ดูจิตที่รู้ผิดจากความเป็นจริง ย่อมเห็นจิตเป็นกองทุกข์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 27 กันยายน 2009.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ….ท่านครับใครกันแน่ครับที่ชอบเถียงพระพุทธพจน์ เถียงพระบรมศาสดา เถียงธรรมอยู่เป็นนิจครับ???
    ท่านอย่าลืมสิครับ ท่านชี้มานิ้วเดียว แต่อีกสามนิ้วกำลังหันกลับไปชี้หน้าด่าตนเองอยู่นะครับ
    เรื่องท่านพระอรหันต์นั้นตัดสินง่ายครับ ในบทสวดมนต์มีบอกไว้ชัดเจนอยู่แล้วครับ
    ในบทพรรณนาสังฆคุณบอกไว้ชัดเจนแล้วนะครับ แสดงว่าท่านไม่เคยสวดมนต์เลยใช่มั้ยครับ???

    ;aa24
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ...ท่านครับ ท่านพูดถึงเชื้อโรคหรืออวิชชากันแน่ครับ เห็นอวิชชาเป็นเชื้อโรคไปได้ ก่อนจะดับตายหายสูญ ยังจะมีการแพร่เชี้อโรคอีกหรือครับ อย่าลืมสิครับว่า จิตจะมีอยู่พร้อมกันทีเดียวสองดวงไม่ได้ครับ ในเมื่อดวงเก่ายังไม่ดับ ดวงใหม่ก็ยังเกิดขึ้นไม่ได้ ดวงใหม่ที่เกิดมา อาจจะไม่ได้รับเชื้อจากดวงเก่าก็ได้นะครับ ถ้าลองสอนแบบไม่มีเหตุผลเช่นนี้ ศาสนาจะเหลือหรือครับ เมื่อพระพุทธองค์ท่านทรงสอนให้ชำระจิตให้บริสุทธิ์หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองนั้น ถ้าจิตยังเกิดดับๆเป็นผีกระสือ จะชำระจิตยังไงให้สะอาดบริสุทธิ์จากเครื่องเศร้าหมองได้ครับ??? กำลังฝึกอบรมจิตอยู่ดีๆไม่ให้ออกไปยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานขันธ์๕ เกิดฝึกฝนอยู่จิตเกิดดับๆตลอดเวลา จะชำระยังไงครับ หัดมีเหตุผลหน่อยสิครับ…..

    ;aa24
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ....รับทราบครับ ทำไม่ได้ครับ ผมยังตอบของเก่าไม่เสร็จ ท่านก็รีบตอบของใหม่มา ผมไม่ใช่ตอบท่านคนเดียว ผมต้องตอบบางครั้ง๒-๓คน ส่วนท่านนั้นคนเดียวก็จริง แต่หลายความคิดเห็นครับ

    ;aa24
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ….ท่านครับ หรือว่าไม่จริงครับ ท่านชอบเดาสวดเอาตามตำราที่ว่าไว้ ที่อธิบายมา มันก็ฟ้องชัดๆอยู่แล้วว่าเป็นวิปัสสนึก ขัดแย้งกันเองโดยตลอดครับ อย่างตัวอย่างที่ท่านยกมาก็เป็นการยืนยันในธรรมที่ผมกล่าวไปแล้วครับ ท่านลองพิจารณาดูดีๆสิครับ ใครเป็นคนจุดหัวไม้ขีดไฟก้านแรกครับ ใช่จิตออกไปรู้เรื่องภายนอกเปรียบการจุดหัวไม้ขีดไฟก้านแรก เมื่อไฟติดแล้ว มันดับตอนไหนครับ ไฟมันติดอยู่ตลอดเวลาจากก้านหนึ่งไปสู่อีกก้านหนึ่ง เหมือนจิตไปรู้เรื่องหนึ่งแล้วต่อไปรู้อีกเรื่องหนึ่งตลอดเวลา ไม่เห็นเกิดดับตอนไหนเลยครับ ไฟมันติดอยู่ตลอดนะครับ ต้องขอบใจมากที่ยกมาสนับสนุนครับ

    ;aa24
     
  5. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    …..ท่านครับ ผมอ่านแล้วแทบไม่เชื่อเลยว่าคนอย่างท่านที่บอกว่าเคยปฏิบัติมา เรื่องเวรเรื่องกรรมนั้น พระพุทธองค์ท่านทรงตรัสสอนไว้ชัดเจนแล้ว บุคคลทำกรรมเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น สุขทุกข์นั้นเกิดขึ้นที่จิตที่ไม่รู้จักพอครับ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับรูปกายเลยครับ? คนที่มีรูปกายที่อัปลักษณ์แต่ชีวิตอยู่ด้วยความสุขเพราะอะไร??? เพราะจิตใจที่รู้จักพอใช่มั้ยครับ??? ส่วนบางคน ที่รูปกายดี มีทรัพย์สินเงินทอง แต่ชีวิตไม่เคยมีความสุขเลยเพราะอะไร??? เพราะจิตใจไม่รู้จักพอใช่มั้ยครับ???....ถึงมีกรรมเก่าตามมาถึง คนที่พอจิตพอใจที่จะชดใช้กรรมเก่า แม้เรื่องที่จะต้องชดใช้ไม่ว่าจะเป็นการชดใช้ด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าจิตใจพอใจชดใช้แล้วก็ไม่เป็นทุกข์ทั้งนั้นแหละครับ
    ท่านจะพูดถึงร่างกายพิกลพิการไปเพื่ออะไร??? ถ้าลองจิตใจไม่รู้จักพอเป็นทุกข์ทั้งนั้นแหละครับ.....ท่านพูดถึงท่านพระอาจารย์ องคุลีมาลนั้น ก่อนท่านจะพูดอะไรลองไปศึกษาให้ดีก่อนนะครับ ท่านองคุลีมาลเพราะโดนอาจารย์ท่านหลอกใช้ให้ไปเอาหัวแม่มือมาร้อยเป็นพวงมาลัย ท่านทำไปเพราะความเชื่อ ไม่ได้ทำไปเพราะความโกรธเกียจชัง ส่วนมีคนที่ไม่ยอม เสียชีวิตไปบ้างนั้น ก็เพราะเป็นกรรมเก่าที่ต้องใช้กัน เมื่อใช้กรรมหนักหมดแล้ว มาพบพระพุทธองค์ก็เพราะบุญบารมีเก่าหนุนเนื่องพร้อมกับก่อนหน้านี้มีการอบรมฝึกฝนจิตมาพอสมควร เมื่อพระพุทธองค์ท่านเทศน์เพียงว่า เราหยุดแล้ว ท่านยังไม่หยุดเท่านั้นก็ระลึกได้ หยุดความยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานขันธ์๕ลงได้ ก็บรรลุพระอรหันต์ครับ ถ้าจิตไม่มีหน้าที่ชดใช้กรรม แล้วไปหลงยึดอารมณ์เพื่ออะไร? ไม่ใช่เพราะกรรมหรือจึงต้องทำให้ไปหลงยึดอารมณ์ ที่ไม่ทุกข์ไม่ร้อน เพราะจิตไม่หลงไปยึดอารมณ์แล้วครับ.....

    ;aa24
     
  6. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ….ท่านครับไม่น่าเชื่อเลยว่าท่านจะพลิ้วได้ขนาดนี้ ตอนท่านพูดถึงท่านพระอรหันต์ ท่านบอกหรือปล่าวว่าเป็นท่านพระอรหันต์ที่ละสังขารแล้ว แม้ท่านพระอรหันต์ที่ยังไม่ละสังขารจิตท่านก็ไม่เกิดดับแล้วเช่นกันครับ อย่าเดาสวดสิครับ......ท่านครับจิตที่ไม่ต้องมาเกิดอีกแล้ว แสดงว่าเที่ยงแท้ถาวรไม่เปลี่ยนแปลงแล้วใช่มั้ยครับ....ท่านครับท่านอย่ามั่วสิครับ ผมไปพูดไว้ที่ไหนว่าจิตเป็นอัตตา เอาหลักฐานมาด้วยครับ อย่าซี้ซั้วสิครับ ที่ผมพูดเสมอคือจิตเป็นธาตุรู้ ไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น มีหน้าที่รู้อย่าเดียว ปุถุชนรู้แล้วเป็นยึดทุกที ส่วนท่านพระอริยะสาวกนั้นรู้แล้วปล่อยวางครับ เราจึงต้องมาฝึกอบรมจิต เพื่อหัดปล่อยวางให้เป็นครับ จิตย่อมมีดวงเดียวแน่นอน ถ้ามีหลายดวงอบรมดวงไหนดีครับ??? ส่วนอาการของจิตหรือที่เรียกว่าจิตสังขารหรือเจตสิกนั้น จะมีกี่ดวงก็ได้ครับ จะเรียกดวงหรือเรียกว่าชนิดก็แล้วแต่ เราทำอะไรไปเราย่อมรู้อยู่ตลอดเวลา ที่เกิดดับนั้นเป็นเพียงอาการของจิตมีอยู่๑๒๑ชนิด(ดวง)ครับ...ท่านครับ แสดงว่าที่ท่านถกธรรมมาเพียงเพื่อจับผิดเท่านั้นหรือครับ ไม่เคยพิจารณาเลยว่า การถกธรรมนั้นเพื่อความรู้ที่แท้จริง ผมไม่เคยพูดเลยว่าจิตเห็นจิตเดิมแท้ครับ มีแต่พูดว่า เมื่อเข้าถึงจิตเดิมแท้ ย่อมเห็นจิตสังขารหรือที่เรียกว่าอาการของจิตหรือเจตสิกที่เกิดดับครับ....
    ส่วนเรื่องพระนิพพานนั้น ผมก็ยังไม่เคยถึง เพียงแต่เคยสัมผัสตทังควิมุตติที่เกิดจากการภาวนาครับ

    ผมจึงต้องเอาพระพุทธวจนะที่ทรงกล่าวถึงพระนิพพานแล้วมาอ้างแทนครับ
    “วิสงขารคตํ จิตฺตํ ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา แปลว่า จิตของเราสิ้นการปรุงแต่ง บรรลุพระนิพพานเพราะสิ้นตัณหาแล้ว”

    ;aa24
     
  7. สรรเพชร

    สรรเพชร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +3
    คุณธรรมภูตครับ เสียงกีต้าร์ถ้าสายตึงเกินไปก็ไม่น่าฟังนะครับ
     
  8. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ผมก็ยังโง่อยู่
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันนี้ข้าฯผู้น้อย เกิดอาการส่งจิตออกนอก กับอัตตาตัวใหญ่

    [​IMG]
     
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านครับ ท่านลองบอกหน่อยสิครับว่ายังไงจึงบอกได้ว่าสายตึงเกินไป
    อะไรคือมากเกินไป? อะไรคือน้อยเกินไป?
    ถ้าท่านต้องการเสียงที่สูง ท่านก็ต้องขึงสายให้ตึงขึ้น
    ถ้าต้องการเสียงที่ต่ำ ท่านก็ต้องผ่อนสายให้หย่อนลงใช่มั้ยครับ???

    คำว่าทางสายกลาง ท่านเอาอะไรมานิยามครับ???
    เอาความชอบใจความพอใจหรือความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินไม่ได้นะครับ

    ทางสายกลางในพระพุทธศาสนานั้น มีการวางหลักเกณฑ์ไว้ชัดเจนนะครับ
    คือ ศีล สมาธิ ปัญญา หรือเรียกอีกอย่างว่า พระอริยมรรคมีองค์๘ครับ

    ;aa24
     
  11. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ตลกสิ้นดี เถียงกับท่านนี้ผมไม่ได้อะไรใหม่เลย อยากจะย้อนอยากจะสวนคู่
    สนทนาก็ไม่มีปัญญาไปหาเหตุผลอื่นมาย้อนมาสวน เอาคำที่คู่สนทนาให้เหตุผล
    หรือยกตัวอย่างมาอธิบาย ในสิ่งที่คู่สนทนาไม่เข้าใจในคำหรือประโยค
    สั้นๆนั้น เอาตัวอย่างนั้นไปโมเมสร้างเรื่อง ตามแต่จิตตัวเองจะพาไป
    เวลาอ่านคำอธิบายความกรุณาคิดตามไปด้วยซิครับ รู้จักการอุปมาอุปไมย
    หรือคำเปรียบเทียบเปรียบเปรยมั้ย อย่างนี้ผมเหนื่อยแย่ซิครับ
    ....ขอตลกอีกครั้ง ที่ผมยกเรื่องหัวไม้ขีดไฟมาอธิบายนี้ผมยกมาเอง ไม่ได้
    เป็นคำสอนของครูอาจารย์นะครับ ผมเถียงกับท่านคำของผมตัวอย่างของผม
    ผมคิดเองครับ อาจารย์สอนให้ใช้ปัญญาครับไม่ใช่ท่องจำอย่างเดียว เดี๋ยว
    คนเขาจะว่า ไม่ฉลาดครับ
    ......เรื่องหัวไม้ขีดไฟ ผมเอามาอธิบายเรื่องจิตเกิดดับอย่างไร แล้วไอ้ตัวที่
    ผมเปรียบเป็นจิตนั้นนะคือหัวไม้ขีด มันไม่ใช่ไฟอย่างที่ท่านว่าซัก
    กาหน่อย ไฟเป็นเพียงสภาวะการเกิดดับ สิ่งที่กล่าวมานี้เป็นการ
    สนับสนุนเหตุผลของการเกิดดับอย่างรวดเร็วของจิตเท่านั้น หัด
    ใช้โยนิโสบ้างนะครับ
     
  12. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418

    ....และแม้ในขณะที่ท่านออกบิณฑบารต จะถูกคนขว้างหินเข้าใส่ ท่านก็มิได้
    รู็สึกทุกข์ร้อนกับรูปกายที่ถูกขว้างปา นี้เป็นเหตุที่ผมบอกว่า จิตไม่ได้มีหน้าที่
    ชดใช้กรรม เพียงแต่จิตหลงไปยึดอารมณ์ทำให้เกิดภพชาติ[/QUOTE]
    ท่านมาช่วยเสริมคำอธิบายของผมหรือ อ่านท่อนบนนี้ของผมแล้วจะเข้าใจ
    ความหมายของผม ก็จิตไปหลงยึดอารมณ์ไง
    ..ไว้มาต่อวันหลัง
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    จิต พระอรหันต์ ไม่รับกรรม แต่ร่างกายรับกรรม

    ให้พิจารณาดังนี้

    เวลา ปุถุชนคนธรรมดา โดนหินขว้างใส่ ถ้าจิตรับกรรม ก็จะเต็มไปด้วยความรู้สึกต่างๆ เช่น ความน้่อยเนื้อต่ำใจ ความโมโห ความโกรธเคือง เวทนาที่ไม่ระงับ ต่างๆ นาๆ
    ปรุงแต่งไป หาทางเอาคืน ค้างอยู่อย่างนั้น 3 วัน 8 ปี ก็ยังไม่ลืม

    แต่ ถ้าเป็นพระอริยะ ก็เจ็บ แต่ ปล่อยผ่านได้ เท่าทันความรุ้สึกต่างๆ

    แต่ ถ้าเป็นพระอรหันต์ ก็คาดว่า จะกระทบที่เนื้อหนัง แล้วผัสสะก็ดับไปทันใด

    นั่นแหละ พระอรหันต์รับกรรมที่กาย แบบนั้น
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    จิต พระอรหันต์ ไม่รับกรรม แต่ร่างกายรับกรรม

    ให้พิจารณาดังนี้

    เวลา ปุถุชนคนธรรมดา โดนหินขว้างใส่ ถ้าจิตรับกรรม ก็จะเต็มไปด้วยความรู้สึกต่างๆ เช่น ความน้่อยเนื้อต่ำใจ ความโมโห ความโกรธเคือง เวทนาที่ไม่ระงับ ต่างๆ นาๆ
    ปรุงแต่งไป หาทางเอาคืน ค้างอยู่อย่างนั้น 3 วัน 8 ปี ก็ยังไม่ลืม

    แต่ ถ้าเป็นพระอริยะ ก็เจ็บ แต่ ปล่อยผ่านได้ เท่าทันความรุ้สึกต่างๆ

    แต่ ถ้าเป็นพระอรหันต์ ก็คาดว่า จะกระทบที่เนื้อหนัง แล้วผัสสะก็ดับไปทันใด

    นั่นแหละ พระอรหันต์รับกรรมที่กาย แบบนั้น
     
  15. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ข้ออ้างอิงข้างบนของผม ผมไม่แน่ใจว่าท่านอ่านเข้าใจหรือไม่ ความหมายของประโยคคือ หลังจากที่บรรลุอรหันต์ จิตท่านมิได้ไปยึดอารมณ์ที่ถูกหินขว้างปา
    ....ท่านธรรมภูต ผมรู้สึกเหนื่อยมากกับการสนทนากับท่าน ท่านเล่นคุย
    ประโยคใหม่แล้วลืมประโยคเก่า ลืมแม้กระทั้งประเด็นสำคัญที่กำลังหาข้อ
    อธิบายในประเด็นนั้น ประเด็นนี้มันมาจากที่ท่านบอกว่า จิตเกิดดับแล้ว
    จิตดวงไหนชดใช้กรรม ผมแย้งว่าจิตไม่ได้มีหน้าที่ชดใช้กรรม แต่มันเกิด
    จากจิตหลงไปยึดกรรมนั้นมา ทำให้ทุกข์สุขต่างๆ แล้วที่ยกท่านองคุลีมาล
    มา เพื่อสนับสนุน หลังจากที่ท่านบรรลุอรหันต์แล้ว จิตท่านไม่ไปยึดเกี่ยว
    อารมณ์หรือกรรมที่ท่านก่อมา ฉะนั้นจิตท่านไม่ต้องหรือไม่ได้ชดใช้กรรม
     
  16. สรรเพชร

    สรรเพชร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +3
    ท่านธรรมภูตครับ มานะครับมันทำให้ตึงเกินไป เมตตาขันติธรรมจะช่วยไม่ให้ตึงเกินไป ธรรมที่ท่านแสดงจะน่าฟังกว่านี้ จริง ๆ นะ
     
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    บุญพิชิต......เรื่องหัวไม้ขีดไฟ ผมเอามาอธิบายเรื่องจิตเกิดดับอย่างไร แล้วไอ้ตัวที่
    ผมเปรียบเป็นจิตนั้นนะคือหัวไม้ขีด มันไม่ใช่ไฟอย่างที่ท่านว่าซัก

    กาหน่อย ไฟเป็นเพียงสภาวะการเกิดดับ สิ่งที่กล่าวมานี้เป็นการ
    สนับสนุนเหตุผลของการเกิดดับอย่างรวดเร็วของจิตเท่านั้น หัด
    ใช้โยนิโสบ้างนะครับ
    .....ท่านครับท่านหัดใช้โยนิโสบ้างจะครับ ท่านบอกว่าจิตเกิดดับ
    เมื่อไฟที่ติดอยู่ที่ก้านไม้ขีดเกิดดับส่งต่อกัน เหมือนจิตเกิดดับ
    ผมถึงได้ถามว่าไฟมันเกิดดับตอนไหนครับ
    เห็นติดอยู่ตลอดเวลาจากก้านหนึ่งไปสู่อีกก้านหนึ่งครับ
    ไม่เห็นมันดับไปตอนไหนเลย อย่าใช้จินตนาการเองเออเองสิครับ
    เอาแบบรู้เห็นตามความเป็นจริงสิ ศาสนานะครับ ไม่ใช่เรื่องโกหกหลอกลวง...

    ;aa24<!-- google_ad_section_end -->
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    บุญพิชิต....และแม้ในขณะที่ท่านออกบิณฑบารต จะถูกคนขว้างหินเข้าใส่ ท่านก็มิได้
    รู็สึกทุกข์ร้อนกับรูปกายที่ถูกขว้างปา นี้เป็นเหตุที่ผมบอกว่า จิตไม่ได้มีหน้าที่
    ชดใช้กรรม เพียงแต่จิตหลงไปยึดอารมณ์ทำให้เกิดภพชาติ
    ท่านมาช่วยเสริมคำอธิบายของผมหรือ อ่านท่อนบนนี้ของผมแล้วจะเข้าใจ
    ความหมายของผม ก็จิตไปหลงยึดอารมณ์ไง

    .....ท่านครับความเป็นพระอรหันต์ เป็นกันที่จิตท่านเป็นพระอรหันต์หรือกายท่าน???
    กรรมดี...กรรมชั่วทั้งหลายบันทึกลงที่กายหรือที่จิตครับ???
    .....ท่านพระอาจารย์องคุลีมาล เวลาออกบิณฑบาตโดนพูดจาว่าร้าย กายหรือจิตรับรู้ครับ??? แต่ไม่ทุกข์
    .....ท่านครับจิตหลงไปยึดอารมณ์ทำให้เกิดภพชาติ ใครไปเกิดครับ? กายหรือจิตไปเกิดครับ???
    .....ตกลงกายหรือจิตเป็นผู้รับกรรมดี...กรรมชั่ว
    เพราะกายเป็นที่อาศัยของจิตและจิตก็ยึดขันธ์๕ว่าป็นตน เป็นของๆตนจึงเป็นทุกข์ใช่มั้ยครับ
    .....แต่เพราะจิตท่านพระอรหันต์ปล่อยวางอุปาทานขันธ์๕ จึงไม่เป็นทุกข์ไปกับอุปาทานขันธ์ทั้งหลายครับ.....

    ;aa24
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    บุญพิชิต...ข้ออ้างอิงข้างบนของผม ผมไม่แน่ใจว่าท่านอ่านเข้าใจหรือไม่ ความหมายของประโยคคือ หลังจากที่บรรลุอรหันต์ จิตท่านมิได้ไปยึดอารมณ์ที่ถูกหินขว้างปา
    ....ท่านธรรมภูต ผมรู้สึกเหนื่อยมากกับการสนทนากับท่าน ท่านเล่นคุย
    ประโยคใหม่แล้วลืมประโยคเก่า ลืมแม้กระทั้งประเด็นสำคัญที่กำลังหาข้อ
    อธิบายในประเด็นนั้น ประเด็นนี้มันมาจากที่ท่านบอกว่า จิตเกิดดับแล้ว
    จิตดวงไหนชดใช้กรรม ผมแย้งว่าจิตไม่ได้มีหน้าที่ชดใช้กรรม แต่มันเกิด
    จากจิตหลงไปยึดกรรมนั้นมา ทำให้ทุกข์สุขต่างๆ แล้วที่ยกท่านองคุลีมาล
    มา เพื่อสนับสนุน หลังจากที่ท่านบรรลุอรหันต์แล้ว จิตท่านไม่ไปยึดเกี่ยว
    อารมณ์หรือกรรมที่ท่านก่อมา ฉะนั้นจิตท่านไม่ต้องหรือไม่ได้ชดใช้กรรม

    ....ท่านครับผมก็รู้สึกเหนื่อยกับท่านเช่นกันครับ พูดเองหักล้างกันเองตลอด
    แต่ก็พยายามยัดเยียดว่า ผมพูดไม่รู้เรื่อง ท่านลองหันกลับมาพิจารณาตนเองด้วยนะครับ

    เพราะจิตหลงยึดอารมณ์(กรรมดี...กรรมชั่ว) จึงต้องไปเกิดในภพชาติตามผลของกรรมดี...กรรมชั่ว
    ถ้ากายเป็นผู้ใช้กรรมจริง การไปเกิดกี่ภพกี่ชาติก็ต้องได้ร่างกายเดิม เพื่อไปชดใช้กรรมดี...กรรมชั่ว
    แบบนี้เค้าเรียกว่าพวกมิจฉาทิฐิ ฝายสัสสตทิฐิครับ

    เพราะจิตมีอวิชชาครอบงำจึงได้หลงเกิดหลงตาย...เพื่อใช้กรรมครับ

    ;aa24
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  20. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ธรรมที่มีความทะยานอยากเป็นมูล ๙ อย่างเป็นไฉน ?

    ๑. เพราะอาศัยความทะยานอยาก จึงมีการแสวงหา
    ๒. เพราะอาศัยการแสวงหา จึงมีลาภ
    ๓. เพราะอาศัยลาภ จึงมีการวินิจฉัน
    ๔. เพราอาศัยการวินิจฉัน จึงมีความกำหนัด (หรือความคิด) ด้วยอำนาจแห่งความพอใจ
    ๕. เพราะอาศัยความกำหนัดด้วยอำนาจแห่งความพอใจ จึงมีการฝังใจ
    ๖. เพราะอาศัยการฝังใจ จึงมีการหวงแหน
    ๗. เพราะอาศัยการหวงแหน จึงมีความตระหนี่
    ๘. เพราะอาศัยความตระหนี่ จึงมีการอารักขา
    ๙. เพราะมีการอารักขาเป็นเหตุ จึงมีการจับท่อนไม้ การจับศัสตรา การทะเลาะ การแตกแยก การกล่าวขัดแย้งกัน การชี้หน้ากัน การพูดส่อเสียด การพูดปด และธรรมที่เป็นบาปอกุศลอีกเป็นเอนก

    นี้คือธรรมที่มีความทะยานอยากเป็นมูล ๙ อย่าง.
    อภิธัมมปิฎก ๓๕/๕๒๗




    แฮมชีสคัตสึ
    อกาลิโก

     

แชร์หน้านี้

Loading...