ติดตามสถานะการณ์

ฉาว!อัยการจางฮั่วสั่งฟ้อง ผู้จัดการซีพีไต้หวันฮั้วกับบริษัทกำจัดขยะ ทิ้งขยะบนพื้นที่เพาะปลูก

• 17 December, 2019
• อัญชัน ทรงพุทธิ์

ฉาว!อัยการจางฮั่วสั่งฟ้อง ผู้จัดการซีพีไต้หวันฮั้วกับบริษัทกำจัดขยะ ทิ้งขยะบนพื้นที่เพาะปลูก

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา อัยการเมืองจางฮั่ว สั่งฟ้องผู้จัดการ โรงงานแปรรูปอาหารของบริษัท ซีพี(ไต้หวัน) สาขาหนานโถว ผู้ประกอบการบริษัทขนขยะและผู้ที่เกี่ยวข้องรวม 13 คน กับบริษัทแปรรูปขยะเศษอาหารเป็นปุ๋ยอินทรีย์ 2 ราย ได้แก่ บริษัทฝูเม่าและบริษัทซินหนงห่าว ในข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายการกำจัดขยะ นำดินที่ผสมขยะที่เป็นเศษอาหารจากโรงงานซีพี(ไต้หวัน) 3,000 ตัน ไปทิ้งบนพื้นที่เพาะปลูก ทำให้ประหยัดต้นทุนการกำจัดขยะได้ 50 กว่าล้านเหรียญไต้หวัน ซึ่งโดยทั่วไปการกำจัดขยะเศษอาหารมีค่าใช้จ่ายตันละ 5-6,000 เหรียญไต้หวัน

อัยการจางฮั่วเผยว่า นายหวงเฉิงอวี้ ผู้ประกอบการบริษัทขนขยะให้การปฏิเสธและพยายามหลบหนี จึงควรให้ลงโทษสถานหนักคือจำคุก 5 ปี ส่วนนายหวงอวี่เซิ้ง ผู้จัดการโรงงานซีพีไต้หวันสาขาหนานโถว ให้การปฏิเสธและซัดทอดผู้ใต้บังคับบัญชา ขอให้ศาลลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน สำหรับบริษัทซีพีไต้หวัน เนื่องจากแสดงความประสงค์ว่า จะรับผิดชอบเร่งปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้กลับคืนสูสภาพเดิมโดยเร็วที่สุด จึงให้รอลงอาญา 2 ปี แต่ต้องบริจาคเงินเพื่อการกุศล 3 ล้านเหรียญไต้หวัน

ท้งนี้ การเปิดโปงคดีฉาวโฉ่ของ พนง.ซีพีไต้หวันฮั้วกับบริษัทกำจัดขยะดังกล่าว มีจุดเริ่มต้นมาจากชาวบ้านในตำบลฟางหย่วน เมืองจางฮั่ว แจ้งต่ออัยการจางฮั่วว่า ที่ดินเพาะปลูกแห่งหนึ่งมีขยะและดินโคลนที่ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง ซึ่งนำไปสู่การตรวจสอบและสาวไปถึงต้นตอของขยะดังกล่าว


https://th.rti.org.tw/news/view/id/...1df7RRldSomHAmN4J62WjoqK9rFjv3NPmgD0uA-9gs4qo

 

วารินชำราบบ้านเฮา อุบลราชธานี

ตำรวจสามารถสกัดจับ ฆาตกรฆ่าต่อเนื่อง "สมคิด พุ่มพวง" ได้แล้วที่สถานีรถไฟปากช่อง พบในตัวมีอาวุธมีด

 

อุตุฯ เตือน 21 - 23 ธ.ค. 62 ภาคอีสานอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา

วันที่ 18 ธันวาคม 2562 กรมอุตุนิยมวิทยา ได้พยากรณ์สภาพอากาศใน 7 วันข้างหน้า โดยคาดหมาย ในช่วงวันที่ 18 - 20 ธ.ค. 62 บริเวณพื้นราบจะมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 23 ธ.ค. 62 อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส กับมีอากาศเย็นและกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
















สำหรับสภาพอากาศของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) ตั้งแต่ เวลา 06:00 น.วันนี้ ถึงเวลา 06:00 น.วันพรุ่งนี้ มีดังนี้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) บริเวณพื้นราบ จะมีอากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภู มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.









โดยที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จะมีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้าอุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียสบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศาเซลเซียส ลมผิวพื้นลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 10-30 กม./ชม.



















ส่วนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จะมีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.









ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยาบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า ส่วนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จะมีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกในระยะนี้ไว้ด้วย







ขอบคุณข้อมูลจาก กรมอุตุนิยมวิทยา

เรียบเรียง / ชูชัย ดำรงสันติสุข ศูนย์ข่าวภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ


https://www.komchadluek.net/news/cr...POyXOQwE0DHhCLseKlJiiBrtIdgnlim7xZmLExFD1tieI

 

นครสวรรค์ ภัยแล้งรุนแรง เริ่มกระทบการเกษตร
18 ธันวาคม 2562 - 09:30 น.





จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ไม่สามารถส่งน้ำเข้าคลองสาขาไปยังพื้นที่การเกษตร ในเขต ต.เขาดิน อ.เก้าเลี้ยว, ต.บ้านแก่ง ต.วัดไทร อ.เมืองนครสวรรค์ และเริ่มส่งผลกระทบต่อระบบประปาของชุมชนดังกล่าวแล้วด้วยและยังส่งผลกระทบต่อสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่เรือขนาดใหญ่ไม่สามารถใช้สัญจรได้เนื่องจากแม่น้ำตื้นเขินและมีตอไม่ขนากใหญ่ผุดเป็นจำนวนมากทำให้เป็นอุปสรรคในการสัญจรและคาดว่าสถานการณ์ภัยแล้งจะรุนแรงมากกว่าทุกปีอีกด้วย





ด้านนายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเก้าเลี้ยวได้ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งอย่างใกล้ชิดและได้ให้หน่วยงานประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้ทุกตำบลงดการสูบน้ำจากแม่น้ำ เพื่อทำการเกษตร

เพราะขณะนี้น้ำต้นทุนมีน้อยมาก ปีนี้คงแล้งหนักจึงขอความร่วมมือจากผู้นำชุมชนทุกท่านคอยสอดส่องไม่ให้เกษตรกรสูบน้ำในแม่น้ำ โดยเฉพาะอำเภอริมแม่น้ำ เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอใช้ในยามหน้าแล้งที่จะถึงนี้

รณกฤต วรณันวรกุล ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครสวรรค์



https://www.komchadluek.net/news/lo...t5x8-ljlYs2cK9hIG1LjzbcUzQiBFQmabwSkjJkTOXR_Y

 

John Traczyk

18 ธันวาคม 2019. ออสเตรเลียได้ประสบกับวันที่ร้อนที่สุดในบันทึกด้วยอุณหภูมิเฉลี่ยแห่งชาติเข้าถึงสูง 40.9 c / 105.6 f

สำนักอุตุนิยมวิทยา (บอม) กล่าวว่า "กว้างขวาง" ความร้อนในวันอังคารทิปส์เมอคิวลี่ผ่านสถิติก่อนหน้านี้ของชุด 40.3 c เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2013.

การใช้เวลาเฉลี่ยของอุณหภูมิสูงสุดทั่วประเทศคือการวัดที่แม่นยำที่สุดของคลื่นความร้อน

Forecasters ได้คาดการณ์ว่าความร้อนที่เข้มข้นที่สุดจะมาในภายหลังในสัปดาห์หมายความว่าสถิติอาจพังได้อีกครั้ง

บันทึกความร้อนของหลายๆคนสำหรับเมืองและเมืองได้ถูกทำลายไปแล้ว ในวันอังคารหลายพื้นที่ทั่วศูนย์กลางของประเทศที่บันทึกอุณหภูมิสูงกว่า 45 c / 113 f

ไฟมากกว่า 100 จุดยังคงเผาผลาญทั่วชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย - ด้วยอุณหภูมิสูงที่เพิ่มสภาวะอันตราย

บอมและเจ้าหน้าที่ไฟเตือนว่าอุณหภูมิของสถิติทำให้ไฟไหม้มากขึ้นและยากขึ้นที่จะต่อสู้













https://www.bbc.com/news/world-australia-50817963?ns_source=facebook&ocid=socialflow_facebook&ns_mchannel=social&ns_campaign=bbcnews&fbclid=IwAR0gy6WmgYqmhS3epEVFoZTlQ8bwkIN3OTJr_0Y-pirEBiZ5ldBLlpzLcoA#

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

อิหร่านถูกพายุที่รุนแรง ได้ประกาศสถานะฉุกเฉินในหลายเมือง #17 ธ. ค.

 

อาการหนัก'ฮ่องกง แอร์ไลน์ส'ถูกยึดเครื่องบิน7ลำ โทษฐานค้างชำระค่าบริการ เผยแพร่: 18 ธ.ค. 2562 01:01 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเอฟพี - สายการบินฮ่องกง แอร์ไลน์ส ซึ่งกำลังประสบปัญหาทางการเงิน ถูกยึดเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้งาน 7 ลำ ซึ่งจอดไว้ที่ท่าอากาศยานของเมือง หลังค้างชำระค่าบริการต่างๆมากมาย จากการเปิดเผนของเจ้าหน้าที่ของเมืองในวันอังคาร(17ธ.ค.) ในขณะที่บริษัทแห่งนี้ได้รับผลกระทบหนักหน่วงจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ดำดิ่ง อันเนื่องจากสถานการณ์การประท้วงที่ยืดเยื้อ

การท่าอากาศยานฮ่องกงแถลงว่าเครื่องบินเหล่านั้นถูกยึดภายใต้กฎระเบียบหน่วยงานการท่าอากาศยาน(Airport Authority Ordinance) ที่ระบุว่าทางสนามบินสามารถสั่งยึดเครื่องบินได้ หากเกิดกรณีสายการบินค้างชำระเกินกำหนด "การท่าอากาศยานฮ่องกงเข้าใจว่าเครื่องบินที่ถูกยึดนั้นไม่ได้บินให้บริการผู้โดยสารมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว" โฆษกกล่าว

ทั้งนี้กฎระเบียบอนุญาตให้คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของเมืองยึดเครื่องบินใดๆในกรณีที่ค้างชำระค่าบริการต่างๆ และสามารถนำเครื่องบินเหล่านั้นออกขายได้ หากไม่มีการชำระบัญชีหนี้้ค้างภายในระยะเวลา 60 วันหลังถูกยึด

ฮ่องกง แอร์ไลน์ส ซึ่งมีเครื่องบินทั้งหมด 39 ลำ ชี้แจงว่าเครื่องบินที่ถูกยึดนั้น ในปัจจุบันไม่ได้บินให้บริการผู้โดยสารในเส้นทางต่างๆแล้ว และ "การให้บริการของเรายังคงเป็นไปตามปกติ"

คำสั่งยึดเครื่องบินได้บ่งชี้ถึงสถานการณ์ของสายการบินฮ่องกง แอร์ไลน์ส ที่เผชิญปัญหาทางการเงินมาตั้งแต่ช่วงต้นปี ก่อนเลวร้ายลงไปอีก หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การประท้วงที่ยืดเยื้อในฮ่องกง ซึ่งทำให้เศรษฐกิจของเกาะชะลอตัว จนกระทั่งต้องเลื่อนจ่ายเงินให้กับพนักงานในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันคำสั่งยึดดังกล่าวยังจะก่อความกังวลหนักหน่วงขึ้นต่อสถานะทางการเงินของสายการบินแห่งนี้ที่มีเอชเอ็นเอกรุ๊ป กลุ่มบริษัทจีนเป็นเจ้าของ ด้วยเอชเอ็นเอเองก็ประสบปัญหาเช่นกันและกำลังหาทางตัดลดภาระหนี้สิน

สายการบินแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเยือนฮ่องกงซึ่งลดลงอย่างมาก ในขณะที่การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยยืดเยื้อยาวนานกว่า 6 เดือน บ่อยครั้งได้เลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรง รวมถึงมีการบุกเข้าไปในท่าอากาศยาน

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบขู่ระงับใบอนุญาตฮ่องกง แอร์ไลนส์ หากไม่พบแหล่งรายได้เงินสดใหม่ๆ หลังจากบริษัทแห่งนี้แถลงจำเป็นต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานบางส่วนล่าช้า

อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วสายการบินแห่งนี้ก็พบเงินอัดฉีดในนาทีสุดท้าย จนได้รับการพักโทษชั่วคราว

ยอดนักเดินทางขาเข้าที่ดำดิ่งระหว่างการประท้วง โดยเฉพาะผู้โดยสารจากจีนแผ่นดินใหญ่ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสายการบินของฮ่องกงแล้ว มันยังกัดเซาะการค้าปลีกและฉุดเศรษฐกิจของเกาะแห่งนี้เข้าสู่ภาวะถดถอย

คาเธย์ แปซิฟิก อีกหนึ่งสายการบินของฮ่องกง แถลงในวันอังคาร(17ธ.ค.) ว่าพวกเขามีผู้โดยสารมาใช้บริการต่ำกว่า 2,624,000 คนเมื่อเดือนที่แล้ว ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ถึง 9%

ทั้งนี้ คาเธย์ แปซิฟิก ถูกสื่อมวลชนจีนและทางการปักกิ่งวิพาษ์วิจารณ์เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากกรณีมีพนักงานบางส่วนจากทั้งหมด 27,000 คนเข้าร่วมการชุมนุมหรือเข้าข้างพวกผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลฮ่องกง

https://mgronline.com/around/detail...wsTLgEl59MMGThqXSvd-iLPBMPNYtN5hIxbj6Dhit0GQQ

 

“คลัง” แจงยิบวิธีเก็บภาษีที่ดินใหม่ นัดติวเข้ม มท.-อปท. 20 ธ.ค.นี้
17 ธ.ค.,

• 

  วันที่ 17 ธันวาคม 2562 นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้กล่าวถึงแนวทางการบังคับใช้และการเตรียมการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เริ่มจัดเก็บในปี 2563 ระบุว่า

1. การบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เริ่มบังคับใช้เป็นกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2562 โดยกำหนดวันเริ่มการจัดเก็บภาษีคือ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป แทนการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่และภาษีโรงเรือนและที่ดินที่ถูกยกเลิกไป ผู้เสียภาษี ได้แก่ ผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างทุกคน ณ วันที่ 1 มกราคม 2563

  ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศขยายระยะเวลาการดำเนินการให้แก่เจ้าหน้าที่ อปท. ต้องตามปฏิบัติงานขั้นตอนจัดเก็บภาษีเพื่อให้มีเวลาทำงานมากขึ้นสำหรับปี 2563 ซึ่งเป็นปีแรกของการจัดเก็บภาษีที่ดินฯ เท่านั้น เช่น เลื่อนการแจ้งประเมินภาษี จากเดือนกุมภาพันธ์เป็นภายในเดือนมิถุนายน และเลื่อนกำหนดเวลาการชำระภาษีจากเดือนเมษายนเป็นเดือนสิงหาคม เป็นต้น อันเป็นประโยชน์ต่อผู้เสียภาษีอีกทางหนึ่ง

1. สาระสำคัญของภาษีที่ดินฯ ภาษีที่ดินฯ เป็นการเก็บภาษีจากเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ถือครอง โดยอัตราภาษีที่ใช้จัดเก็บจะดูจากการใช้ประโยชน์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วยอัตราภาษี 4 ประเภท ได้แก่ 1) เกษตรกรรม 2) อยู่อาศัย 3) อื่นๆ ที่ไม่ใช่เกษตรกรรมและอยู่อาศัย และ 4) รกร้างว่างเปล่า

  ทั้งนี้ ผู้เสียภาษียังจะต้องเสียภาษีทุกปี และต้องชำระภายในเดือนเมษายนของปีนั้นๆ เช่นเดียวกับการชำระภาษีบำรุงท้องที่และภาษีโรงเรือนและที่ดินซึ่งถูกยกเลิกไป (ยกเว้นปี 2563 สามารถชำระภาษีได้ถึงเดือนสิงหาคม) การหามูลค่าของ ที่ดิน สิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมทั้งห้องชุด ให้นำราคาประเมินทุนทรัพย์ (ราคาประเมินฯ) ของกรมธนารักษ์มาใช้คำนวณ

  สำหรับปี 2563 นี้ให้นำบัญชีราคาประเมินฯ ปี 2559 - 2562 มาใช้ภาษีที่ดินฯ เป็นรายได้ของ อปท. ได้แก่เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา (ไม่รวมองค์การบริหารส่วนจังหวัด) เพื่อนำไปใช้พัฒนาท้องถิ่น

1. ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภาษีที่ดินฯ

  ประเด็นแรก การประกอบเกษตรกรรม มีการบรรเทาภาระภาษีให้แก่เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่ใช้ทำประโยชน์เกษตรกรรม จะได้รับยกเว้นภาษีในปี 2563-2565 และตั้งแต่ปี 2566 จะได้รับการยกเว้นมูลค่าของฐานภาษีในแต่ละ อปท. รวมกันไม่เกิน 50 ล้านบาท

  ประเด็นที่สอง สำหรับที่อยู่อาศัย มีการบรรเทาภาระภาษีสำหรับบ้านหลังหลัก 1 หลัง ซึ่งบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีชื่อในทะเบียนบ้านดังกล่าวในวันที่ 1 มกราคม ซึ่งมี 2 กรณีคือ

  1) กรณีมีชื่อเป็นเจ้าของทั้งที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือห้องชุด จะได้รับยกเว้นภาษีสำหรับมูลค่าที่ไม่เกิน 50 ล้านบาท หรือ

  2) กรณีมีชื่อเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างอย่างเดียว (ปลูกสร้างบนที่ดินบุคคลอื่น) จะได้รับยกเว้นภาษีสำหรับสิ่งปลูกสร้างที่มูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท แล้วแต่กรณี สำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่บุคคลธรรมดามีชื่อเป็นเจ้าของ แต่ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านและไม่ได้นำไปให้เช่า จะถือเป็นบ้านหลังอื่น ซึ่งต้องเสียภาษีตามปกติ ในส่วนของการบรรเทาภาระภาษี ผู้ที่เคยเสียภาษีโรงรือนและที่ดินหรือภาษีบำรุงท้องที่ และต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นจากเดิมเนื่องจากกฎหมายนี้ จะได้บรรเทาภาระภาษีของส่วนต่างเมื่อเทียบกับภาษีที่เคยเสียในปี 2562 กล่าวคือ

  ปีที่ 1: ภาษีเดิมปี 2562 + 25% ของส่วนต่าง
  ปีที่ 2: ภาษีเดิมปี 2562 + 50% ของส่วนต่าง
  ปีที่ 3: ภาษีเดิมปี 2562 + 75% ของส่วนต่าง

  ทั้งนี้ขั้นตอนที่ผู้เสียภาษีควรให้สำคัญเกี่ยวกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มี 3 ขั้นตอน ได้แก่

  1) ตรวจสอบบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่า มีการระบุประเภท ขนาด และลักษณะการใช้ประโยชน์ว่าถูกต้องหรือไม่ หากผู้เสียภาษีพบว่า บัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของตนเองไม่ถูกต้อง สามารถยื่นคำร้องต่อผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อขอแก้ไขให้ถูกต้องได้

  2) ตรวจสอบแบบประเมินภาษีที่ อปท. แจ้งประเมินภาษีแก่ผู้เสียภาษี โดยผู้เสียภาษีจะต้องตรวจสอบการประเมินภาษีดังกล่าวว่า ใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์และอัตราภาษีตรงตามมูลค่าและการใช้ประโยชน์หรือไม่ รวมถึงการคำนวณภาษีว่าถูกต้องหรือไม่ หากผู้เสียภาษีพบว่า การประเมินภาษีไม่ถูกต้อง สามารถยื่นเรื่องคัดค้านและอุทธรณ์ตามกระบวนการต่อไป

  3) ชำระภาษีภายในเวลาที่กำหนด โดยกระทรวงมหาดไทยประกาศขยายเวลาในการชำระภาษี ให้สามารถชำระได้ภายในเดือนสิงหาคม 2563 เพื่อจะไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม รวมไปถึงอาจถูกระงับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ยังคงมีภาระภาษีค้างชำระอยู่

  นายประสงค์ ยังกล่าวอีกว่า ภาษีที่ดินฯ เป็นภาษีทรัพย์สินแบบใหม่ที่จะเริ่มนำมาใช้ในปี 2563 เป็นปีแรก กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลภาษีที่ดินฯ ได้เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อให้กระบวนการจัดเก็บภาษีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยาและ อปท. ต่าง ๆ ในวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562 นี้ เพื่อซักซ้อมความรู้ความเข้าใจและแนวทางในการปฏิบัติจัดเก็บภาษีที่ดินฯ และเร่งสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจรับทราบต่อไป

https://poonamtongtin.com/บทความ/72...Ul3F5dTybp3qLzDoYIgrl52y9aOwIaZdCa9DVisqR0TSE

 

Setiawan

ที่ Dammam, ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในวันที่ 17 ธันวาคม 2019

 

Setiawan


มีผู้เสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บ 13 ราย เมื่อกำแพงที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในริยาดทรุดตัวลงเมื่อวันอังคาร

ซาอุดีอาระเบีย 17 ธันวาคม 2562


ผนังด้านนอกและหลังคาที่จอดรถของมหาวิทยาลัย Almaarefa ทางตอนเหนือของเมืองหลวงยุบตัวก่อนเที่ยงวันตามเวลาท้องถิ่น


Two people were killed and 13 injured when walls at a university in Riyadh collapsed on Tuesday.

Saudi Arabia Dec17 2019


The outer wall and a parking roof at Almaarefa University in the north of the capital caved in before noon local time

 

Setiawan


ลูกเห็บตกในริยาด ประเทศซาอุดิอาราเบีย ในวันที่ 15 ธันวาคม 2019

 

แล้งเข็ญ!
ชาวแพบางพระหลวงต้องแกว่งสารส้มซักผ้า-คนเก้าเลี้ยวสูบน้ำเข้านาไกลกว่า 2 กม.

นครสวรรค์ - ปากน้ำโพแล้งเข็ญเกิน..แม้แต่ชาวแพคลองบางพระหลวงยังต้องแกว่งสารส้มซักผ้า-ล้างจาน ขณะที่ชาวนาเก้าเลี้ยวต้องผลัดกันตั้งเครื่องสูบน้ำเข้านาไกลกว่า 2 กิโลฯ ต่อลมหายใจนาข้าว แต่ยอมรับสุดท้ายข้าวอาจแห้งตาย

ขณะนี้ภัยแล้งในพื้นที่นครสวรรค์ยังคงลุกลามรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องนำรถแบ็กโฮลงขุดร่องน้ำภายในคลองบางพระหลวง ต.บางพระหลวง อ.เมืองนครสวรรค์ ที่อยู่ในสภาพแห้งขอดเพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มขึ้น หลังระดับน้ำเหลือไม่ถึง 50 เซนติเมตร

อ่านต่อ>>https://mgronline.com/local/detail/9620000120404

#นครสวรรค์ #ปากน้ำโพแล้งจัด

 

ปากน้ำโพแล้งเข็ญเกิน..แม้แต่ชาวแพคลองบางพระหลวงยังต้องแกว่งสารส้มซักผ้า-ล้างจาน ขณะที่ชาวนาเก้าเลี้ยวต้องผลัดกันตั้งเครื่องสูบน้ำเข้านาไกลกว่า 2 กิโลฯ ต่อลมหายใจนาข้าว แต่ยอมรับสุดท้ายข้าวอาจแห้งตาย

คลิก>>https://mgronline.com/local/detail/9620000120404

#MGROnline

 

แผ่นดินไหว อ.ฝาง จ.เชียงใหม่(19.85°N,99.17°E) ขนาด 2.2 ลึก 1 กม. วันที่ 18 ธ.ค. 2562 เวลา 09:00 น.

 

ในฤดูร้อนที่ยังไม่ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ แต่นรกของออสเตรเลียได้มาถึงระดับใหม่เมื่อวานนี้: วันอังคารเป็นวันที่ร้อนที่สุดในสถิติประเทศที่มีอุณหภูมิเฉลี่ย 40.9 c (105.6 f)

 

พระอาทิตย์ของเราเพิ่งตั้งสถิติสำหรับ การไม่มีจุดดับ ในปี 2019 ดวงอาทิตย์ไม่มี sunspots มานานกว่า 270 วัน: นักวิทยาศาสตร์บางคนกำลังทำนายว่าเรากำลังเข้าสู่ยุคน้ำแข็งเล็ก (คุณคิดว่าไง? )

 

14 จังหวัดรอชม "สุริยุปราคาวงแหวน" 26 ธ.ค.นี้
10:21 | 18 ธันวาคม 2562 |

26 ธ.ค.นี้ สดร.ชวนรอชมปรากฎการณ์สุริยุปราคาบางส่วน เหนือฟ้าเมืองไทยอย่างปลอดภัย โดยมี 14 จังหวัดที่มองเห็นได้มากสุดที่อ.เบตง จ.ยะลา จะถูกดวงอาทิตย์บดบัง 81% ส่วน กทม.56% โดยสดร.เตรียมตั้งกล้องให้ชมฟรี 4 จังหวัด และ 140 โรงเรียนเครือข่าย

วันนี้ (18 ธ.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ระบุว่าในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ จะเกิดปรากฏการณ์ “สุริยุปราคาวงแหวน” แนวคราสวงแหวนพาดผ่านประเทศอินเดีย ศรีลังกา สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย

สำหรับประเทศไทยจะเห็นเป็น "สุริยุปราคาบางส่วน” ดวงจันทร์จะบดบังดวงอาทิตย์บางส่วน ทำให้มองเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่ง สามารถสังเกตได้ทุกภูมิภาคของไทย แต่ละภูมิภาคจะมองเห็น ดวงอาทิตย์ถูกบดบังแตกต่างกัน ดวงอาทิตย์จะถูกบดบังมากที่สุดบริเวณภาคใต้ที่อ.เบตง จ.ยะลา ประมาณร้อยละ 81 ส่วนภาคเหนือที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ดวงอาทิตย์จะถูกบังเพียงร้อยละ 40 กรุงเทพมหานคร ดวงอาทิตย์จะถูกบังประมาณร้อยละ 56

ทั้งนี้ดวงอาทิตย์นอกจากให้ความร้อนแล้ว ยังให้แสงสว่างที่มีความเข้มสูงมาก แม้ขณะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วน หรือสุริยุปราคาวงแหวน แสงอาทิตย์ก็ยังเป็นอันตรายต่อสายตาจนส่งผลให้ตาบอดได้ทันที ดังนั้น ห้ามมองดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่า และห้ามมองภาพที่ส่องจากเลนส์กล้องไปยังดวงอาทิตย์โดยตรง ใช้อุปกรณ์กรองแสงช่วยสังเกตการณ์และใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่ควรจ้อง ดวงอาทิตย์นานเกิน 5 วินาทีต่อครั้ง ซึ่งการสังเกตการณ์มีหลากหลายวิธีทั้งทางตรงและทางอ้อม

อ.เบตง จ.ยะลาเห็นชัดสุด 81%
ทางสดร.ได้เตรียมอุปกรณ์สังเกตดวงอาทิตย์อย่างปลอดภัย ให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้ร่วมชมสุริยุปราคาครั้งนี้อย่างเต็มที่ กิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. เข้าร่วมฟรี ใน จุดสังเกตการณ์หลัก 4 แห่ง อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จ.ฉะเชิงเทรา หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จ.นครราชสีมา หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จ.สงขลา

สำหรับ 14 จังหวัด ที่จะมองเห็นสุริยุปราคาวงแหวนในไทย มีดังนี้

• เชียงราย เริ่มเวลา 10.23-13.44 บังมากสุด 40.75% เวลา 12.01 น.
• เชียงราย เริ่มเวลา 10.19-13.44 บังมากสุด 44.31% เวลา 11.58 น.
• นครสวรรค์ เริ่มเวลา 10.19-13.53 บังมากสุด 51.57% เวลา 12.03 น.
• กรุงเทพมหานคร เริ่มเวลา 10.19-13.57 บังมากสุด 56.79% เวลา 12.05 น.
• ประจวบคีรีขันธ์ เริ่มเวลา 10.16-13.58 บังมากสุด 62.96% เวลา 12.03 น.
• ขอนแก่น เริ่มเวลา 10.29-14.01 บังมากสุด 48.17% เวลา 12. 14 น.
• นครราชสีมา เริ่มเวลา 10.25-14.01 บังมากสุด 52.48% เวลา 12.11 น.
• อุบลราชธานี เริ่มเวลา 10.34-14.09 บังมากสุด 50.89% เวลา 12.22 น.
• ฉะเชิงเทรา เริ่มเวลา 10.21-13.59 บังมากสุด 56.64% เวลา 12.08 น.
• เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เริ่มเวลา 10.15-14.01 บังมากสุด 69.86% เวลา 12.05 น.
• ภูเก็ต เริ่มเวลา 10.11-13.57 บังมากสุด 76.06% เวลา 11.59
• สงขลา น.เริ่มเวลา 10.16-14.05 บังมากสุด 76.91% เวลา 12.08 น.
• อ.เบตง จ.ยะลา เริ่มเวลา 10.18-14.08 บังมากสุด 80.99.% เวลา 12.12 น.
• นราธิวาส เริ่มเวลา 10.20-14.10 บังมากสุด 78.70% เวลา 12.14 น.

https://news.thaipbs.or.th/content/287152

 

สุริยคราส (วงแหวน) และดาวพฤหัสบดีดับ
ปลายเดือน ธันวาคม ๒๕๖๒

ดาวอาทิตย์จะกุมกับดาวจันทร์และมีระยะองศาสัมพันธ์กับพระราหู โดยจะเกิดปรากฏการณ์ "สุริยคราส แบบวงแหวน" ในวันที่ ๒๖ ธค. ๖๒ ที่ ๙ องศา ๕๙ ลิปดา ณ ราศีธนู

และดาวพฤหัสบดีจะกุมกับดาวอาทิตย์แบบสนิทองศา เกิดปรากฏการณ์ "ดาวพฤหัสบดีดับ" ที่ ๑๑ องศาเศษ ณ ราศีธนู วันที่ ๒๘ ธค. ๖๒ อ้างอิงปฏิทินโหรฯ ตามแนวท่านอ.เทพย์ ปี ๒๕๖๒

สุริยคราสครั้งนี้จะพิเศษกว่าครั้งที่ผ่านมา โดยจะมีดาวพระเคราะห์ร่วมคราส คืออยู่ร่วมราศีเดียวกัน อีก ๔ ดวงคือ ดาวพฤหัสบดี ดาวพุธ ดาวเสาร์และดาวพลูโต

แต่ดาวที่ถือว่าร่วมคราสจริงๆ และเป็น "ครหจัณฑาล" คือดาวพฤหัสบดี กล่าวคือดาวพฤหัสบดีจะเสื่อมพร้อมไปกับคราสในครั้งนี้

ในวันที่ ๒๖ ธค. ๖๒ ที่จะเกิดสุริยคราสแบบวงแหวนนี้ จะเป็นวันครบ ๑๕ ปี ของการเกิดสึนามิทางภาคใต้ที่มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ซึ่งหลายท่านก็ปริวิตกกันไป

แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาตำแหน่งดาวในวันที่เกิดสึนามิ ๒๖ ธค.๔๗ กับสุริยคราสวันที่ ๒๖ ธค.๖๒ นี้ พบว่าตำแหน่งและความหมายของดาวต่างกันมาก ดังนั้นไม่น่าจะมีเหตุร้ายแรงเช่นนั้นอีก

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดปรากฏการณ์ทางดวงดาวเช่นนี้ ภัยธรรมชาติ พายุ แผ่นดินไหว และอุบัติเหตุใหญ่ๆ มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในช่วงปลายเดือนนี้ โดยสุริยคราสที่เกิดช่วงเที่ยงวันจะให้ผลรุนแรงกว่าเกิดในช่วงเวลาอื่น

สุริยคราสและดาวพฤหัสบดีดับ ไปทับดาวพฤหัสบดีเดิมและดาวเสาร์เดิมของดวงเมืองแบบสนิทองศา

ดังนั้นบ้านเมืองจะเกิดปัญหามากกับกระบวนการยุติธรรม การศาสนา มีโอกาสที่จะสูญเสียบุคคลสำคัญทางศาสนาหรือบุคคลผู้มีศีลธรรม รวมถึงการต่างประเทศ รัฐบาลและการบริหารราชการงานเมืองจะมีปัญหามากเช่นกัน

การเงิน การคลัง และตลาดหุ้นมีโอกาสผันผวนสูงมาก ท่านที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาให้ดีๆ ก่อนทำการใดๆ

โดยผลของคราสจะอยู่ถึง ๖ เดือน นับจากวันที่เกิด ซึ่งผลจะมีมากในช่วงเดือน ธค. ๖๒ และปลาย กพ. ๖๓

สำหรับผู้ที่มีลัคนา ขอเน้นย้ำว่าพิจารณาที่ตำแหน่ง "ลัคนา" ไม่ใช่ "ราศีเดือนเกิด" อย่างที่เข้าใจกันผิดๆ โดยลัคนาต้องหาแบบ “เวลานักษัตร” ณ ราศีธนู และราศีเมถุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ลัคนาราศีธนู" จะต้องระวังอุปทวันตรายให้มาก โดยเฉพาะการเดินทางและยวดยานพาหนะ

โดยในดวงชาตาทีมีดาวหรือจุดศูนย์กลางภพ (ดวงภวจักร) ณ ราศีทั้ง ๒ ในตำแหน่งเดียวกัน ก็ต้องระมัดระวังอันตรายตามความหมายของดาวและเรือนนั้นๆ

ส่วนท่านที่ไมีมีตำแหน่งใดๆ ในดวงชาตาไปตรงกับตำแหน่งสุริยคราสและดาวพฤหัสบดีดับ "ก็ไม่มีผลใดๆ กับดวงชาตา"

ในช่วงปีใหม่ ปกติก็มีอุบัติเหตุมากอยู่แล้ว โดยในปีนี้ ท่านทั้งหลายต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ

สติและความไม่ประมาท การทำบุญสุนทาน การเจริญภาวนาสมาธิ คงจะทุเลาเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้พอสมควร

ดิลก แสงอุทัย

ปล. อนุญาตให้เผยแพร่รูปและบทความได้
แต่ "ไม่อนุญาต" ให้นำรูปหรือบทความไปแก้ไขใดๆ ก่อนเผยแพร่

 

'ภาษีที่ดิน' เลื่อนเก็บแล้ว แต่จะทำอย่างไรกับ 'จดหมาย' ที่ได้รับ ?

18 ธันวาคม 2562 | โดย ทสพร ฐานะตระกูล

สรุปชัดๆ ขั้นตอนการจัดเก็บภาษีใหม่ล่าสุด ที่มีการเลื่อนการจ่ายภาษีจากเดือนเมษายน 2563 ไปเป็นภายในเดือนสิงหาคม 2563 แต่หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วจะทำอย่างไรกับจดหมายใบแจ้งข้อมูลที่ดินที่ได้รับมา ?

หลังจากที่ "กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง" ฉบับใหม่ ประกาศออกมาก็มีเสียงฮือฮาอย่างมาก เพราะกระทบกับคนหลายกลุ่ม ที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่อปีที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเหล่ามหาเศรษฐีที่เก็บสะสมคลังโฉนดที่ดินไว้ในมือ หลายคนอยากให้ภาครัฐกลับไปทบทวนใหม่ และเลื่อนระยะเวลาออกไปให้เตรียมตัวกันบ้าง


โดยก่อนหน้านี้ มีประกาศราชกิจจานุเบกษาออกมา ส่งสัญญาณให้รู้ว่า ถึงเวลาต้องเตรียมใจ และเตรียมเงินกันได้แล้ว เพราะกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 และจะจัดเก็บภาษีที่ดินในเดือนเมษายน 2563 จนเศรษฐีบางรายปิ๊งไอเดียพลิกโฉมที่ดินรกร้างว่างเปล่า ขนบรรดาไม้ผลมาลงแน่นพื้นที่ หวังเปลี่ยนอัตราภาษีที่ต้องจ่ายแสนแพง เริ่มต้นที่ 0.3% มาเป็นที่ดินประเภทเกษตรกรรม ที่เสียภาษีเริ่มต้นเพียง 0.01%

• เลื่อนกำหนดจ่ายภาษีเป็น ส.ค.2563

แต่ล่าสุด (น่าจะสุดท้าย) กำหนดการดังกล่าวถูกเลื่อนออกไปเป็นเดือนสิงหาคม 2563 สร้างความงุนงงสงสัยถึงข่าวดังกล่าว แต่ก็มาพร้อมกับเสียงถอนหายใจเบาๆ ของประชาชน ที่พอจะหายใจได้คล่องคอมากขึ้น

สำหรับประเด็นการเลื่อนกำหนดจ่ายภาษีที่ดินนี้ ลวรรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่า เป็นเพราะกระบวนการสำรวจและประเมินทรัพย์สิน ทั้งที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) บางส่วน "ยังไม่พร้อม" กระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่เป็นหน่วยงานกำกับดูแล อปท.ทั่วประเทศ จึงขอให้เลื่อนระยะเวลาออกไป

"เราไม่ได้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายยังมีผลตามกำหนดเดิม คือ ต้นปี 2563 แต่ช่วงระยะเวลาที่ผู้เสียภาษีตามกฎหมายดังกล่าว ซึ่งปกติจะต้องเริ่มเข้ามาชำระในเดือนเมษายนของทุกปี จะต้องถูกเลื่อนระยะเวลาออกไปประมาณ 4 เดือน เพื่อให้ท้องถิ่นได้มีเวลาเตรียมสำรวจ และประเมินราคาทรัพย์สินก่อนที่จะแจ้งไปยังผู้ถือครองให้มาชำระภาษี"

• 
  
  
  • ขั้นตอนการจัดเก็บภาษีแบบใหม่

มาถึงขั้นตอนจัดเก็บภาษีที่ดินแบบใหม่ 2563 ที่เลื่อนระยะเวลออกไปของทั้งหมด 7 ขั้นตอน ว่าจะไปสิ้นสุด หรือมีเดดไลน์ถึงเมื่อไรบ้าง หลักๆ แล้วการขยายเวลาครั้งนี้จะเลื่อนแต่ละขั้นตอนออกไปอีก 4 เดือน

ในขั้นตอนแรก การจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อประกาศ และจัดส่งข้อมูลให้กับผู้เสียภาษีแต่ละราย ซึ่งเป็นหน้าที่ของอปท.แต่ละท้องที่ มีการเลื่อนจากกำหนดเดิมภายในเดือนพฤศจิกายน 2562 ขยายไปจนถึงเดือนมีนาคม 2563

ขั้นตอนต่อไป คือ การประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราภาษีที่จัดเก็บ และรายละเอียดอื่นๆ ที่จำเป็น เดิมเจ้าหน้าที่ อปท.จะต้องเร่งทำให้เสร็จก่อน 1 กุมภาพันธ์ 2563 ก็มีการขยายเวลาไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2563 หลังจากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนที่ อปท.ต้องแจ้งการประเมินภาษี โดยส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี ที่ขยายไปเป็นเดือนมิถุนายน 2563 เช่นเดียวกัน

มาถึงขั้นตอนสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับ "ผู้เสียภาษี" โดยตรง ต้องจำให้ขึ้นใจเลยว่าระยะเวลาการชำระภาษีนั้น มีการขยายระยะเวลาออกไปถึงเดือนสิงหาคม 2563 จากเดิมทุกๆ ปีจะต้องจ่ายในเดือนเมษายน

และอีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนอาจยังไม่รู้ ว่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สามารถผ่อนชำระได้ด้วย โดยกำหนดระยะเวลาใหม่นั้น ยังคงการผ่อนชำระเป็น 3 งวด ได้แก่ งวดที่ 1 ภายในเดือนสิงหาคม 2563 งวดที่ 2 ภายในเดือนกันยายน 2563 และงวดที่ 3 ภายในเดือนตุลาคม 2563

หากใครไม่ได้ไปจ่ายภาษี ภายในเดือนกันยายนก็จะมีหนังสือแจ้งเตือนผู้เสียภาษีที่ยังค้างชำระ และขั้นตอนสุดท้ายในหน้าที่ของอปท.คือ การแจ้งรายหารภาษีค้างชำระให้กับสำนักงานที่ดินและสำนักงานที่ดินสาขาภายในเดือนตุลาคม 2563

• 
  
  
  • ทำอย่างไรเมื่อได้ "จดหมายแจ้งภาษีที่ดิน"

แม้จะมีประกาศเลื่อนระยะเวลาการจัดเก็บภาษีออกมาใหม่ เป็นเดือนสิงหาคม 2563 แต่กระบวนการสำรวจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยหลายคนน่าจะได้รับใบแจ้งข้อมูลรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ถือครองกันอยู่บ้างแล้วจากสำนักเขตในท้องที่ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จึงเกิดคำถามว่า เมื่อได้จดหมายแล้ว จะต้องทำอย่างไรต่อ?

ประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวถึงขั้นตอนที่ผู้เสียภาษีควรให้สำคัญก่อนที่จะถึงขั้นตอนของการชำระภาษีว่า

1.ต้องตรวจสอบบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่า มีการระบุประเภท ขนาด และลักษณะการใช้ประโยชน์ว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าพบว่าไม่ถูกต้อง สามารถยื่นคำร้องต่อผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อขอแก้ไขให้ถูกต้องได้

และ 2.ตรวจสอบแบบประเมินภาษีที่ อปท.แจ้งประเมินภาษีมา ทั้งการใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์ และอัตราภาษี ตรงตามมูลค่าและการใช้ประโยชน์หรือไม่ รวมถึงการคำนวณภาษีด้วย ถ้าพบว่า การประเมินภาษีไม่ถูกต้อง สามารถยื่นเรื่องคัดค้านและอุทธรณ์ตามกระบวนการต่อไปได้


โดยเอกสารที่ส่งมา จะมีคิวอาร์โค้ดคำร้องขอแก้ไขบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง/บัญชีรายการห้องชุด ผู้เสียภาษีสามารถสแกนเข้าไป ข้างในจะให้กรอกเลขประจำตัวประชาชน และเลือกประเภทธุรกิจ เพื่อตรวจสอบ



อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดทั้งมวล ตั้งแต่ได้รับใบแจ้งข้อมูลรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หากข้อมูลไม่ถูกต้อง ต้องยื่นกับเรื่องให้กับ อปท.ในท้องที่ เพื่อแก้ไขให้ถูกต้องภายใน 15 วัน หลังจากได้รับเอกสาร และที่สำคัญคือ หากปล่อยให้ล่วงเลยกำหนดไป จะถือว่าข้อมูลนั้นๆ ถูกต้อง

แม้จะดูยุ่งยากหลายขั้นตอน แต่การเสียภาษีนั้นเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนตามบทกฎหมายไทย

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/858648

 

พรุ่งนี้ถึง21 ธ.ค อิสานบน หนาวอีกรอบช่วงดึกถึงเช้าตรู่อุณหภูมิต่ำสุด12° ส่วนช่วงกลางวันแดดจัดอากาศร้อน