ติดตามสถานะการณ์

จังหวัดนครศรีธรรมราช


กฟภ.เร่งแก้ปัญหาไฟฟ้าดับ #เมืองคอน หลังต้นไม้ใหญ่ล้มขวางถนน

การแก้ปัญหาไฟฟ้าขัดข้อง โดยเฉพาะใน จ.นครศรีธรรมราช ยังมีอุปสรรคหลายจุด จากต้นไม้ใหญ่ล้มขวางเส้นทางจราจร และล้มพาดสายไฟฟ้าขาด ทำให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ รถเครน รถขุดเจาะ นำต้นไม้ออก เพื่อแก้ปัญหาระบบไฟฟ้า


วันนี้ (6 ม.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รายงานเมื่อเวลา 12.00 น. ว่าสามารถจ่ายไฟฟ้าให้ประชาชนได้ 100 เปอร์เซ็นต์แล้วในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ ภูเก็ต และสงขลา คงเหลือพื้นที่ อ.ปากพนัง และ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไข ซึ่งใน อ.เมือง มีผู้ใช้ไฟได้รับผลกระทบกว่า 190,000 ราย จ่ายไฟคืนได้แล้ว 159,000 ราย ส่วน อ.ปากพนัง ผู้ใช้ไฟได้รับผลกระทบ 35,000 ราย จ่ายไฟคืนแล้ว 30,000 ราย


นายปราโมทย์ สุดทรัพย์ ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดเผยว่า สาเหตุที่การแก้ไขทำได้ล่าช้ามาก ทั้งที่ช่วงแรกดูเหมือนมีความเสียหายไม่มาก เนื่องจากในช่วงพายุฝนตกหนักและลมพัดรุนแรง มีต้นไม้ล้มขวางทางจราจร ทำให้การเดินทางเข้าถึงพื้นที่ทำได้ล่าช้า และในบางพื้นที่เครื่องจักรกลหนักไม่สามารถเข้าถึง และยังพบต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มพาดสายไฟฟ้า ทำให้เสาล้มและสายไฟฟ้าขาด บางจุดต้องรอเครื่องเลื่อยไม้ขนาดใหญ่ที่จะนำต้นไม้ที่พาดสายออก และน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานได้



ขณะนี้ได้ ระดมชุดปฏิบัติการและทีมก่อสร้างจากเดิม 30 ทีมเพิ่มเป็น 52 ทีม เข้าพื้นที่พร้อมรถเครน รถขุดเจาะ เพื่อเคลื่อนย้ายต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ล้มทับเสา-สายไฟฟ้า และขวางถนน เพื่อเร่งแก้ระบบไฟฟ้าให้เป็นปกติโดยเร็วที่สุด


http://news.thaipbs.or.th/content/276808

 

จังหวัดนครศรีธรรมราช


จากการสำรวจ ร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ใน อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พบว่ากระเบื้องมุงหลังคา เป็นสินค้าขายดี หลังจากได้รับผลกระทบจาก #พายุโซนร้อนปาบึก


#ThaiPBSnews #ไทยพีบีเอส #ปาบึก #พายุปาบึก https://t.co/C4itpUTDdZ

 

จังหวัดนครศรีธรรมราช


สภาพความเสียหาย วันที่ 6 ม.ค. 2562 ที่บริเวณ บ้านสำธรรม ต.ดอนตรอ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช หลังพายุโซนร้อนปาบึก พัดผ่านไปเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา


#ThaiPBSnews #พายุปาบึก #ปาบึก #Pabuk https://t.co/SLy4si5mXb

 

จังหวัดนครศรีธรรมราช


การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งปิดเส้นทางเดินรถนครศรีธรรมราชต่อเนื่องอีก 1 วัน หลังพายุโซนร้อนปาบึกทำน้ำเข้าท่วมขังทางรถไฟจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก


นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้ในขณะนี้น้ำที่ไหลเข้าท่วมทางรถไฟระหว่างสถานีโคกคราม – นครศรีธรรมราช จนทำให้ต้องปรับเปลี่ยนการเดินรถไฟเมื่อวานนี้ (5 ม.ค.) จะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่จากการตรวจสภาพทางเบื้องต้นพบว่า ทางได้รับความเสียหายอย่างหนัก เพราะกระแสน้ำกัดเซาะหินโรยทาง ซึ่งรถอัดหินยังไม่สามารถเข้าพื้นที่เพื่อทำการลงหิน และอัดหินเสริมความมั่นคงของรางได้ ส่งผลให้ภายในวันนี้ไม่สามารถเปิดทางได้


การรถไฟฯ จึงจำเป็นต้องปรับปรับเปลี่ยนการเดินรถสถานีต้นทางปลายทาง ในวันที่ 6 มกราคม 2562 จำนวน 4 ขบวน และขบวนรถท้องถิ่น จำนวน 4 ขบวน ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความปลอดภัยในการเดินทางของผู้โดยสาร โดยให้เดินรถถึงแค่สถานีชุมทางทุ่งสง และจะทำการขนถ่ายผู้โดยสารทางรถยนต์ไปยังสถานีปลายทางต่อไป ส่วนขบวนรถสายใต้อื่นๆ ยังสามารถเดินทางจากต้นทางถึงสถานีปลายทางได้ตามปกติ ขบวนรถที่ปรับเปลี่ยนประกอบด้วย


เที่ยวไป

ขบวนรถเร็วที่ 173 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช ออกกรุงเทพ เวลา 17.35 น. ถึงชุมทางทุ่งสง เวลา 08.22 น.

ขบวนรถด่วนที่ 85 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช ออกกรุงเทพ เวลา 19.30 น. ถึงชุมทางทุ่งสง เวลา 09.27 น.

เที่ยวกลับ

ขบวนรถเร็วที่ 174 นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ ออกชุมทางทุ่งสง เวลา 14.24 น. ถึงกรุงเทพ เวลา 05.10 น.

ขบวนรถด่วนที่ 86 นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ ออกชุมทางทุ่งสง เวลา 16.20 น. ถึงกรุงเทพ เวลา 06.30 น.

ขบวนรถท้องถิ่น

ขบวนรถท้องถิ่นที่ 451 นครศรีธรรมราช – สุไหงโกลก งดเดิน ช่วงสถานีนครศรีธรรมราช – ชุมทางเขาชุมทอง

ขบวนรถท้องถิ่นที่ 455 นครศรีธรรมราช – ยะลา งดเดิน ช่วงนครศรีธรรมราช – ชุมทางเขาชุมทอง

ขบวนรถท้องถิ่นที่ 452 สุไหงโกลก – นครศรีธรรมราช งดเดิน ช่วงชุมทางเขาชุมทอง – สถานีนครศรีธรรมราช

ขบวนรถท้องถิ่นที่ 456 ยะลา – นครศรีธรรมราช งดเดิน ช่วงชุมทางเขาชุมทอง – นครศรีธรรมราช


การรถไฟฯ ได้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันยังสั่งการเจ้าหน้าที่ฝ่ายการช่างโยธา และนายสถานีในพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมกับรายงานสถานการณ์ให้ผู้บังคับบัญชา และศูนย์ปลอดภัยฝ่ายการเดินรถทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมิน และสั่งการแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม


นอกจากนี้ ยังจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่และมาตรการด้านความปลอดภัยอำนวยการเดินรถเส้นทางสายใต้อย่างเต็มกำลัง เพื่อเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง



นายวรวุฒิ กล่าวด้วยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งรัดในการตรวจสอบ และซ่อมแซมเส้นทางที่ชำรุด โดยเฉพาะในเส้นทางที่ถูกน้ำเซาะและได้รับความเสียหาย เพื่อเข้าปรับปรุงซ่อมแซมเส้นทางที่ชำรุดไว้แล้ว


สำหรับผู้โดยสารที่มีตั๋วโดยสารไปกับขบวนรถในวันดังกล่าว หากไม่ประสงค์ที่จะเดินทางสามารถคืนตั๋วโดยสารได้เต็มราคา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทรสายด่วนลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลข 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง


https://www.thebangkokinsight.com/84483/

 

จังหวัดนครศรีธรรมราช


#เมืองคอน เตรียมจัดสรรงบฟื้นฟู ผู้ประสบภัยเร่งด่วน

ชาวบ้านตำบลท่าพญา พบกลุ่มตระเวนเก็บทรัพย์สินและเครื่องมือประมง เผยอยู่ใกล้บ้านแต่ไปเก็บไม่ทัน ทางจังหวัดนครศรีธรรมราช เตรียมจัดสรรงบประมาณฟื้นฟูผู้ประสบภัยเร่งด่วน โดยเฉพาะการช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย


วันนี้ (6 ม.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บางพื้นที่ของ ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่อยู่ติดริมทะเล ได้รับความเสียหายจากพายุปาบึกอย่างหนัก ข้าวของภายในบ้านและเครื่องมือประมงที่ใช้ทำมาหาเลี้ยงชีพ ถูกน้ำซัดหายไปในทะเล




นางมาลา แก้วขาว ผู้ประสบภัย ต.ท่าพญา เปิดเผยว่า ทรัพย์สินภายในบ้านถูกน้ำพัดไปไม่ไกลมากนัก แต่ครอบครัวของเธอไม่สามารถเก็บของเหล่านั้นกลับมาได้ เพราะมีคนบางกลุ่มตระเวนเก็บไป โดยเฉพาะเครื่องมือประมง




ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง เป็นพื้นที่แรกๆ ที่ได้รับผลกระทบจากพายุปาบึก ที่ขึ้นฝั่งใน อ.ปากพนัง ทำให้บ้านของชาวบ้านริมทะเลเสียหายเกือบทุกหลังขณะที่บ้านบางหลัง แม้ว่าจะอยู่ฝั่งตรงข้ามและอยู่ห่างจากริมทะเล ก็มีน้ำทะเลที่หนุนสูงเข้าท่วมบ้าน ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายเพื่อเข้าช่วยเหลือ โดยเฉพาะการช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยที่จะต้องเร่งดำเนินการเป็นการเร่งด่วน


นอกจากนี้ ทางจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เตรียมแผนในการฟื้นฟูผู้ประสบภัย ด้วยการให้แต่ละหน่วยงานกลับไปสำรวจความเสียหาย ก่อนเสนองบประมาณของแต่ละกระทรวงเพื่อเข้าฟื้นฟู แต่ในบางกรณีหากมีความล่าช้าในการจัดสรรงบประมาณ ก็จะดำเนินการจัดสรรงบฉุกเฉินของทางจังหวัดดูแลผู้ประสบภัย

http://news.thaipbs.or.th/content/276804

 

จังหวัดนครศรีธรรมราช


อุทยานแห่งชาติเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติจาก "พายุปาบึก"


หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาหลวง-หัวหน้าพื้นที่อนุรักษ์แบบบูรณาการอุทยานแห่งชาติเขาหลวง จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย พบเขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวงมี ถนนขาดชำรุดเสียหาย จำนวน 4 จุด รถยนต์ไม่สามารถผ่านได้ ต้นไม้ล้ม ขวางถนนทางเข้าน้ำตกพรหมโลก เร่งจัดเจ้าหน้าที่ดำเนินการแก้ไข


วันนี้ (6 ม.ค.) นายวิกรานต์ ทั่วด้าว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาหลวง และหัวหน้าพื้นที่อนุรักษ์แบบบูรณาการอุทยานแห่งชาติเขาหลวง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รายงานความเสียหายจากสถานการณ์ภัยพิบัติจากพายุ “ปาบึก” เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2562 ว่าภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวงมี ถนนขาดชำรุดเสียหาย จำนวน 4 จุด รถยนต์ไม่สามารถ ผ่านไปมาได้ บริเวณทางขึ้นหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ขล.7 (น้ำตกยอดเหลือง) ม.9 ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช และมีต้นไม้ล้ม ต้นไม้ล้ม ขวางถนนทางเข้าน้ำตกพรหมโลก พลร่มตรวจเยี่ยมและติดตาม ความเสียหายของหน่วยฯ อ้ายเขียว อีกด้วย


จากนั้น นายวิกรานต์ ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ สายตรวจชุดที่ 6, 7, 8, 9, 10, 11 เข้าช่วยเหลือประชาชน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลานสกา, เจ้าหน้าที่ทหาร และชาวบ้านในพื้นที่ ช่วยบั่นทอนไม้ที่ล้มขวางทาง บริเวณบ้านเรือน ของชาวบ้านหมู่ที่ 3 หมู่ที่ 7 ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช


นอกจากนี้ ชุดสายตรวจชุดที่ 6, 7, 8, 9, 10, 11 ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ เข้าร่วม บั่นทอนไม้ขวางถนน และบ้านเรือนของเจ้าหน้าที่ บริเวณหมู่ที่ 8 ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชและได้เข้าบั่นต้นสะเดาเทียมล้มขวางถนน ทางเข้าหมู่ที่ 8 บ้านนางนมใต้ ตำบลขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีฯ และบั่นทอนต้นยางพารา และต้นไม้ ที่ล้มทับบ้านชาวบ้านจำนวน 3 หลัง โดยมีท่านนายอำเภอลานสกา ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรลานสกา ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 15 ร่วมด้วย


ด้าน นายสำคัญ อรทัย นายอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวขอบคุณคณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาหลวง ที่ได้ไปช่วยชาวบ้านในท้องที่อำเภอลานสกา โดนการเข้าบั่นทอนต้นไม้ที่ขวางถนน ที่ล้มทับบ้านเรือนในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติด้วย


https://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000001733

 

จังหวัดนครศรีธรรมราช


ชาวแหลมตะลุมพุก ร้องขอเครื่องจักร เคลียร์ทรายท่วมจากวิกฤตพายุโซนร้อนปาบึก


นครศรีธรรมราช - ชาวแหลมตะลุมพุกร้องขอเครื่องจักรกลเคลียร์ทรายจากทะเลท่วมหมู่บ้าน ด้านแพทย์ทหารใช้วิธีการเดินเท้าเข้าหาผู้ป่วย ขณะที่การไฟฟ้าและแขวงการทางเร่งกู้เส้นทางและระบบสายส่งไฟฟ้าในลานสกา


วันนี้ (6 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานภาพมุมสูงบริเวณชุมชนชาวประมงหมู่ 2 และหมู่ 3 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช แสดงให้เห็นความเสียหายของบ้านเรือนประชาชนจำนวนมากในขณะที่กำลังพลจากกองทัพภาคที่ 4 เข้าให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยบ้านเรือนที่เสียหายนั้นส่วนใหญ่จะมีหลังคาถูกลมพายุซัดจนพังหายไปกับลม ที่เหลือแตกเสียหาย นอกจากนั้นหลายหลังยังมีปัญหาด้านโครงสร้าง


นายนรินทร์ หนูจู ชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านแหลมตะลุมพุก ร้องขอให้ทางการเร่งนำเครื่องจักรกลเข้าเคลียปัญหา หลังจากทะเลได้ยกตัวซัดเข้าท่วมหมู่บ้าน หลังจากทะเลลดไปแล้วได้ทิ้งทรายไว้จำนวนมากบางหลังมีทรายสูงกว่า 1 เมตร ส่วนบนถนนเป็นอุปสรรคในการนำเรือลงทะเลอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ลากเรือขึ้นไปไว้บนถนนชั้นใน


ขณะที่ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้หน่วยแพทย์ทหารจากโรงพยาบาลค่ายวชิราวุธกองทัพภาคที่ 4 แพทย์และพยาบาล เป็นชุดเคลื่อนที่เข้าหาผู้ประสบภัยด้วยวิธีการเดินเท้า โดยเฉพาะในหมู่บ้านชั้นในที่ผู้ประสบเดินทางออกมายากลำบาก หน่วยแพทย์ทหารจะเข้าไปถึงบ้านของผู้ประสบภัย ซึ่งเบื้องต้นนั้นพบว่ามีผู้ป่วยที่มีอาการทางเดินหายใจ มีไข้ และมีบาดแผลเปิดจากการถูกบาดโดยเศษกระเบื้อง เศษแก้ว และขยะทะเลหลายราย


ส่วนพื้นที่อำเภอลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้เป็นวันที่ 3 จากผลกระทบจากพายุปาบึก เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาและเจ้าหน้าที่แขวงการทางนครศรีธรรมราชพยายามเข้ากู้เส้นทางและระบบสายส่ง โดยเจ้าหน้าที่แขวงการทางได้ช่วยตัดต้นไม้กิ่งไม้ที่โค่นล้มออกจากแนวสายส่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเร่งปักเสาพาดสายใหม่ ส่วนเสาเดิมนั้นไม่สามารถใช้การได้ เนื่องจากเสียหายหักโค่นจนสูญเสียขนาดความสูงตามมาตรฐาน โดยคาดว่าอย่างน้อยอีกราว 1 สัปดาห์จึงสามารถปล่อยไฟฟ้าไปได้ครอบคลุมทั้งพื้นที่ได้


https://mgronline.com/south/detail/9620000001735

 

จังหวัดนครศรีธรรมราช


นครศรีธรรมราช - ซากปรักหักพัง จากพิษพายุโซนร้อนปาบึก ที่บ้านเราะ ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เสียหายยับเยิน ผู้ประกอบการ ทำใจ ระบุโชคดีไม่สูญเสียชีวิต ทรัพย์สินหาใหม่ได้


https://www.posttoday.com/social/local/576068

 

จังหวัดนครศรีธรรมราช


นครศรีธรรมราช - สวนส้มโอทับทิมสยาม ในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เสียหายอย่างหนัก หลังถูก #พายุโซนร้อนปาบึก พัดถล่ม คาดสร้างความเสียหายต่อมูลค่าการผลิต และต้นส้มโอ หลายร้อยล้านบาท


วันนี้ (6 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงาน นอกจากบ้านเรือนประชาชนและภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของนครศรีธรรมราชจากพิษของพายุโซนร้อนปาบึก โดยเฉพาะสวนส้มโอทับทิมสยามในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ซึ่งเป็นพื้นที่ผลิตส้มโอทับทิมสยามผลไม้ชื่อดังของประเทศไทย ที่ไปสร้างชื่อเสียงโด่งดังไปในแถบเอเชียและยุโรปหลายประเทศ โดยสวนส้มโอเหล่านี้หลายแปลงเสียหายอย่างหนัก


เช่นที่สวนของ นายบุญยัง สวัสดิ์สุข อายุ 40 ปีเกษตรกรในตำบลคลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช อยู่ในสภาพผลอ่อนร่วงหล่นกระจัดกระจายไปทั้งสวน ต้นส้มโอจำนวนมากถูกถอนรากถอนโคนจากแรงลม โดยส้มโอชุดนี้จะได้เวลาเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2562 ต้องเสียหายไปทั้งหมด เฉพาะราคาผลผลิตมีมูลค่าสูงราว 5 ล้านบาท


นายบุญยัง สวัสดิ์สุข เจ้าของสวนส้มโอแปลงนี้เปิดเผยว่า แปลงที่เสียหายหนักสุดมีส้มโอราว 400 ต้น อายุ 6-7 ปีเป็นต้นที่กำลังสมบูรณ์มาก และเป็นต้นพ่อแม่พันธ์กำลังหนุ่มสาว หากประเมินผลผลิตที่จะได้ตลอดอายุนั้นไม่อาจประเมินได้ ยอมรับว่าเสียดายมาก ซึ่งคงต้องตั้งหลักและฟื้นฟูกันใหม่


“ส่วนผลกระทบทางด้านลูกค้านั้นที่เสียหายไปล็อตนี้ถูกสั่งไว้จนหมดแล้วแต่ไม่ได้ทำสัญญาไว้ หากมีการทำสัญญาเสียหายหนักกว่านี้แน่นอน หากรัฐบาลช่วยเหลือได้ในรูปแบบต่างๆ นั้นถือว่าเป็นกำลังใจในการพัฒนาตลาดส้มโอต่อไป ในรูปของเงินชดเชยหรือรูปของปุ๋ย ส่วนผลกระทบกับราคาผลผลิตหลังจากนี้คงมีออกสู่ตลาดน้อยลง เนื่องจากพื้นที่ผลิตเสียหายหนัก ซึ่งอาจมีผลต่อราคาที่อาจสูงขึ้น” นายบุญยัง สวัสดิ์สุข กล่าว


อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าสวนส้มโอทับทิมสยามสามารถผลิตได้ดีและมีคุณภาพสูงที่สุด เฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังเท่านั้น โดยมีการประเมินผลกระทบจากพายุนั้นได้สร้างความเสียหายต่อมูลค่าการผลิตและต้นส้มโอหลายร้อยล้านบาท


https://mgronline.com/south/detail/9620000001750

 

โดนกันหนัก

จังหวัดนครศรีธรรมราช



ตัวเลขความเสียหาย จากอิทธิพลของพายุ "ปาบึก" ช่วงที่ผ่านมา เบื้องต้นพบว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับผลกระทบ หนักสุด คือ น้ำท่วม 23 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อน 179,000 ครัวเรือน หรือคิดเป็น 500,000 คน


กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์พื้นที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ "ปาบึก" พบมีทั้งหมด 18 จังหวัด รวม 90 อำเภอ 407 ตำบล ประชาชนเดือดร้อนรวม 696,189 คน โดยจังหวัดที่กระทบหนักสุด คือ นครศรีธรรมราช พบน้ำไหลหลากเข้าท่วม 23 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อน 179,868 ครัวเรือน หรือประมาณ 539,000 คน


ที่สงขลา พบว่า เกิดวาตภัยและคลื่นซัดชายฝั่ง 4 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อน 8,630 ครัวเรือน เช่นเดียวกับที่ชุมพร เกิดภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 6 อำเภอ มีประชาชนเดือดร้อน 2,000 คน จังหวัดพัทลุง เกิดวาตภัย 6 อำเภอ เดือดร้อน 11,067 ครัวเรือน รวมถึงที่ประจวบคีรีขันธ์ พบน้ำทะเลหนุนสูง 5 อำเภอ เดือดร้อนประมาณ 1,500 คน นอกจากนี้ยังเกิดน้ำทะเลหนุนสูงในภาคกลางและภาคตะวันออก ทั้งตราด, ระยอง, จันทบุรี, สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม


รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ พบว่ามีจำนวน 4 ศพ แบ่งเป็นที่นครศรีธรรมราช 2 ศพ จากเหตุการณ์จมน้ำเสียชีวิต ที่อำเภอปากพนัง และ ต้นไม้ล้มทับบ้านที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ส่วนอีก 2 ศพจากกรณีเรือประมงอับปาง ซึ่งศพได้ลอยมาเกยชายหาดในพื้นที่จังหวัดปัตตานี


ส่วนผลกระทบด้านการเกษตร พบว่ามี 13 จังหวัดที่เสียหาย โดยเฉพาะด้านพืชทั้ง ข้าว, พืชไร่ และ พืชสวน เสียหาย 116,823 ไร่ เกษตรกรกระทบ 189,000 คน ส่วนด้านประมง เกษตรกรกระทบ 6,653 ราย พื้นที่บ่อปลา, บ่อกุ้ง หรือ กระชังปลา จำนวน 22,364 ไร่กระทบ และด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 25,000 ราย สัตว์ต่างๆ ทั้งโค, กระบือ, สุกร และสัตว์ปีก รวม 1,200,000 ตัวได้รับผลกระทบ


ขณะที่วันนี้ (6 ม.ค.) ตำรวจกองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวงและหน่วยบินสงขลา ขึ้นบินสำรวจถนนสาย 408 ที่เชื่อมต่อสงขลากับนครศรีธรรมราช ตั้งแต่อำเภอสทิงพระ จนถึงแหลมตะลุมพุก พบว่าถนนสามารถใช้การได้ดี หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังนำต้นไม้และเสาไฟฟ้าที่หักโค่นออกจากพื้นผิวการจราจร ขณะที่พื้นที่ 7 อำเภอของนครศรีธรรมราช พบว่าทั้งหมดเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยเฉพาะคลื่นลมในทะเลที่อ่อนกำลังลง ถนนสายต่างๆ กลับมาใช้งานได้ตามปกติ เหลือเพียงบางจุดที่ยังมีน้ำท่วมขัง อย่างไรก็ตาม ยังพบร่องรอยความเสียหายของบ้านเรือนจำนวนมากบริเวณอำเภอปากพนัง และแหลมตะลุมพุก .- สำนักข่าวไทย


https://www.tnamcot.com/view/S3aLHEzHy

 

จังหวัดนครศรีธรรมราช


จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งศูนย์รับบริจาคเงิน และสิ่งของ

เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจาก #พายุโซนร้อนปาบึก

จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ตั้งศูนย์รับบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก ขึ้นที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยประชาชนและผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศ สามารถร่วมบริจาคได้ตั้งแต่วันที่ 5-31 มกราคม 2562 ไม่เว้นวันหยุดราชการ ณ ห้องโถงศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช (หลังใหม่) หรือบริจาคเงินโอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชีเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก จังหวัดนครศรีธรรมราช พ. ศ. 2562 เลขบัญชี 389-0-2 4499-8 ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ทำการปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราช ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัด โทรศัพท์หมายเลข 0 7535 6133 ,075 356 597

 

จังหวัดนครศรีธรรมราช


เป็นไปตามขั้นตอน ระบบระเบียบ

 

จังหวัดนครศรีธรรมราช


ชาวบ้านหมู่1 หมู่ 3. และหมู่6 หมู่บ้านชายทะเลหัวถนน ต่างออกไปรอการนำอาหารจากภาคเอกชนที่จะกล่องมาแจกจ่าย หลังจากที่ต้องกลายเป็นผู้ประสบภัยจากอืทธิพลของพายุ "ปาบึก" ที่พัดขึ้นฝั่งอกเภอปากพนัง โดยการให้ความช่วยเหลือจากภาครัฐยังเข้าไม่ถึง ขณะที่ถนนทางเข้ายังมีต้นไม้ขวางเส้นทาง และยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ชาวบ้านบอกกว่า


ส่วนใหญ่จะไปแจกพื้นที่อื่นก่อนแต่บริเวณนี้ก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน


ส่วนหมู่2 บ้านศรีจัน ต.ปากพนังตะวันออก อ.ปากพนัง บอกว่า ทรัพย์สินที่สะสมไว้ใช้เวลานานในการสร้างตัว แต่น้ำพัดมาเพียงแค่ชัไม่ถึงวัน ทำให้เสียหายเกือบจะหมด หลังจากน้ำท่วมผ่านไป 2วัน ชาวบ้านต่างใช้ความพยายามในการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า นำหนังสือเรียน เสื้อผ้าที่นอน ออกมาตากแดด เร่งทำความสะอาดบ้านเรือน ชาวบ้านที่นี่ต้องการน้ำดื่ม


ส่วนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ได้รับผลกระทบจากพายุ หลังกุ้ง2-3เดือนที่เลี้ยงไว้ ไปกับน้ำเกินกว่า 50 % ในขณะที่ช่วงนี้กุ้งมีราคา ยังเหลือกุ้งอีกบางส่วนที่ไม่มาก ยังไม่รู้ว่าจะได้ทุนคืนหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่รู้ถึงการให้ความข่วยเหลือแต่ได้เตรียมหลักฐานเพื่อขอรับการชดเชย แจ้งหากทางจัวหสัดช่วยเหลือ


"ไม่เยอะเเล้ว ไปหมด ไม่คิดว่าจะท่วม ฤดูนี้ผ่านฝนไปแล้ว กุ้งไปไปหมด "


นอกจากนี้ยังมีอีกหลายพื้นที่ ที่หน่วยรัฐยังไปไม่ถคง เเละยังมีน้ำท่วมสูง คือโครงการส่งเสริมเลี้ยงปูดำในบ่อดิน บ้านเกาะไชยมหมู่7


โดยล่าสุดทางจังหวัดยังไม่ได้มีการประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน แต่ยืนยันว่าจะใช้เวลาฟื้นฟูเยียวยาไม่นาน

 

จังหวัดนครศรีธรรมราช


คลื่นลม บริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง


ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชัน “ปาบึก” (PABUK) ปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังอ่อนลง


พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง และจันทบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร


ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมาก กับมีฝนร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-29 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

 

Wudhichai Maitreesophone


เจ้าจอมอันธพาลเล็ก ร้องบอกกับเจ้าจอมอันธพาลใหญ่ว่า ให้ช่วยรับรองว่า ดินแดนที่ราบสูงโกลัน ที่เจ้าจอมอันธพาลเล็ก ยึดมาจากซีเรีย นั้นเป็นของอิสราเอล โดยชอบตามกฎหมายแล้ว

 

เจนจิรา จันทรเสนา



ชาวเซอร์เบีย ราว 3800 คนออกมาชุมนุมประท้วงประธานาธิบดี เข้าสู่สัปดาห์ที่ 5 แล้วค่ะ ในท่ามกลางอากาศที่สุดจะหนาวเหน็บ

ส่วนประธานาธิบดีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการรัฐสภาและควบคุมสื่อนั้น ให้สัมภาษณ์ว่า แม้จะมีคนออกมาประท้วงถึง 5 ล้านคนก็จะไม่ลาออกเพราะมาจากเสียงส่วนใหญ่ แต่ก็พร้อมจะเจรจากับฝ่ายค้าน

Thousands brave cold for fifth week of anti-govt protest in Belgrade

 

ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี อยู่ที่ แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2

07:03 #ภาพดาวเทียมย้อมสีจาก TWC ทุกสำนักถือว่าพายุหมุนเขตร้อน “ปาบึก” ในอ่าวเบงกอล สลายตัวแล้ว เหลือเพียงหย่อมความกดอากาศต่ำหลังการสลายตัวหรือ RMNTs แต่ทาง IMD หรือ อุตุฯอินเดีย #ยังถือว่าเป็นดีเปรสชัน ตามประกาศฉบับที่ 21โดยให้โค้ดเนมพายุเป็น 01B

 

ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี



07:45 สนามบินสุวรรณภูมิ 24°C
เชียงใหม่ 21°C

#เชียงราย 20°C

ลำปาง 21°C แม่ฮ่องสอน 21°C น่าน 20°C เลย 19°C มุกดาหาร 20°C นครพนม 23°C หนองคาย 22°C ร้อยเอ็ด 23°C โคราช 24°C อุดรฯ 22°C อุบลฯ 21°C พิษณุโลก 22°C พัทยา 24°C ภูเก็ต 25°C สงขลา 27°C

 

มีสืทธิกลับไปตายน่ะ

นานาสาระและความขัดแย้งที่ไม่เป็นธรรม


หญิงชาวซาอุดีอาระเบียหนีการกักขังโดยครอบครัว เพราะเลิกนับถือศาสนา แต่พอมาถึง กทม. แล้วถูกกงสุลซาอุดีฯ ยึดพาสปอร์ตและเตรียมส่งตัวกลับพรุ่งนี้เช้า (7 ม.ค.)

ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด มุตลัก อัลกุนุน หญิงชาวซาอุดีอาระเบียวัย 18 ปี ทวีตข้อความขอความช่วยเหลือ โดยเธออ้างว่า เธอได้หลบหนีออกจากประเทศ แต่ถูกทางการซาอุดีอาระเบียยึดพาสปอร์ตหลังจากเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อเวลา 21.30 น. ของวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา ทำให้เธอไม่สามารถขึ้นเครื่องบินต่อไปที่ออสเตรเลีย ซึ่งเธอได้รับวีซ่าแล้ว เนื่องจากครอบครัวของเธอได้แจ้งความว่าเธอหลบหนีออกจากบ้าน

ราฮาฟกล่าวว่า เธอถูกกักตัวไว้ที่โรงแรมมิราเคิล ทรานซิต โดยมีคนไทยคอยเฝ้าไม่ให้เธอหลบหนีออกจากโรงแรม และเธอได้รับแจ้งว่าเธอจะถูกส่งตัวกลับคูเวตด้วยสายการบินคูเวตแอร์เวย์สในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ (7 ม.ค.) แต่เธอต้องการดำเนินการขอสถานะผู้ลี้ภัยจาก สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR)

ราฮาฟเล่าว่า เธอถูกครอบครัวขังอยู่ในห้องนานถึง 6 เดือน เพียงเพราะเธอไปตัดผม โดยครอบครัวเธอมองว่า การตัดผมเป็นการทำผิดหลักศาสนา เพราะผู้หญิงไม่ควรตัดผมเหมือนผู้ชาย

นอกจากนี้ เธอยังถูกพี่ชายทำร้ายร่างกาย ขณะเดียวกัน เธอได้เลิกนับถือศาสนาอิสลามแล้ว แต่ครอบครัวของเธอไม่พอใจอย่างมาก และบังคับให้เธอสวมฮิญาบต่อไป เธอจึงตัดสินใจหลบหนีออกจากประเทศ

ราฮาฟอธิบายว่า เธอเกรงว่าเธออาจถูกสังหาร หากเธอถูกส่งตัวกลับประเทศ เพราะครอบครัวของเธอกดขี่เธอมาตลอด และการหนีออกจากบ้านถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งอาจทำให้เธอถูกจำคุก

ล่าสุด ราฮาฟอ้างว่า ตำรวจไทยได้เข้าพบเธอ เพื่อขอให้เธอหยุดขอความช่วยเหลือบนโซเชียลมีเดีย

สำนักข่าว AEC News Today สัมภาษณ์นายฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำภูมิภาคเอเชีย โดยนายโเบิร์ตสันกล่าวว่า การกักตัวราฮาฟเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก พร้อมเรียกร้องให้ทางการไทยอนุญาตให้ราฮาฟสามารถติดต่อ UNHCR ประจำกรุงเทพฯ

นายโรเบิร์ตสันยังกล่าวว่า การส่งราฮาฟกลับประเทศทำให้ราฮาฟกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อชีวิต ครอบครัวของเธอทำร้ายเธอทั้งทางร่างกายและจิตใจเพียงเพราะต้องการอิสรภาพ วิธีการที่เธอถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมยิ่งแสดงให้เห็นว่าซาอุดีอาระเบียเหยียบย่ำสิทธิสตรี รวมถึงสิทธิในการออกจากประเทศด้วย เธอได้รับวีซ่าออสเตรเลียแล้ว และมีสิทธิที่จะเดินทางไปที่ไหนก็ได้ตามที่เธอต้องการ รัฐบาลใดๆ ก็ไม่ควรมาแทรกแซง

นายโรเบิร์ตสันยังเรียกร้องให้ทางการไทยออกมาอธิบายว่าทำไมเจ้าหน้าที่การทูตจากซาอุดีอาระเบียได้รับอนุญาตให้เดินเข้าไปในพื้นที่ปิดของสนามบินสุวรรณภูมิ และยึดหนังสือเดินทางของพลเมืองซาอุดีฯ ได้

 

Direct From — กับ Dena Takruri

นอนเป็นพันๆบนถนน ไม่มีห้องน้ำ อาหาร หรือน้ำ นี่ไม่ใช่ประเทศที่กำลังพัฒนา บี่คือ Skid Row ของ Los Angeles