ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานการณ์โลก ด้านความมั่นคง


    ไต้หวันซ้อมรบด้วยกระสุนจริง: ไต้หวันจัดการซ้อมรบทางทหารด้วยกระสุนจริง เพื่อแสดงให้เห็นขีดความสามารถในการป้องกันตนเองจากคำขู่ของจีนแผ่นดินใหญ่ที่จะใช้กำลังในการรวมชาติกับไต้หวัน/โดยจำลองสถานการณ์จากการถูกบุกที่เมืองไถจง ส่วนที่เมืองซินจู่เครื่องบินรบมิราจได้แสดงศักยภาพในการทะยานขึ้นอย่างฉุกเฉิน../ไต้หวันช่วงนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษหลังได้รับยาหอมจากสหรัฐว่าจะช่วยปกป้องคุ้มครองภัยจากจีน แต่ไต้หวันก็ต้องช่วยซื้ออาวุธหน่อยนะเพราะตอนนี้กำลังกรอบ


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สนุกละ!ทรัมป์อ้างชัตดาวน์ขวางปธ.สภาฯบินไปต่างแดน เอาคืนถูกเบรคแถลงนโยบายประจำปี เผยแพร่: 18 ม.ค. 2562 04:40 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000629801.jpg

    แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ(คนกลาง) ถูกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขัดขวางการใช้เครื่องบินทหารบินสำหรับโปรแกรมเยือนต่างแดน สืบเนื่องจากวิกฤตชัตดาวน์
    รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี(17ม.ค.) ขวาง แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากการใช้เครื่องบินทหารบินสำหรับโปรแกรมเยือนต่างแดนทริปหนึ่ง ในการเอาคืนแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน หลังแกนนำของพรรคเดโมแครตรายนี้แนะให้เขาเลื่อนแถลงนโยบายประจำปีออกไป ระหว่างวิกฤตชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลบางส่วน

    ทรัมป์ ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันส่งหนังสือถึง เปโลซี ว่าหนึ่งในโปรแกรมเดินทางของเธอในการเยือนเบลเยียม, อียิปต์ และอัฟกานิสถาน ซึ่งตามความเห็นของเขานั้นถือเป็นกิจกรรมประชาสัมพันธ์จะต้องระงับ อ้างถึงภาวะชัตดาวน์ที่เข้าสู่วันที่ 27 แล้ว

    อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทรัมป์อ้างถึงโปรแกรมเดินทางใด เนื่องจากปกติแล้วเหล่าสมาชิกรัฐสภาจะไม่เปิดเผยโปรแกรมเยือนต่างประเทศก่อนการเดินทาง สืบเนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะกำหนดการดังกล่าวนั้นเกี่ยวข้องกับเขตสงครามดังเช่นกรณีนี้

    "สืบเนื่องจากการชัตดาวน์ ผมเสียใจที่ต้องแจ้งกับคุณว่าโปรแกรมเยือนบรัสเซลส์, อียิปต์และอัฟกานิสถาน จำเป็นต้องเลื่อน" หนังสือของทรัมป์ระบุว่า พร้อมบอกว่า เปโลซี ยังสามารถเดินทางไปได้ด้วยเครื่องบินพาณิชย์

    ปกติแล้วประธานสถาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯจะใช้เครื่องบินทหารสำหรับเดินทางไปยังต่างแดน ภายใต้การอนุญาตของประธานาธิบดี ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ(16ม.ค.) เปโลซี ส่งหนังสือถึงทรัมป์ แนะนำว่าเขาควรเลื่อนการแถลงนโยบายประจำปีซึ่งกำหนดไว้ในวันที่ 29 มกราคมนี้ออกไป เพราะความกังวลด้านความปลอดภัย สืบเนื่องจากภาวะชัตดาวน์

    หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯต้องปิดทำการบางส่วนมาตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม จากเหตุเผชิญหน้าอันมีต้นตอจากความต้องการของทรัมป์ ที่้ร้องของบประมาณ 5,700 ล้านดลอลาร์ เพื่อสร้างกำแพงตามแนวชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ซึ่งเดโมแครตต่อต้าน

    รัฐธรรมนูญของอเมริกา กำหนดให้ประธานาธิบดีต้องแถลงต่อรัฐสภาสหรัฐฯ เกี่ยวกับนโยบายต่างๆ เป็นประจำ โดยในยุคแรกนั้นมักเป็นการเขียนคำแถลงเพื่อส่งให้กับรัฐสภาโดยตรง แต่ในยุคหลัง ประธานาธิบดีมักใช้วิธีกล่าวคำแถลงทางโทรทัศน์เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับฟังด้วย

    เชื่อกันว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะใช้เวทีการแถลงแสดงนโยบายครั้งนี้ กล่าวกดดันให้พรรคเดโมแครตอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงมูลค่ากว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นประเด้นสำคัญที่ทำให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ปิดทำการอยู่ในขณะนี้

    https://mgronline.com/around/detail/9620000006075
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนส่งรองนายกฯ 'หลิว เหอ' ไปเจรจาการค้าที่สหรัฐฯเดือนนี้ แม้วอชิงตันตามเล่นงาน 'หัวเว่ย' ไม่ยอมเลิก เผยแพร่: 17 ม.ค. 2562 23:59 ปรับปรุง: 18 ม.ค. 2562 00:32 โดย: กองบรรณาธิการเอเชียไทมส์
    562000000627901.jpg

    รองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอ ของจีน หนึ่งในบุคคลวงในของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

    China Vice-Premier Liu off to US for trade talks this month
    By Asia Times staff
    17/01/2019

    รองนายกฯ หลิว เหอ ซึ่งถูกมองว่าเป็นซาร์ด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเดินทางไปกรุงวอชิงตันเพื่อเจรจากับฝ่ายสหรัฐฯในเรื่องการค้าระหว่างวันที่ 30-31 มกราคมนี้ ถึงแม้อเมริกายังคงไม่เลิกราในการหาช่องมุ่งเล่นงานบริษัทเทคโนโลยีโทรคมนาคมของแดนมังกร อย่าง หัวเว่ย และ แซดทีอี

    “มิสเตอร์หลิวกำลังจะไปวอชิงตัน” (Mr Liu is going to Washington) นี่ไม่ใช่เป็นการนำเอาภาพยนตร์คอมเมดี้-ดรามาระดับคลาสสิกเรื่อง “Mr Smith Goes to Washington” ของผู้กำกับ แฟรงค์ แคพรา (Frank Capra) มารีเมคใหม่ โดยมีการดัดแปลงพลิกผันให้มีความเป็นจีนๆ หรอก กระนั้นนี่ก็ยังจะเป็นการเดินทางไปเยือนเมืองหลวงของสหรัฐฯครั้งที่ 2 ในรอบระยะเวลา 7 เดือนของรองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.atimes.com/article/liu-heads-to-washington-with-shopping-list-to-entice-trump/)

    ในวันพฤหัสบดี (17 ม.ค.) กระทรวงพาณิชย์ของจีนแถลงยืนยันในกรุงปักกิ่งว่า ซาร์ด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นี้ จะไปวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อเจรจาหารือด้านการค้ากับรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ สตีเวน มนูชิน และผู้แทนการค้าสหรัฐฯ โรเบิร์ต ไลต์ไฮเซอร์ ระหว่างวันที่ 30 – 31 มกราคม (ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://english.mofcom.gov.cn/)

    การพบปะหารือครั้งนี้จะจัดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ภายหลังการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับกลางของทั้ง 2 ประเทศที่เมืองหลวงของจีน ซึ่งมุ่งหมายที่จะตระเตรียมงานพื้นฐานต่างๆ เป็นการต่อเนื่องตามมาจากการทำข้อตกลงสงบศึกสงครามการค้าระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กับ สี จิ้นผิง ประมุขแห่งรัฐของจีน ณ การประชุมซัมมิตกลุ่มจี20 ในกรุงบัวโนสไอเอส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อเดือนที่แล้ว (ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.atimes.com/article/trump-and-xi-serve-up-trade-war-truce-comfort-food/)

    “(หลิว) จะเจรจาในประเด็นทางเศรษฐกิจและการค้า ตลอดจนจะทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันให้เกิดความคืบหน้า และเป็นการปฏิบัติตามฉันทามติอันสำคัญ (ที่ทำกันไว้ระหว่างการประชุมซัมมิต จี20)” กว๋อ เฟิง (Gao Feng) โฆษกของกระทรวงพาณิชย์จีนแถลง

    การรีเซต “ความสัมพันธ์ ระหว่าง 2 ประเทศที่เป็นเจ้าของระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลกนี้ ได้รับความสนใจจับจ้องเป็นอย่างมากในช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เมื่อการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับกลางที่ปักกิ่งสิ้นสุดลงด้วยคำแถลงที่มองโลกในแง่ดี (ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.atimes.com/article/us-relationship-is-just-part-of-chinas-economic-dilemma/)

    ในตอนนั้น เท็ด แมคคินนีย์ (Ted McKinney) ปลัดกระทรวงเกษตรสหรัฐฯฝ่ายการค้าและกิจการด้านการเกษตรต่างประเทศ (US Under Secretary of Agriculture for Trade and Foreign Agricultural Affairs) หนึ่งในคณะเจรจาของฝ่ายอเมริกัน ได้บอกกับสื่อมวลชนว่า การพูดจาที่ดำเนินอยู่ 3 วันคราวนั้น นับเป็น”ช่วงสองสามวันที่ดีงาม”

    อารมณ์ความรู้สึกในทางสดใสเช่นนี้ยังฟูฟ่องภายหลังการแถลงแสดงทัศนะจากกระทรวงการต่างประเทศจีน “ผลที่ออกมาไม่เพียงเป็นประโยชน์แก่จีนและสหรัฐฯเท่านั้น แต่ยังเป็นข่าวดีสำหรับเศรษฐกิจโลกอีกด้วย” ลู่ คัง (Lu Kang) โฆษกของกระทรวงกล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนตามปกติ

    กระนั้น การตัดสินใจของฝ่ายจีนที่จะประกาศข่าวการเดินทางของรองนายกฯหลิวเที่ยวนี้ บังเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสื่อมวลชนในสหรัฐฯรายงานเปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรมอเมริกันได้เปิดการสอบสวนหัวเว่ย บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสื่อสารโทรคมนาคมสัญชาติจีน โดยเชื่อกันว่าเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาที่ว่าบริษัทขโมยความลับทางการค้า (ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.atimes.com/article/huawei-founder-ren-tries-to-ease-cybersecurity-fears/)

    “การสอบสวนนี้อยู่ในขั้นตอนคืบหน้าไปมากแล้ว และอาจนำไปสู่การกล่าวโทษฟ้องร้องดำเนินคดีกันในเร็วๆ นี้” วอลล์สตรีทเจอร์นัลอ้างอิงคำพูดของแหล่งข่าวหลายราย พร้อมกับระบุด้วยว่าการสืบสวนสอบสวนคดีนี้มีต้นตอมาจากคดีแพ่งคดีหนึ่งก่อนหน้านี้ซึ่ง ที-โมบายล์ (T-Mobile) กลุ่มกิจการสื่อสารโทรคมนาคมสัญชาติสหรัฐฯฟ้องร้องหัวเว่ย

    หัวเว่ย เป็นกิจการยักษ์ใหญ่ด้านเทคสัญชาติจีนรายล่าสุดที่ตกเป็นเป้าหมายถูกอเมริกาเล่นงาน หลังจากที่ แซดทีอี คู่แข่งภายในประเทศของหัวเว่ย ได้ถูกคณะบริหารทรัมป์ปิดกั้นไม่ให้ซื้อหาชิ้นส่วนสำคัญยิ่งยวดต่างๆ จากบริษัทสหรัฐฯทั้งหลาย ด้วยข้อหายังคงมีพฤติการณ์ทำผิดซ้ำอีก ทั้งที่ได้ทำข้อตกลงไม่ล่วงละเมิดมาตรการของสหรัฐฯในเรื่องการแซงก์ชั่นอิหร่านไปแล้ว

    การปิดกั้นดังกล่าวถึงขั้นทำให้แซดทีอีกลายเป็นอัมพาต บริษัทแทบจะเจ๊งไปทีเดียวก่อนที่จะได้รับการผ่อนปรนให้สามารถเข้าถึงชิ้นส่วนอเมริกันได้ใหม่ โดยแลกกับการเสียค่าปรับก้อนมหึมา ตลอดจนการถูกฝ่ายสหรัฐฯใช้กลไกเฝ้าติดตามว่าจะมีการปฏิบัติตามข้อตกลงใหม่นี้อย่างเคร่งครัด

    เมื่อถูกถามเกี่ยวกับรายงานชิ้นนี้ของวอลล์สตรีทเจอร์นัล (ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.atimes.com/article/us-opened-criminal-probe-of-huawei-for-trade-secret-theft-report/) หวา ชุนอิง (Hua Chunying) โฆษกของกระทรวงการต่างประเทาศจีนตอบว่า “ทั่วโลกมีความชัดเจนมากว่า เจตนารมณ์ที่แท้จริงของสหรัฐฯ คือการใช้ชิ้นส่วนของกลไกรัฐทุกๆ ชิ้นที่เป็นไปได้ เพื่อปราบปรามกดขี่และให้ร้ายป้ายสีบรรดาบริษัทไฮเทคของประเทศจีน” (ดูเพิ่มเติมคำแถลงของหวาได้ที่ https://www.fmprc.gov.cn/mfa_eng/xwfw_665399/ และดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวนี้ได้ที่ https://www.reuters.com/article/us-...and-zte-china-calls-it-hysteria-idUSKCN1PA2LU)

    “พฤติการณ์เช่นนี้ของสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นพฤติการณ์ตามปกติธรรมดาของประเทศปกติธรรมดาทั่วไป อย่าว่าแต่นี่เป็นพฤติการณ์ของมหาอำนาจชั้นนำของโลก” เธอกล่าวต่อ

    ส่วนประกอบต่างๆ ซึ่งทรงความสำคัญอย่างยิ่งยวดของสงครามการค้าคราวนี้ ได้แก่ประเด็นปัญหาที่วอชิงตันกล่าวหาปักกิ่งว่าบังคับให้บริษัทต่างชาติถ่ายโอนเทคโนโลยี, ทำการโจรกรรมทางไซเบอร์, ใช้โมเดลทางเศรษฐกิจแบบที่มีภาครัฐให้การหนุนหลัง, ตลอดจนการที่จีนเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าอย่างมหาศาล

    เมื่อปีที่แล้ว ตัวเลขการได้เปรียบนี้พุ่งสูงสร้างสถิติใหม่โดยอยู่ที่ 323,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ตามตัวเลขสถิติที่เผยแพร่โดยสำนักงานใหญ่ศุลกากร (General Administration of Customs) เมื่อวันจันทร์ (14 ม.ค.) (ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.atimes.com/article/chinas-cooling-economy-will-increase-unemployment-pressures/)

    กระนั้นก็ตามที มันก็เป็นรายงานข่าวแง่บวกชิ้นเดียวที่มีอยู่ในท่ามกลางตัวเลขข้อมูลอันชวนหดหู่อื่นๆ ขณะที่เศรษฐกิจจีนกำลังเดินหน้าเย็นตัวอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ

    “ด้วยการที่อัตราการเติบโตขยายตัวของทั่วโลกทำท่าจะชะลอลงต่อไปอีกในปีนี้ การส่งออกต่างๆ ก็จะยังคงอ่อนตัว แม้กระทั่งถ้าหากจีนสามารถทำข้อตกลงทางการค้าซึ่งผลักไสภาษีศุลกากรของทรัมป์ให้ถอยห่างกลับไปได้สำเร็จก็ตามที” จูเลียน อีแวนส์-พริตชาร์ด (Julian Evans-Pritchard) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสในด้านจีน ของ แคปิตอล อีโคโนมิกส์ (Capital Economics) เขียนเอาไว้เช่นนี้

    ไม่เหมือนกับในภาพยนตร์ของแคพรา ซึ่งจบลงโดยให้ความรู้สึกที่ดีมองโลกอย่างสดใส เที่ยวการเดินทางไปกรุงวอชิงตันของมิสเตอร์หลิว อาจจะพลิกผันกลายเป็นฝันร้ายขวัญผวาไปก็เป็นได้

    https://mgronline.com/around/detail/9620000006057
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อุกอาจ!คาร์บอมบ์ถล่มโรงเรียนตำรวจโคลอมเบียคร่า9ศพ เชื่อเป็นก่อการร้าย เผยแพร่: 18 ม.ค. 2562 02:33 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000628301.jpg

    รอยเตอร์ - เกิดเหตุคาร์บอมบ์ถล่มโรงเรียนตำรวจแห่งหนึ่งในกรุงโบโกตา เมืองหลวงของโคลอมเบียในวันพฤหัสบดี(17ม.ค.) คร่าชีวิตอย่างน้อย 9 ศพและบาดเจ็บ 24 คน ในเหตุโจมตีที่เจ้าหน้าที่ประณามว่าเป็นก่อการร้าย

    เหตุระเบิดที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจเจเนรัล ซานตาแดร์ ทางใต้ของเมืองหลวงโคลอมเบีย ทำหน้าต่างของอาคารอพาร์ทเมนตท์หลายแห่งที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบโรงเรียน แตกกระจัดกระจาย ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าพบเห็นรถยนต์พุ่งเข้าไปในบริเวณลานของสถาบันก่อนเกิดระเบิด

    562000000628302.jpg


    ประธานาธิบดีอีวาน ดูค ปะณามเหตุระเบิดครั้งนี้ว่าเป็น "การลงมือก่อการร้ายที่น่าสังเวช ต่อตำรวจของเรา" และเผยว่าเขาอยู่ระหว่างเดินทางจากภาคตะวันตกของประเทศกลับสู่เมืองหลวง หลังเสร็จการประชุมด้านความมั่นคงที่นั่น

    ผู้นำรายนี้เผยต่อว่าเขาได้สั่งหารให้กองกำลังด้านความมั่นคงตามล่าผู้ก่อเหตุและนำตัวคนเหล่านั้นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

    562000000628303.jpg


    กระทรวงกลาโหมระบุในถ้อยแถลงว่ามีผู้เสียชีวิต 9 คนและบาดเจ็บ 24 ราย อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ระบุว่าพวกผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บนั้น เป็นตำรวจหรือพลเมือง

    เฮลิคปเตอร์ลำหนึ่งบินวนรอบพื้นที่และเหล่าครอบครัวของนายร้อยตำรวจของสถาบันต่างมารวมตัวกัน ด้วยหลายคนถึงกับร่ำไห้รอฟังข่าวคราวของบุคคลอันเป็นที่รัก ขณะเดียวกันยังพบเห็นรถฉุกเฉินเข้าๆออกๆจุดเกิดเหตุเป็นระยะๆ

    ยังไม่มีคำยืนยันหรือคำสันนิษฐานว่าใครที่อาจอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีด้วยคาร์บอมบ์ครั้งนี้

    562000000628304.jpg


    เหตุคาร์บอมบ์เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสงครามกลางเมทองระหว่างรัฐกับกบฏฝ่ายซ้ายหลายกลุ่มในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา เช่นเดียวกับความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคายาเสพคิด เมเดลลิน ซึ่งนำโดยราชายาเสพติด ปาโบล เอสโคบาร์

    ความเลวร้ายของสงครามสิ้นสุดลงเมื่อรัฐบาลบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับ กองกำลังติดอาวุธเพื่อการปฏิวัติแห่งโคลอมเบีย (Revolutionary Armed Forces of Colombia)ในปี 2016

    https://mgronline.com/around/detail/9620000006062
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เยอรมนีกำลังพิจารณาตามรอยสหรัฐฯแบน'หัวเว่ย'ไม่ให้ร่วมทำเครือข่าย5G เผยแพร่: 17 ม.ค. 2562 23:30 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000625401.jpg

    รอยเตอร์ - รัฐบาลเยอรมนีกำลังถกเถียงกันว่าจะเดินตามรอยสหรัฐฯและพันธมิตรอื่นๆอย่างเช่นออสเตรเลีย ในการจำกัด หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ของจีน จากการเข้าถึงเครือข่ายโทรคมนาคมยุคถัดไป บนพื้นฐานด้านความมั่นคงแห่งชาติ

    ก่อนหน้านี้มีประเทศตะวันตกบางชาติได้ตัดสินใจแบนหัวเว่ยจากตลาดของพวกเขา หลังจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯบรรยายสรุปกับพันธมิตรว่า หัวเว่ย เป็นผู้รับใช้ของรัฐจีน พร้อมเตือนว่าอุปกรณ์เครือข่ายของบริษัทแห่งนี้อาจบรรจุ "ประตูหลัง" ที่สามารถใช้เป็นช่องทางที่พวกเขาจะใช้จารกรรมทางไซเบอร์ แม้ หัวเว่ย ยืนกรานปฏิเสธและบอกว่าความกังวลต่อเรื่องดังกล่าวนั้นไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย

    ในขณะที่ยังไม่มีการตัดสินใจอย่างเป็นรูปเป็นร่างเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ หนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวัน Handelsblatt รายงานในวันพฤหัสบดี(17ม.ค.) ว่ารัฐบาลของนายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคิล กำลังพิจารณาอย่างกระตือรือร้นต่อการยกระดับข้อบังคับด้านความมั่นคงเข้มงวดขึ้น รวมถึงแนวทางอื่นๆสำหรับกีดกันหัวเว่ยออกไป

    แหล่งข่าวรัฐบาลเปิดเผยกับ Handelsblatt ว่าพวกเจ้าหน้าที่กำลังหารือกันเกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานด้านความมั่นคงที่ หัวเว่ย ไม่อาจบรรลุเป้าหมาย ซึ่งผลก็คือขัดขวางการเข้าร่วมของพวกเขา ทั้งนี้การแก้ไขกฎหมายโทรคมนาคมของเยอรมนีก็อยู่ในขายพิจารณาเช่นกัน ในฐานะทางเลือกสุดท้าย

    ในหนังสือของกระทรวงมหาดไทยเยอรมนีที่ตอบคำถามของ คาทารินา โดรเก ส.ส.จากพรรคกรีนส์ พรรคฝ่ายค้าน ระบุว่า "กระบวนการในการบรรลุมุมมองร่วมกันในมาตรการต่างๆที่เป็นรูปเป็นร่างในเรื่องนี้ยังไมได้บทสรุป"

    ยุโรปกลายเป็นสมรภูมิสำคญในการต่อสู้ระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตัน ที่พวกนักวิเคราะห์ต่างมองว่ามันอาจบ่อนทำลายเป้าหมายความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีในยุคทศวรรษที่ 21 ของสองชาติมหาอำนาจ

    หัวเว่ย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยไล่ตาม โนเกียและอีริคส์สัน อยู่ห่างๆ ตอนนี้ได้กลายเป็นผู้นำในตลาดโลกในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่สหรัฐฯไม่เคยครองแชมป์มาก่อนเลย

    ในวอชิงตัน เมื่อวันพุธ(16ม.ค.) สมาชิกสภาคองเกรสทั้งสายเดโมแครตและรีพับลิกันร่วมกันเสนอร่างกฎหมายห้ามบริษัทอเมริกันจำหน่ายชิปและชิ้นส่วนไฮเทคให้แก่ หัวเว่ย เทคโนโลยีส์, แซดทีอี คอร์ป รวมถึงบริษัทโทรคมนาคมของจีนรายอื่นๆ ที่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรหรือกฎหมายควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ

    ดอยช์ เทเลคอม แถลงเมื่อเดือนธันวาคม ว่าจะทบทวนยุทธศาสตร์การทำธุรกิจของพวกเขา ส่วนออเรนจ์ของฝรั่งเศส ระบุจะไม่จ้างบริษัทจีนสร้างเครือข่ายข่ายโทรคมนาคมยุคถัดไปในฝรั่งเศส

    ความตึงเครียดพุ่งสูงขึ้นจากกรณี เมิ่ง หว่านโจว ประธานบริหารทางการเงินของหัวเว่ย และบุตรสาวของผู้ก่อตั้งถูกจับที่เมืองแวนคูเวอร์ แคนาดา ในเดือนที่แล้วตามการร้องขอของสหรัฐฯ และเป็นไปได้ว่าจะถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังอเมริกา

    เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย ออกมาปรากฏตัวต่อสาธารณะแบบที่ไม่เคยพบเห็นบ่อยครั้งนักในสัปดาห์นี้ ยืนยันว่าบริษัทของเขาไม่เคยได้รับคำร้องของจากรัฐบาลในการถ่ายโอนข้อมูลที่ละเมิดกฎระเบียบใดๆ

    https://mgronline.com/around/detail/9620000006055
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทูตเกาหลีหนือมุ่งสู่วอชิงตัน คาดคุย'พอมเพโอ-ทรัมป์'หารือประชุมซัมมิตหน2 เผยแพร่: 18 ม.ค. 2562 01:01 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000627201.jpg

    คิม ยอง โชล หัวหน้าคณะเจรจาของเกาหลีเหนือ เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ เพื่อเดินทางออกจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน มุ่งหน้าสู่วอชิงตัน ในวันพฤหัสบดี(17ม.ค.)
    รอยเตอร์ - ทูตเกาหลีเหนือมุ่งหน้าสู่วอชิงตันในวันพฤหัสบดี(17ม.ค.) ท่ามกลางความคาดหมายว่าจะเข้าพูดคุยกับ ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และเป็นไปได้ที่จะมีโอกาสพบปะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการวางรอบการประชุมซัมมิตสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ หน 2

    รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวระบุว่า คิม ยอง โชล หัวหน้าคณะเจรจาของเกาหลีเหนือ ในการเจรจาปลดนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ มีกำหนดเข้าพบ พอมเพโอ ในวันศุกร์(17ม.ค.) สัญญาณความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในความพยายามทางการทูต หลังจากก่อนหน้านี้ดูเหมือนหยุดชะงักมานานหลายเดือน

    แหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์เอ่ยนามคาดหมายว่าการเดินทางมาเยือนของผู้แทนระดับสูงเกาหลีเหนือครั้งนี้อาจนำมาซึ่งถ้อยแถลงของแผนสำหรับการประชุมซัมมิตรอบใหม่ระหว่างทรัมป์กับ คิม จองอึน ผู้นำเปียงยาง หลังทั้งคู่พบปะกันครั้งแรกในสิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน

    อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ยังไม่พบสิ่งบ่งชี้ว่าความเห็นต่างระหว่างสองฝ่ายได้ลดน้อยลงไป ต่อกรณีข้อเรียกร้องของสหรัฐฯที่ขอให้เกาหลีเหนือลดทิ้งโครงการอาวุธนิวเคึลียร์ซึ่งเป็นภัยคุกคามอเมริกาหรือต่อข้อเรียกร้อของทางเปียงยาง ที่ต้องการให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเสียก่อน

    สำนักข่าวยอนฮับรายงานก่อนหน้านี้ว่า คิม ยอง โชล อยู่บนเที่ยวบินหนึ่งที่กำลังเดินทางไปยังวอชิงตันในวันพฤหัสบดี(17ม.ค.) และคาดหมายว่าจะเดินทางถึงเมืองหลวงของสหรัฐฯในช่วงเย็นวันเดียวกัน

    พอมเพโอ เคยมีแผนพบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ เพื่อหารือเกี่ยวกับการประชุมซัมมิตหน 2 เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน แต่การพูดคุยดังกล่าวถูกเลื่อนไปในนาทีสุดท้าย

    ครั้งสดท้ายที่ คิม ยอง โชล เดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน คือเมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน โดยคราวนั้นเขานำจดหมายจากคิม จองอึน มาส่งมอบแก่ ทรัมป์ และมันกลายเป็นตัวเปิดทางสำหรับการประชุมซัมมิตที่สิงคโปร์เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน

    ทั้งนี้ซีเอ็นเอ็นอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับการเจรจาสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ ระบุว่าการมาของ คิม ชอง โซล คราวนี้อาจนำจดหมายใหม่จาก คิม จองอึน มาส่งมอบแด่ ทรัมป์ อีกครั้ง

    เมื่อวันพุธ(16ม.ค.) ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยอมรับว่าความพยายามโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือยอมละทิ้งโครงการนิวเคลียร์ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร "ในขณะที่ท่านประธานาธิบดีมีการพูดคุยอย่างมีความหวังกับท่านประธานคิม เรายังคงมาตรการที่เป็นรูปธรรมจากเกาหลีเหนือ สำหรับรื้อถอนอาวุธนิวเคลียร์ที่คุกคามประชาชนของเราและพันธมิตรของเราในภูมิภาค"
    https://mgronline.com/around/detail/9620000006060
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาพน่ากลัว!!ตูมสนั่นห้องสมุดมหาวิทยาลัยฝรั่งเศส เปลวไฟมหึมาลุกท่วมอาคาร(ชมคลิป) เผยแพร่: 17 ม.ค. 2562 22:00 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000624701.jpg

    รัสเซียทูเดย์ - สื่อต่างประเทศและโลกออนไลน์เผยแพร่ภาพน่าขนลุก เหตุระเบิดตูมสนั่นหลายระลอกที่ห้องสมุดวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกของฝรั่งเศส ก่อลูกไฟขนาดใหญ่พวยพุ่งออกจากหลังคา อย่างไรก็ตามมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยแค่ 3 ราย ขณะที่นักศึกษาและเจ้าหน้าที่ถูกอพยพออกจากอาคารดังกล่าว

    เปลวเพลิงขนาดมหึมาพวยพุ่งขึ้นจากอาคารหลังหนึ่งของมหาวิทยาลัยโคล้ด แบร์นาร์ด ลียง 1 ใน วิลเลอร์บานเนอ ย่านชานเมืองลียง ทางภาคตะวันออกของฝรั่งเศส โดยในวิดีโอพบเห็นไฟลุกท่วมบริเวณหลังคาของอาคารและได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว

    562000000624702.jpg

    เหตุไฟไหม้ครั้งนี้มีต้นเพลิงบริเวณดาดฟ้าของอาคารซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ในขณะที่ภายในตึกดังกล่าวเป็นที่ตั้งของห้องสมุดวิทยาศาสตร์ของทางมหาวิทยาลัย

    อย่างไรก็ตามต่อมามหาวิทยาลัยให้ข้อมูลบนทวิตเตอร์ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 3 รายและสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว

    ด้านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุว่าการระเบิดมีสาเหตุจากถังแก๊ส 3 ถังเกิดระเบิดหลังจากไฟเริ่มลุกลาม และไม่เป็นที่สงสัยว่าเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เป็น "อุบัติเหตุ"

    หลังจากเกิดไฟไหม้ไม่นาน ตำรวจและหน่วยดับเพลิงได้รุดมายังจุดเกิดเหตุ จากนั้นก็ทำการอพยพเจ้าหน้าที่และเหล่านักศึกษาออกจากอาคารต่างๆที่อยู่ใกล้เคียง ในมาตรการป้องกันไว้ก่อน

    https://mgronline.com/around/detail/9620000006028
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กู้ภัยสเปนเร่งทำงานแข่งกับเวลา ช่วยเด็ก 2 ขวบตกหลุมลึกร้อยเมตร
    เผยแพร่: 17 ม.ค. 2562 21:23 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000624201.jpg

    เอเจนซีส์ - เจ้าหน้าที่กู้ภัยในพื้นที่ทางตอนใต้ของสเปนกำลังทำงานแข่งกับเวลาเพื่อหาทางช่วยเหลือเด็กที่ตกลงไปในหลุมลึกกว่า 100 เมตรตั้งแต่เมื่อ 4 วันก่อน

    ฮูเลน โรเซลโล เด็กชายวัย 2 ขวบ ที่ออกไปปิกนิกกับครอบครัวในย่านชนบทเมื่อวันอาทิตย์ และเชื่อว่าได้ตกลงไปในหลุมที่มีคนเจาะไว้ ขนาดความกว้าง 25 เซ็นติเมตร ลึกประมาณ 110 เมตร ในเมืองโตตาลัน ใกล้เมืองมาลากา

    ไม่มีใครเห็นหรือได้ยินเสียงเด็กอีกเลยนับตั้งแต่เขาหายตัวไป แต่ครอบครัวและเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงหวังว่าเด็กคนนี้จะยังมีชีวิตอยู่

    วิศวกรและผู้เชี่ยวชาญด้านเหมืองกำลังพยายามป้องกันไม่ให้ตัวหลุมเกิดการพังถล่มลงไปกลบเด็ก รวมถึงพยายามคำนวณหาตำแหน่งของเด็ก

    ผู้เชี่ยวชาญด้านเหมืองระบุว่า อาจต้องใช้เวลาอีก 2-3 วันในการเข้าถึงตัวเด็ก ซึ่งตามปกติแล้วจะต้องวางแผน ต้องใช้ตัวอย่างและเสียง การทำงานแบบนี้อาจกินเวลาเป็นเดือน แต่ในกรณีแบบนี้ ต้องรีบช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทำให้กรอบเวลาต่างไปจากเดิม

    "เราจะทำมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเด็ก" ผู้เชี่ยวชาญด้านเหมือง ระบุ

    เมื่อวันพุธ เจ้าหน้าที่ระบุว่า สามารถเก็บกู้ตัวอย่างเส้นผมขึ้นมาได้ ซึ่งทดสอบแล้วตัวอย่างดีเอ็นเอตรงกับเด็กที่หายตัวไป

    สองวันก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้สำรวจหลุมแล้วพบถ้วยใส่ขนมที่เด็กถือติดตัวก่อนตกลงไป

    โฮเซ โรเซลโล พ่อของเด็กบอกว่า เขารีบวิ่งไปที่หลุมตอนที่ได้ยินเสียงลูกร้องขณะตกลงไป

    "ผมลองหย่อนหินก้อนเล็กๆ ลงไปในหลุมแล้วก็ได้ยินเสียงลูกร้อง ลูกชายผมอยู่ในนั้น ไม่ต้องสงสัยเลย ผมหวังว่าเขาจะไม่อยู่ในนั้นแต่ก็ได้ยินเสียงว่าเป็นเขา ผมอยากให้เป็นผมที่ติดอยู่ในนั้น แล้วให้ลูกอยู่กับแม่บนนี้" พ่อเด็กกล่าว

    562000000624202.jpg

    https://mgronline.com/around/detail/9620000006027
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ เสนอร่างกม.ห้ามจำหน่ายชิ้นส่วนไฮเทคให้ ‘หัวเว่ย-ZTE’ เผยแพร่: 17 ม.ค. 2562 13:06 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000593401.jpg

    รอยเตอร์ - สมาชิกสภาคองเกรสทั้งสายเดโมแครตและรีพับลิกันร่วมกันเสนอร่างกฎหมายห้ามบริษัทอเมริกันจำหน่ายชิปและชิ้นส่วนไฮเทคให้แก่ หัวเว่ย เทคโนโลยีส์, แซดทีอี คอร์ป รวมถึงบริษัทโทรคมนาคมของจีนรายอื่นๆ ที่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรหรือกฎหมายควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.)

    ขณะเดียวกัน มีรายงานจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์เนิลว่า อัยการกลางสหรัฐฯ กำลังสอบสวนเรื่องที่ หัวเว่ย ถูกกล่าวหาว่าขโมยความลับทางการค้าของ ที-โมบายล์ ยูเอส อิงค์ ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ และบริษัทอเมริกันอีกหลายราย

    เดอะเจอร์เนิลระบุว่า หัวเว่ย อาจถูกตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้กรณีขโมยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ‘Tappy’ ของ ที-โมบายล์ ซึ่งสามารถเลียนแบบนิ้วมือของมนุษย์ และถูกใช้เพื่อการทดสอบสมาร์ทโฟน

    หัวเว่ย แถลงยืนยันว่าบริษัทและ ที-โมบายล์ ได้ทำข้อตกลงระงับข้อพิพาทแล้วในปี 2017 หลังจากคณะลูกขุนสหรัฐฯ ตัดสินว่า “ไม่พบทั้งความเสียหาย, การได้มาซึ่งลาภอันงอกเงยอย่างไม่เป็นธรรม (unjust enrichment) หรือการกระทำมุ่งร้ายโดย หัวเว่ย” ตามที่ ที-โมบายล์ ได้กล่าวอ้าง

    สำหรับร่างกฎหมายล่าสุดนี้เป็นหนึ่งในหลายๆ มาตรการที่สหรัฐฯ ในยุคของ โดนัลด์ ทรัมป์ งัดมาใช้ตอบโต้แนวปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน เช่น การขโมยทรัพย์สินทางปัญญา, การอุดหนุนภาคอุตสาหกรรมอย่างผิดกฎหมาย และกฎเกณฑ์ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อบริษัทอเมริกันที่ต้องการส่งสินค้าไปขายในจีน

    เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้เริ่มเปิดการสอบสวนแนวปฏิบัติทางการค้าของจีน โดยมีการตั้งข้อหากับบริษัท ฝูเจี้ยน จินหวา อินทิเกรต เซอร์กิต (Fujian Jinhua Integrated Circuit Co Ltd) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของแดนมังกร ฐานขโมยความลับทางการค้าเกี่ยวกับงานวิจัยและการพัฒนาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลของ ไมครอน เทคโนโลยี ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติอเมริกัน

    แม้ จินหวา จะยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิด แต่ก็ถูกขึ้นบัญชีเป็นบริษัทที่ไม่สามารถซื้อสินค้าจากผู้ผลิตในสหรัฐฯ ได้

    กลุ่มสมาชิกรัฐสภาซึ่งประกอบด้วย ส.ว. ทอม คอตตอน และ ส.ส. ไมค์ แกลลาเกอร์ จากพรรครีพับลิกัน ร่วมกับ ส.ว. คริส แวน ฮอลเลน และ ส.ส. รูเบน แกลเลอโก จากพรรคเดโมแครต เสนอร่างกฎหมายให้ประธานาธิบดีสั่งห้ามผู้ผลิตอเมริกันจำหน่ายอุปกรณ์ไฮเทคให้แก่บริษัทโทรคมนาคมจีนทุกรายที่ฝ่าฝืนมาตรการคว่ำบาตรหรือกฎหมายควบคุมการส่งออกของอเมริกา

    ร่างกฎหมายนี้ยังอ้างถึง แซดทีอี และ หัวเว่ย อย่างเฉพาะเจาะจง โดยเป็นที่หวาดระแวงในสหรัฐฯ ว่าสวิตช์และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ผลิตโดย 2 ค่ายนี้อาจถูกใช้สอดแนมชาวอเมริกัน และทั้ง 2 บริษัทยังถูกครหาว่าหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านด้วย

    “หัวเว่ย ทำหน้าที่เป็นเสมือนหน่วยรวบรวมข่าวกรองให้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอก็เป็นวิศวกรที่เคยทำงานให้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนมาก่อน” คอตตอน ระบุในถ้อยแถลง

    “หากบริษัทสื่อสารของจีนอย่าง หัวเว่ย ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรหรือกฎหมายส่งออกของเรา พวกเขาก็สมควรโดนประหารสถานเดียว ซึ่งการห้ามจำหน่ายอุปกรณ์ไฮเทคจะนำไปสู่ผลลัพธ์ดังกล่าว”

    สหรัฐฯ ยังกดดันให้ประเทศพันธมิตรเลิกซื้อสวิตซ์และอุปกรณ์อื่นๆ จากหัวเว่ย โดยอ้างว่าเป็นเครื่องมือที่ปักกิ่งใช้จารกรรมข้อมูล

    เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ออกมาแถลงยืนยันในสัปดาห์นี้ว่า บริษัทของเขาไม่ได้เป็นภัยคุกคามความมั่นคง หรือทำภารกิจสอดแนมให้รัฐบาลจีนอย่างที่ประเทศตะวันตกอ้าง

    เมิ่ง หว่านโจว บุตรสาวของ เหริน และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของหัวเว่ย ถูกทางการแคนาดาจับกุมเมื่อเดือนที่แล้วตามการร้องขอของสหรัฐฯ ซึ่งต้องการได้ตัว เมิ่ง ไปดำเนินคดีฐานใช้ระบบธุรกรรมการเงินของธนาคารหลบเลี่ยงกฎหมายคว่ำบาตรอิหร่าน

    สำหรับกรณีของแซดทีอี บริษัทได้ยอมจ่ายค่าปรับ 1,000 ล้านดอลลาร์ให้แก่สหรัฐฯ พร้อมเปลี่ยนตัวคณะผู้บริหารใหม่เมื่อปีที่แล้ว เพื่อให้วอชิงตันยกเลิกคำสั่งกระทรวงพาณิชย์เมื่อเดือน เม.ย. ปี 2018 ซึ่งห้ามไม่ให้บริษัทอเมริกันขายชิ้นส่วนไฮเทคให้แก่แซดทีอีเป็นเวลา 7 ปี สืบเนื่องจากการที่บริษัทแห่งนี้ฝ่าฝืนมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านและเกาหลีเหนือ

    https://mgronline.com/around/detail/9620000005767
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    WireAP_8d533b8d55524e1bb273f6e702970a04_16x9_992.jpg
    (Jan 18) ความขัดแย้งระหว่างแคนาดาและจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น : สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ความขัดแย้งระหว่างแคนาดาและจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น ภายหลังจากที่ทางการจีนได้ติดสินโทษประหารชีวิตนาย Robert Schelleberg ในข้อหาค้ายาเสพติด รวมถึงการกักขังชาวแคนาดา 2 รายในข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

    ทั้งนี้ นาย John McCallum เอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศจีน ได้เรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรออกมาร่วมกดดันรัฐบาลจีนต่อการดำเนินการดังกล่าว โดยนาย McCallum ระบุว่าเป็นการกระทำที่จะส่งผลเสียต่อประเทศจีนเองในด้านธุรกิจกับต่างประเทศ

    นอกจากนี้ ทางด้านรัฐบาลแคนาดาได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่จะเดินทางไปประเทศจีน ให้ระวังความเสี่ยงจากการบังคับใช้กฎหมายของจีนในลักษณะ “arbitrary”

    ขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์วิจารณ์การดำเนินการของจีนว่ามีมูลเหตุมาจากเรื่องของการเมือง ภายหลังจากที่นาง Chrystia Freeland, รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของแคนาดา ได้หารือทางโทรศัพท์กับนาย Michael Pompeo, U.S. Secretary of State

    อนึ่ง ทางด้านนาง Hua Chunying, โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ได้ออกมาตอบโต้การเรียกร้องของแคนาดา โดยนาง Hua กล่าวว่ามีเพียงไม่กี่ประเทศที่จะสนับสนุนแคนาดาในเรื่องดังกล่าว

    Source: BOTSS

    ความคืบหน้าล่าสุด
    - Chinese ambassador warns Canada to stop rallying allies: https://abcnews.go.com/Internationa...abbls1MZjEBaTUxHn6q3Wk0s0x6tOBF4-4Ym-jI9E07us
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    shutterstock_1005701932.jpg
    (Jan 17) เป็นหุ่นยนต์ก็ตกงานได้ โรงแรมญี่ปุ่นไล่หุ่นยนต์ออกจากงาน เพราะปัญหาเยอะ-ส่งเสียงรบกวนแขก: ปัญหาเยอะ ไร้ศิลปะในการบริการ

    Henn-na Hotel โรงแรมในญี่ปุ่นแห่งหนึ่งที่โดดเด่นด้วยการใช้ “หุ่นยนต์” มาเป็นผู้ให้บริการแทนแรงงานมนุษย์ โดยในโรงแรมมีหุ่นยนต์ให้บริการกว่า 243 ตัว ทำงานตั้งแต่รับเช็คอินผ่านเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า ยกกระเป๋าเก็บของ ทำความสะอาด ชงเครื่องดื่ม และอีกมากมายหลายอย่าง

    แต่ล่าสุด โรงแรมแห่งนี้ปลดหุ่นยนต์ออกจากบริษัทกว่าครึ่งหนึ่งออกจากบริษัท เหตุเพราะหุ่นยนต์มีจุดบกพร่องในการทำงานสูง ไม่มีศิลปะในการให้บริการ แถมยังรบกวนแขกที่มาพักในโรงแรม

    ในรายงานของโรงแรมระบุถึงปัญหาไว้ดังนี้

    - หุ่นยนต์ในโรงแรมสามารถให้บริการได้เฉพาะบนพื้นผิวที่เรียบ หากต้องออกไปนอกอาคารหรือเปียกน้ำ หุ่นยนต์ก็จะไม่สามารถทำงานได้
    - หุ่นยนต์ในโรงแรมเคลื่อนที่ช้าเกินไป แถมยังมีเสียงดังบ่อยครั้ง สร้างความรบกวนให้กับแขกที่มาพัก
    - หุ่นยนต์ที่ใช้ยกของในโรงแรมจำนวน 2 ตัว สามารถยกของไปส่งถึงห้องได้เพียงแค่ประมาณ 24 ห้องเท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว โรงแรมแห่งนี้มีห้องกว่า 100 ห้อง

    ปัจจุบันโรงแรมแห่งนี้จึงนำเอาหุ่นยนต์ออกจากโรงแรมไปกว่าครึ่ง แต่ไม่มีข้อมูลว่าจะนำเอาหุ่นยนต์ล็อตใหม่มาให้บริการ หรือจะใช้แรงงานคนเข้าไปเสริมในการให้บริการแทน

    ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ คือต้องเข้าใจว่าหุ่นยนต์ AI ถูกออกแบบมาให้แก้ไขปัญหา (management problem) มากกว่าตอบสนองความต้องการของลูกค้า (customer need) ในกรณีนี้แม้ว่าโรงแรมญี่ปุ่นจะนำเอาหุ่นยนต์มาใช้เพราะต้องการแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงานซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของญี่ปุ่นในปัจจุบัน แต่คำถามที่ต้องจริงจังเพื่อหาคำตอบให้มากขึ้นคือ จะทำอย่างไรให้หุ่นยนต์ AI ให้บริการลูกค้าในโรงแรมได้อย่างชาญฉลาดและราบรื่นมากกว่านี้

    อย่างไรก็ตาม หลายคนที่เคยไปพักโรงแรมแห่งนี้ต่างบอกว่ารู้สึกแปลกประหลาด เพราะมีแต่หุ่นยนต์ให้บริการ ไม่มีมนุษย์

    ส่วนทางด้าน Hideo Sawada ผู้ก่อตั้งโรงแรมบอกว่า การนำเอาหุ่นยนต์มาใช้ในโรงแรม เป็นเพราะต้องการทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริการ และมากกว่านั้นนี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกประหลาดอะไร เพราะมันคือการปรับตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของอุตสาหกรรม

    โดย Thongchai Cholsiripong
    Source: Brandinside.asia

    https://brandinside.asia/robots-fai...4VSlKd1Dx0nhEldiG0iaiH7iLB5LZTQ3syWKf_nQ9nkl8
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    m.co.uk%2Fimg%2Fmedia%2F4491ff8f6206a3a9796ea93add2816625b1ddbf0%2F0_0_3500_2101%2Fmaster%2F3500.jpg
    (Jan 17) นักวิเคราะห์ชี้ จีนได้ไม่คุ้มเสีย แผนเอาคืน 'กรณีหัวเว่ย': นักวิเคราะห์การเมือง ระหว่างประเทศ มีความเห็นว่า หลังเกิด กรณีจับกุมผู้บริหารระดับสูงของบริษัท หัวเว่ยแล้ว จีนจะเพิ่มแรงกดดันและ ตอบโต้แคนาดาต่อไปแต่จะยิ่งทำลาย ความน่าเชื่อถือของจีนในการขยายอำนาจ อิทธิพลไปยังภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะ การขยายอิทธิผ่านการใช้อำนาจแบบอ่อน

    เมื่อวันจันทร์ (14 ม.ค.) ศาลในประเทศจีน ตัดสินประหารชีวิตนายโรเบิร์ต ลอยด์ สเคลเลนเบิร์ก สัญชาติแคนาดา ในข้อหา ลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในจีน หลังจาก ที่เห็นว่าคำตัดสินจำคุกชายผู้นี้เป็นเวลา 15 ปีเป็นการลงโทษที่เบาเกินไป

    คำตัดสินครั้งล่าสุดทำให้เกิด ความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่าง รัฐบาลจีนกับแคนาดาเขม็งเกลียวยิ่งขึ้น หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่จีน ได้จับกุมชาวแคนาดา 2 คน คือ นายไมเคิล คอฟริก อดีตนักการทูตและที่ปรึกษาของ บริษัทวิจัยข้อมูลอินเตอร์เนชั่นแนล ไครซิส กรุ๊ป (ไอซีจี) และนายไมเคิล สเปเวอร์ นักธุรกิจชาวแคนาดา โดยจีน ระบุว่า ชายทั้ง 2 คนตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าคุกคาม ความมั่นคงของจีน

    ด้าน "เหริน เจิ้งเฟย" ผู้ก่อตั้งและ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทหัวเว่ย กล่าวยกย่องประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐพร้อมทั้ง เตือนว่าการจับกุม เมิ่ง หว่านโจว ซึ่งเป็น บุตรสาวของตนและเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี จะเป็นปัจจัยลบต่อการลงทุน ในสหรัฐ

    "สำหรับตัวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผมยังคงเชื่อว่าท่านเป็น ประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ในแง่ที่ว่า ท่านมี ความกล้าหาญในการปรับลดอัตราภาษี ซึ่งเป็นมาตรการที่จะเอื้อต่อการพัฒนา อุตสาหกรรมในสหรัฐ" เหริน กล่าว

    แต่เหรินก็บอกว่า การจับกุมตัว บุคคลบางคนอาจมีผลในแง่ลบต่อ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน โดยเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องให้การปฏิบัติ เป็นอย่างดีต่อประเทศ ซึ่งมีนักลงทุน ที่มีศักยภาพ เพื่อให้มีการลงทุนเข้ามา ในประเทศ ซึ่งถ้าประเทศเหล่านี้ เกิดความหวาดกลัว สิ่งนี้ก็จะไม่เกิด ประโยชน์ต่อสหรัฐ

    ทางการแคนาดา ได้จับกุมตัวเมิ่ง เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตามคำขอของ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เนื่องจากคาดว่า บริษัทอาจลักลอบขายสินค้าให้กับอิหร่าน ซึ่งถูกสหรัฐคว่ำบาตร

    "วิลลี แลม" ผู้เชี่ยวชาญด้าน การเมืองจีนจากมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง ให้ความเห็นว่า จีนจะไม่หยุดตอบโต้ แคนาดา เพราะประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และรัฐบาลปักกิ่ง รู้สึกว่าเสียหน้าที่ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเทคโนโลยี ยักษ์ใหญ่อย่างหัวเว่ยถูกจับกุมตัว และการตอบโต้ของจีนเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะคล้ายคลึงกับที่เคยเกิดขึ้นใน หลายประเทศที่มีความขัดแย้งกับจีน ที่บางครั้งลุกลามจนถึงขั้นยุติความสัมพันธ์ ทางการทูตกับประเทศนั้นๆ หรือส่งผล กระทบต่อพลเมืองของประเทศนั้นๆ ที่อาศัยอยู่ในจีน รวมทั้งส่งผลต่อ ภาพลักษณ์ของจีนบนเวทีโลก

    ส่วน" เดวิด ซวีก" ผู้อำนวยการ ศูนย์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยฮ่องกง มองว่า การตอบโต้ครั้งล่าสุดของจีนจะยิ่ง ทำลายความน่าเชื่อถือของจีนในการ ขยายอำนาจอิทธิพลไปยังภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะอำนาจแบบอ่อน และบั่นทอน ความพยายามของจีนที่ต้องการแสดง ให้โลกเห็นว่า จีนทำทุกอย่างตามกติกา ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจีนจะไม่ได้ประโยชน์ อะไรจากการตอบโต้แคนาดา

    ด้าน "สตีฟ จาง" จากสถาบันการศึกษา ด้านตะวันออกและแอฟริกันแห่งลอนดอน ระบุว่า เมิ่ง ลูกสาวของผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย ซึ่งถูกทางการแคนาดาจับกุมมีสายสัมพันธ์ ที่ดีกับนายทหารในกองทัพจีน และมี สถานะเป็นเหมือนสมบัติแห่งชาติของจีน เพราะฉะนั้น จีนจะไม่หยุดกดดันแคนาดา ให้ปล่อยตัวเธอ และไม่เชื่อว่าจะไม่มีผล ต่อแคนาดาในการจัดการคดีนี้

    ขณะที่ผลสำรวจความเห็นชาวจีน เกี่ยวกับกรณีนี้ล่าสุด บ่งชี้ว่า ชาวจีน ส่วนใหญ่เห็นว่าจีนและบริษัทหัวเว่ย กำลังตกเป็นเหยื่อการถูกรังแก ทางการเมือง และเชื่อว่ารัฐบาลจีน ทำถูกต้องแล้วที่พยายามแสดงจุดยืน ต่อต้านแคนาดาในลักษณะดังกล่าว

    Source: กรุงเทพธุรกิจ

    เพิ่มเติม
    - China accuses US of suppressing its high-tech companies: https://www.theguardian.com/technol...MYoNq3QQSDfM7XKPTgxYmzXqMQO6OLnHsUlZv4Cfw_m74

    - US pursuing criminal charges against Huawei for alleged theft of trade secrets: WSJ: https://www.cnbc.com/2019/01/16/fed...ZcyMMhR38CURnH58yFu5OWb0QOm2GCjQauffn0OeFAD5I

    - สื่อเผยสหรัฐเร่งสอบ หัวเว่ย ในคดีอาญา ฐานขโมยความลับทางการค้า :https://www.ryt9.com/s/iq36/2941580
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    GettyImages_1083021512.0.jpg
    (Jan 17) เสียงเตือนก่อนถึงปากเหว: สงครามชักเย่อเรื่องการหยุดใช้งบประมาณรัฐบางส่วน หรือภาวะชัตดาวน์ของสหรัฐฯ ที่ยังไม่รู้ผลระหว่างทำเนียบขาวกับพรรคเดโมแครตในสภาล่าง เริ่มส่งสัญญาณเตือนออกมาแล้วว่า จะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสแรกอย่างรุนแรง

    ล่าสุดคำเตือนนี้มาจาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ ยังออกรายงานเตือนว่า สหรัฐฯ อาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจากระดับ Aaa ในปีนี้ โดยระบุว่า ปัญหาชัตดาวน์อาจส่งผลกระทบต่อเพดานหนี้ของประเทศ

    นายเจมส์ แมคคอร์แมค หัวหน้าฝ่ายจัดอันดับความน่าเชื่อถือของฟิทช์ กล่าวว่า หากภาวะชัตดาวน์ยังคงดำเนินไปจนถึงวันที่ 1 มี.ค. และส่งผลให้เพดานหนี้กลายเป็นปัญหาในอีกหลายเดือนต่อมา ฟิทช์อาจจำเป็นต้องเริ่มคิดถึงกรอบนโยบายและการที่รัฐบาลอาจจะไม่สามารถผลักดันงบประมาณผ่านรัฐสภา โดยฟิทช์จะพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ว่าจะสอดคล้องกับอันดับเครดิตที่ Aaa หรือไม่

    คำเตือนดังกล่าวช่วยย้อนสติคนอเมริกันว่า นับตั้งแต่เรตติ้งของรัฐบาลถูกปรับลดจาก AAA ในยุคเริ่มแรกของประธานาธิบดี บารัก โอบามา มาเหลือที่ Aaa ที่ฮือฮามาแล้ว เรตติ้งของรัฐบาลอเมริกันยังไม่เคยฟื้นตัวกลับมาดีเลย ส่งผลต่อต้นทุนการคลังในระยะยาวของประเทศตามไปด้วย

    คำเตือนนี้ หากยังไม่ได้ผล และนำไปสู่การปรับลดเรตติ้งครั้งใหม่จริง เท่ากับภาวะชัตดาวน์ได้กลายเป็น “ก้อนกรวดในรองเท้า” ที่ชาวอเมริกันต้องสวมใส่ จะย้อนกลับก็ไม่ได้ จะเดินต่อไปก็เจ็บ คงทำได้แต่เพียงรอคอยให้ทุกขั้วอำนาจทางการเมืองยอมถอยคนละก้าว เพื่อเคาะทรายเม็ดนี้ออกจากรองเท้า เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนเดินต่อไปได้

    ข้อเท็จจริงจากการต่อสู้เพื่อเอาชนะกันในทางอำนาจจน พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีไม่สามารถผ่านออกมาบังคับใช้บางส่วน ต้องนำเงินสำรองมาทดรองจ่ายล่วงหน้าแก้ปัญหาบางส่วนไป สะท้อนว่าผู้นำพรรคการเมืองและทำเนียบขาวกำลังใช้ปัจจัยของความหวาดกลัว (Fear Appeal) มาประกอบคำอธิบายพฤติกรรมของฝ่ายตน

    ภาวะชัตดาวน์ เป็นผลพวงมาจากการเสนอของบประมาณก่อสร้างกำแพงเหล็กกั้นผู้อพยพ 5,700 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.8 แสนล้านบาท ตลอดชายแดนติดต่อสหรัฐฯ-เม็กซิโก ทั้งที่แต่แรกนายทรัมป์ระบุว่าจะให้รัฐบาลเม็กซิโกออกงบก่อสร้างทั้งหมด แต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมากของพรรคเดโมแครตไม่ยอมผ่านให้ เพราะมองเห็นว่าเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุที่สูญเปล่า

    ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ภาวะชัตดาวน์ได้กลายเป็นเครื่องมือการเมืองที่ทำให้ชาวอเมริกันฝันร้ายอีกครั้ง

    สถานการณ์ชัตดาวน์ หรือการปิดทำงานของหน่วยราชการบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐฯกระทบต่อพนักงานรัฐ 8 แสนคน เนื่องจากร่างงบประมาณแผ่นดินยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา จนยืดเยื้อทำลายสถิติกินระยะเวลายาวนานที่สุด

    สถิติเดิมของการชัตดาวน์เกิดขึ้นในยุควิลเลียม “บิล” คลินตัน พรรคเดโมแครตเป็นประธานาธิบดี เมื่อปี 2538 ข้ามเข้าสู่ปี 2539 กินเวลารวม 21 วัน จากการขัดแย้งเมื่อตอนนั้น คลินตันต้องการจัดทำงบประมาณสมดุล แต่พรรครีพับลิกันต้องการให้ตัดลดงบประมาณลงอีกมาก

    ส่วนสถานการณ์ข้ามปี 2561 มายังปี 2562 ครั้งนี้ มีรายละเอียดต่างออกไป เพราะสมาชิกสภาล่างและสภาสูงต่างลงมติให้จ่ายค่าจ้างคืนพนักงานรัฐทันที ในส่วนที่ยังทำงานต่อ แม้จะไม่ได้เงินค่าจ้าง หากที่ทำการเปิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากไม่มีการออกเช็คค่าจ้างให้พนักงานรัฐ งวดวันที่ 11 ม.ค.

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวยืนยันระหว่างการเดินทางเยือนชายแดนสหรัฐฯ ติดเม็กซิโกว่า จะใช้มาตรการประกาศภาวะฉุกเฉินรับมือสถานการณ์ชัตดาวน์ และให้เกิดการสร้างกำแพงเหล็กกั้นผู้อพยพ และล่าสุด ประชดด้วยการสร้างข่าวจ่ายเงินซื้ออาหาร “แดกด่วน” มารับแขกในทำเนียบขาว เพราะพ่อครัวหยุดทำงานชั่วคราว

    แม้นายทรัมป์จะทำเจ้าเล่ห์เรียกร้องให้พรรคเดโมแครตประนีประนอมเพื่อจบสภาวะชัตดาวน์ อ้างว่าจะเป็นชัยชนะของทุกคน แต่ก็ยังขู่ว่าพร้อมจะประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ แต่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาแห่งพรรคเดโมแครต ก็ยังไม่ตกหลุมพราง กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ไม่ใช่เรื่องกำแพงกั้นระหว่างเม็กซิโกกับสหรัฐอเมริกา แต่เป็นกำแพงกั้นความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลนายทรัมป์ เป็นรอยแยกที่ใหญ่มาก และนายทรัมป์คือต้นตอของความแตกแยกนี้

    คำเตือนล่าสุดของฟิทช์ เรตติ้งส์ ทำให้ นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ธนาคารพาณิชย์อันดับหนึ่งของสหรัฐฯ ออกมาเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจขยายตัว 0% ในไตรมาสแรกของปีนี้ หากการชัตดาวน์ยังคงยืดเยื้อต่อไป

    นายไดมอนเรียกร้องให้บรรดาผู้นำของสหรัฐฯ ทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ขณะที่รัฐบาล, ประชาชน และภาคธุรกิจต้องทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหา และสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์ของทุกคน

    คำเตือนดังกล่าว เปรียบได้กับการเหยียบเบรกก่อนที่รถจะแล่นถึงขอบปากเหว ในขณะที่คนขับรถกำลังทะเลาะกับผู้โดยสารบางคน จนไม่มีคนถือพวงมาลัย คำถามคือ ใครจะกล้าหยุดรถ หรือกระโดดออกนอกหน้าต่าง

    คำตอบอยู่ที่ใครจะมีปัจจัยความหวาดกลัวมากกว่ากัน

    คอลัมน์ พลวัตปี2019
    Source: ข่าวหุ้น

    เพิ่มเติม
    - 9 key questions about the longest government shutdown in history, answered
    https://www.vox.com/2019/1/16/18182...XIMMxWdn1btLLYJJHpXdcYcjj7oU7WOh7E1GSeofbbqSE
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    TBf-goZpzqdCZ6uqqr85Wqzcoe1lZIQCL9whod07vPqDBC73TuyBedh7yP5zYyZW5qH1mGppw&_nc_ht=scontent-sin2-1.png
    (Jan 17) รายงาน: อะไรจะเกิดขึ้นหลังสภาคว่ำ'ข้อตกลงBREXIT' ? ความพ่ายแพ้ของรัฐบาลอังกฤษเกี่ยวกับการรับรองข้อตกลง Brexit ได้ทำให้อังกฤษเข้าสู่ภาวะไม่แน่นอนทางการเมืองมากขึ้น และยังมีความเสี่ยงต่อเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของนางเทเรซา เมย์

    เมย์ได้ยื่นญัตติในสภาล่างเพื่อขอให้ส.ส.รับรองข้อตกลง Brexit ที่เธอได้ทำกับสหภาพยุโรป แต่ปรากฏว่าสภาผู้แทนราษฎรได้คว่ำข้อตกลงของเธอด้วยคะแนน 432 เสียงต่อ 202 เสียง โดยแพ้ถึง 230 เสียง ซึ่งถือเป็นการแพ้โหวตครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองอังกฤษ

    สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้คือ รัฐบาลอังกฤษมีเวลาสามวันที่จะนำแผนปฏิบัติการใหม่กลับมาให้สภา แต่เนื่องจากรัฐสภายังไม่ได้กำหนดว่าจะประชุมในวันศุกร์นี้ นั่นหมายความว่าจะต้องมีการตกลงแผนใหม่กับอียูและนำเสนอต่อส.ส.อังกฤษภายในวันจันทร์ที่ 21 มกราคม

    เมย์ยืนยันในสภาว่าเธอจะยึดมั่นกับแผนนี้ และท่ามกลางความสับสนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ดูเหมือนว่ามีแนวโน้มที่จะเกิดผลตามมา 6 ข้อดังต่อไปนี้ และบางข้ออาจจะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน

    1. มีการเจรจาใหม่

    เนื่องจากรัฐบาลแพ้คะแนนโหวตมากทำให้เกิดความสงสัยว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษจะสามารถแก้ไขข้อตกลงเพื่อเปลี่ยนใจบรรดา ส.ส.ได้หรือ และเมย์และทีมงานอาจเชื่อว่ามี ส.ส.จำนวนมากใกล้ที่จะเปลี่ยนข้างแล้ว ดังนั้นจึงต้องดูว่าเธอจะรีบลนลานไปบรัสเซลส์เพื่อพยายามให้อียูยอมอ่อนข้อลงอีกหรือไม่

    ประเด็นสำคัญที่ยังติดอยู่คือเรื่องด่านตรวจชายแดนไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นเครือข่ายความปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณรัฐไอร์แลนด์ซึ่งยังคงเป็นสมาชิกอียูเข้าออกพรมแดนได้ยาก ผู้ที่วิจารณ์เมย์มองว่าเงื่อนไขนี้เป็นแนวทางว่าอังกฤษอาจจะผูกโยงกับอียูโดยไม่สิ้นสุด

    อียูได้พยายามให้ความมั่นใจว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นเช่นนั้น แต่พรรคการเมืองของไอร์แลนด์เหนือที่สนับสนุนพรรคของเมย์ในรัฐบาลอังกฤษในขณะนี้ ได้กล่าวว่ายังไม่เพียงพอ

    2. เลือกตั้งทั่วไป

    เจเรมี่ คอร์บีน ผู้นำพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านได้กล่าวว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาลของเทเรซา เมย์ ในวันพุธ และมีการคาดการณ์ว่าจะรู้ผลโหวตภายในเวลาหนึ่งทุ่มของวันพุธตามเวลาอังกฤษ หรือประมาณเที่ยงคืนตามเวลาในประเทศไทย

    หาก ส.ส.จากทุกพรรคการเมืองส่วนใหญ่ไม่ไว้วางใจรัฐบาลของเธอ สภาชุดปัจจุบันจะมีเวลา 14 วันเพื่อตกลงจัดเตรียมรัฐบาลใหม่ที่จะปกครองประเทศ แต่หากตกลงกันไม่ได้ก็น่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไป อย่างไรก็ดี อียูได้กล่าวไว้ว่า การเปลี่ยนแปลงผู้นำอังกฤษจะไม่เปลี่ยนแปลงท่าทีของอียู

    3. ลงประชามติครั้งที่สอง

    การลงประชามติเมื่อเดือนมิถุนายน 2559 เกี่ยวกับการเป็นสมาชิกของอียูเป็นการสำรวจความเห็นเพื่อขอคำปรึกษาที่ไม่มีข้อผูกมัดแต่สมาชิกรัฐสภาดันไปสัญญากับประชาชนว่าจะทำตามผลที่ออกมา

    ในขณะนี้มีแรงส่งมากขึ้นให้จัดลงประชามติเป็นครั้งที่สอง ผู้ที่สนับสนุนให้จัด ให้เหตุผลว่าจะช่วยวัดความต้องการของประชาชนที่จะออกจากอียู ซึ่งในขณะนี้ประชาชนมีแนวคิดที่ชัดเจนมากขึ้นว่ามันหมายถึงอะไร แต่ฝ่ายที่วิจารณ์การลงประชามติรอบสองได้กล่าวว่าจะเป็นการมองข้ามและดูหมิ่นกระบวนการลงคะแนนในตอนแรก

    4. ขยายเวลาตามมาตรา 50

    มีบางคนเชื่อว่าการเจรจาใหม่ระหว่างอียูและอังกฤษยังเป็นไปได้ อังกฤษและไอร์แลนด์เหนือมีกำหนดที่จะออกจากอียูในเวลาไม่ถึง 3 เดือน ดังนั้นความพยายามใด ๆ ที่จะผ่าตัดใหญ่เพื่อข้อตกลงที่มีอยู่ น่าจะต้องใช้เวลาอีกมาก ซึ่งนั่นหมายถึงว่าจะต้องขยายเวลาตามมาตรา 50 ซึ่งเป็นวิธีการทางกฎหมายสำหรับประเทศที่จะออกจากการเป็นสมาชิกอียู การกดปุ่มใช้มาตรา 50 ของเมย์เมื่อเดือนมีนาคม 2560 ได้นับถอยหลังอังกฤษออกจากอียูในเวลา 2 ปี ซึ่งตรงกับวันที่ 29 มีนาคม 2562

    นักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์ อินเวสเมนต์ โซลูชัน กล่าวว่า เทรดเดอร์เงินได้เดิมพันมากขึ้นว่า จะมีการขยายเวลาในการนับถอยหลังอังกฤษออกจากอียู อย่างไรก็ดี การขยายเวลาจะต้องให้สมาชิกอียู 27 ชาติรับรองซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะอนุมัติให้ขยายในสถานการณ์ไหนและนานเท่าไหร่

    5. ไม่มีข้อตกลง Brexit

    การเคลื่อนไหวใด ๆ เพื่อลงประชามติรอบสองหรือขยายมาตรา 50 จะทำให้เกิดการคาดการณ์มากขึ้นว่าอังกฤษจะไม่ออกจากอียูจริง และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เมย์ได้ปราศรัยว่า การกล่าวอ้างผลที่จะออกมาว่าจะไม่มีข้อตกลง Brexit จะสร้างหายนะต่อศรัทธาของประชาชนที่มีต่อระบบการเมืองอังกฤษ

    ทำเนียบนายกรัฐมนตรีได้อ้างในขณะนี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่ ส.ส.จะหาทางยับยั้งข้อตกลง Brexit มากกว่าที่อังกฤษจะออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ

    6. อังกฤษออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลง

    หากอียูไม่ขยับเขยื้อน และสมาชิกรัฐสภาอังกฤษไม่สามารถรับรองข้อตกลงได้ ก็มีเค้าลางว่าอังกฤษอาจจะออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลง บทวิเคราะห์หลาย ๆ ชิ้นได้เตือนว่าจะเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงมากหากอังกฤษออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลง รายงานของธนาคารกลางอังกฤษเมื่อปลายปี 2561 ชี้ว่า หากเกิดสถานการณ์เช่นนั้น การว่างงานอาจเพิ่มเป็น 7.5% และราคาบ้านอาจลดลง 30% เงินปอนด์อาจจะพังทลาย และเศรษฐกิจอังกฤษอาจหดตัวประมาณ 8% ในเวลา 1 ปี

    ในขณะที่พวกฮาร์ดคอร์ที่สนับสนุนให้อังกฤษออกจากอียูต้องการให้อังกฤษและไอร์แลนด์เหนือออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลง แต่มีความเห็นพ้องกันโดยทั่วไปว่านี่คือความเห็นของเสียงส่วนน้อยในสภา

    Source: ข่าวหุ้น

    เพิ่มเติม
    - Brexit: What happens now?
    https://www.bbc.com/news/uk-politics-46393399
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    1.amazonaws.com%2Fpsh-ex-ftnikkei-3937bb4%2Fimages%2F5%2F8%2F8%2F1%2F18921885-5-eng-GB%2Fsensoji.jpg
    (Jan 17) นักเดินทาง'จีน-ไทย' หนุนท่องเที่ยวญี่ปุ่นปี 61: กลุ่มนักท่องเที่ยวจากจีนและไทยยังคงเป็นแรงหนุนหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนญี่ปุ่นสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว ดึงดูดรายได้ เข้าประเทศจำนวนมหาศาล แม้เผชิญกับ ภัยธรรมชาติหลายครั้งซึ่งทำให้สนามบินสำคัญ หลายแห่งต้องปิดบริการชั่วคราว

    อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตของ ทั้งตัวเลขนักท่องเที่ยวและการใช้จ่ายลดลงอย่างมาก บ่งชี้ว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจเชิงบวกของการท่องเที่ยวภายในประเทศอาจเริ่มซบเซาลงแล้ว

    ข้อมูลเบื้องต้นของการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (เจทีเอ) ที่เผยแพร่วานนี้ (16 ม.ค.) ระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายรวม 4.5 ล้านล้านเยนระหว่างเดือนม.ค.-ธ.ค. 2561 เติบโต 8.7% ลดลงจากปี 2560 ที่เติบโต 17.8% หลังจากทางการเปลี่ยนวิธีคำนวณใหม่

    การใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยว หดตัวลง 0.9% มาอยู่ที่ 1.53 แสนเยน เนื่องจาก นักท่องเที่ยวจีนจับจ่ายชอปปิงน้อยลง และเมื่อคิดเฉลี่ยต่อหัวแล้ว นักท่องเที่ยวจีน ใช้จ่ายลดลง 2.9%

    ตัวเลขดังกล่าวสร้างความกังขาเกี่ยวกับ ความเป็นไปได้ที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะบรรลุเป้ากระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 8 ล้านล้านเยนภายในปี 2563

    ดับเบิลยูทีเอชี้ว่า จำนวนนักเดินทาง ภายในประเทศเติบโต 8.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 31.19 ล้านคนซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ การเติบโตส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยว ประเทศอื่นๆ ในเอเชีย นำโดยจีนซึ่งเพิ่มขึ้น 21.8% และ ไทยที่เพิ่มขึ้น 14.7%

    ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่ไปเยือนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน แต่อัตราการเติบโตในปี 2561 ชะลอตัวอย่างชัดเจนจากที่เคยเติบโต 19% ในปีก่อนหน้า เหตุการณ์แผ่นดินไหว ครั้งใหญ่ที่เขย่าเมืองโอซากาเมื่อเดือนมิ.ย. 2561 และอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันตก ของประเทศเมื่อเดือนก.ค. ส่งผลให้ คนจำนวนมากยกเลิกทริปเดินทางที่ วางแผนไว้

    เมื่อเดือนก.ย. 2561 จำนวนนักท่องเที่ยว ในญี่ปุ่นลดลง 5.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นับเป็นการลดลงครั้งแรก ในรอบเกือบ 6 ปี เนื่องจากไต้ฝุ่น "เชบิ" ที่พัดถล่มเมืองโอซากา และแผ่นดินไหวใน เมืองฮอกไกโด ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศ ทำให้สนามบินของทั้ง 2 เมืองต้องหยุดทำการชั่วคราว ก่อนที่จำนวน นักท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ตั้งแต่เดือนต.ค. เนื่องจากการคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องได้รับการฟื้นฟู

    จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไปเยือน ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าใน 5 ปีนับตั้งแต่ปี 2556 การผ่อนปรนกฎเกณฑ์วีซ่า การเพิ่มจำนวนของสายการบินราคาประหยัด และการอ่อนค่าลงของเงินเยน สนับสนุนให้ญี่ปุ่นกลายเป็นจุดหมายปลายทาง ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น

    นักวิเคราะห์หลายรายคาดว่า ญี่ปุ่น จะบรรลุเป้าในการดึงดูดนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนในปีหน้า เนื่องจากกรุงโตเกียว จะได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิกและ พาราลิมปิกในปีเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เป้าหมายต่อไปของรัฐบาลในการดึงดูด ผู้มาเยือนให้ได้ 60 ล้านคนต่อปีภายใน ปี 2573 มีความเป็นไปได้น้อยกว่า

    นอกจากนั้น นักวิเคราะห์ชี้ว่า การเติบโต ของจำนวนนักท่องเที่ยวในญี่ปุ่นหลังปี 2563 จะขึ้นอยู่กับการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียเป็นหลัก

    ปัจจุบัน ไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเอเชีย โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า ประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว จากต่างแดน 34 ล้านคนระหว่าง เดือนม.ค.-พ.ย. 2561 เพิ่มขึ้น 7.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า กว่า 1 ใน 4 ของจำนวนดังกล่าวมาจากจีน

    รัฐบาลของไทยได้ประกาศมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีนมากขึ้น เช่น ยกเว้นค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อรักษาแนวโน้มการเติบโตนี้และตั้งเป้าที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวให้ได้ 35 ล้านคนต่อปี

    อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เกี่ยวกับภูมิศาสตร์การเมืองก็สามารถส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวได้

    เกาหลีใต้ ประสบปัญหาจำนวน นักท่องเที่ยวจีนลดลงอย่างมาก หลังติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธทางอากาศของกองทัพสหรัฐ ในประเทศ ทำให้รัฐบาลปักกิ่งวิจารณ์ว่า ระบบดังกล่าวถือเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ ด้านความมั่นคงแห่งชาติของจีน

    นอกจากนั้น รัฐบาลแดนมังกรยังสั่งห้าม ไม่ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นกลุ่ม ไปเที่ยวเกาหลีใต้ในปี 2560 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ไปเยือนเกาหลีใต้ลดลงอย่างหนักถึง 48% แต่ปัจจุบัน ทางการจีน ได้ยกเลิกคำสั่งห้ามดังกล่าวสำหรับประชาชนในบางภูมิภาค รวมถึงกรุงปักกิ่งและมณฑลชานตง

    ขณะที่ไต้หวันก็ประสบปัญหาคล้ายกับเกาหลีใต้ หลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ที่ไปเยือนไต้หวันลดลงจาก 4.18 ล้านคน ในปี 2558 มาอยู่ที่ 2.73 ล้านคนในปี 2560 และมี 2.46 ล้านคนเดินทางข้ามช่องแคบไต้หวัน ในช่วง 11 เดือนแรกของปีที่แล้ว

    ความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลปักกิ่งกับรัฐบาลไทเปสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปี ที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวิน ของไต้หวัน ปฏิเสธที่จะสนับสนุนจุดยืน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบเหมือนกับ รัฐบาลชุดก่อน ส่งผลให้รัฐบาลปักกิ่ง ระงับวีซ่าเดินทางทั้งประเภทนักท่องเที่ยวและธุรกิจของไต้หวัน

    Source: กรุงเทพธุรกิจ

    - Visitors to Japan hit record high in 2018 but forgo shopping sprees
    https://asia.nikkei.com/Economy/Vis...MKQwcQboEBeDmmVaoLm8_c58BA4FFAypZZURSejv51W_k
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    hq-E5hDBcFz9NXKIL_uinR8P-H3_WnWKGwD2rzoAbvX3R2A46Q1orMLOdAzyg5jo1MA_2WUbA&_nc_ht=scontent-sin2-1.png

    (Jan 17) เวิลด์แบงก์หั่นจีดีพีไทย 'บริโภค'ดันศก.โต3.8% : "เวิลด์แบงก์"หั่น"จีดีพี"ไทยปีนี้ เหลือ 3.8% แต่มีความยืดหยุ่นสูง ทั้งปรับตัวได้ดีในช่วงโลกเผชิญสงครามการค้า เชื่อผู้ส่งออกหาตลาดทดแทนได้ แนะจับตาเศรษฐกิจจีน หากชะลอ 1% ส่อฉุดไทยร่วง 0.5% ด้าน"พีดับบลิวซี"ประเมินเศรษฐกิจโลกปีนี้ส่อชะลอแตะ 3% ขณะ"กสิกรไทย"ฟันธงแนวโน้มบาทแข็ง หลังต่างชาติ มองไทยเป็นแหล่งปลอดภัย

    ธนาคารโลก(เวิลด์แบงก์) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยในปี 2562 ลงเหลือ 3.8% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวได้ราว 3.9% โดยถือเป็นการขยายตัว ที่ต่อเนื่องจากปี 2561 ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวราว 4.1%

    นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทยของธนาคารโลก กล่าวว่า เศรษฐกิจไทย ในปี 2562 คาดว่าจะได้รับผลดีจากการบริโภคภายในประเทศ จากการลงทุนภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชน โดยหากสามารถรักษาความต่อเนื่องของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ต่อเนื่องไปถึงปี 2564 ซึ่งคาดว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ(จีดีพี) จะขยายตัวได้ 3.9% ส่วนการที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้มากกว่า 4% ต่อปีภาครัฐจะต้องมีการเดินหน้าเรื่องการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

    ทั้งนี้ตัวเลขการขยายตัวได้ในระดับ 3.8% ในปี 2562 เป็นตัวเลขที่คาดการณ์อยู่บนพื้นฐานการเติบโตที่เศรษฐกิจมีเสถียรภาพและไม่มีความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้น โดยปัจจัยทางการเมืองถือว่าเป็นความเสี่ยง หากเกิดความวุ่นวายจะกระทบกับการลงทุนและการเบิกจ่ายภาครัฐ การท่องเที่ยวทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจได้

    สำหรับภาคการส่งออกซึ่งอาจได้รับ ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงและสงครามการค้าจำเป็นที่จะต้องพิจารณาว่า จะกระทบกับเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐมากขนาดไหนโดยเฉพาะเศรษฐกิจของจีนที่มีความเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจไทยสูง โดยหากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง 1% จะกระทบเศรษฐกิจไทย 0.5% ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐหากชะลอตัวลง 1% จะกระทบกับเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (emerging markets) ในภาพรวมโดยจะลดลงในอัตรา 1% เท่ากัน

    ทั้งนี้จากการประเมินผลกระทบใน ปีที่ผ่านมา พบว่าผู้ประกอบการไทยจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เช่น ประเทศมาเลเซียที่ได้รับผลกระทบชัดเจนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งสินค้าไปยังจีนและส่งต่อไปยังสหรัฐ นอกจากนั้น ผู้ประกอบการไทยยังสามารถหาตลาดทดแทนเพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้าเช่น เพิ่มการส่งออกสินค้าในอาเซียนจาก 20% เป็น 22% เป็นต้น

    "ปัจจัยภายนอกต้องจับตาเศรษฐกิจจีนหากยังขยายตัวระดับ 6% ได้ก็ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนในเรื่องปัจจัยภายในประเทศคงเป็นประเด็นความต่อเนื่องของนโยบายโดยเฉพาะการลงทุนภายหลังการเลือกตั้งว่าจะมีความต่อเนื่องมากเพียงใด"

    เตือนเลี่ยงโครงการจำนำข้าว

    นายเกียรติพงศ์ กล่าวว่า ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีความยืดหยุ่นและมีพื้นฐานที่ดี ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำที่ 1.75% และเงินเฟ้อในระดับ 1% เอื้อต่อการเติบโตเศรษฐกิจ ขณะที่หนี้สาธารณะยังอยู่ในระดับต่ำ และดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ในระดับสูง เช่นเดียวกับการปฏิรูปกฎหมายสำคัญเช่น พ.ร.บ.วิธีงบประมาณ กฎหมาย จัดซื้อจัดจ้าง สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะต่อไป

    ในส่วนของรายได้ภาคเกษตรที่ปรับลดลง และกระทบกับรายได้ภาคเกษตรในชนบท ธนาคารโลกมองว่าเป็นผลมาจากภัยแล้ง ที่ส่งผลตั้งแต่ปี 2559 และราคาสินค้าเกษตรที่ปรับลดลงโดยธนาคารโลกไม่แนะนำให้ประเทศไทยทำนโยบายจำนำข้าวอีกในอนาคต เพราะส่งผลเสียต่อการคลังของภาครัฐ มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการสูง และความโปร่งใสต่ำ ควรทำนโยบายอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการผลิตของภาคเกษตรมากกว่า

    "พีดับบลิวซี"คาดศก.โลกปีนี้ชะลอ

    นายศิระ อินทรกำธรชัย ประธาน กรรมการบริหาร และหุ้นส่วน บริษัทไพรซ์ วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ (พีดับบลิวซี) ประเทศไทย เปิดเผยรายงาน Global Economy Watch ฉบับล่าสุดว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2562 จะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 3.0% จาก 3.2% ในปี 2561 โดยอัตราการเติบโต ของเศรษฐกิจกลุ่มประเทศจี7 จะกลับสู่การเติบโตในระดับปกติ ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยในระยะยาว

    ทั้งนี้ พีดับบลิวซีคาดการณ์ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศที่พัฒนาแล้วตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2559 ถึงช่วงต้นของปี 2561 สิ้นสุดลงแล้วหลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐได้รับ แรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นทางการคลังของภาครัฐในช่วงก่อนหน้า มาในปีนี้คาดว่า จะค่อยๆ เริ่มอ่อนแรงลง ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นน่าจะส่งผลทำให้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง ขณะที่การแข็งค่า ของเงินดอลลาร์จะส่งผลกระทบต่อการส่งออก ซึ่งพีดับบลิวซีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐในปี 2562 จะเติบโตได้ในระดับปานกลางที่ 2.3% จาก 2.8% ในปี 2561

    ส่วนเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ จะยังคงชะลอตัว เปรียบเทียบกับปี 2561 แม้ว่า รัฐบาลจีนมีความพยายามที่จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว น้อยที่สุด แต่ผลกระทบจากการกีดกันด้านภาษีของสหรัฐ และความต้องการในการควบคุมระดับหนี้ น่าจะส่งผลให้การเติบโตลดลงพอสมควรในปี 2562

    สถานการณ์โลกป่วนตลาดเงิน

    ด้านนายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า จากความเสี่ยงด้านต่างประเทศที่มี เพิ่มขึ้น ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐจีน จากสงครามการค้าที่ยังไม่มีข้อยุติ รวมถึงเรื่อง Brexit ที่ล่าสุดยังไม่สามารถโหวตผ่านแผน Brexit ได้เหล่านี้ถือเป็นความเสี่ยงกับทั่วโลกมากขึ้น ที่อาจสร้างความผันผวนให้ตลาดเงินตลาดทุน การเติบโตเศรษฐกิจของประเทศต่างๆได้รวมถึงการเลือกตั้งในประเทศที่ยังเป็น ประเด็นที่ต้องติดตามว่าจะทำให้เกิดเสถียรภาพ และความชัดเจนทางการเมืองได้หรือไม่

    ความเสี่ยงด้านเบี้ยวหนี้ไทยต่ำ

    แต่ภายใต้ความผันผวนดังกล่าว เชื่อว่า อาจทำให้นักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้น และมีการมองหาที่ลี้ภัย โดยเฉพาะการเข้ามาลงทุนในตลาดเงินตลาดทุนในไทย โดยเฉพาะตลาดพันธบัตร เพราะมองว่าไทยเป็นที่ลี้ภัยที่ปลอดภัย เพราะหากดูโอกาสการผิดนัดชำระหนี้ ของไทยหรือ Credit default swap (CDS)ของไทยอยู่ระดับต่ำเพียง 0.14% ซึ่งต่ำกว่า สหรัฐ และต่ำกว่าประเทศต่างๆ โดยไทย อยู่อันดับที่ 9 มีความเสี่ยงต่ำในการเบี้ยวหนี้จึงเป็นเหตุผลให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนไทย ต่อเนื่องเหล่านี้ส่งผลให้ค่าเงินบาทปรับตัว แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง

    เงินบาทส่อแข็งค่าต่อ

    ดังนั้นคาดว่า ค่าเงินบาทในไตรมาสแรกปีนี้ จะแข็งค่าต่อเนื่อง ไปสู่ระดับ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ และจากการดูสถิติของกสิกรย้อนหลังต่อเนื่อง 10ปี พบว่า ค่าเงินบาทจะแข็งค่ามากที่สุดในช่วงราว 19 เม.ย.ของทุกปี ดังนั้นอาจเห็นค่าเงินบาทแข็งค่าไปสู่ 31.20-31.30 บาทต่อดอลลาร์ หรือแข็งค่าจากไตรมาสแรก ที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 31.50บาทต่อดอลลาร์

    ขณะเดียวกัน คาดว่าช่วงพ.ค. ค่าเงินบาทมีแนวโน้มกลับไปอ่อนค่าสู่ระดับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ จากการที่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ประกาศการจ่ายเงินปันผลงวดปี 2561 ทำให้ค่าเงินกลับมาอ่อนค่าได้ แต่โดยเฉลี่ยปีนี้คาดว่า ค่าเงินบาทจะอยู่ที่33.00 บาทต่อดอลลาร์

    "หากดูเงินเฟ้อไทยแค่ 0.8% และอยู่ ระดับต่ำต่อเนื่อง ภายใต้ดอกเบี้ยที่ยังไม่สูงมาก ดังนั้นการเข้ามาลงทุนในไทยต่างชาติก็ยังมองว่าเป็นจุดคุ้มค่า ทั้งได้ผลตอบแทน จาก ดอกเบี้ยที่แท้จริงที่ยังบวก และค่าเงินบาทที่มี แนวโน้มแข็งค่าทำให้มีนักลงทุนเข้ามาลงทุนไทย ต่อเนื่อง แต่ไตรมาส 2 คาดว่าค่าเงินจะกลับอ่อนค่าลงได้สู่ระดับกลางๆ ที่ 32.00 บาทต่อดอลลาร์

    ส่วนการเคลื่อนไหวของเงินบาทวานนี้ ปิดตลาดที่ระดับ 31.73 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากวันก่อนที่ระดับ 31.89 บาท ต่อดอลลาร์โดยหากเทียบตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน เงินบาทไทยแข็งค่าเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคที่ระดับ 2.6%และยังทำสถิติแข็งค่าสุดรอบ 8 เดือน

    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    EKQlVw1sHZUeSLwx4fYaZL5fa2Y6mOM2gMuaJYUcPB3Xv9o7N_luJYHwTj-DyWJFscBw0jT2w&_nc_ht=scontent-sin2-1.png

    (Jan 17) แบงก์จัดหนัก ผนึกอสังหาฯ ล้างสต๊อกบ้าน : แบงก์จับมือดีเวลอปเปอร์ เร่งลูกค้าตัดสินใจ ชงโปรฯร้อนชิงแชร์บ้านหลังที่ 1 แหยงคุม LTV กสิกรไทย-กรุงศรีจัดให้ดอกเบี้ย 3% คงที่นาน 3 ปี เลียนแบบบ้านล้านหลัง ชี้ไตรมาสแรกนาทีทองการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย

    หลังธนาคารแห่งประเทศ ไทย(ธปท.) ปรับปรุงเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย(ใหม่) และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ เพื่อกำกับดูแลภาคสถาบันการเงินและสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เมื่อพบสัญ ญาณการแข่งขันในตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยขยายเวลาบังคับใช้เป็นวันที่ 1 เมษายน 2562 เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้ปรับตัว

    ดังนั้น นับแต่ ธปท.คลอดเกณฑ์ใหม่ในเดือนธันวาคม 2561 ธนาคารพาณิชย์และบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ทำงานร่วมกัน ทั้ง คัดกรองลูกค้าที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริง และจัดโปรโมชัน พิเศษเพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อของลูกค้าภายใน 3 เดือนแรกนี้

    สอดคล้องกับนายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ระบุว่าแนวโน้มการทำตลาดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์จะคึกคักหลังสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคมและหลังเทศกาลตรุษจีน (มกราคมมีนาคม2562) เพราะคนไทยถือเรื่องก่อหนี้ต้นปีหรือเทศกาลปีใหม่

    "ช่วง 3 เดือนนี้ ลูกค้าจะมีทางเลือกหลากหลาย ถือเป็นนาทีทอง จะได้รับโปรโมชันทั้งจากแบงก์และดีเวลอปเปอร์ ซึ่งจัดโปรโมชันเต็มที่ ลักษณะเทเลอร์เมดแตกต่างกันในแต่ละโครงการ ในส่วนของแบงก์กรุงศรีอยุธยาเราก็มี Best Deal ซึ่งลูกค้าสามารถสอบถามทุกโครงการ"

    ด้านนางสาวอรอนงค์ อุดมก้านตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ย้ำว่า "ธนาคารยังคงเน้นมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อและเฟ้นลูกค้าคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากบางแคมเปญมียอดปฏิเสธสินเชื่อ 10% เฉลี่ยอยู่ที่ราว 30% ปีนี้เป็นโอกาสสำหรับลูกค้าจะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง"

    สำหรับปีนี้ซีไอเอ็มบีไทยตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อที่อยู่อาศัย(ปล่อยใหม่) ประมาณ 2.8-3 หมื่นล้านบาทคิดเป็นอัตราการเติบโต 30%จากปีก่อน เห็นได้ว่าจากปีก่อนยอดอนุมัติสินเชื่อใหม่มีจำนวน 2.2 หมื่นล้านบาทโดยมียอดสินเชื่อคงค้างประมาณ 8 หมื่นล้านบาท

    แหล่งข่าวจากสถาบันการเงิน กล่าวเสริมว่า เมื่อมาตรการธปท.บังคับใช้เชื่อว่า แต่ละธนาคารจะโฟกัสลูกค้าบ้านหลังที่ 1 มากขึ้น เพราะกรณีที่ลูกค้าซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 หรือ หลังที่ 3 นั้น ไม่สามารถการันตีได้ว่าเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ขณะที่ภาพรวมครึ่งปีนี้ แนวโน้มสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะเติบโตได้ เนื่องจากยอดขายที่เร่งเติบโตเข้ามาก่อนธปท.บังคับใช้เกณฑ์คุมแอลทีวีใหม่ แต่หลังจากนั้นจะต้องรอดูผลตอบรับจากตลาดอีกครั้งว่ามาตรการกำกับดูแลของธปท.จะสามารถควบคุมการเก็งกำไรของผู้ซื้อได้หรือไม่ ส่วนคนตัดสินใจซื้อก็ต้องพิจารณา

    ด้านมุมสะท้อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอส เตท จำกัด (มหาชน) ย้ำว่า ไตรมาสแรกของปี 2562 จะเกิดการแข่งขันที่ดุเดือด จากการนำบ้านพร้อมอยู่ในสต๊อกออกขายก่อนมาตรการ ธปท. บังคับใช้ ดังนั้น ผู้ประกอบการแต่ละค่าย ต่างจับมือกับสถาบันการเงิน เช่น กสิกรไทย กรุงศรีฯ ฯลฯ ออกแคมเปญสินเชื่อจูงใจ ดอกเบี้ย 3% คงที่นาน 3 ปี ใกล้เคียงกับโครงการบ้านหลังแรกของรัฐบาล ซึ่งบริษัทเองก็ร่วมกับ แบงก์ดังกล่าวด้วย เนื่องจากมีสินค้าหลายกลุ่ม

    นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากกรณีลูกค้า ถูกสถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อ (รีเจ็กต์)มากนัก เนื่องจากมีสัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 9% เท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับช่วงผ่านๆ มาอาจมาจากสาเหตุปัจจัยดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้กระทบกลุ่มผู้กู้ระดับล่าง กู้ได้ยากขึ้น

    Source: ฐานเศรษฐกิจ
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ไฟที่รุนแรงเผาไหม้ taqueria ใน Boca del Río "Los Giros" ใน Veracruz เมื่อคืนที่ผ่านมา

    คืนวันพุธนี้มีไฟไหม้ที่รุนแรงในTaqueríaของ Boca del Rio, Veracruz

    ข้อเท็จจริงถูกบันทึกในสถานประกอบการ 'Los Giros' ซึ่งตั้งอยู่ที่ Adolfo Ruíz Cortines ในย่าน Costa Verde

    เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่บริการฉุกเฉินปรากฏตัวที่สถานที่ซึ่งเกิดไฟไหม้เพื่อควบคุมเปลวไฟ

    ในพื้นที่มีการตัดการไหลเวียน พวกเขาไม่ได้รับรายงานจนถึงได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ตุรกี

    อีกหนึ่งวิดีโอ ที่เกี่ยวกับทะเลที่รุนแรง โจมตีชายฝั่ง โดยลมแรงเข้าแผ่นดินและทำให้เกิดน้ำท่วม เกิดความวุ่นวายตุรกีเมื่อวาน
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ตุรกี

    ชายฝั่งที่ถูกลมพัดแรง ทำให้คลื่นทะเลเข้ามาในแผ่นดิน ทำให้เกิดน้ำท่วมใน Mesin ประเทศตุรกีเมื่อวานนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...