@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ลูกแก้วสารพัดนึก

ในวาระโอกาสที่สร้างพระพรหมองค์ใหญ่หน้ากุฏิแล้ว หลวงปู่ดู่ได้อนุญาติให้สร้างลูกแก้วสารพัดนึกไปพร้อมกันด้วย โดยหลวงปู่ท่านมอบเกสาของท่านเองผสมกับปูนซีเมนต์ขาวแล้วปั้นเป็นลูกกลมๆเจาะรูไว้ตรงกลางเมื่อเสร็จแล้วทาสีดำ ถือเป็นรุ่นแรกและสีน้ำตาลและสีขาวรวมๆกันแล้วประมาณ๑๐๐๐๐๐องค์
หลวงปู่ดู่ท่านอธิษฐานจิตเป็นแก้วมหาจักพรรดิ์ เรียกว่า แก้วมณีนพรัตน์ เป็นสมบัติของพระพุทธเจ้าและอีกนัยหนึ่งท่านบอกว่าทำเป็นลูกแก้วของหลวงปู่ทวดด้วย
หลวงปู่ดู่ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนทำแต่ลูกใหญ่สำหรับผูกคอควาย สมัยนั้นเกิดโรคห่าแต่ระบาดมาไม่ถึงเลยไม่ได้ใช้ ที่เจาะรูไว้ตรงกลางเพื่อให้เชือกร้อยได้ และถือเป็นอากาศธาตุ (ช่องว่าง) ใช้ได้สารพัดประโยชน์ เอาแช่น้ำกิน อาบน้ำได้กันเสนียดจัญไร ใช้กำแทนพระเวลานั่งสมาธิ
รุ่นต่อมาหลวงปู่ได้มอบผงเจ้าคุณใหญ่ เก็บไว้นานแล้ว เวลาปั้นให้ภาวนาไปด้วยว่า พุทธัง แก้วสารพัดนึก ธัมมัง แก้วสารพัดนึก สังฆัง แก้วสารพัดนึก จะได้เกิดบุญไปด้วย สร้างพระ ๑ องค์ ได้อานิสงส์ ๕ กัป
หลวงปู่ได้เล่าให้อาจารย์ศุภรัตน์ฟังว่า ลูกแก้วแสดงปาฏิหาริย์แล้วละแก มีเด็กมันตกน้ำไม่จมตัวเองลอย แม่เขาให้เอาลูกแก้วคล้องคอ
ส่วนตัวอาจารย์ศุภรัตน์ เดินทางไปงานบวชเพื่อนที่เพชรบูรณ์ คนขับบังคับรถไม่อยู่ตกโค้ง รถพลิกคว่ำทหารที่ฐานบริเวณนั้นเดินมาดูพรัอมกับพูดว่า สงสัยตายกันหมด วันก่อนตายไป ๒๗ ศพ เมื่อเห็นคนในรถปลอดภัยคำแรกที่เขาถามว่า พวกคุณห้อยพระอะไรครับ
เมื่อกลับมาถึงอยุธยาก็จะไปเล่าให้หลวงปู่ฟัง หลวงปู่พูดขึ้นมาก่อนว่า
""" แกเชื่อหรือยังละว่าพระข้าศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่ได้เสก พระพุทธเจ้าเป็นคนเสก """
อีกเรื่อง หลานของอาจารย์ศุภรัตน์ตอนเล็กๆ มีโรคภัยรุมเร้ามาก อาจารย์ศุภรัตน์ได้นำหลานคนนี้ไปถวายเป็นลูกหลวงปู่ดู่ ท่านรับไว้พร้อมให้เงินมา ๑๐ บาทบอกเป็นค่าเลี้ยงดู เมื่ออายุ ๒ ขวบเกิดอาการหอบอย่าหนักเลยนำตัวส่งโรงพยาบาลอยุธยา ตอนให้น้ำเกลือเข็มแทงไม่เข้า แทงอยู่หลายครั้งจนเอะใจ จึงถอดลูกแก้วที่ผูกไว้ที่ข้อมือออก จึงแทงเข้า ต่ออาการมีแต่ทรงกับทรุดวันหนึ่งช็อคหมดสติไป ทางบ้านเริ่มทำใจนึกถึงหลวงปู่ดู่ได้โปรดช่วยเหลือ ถ้าดวงชะตายังไม่ถึงวาระสักพักหลานอาจารย์ศุภรัตน์ก็ดีขึ้น คำพูดแรกที่หลานอาจารย์พูดตอนได้สติแล้วว่า ตกไปอยู่ในนรกมีหลวงปู่ถือไม้เท้าไปดีดขึ้นมา เลยขึ้นมาได้ แล้วอาการก็ดีขึ้นจนออกจากโรงพยาบาล
เมื่อสร้างลูกเเก้วสารพัดนึกรุ่นเเรกได้๑๒๕๐ องค์ เท่ากับจำนวนพระอรหันต์ที่เดินทางมาพบพระพุทธเจ้า โดยไม่ได้นัดหมายในวันมาฆบูชา เเละเป็นการกำเนิดของการเเสดงโอวาทปาฏิโมกข์ซึ่งหลวงปู่บอกว่าพระอรหันต์เหล่านี้ได้ภูติพระพุทธเจ้าจึงส่งจิตถึงกันหลวงปู่ได้อธิฐานจิต ลักษณะเป็นสีดำเพราะทาสีเป็นอักษรว่า พ หมายถึงพรหมปัญโญ หลวงปู่ได้เเจกให้ฟรีทุกๆคนที่มานมัสการท่านโดยท่านกำชับว่า เป็นของศักดิ์สิทธิ์ให้ภาวนา รักษาศีล คุณพระจะได้รักษา หลวงปู่ได้เล่าให้อาจารย์ศุภรัตน์ฟังว่า ลูกเเก้วเเสดงปาฏิหาริย์เเล้วละเเก มีเด็กมันตกน้ำไม่จมตัวเองลอย เเม่เขาเอาลูกเเก้วคล้องคอให้ อาจารย์ศุภรัตน์ฟังท่านเเต่ไม่คิดมาประสบเเก่ตัวเอง อาจารย์ศุภรัตน์เดินทางไปกับเพื่อนๆเพื่อไปงานบวชของเพื่อนคนหนึ่งที่อำเภอ หล่มสัก จังหวัด เพชรบูรณ์ การเดินทางไปกลางคืนระยะทางจากพิษณุโลก อำเภอหล่มสัก เป็นทางคดเคี้ยวมาก เมื่อผ่านด่านตรวจทหารพรานขณะที่ขับมาเพื่อนของอาจารย์ศุภรัตน์ที่เป็นคนขับบังคับรถไม่อยู่เพราะทางโค้งมาก ได้เพียงบอกว่ารถจะพลิกเเล้ว ทุกคนตกตลึงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รถพลิกคว่ำเลื่อนมาตามถนน ซึ่งเป็นเหวอยู่ข้างทางอาจารย์ศุภรัตน์นึกถึงพระนึกถึงหลวงปู่เเละการปฏิบัติธรรมตัดสิ้นใจว่าเป็นอะไรก็ตามเราควรปฏิบัติเเละภาวนา สักพักจิตจะเป็นสมาธิเห็นเเสงสว่างรอบตัวรถใจสบาย ตอนเเรกกลัวตาย ตอนนี้เฉยๆ รถเลี้ยวมาประมาณ๕๐เมตรหยุดนิ่ง ทุกกคนไม่เป็นอันตรายเเต่รถยับเยิน เศษกระจกติดตามตัวทุกคน เสียงทหารที่ฐานเดินมาตามทางได้ยินเสียงพูดว่า สังสัยจะตายหมด วันก่อนกก็ตายไป๒๗ศพ บางคนบอกว่าคงเหลือ สักคนนึงททเมื่อมาถึงเห็นพวกเราปลอดภัย คำเเรกที่เขาถามคือคุณห้อยพระอะไร โค้งนี้คนตายมาเเล้ว อาจารย์ศุภรัตน์ให้ดูลูกเเก้วในคอส่วนเพื่อนอีกสองคนก่อนจะขึ้นรถ อาจารย์ศุภรัตน์ได้ให้พระหลวงพ่อไว้คนละองค์ กลับมาถึงอยุธยาอาจารย์ศุภรัตน์ไปนมัสการหลวงปู่ดู่เพื่อจะเล่าเหตุการณให้ฟัง หลวงปู่ดู่พูดขึ้นมาก่อนว่า เเก่เชื่อลือยังระว่าพระข้าศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่ได้เสกเอง พระพุทธเจ้าเป็นคนเสก อาจารย์ศุภรัตน์รีบตอบว่า เชื่อเเล้วครับผมไม่ต้องลองของอีกเเล้วนะหลวงปู่ดู่
หลังจากสร้างพรหมเสร็จหลวงปู่เลยอนุญาติให้สร้างลูกแก้วสารพัดนึกไปพร้อมกันด้วย โดยท่านมอบเกศาของท่านเองผสมกับปูนซีเมนต์ขาวเเล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ เจาะรูไว้ตรงกลางเมื่อเสร็จเเล้วทาสีดำ ถือเป็นรุ่นเเรกเเละต่อๆมาอีกหลายครั้งรวมเป็นประมาณ๑๐๐,๐๐๐องค์ หลวงพ่อท่านอภิฐานจิตเป็นเเก้วจักรพรรดิ เรียกว่าเเก้วมณีนพรัตน์ เป็นสมบัติของพระพุทธเจ้าเเละเป็นอีกนัยหนึ่งท่านบอกว่าเป็นลูกเเก้วจากหลวงปู่ทวดด้วย ปรากฏว่ามีพุทธคุณหลายอย่าง จนเป็นที่นิยมเเละเสาะเเสวงหาของบุคคลทั่วไป หลวงพ่อท่านเเจกฟรีโดยไม่คิดมูลค่า ท่านเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนเคยทำไว้เเต่ลูกใหญ่สำหรับผูกคอควาย สมัยที่เกิดโรคห่าระบาด พอดีระบาดมาไม่ถึงเลยไม่ได้ใช้ เดี๋ยวนี้ไม่รู้หายไปไหนหมด ข้าก็กะว่าจะทำให้เด็กห้อยคอเเต่ผู้ใหญ่อยากจะได้ด้วย ที่ให้เจาะรูไว้ตรงกลางก็เพื่อให้เชือกร้อยได้ เเเละถือเป็นอากาศธาตุ ช่องว่าง ด้วยใช้ประโยชน์ได้สารพัด เอาไว้เเช่น้ำกิน อาบได้เสนียดจัญไร ใช้กำเเทนพระในเวลาทำสมาธิก็ได้ รุ่นต่อมาหลวงพ่อได้มอบผงเจ้าคุณใหญ่ซึ่งมรณภาพเเล้วให้พร้อมกับบอกว่า ผงเจ้าคุณ เก็บไว้นานเเล้ว เวลาจะปั้นภาวนาไปด้วยว่า พุทธัง เเก้วสารพัดนึก ธัมมัง เเก้วสารพัดนึก สังฆังเเกัวสารพัดนึก จะได้บุญไปด้วย สร้างพระ๑องค์อานิสงส์๕กัปนะเเก สมัยที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ผู้ใดได้รับไปก็ถือว่าโชคดี เพราะรับมาจากมือหลวงพ่อ ภายหลังมีลูกศิษย์บางคนถือวิสาสะหยิบฉวยวัตถุมงคลไปจากกุฎิด้วยความโลภอยากได้เเล้วอ้างว่าได้รับอนุญาตหลวงพ่อในใจเเล้ว ผู้เขียนถามว่าทำเเบบนี้จะเป็นอะไรไหม ท่านตอบว่านรกก็เกิดในใจเขา เพราะข้าตั้งใจถวายเป็นของสงฆ์ จึงเป็นข้อพึงสังวรที่ดีสำหรับพวกเราไม่ให้เป็น คนมักง่าย เพราะผลที่ได้รับ
ปกติอาจารย์ศุภรัตน์สอนวิชาวิทยาศาสตร์การอาหาร วันนึงได้สอนวิชาถนอมอาหารเกี่ยวกับการทำถนอมอาหารกระป๋องให้เเก่นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา โดยนำเเห้วมาอัดกระป๋องซึ่งต้องใช้หม้อนึ่งอัดความดันหลังจากผ่านขบวนการผลิต จนสุดท้ายเป็นการถนอมอาหารโดยใช้ความร้อนซึ่งต้องใช้ความดัน๑๕ปอนด์ ต่อตารางนิ้วเป็นเวลา๑๕นาที อาจารย์ศุภรัตน์คุมนักศึกษาคนเดียวดูเเลไม่ทั่งถึงมีนักศึกษากลุ่มนึงมาดูมาตรวัดความดันผิด รีบเปิดผาเลยทำให้ฝาหม้อกระเด็นขึ้นมาอย่างเเรง น้ำร้อนในหม้ออัดความดันกระจายออกมาเต็มห้อง อาจารย์ศุภรัตน์อยู่ใกล้สุดจึงโดนน้ำร้อนเเบบอาบน้ำนึกในใจว่าคราวนี้สุกเเน่นอน เเต่อัศจรรย์น้ำร้อนเป็นเพียงน้ำอุ่นๆ ที่ราดตัว มีนักศึกษาคนนึ่งโดนไอน้ำร้อนเข้าที่หน้า เกิดการเห่อเเดงขึ้นมาเเต่ไม่เป็นอันตรายมาก อาจารย์ศุภรัตน์ทราบว่าเป็นอำนาจของพระพุทธคุณเมื่อไปเล่าให้หลวางปู่ดู่ฟังท่านพูดว่า ก็รีบเปิดฝา ไม่รู้ว่าความดันเท่ากับศูนย์หรือยัง เออข้านี้จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ไปกับเขาเสียเเล้ว หลวงปู่ดู่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี



คัดลอกจาก หนังสือกายสิทธิ์ยุคอภิญญา

 

<iframe width="420" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/AHXy7popq1M?&autoplay=1&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

เรื่องเล่าจากหมอเสือ เรียนวิชารักษาโรคด้วยพุทธคุณ กับหลวงปู่ดู่-หลวงตาม้า

เรื่องเล่าจากหมอเสือ เรียนวิชารักษาโรคด้วยพุทธคุณ กับหลวงปู่ดู่-หลวงตาม้า




http://www.watthakhanun.com/webboard/archive/index.php/t-3379.html

 

วิชาเปิดโลก

วิชาเปิดโลกคืออะไร ฝึกกันอย่างไร

ศิษย์ : แล้ว... วิชาเปิดโลก?

หลวงตาม้า : ก็นี่แหล่ะ วิชาเปิดโลกล่ะ นี่แหล่ะ ถ้าใครผ่านหลวงปู่ไม่ได้ ก็เปิดโลกไม่ได้

ศิษย์ : ทุกอย่างต้องผ่านหลวงปู่ก่อน?

หลวงตาม้า : ใช่

ศิษย์ : คือเราไม่ดูเอง?

หลวงตาม้า : ไม่... อย่าเด็ดขาดเลย มีลูกศิษย์หลวงพ่อตั้งหลายคน ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ชักเพี้ยนแล้ว....... ท่านไม่ได้ควบคุมแล้วนะ ถือว่าเกินครูบาอาจารย์แล้ว

ศิษย์ : อ้อ

หลวงตาม้า : ยังไง ก็ต้องตั้งท่านทุกครั้ง

ศิษย์ : บางครั้งถ้าตั้งแล้วไม่เห็น แสดงว่าท่านไม่ให้ดู ไม่ควรดูใช่มั้ยครับ?

หลวงตาม้า : แสดงว่า ท่านผ่านให้ดู ถ้าเห็นนะ... ถ้าไม่ให้เห็น แสดงว่าท่านไม่ให้ดู มันไม่มีประโยชน์

ศิษย์ : ก็คือต้องมีครูบาอาจารย์คุมตลอด?

หลวงตาม้า : บางอย่างมันมีโทษ มันไม่มีโทษ บางอย่างมีประโยชน์ ท่านก็ให้ดู ความจริงสายหลวงปู่เนี่ย... เป็นสายเกี่ยวกับเรื่องของกรรม เรื่องของโลกวิญญาณ เรื่องของการทำบุญแบบไม่ได้หวังอะไรตอบแทน ไม่ได้หวังอะไร อย่างเราเห็นคนเดินไปเดินมา เราสามารถจะช่วยเขาได้เราก็ช่วย ตามที่เราจะช่วยได้

ศิษย์ : ช่วยด้วยใจ

หลวงตาม้า : ใช่... อย่างเห็นเขามา เขามีปัญหาเรื่องวิญญาณแฝงอยู่ เราก็ส่งวิญญาณเลย โดยที่เขาไม่รู้ โดยไม่ได้หวังอะไร ไม่ให้เขารู้อะไร เราไม่หวังอะไร ถ้าทำได้อย่างนั้นล่ะ OK.

ศิษย์ : ถ้าจะทำได้คือ ต้องทรงพรหมวิหาร.... ?

หลวงตาม้า : ถูก... พรหมวิหาร ไม่หวังอะไร ไม่หวังอะไรตอบแทน

ศิษย์ : แล้วอย่างเวลา... ถ้าเรากำหนดไป แล้วเหมือนเราขยับท่าไหน แล้วท่านขยับท่าเดียวกับเรา แบบนี้...?

หลวงตาม้า : ได้... ท่านให้ในทางโลกและทางธรรม

 

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/EeTeKnoh7Lk?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_cGTR25b9pI?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/auJ9k5Z4Nr8?&autoplay=&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>