ความเข้าใจผิดๆ เรื่องจิต จิตไมใช่วิญญาณขันธ์ และวิญญาณขันธ์ก็ไม่ใช่จิต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 10 กรกฎาคม 2009.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ไม่ฉลาดเลย ที่คิดแบบนั้น

    เคยเห็นคนทำอะไรไม่สุดส่วนแล้ว สรุปไหม

    เขาจะสรุปว่า เขาไม่ได้อะไรเลยในสิ่งที่เขาทำมา

    แต่คนฉลาด เขาจะเห็นว่า เขายังไม่ไม่สุดส่วน และ สิ่งที่เขาได้ระหว่างทางนั้นมีคุณค่าเต็มไปหมด

    ไม่ใช่ไปพูดว่า บังคับลูกไม่ได้ ก็ลูกมันมีกิเลสนี่

    แต่ลองฝึกลูกให้ดีสิ อะไรเป็นธรรม ไม่จำเป็นต้องบังคับ

    แรกๆ ก็ต้องฝืน ต้องบังคับ แต่เมื่อถึงจุดแล้ว มันจะไปได้ตามส่วนตามสัด

    คนขับรถ ตอนแรกก็ต้องฝึก แต่พอขับเป็นแล้วจะไปฝึกมันอีกไหม
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ศาสนาไม่เสื่อมหรอก คนที่เสื่อมนะคือคนที่เข้าใจคำสอนศาสนาพุทธผิด
    คนที่ไม่เข้าใจขันธ์5 ไม่เคยเห็นขันธ์5ตามจริง คนที่ไม่รู้กิเลสตามจริง
    คนที่เห็นขันธ์5 เที่ยงนั่นแหละ คือคนที่เสื่อมจากศาสนาพุทธ
    ยึดกิเลสยึดขันธ์ เป็นตนอยู่แต่บอกว่าเห็นธรรม เห็นพระไตรลักษณ์
    ยึดปริยัตินอกไว้ แต่ละเลยพระพุทธะในใจตน

    คุณคิดว่าคุณถูก ก็คิดต่อไปแล้วกัน
    ถือว่าเราต่างคนต่างเดิน
    ถ้ามีประสบการณ์ดีดี มาแบ่งปันเราก็จะฟังไว้เปิดหู เปิดตา
    ถ้าจะทำกรรมต่อไป เราก็ห้ามคุณไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของคุณ

    คนที่เห็นขันธ์5 เที่ยงแล้วคิดว่าไม่มีวันลงอบาย ก็คิดดูให้รอบคอบแล้วกัน
    จะได้ชื่อว่า เป็นบุตรตถาคต ผู้ไม่ประมาท เป็นนิจ
     
  3. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    เอ้าเป็นซะแบบนี้ก้ต้อง พูดภาเดียวกันแล้ว

    ไม่ใช่ตอบไม่ได้นะ อทิบายไปยาวเยียดคนโง่ๆๆ อย่าง..... มันไม่รู้เรื่องเองนี่ ไปๆๆ ว่าแล้วเห้นๆดีเห็นงามกัน ก้พวกเดียวกัน พอๆๆกันนั่นหล่ะ

    อย่าเห็นการพูดจาแบบนี้เป้นสิ่งไม่ดีนะจริงๆแล้วการปรุงแต่งให้พูดแต่ไพเราะมันใช้ได้แต่กับบัณทิด พูดมาอย่างนี้ก้ต้องใช้ภาระดับเดียวกันมั้ง

    ขอบอกตรงๆๆเลย ... โง่มากอ้อมมานาน ธรรมอะไรก้ยังไม่ บรรลุ แต่หลงเอาไปว่าตนได้เหนือกว่า น่าสมเพศ
     
  4. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    นานา วิญญาณนั้นเป้นองคืประกอปจิต แต่ไม่เห็นตรงนี้ก้ไม่ผิดหรอก วันนึงก้เข้าใจเอง
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คนที่ไม่เคยดูใจตัวเอง ก็คุยกันไม่เข้าใจ
    เห็นไม่เหมือนกัน เห็นกลับหัวกลับหาง
    พอไปอ่านคำสอนพระก็ตีความไปคนละเรื่อง
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขยันจัง เหนื่อยมั่งไหมเนี่ย
    อนุโมทนา ค่ะ

    [​IMG]
     
  7. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ครับ อนุโมทนากับพี่ขวัญด้วย จากตามอ่านกระทู้พี่ขวัญมาพอสมควร ก้เห็นว่าพี่ขวัญนั้นก้พูดถูกแล้วก้เลยสนับสนุน เพราะคนที่ทำจริงดูจริงใช้ชิวิตจริงนั้นแหละถึงจะเห็น พวกรู้มากอ่านตำรามาก แต่ไม่ทำนั้นมันเห็นไม่เหมือนของจริงแน่
     
  8. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    อีกประเภทก้คือพวกทำเหมือนกันแต่ไม่สามารถก้าวผ่านพ้น อุปกิเลสไปได้ มันก้ไม่เห็นจริงอยู่ดี
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ลองมองให้เป็นกลาง มองคนที่บังคับใจไว้ตลอดสิ จนเห็นว่าจิตตนเที่ยง
    ไปแล้ว ยึดเอาจิตเป็นตน แล้วคิดว่าถึงที่สุดแล้ว ทำกรรมแบบไม่กลัวเกรง
    คิดว่ามีสมบัติเหมือนพระอรหันต์ กรรมส่งไม่ถึง คิดว่าไม่ลงอบายแล้ว เป็น
    คนประมาทไหม สุดโต่งไหม
     
  10. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    จริงๆกระทู้ ที่ธรรมภูติตั้งทุกครั้งมันเป็นกระทู้ไร้สาระอยู่แล้ว กระทู้ดีๆที่ไห้คความรู้มีเยอะเยะ

    สังเกตุได้จากการมาอนุดมทนา กระทุ้ของ ธรรมภูติมีแต่การ หลงผิด เข้าใจธรรมผิดๆ เหมือนมีจุดประสงไม่ดีต่อพุทธ สาสนา

    ปกติผมไม่อยากมาอทิบายะรรมของพระอรหันเช่นนี้หรอก มีแต่พวกอวดอุตริเช่นพวก ธรรมภุติ และคนะเท่านั้นแหละ เอาคำพระเอาพรไตรปิดกมาสาธยายมั่วๆอยู่ได้

    ผมเห็นว่ามันไม่ควนไม่ถูกก้เลยเข้ามาร่วมอทิบาย

    แต่ยิ่งอทิบายยิ่งเห็นความ โง่ ของกลุ่มคนกลุ่มนี้มาก เชิญหลงกันไปแบบนี้หล่ะ อยุ่แต่ในเหตุเสียๆๆนี่ล่ะ กรรมเป็นเรื่องเฉพาะตนแต่ท่าเอาพุทะพจมาบิดเบื่อน ผมก้ไม่ยอเช่นกัน

    พอละกับกระทู้ไร้สาระ
     
  11. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    แบบนี้เค้าเรียกว่า เรียกร้องความสนใจ จริตแบบนี้ผมก้เข้าใจในรรมชาติความวิปริตของจิตคุณนะ แต่ที่เค้า มีเพสต่างจิตอย่างเดียวกับคุณดีๆๆก้มีเยอะอย่าทำเค้าเสียหายกันด้วยนิสัยเช่นคุณแบบนี้ ชอบโวยวายตีโพยตีพายความเห้นผิดๆของตน
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    พูดกันถึงเรื่องธรรม จะไปกลางไม่กลางตรงไหน
    ไม่มีใครไปสนใจ เรื่องพรรคเรื่องพวกหรอกคุณ

    สิ่งที่คุณพูดมันไม่ถูกต้อง ที่ว่า จิตบังคับ จะต้องบังคับไปตลอด

    ตัวคุณเอง ต่างหากที่ไม่เป็นกลาง คุณไปแก้ต่างสิ่งที่ผมพูด ให้ได้ ถามตัวเองในใจว่ามันเป็นแบบที่ผมพูดหรือไม่ ไม่ใช่ เถียงเลี่ยงไป แล้วมันจึงจะเรียกว่ายอมรับธรรม

    จิตนี้ ต้องบังคับ ต้องฝึก ไม่ฝึกมันก็ไหลลงต่ำ ก็อุตส่าห์ยกเหตุ ยกผลมา

    เรื่องพระอรหันต์ หรือ ไม่อรหันต์ มันไม่ใช่เรื่องเลย
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เขาปฏิบัติกันไปอีกทาง พูดกันก็ไม่เข้าใจหรอก
    สังเกตว่า เขาฝึกจิตให้เที่ยงได้ แล้วเห็นคนอื่นทำไม่ได้อย่างเขาคือผิดทาง
    และยังเข้าใจว่า จิตเที่ยงคือบรรลุธรรมอีก ส่วนเรานั้นปฏิบัติเพื่อให้เห็นว่า
    จิตไม่เที่ยง พิจารณาเห็นจิตเป็นพระไตรลักษณ์ แค่คิดมันก็คนละโลกแล้ว
    ถ้าเราบอกไปว่า จิตที่เขาเห็น ก็เป็นขันธ์ นี่ยิ่งเป็นการทำร้ายจิตใจ พวกเขา
    อย่างยิ่ง ถือซะว่า เข้าใจเรื่องจิต นิยามเรื่องจิต ต่างกัน ก็แล้วกัน บางที
    จิตที่พวกเขาพูด กับจิตที่พวกเราพูด มันคนอย่างกันก็ได้ แต่มาใช้คำเหมือน
    กัน เวลาเราพูดถึงจิต เราหมายถึงขันธ์ ที่หมายถึง รูปและนาม เท่านั้น
    ส่วนจิตบริสุทธิ์ มีแต่พระอริยเจ้าเท่านั้นที่เคยเห็น เราเป็นปุถุชนย่อมไม่เคย
    เห็นแล้วจะพูดถึงจิตนั้นได้อย่างไร ถ้ามองแง่ร้ายนะ ก็ว่า พวกเขาเป็น
    พระอริยเจ้ากันหมดแล้ว ถึงบอกว่า เห็นจิตบริสุทธิ์ เห็นพระนิพพาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2009
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คุณลองมองคนแถวๆนี้สิ บังคับจิตให้เที่ยงได้แล้วเป็นอย่างไร
    นั่นแหละที่เราหมายถึง มีสักกี่คน ที่พิจารณาธรรมลงเป็นพระไตรลักษณ์
    เราเห็นแต่ คนยึดจิตเที่ยงว่าเป็นตนกันทั้งนั้น

    ทางที่เราเดิน ก็เดินในทางที่หลวงพ่อชา ท่านสอนไว้
     
  15. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ครับการมองของพวกเค้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
    อยากรู้จริงๆ ใครไปตีความธรรมแบบนั้นไห้เค้าฟัง
    ทั้งๆๆที่ธรรมที่เค้ายกมาอ้างความหมายก้ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าจิตไม่เที่ยง จิตนั้นประกอปกันขึ้นด้วยปัจจัย

    เหมือนจะเป็นกลุ่มเป็นคนะเดียวกันมาด้วยกันซะด้วย
     
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ผมว่า คุณ คิดอะไรไป สรุปเอาเองทั้งนั้น

    เรื่องที่ยกเอามาพูดกัน มันคือ ความรู้ที่เขาเหล่านั้น อ้างอิงพระไตรปิฎก ไม่ใช่เรื่องของ การ ยึดมั่นในจิต แต่ เป็นการเอาหลักการเข้าว่ามากกว่า

    คุณจะบอกว่า คนที่เขาเอาหลักการมายืนยัน คือคนที่ยึดในอัตตาตนไม่ถูกต้อง
    เพราะว่า เขายอมให้ความไม่มีหลักการอย่างไร

    จิต เที่ยง นั้นก็บอกกันอยู่ว่า ตัวจิตนั้นไม่เคยสูญ เป็นจริงแท้แน่นอน เพราะว่าถ้าจิตสูญใครจะรับกรรม ในเมื่อ หากทำให้มันดับเดี๋ยวนี้ได้ อนุสัยจะไปอยู่ที่ไหน

    เรื่องนี้ พระอริยะเจ้าก็ยืนยัน ทุกคน แต่ส่วนของสมมติในขันธ 5 ที่ไม่ใช่ตนเป็น เจตสิก เป็นเงาของจิตของใจ จิตกับใจก็เหมือนกัน และไม่เคยสูญ
     
  17. จีโอ14

    จีโอ14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +262
    เห็นแค่เสนามารวัฎจักรวัฎวน..ก็อย่าเพิ่งดีใจว่าได้เจอตัวการมารใหญ่แล้ว..แต่เห็นได้ก็นับว่าดีมากแล้ว..เห็นแล้วยังต้องเพียรทำงานต่อ

    พวกนี้แค่ข้าราชมารเท่านั้น..โดยเจ้าเมืองขันธ์ มีพวกกระทรวง ทั้ง 5 ทำงานสอดประสานกันดีอย่างมีระบบแบบแผน โดยมีกระทรวงวิญญาณรับงานมาทำ กระทรวงสัญญาตรวจสอบงานเก่ามาเทียบเคียงงานใหม่ กระทรวงสังขารรับงานจากกระทรวงอื่น ๆ มากลั่นกรอง วิเคราะห์ วิจัย สั่งการ ผลงานบางส่วนเอาไปเก็บที่กระทรวงสัญญา อยากรู้ดูเข้าไป..งานชิ้นหนึ่ง ๆ..เกิด..ที่กระทรวงหนึ่ง..ดับ..ส่งไป..เกิด..อีกกระทรวงหนึ่ง..แล้วก็ดับ..อีก..แล้วก็..เกิด..อีก..กระทรวง..เป็นอาการ ๆ ไปอย่างนี้เอง

    ถ้าเป็นเมืองมนุษย์..กระทรวงต่าง ๆ ทำงานรับใช้รัฐบาลตัวแทนประชาชนที่มีหัวหน้าเป็นนายก โดยมีเงินเดือนเงินบำนาญเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงให้ทำงาน แล้วเจ้าเมืองขันธ์ พวกนี้ละทำงาน..รับใช้ใคร..แล้วมีอะไรหล่อเลี้ยงทำให้ยังทำงานกันไปได้? เมืองขันธ์เก่าพัง ก็ไปสร้างเมืองขันธ์ใหม่ต่อ ๆ กันไปไม่มีหยุด

    ตรงนี้ต้องใช้ปัญญา (ภาวนามัยปัญญา) ที่ศึกษามาดี (สุตนตมัยปัญญา..จินตนมัยปัญญา) ..อบรมมาดี (สมถกรรมฐาน..วิปัสนากรรมฐาน)

    ก็ขอเดาว่า..เจ้าเมืองขันธ์นี้ มี ธาตุ 4 เป็นน้ำหล่อเลี้ยง ที่ควบคุมโดยเสนาใหญ่คือนายก..อวิชชา..แล้วเจ้านายก..อวิชชา..ก็ได้รับ..เวทนา ตันหา และอุปาทาน เป็นส่วยบรรณาการ ที่ส่งมาจาก เจ้าเมืองขันธ์..เมื่อเมืองขันธ์นี้พังไป..นายกอวิชชาก็สร้างเมืองขันธ์ใหม่..โดยอาศัย..อุปาทานเป็นตัว Copy

    เมืองขันธ์ กับ นายก.อวิชชา ก็พึ่งพากันและกันอย่างนี้..ตลอดมา

    จะทำให้เจ้า 2 ตัวนี้แตกคอกันไม่มาคบกันอีก ก็ต้องใช้เจ้า2 วิชชา คือ 1. ใช้วิชชาทุบหัวอวิชชา.หรือไม่ก็. 2. ใช้วิชชาตัดท่อน้ำเลี้ยงอวิชชา..เจ้าวิชชานี้..เกิดเพราะปัญญา..

    ฉะนั้น..ถ้าดูเมืองขันธ์..เห็นอาการเกิด-ดับ ได้ก็ดีแล้ว..แต่อย่าเห็นแค่นั้น ..ยกปัญญา(ไม่ใช่รอให้เป็นไปเองหนา) ไปฆ่า..นายก.อวิชชาด้วย..มันแอบอยู่แถว ๆ กระทรวงวิญญาณนะ..ซอกเล็ก ๆ ในกรมธรรมารมณ์..แต่ไม่ใช่ตัววิญญาณ..ไอ้ตัวที่ชอบบอกว่า...มีนั้นคงจะดี..มีนี้คงจะดี..นี้แหละลูกนายก.อวิชชา..พ่อมันก็อยู่ใกล้ ๆ กันนั้นแหละครับ ทุบหัวลูกมัน..เดียวพ่อมันก็วิ่งออกมาให้ตีหัว..เมื่อพ่อมันจวนตัว..แล้วมักจะพูดว่า..นี้แหละนิพพาน..เราถึงแล้ว..ทุบมันตรงที่ว่า..เราถึงแล้วนิพพาน..นี้แหละ..ถูกหัวนายก.อวิชชาแน่ ๆ

    พวกเซนถนัดใช้วิชชาทุบหัว..เหล่าเถรวาทถนัดใช้วิชชาตัดท่อน้ำเลี้ยง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2009
  18. Amoxcycol

    Amoxcycol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +65
    คนทีู่พูดไม่รู้เรื่องนี่ขยันนะ คนที่พูดรู้เรื่องก็ไม่ค่อยพูด
    แสดงให้เห็นอะไรบางอย่าง แต่ไม่เป็นไร หากวันหนึ่งเขาเห็นเหมือนคุณ เขาก็จะเข้าใจเองหากได้ฌาน 4 สัมผัสได้หรือวิปสนา ก็จะสามารถแยกจิต และวิญญาญออกจากกันได้
    ไม่รู้จะอีกกี่กัปละเนาะ แต่อยากให้เธอกลับไปทางเดิมนะ ไปต่ออีกสักนิดดีไหมจ๊ะ อีกอย่างจิตที่ว่า มันเห็นกันคนล่ะละดับนะ อีกหน่อยเธอก็คงเจอตัวแม่แล้วมั้งน้อง
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ใครพิจารณาเห็นจิตสังขารเป็นพระไตรลักษณ์???
    อย่าบอกนะว่าเรา!!! เราคือใคร กายเน่าๆหรือจิตที่เห็นธรรม???
    เมื่อไหร่หนอจึงจะมีดวงตา(จิต)เห็นธรรม??? ผู้นั้นเห็นเราตถาคต

    ขนาดอรรถกถาจารย์ ยังต้องเทียบกับเคียงกับพระสุตตันตปิฎก
    ถ้าไม่ลงกันกับพระสุตตะ แม้ตัวท่านอรรถกถาเองก็ไม่ให้เชื่อท่าน
    ใครขัดแย้งพระสุตตะ ถือว่าไม่เคารพในพระพุทธเจ้า

    ;aa24
     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เมื่อจิตของเรา แสดงว่าจิตไม่ใช่เรา แล้วให้จิตเป็นของใคร
    เวลาจิตคิดดีทำดี ก็ไม่ใช่เรา เราก็ไม่ต้องรับกรรมนั้นสิ
    แสดงว่ากรรมที่อนัตตาทำก็ไม่ถูกตน ดังในพระสูตรสิ


    พระพุทธวจนะที่แสดงไว้ว่า คนเช่นนี้เป็นโมฆบุรุษ
    ในเมื่อกรรมดี กรรมชั่ว ไม่มีที่บันทึกลงไป คนก็ไม่ต้องรับกรรมสิ
    จิตผู้รู้ของใครของเค้า

    ถ้าไม่ใช่ของเรา ใครก็แย่งชิงเอาไปก็ได้นิ

    ;aa24 พระพุทธวจนะในพระสุตตะ มีไว้ให้ศึกษาโดยความเคารพ
     

แชร์หน้านี้

Loading...