขึ้นมาตามท่อ และหยุดเองที่ระดับเดียวกับระดับน้ำที่ขึ้นนอกบ้าน ถ้าใช้วิธีอุด จะต้องต่อสู้กับแรงดันตามธรรมชาติของน้ำ

3) วิธีป้องกันน้ำท่วมแบบไม่ใช้กระสอบทราย

วิธีป้องกันน้ำท่วมเข้าบ้าน โดยไม่ใช้กระสอบทราย

MissP · 27 มิถุนายน 2012

[FONT=&quot]โรคที่มากับน้ำท่วมและวิธีรักษา[/FONT]
[FONT=&quot]โรคน้ำกัดเท้าและผื่นคัน[/FONT]
[FONT=&quot]เกิด ขึ้นได้ก็เพราะผิวหนังเท้าของเรา[/FONT][FONT=&quot]โดยเฉพาะที่ง่ามเท้าเกิดเปียกชื้นและสกปรก เวลาที่เท้าสกปรก[/FONT][FONT=&quot]สิ่งสกปรกจะเป็นอาหารอย่างหนึ่งที่ทำให้เชื้อราหรือเชื้อโรคเจริญเติบโตได้[/FONT][FONT=&quot]ดี เท้าที่แช่น้ำหรือเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา[/FONT][FONT=&quot]จะทำให้ผิวหนังที่เท้าอ่อนส่วนผิว ๆของหนังจะเปื่อยและหลุดออก[/FONT][FONT=&quot]เศษผิวหนังที่เปื่อยนี้จะทำให้เชื้อโรคที่ปลิวไปปลิวมาเกาะติดได้ง่าย[/FONT][FONT=&quot]และผิวที่เปื่อยก็เป็นอาหารของเชื้อราได้ดี[/FONT][FONT=&quot]เชื้อราจึงไปอาศัยทำให้เกิดแผลเล็กๆขึ้นตามซอกนิ้วเท้าเกิดเป็นโรคน้ำกัด[/FONT][FONT=&quot]เท้าขึ้น[/FONT]
[FONT=&quot]โรคน้ำกัดเท้า[/FONT]
[FONT=&quot]มักพบว่ามีอาการคันและอักเสบตามซอกนิ้วเท้า[/FONT] ([FONT=&quot]หรือนิ้วมือ)[/FONT][FONT=&quot]และถ้ามีเชื้อแบคทีเรียเข้าแทรกซ้อนด้วย[/FONT][FONT=&quot]ก็จะทำให้อักเสบเป็นหนอง[/FONT][FONT=&quot]และเจ็บปวดจนเดินลำบากได้ ตามตำรายาไทยมีสมุนไพรไทยหลายชนิดที่นิยมนำ[/FONT][FONT=&quot]มาใช้เพื่อรักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา[/FONT][FONT=&quot]สำหรับการรักษาโรคน้ำกัดเท้านั้น จะใช้ดังต่อไปนี้[/FONT]
[FONT=&quot]1. [/FONT][FONT=&quot]ใบสดต้นเทียนบ้าน[/FONT]
[FONT=&quot]2. [/FONT][FONT=&quot]สีเสียดเหนือ[/FONT]
[FONT=&quot]3. [/FONT][FONT=&quot]เปลือกมังคุด[/FONT]
[FONT=&quot]วิธีการใช้[/FONT]
[FONT=&quot]ใบสดของต้นเทียนบ้าน[/FONT][FONT=&quot]ใช้ใบสด [/FONT]5-10 [FONT=&quot]ใบ ล้างให้สะอาด ตำให้ละเอียด นำมาพอกที่เป็นแผลน้ำกัดเท้า[/FONT][FONT=&quot]วันละ [/FONT]3 [FONT=&quot]ครั้ง จนกว่าจะหาย[/FONT]

MissP · 27 มิถุนายน 2012

[FONT=&quot]สีเสียดเหนือ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ใช้รักษาบาดแผลเรื้อรังหรือโรคผิวหนังบางชนิดและโรคน้ำกัด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เท้า[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ซึ่งจาการที่สารเทนนินมีฤทธิ์เป็นยาฝาดสมานทำให้ช่วยสมานแผลและฆ่าเชื้อได้[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]บางตัว ดังนั้นจึงทำให้แผลหายเร็วขึ้น[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]วิธีการเตรียมยา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]คือนำก้อนสีเสียดขนาดเท่าหัวแม่มือฝนกับน้ำสะอาดให้ข้นๆนำไปทาแผลหรือทาเท้า[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]บริเวณที่เป็นโรคโดยทาบ่อยๆจนกว่าจะดีขึ้น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]หรือนำผงสีเสียดไปผสมกับน้ำสะอาดทำเป็นน้ำยาล้างแผล[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]แล้วนำไปล้างแผลที่เป็นก็ได้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot][/FONT][FONT=&quot][/FONT] [FONT=&quot]เปลือกมังคุด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เป็นยารักษาแผลน้ำกัดเท้า และแผลพุพอง แผลเน่าเปื่อย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ให้ใช้เปลือกผลสด หรือแห้ง ฝนกับน้ำปูนใสให้ข้น ๆ พอควร ทาแผลน้ำกัดเท้า[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]วันละ [/FONT][FONT=&quot]2-3 [/FONT][FONT=&quot]ครั้ง จนกว่าจะหาย ช่วยรักษาแผลพุพอง แผลเปื่อยเน่าได้ดี[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot][/FONT][FONT=&quot][/FONT] [FONT=&quot] [/FONT]

MissP · 27 มิถุนายน 2012

[FONT=&quot][FONT=&quot]สมุนไพรแก้อาการแพ้และผื่นคันที่เกิดจากลมพิษ [/FONT][FONT=&quot]([/FONT]Herb for Urticaria, Hives)[/FONT]

[FONT=&quot]พลู[/FONT][FONT=&quot] ใช้ใบสด [/FONT]3-4 [FONT=&quot]ใบ ตำผสมเหล้าโรง คั้นน้ำทาบริเวณที่มีอาการ[/FONT]
[FONT=&quot][/FONT][FONT=&quot][/FONT]

[FONT=&quot]ขมิ้นชัน[/FONT][FONT=&quot] ใช้รักษาโรคผิวหนังผื่นคัน โดยทำเป็นผงผสมน้ำหรือใช้เหง้าสดล้างให้สะอาด ฝนน้ำทา[/FONT]

[FONT=&quot]ไพล[/FONT][FONT=&quot] ใช้เหมือนกับขมิ้นชัน โดยใช้เหง้าบดทำเป็นผงผสมน้ำ หรือใช้เหง้าสดล้างให้สะอาด ฝนน้ำทา[/FONT]

[FONT=&quot]ฟ้าทะลายโจร[/FONT][FONT=&quot] ใช้ใบสดตำคั้นเอาน้ำทาบริเวณที่มีอาการผื่นคัน[/FONT] [FONT=&quot]หรือใช้ส่วนต้นเหนือดิน บดเป็นผงผสมน้ำมันพืชทา[/FONT] [FONT=&quot]หรือใช้ต้นต้มกับน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันพืชจนยาเปื่อย[/FONT] [FONT=&quot]กรองเอาเฉพาะน้ำยามาทาบริเวณที่มีอาการ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

MissP · 27 มิถุนายน 2012

[FONT=&quot]ไข้หวัด[/FONT]
[FONT=&quot]ไข้หวัดเป็นการติดเชื้อของจมูก และคอ[/FONT] [FONT=&quot]บาง[/FONT] [FONT=&quot]ครั้งเรียก [/FONT]upper respiratory tract infection URI [FONT=&quot]เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งรวมเรียกว่า [/FONT]Coryza viruses [FONT=&quot]ประกอบด้วย[/FONT] Rhino-viruses [FONT=&quot]เป็นสำคัญ เชื้อชนิดอื่นๆมี [/FONT]Adenoviruses, Respiratory syncytial virus [FONT=&quot]เมื่อเชื้อเข้าสู่จมูก[/FONT] [FONT=&quot]และคอจะทำให้เยื่อจมูกบวม และแดง[/FONT] [FONT=&quot]มีการหลังของเมือกออกมาแม้ว่าจะเป็นโรคที่หายเองใน [/FONT]1 [FONT=&quot]สัปดาห์แต่เป็นโรคที่นำผู้ป่วยไปพบแพทย์มากที่สุดโดยเฉลี่ยเด็กจะเป็นไข้[/FONT] [FONT=&quot]หวัด [/FONT]6-12 [FONT=&quot]ครั้งต่อปี ผู้ใหญ่จะเป็น [/FONT]2-4[FONT=&quot]ครั้ง[/FONT] [FONT=&quot]ผู้หญิงเป็นบ่อยกว่าผู้ชายเนื่องจากใกล้ชิดกับเด็ก[/FONT] [FONT=&quot]คนสูงอายุอาจจะเป็นปีละครั้ง[/FONT]
[FONT=&quot]คนโบราณมีวิธีบรรเทาอาการหวัดโดยไม่ต้องพึ่งยาฝรั่งอย่างไม่จำเป็น[/FONT] [FONT=&quot]โดยการใช้สมุนไพรตามตำราดั้งเดิม[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]คนรุ่นใหม่อย่างคุณก็นำไปใช้ได้[/FONT]
[FONT=&quot]ขิง[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เป็นพืชสมุนไพรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในด้านรสและ[/FONT] [FONT=&quot]กลิ่น ที่อุดมไปด้วย ชันน้ำมัน ([/FONT]oleoresin) [FONT=&quot]น้ำมันหอมระเหย ([/FONT]volatile oil) [FONT=&quot]รวมทั้ง วิตามิน และแร่ธาตุ อย่าง แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก[/FONT] [FONT=&quot]และมีวิตามินซีในระดับสูง[/FONT] [FONT=&quot]โดยเฉพาะขิงที่มีอายุ [/FONT]11-12 [FONT=&quot]เดือน[/FONT] [FONT=&quot]ซึ่งหาไม่ได้ในขิงช่วงอายุอื่นๆ[/FONT] [FONT=&quot]อีกทั้งขิงยังมีคุณสมบัติที่ช่วยในการขับลม แก้จุกเสียด คลื่นไส้ อาเจียน[/FONT] [FONT=&quot]ทำให้เหงื่อออกมาก แก้หวัด แก้ไข้ สร้างความกระชุ่มกระชวย[/FONT] [FONT=&quot]น้ำขิง[/FONT][FONT=&quot]ร้อนๆ แก้อาการหวัดที่มีอาการหนาว (หวัดเย็น) ไข้ต่ำ ไม่ค่อยมีเหงื่อ มีเสมหะเหลวใส หรือ ขี้มูกใส ซด[/FONT][FONT=&quot][FONT=&quot]น้ำขิง[/FONT][/FONT][FONT=&quot]จะ[/FONT] [FONT=&quot]ทำให้จมูกโล่งดี ร่างกายอบอุ่น ช่วยฟื้นฟูระบบการทำงานต่างๆ[/FONT] [FONT=&quot]ให้กลับคืนสู่ภาวะสมดุล[/FONT] [FONT=&quot]ซึ่งเราสามารถบริโภคขิงได้ทุกวันโดยไม่ต้องกลัวผลเสียใดๆ แก่ร่างกาย[/FONT] [FONT=&quot]และยิ่งเดี๋ยวนี้มีเครื่องดื่ม[/FONT][FONT=&quot]น้ำขิง[/FONT][FONT=&quot]ในรูปแบบผงที่หาซื้อได้ง่าย สะดวก ให้คุณดื่มทุกวัน[/FONT]

[FONT=&quot]นำ [/FONT][FONT=&quot]ขิงแก่ [/FONT][FONT=&quot]ขนาดประมาณหัวแม่มือทุบให้แตก[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]หั่นเป็นแว่น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ต้มกับน้ำ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]1 [FONT=&quot]แก้ว[/FONT] [FONT=&quot]ใช้ไฟอ่อนๆ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ต้มให้เดือด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]5 [FONT=&quot]นาที[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เสร็จแล้วตักขิงออก[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เติมน้ำเพิ่มเล็กน้อย[/FONT] [FONT=&quot]ดื่มขณะยังอุ่น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ทำอย่างนี้[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]3 [FONT=&quot]เวลา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เช้า[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]กลางวัน[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เย็น[/FONT]
[FONT=&quot]หรือใช้ขิงฝานเป็นแผ่นบางๆ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เติมน้ำร้อนที่เดือดจัดให้เต็มถ้วย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ปิดฝาตั้งทิ้งไว้พอให้อุ่น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ดื่มวันละ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]3 [FONT=&quot]ครั้ง[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เช่นกัน[/FONT]
[FONT=&quot]หากไม่มีขิงสด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]จะใช้ขิงแห้งแทนก็ได้[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ส่วนขิงผงสำเร็จรูป[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ผ่านกรรมวิธีมามาก[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]อาจทำให้สรรพคุณลดลงไป[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]สมุนไพรแก้อาการไอ [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]เอาขิงแก่ ๆ หั่นเป็นชิ้น 15 ชิ้น ใส่หม้อเติมน้ำ 3 แก้ว ต้มเดือดประมาณ 15 นาที ตักขิงออก เอาใบมะขามสด 2 กำมือ ใส่ลงไปต้มให้นานพอควรจนเห็นว่าน้ำมะขามออกดีแล้ว กรองเอาเฉพาะน้ำต้มเคี่ยวให้นาน ใส่น้ำตาลกรวด เคี่ยวให้เป็นน้ำเชื่อม ตั้งไว้ในเย็น จิบครั้งละ 1 ช้อนชา แก้ไอได้ผลดีมาก[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ละลายเสมหะ เสียงแหบแห้ง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] เอายอดมะม่วงที่ค่อนข้างแก่มาสัก 1 กำมือ สับเป็นชิ้นเล็ก ๆ เอามาใส่หม้อต้ม ใส่น้ำลงไปสัก 2 [/FONT][FONT=&quot]–[/FONT][FONT=&quot] 3 แก้ว ต้มเคี่ยวให้เดือดอ่อน ๆ สัก 15 นาที ให้สรรพคุณทางยาออกมากับน้ำ เอามาจิบดื่ม ครั้งละเล็กน้อยเรื่อย ๆ ดื่มกันได้ทั้งวัน เวลาหิวน้ำก็เอายานี้มาดื่ม อาการมีเสมหะจะค่อย ๆ ลดลงแล้วหายไปในที่สุด อาการเสียงแหบแห้งก็จะทุเลาลงเช่นกัน 2 [/FONT][FONT=&quot]–[/FONT][FONT=&quot] 3 วัน ก็จะหายเป็นปกติ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]คัดจมูก มีน้ำมูกไหล[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] ใช้ ตะไคร้ ใบมะขาม หัวหอม ส่วนพอสมควร ต้มให้เดือดนานพอควร ใช้สูดดมไอน้ำ อาการหวัดคัดจมูกจะค่อย ๆ หายไป[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]เสียงแหบแห้งเพราะเป็นหวัด แพ้อากาศ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เอาต้นตะไคร้หั่นเป็นชิ้น ๆ แช่น้ำเกลือพอเค็ม เคี้ยวกลืนกากและน้ำ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]เริ่มจะเป็นไข้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] ใช้อ้อย 3 ปล้อง ตัดข้อออก ผ่า 4 ส่วน เอา 9 ส่วน แช่ในน้ำครึ่งขวดขาวทิ้งไว้ 30 นาที เอาน้ำดื่มครั้งละ 1 แก้ว ติดต่อกัน 3 ครั้ง หาย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]คอเจ็บ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] ใช้ดอกบัวสด 1 ดอก ชงกับน้ำร้อน 3 แก้ว ดื่มน้ำ จะหายเจ็บคอ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]หอบ-หืด[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] เอาผิวไม้ไผ่ 1 กำมือ ห่อด้วยใบตองกล้วยตานี ต้มกินหาย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

[FONT=&quot]คะไคร้[/FONT] [FONT=&quot]ใช้ตะไคร้[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]1 [FONT=&quot]ต้น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]หั่นเป็นแว่นๆ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]และขิงสด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]5-6 [FONT=&quot]แว่น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ใส่น้ำ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]3-4 [FONT=&quot]แก้ว[/FONT] [FONT=&quot]ต้มจนเดือด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ทิ้งไว้ให้อุ่น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ดื่มครั้งละ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]1/2 - 1 [FONT=&quot]แก้ว[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]วันละ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]3 [FONT=&quot]เวลาหลังอาหาร[/FONT]

[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]มะขาม[/FONT] [FONT=&quot]ต้มน้ำ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]1 [FONT=&quot]หม้อใหญ่[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ใส่ใบมะขาม[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]1 [FONT=&quot]กำมือลงไป[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]รอจนเดือดแล้วยกลง[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ทุบหัวหอม[/FONT] 3-4 [FONT=&quot]หัว[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ใส่ลงไป[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ใช้ผ้าคลุมทั้งศีรษะและหม้อเอาไว้[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]แง้มฝาหม้อเอาไว้[/FONT] [FONT=&quot]ให้ไอน้ำระเหยออกมา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]สูดไอที่ระเหยจะช่วยให้หายคัดจมูก[/FONT] [FONT=&quot]และเป็นการขับเหงื่อด้วย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]สูดจนหมดไอ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]แล้วผสมน้ำเย็นลงไปพออุ่นๆ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]นำมาอาบ[/FONT] [FONT=&quot]ทำวันละ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]1-2 [FONT=&quot]ครั้ง[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ประมาณ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]3-4 [FONT=&quot]วันก็หาย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ถ้าในครอบครัวมีเด็กเป็นหวัดคัดจมูก น้ำมูกไหล ให้ใช้ใบมะขามสด ขนาดพองามคือไม่แก่ไม่อ่อน ประมาณ [/FONT][FONT=&quot]½[/FONT][FONT=&quot] ลิตร ใส่หม้อเติมน้ำให้ท่วมต้มให้เดือดนานพอสมควรใส่กะละมัง ตากน้ำค้างไว้ 1 คืน รุ่งเช้าทุบหัวหอมแดงที่ใช้แกง 1 หัว เอาน้ำชโลมศีรษะเด็กให้ทั่วจนเปียก น้ำที่เหลืออาบให้เด็ก ทำติดต่อ 2 [/FONT][FONT=&quot]–[/FONT][FONT=&quot] 3 วัน อาการเป็นหวัด คัดจมูก จะหายเป็นปกติ[/FONT]
[FONT=&quot]มะขามป้อม[/FONT] [FONT=&quot]อุดมด้วยวิตามินซีค่อนข้างสูงมีรสเปรี้ยว หวาน ฝาด ขม[/FONT] [FONT=&quot]รักษาโรคหวัด[/FONT] [FONT=&quot]บรรเทาอาการไอ คอแห้ง ขับเสมหะ ใช้อมหรือเคี้ยวใส่เกลือเล็กน้อย[/FONT] [FONT=&quot]และยังมีฤทธิ์ต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่อีกด้วย[/FONT]
[FONT=&quot]กระเทียม[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]กระเทียม[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เป็น[/FONT] [FONT=&quot]ทั้งสมุนไพร เครื่องเทศ และมีสรรพคุณทางยามากมาย[/FONT] [FONT=&quot]หัวกระเทียมมีน้ำมันหอมระเหยเผ็ดร้อน เป็นยาขับเหงื่อ ขับเสมหะ[/FONT] [FONT=&quot]หรือโขลกกับน้ำส้มกวาดคอ แก้อักเสบเสียงแห้ง แก้ปวดศีรษะข้างเดียว[/FONT] [FONT=&quot]ส่วนมากนิยมนำมาใช้ในการปรุงอาหาร หรือ[/FONT] [FONT=&quot]นำมาบรรจุเป็นแคปซูลขายในร้านอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับคนที่มีความดันสูง[/FONT] [FONT=&quot]อีกทั้งกลิ่นของกระเทียมยังไม่เป็นที่ชื่นชอบเท่าไร[/FONT] [FONT=&quot]จึงมีบ้างแต่ก็ไม่เยอะเท่าที่ควรที่จะนำกระเทียมมาบริโภคเพื่อแก้หวัด[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

[FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]กระเทียม[/FONT][FONT=&quot]ป้องกันไวรัสจากเชื้อหวัด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ได้มีอะมีโนแอชิดซึ่งจับกับโปรตีนของไวรัสไม่ให้ขยายตัวช่วยลดอาการหวัดและ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ลดไขมันในเลือด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดและยังเหมาะสำหรับคนที่เป็นความดันโลหิต[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]สูงมากๆด้วย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]แก้ไข้หวัด [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ใช้กระเทียมกลีบเล็ก 1 กลีบ หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ใช้ช้อนบี้ให้แตก เติมน้ำร้อนลงไป 1 ถ้วยปิดฝาทิ้งไว้ 5 นาที เติมน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมตามใจชอบ กินวันละ 2 ถ้วย ถ้าอาการหายแล้วให้กินวันละ 1 ถ้วย อีก 3 วัน หรือมากกว่านั้น[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ขับเสมหะ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] ใช้กระเทียม 1 [/FONT][FONT=&quot]–[/FONT][FONT=&quot] 2 กลีบ โขลกให้ละเอียด เติมน้ำส้มสายชูแท้ ประมาณ 2 [/FONT][FONT=&quot]–[/FONT][FONT=&quot] 3 ช้อนแกง คั้นเอาแต่น้ำรับประทานขับเสมหะ หรือจะใช้หัวกระเทียมและเกลือฝนกับน้ำมะนาวใช้กวาด หรือจิบก็ได้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]หลอดลมอักเสบ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ใช้กระเทียมหั่นเป็นชิ้นโต ๆ ลงไปน้ำร้อน 1 แก้ว แล้วต้มให้เดือดช้า ๆ รับประทานแก้หลอดลมอักเสบ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ฟ้าทะลายโจร[/FONT]
[FONT=&quot]ใช้ทานเป็นยาขมเจริญอาหาร และใช้บรรเทาอาการ [/FONT]“[FONT=&quot]หวัดร้อน[/FONT]” [FONT=&quot]ที่มีอาการเหงื่อออก เจ็บคอ กระหายน้ำ ท้องผูก[/FONT] [FONT=&quot]แต่ฟ้าทะลายโจรไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการของ [/FONT]“[FONT=&quot]หวัดเย็น[/FONT]” [FONT=&quot]คือไม่มีเหงื่อ[/FONT] [FONT=&quot]มือเท้าเย็น ปัสสาวะมาก รู้สึกหนาวสะท้าน ยิ่งถ้าทานฟ้าทะลายโจรเข้าไป[/FONT] [FONT=&quot]จะทำให้ยิ่งหนาวสั่น คลื่นไส้ และไม่ควรทาน[/FONT] [FONT=&quot]ฟ้าทะลายโจร เพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ [/FONT]2009 [FONT=&quot]ติดต่อกันเกิน [/FONT]1 [FONT=&quot]สัปดาห์[/FONT] [FONT=&quot]เนื่องจากอาจส่งผลให้ร่างกายโดยเฉพาะ แขนขาไม่มีเรี่ยวแรง[/FONT]
[FONT=&quot]ฟ้าทะลายโจร[/FONT][FONT=&quot] แก้ไข้ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ลดอาการเจ็บคอ[/FONT] [FONT=&quot]และแก้อาการท้องเสียชนิดไม่ติดเชื้อ ใบสดมีประสิทธิผลในการบรรเทาอาการหวัด[/FONT] [FONT=&quot]และต้านการอักเสบแต่มีรสขมไปนิด[/FONT]
[FONT=&quot]ส่วนที่ใช้[/FONT][FONT=&quot] ถ้าเก็บตอนเริ่มมีดอก จะใช้ทั้งต้นบนดิน แต่ถ้าต้นแก่จะใช้เฉพาะใบเท่านั้น ใช้ได้ทั้งใบสดและแห้งซึ่งมีรสขมจัด[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ขนาดและวิธีใช้[/FONT][FONT=&quot] บดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง [/FONT][FONT=&quot]0.8 [/FONT][FONT=&quot]ซม. กินครั้งละ [/FONT][FONT=&quot]3-6 [/FONT][FONT=&quot]เม็ด วันละ[/FONT][FONT=&quot] 3-4 [/FONT][FONT=&quot]ครั้ง ก่อนอาหาร หรือใช้ใบสด [/FONT][FONT=&quot]1-3 [/FONT][FONT=&quot]กำมือ ต้มน้ำดื่มก่อนอาหาร วันละ [/FONT][FONT=&quot]3 [/FONT][FONT=&quot]ครั้ง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ถ้าใช้แก้ไข้เป็นหวัด ปวดหัวตัวร้อน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ใช้ใบและกิ่ง [/FONT][FONT=&quot]1[/FONT][FONT=&quot] กำมือ (แห้งหนัก [/FONT][FONT=&quot]3[/FONT][FONT=&quot] กรัม สดหนัก [/FONT][FONT=&quot]25[/FONT][FONT=&quot] กรัม) ต้มน้ำดื่มก่อนอาหารวันละ [/FONT][FONT=&quot]2[/FONT][FONT=&quot] ครั้ง เช้า-เย็น หรือเวลามีอาการ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ตำรับยาและวิธีใช้ฟ้าทะลายโจร[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] 1.[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ยาชงมีวิธีทำดังนี้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] -[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เอาใบสดหรือแห้งก็ได้ ประมาณ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]5-7[/FONT][FONT=&quot] ใบ แต่ใบสดจะดีกว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] -[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เติมน้ำเดือดลงจนเกือบเต็มแก้ว[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] -[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ปิดฝาทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง หรือพอยาอุ่น แล้วรินเอามาดื่ม ขนาดรับประทาน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ครั้งละ [/FONT][FONT=&quot]1[/FONT][FONT=&quot] แก้ว วันละ [/FONT][FONT=&quot]3-4[/FONT][FONT=&quot] ครั้ง ก่อนอาหาร[/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]ก่อนนอน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]2.[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ยาเม็ด (ลูกกลอน) มีวิธีทำดังนี้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]-[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เด็ดใบสดมาล้างให้สะอาดผึ่งในที่ร่ม ห้ามตากแดด ควรผึ่งในที่มีลมโกรก ใบจะได้แห้งเร็ว[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]-[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]บดเป็นผงให้ละเอียด[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]-[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ปั้นกับน้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม เป็นเม็ดขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลือง (หนัก [/FONT][FONT=&quot]250[/FONT][FONT=&quot] มิลลิกรัม) [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]แล้วผึ่งลมให้แห้ง เพราะถ้าปั้นรับประทานขณะที่ยังเปียกอยู่จะขมมาก ขนาดรับประทานครั้งละ [/FONT][FONT=&quot] 4-10 [/FONT][FONT=&quot]เม็ด วันละ [/FONT][FONT=&quot]3-4 [/FONT][FONT=&quot]ครั้ง ก่อนอาหาร[/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]ก่อนนอน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]3.[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]แค๊ปซูล มีวิธีทำคือ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] แทนที่ผงยาที่ได้จะปั้นเป็นยาเม็ด กลับเอามาใส่ในแค๊ปซูล เพื่อช่วยกลบรสขมของยา แค๊ปซูล ที่ใช้ ขนาดเบอร์ [/FONT][FONT=&quot]2[/FONT][FONT=&quot] (ผงยา [/FONT][FONT=&quot]250[/FONT][FONT=&quot] มิลลิกรัม) ขนาดรับประทานครั้งละ [/FONT][FONT=&quot]3-5[/FONT][FONT=&quot] แค๊ปซูล วันละ [/FONT][FONT=&quot]3-4[/FONT][FONT=&quot] ครั้ง ก่อนอาหาร ก่อนนอน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]4.[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ยาทิงเจอร์หรือยาดองเหล้า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] เอาผงแห้งใส่ขวด แช่สุราที่แรง ๆ เช่น สุราโรง [/FONT][FONT=&quot] 40[/FONT][FONT=&quot] ดีกรี ถ้ามี[/FONT][FONT=&quot] alcohol[/FONT][FONT=&quot] ที่รับประทานได้ ([/FONT][FONT=&quot]Ethyl alcohol[/FONT][FONT=&quot]) จะดีกว่าเหล้า แช่พอให้ท่วมยาขึ้นมาเล็กน้อย ปิดฝาให้แน่น เขย่าขวดวันละ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]1[/FONT][FONT=&quot] ครั้ง พอครบ [/FONT][FONT=&quot]7[/FONT][FONT=&quot] วัน จึงกรองเอาแต่น้ำ เก็บไว้ในขวดให้สะอาดปิดสนิท รับประทานครั้งละ[/FONT][FONT=&quot] 1-2[/FONT][FONT=&quot] ช้อนโต๊ะ (รสขมมาก) วันละ [/FONT][FONT=&quot]3-4[/FONT][FONT=&quot] ครั้ง ก่อนอาหาร[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]5.[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ยาผงใช้สูดดม[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] คือเอายาผงที่บดละเอียด มาใส่ขวดหรือกล่องยา ปิดฝาเขย่าแล้วเปิดฝาออก ผงยาจะเป็นควันลอยออกมา สูดดมควันนั้นเข้าไป ผงยาจะติดที่คอทำให้ยาไปออกฤทธิ์ที่คอโดยตรง ช่วยลดเสมหะ และแก้เจ็บคอได้ดี วิธีที่ดีกว่านี้คือวิธีเป่าคอ กวาดคอ หรือรับประทานยาชง ตรงที่คอจะรู้สึกขมน้อยมาก ไม่ทำให้ขยาดเวลาใช้ ใช้สะดวกและง่ายมาก ประโยชน์ที่น่าจะได้รับเพิ่มก็คือ ผงยาที่เข้าไปทางจมูก อาจจะช่วยลดน้ำมูก และช่วยฆ่าเชื้อที่จมูกด้วย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ขนาดที่ใช้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]สูดดมบ่อย ๆ วันละหลาย ๆ ครั้ง ถ้ารู้สึกคลื่นไส้ให้หยุดยาไปสักพัก จนความรู้สึกนั้นหายไป จึงค่อยสูดใหม่[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ข้อควรรู้เกี่ยวกับตำรับยา[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]สารแอนโดรกราโฟไลด์ ([/FONT][FONT=&quot]Andrographolide[/FONT][FONT=&quot]) สารในต้นฟ้าทะลายโจร ละลายในแอลกอฮอร์ได้ดีมาก ละลายในน้ำได้น้อย ดังนั้นยาทิงเจอร์ หรือยาดองเหล้าฟ้าทะลายโจร จึงมีฤทธิ์แรงที่สุด ยาชงมีฤทธิ์แรงรองลงมา ยาเม็ดมีฤทธิ์อ่อนที่สุด[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ข้อควรระวัง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]บางคนรับประทาน ยาฟ้าทะลายโจร จะเกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย ปวดเอว เวียนหัว แสดงว่าแพ้ยา ให้หยุดยา และเปลี่ยนไปใช้ยาอื่น หรือลดขนาดรับประทานลง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot][FONT=&quot]สมุนไพร [/FONT]9 [FONT=&quot]ชนิดตำรับ "หลวงปู่ทวด" รักษาโรคหวัดตามฤดูกาล[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]นพ[/FONT][FONT=&quot].[/FONT][FONT=&quot]นรา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]นาควัฒนานุกูล[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก[/FONT] [FONT=&quot]กล่าวถึงกรณียาสมุนไพรตำรับหลวงปู่ทวด[/FONT] [FONT=&quot]ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ที่เป็นยาต้มมีสมุนไพรไทย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]9 [FONT=&quot]ชนิด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ว่า[/FONT] [FONT=&quot]ขณะนี้ยังไม่มียาตำรับแพทย์แผนไทยชนิดใดรักษาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]2009 [FONT=&quot]แทนยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]หรือซานามิเวียร์ได้[/FONT] [FONT=&quot]แม้แต่สมุนไพรไทยฟ้าทะลายโจร[/FONT] [FONT=&quot]ก็มีสรรพคุณป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลได้เท่านั้น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]อย่างไรก็ตาม[/FONT] [FONT=&quot]จากการสอบถามไปยังนักวิชาการ[/FONT] [FONT=&quot]และผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรส่วนใหญ่ให้ข้อมูลตรงกันว่า[/FONT] [FONT=&quot]สูตรยาสมุนไพรไทยดังกล่าวมีความปลอดภัย[/FONT] [FONT=&quot]แต่ยังไม่มีรายงานผลการวิจัยทางการแพทย์รองรับอย่างเป็นทางการว่าจะต้องรับ[/FONT] [FONT=&quot]ประทานในปริมาณเท่าใดจึงจะป้องกันไข้หวัดได้[/FONT]
“[FONT=&quot]สมุนไพร[/FONT] [FONT=&quot]สูตรยาต้ม [/FONT][FONT=&quot]ดังกล่าวมีส่วนผสมหลายชนิดที่มีสรรพคุณช่วยลดไข้[/FONT] [FONT=&quot]และเป็นสมุนไพรที่พบได้ในครัวเรือนเพียงเช่น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ฟ้าทะลายโจร[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ลูกใต้ใบ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ขมิ้นชัน[/FONT] [FONT=&quot]ตะไคร้[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ใบมะรุม[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]หัวไพล[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ลูกมะตูม[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ลูกมะขามป้อม[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ส่วนอิฐมอญ[/FONT] [FONT=&quot]ที่หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าทานแล้วอันตรายต่อสุขภาพนั้น[/FONT] [FONT=&quot]ในตำรับสมุนไพรไทยโบราณถือเป็นยาธาตุเย็น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ช่วยลดไข้ได้[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]นอกจากนี้[/FONT] [FONT=&quot]ในสมุนไพรไทยโบราณมักนิยมนำมูลสัตว์[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เช่น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ชะมดเช็ด[/FONT] [FONT=&quot]มาปรุงยาซึ่งสรรพคุณของดินในแพทย์แผนไทย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ถือเป็นยา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]แก้อาการไข้ได้[/FONT]” [FONT=&quot]นพ[/FONT][FONT=&quot].[/FONT][FONT=&quot]นรา[/FONT] [FONT=&quot]กล่าว[/FONT]

MissP · 27 มิถุนายน 2012

[FONT=&quot]โรคตาแดง[/FONT]
[FONT=&quot]โรคตาแดง[/FONT][FONT=&quot]เป็นโรคตาที่พบได้บ่อย[/FONT][FONT=&quot]เป็นการอักเสบของเยื่อบุตา([/FONT]conjuntiva)[FONT=&quot]ที่คลุมหนังตาบนและล่างรวมเยื่อบุตา[/FONT][FONT=&quot]ที่คลุมตาขาว โรคตาแดงอาจจะเป็นแบบเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรัง[/FONT][FONT=&quot]สาเหตุอาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีบ ไวรัส [/FONT]Chlamydia trachomatis [FONT=&quot]ภูมิแพ้[/FONT][FONT=&quot]หรือสัมผัสสารที่เป็นพิษต่อตา[/FONT][FONT=&quot]สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส มักจะติดต่อทางมือ[/FONT][FONT=&quot]ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวโดยมากใช้เวลาหาย [/FONT]2 [FONT=&quot]สัปดาห์[/FONT][FONT=&quot]ตาแดงจากโรคภูมิแพ้มักจะเป็นตาแดงเรื้อรัง มีการอักเสบของหนังตา ตาแห้ง[/FONT][FONT=&quot]การใช้[/FONT]contact lens [FONT=&quot]หรือน้ำยาล้างตาก็เป็นสาเหตุของตาแดงเรื้อรัง[/FONT]
[FONT=&quot]ยาแก้ตาแดง[/FONT][FONT=&quot]ตาเจ็บ[/FONT]
[FONT=&quot]เรื่องของตาสำคัญมาก[/FONT][FONT=&quot]ตาแดง[/FONT][FONT=&quot]ตาเจ็บ[/FONT][FONT=&quot]เป็นการทรมานทีเดียว เพราะเกิดอาการระคายเคืองมากนั่นเองมองอะไรก็ไม่ถนัดนัก[/FONT]
[FONT=&quot]แต่ยาไทยก็แก้ปัญหานี้ได้เสมอ[/FONT][FONT=&quot]ดังนี้[/FONT]
[FONT=&quot]เอาใบกะเม็งทั้ง [/FONT][FONT=&quot]5[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]ชนิดดอกขาว)[/FONT][FONT=&quot]มาประมาณ [/FONT][FONT=&quot]1 [/FONT][FONT=&quot]กำมือ[/FONT][FONT=&quot]ล้างให้สะอาด[/FONT][FONT=&quot]ใส่หม้อเอาน้ำใส่พอท่วม[/FONT][FONT=&quot]ต้มทันที[/FONT][FONT=&quot]ใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป[/FONT][FONT=&quot]พอออกหวานเล็กน้อยก็พอแล้ว[/FONT]
[FONT=&quot]ต้มยานี้ให้เดือดประมาณ [/FONT][FONT=&quot]15 [/FONT][FONT=&quot]นาที[/FONT][FONT=&quot]รินเอาน้ำมาดื่มคราวละ [/FONT][FONT=&quot]1 [/FONT][FONT=&quot]แก้ว[/FONT][FONT=&quot]วันละ [/FONT][FONT=&quot]3-4 [/FONT][FONT=&quot]ครั้ง[/FONT][FONT=&quot]อาการของโรคก็ทุเลาลงเรื่อยๆ หายไปได้[/FONT]
[FONT=&quot]อีกอย่างหนึ่ง[/FONT][FONT=&quot]เอากะเม็งทั้ง [/FONT][FONT=&quot]5 [/FONT][FONT=&quot]มาล้างสะอาด[/FONT][FONT=&quot]โขลกแล้วคั้นเอาแต่น้ำใส่ขวดแช่ในตู้เย็นไว้เย็นพอสมควรก็เอา[/FONT][FONT=&quot]สำลีชุบน้ำยาปิดตาเอาไว้เปลี่ยนไปเรื่อยๆ[/FONT][FONT=&quot]ทำเช่นนี้สัก [/FONT][FONT=&quot]5-10 [/FONT][FONT=&quot]ครั้ง[/FONT][FONT=&quot]อาการจะทุเลาลงมากและหายไปได้ในที่สุด[/FONT]

[FONT=&quot]ยาแก้ตาแดง[/FONT][FONT=&quot]ตามัว[/FONT][FONT=&quot]เคืองตา[/FONT]
[FONT=&quot]ตัวยาสำคัญมีดังต่อไปนี้ คือ[/FONT]

[FONT=&quot]เอาน้ำใน [/FONT][FONT=&quot]เถาตำลึงตัวผู้ [/FONT][FONT=&quot]มาหยอดลงไปในดวงตาที่เจ็บวันละ [/FONT][FONT=&quot]3-4 [/FONT][FONT=&quot]ครั้ง[/FONT][FONT=&quot]อาการเจ็บตา[/FONT][FONT=&quot]เคืองตา[/FONT][FONT=&quot]หรือตามืดมัว[/FONT][FONT=&quot]จะหายไปได้วันเดียวเท่านั้นเอง[/FONT]
[FONT=&quot]ข้อสำคัญจะต้องล้างทำความสะอาดเสียก่อน[/FONT][FONT=&quot]แล้วก็จะต้องเป็นเถาตำลึงตัวผู้เท่านั้นด้วย[/FONT]
[FONT=&quot]ใช้ ฮว่านง็อก[/FONT] (HUAN-NGOC) [FONT=&quot]หรือ ต้นพญาวานร[/FONT][FONT=&quot] รับประทาน [/FONT]7 [FONT=&quot]ใบ และบด [/FONT]3 [FONT=&quot]ใบ ปิดที่ตา เวลานอน [/FONT]1 [FONT=&quot]คืน โรคตาแดงจะหาย[/FONT]

MissP · 27 มิถุนายน 2012

[FONT=&quot]โรคอุจจาระร่วง[/FONT]
[FONT=&quot]โรคอุจจาระร่วง[/FONT] [FONT=&quot]หมาย[/FONT] [FONT=&quot]ถึง ภาวะที่มีการถ่ายอุจจาระเหลว จำนวน [/FONT]3 [FONT=&quot]ครั้งต่อกันหรือมากกว่า[/FONT] [FONT=&quot]หรือถ่ายเป็นน้ำมากกว่า [/FONT]1 [FONT=&quot]ครั้ง ใน [/FONT]1 [FONT=&quot]วัน[/FONT] [FONT=&quot]หรือถ่ายเป็นมูกหรือปนเลือดอย่างน้อย [/FONT]1 [FONT=&quot]ครั้ง[/FONT] [FONT=&quot]สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อในลำไส้จากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว[/FONT] [FONT=&quot]ปรสิตและหนอนพยาธิ สถานีอนามัย[/FONT] [FONT=&quot]โรงพยาบาลชุมชนในประเทศไทยมักจะหาสาเหตุของเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดอาการ[/FONT] [FONT=&quot]อุจจาระร่วงไม่ได้ ก็จะให้การวินิจฉัยจากอาการ[/FONT] [FONT=&quot]อาการแสดงและลักษณะอุจจาระได้แก่ บิด ([/FONT]Dysentery) [FONT=&quot]อาหารเป็นพิษ ([/FONT]Food poisoning) [FONT=&quot]ไข้ทัยฟอยด์ ([/FONT]Typhoid fever) [FONT=&quot]เป็นต้น[/FONT] [FONT=&quot]ในกรณีที่มีอาการของโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันไม่ใช่โรคดังกล่าวข้างต้น[/FONT] [FONT=&quot]และอาการไม่เกิน [/FONT]14 [FONT=&quot]วัน ก็จะรายงานเป็นโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน ([/FONT]Acute diarrhea)
[FONT=&quot]สมุนไพรที่ใช้แก้อาการท้องเสีย[/FONT][FONT=&quot] จะ[/FONT][FONT=&quot]มีส่วนประกอบที่สำคัญคือ สารแทนนิน ([/FONT]Tannin) [FONT=&quot]ที่มีฤทธิ์ฝาดสมานที่ช่วยยับยั้งการ[/FONT][FONT=&quot]เจริญเติบโตของเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของ[/FONT] [FONT=&quot]อาการท้องเสียเช่น [/FONT]Escherichia Coli.[FONT=&quot]นอกจากกล้วยน้ำว้า[/FONT] [FONT=&quot]ทับทิมและฝรั่งแล้วยังมีสมุนไพรที่ใช้แก้อาการท้องเสียได้ดีไม่แพ้กันนั่น[/FONT] [FONT=&quot]คือ สมุนไพรฟ้าทะลายโจรและมังคุด[/FONT] [FONT=&quot]โดยเฉพาะสมุนไพรฟ้าทะลายโจรสามารถทำเป็นยาแก้ท้องเสียได้หลายแบบทั้งเป็นยา[/FONT] [FONT=&quot]ลูกกลอน ยาดองเหล้าหรือบรรจุแคปซูล[/FONT]
[FONT=&quot]สมุนไพรฟ้าทะลายโจร ([/FONT][FONT=&quot]Kariyat,Creat)[/FONT] [FONT=&quot]มีคุณสมบัติใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย โรคอุจจาระร่วงและบิดไม่มีตัว[/FONT] [FONT=&quot]วิธีการเตรียมสมุนไพรฟ้าทะลายโจรแบบที่ [/FONT]1 [FONT=&quot]คือการทำเป็นยาลูกกลอน[/FONT] [FONT=&quot]ให้นำใบฟ้าทะลายโจร(สด) มาล้างให้สะอาด ตากแดดทิ้งไว้ให้แห้ง[/FONT] [FONT=&quot]จากนั้นนำไปบดให้ละเอียดแล้วผสมน้ำผึ้งลงไปให้พอปั้นเป็นยาลูกกลอนขนาดเม็ด[/FONT] [FONT=&quot]เท่าปลายนิ้วก้อย ใช้กินก่อนอาหารครั้งละ [/FONT]3-4 [FONT=&quot]เม็ด วันละ [/FONT]4 [FONT=&quot]ครั้ง(เช้า-กลางวัน-เย็น-ก่อนนอน)[/FONT]
[FONT=&quot]การเตรียมสมุนไพรฟ้าทะลายโจร [/FONT][FONT=&quot]แบบ[/FONT][FONT=&quot]ที่ [/FONT]2 [FONT=&quot]คือการดองด้วยเหล้าขาว[/FONT] [FONT=&quot]โดยใช้ใบฟ้าทะลายโจรที่ล้างและตากแดดจนแห้งแล้ว[/FONT] [FONT=&quot]ใส่ขวดโหลแล้วเติมเหล้าขาวให้พอท่วมยาเล็กน้อย ทิ้งไว้จนครบ [/FONT]1 [FONT=&quot]อาทิตย์(ให้คนยาวันละครั้ง) แล้วกรองเอาแต่ส่วนที่เป็นน้ำมากินครั้งละ [/FONT]2 [FONT=&quot]ช้อนโต๊ะ ก่อนอาหาร[/FONT] [FONT=&quot]ส่วนสมุนไพรฟ้าทะลายโจรแบบที่ [/FONT]3 [FONT=&quot]คือแบบบรรจุเป็นเม็ดแคปซูล[/FONT] [FONT=&quot]โดยนำใบและลำต้นฟ้าทะลายโจรมาล้างและตากแดดให้แห้งแล้วบดให้ละเอียดเป็นผง[/FONT] [FONT=&quot]จากนั้นบรรจุในแคปซูล ใช้รักษาอาการท้องเสียโดยกินครั้งละ [/FONT]2 [FONT=&quot]เม็ด วันละ [/FONT]2-3 [FONT=&quot]ครั้ง [/FONT][FONT=&quot]ชาว[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]จีนใช้ฟ้าทะลายเป็นยามาแต่โบราณ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]และมาเป็นที่นิยมใช้ในปะเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]โดยใช้เฉพาะใบหรือทั้งต้นบนดินซึ่งเก็บก่อนที่จะมีดอกเป็นยาแก้เจ็บคอ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]แก้[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ท้องเสีย แก้ไข้ เป็นยาขมเจริญอาหาร[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]การศึกษาฤทธิ์ลดไข้ในสัตว์ทดลองพบว่าสารสกัดแอลกอฮอล์มีแนวโน้มลดไข้ได้[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]รายงานการใช้รักษาโรคอุจจาระร่วงและบิดไม่มีตัว[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]แสดงว่าฟ้าทะลายมีประสิทธิภาพในการรักษาเท่ากับเตตราซัยคลิน[/FONT]
[FONT=&quot]ถ้าใช้แก้ท้องเสีย ท้องเดิน เป็นบิดมีไข้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ใช้ทั้งต้นหรือส่วนทั้ง[/FONT][FONT=&quot] 5 [/FONT][FONT=&quot]ของฟ้าทะลายโจร ผึ่งลมให้แห้ง หั่นชิ้นเล็ก ๆ ประมาณ [/FONT][FONT=&quot]1[/FONT][FONT=&quot] กำมือ [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot](หนักประมาณ [/FONT][FONT=&quot]3-9[/FONT][FONT=&quot] กรัม) [/FONT][FONT=&quot]ต้มน้ำดื่มก่อนอาหารวันละ [/FONT]3 [FONT=&quot]ครั้ง[/FONT] [FONT=&quot]สำหรับผงฟ้าทะลายที่บรรจุแคปซูลๆละ [/FONT]500 [FONT=&quot]มิลลิกรัม ให้กินครั้งละ [/FONT]2 [FONT=&quot]เม็ด[/FONT] [FONT=&quot]วันละ [/FONT]2-3 [FONT=&quot]ครั้ง ก่อนอาหารเช้า กลางวันและเย็น หยุดยาเมื่อหยุดถ่าย[/FONT] [FONT=&quot]อาจใช้ในรูปผงละลายน้ำหรือปั้นเป็นลูกกลอนก็ได้[/FONT] [FONT=&quot]โดยคำนวณจากจำนวนเม็ดให้ได้ปริมาณยาตามที่กำหนด อาการข้างเคียงที่อาจพบ คือ[/FONT] [FONT=&quot]คลื่นไส้ อาเจียนเป็นน้ำใส ไม่สบายในท้อง ถ้าเป็นมากให้หยุดยา[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจร [/FONT][FONT=&quot]คือ[/FONT] [FONT=&quot]การมีฤทธิ์ลดความดันเลือดจึงไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่มีความดันต่ำ[/FONT] [FONT=&quot]ยาสมุนไพรแก้ท้องเสียที่เป็นยาลูกกลอนหรือยาดองเหล้าไม่ควรเก็บไว้นานเกิน [/FONT]3 [FONT=&quot]เดือนและการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรอาจเกิดอาการข้างเคียงได้(แต่น้อยมาก)[/FONT] [FONT=&quot]เช่น อาเจียนเป็นน้ำใส ไม่สบายท้อง ปวดท้อง ปวดหัว ปวดเอว[/FONT] [FONT=&quot]หากเกิดอาการเหล่านี้ควรหยุดใช้ยาสมุนไพรทันที.[/FONT]
[FONT=&quot]การใช้มังคุด ([/FONT][FONT=&quot]Mangosteen)[/FONT] [FONT=&quot]ที่เป็นเปลือกผลแห้งเป็นสมุนไพรรักษาอาการท้องเสีย[/FONT] [FONT=&quot]เปลือกมังคุดจะมีรสฝาด(มีสารแทนนิน)ให้นำเปลือกมังคุดตากแดดให้แห้ง(น้ำหนักประมาณ 4 กรัม) แล้วนำมา[/FONT] [FONT=&quot]ต้มกับน้ำปูนใสหรือฝนกับน้ำต้มสุกก็ได้[/FONT] [FONT=&quot]หากต้องการใช้เปลือกมังคุดบรรเทาอาการบิดคือ ปวดเบ่งและมีมูก[/FONT] [FONT=&quot]บางทีอาจมีเลือดปนออกมากับอุจจาระด้วย[/FONT] [FONT=&quot]ให้ใช้เปลือกมังคุดแห้งประมาณครึ่งลูกไปย่างไฟให้เกรียมแล้วฝนกับน้ำปูนใส[/FONT] [FONT=&quot]ประมาณครึ่งแก้ว ใช้ดื่มทุก [/FONT]2 [FONT=&quot]ชั่วโมงแก้อาการปวดบิดได้[/FONT]
[FONT=&quot]กล้วยน้ำว้า ([/FONT][FONT=&quot]Banana)[/FONT] [FONT=&quot]สมุนไพรที่รักษาอาการท้องเสีย ส่วนที่ใช้คือผลดิบ[/FONT] [FONT=&quot]ผลกล้วยน้ำว้าดิบจะมีรสฝาด[/FONT] [FONT=&quot]วิธีการเตรียมกล้วยน้ำว้าเพื่อใช้แก้อาการท้องเสียให้[/FONT][FONT=&quot]รับประทานผลดิบสดครั้งละครึ่งถึง [/FONT]1 [FONT=&quot]ผล หรือใช้[/FONT][FONT=&quot]กล้วยน้ำว้าที่เป็น[/FONT] [FONT=&quot]ผลดิบมาหั่นเป็นชิ้นบางๆแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง[/FONT] [FONT=&quot]จากนั้นบดให้เป็นผงแป้งเก็บไว้ใช้ชงดื่มแก้อาการท้องเสียโดยใช้ผงกล้วย[/FONT] [FONT=&quot]น้ำว้า [/FONT]1-2 [FONT=&quot]ช้อนโต๊ะชงกับน้ำร้อนในอัตราส่วนที่เท่ากันคือ [/FONT]1:1 [FONT=&quot]แล้วดื่มแก้อาการท้องเสีย[/FONT] [FONT=&quot]บางคนอาจเติมน้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อช่วยให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น[/FONT]
[FONT=&quot]ทับทิม ([/FONT][FONT=&quot]Pomegranate)[/FONT] [FONT=&quot]เป็นสมุนไพรที่ช่วยรักษาอาการท้องเสียอีกชนิดหนึ่ง[/FONT] [FONT=&quot]ส่วนของทับทิมที่นำมาใช้คือ เปลือกของผลแห้ง (ผลที่แก่จนแห้ง)จะมีรสชาติฝาดเฝื่อน[/FONT] [FONT=&quot]วิธีการเตรียมให้ใช้เปลือกของผลทับทิมแห้งประมาณหนึ่งในสี่ผล([/FONT]1/4 [FONT=&quot]ของผล) [/FONT][FONT=&quot]แล้วนำมาฝนกับ[/FONT] [FONT=&quot]น้ำปูนใสหรือน้ำฝน กินแก้อาการท้องเสียครั้งละ [/FONT]1-2 [FONT=&quot]ช้อนแกง[/FONT] [FONT=&quot]หรือใช้ครั้งละ [/FONT]3-5 [FONT=&quot]กรัม ต้มน้ำดื่ม วันละ [/FONT]2[FONT=&quot]ครั้ง เช้า-เย็น [/FONT][FONT=&quot]นอกจากนี้ทับทิมยังเป็นผลไม้ที่กินสดๆได้จะมีรสเปรี้ยวอมหวาน มีวิตามินซี[/FONT] [FONT=&quot]เกลือแร่ต่างๆ ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันได้[/FONT]
[FONT=&quot][/FONT][FONT=&quot]ฝรั่ง ([/FONT][FONT=&quot]Guava)[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เป็นสมุนไพรอีกชนิดที่รักษาอาการท้องเสียได้ดี ส่วนที่นำมาใช้คือ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ใบและผลดิบ โดยเฉพาะในผลดิบจะมีสารแทนนิน ([/FONT][FONT=&quot]Tannin) [/FONT][FONT=&quot]วิตามินซี แคลเซียม ฯลฯ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]วิธีการเตรียมให้ใช้ใบฝรั่งแก่ [/FONT][FONT=&quot]10-15 [/FONT][FONT=&quot]ใบ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]นำไปย่างไฟให้กรอบแล้วชงกับน้ำร้อนดื่มหรือต้มน้ำดื่ม 1 แก้ว เหยาะเกลือเล็กน้อยดื่มต่างน้ำ แก้อาการท้องเสียหรืออีกวิธีหนึ่งคือใช้ผล[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ฝรั่งอ่อน [/FONT][FONT=&quot]1 [/FONT][FONT=&quot]ผล ฝนกับน้ำปูนใสใช้ดื่มแก้อาการท้องเสียได้ดีเช่นกัน[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]หากผู้ป่วยสูญเสียน้ำออกจากร่างกายทางอุจจาระมาก[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ควรให้ดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]การเตรียมน้ำเกลือแร่เองทำได้โดย ต้มน้ำสะอาด [/FONT][FONT=&quot]1 [/FONT][FONT=&quot]ลิตรให้เดือดแล้วใส่น้ำตาลทราย [/FONT][FONT=&quot]2 [/FONT][FONT=&quot]ช้อนโต๊ะ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เกลือป่นครึ่งช้อนชาแล้วต้มให้เดือดสักครู่[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วให้ผู้ป่วยใช้ดื่มแทนน้ำจะช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำที่ถูก[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ขับออกไปจากร่างกายได้.[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT]

tanakorn_ss · 5 กรกฎาคม 2012

ขอเชิญดาวน์โหลด คู่มือน้ำท่วม

tanakorn_ss · 7 กันยายน 2012

ฝนกระหน่ำกรุงน้ำท่วมขังหลายจุดรถติดหนัก

กบอ.ยกเลิกซ้อมระบายน้ำ 7 ก.ย.แล้ว เหตุน้ำท่วมขังหลายจุด

ล่าสุด เมื่อเวลา 23.00 น. กบอ.ประเมินร่วมกับกทม.และปภ. ประกาศยกเลิกการทดสอบระบบระบายน้ำฝั่งตะวันออกวันที่ 7 ก.ย.นี้ออกไปก่อน หลังพบน้ำท่วมขังหลายจุดในเขตสายไหม บางเขน ลาดพร้าว
______________________________________________________________________
ฝนกระหน่ำกรุง ตั้งแต่เย็น ติดต่อนานกว่า 3 ชั่วโมง ปริมาณสูงสุดที่สะพานสูง ท่วมขังหลายจุด ขณะที่สำนักการระบายน้ำ กทม. เร่งไล่น้ำตามหมู่บ้าน ชุมชน พื้นที่ต่ำทำน้ำขัง
สำนักการระบายน้ำ กทม. แจ้งสภาพฝนที่ตกกระหน่ำทั่วกรุงเทพ ตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา ว่า พื้นที่ฝั่งพระนคร มีฝนอ่อนปกคลุมโดยทั่วไป ฝนตกตั้งแต่ช่วงเย็น รวม 3 ชั่วโมง 15 นาที สูงสุดที่เขตสะพานสูง 104.5 ม.ม. ฝนปานกลาง เขตจตุจักร ลาดพร้าว บึงกุ่ม บางซื่อ และฝนอ่อนปกคลุมโดยทั่วไปของฝั่งพระนคร แนวโน้มเริ่มลดลง
ทั้งนี้ ฝนที่ต่อลงมาต่อเนื่องเป็นเวลานาน ยังส่งผลให้มีน้ำท่วมขังในหลายจุด อาทิ ถ.พหลโยธิน ขาออก ช่วงแยกเสนา มีน้ำท่วมขัง ทำให้รถติด ถ.ศรีนครินทร์ ช่วงแยกกรุงเทพกรีฑา ทั้งสองฝั่ง น้ำสูง 5-10 ซ.ม. ทั้ง 2 ช่องจราจร แยกกรุงเทพกรีฑามุ่งหน้าแยกลำสาลีรถติดหนัก น้ำท่วมเลยฟุตบาท วงเวียนหลักสี่เข้ารามอินทราเลนซ้ายสุดน้ำนองเสมอฟุตบาท และบริเวณถนนงามวงศ์วาน ทำให้รถติดขัดอย่างหนักหลายเส้นทาง
ด้านนายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กล่าวถึง สถานการณ์น้ำท่วมหลายจุด หลังฝนตกหนักทั่วกรุงเทพฯ ติดต่อกันนานหลายชั่วโมง ว่า สาเหตุเกิดจากฝนตกหนักเป็นเวลานาน เกินกว่า 100 ม.ม. หลายจุด กำลังสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำเนื่องจาก มีน้ำท่วมขังจุดต่างๆ จุดที่มีปัญหาตามหมู่บ้าน และชุมชน ย่านคันนายาว สวนสน ศรีนครินทร์ โคกยอ และกรุงเทพกรีฑา เนื่องจาก เป็นสถานที่ต่ำ ทำให้น้ำท่วมขังได้ง่าย จึงต้องรีบระบายออก

ขอบคุณภาพจากชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กทุกท่าน

22.14 น. บริเวณพงษ์เพชร งามวงศ์วาน

22.26 น. บริเวณแยกวังหิน

22.30 น. ทางเข้าม.นักกีฬา

22.00 น. บริเวณลาดพร้าว 112

21.30 น. หน้าห้างเอสพลานาดแคราย

21.37 น. บริเวณซอยโชคชัยสี่ 39

21.54น. ปากทางลำลูกกา

..............................<wbr>..............................<wbr>..............................<wbr>..............................<wbr>......<wbr>

เชิญคลิกชม อานิสงส์ไม่สิ้นสุด เชิญร่วมบุญเป็นเจ้าภาพสร้<wbr>างพระประธานหินทรายขาว หน้าตัก1.5ม. สูง2ม

เชิญคลิกชม บุญใหญ่อานิสงส์ไม่มีประมาณ ขอเชิญร่วมบุญสร้างบันได กราบรอยพระพุทธบาท วัดลำจังหัน จ.เพชรบูรณ์

marine24 · 7 กันยายน 2012

เมื่อวานฝนตก ชม.เดียว ตรงทางลงทางด่วนโทลเวย์ในช่องทางคู่ขนาน เลนซ้ายสุดน้ำท่วมครึ่งล้อรถยนต์ ระบบระบายไม่ทัน ถ้าฝนตกมา 2 น้ำท่วมถึงช่องทางด่วนแน่

tanakorn_ss · 10 กันยายน 2012

marine24 said: ↑

เมื่อวานฝนตก ชม.เดียว ตรงทางลงทางด่วนโทลเวย์ในช่องทางคู่ขนาน เลนซ้ายสุดน้ำท่วมครึ่งล้อรถยนต์ ระบบระบายไม่ทัน ถ้าฝนตกมา 2 น้ำท่วมถึงช่องทางด่วนแน่
Click to expand...

เตรียมความพร้อมไว้ที่พอจะทำได้ เตรียมความพร้อมด้วยตนเองดีที่สุดครับ เพราะทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน

คำสอนหลวงปู่ทวด
พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์

..............................<WBR>..............................<WBR>..............................<WBR>..............................<WBR>......<WBR>

เชิญคลิกชม อานิสงส์ไม่สิ้นสุด เชิญร่วมบุญเป็นเจ้าภาพสร้<WBR>างพระประธานหินทรายขาว หน้าตัก1.5ม. สูง2ม

เชิญคลิกชม บุญใหญ่อานิสงส์ไม่มีประมาณ ขอเชิญร่วมบุญสร้างบันได กราบรอยพระพุทธบาท วัดลำจังหัน จ.เพชรบูรณ์

tanakorn_ss · 11 กันยายน 2012

สัญญาณเตือน! ที่ไม่ควรประมาท
อะไรก็เกิดขึ้นได้
เตรียมความพร้อมไว้ก่อนด้วยตนเองเสมอ

ชลประทาน 12 เตือน!!
พื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาระวังน้ำท่วม

นายฎรงค์กร สมตน ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 12 ออกประกาศแจ้งเตือน ครั้งที่ 12 ว่า จากฝนตกที่หนักในลุ่มแม่น้ำปิง จ.กำแพงเพชร และตาก เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และ พระนครศรีอยุธยาคาดว่าจากนี้อีก 3 วัน จะมีน้ำไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ ในเกณฑ์ 1,800-2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาบริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี และชัยนาท เพิ่มสูงขึ้น สำนักชลประทานที่ 12 จะบริหารจัดการน้ำหลากเข้าระบบชลประทานให้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ในเกณฑ์ 1,600-1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มใน บริเวณ จ.ชัยนาท สิงห์บุรีอ่างทอง พระนครศรีอยุธยา มีระดับสูงขึ้นประมาณ 50-100 เซนติเมตรจึงขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำเสี่ยงต่อน้ำล้นตลิ่งริมแม่ น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และ พระนครศรีอยุธยาเตรียมรับระดับน้ำที่สูงขึ้น และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและสอบถามสถานการณ์น้ำได้ที่ สำนักชลประทาน หมายเลขโทรศัพท์ 0-5640-5012

จับตาเที่ยงนี้! อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล และอำเภอเสนา จังหวัดอยุธยา เสี่ยงน้ำท่วม ประกาศเตือนเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมให้ขนของขึ้นที่สูง

วานนี้ (9 กันยายน) นายไมตรี ปิตินานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานโครงการชลประทานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้น้ำจากนครสวรรค์ระบายอยู่ที่ปริมาณ 1,500-1,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากที่ผ่านมา จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.พิษณุโลก มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงเกิดน้ำป่าไหลหลาก

ทั้งนี้ คาดว่าน้ำจะไหลลงมาถึงเขื่อนเจ้าพระยาช่วงเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 9 กันยายน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มด้านตะวันตกของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เช่น อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล และอำเภอเสนา ในเวลาเที่ยงวันของวันที่ 10 กันยายน โดยน้ำจะระบายอยู่ที่ 1,600 -1,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้น้ำในตลิ่งเพิ่มสูงขึ้น 40 - 50 เซนติเมตร

อย่างไรก็ตาม นายไมตรี ได้กล่าวเตือนประชาชนที่อยู่ใน 3 อำเภอดังกล่าวว่า ให้เฝ้าระวังเหตุการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง และพร้อมเตรียมขนย้ายสิ่งของเอาไว้บนที่สูงด้วย และหากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะทำการแจ้งให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ndwc.go.th หรือสายด่วนเตือนภัย 192 ตลอด 24 ชั่วโมง

ลำปาง ประกาศ 81 ตำบล 7 อำเภอ เป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว
นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ลงนามประกาศให้ 81 ตำบล ใน 7 อำเภอของ จ.ลำปาง ได้แก่ อ.เมืองฯ แม่เมาะ แม่ทะ เมืองปาน วังเหนือ งาว และแจ้ห่ม ให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว หลังเกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3-4 กันยายน เป็นต้นมา โดยมีบ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ 6,112 ครัวเรือน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 15,811 คน

หน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครลำปาง แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่สองฝั่งแม่น้ำวังในเขตเมืองลำปาง คอยติดตามข่าวสารและการแจ้งเตือนของหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด และให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นหลังเขื่อนกิ่วลมยังคงปล่อยน้ำออกจาก เขื่อนลงแม่น้ำวัง จำนวน 133.452 ลบ.ม./วินาที ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวยังไม่รวมน้ำที่ไหลลงมาสมทบ จากแม่น้ำสาขาและลำห้วยต่าง ๆ ที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องในขณะนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านบ้านปง ม.1 ต.บ้านแลง อ.เมืองฯ จ.ลำปาง กว่า 30 คน ได้ช่วยนำหลักหมุดไม้มาช่วยกันปักบริเวณริมตลิ่งภายในหมู่บ้านความยาวประมาณ 50 เมตร โดยปักเป็นสามชั้นตลอดแนวโค้งของทางน้ำที่เซาะตลิ่งจนได้รับความเสียหาย โดยกระแสน้ำป่าจากภูเขาที่ไหลลงมาตามแม่น้ำแม่มายอย่างแรง ทำให้ตลิ่งถูกกัดเซาะจนดินริมตลิ่งทรุดตัวจนถึงห้องน้ำซึ่งติดกับตัวบ้านของ นายจรัญ แก้วหล้า เลขที่ 292 ม.1 บ้านปง จนต้องเร่งรื้อหลังคาบริเวณห้องน้ำและห้องครัวและย้ายข้าวของออก พร้อมกับเร่งปักหมุดไม้เพื่อกั้นความแรงของกระแสน้ำเพื่อไม่ให้กระแสน้ำเซาะ เข้ามาในบ้านเพิ่มเติมจนถึงตัวบ้านได้

ทั้งนี้ ในวันที่ 10 กันยายน เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะนำเครื่องจักรเข้ามาปรับพื้นที่ เพื่อเปลี่ยนกระแสน้ำไม่ให้ไหลเข้าทางบ้านของชาวบ้าน ซึ่งอยู่ตรงกับกระแสน้ำประมาณ 5 หลังคาเรือนในขณะนี้ พร้อมทั้งจะนำหินทรายเข้ามาถมพื้นที่ที่ถูกน้ำกัดเซาะเพื่อป้องกันไม่ให้ดิน สไลด์เพิ่มเติมอีก

อุตรดิตถ์ เฝ้าระวังดินถล่มอย่างต่อเนื่อง
นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ออกประกาศให้ อ.ลับแล และ อ.เมืองฯ จ.อุตรดิตถ์ เป็นเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินอุทกภัย หลังพบปริมาณฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน วัดได้ 100 มิลลิเมตร พร้อมให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากน้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่มต่อไปอีกจนถึงวันที่ 11 กันยายน นี้

โดยนายเฉลิมชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ลับแล และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ออกสำรวจความเสียหายพื้นที่นาข้าวและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเฉพาะบ้านหัวร้อง หมู่ 4, บ้านต้นม่วงใต้ หมู่ที่ 12 ต.ฝายหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ น้ำป่าได้ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของราษฎรได้รับความเสียหายจำนวนหลายครัว เรือน ชาวบ้านต่างช่วยกันเร่งเก็บสิ่งของทรัพย์สินไว้ที่สูง

นอกจากนี้ ปริมาณน้ำป่าไหลจากภูเขาหลากลงสู่ห้วยน้ำไคร้ ทะลักท่วมผิวจราจรสูงกว่า 30 เซนติเมตร ที่หลักกิโลเมตร 120 ถนนทางหลวงหมายเลข 11 (สายเอเชีย) เด่นชัย-อุตรดิตถ์ ทั้งทางเข้าและขาออกเมืองอุตรดิตถ์ บริเวณหมู่ 5 บ้านแม่เฉย ตำบลบ้านด่านนาขาม อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอุตรดิตถ์ แขวงการทางอุตรดิตถ์ ระดมทั้งป้าย สัญญาณไฟไซเรน อาสาสมัครกู้ภัยวัดหมอนไม้ ตั้งจุดแจ้งเตือนประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนสายดังกล่าว แต่ยังคงเปิดให้สัญจรตามปกติ เพียงขอความร่วมมือลดความเร็วและเพิ่มความระมัดระวัง

ส่วนน้ำป่าจากห้วยน้ำไคร้ ยังทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านหมู่ 9 บ้านห้วยไคร้ และหมู่ 5 บ้านแม่เฉย โดยเฉพาะที่หมู่ 9 บ้านห้วยไคร้ กระแสน้ำยังกัดเซาะถนน และ สะพานในหมู่บ้านทรุดตัว ปริมาณน้ำฝนที่สะสมอยู่ในภูเขาเกิดการสไลด์ลงมาทับถนนในหมู่บ้านหลายจุด ชาวบ้านต้องเร่งเปิดเส้นทางการสัญจร

ชาวนาน่านโอด น้ำท่วมพื้นที่การเกษตรเสียหายอื้อ
จากภาวะฝนตกติดต่อกันหลายวันที่ จ.น่าน ส่งผลให้เกิดน้ำป่าหลากพื้นที่การเกษตรที่บ้านนาทะนุง หมู่ 3 ต.นาทะนุง อ.นาหมื่น จ.น่าน และได้ส่งผลให้ระดับน้ำในลำห้วยทราย ห้วยน้ำกึ๋น และห้วยตาเขื่อง มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น และไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้านนาตอง หมู่ 7 ต.นาทะนุง โดยระดับน้ำสูงกว่า 1.2 เมตร

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

ข่าวน้ำท่วม 2555

springnewstv.tv

......

kiatp123 · 11 กันยายน 2012

ข้อมูลเตรียมพรัอมรับมือสถานการณ์ภัยน้ำท่วม

ไฟล์ที่แนบมา:

ไฟล์ที่แนบมา:

ไฟล์ที่แนบมา:

ไฟล์ที่แนบมา:

ไฟล์ที่แนบมา:

ไฟล์ที่แนบมา:

ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา