ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ผู้อาศัยใน Villas de Esmeralda - Balconies เมือง # Reynosa ประเทศ México # 24 มิ.ย.
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    เช้านี้การปะทุของภูเขาไฟ Anak Krakatau ในอินโดนีเซียถ่ายเมื่อเช้านี้โดยกล้อง CVGHM
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    กระบวนการปะทุและอารมณ์ของเถ้าภูเขาไฟ Urbinas ของเปรู # 24 มิ.ย.
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลักษณะของดาบเมือง

    sword2.jpg
    ดาบเมืองมีหลายขนาด และหลายรูปแบบ ต่อไปนี้เป็นรายละเอียด ส่วนต่าง ๆ ของดาบเมือง

    sword3.jpg

    ฝักดาบ

    .....ฝักดาบ คือเครื่องห่อหุ้มตัวดาบ เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อผู้พาพา และสามารถสะพายดาบ ไปไหน ๆ ได้โดยสะดวก ฝักดาบเป็นที่ผูกยึดติดกับสายดาบสำหรับคล้องไหล่สะพายบ่า และนอกจาก นี้ กล่าวกันว่ายังใช้เป็นอาวุธในยามต่อสู้ได้อีกด้วย ฝักดาบทำด้วยไม้สองชิ้น ที่มีลักษณะ และขนาด ความกว้างไล่เลี่ยกับความกว้างของตัวดาบ นิยมใช้ไม้ที่มีน้ำหนักเบา เหนียว และคงรูป เช่น ไม้โมกมัน ไม้สัก เป็นต้น โดยเฉพาะไม้โมกมัน เป็นไม้ที่ไม่กินคมดาบ มีน้ำหนักเบา และเมื่อใช้ไปนาน ๆ ผิวไม้ จะมันวาว สวยงาม
    เมื่อนำไม้มาประกบกันแล้ว ส่วนโคนจะเป็นลำกลม มีขนาดใกล้เคียงกับด้ามดาบตรงส่วนที่ติด กับ กระบังดาบ หรือเขี่ยว แล้วค่อย ๆ เพรียวไปทางปลาย ตามลักษณะของตัวดาบ ไม้ด้านในของฝักจะถูก เซาะร่องให้เป็นรูปดาบ มีขนาดไล่เลี่ยกับตัวดาบ เมื่อนำมาประกบกันแล้ว โคนฝักจะเป็นรูปลิ่ม ความกว้าง รูปลิ่มดังกล่าวจะกว้างกว่าท้องดาบ เพื่อให้สามารถสอดดาบเข้าฝักได้โดยสะดวก เมื่อประกบไม้เข้าด้วยกัน แล้วจะพัน หรือสวมทับด้วยวัสดุต่าง ๆ เพื่อให้คงรูป เช่น ใช้แถบโลหะ หรือห่วงเส้นทางมะพร้าว หรือ หวาย หรือเสื้อเขือง (ปาล์มประเภทหนึ่ง) มีลักษณะคล้ายวงแหวน เรียกว่า ปอบหรือปลอก มีปลอกสาม หรือปลอกห้า สวมทับเข้าไป บางฝักจะใช้เชือก หรือผ้าพันทับแล้วลงรัก ส่วนปลายฝักจะตอกตะปู หรือ หมุดยึดไว้ ตรงโคนฝักเป็นส่วนที่จะสัมผัสกับคมดาบจะใช้ปลอกโลหะหุ้มรัดไว้ หรือใช้หนังสัตว์พันรอบแล้วพันทับ ด้วยสายดาบให้มั่นคงแข็งแรง

    .....ฝักดาบยศ ดาบประจำตำแหน่งบางเล่มจะหุ้มด้วยโลหะมีค่า เช่นทองคำ หรือเงิน เรียก ดาบหลูบคำหลูบเงิน มีทั้งที่ตกแต่งลวดลายดวงดอกงดงาม หรือเป็นทองเกลี้ยงเงินเกลี้ยง ลวดลายและ วิธีการทำฝักจะสัมพันธ์กับด้ามดาบด้วย กล่าวคือเมื่อสอดดาบเข้าฝักแล้ว ดาบทั้งเล่มจะกลมกลืนกันเป็นชิ้นเดียวไม่มีลักษณะแปลกแยกด้านเทคนิคและฝีมือ

    sw2.jpg

    ด้ามดาบ

    .....ด้ามดาบ คือส่วนที่กั่นดาบฝังลงไปยึดแน่นและใช้เป็นที่จับเพื่อใช้งาน ดาบเมืองที่เป็นดาบใช้มักทำด้วย ไม้ไผ่รวก ปล้องยาวเพียงปล้องเดียว แต่บางท่านว่าใช้ไม้ไผ่หก ไผ่บงป่า ไผ่ไล่ ไม้ไผ่ไล่นี้เอาเคล็ดที่ชื่อ คือไล่ ศัตรูพ่าย ส่วนโคนด้าม คือส่วนที่สัมผัสกับโคนดาบ หรือส่วนที่มี ปลอกโลหะหรือเขี่ยว มีทรงกลม มีขนาดใกล้เคียง หรือเท่ากับโคนฝัก แล้วเหลาให้เพรียวลงถึงส้นด้าม ดาบเมืองโดยเฉพาะ ดาบใช้ ไม่นิยมทำเขี่ยว จะใช้ปลอกหวายสวมทับให้แน่นทีละปลอก โดยสวมเข้าทางส้นแล้วเรียงลำดับ ให้แน่นเรียวลงมาถึงส้น ใช้แผ่นโลหะทรงกลม หรือ เหรียญสตางค์แดง หรือเงินแถบ หรือเหรียญอื่น ๆ ปิดส้นแล้วตอกตะปูยึดเพื่อป้องกันไม่ให้ปลอกหลุด ถ้าเป็นดาบชาวลัวะจะทำปลอกเงินสวมปิด นิยมตอก ลวดลายเป็นรูปปลาสลิก เช่นเดียวกับปลายฝักจะเป็นรูปปลาสลิกเช่นกัน บางเล่มใช้ลิ่มตอกเข้าตรงรูกลวง ส้นด้าม เพื่อให้ด้ามขยายขนาด จะทำให้ปลอกรัดแน่นขึ้น แต่หากรัดปลอกแน่นดีแล้วก็ไม่ต้องตอกลิ่ม ใช้เพียงแผ่นโลหะปิด มีดาบบางเล่มบรรจุเครื่องรางของขลังในรูกลวงไม้ไผ่ เช่น ผ้ายันต์ แผ่นยันต์โลหะม้วนลงอักขระ เศษผ้าคล้ายจีวรอัดด้วยขี้ผึ้งหรือขี้ชันโรง คงเป็นวิธีการเฉพาะของเจ้าของดาบเล่นนั้น ๆ อาจไม่ใช้ขนบโดยทั่วไป
    sw1.jpg
    .....ด้ามดาบนอกจากทำจากไม้ไผ่แล้ว ยังทำจากสิ่งอื่นอีก เช่น ไม้เนื้อแข็งหรือไม้จริง งา กระดูกสัตว์ เขาสัตว์ ด้ามที่ทำจากวัสดุดังกล่าวนี้มักเป็น ดาบยศ ดาบขนาดเล็ก หรือมีดพก มีดอุ่ม ต้องมีเขี่ยวหรือปลอก สวมเพื่อยึดกั่นกับด้ามและเพื่อกันไม่ให้ด้ามแตก บางเล่มตกแต่งและแกะลวดลาย เป็นรูปต่าง ๆ งดงาม เช่น รูปหนุมาน พระพิฆเนศ หรือดอกดวงอย่างวิจิตร นักสะสมดาบและพ่อค้าของโบราณกล่าวว่า เป็นงานฝีมือของช่าง ชาวไทใหญ่ รัฐฉาน บ้างก็ว่าเป็นฝีมือชาวเผ่าลัวะ ด้ามดาบยศวิจิตรงดงามนี้มักแต่งด้วยปลอกเงินส้นด้ามมีหัวบัวประดับทุกส่วน จะหุ้มเงินเว้นแต่ ที่ต้องการอวดคือ งา หรือเขา เท่านั้น ดังได้กล่าวมาแล้วว่า ถ้าแต่งด้ามได้งดงามเท่าใด ฝักก็ต้องตกแต่งให้งดงามเสมอกัน ดังนั้นดาบยศงดงามวิจิตร จึงเป็นของหายากและแพงค่ายิ่ง การยึดกั่นกับด้ามให้มั่นคงแข็งแรงนั้น หากด้ามเป็นไม่ไผ่จะมีรูโดยธรรมชาติสำหรับสอดกั่นเข้าไป ถ้าเป็นไม้จริง งา หรือเขา ต้องเจาะรูเพื่อยึดกั่น แต่มักทำได้ยากจึงต้องอาศัยเขี่ยวหรือปลอกสวมยึดให้มั่น การเข้าด้ามดาบด้วยการเผาไฟให้ร้อนพอประมาณ ตำครั่งจนเป็นผงเทใส่รูด้ามจนเต็มนำกั่นร้อนสอดเข้าไปแล้วถอดออก ใส่ครั่งอีกครั้งให้เต็มเผากั่นใส่ลงไป จับด้ามดาบให้อยู่ทรงในตำแหน่ง ที่พอเหมาะรอจนเย็นก็ใช้การได้ บางด้ามจะใช้ผ้าเนื้อดีบุในรูก่อนจะเทผงครั่งลงไป แล้วทำตามขั้นตอนดังที่กล่าวมา การใช้ผ้าบุข้างในเพื่อให้ด้าม กับกั่นยึดแน่นคงทนหลุดยาก ดาบบางเล่มจะมีฝาครอบโคนด้าม โดยเจาะรูเฉพาะให้กั่นฝังลงไป งเพื่อความเรียบร้อยสวยงามและกันไม่ให้ครั่งหลุด

    เหล็กดาบ

    sw3.jpg
    .....เหล็กที่ใช้ทำดาบต้องเป็นเหล็กเนื้อดีมีความแข็งและเหนียว เล่ากันว่าต้องหลอมไล่ตะกรันเป็นอย่างดีมีพิธีกรรมประกอบ และเหล็กต้องมี ส่วนผสม อื่น ๆ เพื่อให้เกิดความขลัง บ้างก็ว่าต้องตีทบไปมาหลายร้อยครั้งเพื่อให้เนื้อเหล็กเป็นเส้นจะทำให้เหล็กเหนียวเป็นพิเศษ คำเล่าขาน ดังกล่าวนี้ยังไม่มี หลักฐานยืนยันชัดแจ้ง แต่การจะตีเหล็กเพื่อทำดาบเป็นอาวุธเพื่อใช้ในการต่อสู้นั้น คงต้องคำนึงถึงคุณภาพเหล็ก อย่างแน่นอน ถ้าเหล็กไม่ดีเปราะ หักง่ายหรือไม่ใช่เหล็กกล้า เมื่อประดาบหรือฟันถูกของแข็งเกิดการเสียหายในขณะรณยุทธ์ ก็หมายถึงชีวิตเลยทีเดียว เหล็กดีที่ได้รับการกล่าวถึง มากที่สุดคือ เหล็กน้ำพี้ หรือเหล็กหนึกจากบ่อพระแสงและบ่อพระขรรค์ อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ เหล็กน้ำพี้ดังกล่าวนี้ ไม่เป็นสนิม มีสีเขียวเหมือนปีกแมลงทับ แต่การจะถลุงเหล็กให้ได้เหล็กสำหรับทำดาบนั้นเป็นเรื่องยาก อีกทั้งเหล็กน้ำพี้ จะสงวนไว้สำหรับทำพระแสงดาบ หรืออาวุธสำคัญในราชสำนักทางใต้เท่านั้น จึงเป็นการยากที่จะหาเหล็กน้ำพี้มาใช้ทำดาบเรือนหรือดาบใช้ทั่วไป ส่วนบ่อเหล็กในเขตจังหวัด เชียงใหม่ นั้นเล่าว่าอยู่ที่บ่อหลวง อำเภอฮอด แต่เป็นเหล็กคุณภาพต่ำนิยมนำมาตีเป็นเครื่องในครัวเรือนและการเกษตร ส่วนดาบที่ทำจากจังหวัด ลำปาง ซึ่งมักเรียกขานกันว่า ดาบลำปางสมัยหลังสงครามโลก .....

    .....ดาบเมืองโดยเฉพาะที่ปรากฏในเขตจังหวัดเชียงใหม่ จากาการศึกษาของธีรศักดิ์ ญาณสาร(๒๕๓๒) พบว่า ราวร้อยละแปดสิบเป็นดาบที่หาซื้อมา จากรัฐฉาน ประเทศพม่า ทีทั้งเดินทางไปซื้อและมีพ่อค้าจากรัฐฉานนำมาขาย มีบางส่วนที่รับตีดาบตามสั่งทำ และนอกจากนี้น่าจะมีดาบจาก ภาคกลาง หรือจากประเทศลาวเข้ามาขายด้วย ดาบที่ซื้อมาจากภาคกลางจะมีรูปแบบเฉพาะ กล่าวคือ มีท้องดาบ ปลายดาบแหลม คนล้านนา เรียกขาน ดาบชนิดนี้ว่า ดาบไทย ฯลฯ

    ตัวดาบ

    sw4.jpg
    .....ตัวดาบ หรือใบดาบเมืองนั้น ดังได้กล่าวแล้วว่ามีความยาวประมาณหนึ่งศอกถึงสองศอก หรืออาจยาวกว่านี้ ส่วนความกว้างนั้นก็ประมาณ สองถึงสามนิ้วมือ ความกว้างของดาบแต่ละเล่มจะขึ้นอยู่กับลักษณะของปลายดาบ กล่าวคือถ้าเป็นดาบใบคา คือมีลักษณะคล้ายใบคา ดาบจะแคบมาก ถ้าเป็นดาบปลายบัว ตัวดาบจะกว้าง และถ้าเป็นดาบปลายว้าย ก็จะไต่ระดับความกว้างจากแคบไปกว้างจนถึงปลายดาบ โดยปกติโคนดาบต้อง แคบและหนากว่าท้องดาบก่อนจะเรียวแหลมเป็นปลายดาบ สันดาบหนาตั้งแต่โคนดาบแล้วเพรียวบางจนถึงปลาย ดาบบางเล่มสันดาบจะคม เช่นเดียวกับด้านคม เมื่อมองทางด้านข้าง ปลายดาบจะเชิดขึ้นซึ่งจะเป็นลักษณะเฉพาะของดาบ ส่วนจะเชิดขึ้นมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับลักษณะ ของปลายดาบ ดังจะได้กล่าวต่อไป
    sw5.jpg
    .....ตัวดาบโดยปกติจะไม่มีการตกแต่งลวดลายใด ๆ เป็นพิเศษ มีดาบบางเล่มที่ตกแต่งตัวดาบงดงาม กล่าวคือมีการแต่งเป็นร่อง นิยมเรียกกันว่า ร่องเลือด เป็นร่องลึกพอให้เห็นเป้นแนวยาวจากโคนดาบสู่ปลายดาบ บางเล่มมีร่องเลือดเหมือนกันทั้งสองด้าน หรือแต่งเป็นลวดลายทำนองลายกนก แต่ไม่อ่อนช้อยดังลายเส้น บางเล่มฝังทองแดงหรือทองเหลืองที่ตัวดาบ สันดาบมีทั้งสันเรียบและสันสามเหลี่ยม ดาบสันเรียบบางเล่มที่สันจะฝังทองแดงหรือทองเหลืองด้วย หรือไม่ก็ทำเป็นรอยขีดหลาย ๆ ขีด ดาบบางเล่มที่ตัวดาบใกล้โคนจะประทับตราคล้ายกับเป็นสัญลักษณะทางการค้า หรือสัญลักษณ์ของเตาที่ทำดาบ เท่าที่พบมีหลายแบบ เช่น รูปดอกจัน รูปพระอาทิตย์ รูปพระอาทิตย์คู่ รูปเต่า รูปดวงตา มีทั้งประทับตราด้านเดียวและทั้งสองด้าน หรือประทับตราสองแห่งด้านเดียวกัน

    ปลายดาบ

    sw6.jpg
    .....ลักษณะของปลายดาบแต่ละแบบเป็นการกำหนดการเรียกขานชื่อดาบนั้น ๆ ด้วย เช่น ดาบปลายว้าย ดาบปลายบัว เป็นต้น การตีดาบแต่ละเล่มผู้ตี คงต้อง กำหนดแบบไว้แล้ว ลักษณะของปลายดาบต้องพ้องกับประโยชน์การใช้สอย ดาบเมืองโบราณทั้งดาบยศและดาบใช้เท่าที่ได้พบเห็น ปลายดาบ มีลักษณะต่าง ๆ ดังนี้

    .....๑. ดาบปลายเหลี้ยม ดาบปลายซุย หรือ ดาบปลายแซว ปลายดาบจะแหลมคม เน้นประโยชน์การแทงละลุ ฟัน และเฉือน มีลักษณะต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กับตัวดาบ คือ
    .....๑.๑ ปลายเหลี้ยม ปลายซุย หรือปลายแซว ด้านสันดาบจะเชิดขึ้นเล็กน้อย ทั้งตัวดาบและท้องดาบเพรียวคล้ายมีดพก ถ้าท้องดาบกว้าง ๆ มักเรียกขานว่า ดาบไทยปลายเหลี้ยม
    .....๑.๒ ปลายเหลี้ยมใบข้าว หรือปลายใบข้าว เรียกดาบใบข้าว ตัวดาบมีลักษณะเหมือนใบข้าว โคนเล็กท้องดาบกว้างพอประมาณ ส่วนปลายดาบจะตรงและแหลม
    .....๑.๓ ปลายเหลี้ยมใบคา หรือปลายคา เรียกดาบใบคา ตัวดาบมีขนาดเล็กแคบเสมอกันตั้งแต่โคนดาบถึงปลายดาบ เรียวเหมือนใบหญ้าคา

    .....๒. ดาบปลายว้าย เป็นดาบที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างจากดาบไทย ตัวดาบตั้งแต่โคนถึงปลายมีความกว้างเสมอกัน สันดาบตรงปลายเชิดขึ้นเล็กน้อย ด้านคมก็เชิดขึ้นตาม เน้นประโยชน์การฟันและเฉือน ดาบปลายว้ายอีกลักษณะหนึ่งซึ่งพบเห็นน้อยมากคือ ปลายว้ายหัวแม่โต้คือปลายดาบมีขนาด ความกว้างกว่าโคน เชิดขึ้นคล้ายกับมีดอีโต้ เน้นการฟัน เพราะน้ำหนักจะอยู่ส่วนปลายดาบ

    ..... ๓. ดาบปลายบัว ดาบปลายมน หรือดาบหัวบัว เป็นดาบที่เน้นความสวยงามและการฟัน มี ๒ ลักษณะ คือ
    .....๓.๑ ปลายบัว ปลายดาบคล้ายดอกบัวตูม หรือกลีบดอกบัว ตัวดาบมีขนาดความกว้างเสมอกันทั้งเล่ม หรือโคนดาบเล็กกว่าปลายดาบเล็กน้อย คล้ายาดาบจีน แต่ปลายดาบจะมนกว่า
    .....๓.๒ ปลายบัวหัวเหยี่ยน หรือดาบหัวเหยี่ยน ปลายดาบมีลักษณะคล้ายส่วนหัวของ
    ปลาไหล (เหยี่ยน=ปลาไหล) โคนดาบมีขนาดเล็กกว่าปลายดาบ แล้วค่อยกว้างขึ้น ส่วนปลายด้านสันเชิดขึ้นเล็กน้อย ถ้าปลายมนปลายดาบมักทำเป็นสองคม

    ..... ๔. ดาบปลายเปียง หรือดาบปลายตัด ดาบชนิดนี้ตัวดาบมักมีขนานกว้าง ส่วนปลายซึ่งปกติจะแหลมกลับมีลักษณะเหมือนถูกตัดหรือดาบหัก เน้นประโยชน์การฟัน เล่ากันว่าเป็นดาบของชาวเชียงใหม่ยุคพม่าปกครอง พม่าเกรงว่าชาวเชียงใหม่จะคิดกบฏจึงตัดปลายดาบทิ้ง ขนบการทำดาบปลายเปียงจึงหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน

    เชือกดาบ หรือสายดาบ
    sw7.jpg
    ..... เชือกดาบหรือสายดาบมีความสำคัญต่อาการพกพาดาบไปยังที่ต่าง ๆ ได้โดยสะดวก เชือกดาบมีหลายขนาดและหลายสี เส้นโตที่สุดประมาณ เท่านิ้วมือ และมีขนาดอื่น ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับขนาดของดาบ เชือกดาบเท่าที่พบมีสีแดงสีดำ กล่าวกันว่าแต่เดิมสีของเชือกดาบอาจหมายถึงหมู่ หรือเหล่าของทหารก็เป็นได้ เชือกดาบทำจากผ้าคล้ายผ้ายืดแล้วยัดเศษผ้าหรือเส้นด้ายไว้ด้านในนุ่ม ๆ ทำเป็นเส้นยาว ๆ ทำนองเดียวกับการทำ ไส้กรอก สายดาบมักมาคู่กับฝักดาบ เดชา เตียงเกตุ (สัมภาษณ์ ๕ ตุลาคม ๒๕๔๔) กล่าวว่า น่าจะทำจากพม่า ผลิตในโรงงานเฉพาะ เพราะเศษผ้า และเส้นด้ายนั้นเป็นผ้าเทศด้ายเทศ ไม่ใช่ลักษณะของผ้าฝ้ายปั่นมือในท้องถิ่น การมัดเชือกดาบกับฝักทำได้หลายวิธี เช่นมัดสำหรับสะพายไหล่ หรือมัดสำหรับสะพายหลัง ดาบเมืองเท่าที่พบเป็นการมัดเพื่อสะพายบ่าหรือคล้องไหล่ ปมเชือกต้องอยู่ตรงข้ามกับคมดาบเสมอ นอกจาก

    ประโยชน์ดังกล่าวแล้ว เชือกดาบยังช่วยรัดฝักดาบไม่ให้คลายแยกออกเมื่อปลอกหวายหลุด และยังป้องกันคมดาบ บาดมือขณะถอดดาบออกจากฝักอีกด้วย

    ..... เชือกดาบแบบเดิมที่ติดมากับดาบเมืองในปัจจุบัน (๒๕๔๕) ไมมีขาย มีแต่เชือกอย่างอื่นที่คล้าย ๆ กันเป็นไนล่อน หรือไหมพรมถัก ไม่อ่อนนุ่มเหมือนเชือกดาบแบบเดิม หรือเป็นเชือกไม่มีไส้ต้องนำมาฟั่นเองถึงจะใช้ได้ ส่วนดาบใหม่ที่นิยมทำกันในเขตจังหวัดลำปางจะฟั่นเชือกดาบเอง แต่ก็ไม่เหมือนเดิม เรียกการสานเชือกมัดดาบ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเรืองสีของเชือกดาบว่าสีใดต้องโฉลกกับเจ้าของที่เกิดในปีนั้น ๆ ด้วย (ดูรายละเอียดที่ โศลกดาบ) ส่วนดาบยศที่ฝักหุ้มเงินหุ้มทองมักไม่มีเชือกดาบ คงเพราะไม่ต้องการสะพายดาบก็เป็นได้

    คัดมาจากส่วนหนึ่งของ หนังสือ ดาบเมือง โดย อาจารย์ วิลักษณ์ ศรีป่าซาง
    สำนักพิมพ์ ปิรามิด พิมพ์ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๔๗
    *ขอขอบพระคุณ อาจารย์วิลักษณ์ ที่ได้เอื้อเฟื้องานเขียน มา ณ ที่นี้ด้วย
    ขอขอพระคุณกับรูปภาพประกอบจากเวป ThaiBlade.com ด้วยครับ
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Candy Bella
    Janjaweed ทหารหน่วย “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ของซูดานที่ข่มขืนตั้งแต่ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก ไปจนถึงศพ
    จากเหตุการณ์ที่ ซูดาน อันเป็นประเทศในโลกตอนนี้ประเทศเดียวที่กำลังปกครองด้วยรัฐบาลทหารโดยสมบูรณ์ (คือเป็นทหารจริง ๆ ไม่ได้ซ่อนรูปหรือฟอกขาวด้วยการเลือกตั้งมา)
    แน่นอนว่าโลกสนใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และเราก็ได้เล่าเรื่องราวไปแล้ว เหตุการณ์คร่าว ๆ คือปลายปี 2018 ผู้คนชุมนุมประท้วงไล่ประธานาธิบดี ทหารออกมาก่อรัฐประหารช่วงเดือนเมษายน รัฐบาลทหารไม่ยอมทำตามที่ประชาชนเรียกร้อง ประชาชนเลยประท้วงต่อจนถึงตอนนี้
    แต่แค่ประท้วงมันไม่มีอะไร สิ่งที่โคตรโหดมันเกิดขึ้นในวันที่ 3 มิถุนายน ซึ่งคงจะเป็นวันที่ประวัติศาสตร์ซูดานจารึกไปอีกนาน
    ในวันนั้น “ทหาร” ใด้ส่งกองกำลังไป “สลายการชุมนุม” พร้อมตัดขาดคนจากอินเทอร์เน็ต และคนก็แตกกระเจิงกันอย่างโกลาหล
    แต่หลังจากนั้น เมื่อคนเริ่มรวมตัวกันได้และปะติดปะต่อเรื่องราว เรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นมันหฤโหดสุด ๆ เพราะ “ทหาร” ที่ลงไปสลายการชุมนุมวันนั้น ใช้ “กระสุนจริง” ฆ่าผู้ชุมนุมไป 100 กว่าคน และโยนทิ้งลงแม่น้ำไนล์หน้าตาเฉย
    อันนี้คือเรื่องที่โหดเกิดชาวโลกรับได้แล้ว เพราะมาตรฐานโลกปัจจุบัน เขาจะไม่ใช้ทหารในการ “ปราบม็อบ” เพราะยังไงก็ต้องมีพลเรือนตาย เนื่องจากธรรมชาติของอาวุธทหารมันคืออาวุธเพื่อฆ่าทั้งนั้น ไม่ใช่แค่อาวุธสลายฝูงชนแบบตำรวจปราบจลาจล ที่จะใช้แค่พวกแก๊สน้ำตา ไปจนถึงกระสุนยาง
    ถ้า “ทหาร” ซูดานฆ่าคนแล้วโยนลงแม่น้ำไนล์ยังช็อกโลกไม่พอ เรื่องราวในวันนั้นที่ค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาก็ยิ่งชวนช็อกอีก เพราะในวันนั้น “ทหาร” นอกจากจะไล่ฆ่าผู้ชุมนุมอย่างกับผักปลาแล้ว ยังไล่ข่มขืน ผู้หญิง ผู้ชาย หรือกระทั่งเด็ก และมันก็มีรายงานระดับว่า “ทหาร” พวกนี้แย่งกันข่มขืนศพผู้ชุมนุมด้วยซ้ำ ซึ่งเบ็ดเสร็จแล้ว มีการรายงานว่ามีผู้ถูกข่มขืนในเหตุวุ่นวายดังกล่าว (ที่ยังไม่ตาย) ไม่ต่ำกว่า 40 คน
    ...ก็คงไม่ต้องบอกว่าเรื่องแบบนี้ช็อกเสียยิ่งกว่าช็อก เพราะในศตวรรษที่ 21 มันยากจะจินตนาการว่าจะมีเรื่องแบบนี้ โดยเฉพาะเมื่อคนทำเป็น “ทหาร” ซึ่งควรจะปกป้องประชาชน ไม่ใช่มาไล่ฆ่าและข่มขืนประชาชน
    ทำไม “ทหาร” พวกนี้ถึงโหดขนาดนี้? คำตอบที่สั้นที่สุดก็คือพวกนี้ ไม่ใช่ “ทหาร” ซะทีเดียวครับ แต่พื้นเพคือกองกำลังติดอาวุธชื่อ Janjaweed ซึ่งตอนนี้เป็นแขนขาของกองทัพซูดาน
    กองกำลังนี้เกิดมาได้ยังไง? คืออันนี้ต้องเข้าใจบริบทเมื่อหลายสิบปีก่อนในช่วง 1970’s สมัยโน้น Muammar Gaddafi ผู้นำลิเบียผู้ล่วงลับ ได้พยายามสร้างกองกำลังเพื่อจะยึดครองภูมิภาค โดยการเอาพวกชนเผ่าต่าง ๆ ที่เป็นอาหรับหัวรุนแรงแถวนั้นมาติดอาวุธ
    แต่ไป ๆ มา ๆ กองกำลังนี้หันปืนเข้าหาลิเบียซะเองและสถาปนาตัวเองเป็นกองกำลังติดอาวุธ Janjaweed และเข้ายึดพื้นที่ชายแดนฝั่งตะวันออกของลิเบีย ซึ่งติดกับซูดาน
    ซึ่งตอนนั้นซูดานมีสงครามกลางเมืองพอดีในฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นโซนของพวก Janjaweed สิ่งที่รัฐบาลซูดาน (ภายใต้ Omar al-Bashir ประธานาธิบดีคนเก่าที่เพิ่งโดนไล่ลงไป) ทำก็คือ ติดอาวุธให้กลุ่ม Janjaweed เพื่อให้มาร่วมรบกับฝั่งรัฐบาล (อันนี้พยายามจะเล่าให้มันเข้าใจได้ไม่ยากนะครับ)
    กองกำลังพวกนี้มีราว ๆ 20,000 คน ก็ไม่เยอะมาก แต่ความโหดนี่การันตีเลย ตั้งแต่สงครามกลางเมืองครั้งนั้นแล้ว เพราะพวกนี้ไม่ใช่ “ทหาร” ที่ฝึกมารบ แต่เป็นกองกำลังเถื่อนติดอาวุธดี ๆ นี่เอง และพวกนี้ฆ่าคนไปในช่วงสงครามกลางเมืองรวม ๆ 200,000 - 400,000 คน และทุกที่ที่พวกนี้ไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะพังทลาย เมืองราบเป็นหน้ากลอง คนในพื้นที่โดนฆ่า ข่มขืนแบบที่ไม่มีใครรอด
    คือมันโหดระดับที่ศาลอาญานานาชาติ จะเอาผิด Omar al-Bashir อดีตประธานาธิบดีซูดานที่ให้ท้ายพวก Janjaweed ช่วงสงครามกลางเมืองด้วยข้อหาเป็นหางว่าว ตั้งแต่อาชญากรสงคราม ยันฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    ทีนี้ในปัจจุบัน Janjaweed ก็ยังคงอยู่ มันกลายมาเป็น “กองกำลังโหด” ของกองทัพซูดานไปแล้ว จะเรียกว่าเป็นหน่วยทำลายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ก็ได้ เพราะถ้าสั่งให้พวกนี้ไปบุก รับประกันได้เลยว่าทุกอย่างจะเละ ซึ่งทั่ว ๆ ไปกองทัพก็ไม่ได้ให้พวกนี้ทำอะไรเท่าไร เพราะมันโหดเกิน
    แต่ใครจะไปคิดว่า กองทัพซูดานที่ขึ้นปกครอง จะสั่งให้พวก Janjaweed ไปทำการสลายการชุมนุมกับผู้ชุมนุมโดนสันติไม่มีอาวุธ
    คือมัน “บ้าไปแล้ว” ครับในมาตรฐานโลกปัจจุบัน เพราะแปลง่าย ๆ คือ กองทัพไม่ได้ส่ง “ทหาร” ธรรมดาไปสลายการชุมนุม แต่ส่ง “หน่วยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ลงไปสลายการชุมนุม นี่คือเจตนาฆ่าผู้ชุมนุมอย่างชัดเจน
    ซึ่งถามว่าหลังเกิดเหตุปราบปรามในวันที่ 3 มิถุนายน ประชาชนซูดาน “เสียขวัญ” ไหม ก็ต้องเสียสิครับ จะไม่เสียได้ยังไง แต่พวกเขาก็ยังยืนยันที่จะสู้ต่อจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยมาอยู่ดี
    ...แม้ว่าความหวังในการต่อสู้จะริบหรี่มาก ๆ เพราะพวกเขาต้องเผชิญกับกองทัพที่มีหน่วย “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ของตัวเองโดยที่นานาชาติได้แต่มองตาปริบ ๆ เพราะมาตรการกดดันและคว่ำบาตรต่าง ๆ ใช้กันจนหมดมุกกันไปนานแล้ว...
    Credit : BrandThink
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    สหรัฐอเมริกา
    เรามาดูกันว่าพายุทอร์นาโด ระดับความรุนแรงEF-2 นั้นทรงพลังแค่ไหน และการทำลายล้างในเซาท์เบนด์ รัฐอินเดียนา บ่ายวานนี้เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ฟิลิปปินส์
    ภาพปรากฎการณ์เมฆสีรุ้งที่ถูกพบในฟิลิปปินส์ ที่เขื่อน Angat ในบ่ายวันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ยุโรป
    คลื่นความร้อนจะเข้าสู่ยุโรปเป็นจำนวนมาก ด้วยอุณหภูมิที่ไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 ถึง 30 มิถุนายน เหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่นักอุตุนิยมวิทยาในยุโรปกล่าว
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ฟิลิปปินส์

    เขื่อน Angat ของฟิลิปปินส์กำลังแห้งเนื่องจากขาดฝน

    อ่างเก็บน้ำมีปริมาณน้ำประมาณ 90% ของความต้องการน้ำสำหรับเมโทรมะนิลาผ่านทางโรงงาน

    แม้จะมีฝนตกหนักเมื่อไม่นานมานี้ประชาชนยังคงต้องรับมือกับการจัดหาน้ำที่ไม่แน่นอนสำหรับการฟื้นฟูเขื่อน Angat ซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักของเมโทร, มะนิลา ซึ่งจะใช้เวลาอีกสามเดือน

    ในการบรรยายสรุปร่วมกันเมื่อวานนี้ PAGASAของฟิลิปปินส์ กล่าวว่าระดับน้ำในเขื่อน Angat จะปรับสู่ระดับ 180 เมตรภายในเดือนกันยายนหรือตุลาคม เนื่องจากสถานการณ์ฝนตกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา .

    หากต้องการกลับสู่ภาวะปกติมันจะไม่ใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือน อาจจะสามเดือนขึ้นไป ปัจจัยหนึ่งคือ Angat นั้นปริมาณน้ำต่ำมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาและไม่มีฝนตกในช่วงเวลานั้น "Junie Ruiz ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิอากาศของ PAGASA กล่าว

    "แม้ว่าฝนจะตกติดต่อกันหลายวัน แต่มันก็แค่จุ่มน้ำใน Angat" “ หลังจากทำให้พื้นดินเปียกโชกนั่นเป็นครั้งเดียวที่มันจะจมลงสู่โต๊ะน้ำ และในที่สุดก็ทำการบรรจุน้ำลงเขื่อนอีกครั้ง” เขากล่าวเสริม

    เร็วเท่าเช้าวานนี้ระดับน้ำของเขื่อนสูงถึง 159.09 เมตรต่ำกว่าระดับวิกฤติ 160 เมตร

    "เร็ว ๆ นี้ Angat จะเติมน้ำ" "อาจจะถึง 180 เมตรในเดือนกันยายนหรือตุลาคมเมื่อพายุไต้ฝุ่นเริ่มข้ามฝั่งใน Central Luzon" Ruiz กล่าว

    คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (NWRB) ยังเตือนว่า Angat อาจละเมิดระดับน้ำต่ำสุด 157.57 เมตร

    ในขณะเดียวกันประชาชนต้องจัดการกับการจัดหาน้ำที่ไม่คงที่เพื่อการฟื้นฟูเขื่อน Angat ซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักของเมโทร, มะนิลา

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Santillana

    ประทับใจ
    นี่คือลักษณะของพายุใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อ Reynosa Tamaulipas
    2019/06/24
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Santillana

    ถนนหลายสายของ Reynosa, Tamaulipas Mexico ในขณะนี้
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Santillana
    หลายอาณานิคมจมอยู่ใต้น้ำ ใน Reynosa, Tamaulipas ประเทศ Mexico ในขณะนี้ 2019/06/24
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Santillana

    สายฟ้าผ่าลงบนต้นปาล์มใน Reynosa ,Tamaulipas ประเทศ Mexico โดยพายุ
    2019/06/24
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kike Santillana

    มันช่างน่าประหลาดใจที่สัตว์ทำตัวเป็นตัวอย่างไปสู่ความเป็นจริงของมนุษย์

    วิดีโอถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าหงส์อยู่ที่ไหน ที่รวบรวมขยะจากแม่น้ำ

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหว ขนาด 6.3 ภูมิภาค KOMANDORSKIYE OSTROVA
    วันที่ 2019-06-25 เวลา 16: 05: 40.8 น. ตามเวลาประเทศไทย
    ตำแหน่ง 56.19 N; 164.29 E
    ความลึก 10 กม
    Macroseismic
    เอฟเฟกต์ความเข้ม: รู้สึก
    Screenshot_20190625-204808.png 773259.global.thumb.jpg 773259.regional.thumb.jpg IntensityMapThumbnails.png
    Magnitude 6.3
    Region KOMANDORSKIYE OSTROVA REGION
    Date time 2019-06-25 09:05:40.8 UTC
    Location 56.19 N ; 164.29 E
    Depth 10 km
    Macroseismic
    Intensity F Effects: Felt
    Distances
    2190 km NE of Sapporo-shi, Japan / pop: 1,884,000 / local time: 18:05:40.8 2019-06-25

    416 km SE of Palana, Russian Federation / pop: 3,700 / local time: 21:05:40.8 2019-06-25

    347 km S of Ossora, Russian Federation / pop: 2,500 / local time: 21:05:40.8 2019-06-25

    https://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?evid=773259
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อาราม มหากรุณาพุทธาลัย โรงเจวัดสว่างอารมณ์

    我若向刀山 刀山自摧折
    มาดแม้นข้าพเจ้าเบี่ยงหน้า ไปสู่ขุนคีรีแห่งศาสตราวุธ ภูเขาดาบนั้น จงพลันทลายหักลงไปเองเถิด

    我若向火湯 火湯自消滅
    แม้นว่าข้าพเจ้าบ่ายหน้า ไปสู่น้ำทองแดงอันร้อนรุกไหม้ น้ำทองแดงนั้น ก็จงพลันมอดดับไปเองดุจกันเถิด

    我若向地獄 地獄自枯竭
    หากแม้นข้าพเจ้าเบนหน้าไปสู่นรกภูมิ แดนนรกานต์นั้นจงเหือดแห้งเลือนหายไปพลันเถิด

    我若向餓鬼 餓鬼自飽滿
    หากข้าพเจ้าหันไปสู่หมู่เปรตผู้หิวโหย มวลเปรตทุคติทั้งหลายนั้น พึงพลันได้อิ่มหนำสมบูรณ์เถิด

    我若向修羅 惡心自調伏
    แม้ข้าพเจ้ามุ่งหน้าไปทางปวงอสูร ขอให้อกุศลจิตนั้นพึงถูกบำราบไปเองเถิด

    我若向畜生 自得大智慧
    แลแม้นว่าข้าพเจ้าหันหน้าไปหาสัตว์ดิรัจฉานชาติ
    ปวงสัตว์นานานั้น ก็พึงสำเร็จถึงซึ่งมหาปัญญาโดยพลัน เทอญ .

    ธรรมสาคร : ผู้แปล & เมตตาคุณธรรมสถาน ลพบุรี.
    มหากรุณาพุทธาลัย

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sam Omara

    ตั๊กแตน: ฝูงตั๊กแตนจำนวนมาก
    FB_IMG_1561471505299.jpg
    LOCUSTS: Multiple swarms of locusts in

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อาราม มหากรุณาพุทธาลัย โรงเจวัดสว่างอารมณ์

    "พระสุเมธดาบสโพธิสัตตว์ และ คู่พระบารมี"

    ในสมัยพุทธกาลแห่ง พระอตีตาพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระพุทธมหาทีปังกร สัมมาสัมพุทธเจ้า" อันเป็นพระพุทธเจ้าลำดับที่ ๔ ในมหากัลป์นั้น เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ก็ได้เผยแผ่พุทธศาสนาอยู่ที่รัมมกนคร

    ครั้งหนึ่งชาวนครอมรวดี ก็ได้ทูลอัญเชิญเสด็จ พระพุทธมหาทีปังกร ให้ทรงมารับมหาทานในพระนคร

    ในวันที่พระทีปังกรพุทธเจ้า เสด็จพระพุทธดำเนินมาพร้อมกับพระพุทธสาวกขีณาสพ จำนวน ๔๐๐,๐๐๐ รูปนั้น มหาชนผู้มีศรัทธาจำนวนมากก็พากันมารอรับเสด็จ และได้ช่วยกันถากถางทาง และปรับพื้นที่ขรุขระมีน้ำขังให้ราบเรียบ เพื่อให้พระพุทธทีปังกรฯ เสด็จพระพุทธดำเนินได้โดยง่าย

    "นางสุมิตตาพราหมณี" ผู้มีศรัทธาก็ได้มารอรับเสด็จพระพุทธองค์ด้วย โดยนางได้เก็บดอกบัวมา ๘ ดอกเพื่อนำมาถวายเป็นพุทธบูชา

    ระหว่างที่ชาวเมืองกำลังรอรับเสด็จ โดยมีส่วนเมืองอีกกลุ่มหนึ่งช่วยกันปรับทางกันอยู่นั้น พระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญพระบารมีมาแล้ว ๑๖ อสงไขย นามว่า "สุเมธดาบส" ได้เหาะผ่านมา แลเห็นมหาชนกำลังปรับถนนกันอยู่ก็ลงมาถาม

    เมื่อทราบว่า พระพุทธมหาทีปังกรตถาคตเจ้า กำลังจะเสด็จดำเนินมา ก็มีศรัทธาขอร่วมในการปรับถนนด้วย ชาวเมืองเห็นว่าท่านสุเมธดาบส เป็นผู้มีฤทธิ์จึงได้แบ่งงานบริเวณที่เป็นหลุมเป็นแอ่ง และมีน้ำท่วมขังมากให้ท่านดาบสได้ปฏิบัติงาน

    สุเมธดาบสนั้น กำลังมีใจปิติที่จะได้เฝ้าพระพุทธเจ้าคิดว่าหากตนใช้ฤทธิ์ปรับถนน แม้จะเสร็จเร็ว แต่ก็ไม่ชื่นใจ ไม่สมกับที่ตนมีศรัทธา จึงได้อดทนขนดินทรายมาถมหลุมบ่อด้วยแรงกายเช่นสามัญชนทั่วไป

    การกระทำของสุเมธดาบสนี้ สร้างความศรัทธาให้แก่ นางสุมิตตาพราหมณี ที่เฝ้ามองอยู่

    สุเมธดาบสยังปรับพื้นที่ไม่เสร็จดี พระพุทธทีปังกรโลกนาถเจ้า พร้อมพระพุทธสาวกทั้ง ๔๐๐, ๐๐๐ รูปก็เสด็จดำเนินมา สุเมธดาบสเห็นไม่ทันการณ์ ! เพราะยังมีบ่อที่น้ำท่วมขังอยู่ช่วงตัวหนึ่ง จึงตัดสินใจทอดตัวลงนอนปิดทับแอ่งน้ำนั้น ตั้งใจถวายชีวิตอุทิศแด่พระโลกนาถเจ้าและพระพุทธสาวก ดำเดินไปบนแผ่นหลังแห่งตน

    พระทีปังกรพุทธเจ้า เสด็จมายืนอยู่ที่เบื้องศีรษะแห่งสุเมธดาบส ทรงตรวจสอบดูด้วยพระสัพพัญญุตาญาน ก็ทรงทราบว่าสุเมธดาบสผู้นี้ เป็นหน่อเนื้อ
    พุทธางกูรโพธิสัตว์ ผู้มีบารมีเต็มสมควรได้รับลัทธยาเทศน์ได้แล้ว พระองค์จึงได้ทรงตรัสพระพุทธพยากรณ์ว่า ....

    "ท่านทั้งหลาย จงดูดาบสผู้มีตบะอันรุ่งเรืองนี้
    ดาบสผู้นี้กระทำความปรารถนายิ่งใหญ่
    เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า ความปรารถนาของเขาจักสำเร็จในที่สุดแห่ง ๔ อสงไขย กับเศษ ๑๐๐,๐๐๐ กัลป์นับแต่นี้ เขาจักได้เป็นพระพุทธเจ้านามว่า "โคตม"

    ในอัตภาพนั้นของเขา จักมีพระนครนามว่า
    "กบิลพัสดุ์" เป็นที่อยู่อาศัย
    พระมารดา ทรงพระนามว่า "มายา"
    พระบิดา ทรงพระนามว่า "สุทโธทนะ"
    พระอุปติสสะ เป็นเอกอัครสาวก
    พระโกลิตะ เป็นเอกอัครสาวกที่ ๒
    พระอานนท์ เป็นพุทธอุปฐาก
    พระเขมาเถรี เป็นเอกอัครสาวิกา
    พระอุบลวรรณาเถรี เป็นเอกอัครสาวิกาที่ ๒

    เขามีญาณแก่กล้าแล้วออกมหาภิเนษกรมณ์ ตั้งความเพียรอย่างใหญ่ รับข้าวปายาสที่โคนต้นไทร เสวยที่ฝั่งเเม่น้ำเนรัญชรา ขึ้นสู่โพธิมณฑล และจักตรัสรู้ ที่โคนต้นอัสสัตถพฤกษ์"

    ชาวเมืองและเทพเทวดาทั้งหลายในที่นั้น เมื่อได้สดับฟังพระพุทธพยากรณ์แล้ว ต่างก็กล่าวโมทนาสาธุการ สนั่นดังไปทั่วทั้งไตรภูมิ !

    ขณะนั้นเอง นางสุมิตตา ผู้เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น ก็เกิดปิติศรัทธาไปกับสุเมธดาบส นางจึงได้แบ่งดอกบัว ๕ กำ ให้สุเมธดาบสใช้บูชาพระพุทธเจ้า ส่วนดอกบัวอีก ๓ กำ นางนำไปถวายพระพุทธเจ้าแทบพระบาทของพระพุทธองค์ แล้วกล่าววาจาว่า

    "ข้าพระบาท ได้แลเห็นท่านสุเมธดาบส เหาะลงมาจากนภากาศ ช่วยขนดินทรายมาปรับผิวทาง
    ข้าพระบาทมีความศรัทธาในตัวท่านดาบส เมื่อเห็นท่านดาบสทอดกายเป็นสะพาน ข้าพระบาทยิ่งมีปีติและศรัทธา !

    บัดนี้ ! พระพุทธองค์ทรงพระมหากรุณาพยากรณ์ท่านดาบสผู้นี้ว่า จักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล ข้าพระบาทนี้ ยิ่งมีปิติและศรัทธาไปกับท่านดาบสยิ่งนัก ข้าพระบาทขอตั้งความปรารถนา
    จะเป็นคู่สุข คู่ทุกข์ คู่ยาก ช่วยท่านดาบสสร้างสมบารมีให้สมบูรณ์"

    พระมหาทีปังกรพุทธเจ้า จึงทรงตรวจสอบ นางสุมิตตาพราหมณี ด้วยพระสัพพัญญุตาญาณ แล้วจึงตรัสพระวาจาประทานพระพุทธพยากรณ์ว่า

    "ดูกรฤาษีผู้ใหญ่ อุบาสิกาผู้นี้ จักเป็นผู้มีจิตเสมอกัน มีกุศลกรรมเสมอกัน ทำกุศลร่วมกัน เป็นที่รักของบุญกรรม เพื่อประโยชน์แก่ท่าน น่าดู น่าชม น่ารัก
    น่าชอบใจยิ่ง มีวาจาอ่อนหวาน
    จักเป็นธรรมทายาทผู้มีฤทธิ์ของท่าน
    ความปรารถนาของอุบาสิกานี้จะสำเร็จตามปรารถนา"

    เหล่ามนุษย์และเทพยดา ต่างสาธุการดังก้องขึ้นอีกครั้ง แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงนำดอกไม้ ๘ กำ โปรยบูชาแด่สุเมธดาบสโพธิสัตตว์ ทรงกระทำประทักษินแล้วดำเนินหลีกไป เหล่าพระขีณาสพทั้ง ๔๐๐,๐๐๐ แสนรูป ก็บูชาพระดาบสโพธิสัตตว์ ด้วยของหอมและพวงดอกไม้ แล้วดำเนินหลีกไป

    เมื่อพระภิกษุสงฆ์เดินไปหมดแล้ว สุเมธดาบสโพธิสัตตว์ ซึ่งบัดนี้ได้เป็น "พระนิยตโพธิสัตว์" ผู้เที่ยงแท้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน ตามลัทยาเทศน์นั้นแล้ว ก็ลุกขึ้นนั่งบนกองดอกไม้ พิจารณาตนเองด้วยอภิญญาญาณ ทบทวนพุทธการกธรรม คือบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ ที่ได้บำเพ็ญเพียรมา

    เมื่อพิจารณาครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ก็บังเกิดแผ่นดินสนั่นหวั่นไหว แล้วเหล่าเทพเทวดาทั่วหมื่นโลกธาตุก็ประชุมกัน สักการะด้วยสุคนธมาลัยทิพย์ แล้วกล่าวอำนวยอวยพร

    ต่อมา พระสุเมธดาบสโพธิสัตตว์ ได้ถือพระชาติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และได้บำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้
    พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็น "พระศรีศากยมุณีสมณะโคดม อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ปัจจุบัน.

    นางสุมิตตาพราหมณี ได้ถือพระชาติมาเป็น พระนางยโสธราพิมพา พระชายา ของเจ้าชายสิทธัตถะ
    ภายหลังพระนางเสด็จออกผนวชเป็นพระภิกขุณี และได้บรรลุอรหัตผล มีพระฉายานามว่า
    "พระภัททกัจจานา มหาอรหันตเถรีเจ้า:

    ■ บุพกรรมใดๆ ล้วนมีเหตุปัจจัยมาแต่เดิมในอดีต
    ไม่มีเรื่องใดเป็นเรื่องบังเอิญ
    การจะได้เกิดเป็นเจ้าฟ้า และ พระชายา
    ล้วนมีเหตุมาจากบุญกุศล และกรรมดี
    ที่สร้างร่วมกันมาทั้งสิ้น.

    มหากรุณาพุทธาลัย โรงเจวัดสว่างอารมณ์ แคเเถว นครปฐม 。 佛統三王阿隆大佛禪寺。大悲佛殿

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หมอนไม้

    anything_4.gif

    หมอนไม้ (ภาษาเรียกภาคกลาง)
    ลักษณะ ทำมาจากไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้ชิงชัน ไม้มะค่า ไม้ประดู่ หรืออาจใช้ไม้สักทำก็ได้ วิธีการทำจะตัดไม้แผ่นๆ ที่เลื่อยไว้แล้วมีความหนา ๓-๕ เซนติเมตร มีความกว้าง ๑๐-๑๕ เซนติเมตร ยาว ๒๐-๒๕ เซนติเมตร ใช้กบไสแผ่นไม้ให้เรียบ ผ่าแผ่นไม้ ด้วยเลื่อยทั้ง ๒ ข้าง จากนั้นใช้สิ่วเจาะไม่ให้เป็นเดือยขัดกันประมาณ ๕-๖ เดือย โดยเจาะสลับกันในแต่ละด้านของแผ่นไม้ด้วย การเจาะเดือยไม้จะเจาะไปถึงไม้ที่ผ่าซีกด้วยเลื่อยนั้น และยึดติดกันด้วยเดือยที่เจาะ เวลาใช้ให้ตั้งแผ่นไม้ให้ขัดกันเหมือนรูปกากบาท ขัดผิวไว้ด้วยกระดาษทรายให้เรียบ เวลาเก็บสามารถพับให้เรียบเหมือนเป็นไม้แผ่นเดียวได้
    ประโยชน์ใช้สอย ใช้หนุนศีรษะ
    ประวัติความเป็นมา หมอนไม้เป็นของใช้พื้นบ้านสำหรับหนุนนอนของคนแก่เฒ่าที่ไปถือศีลภาวนาในวันพระ ชาวบ้านมีความเชื่อว่าการรักษาศีลที่วัด ควรละในสิ่งที่เป็นกิเลสละจากความสะดวกสบายต่าง ๆ แม้แต่หมอนที่หนุนนอนก็ไม่ควรอ่อนนุ่ม ดังนั้นจึงมีการทำหมอนไม้ไว้สำหรับหนุนนอน เมื่อไปรักษาศีลภาวนาในวันพระหมอนไม้เป็นแผ่นเดียวเก็บรักษาง่าย การใช้หมอนไม้คนแก่เฒ่ามักใช้สไบ หรือผ้าขาวม้ารองที่หมอนไม้ก่อนที่จะหนุนนอน จะได้ไม่เจ็บและนอนได้สะดวก

    http://antiqueclubone.blogspot.com/2012/07/blog-post_8670.html?m=1
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอาไปใช้ผสานด้ามมีด และใบมีดก็ได้ เอาครั่งใส่ลงไปในด้าม และเผาใบมีดให้ร้อนและใส่ลงไป ด้ามและใบมีดจะยึดกันแน่น

    ครั่ง และการเลี้ยงครั่ง

    lac2.jpg
    ครั่ง (Lac) เป็นยางที่ขับออกมาจากแมลงครั่งที่เกาะอาศัยตามกิ่งของต้นไม้บางชนิด โดยแมลงครั่งจะดูดน้ำเลี้ยงจากิ่งเป็นไม้เป็นอาหาร และปล่อยยางเหนียวสีแดงออกมาเกาะตัวแข็งหุ้มกิ่งไม้ไว้

    คุณสมบัติของครั่ง
    ครั่งเป็นสารชนิด complex resin หรือ thermoplastic resen ในอุณหภูมิห้อง มีลักษณะเป็นของแข็ง เปราะหักง่าย เมื่อได้รับความร้อนถึง 50 °C จะอ่อนตัว และเมื่อได้รับอุณหภูมิถึง 80 °C และมากกว่าจะกลายเป็นของเหลว มีลักษณะเหนียวเหมือนตังเม

    ครั่งมีคุณสมบัติไม่ละลายในน้ำหรือแอลกอฮอล์ แต่ละลายได้ในตัวทำละลายอีเทอร์หรือตัวทำละลายที่เป็นด่าง

    แมลงครั่ง
    แมลงครั่ง Laccifer lacca, Kerr. Syn. Tachardia lacca. Kerria lacca. อยู่ในวงศ์ Lacciferidae จัดเป็นแมลงเบียนของต้นไม้ที่ชอบอาศัยดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณเยื่อเปลือกเป็นอาหาร โดยใช้ปากดูดที่มีลักษณะเป็นงวงดูดกินน้ำเลี้ยง และขับยางเหนียวสีเหลืองทองออกมาเคลือบตามกิ่งไม้ และหุ้มตัวเองสำหรับป้องกันอันตรายจากแมลงศัตรูต่างๆ รวมถึงใช้รักษาอุณหภูมิ และป้องกันอันตรายจากแรงลม และแสงแดด ซึ่งยางนี้เมื่อสัมผัสกับอากาศจะแข็งจับตัวกันเป็นก้อน

    lac2.jpg

    ขอบคุณภาพจาก : www.kanchanapisek.or.th

    รังของครั่งตัวผู้จะแตกต่างจากรังครั่งตัวเมียในระยะแรก คือ รังครั่งตัวผู้จะมีลักษณะทรงรี คล้ายซิก้าร์ ส่วนรังครั่งตัวเมียจะมีลักษณะไม่แน่นอน โดยลักษณะการขยายตัวของรังครั่งทั้ง 2 เพศ จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากด้านในออกมาด้านนอก

    ครั่งที่มีขนาดพอเก็บแล้ว และครั่งที่เก็บได้ส่วนมากจะเป็นครั่งที่ได้จากการปล่อยครั่งจากแมลงครั่งตัวเมีย เนื่องจาก ครั่งตัวผู้จะปล่อยยางครั่งออกมาในช่วงระยะ 2 เดือนแรกเท่านั้น และจะตายไปเมื่อผสมพันธุ์กับครั่งตัวเมียแล้ว จึงทำให้ครั่งที่เหลือส่วนใหญ่จนถึงระยะเก็บเกี่ยวจะเป็นครั่งตัวเมียเป็นส่วนใหญ่

    ครั่งดิบ (sticklac) เป็นครั่งหลังการเก็บจากกิ่งไม้ มีลักษณะเป็นแท่งทรงกลมยาวหรือปริแตก ภายนอกมีสีขาวเทา ภายในมีช่องว่างคล้ายรังผึ้งที่ประกอบด้วยน้ำยางสีแดงสด น้ำสีแดงนี้ละลายได้ดีในน้ำ และพบไข่ แมลงครั่ง ส่วนที่เป็นของแข็งจะเป็นยางครั่งที่แข็งตัวเกาะกันแน่นเป็นก้อนแข็ง ยางครั่งนี้ เป็นผลิตภัณฑ์สำคัญที่สุดสำหรับนำมาแปรรูปเพื่อใช้ประโยชน์ในรูปของเซลแลค โดยการทำให้ครั่งบริสุทธิ์มากที่สุด

    Lac.jpg

    ครั่งเม็ด (Seedlac) เป็นครั่งที่อยู่ในลักษณะเป็นเม็ด โดยการนำครั่งดิบมาทุบ และบดให้แตกเป็นเม็ดขนาดเล็ก แล้วแยกสิ่งเจือปนจำพวกกิ่งไม้ ดิน แมลงครั่ง ไขครั่ง และอื่นๆออกด้วยการร่อนผ่านตะแกรงขนาดเล็กให้เหลือเฉพาะเม็ดครั่ง หลังจากนั้นนำเม็ดครั่งที่แยกได้มาละลายน้ำเพื่อกำจัดน้ำสีแดงออก แล้วนำไปตากแดด และบรรจุรอจำหน่าย ซึ่งจะได้ครั่งเม็ดที่ยังเหลือสิ่งเจือปนประมาณ 3-8% ครั่งเม็ดนี้เป็นผลิตภัณฑ์ครั่งที่ส่งออกมากที่สุด รองมาจะเป็นครั่งดิบ เซลแลค และครั่งแผ่น

    เซลแลค (Shellac) เป็นผลิตภัณฑ์ได้จาการนำครั่งเม็ดมาทำให้บริสุทธิ์มากขึ้น ด้วยการนำครั่งเม็ดใส่ในถุงผ้าเนื้อละเอียด มีลักษณะเป็นถุงยาวประมาณ 30 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว เรียงใส่จนเต็มถุง หลังจากนั้น ทำการพรมน้ำให้ชุ่ม และนำไปลนไฟจนครั่งละลาย แล้วปิดเป็นเกลียวให้น้ำครั่งไหลออกมารวมกันในภาชนะรองรับ ซึ่งจะน้ำครั่งในรูปของสารละลาย หรือเรียกว่า เซลแลค (Shellac) และเมื่อปล่อยให้เย็นในภาชนะ เซลแลคจะแข็งตัวเป็นแผ่นตามความหนาที่ต้องการตามขนาดภาชนะ ซึ่งจะได้เป็นครั่งแผ่น

    ครั่งแผ่น (Button lac) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการปล่อยให้เซลแลคเย็นตัวลงจนจับกันเป็นแผ่น

    ที่มา : อาทร ตัณฑวุฑโฒ (2506)(1)

    ประโยชน์จากครั่ง
    ยางครั่งที่ผลิตจากแมลงครั่งถูกนำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่สมัยโบราณหลายพันปี แล้ว โดยมีประเทศจีน และอินเดียเป็นประเทศเริ่มแรกที่รู้จักนำครั่งมาใช้ประโยชน์ จนถึงปัจจุบันมีการนำครั่งมาใช้ประโยชน์ในหลายด้านด้วยกัน ซึ่งจะใช้ประโยชน์ได้ด้วยการทำให้เป็นของเหลวหรือแชลแลคเสียก่อน ได้แก่
    • ใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาโรค อาทิ ใช้รักษาโรคโลหิตจาง
    • ใช้เป็นสารสีย้อมผ้า ย้อมเส้นใยไหม และย้อมหนังสัตว์
    • ใช้เป็นสีทาตกแต่งเครื่องเรือน
    • ใช้เป็นส่วนผสมน้ำยาขัดพื้น
    • ใช้เป็นส่วนผสมเครื่องสำอางเพื่อให้เกิดสีแดง
    • ใช้ทำสีน้ำมัน
    • ใช้ผลิตแผ่นเสียง
    • ใช้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า และฉนวนกันความร้อน
    • ใช้เป็นส่วนผสมน้ำยาเคลือบกระจก
    • ใช้เคลือบผิวขนมประเภทลูกอม ลูกวาด
    • ใช้ในกระบวนการผลิตกระดาษอัดรูป
    • ใช้ทำหมึกพิมพ์ หมึกประทับตรา
    • ใช้ทำหินวิทยาศาสตร์
    • ใช้ทำเครื่องประดับ

    การเลี้ยงครั่ง
    พันธุ์ไม้ที่ใช้เลี้ยงครั่ง
    ครั่งสามารถเจริญเติบโตได้ด้วยการอาศัย และดูดกินน้ำเลี้ยงจากกิ่งไม้ ซึ่งพบครั่งสามารถเติบโตได้ดีในชนิดไม้ที่มีทรงพุ่มโปร่ง มีลมผ่านได้สะดวก และมีแสงส่องรำไร โดยสำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ ได้จำแนกชนิดพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมในการเลี้ยงครั่งไว้ ดังนี้
    1. ไม้ที่ใช้เลี้ยงได้ผลดี
    • จามจุรี (ก้ามปู ฉำฉา สำสา สะแข)
    • พุทธา (มะดัน มั่งถั่ง)
    • สะแกนา (ขอนแข้ ซังแก จองแค)
    • มะแฮะนก (ขมิ้นนา ขมิ้นลิง ขมิ้นพระ)
    • สีเสียออสเตรเลีย

    2. ไม้ที่ใช้เลี้ยงได้ผลปานกลาง
    • ไฮมี่ (กร่างใบขน)
    • มะเดื่ออุทมพร (มะเดื่อเกลี้ยง มะเดื่อน้ำ)

    3. ไม้ที่ใช้เลี้ยงได้ผลพอใช้
    • รัง (จักป้าว เรียง)
    • เปล้า
    • พะยอม (คะยอม ยาง ยางหยวก)
    • กระถินณรงค์
    • เลียงผึ้ง (สะเหลี่ยม แหลง)
    • คาง (จามรีดง จามรีป่า)
    • ถั่วแระ (มะแฮะ ถั่วแม่ตาย ถั่วแรด)

    การตัดแต่งกิ่ง
    โดยทั่วไปการตัดแต่งกิ่งจะตัดในช่วงฤดูแล้งจนถึงก่อนเข้าหน้าฝน ที่เป็นช่วงไม้ผลัดใบใหม่ เพื่อเตรียมเลี้ยงครั่งในช่วงเดียวกันกับเดือนที่ตัดเป็นต้นไป ซึ่งกิ่งควรมีอายุประมาณ 8 เดือน ถึง 2ปี ขึ้นกับการเติบโตของกิ่ง และขนาด
    – กิ่งที่ตัดต้องเป็นกิ่งขนาดตั้งแต่ 0.5 นิ้ว ถึง 2 นิ้ว
    – กิ่งขนาดตั้งแต่ 2 นิ้ว ขึ้นไป ไม่ควรตัด
    – ตัดกิ่งไล่จากโคนกิ่งใหญ่จนถึงปลายกิ่ง
    – กิ่งที่แก่มาก หรือมีลักษณะใกล้แห้งตายให้ตัดออกให้หมด
    – การตัดต้องตัดให้ชิดโคนกิ่งใหญ่

    การปล่อยครั่ง
    ต้นไม้ที่ใช้เลี้ยงครั่งจะต้องมีกิ่งปานกลางถึงมาก ลักษณะกิ่งอวบใหญ่ ไม่มีอายุกิ่งมาก ควรเป็นกิ่งที่มีอายุประมาณ 8 เดือน ถึง 2 ปี หลังจากการแตกกิ่งใหม่ หากปล่อยบนกิ่งที่แก่มากจะทำให้ครั่งจับกับกิ่งได้ไม่ดี

    การปล่อยครั่งจะปล่อยในช่วงต้นฤดูประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และเก็บครั่งในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ของปีถัดไป ซึ่งจะมีอายุประมาณ 1ปี ครึ่ง

    ส่วนการปล่อยครั่งในช่วงฤดูแล้งสามารถทำได้เช่นกัน โดยจะปล่อยในช่วงเดือนพฤศจิกายนหลังการเก็บเกี่ยวข้าว และจะเก็บครั่งในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ของปีถัดไป ซึ่งจะมีอายุประมาณ 1 ปี

    อุปกรณ์การปล่อย และวิธีการปล่อยครั่ง
    – มัดฟางข้าว ที่ทำได้จากนำฟางข้าวมามัดรวมกันให้มีขนาดเท่าข้อมือหรือขนาดที่กำได้ โดยมัดด้วยตอกบริเวณปลายด้านปลายฟางก่อน หลังจากนั้น จับแยกออกเป็น 2 กำ และมัดด้วยตอกบริเวณปลายทั้ง 2 อัน
    – นำครั่งมาตัดเป็นท่อนขนาดยาวประมาณ 5-7 นิ้ว แล้วนำไปยัดใส่ด้านในบริเวณตรงกลางของมัดฟางทั้ง 2 แท่ง
    – ตรวจสอบการห่อหุ้มของฟางข้าว ระวังอย่าให้ฟางห่อท่อนครั่งหลอมจนอาจทำให้ท่อนครั่งหลุดร่วงออกมาด้านนอกได้ หรือระวังอย่างให้หุ้มรัดแน่นมาก
    – นำไม้ไผ่ที่ตัดปลายปลายยอด และกิ่งที่เป็นแง่ง คล้องตรงกลางบริเวณมุมฟาง แล้วนำขึ้นวางห้อยบนกิ่งต้นไม้
    – หากต้นไม้มีความสูงมากทำให้ไม้ไผ่สูงไม่พอก็จะใช้วิธีปีนขึ้นลำต้น แล้วนำมัดฟางวางเรียงบนกิ่ง และใช้ไม้ไสวางเรียงไปทีละมัด
    – ระยะความยาวของครั่ง 30 ซม. หากเติบโตสมบูรณ์จะขยายได้เป็น 12-20 ฟุต ดังนั้น ระยะการวางตามความยาวของกิ่งควรอยู่ในช่วง 2.5-4 เมตร ต่อฟางข้าว 1 อัน (2 แง่ง) ก็น่าจะเหมาะสม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับอายุที่ต้องการเก็บ
    – ก้อนครั่งที่แตกเป็นเศษเล็กให้นำใส่ผ้าเขียวห่อเป็นมัดเล็กๆหรือนำใส่ตะกร้านำไปแขวน

    การดูแล และข้อระวัง
    หลังจากการปล่อยครั่งแล้ว 3-5 วัน จะสามารถพบเห็นแมลงครั่งบนกิ่งไ้ม้แล้ว และเมื่อถึง 2 สัปดาห์ ให้ตรวจดูว่ากิ่งที่ปล่อยมีครั่งมาเกาะมากแล้ว ก็สามารถย้ายมัดฟางครั่งไปแขวนอีกกิ่งที่ยังไม่ติดได้
    – มัดฟางครั่งที่แขวนไว้นานมากกว่า 3 สัปดาห์ ให้เก็บลงได้ ซึ่งมัดฟางครั่งอาจยังมีครั่งบางส่วนเหลืออยู่สามารถนำไปขายได้ หรือเก็บสะสมไว้ขายเป็นครั่งรวมกับครั่งที่จะเก็บ
    – ห้ามสุมไฟใต้ต้นไม้เลี้ยงครั่ง เพราะจะทำให้ครั่งตายจากความร้อน และควันไฟได้
    – ห้ามฉีดพ่นสารกำจัดแมลงศัตรูพืชทุกชนิดบนต้นไม้เี้ลี้ยงครั่ง และบริเวณใกล้เคียงที่อยู่เหนือทิศทางลม

    ที่มา : เพิ่มเติมจาก ศรนารายณ์, 2553(2)

    Lac1.jpg

    เอกสารอ้างอิง
    1. อาทร ตัณฑวุฑโฒ, 2506. การเพาะเลี้ยงครั่ง. กรมป่าไม้.
    2. ศรนารายณ์ วรพจน์, 2553. การวิเคราะห์ผลตอบแทนจากากรเพาะเลี้ยงครั่ง.

    https://pasusat.com/ครั่ง/
     

แชร์หน้านี้

Loading...