ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หลุมยุบยักษ์ถล่มกลางเมืองซีหนิง ดูดรถบัสทั้งคัน ดับ 6 สูญหาย 10 (คลิป)
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "ควันไฟป่าจากออสเตรเลียจะวนรอบโลกอย่างน้อย 1 รอบ ก่อนที่จะกลับเข้าสู่ท้องฟ้าออสเตรเลียอีกครั้ง"
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดอุบัติเหตุรถบัสหล่นลงถนนที่ทรุดตัวจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ในเมืองซีหนิง มณฑลชิงไห่ของจีน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน และสูญหายอีก 4 คน #ThaiPBSnews
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (14 ม.ค.63) น้ำในอ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์ อ.แม่เปิน จ.นครสวรรค์ เป็นหนึ่งในอ่างเก็บน้ำในภาคเหนือ ที่มีปริมาณน้ำลดลงเรื่อยๆ ล่าสุด เหลือน้ำเพียง 23 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณกักเก็บน้ำ 82 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เป็นน้ำที่ใช้งานได้เพียงแค่ 8 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ อ.แม่เปิน เริ่มได้รับผลกระทบ เพราะน้ำที่เหลือในอ่างใช้ได้เพียงการอุปโภคและบริโภคเท่านั้น
    ขณะที่การท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบหนัก เนื่องจากน้ำในอ่างมีน้อยส่งผลให้นักท่องเที่ยวเริ่มมีน้อย จากที่เคยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ปัจจุบันไร้นักท่องเที่ยวมาใช้บริการล่องแพ ทำให้ชาวบ้านขาดรายได้
    #ThaiPBSNews #ThaiPBSNorth
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สทนช.ประเมินพื้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ เสี่ยงขาดแคลนน้ำภาคการเกษตร ขณะที่แม่น้ำสายหลักในภาคเหนือและภาคตะวันออก มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย #ThaiPBSnews
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาพโบสถ์เก่าวัดวุฒิสินชัย บ้านโคกใหญ่ ต.โคกใหญ่ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นหมู่บ้านกลางเขื่อนอุบลรัตน์ ปีนี้สภาพน้ำในเขื่อนเหลือน้อย ทำให้เห็นวัดแห่งนี้ ชาวบ้านบอกว่าหากหลังคาโบสถ์เก่าโผล่พ้นน้ำ ปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์จะต้องเหลือน้อยที่สุด นับเป็นปรากฏการณ์ในรอบ 50 ปี
    #ThaiPBSnews
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรมชลประทาน รายงานข้อมูลสถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา วันนี้ (14 ม.ค.2563) ปริมาณน้ำรวมทั้งสิ้น 10,789 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 43 (ปริมาณน้ำใช้การได้ 4,093 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 23) ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ จำนวน 2.82 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำระบาย จำนวน 17.84 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีก 14,082 ล้าน ลบ.ม. #ThaiPBSnews #ภัยแล้ง
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หอการค้าไทย หั่นจีดีพีโตแค่ 2.8% เศรษฐกิจไร้สัญญาณฟื้นตัว เม็ดเงินหายจากระบบ แสนล.
    มกราคม 13, 2020ข่าว, เศรษฐกิจ

    %E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2.jpg
    หอการค้าไทย | 13 มกราคม 2563 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิบดีมหาวิทยาลัยหอการค้า และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ศูนย์พยากรณ์ฯ ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยปีนี้ลดลงเหลือโต 2.8% จากเดิมที่คาดโต 3.1% ขณะที่ด้านการส่งออกคาดขยายตัว 0.8% จากเดิมคาดโต 1.8% ด้านการนำเข้าคาดติดลบ 0.1% จากเดิมคาดโต 0.4% โดยที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้คาดอยู่ที่ 0.9% จากเดิมคาด 1% ด้านการลงทุนภาครัฐคาดอยู่ที่ 6.5% และการลงทุนเอกชนคาดอยู่ที่ 4.1% ด้านปี 2562 ทางศูนย์พยากรณ์ฯ คาดว่าจีดีพีจะอยู่ที่ 2.5% โดยมองการว่าส่งออกจะติดลบ 2.5% และนำเข้าติดลบ 4.2% ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดอยู่ที่ 0.7%

    ในส่วนอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้คาดว่าค่าเงินบาทจะแข็งตัวมีค่าเฉลี่ยที่ 29.5-31 บาท จากเดิมคาด 29.75-31.25 บาท ส่วนราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ คาดอยู่ที่ 60-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากเดิมคาด 60-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศคาดอยู่ที่ 41.4-41.8 ล้านคน จากเดิมคาด 41.6-42 ล้านคน และอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดอยู่ที่ 1-1.25% โดยมองว่า หากเศรษฐกิจยังชะลอตัว มีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยได้ 1 ครั้ง
    สำหรับปัจจัยบวกต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2563 นั้นประกอบด้วย สงครามการค้าเริ่มมีสัญญาณคลี่คลาย เศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับดีขึ้น ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง การลงทุนของรัฐมีโอกาสเร่งตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน การลงทุนของภาคเอกชนเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC และธนาคารกลางทั่วโลกต่างปรับนโยบายการเงินเป็นแบบผ่อนคลาย
    ส่วนด้านปัจจัยลบที่มีต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ประกอบด้วย ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ กับอิหร่าน สถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่องและแข็งค่ามากกว่าสกุลเงินหลักอื่นๆ ความเสี่ยงจากภัยแล้งในปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เบื้องต้นคาดว่าจะส่งผลต่อจีดีพี 0.03% หนี้เสีย (NPL) ของสถาบันการเงินและการเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ด้านความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ
    “ที่เราค่อนข้างห่วงมาก คือ ค่าเงินบาท แต่หลังจากที่จะตั้งคณะกรรมการดูแลเสถียรภาพขึ้นมา เชื่อว่า กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะทำให้มีมาตรการออกมารับมือและไม่ทำให้ค่าเงินบาทหลุด 30 บาทต่อดอลลาร์เร็ว ขณะที่พ.ร.บ.งบประมาณ แม้จะผ่านแล้ว แต่เชื่อว่าเม็ดเงินจะเข้าสู่ระบบได้ในช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน เป็นต้นไป”นายธนวรรธน์ กล่าว
    จากการประเมินผลกระทบในเบื้องต้น คาดว่าจะมีเม็ดเงินหายไปจากระบบประมาณ 100,000 ล้านบาท แบ่งเป็น จากภาคการส่งออกที่คาดเม็ดเงินจะหายไป 70,000-80,000 ล้านบาท จากผลกระทบจากภัยแล้ง 10,000 ล้านบาท และจากราคาน้ำมัน 10,000 ล้านบาท

    ด้านนางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำของสภามหาวิทยาลัย และประธานโครงการ Herbour.Space@UTCC กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยประจำเดือนธันวาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 45.7 ลดลงจากเดือนก่อนที่อยู่ที่ 45.9 ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 24 เดือน และยังไม่เห็นสัญญาณในการฟื้นตัวใดๆ โดยปัจจัยที่มีผลกระทบด้านลบต่อดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ประกอบด้วย คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2562 โดยคาดว่าจะขยายตัว 2.5% จากเดิมคาด 2.8 % ส่วนในปี 2563 คาดว่าจะขยายตัว 2.8 % จากเดิมคาดขยายตัว 3.3 %
    นอกจากนี้ยังเป็นผลจากการส่งออกของไทยในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาลดลง 7.39% ด้านการนำเข้าลดลง 13.78 % ขณะเดียวกันยังมีความกังวล เกี่ยวกับปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีน ปัญหา Brexit รวมทั้งกรณีที่สหรัฐตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) สินค้าไทย ซึ่งอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการส่งออกสินค้าไทยด้วย ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การบริโภคที่ชะลอตัว
    ส่วนปัจจัยบวก ที่มีต่อดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ประกอบด้วย กนง.มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.25 % ผลของมาตรการกระตุ้นของภาครัฐช่วยกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจในไตรมาส 4/2562 เติบโตอย่างต่อเนื่อง มูลค่าการลงทุนของโรงงานที่ได้รับอนุญาตการประกอบกิจการขยายตัวสูงถึง 445,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 37.94 %
    สำหรับแนวทางการดำเนินการแก้ไข ประกอบด้วย การสร้างความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ และสถานการณ์การเมือง หรือแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่ชัดเจน เช่น มาตรการหรือแนวนโยบาย เป็นต้น กระตุ้นเศรษฐกิจโดยกระตุ้นด้านการบริโภค และผลักดันการส่งออกสินค้าไทยให้ขยายตัวได้ชัดเจน สร้างความสมดุลของราคาพืชผลทางการเกษตรให้ได้ประโยชน์ทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการ รวมถึงสนับสนุนให้มีโครงการในระยะสั้น กลาง ยาว เพื่อแก้ปัญหาด้านเกษตรกรรมอย่างเป็นรูปธรรม มีมาตรการป้องกันการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากสถานการณ์ธรรมชาติ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม เพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน รวมถึงการจัดการลดค่าครองชีพประชาชนในระยะยาว รวมถึงการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในประเทศดีขึ้น กระจายความเจริญไปทั่วทุกภูมิภาค

    https://www.brighttv.co.th/news/economy/thai-chamber-of-commerce-gdp
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภัยแล้งสุโขทัยส่อเค้ารุนแรง แม่น้ำยมแห้งขอด ไร่ยาสูบรอวันตาย
    วันจันทร์ ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2563, 19.19 น.
    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานกรณ์ภัยแล้งในจังหวัดสุโขทัยเริ่มขยายวงกว้างและกระจ่ายในหลายอำเภอ โดยเฉพาะบริเวณแม่น้ำยมตั่งแต่ด้านท้ายประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ หมู่9 ต.ในเมือง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมได้แห้งขอดหลายจุดเหลือแต่น้ำที่ขังตามแอ่ง โดยเฉพาะบริเวณฝายยาง บ้านเกาะวงษ์เกียรติ์ ต.ทับผึ้ง อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นฝายยางที่รับน้ำต่อมาจากทางฝายยางคลองกระจง ในอ.สวรรคโลก เพื่อที่จะส่งน้ำไปยังพื้นที่ตัวเมืองจ.สุโขทัย ล่าสุดน้ำในแม่น้ำยมได้แห้งขอดทั้งด้านหน้าและด้านหลังฝายยาง จนสามารถเดินข้ามแม่น้ำไปมาได้จะเหลือก็แต่น้ำที่ขังตามแอ่งในแม่น้ำยมเท่านั้น

    ด้านนายชูเกียรติ อายุ52ปี ชาวบ้านต.ทับผึ้งและมีอาชีพทำไร่ยาสูบ เล่าให้ว่าสถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดสุโขทัยเริ่มมาตั้งแต่ประมาณต้นเดือนธันวาคม ที่ผ่านและเริ่มส่งผลกระทบต่อชาวบ้านที่ทำไร่ยาสูบ ในต.ทับผึ้ง เนื่องจากต้นอาศัยน้ำในแม่น้ำยมสำหรับรดใบยาสูบ แต่ขณะนี้สถานการณ์น้ำในแม่น้ำยมได้แห้งขอดจนเหลือแต่น้ำตามแอ่งต่างๆเท่านั้น ทำให้ชาวไร่ยาสูบได้รับผลกระทบจากภัยแล้งแล้วและต้องรอน้ำจากทางประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ ปล่อยมาให้หรือต้องรอน้ำฝนเท่านั้นแต่ถ้าไม่มีน้ำต้องปล่อยให้ไร่ยาสูบตาย ส่วนน้ำในแม่น้ำยมที่เหลืออยู่ตามแอ่งในขณะชาวก็ได้อาศัยหาปลาหาหอยเพื่อมาหุงหาเป็นอาหารเท่านั้น
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หญิงใจดีทำเรื่องขอรับ ‘น้องออมสิน’ ไปดูแลต่อ หลังแม่ทิ้งไม่เอาแล้ว
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (13 ม.ค.) ว่าปฏิบัติการลอบสังหารนายพล กาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ (Quds) อิหร่าน เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ ‘ข่มขวัญศัตรู’ ซึ่งสหรัฐฯ ใช้กับประเทศคู่แข่งอย่างจีนและรัสเซียด้วย ซึ่งคำยืนยันนี้ยิ่งทำให้ข้ออ้างที่ว่าสหรัฐฯ ฆ่า โซไลมานี เพื่อสกัดแผนโจมตีฟังดูไร้น้ำหนักมากขึ้นไปอีก
    คลิก>>https://mgronline.com/around/detail/9630000004143
    #MGROnline
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มีผู้เสียชีวิต 81 รายและสูญหายจำนวนมากหลังจากหิมะถล่ม น้ำท่วมฉับพลันและหิมะถล่มปากีสถานและอัฟกานิสถานเกือบ 1,000 หมู่บ้านถูกตัดขาดโดยไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ และน้ำจากหิมะที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในอินเดีย
    81 dead and many missing after avalanches, flash floods and snow hit Pakistan and Afghanistan: Almost a 1,000 villages cut off without electricity and water by unprecedented snow in India
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รักจำพรากหลังวังมังกร

    คนที่เป็นถึงสมเด็จพระมเหสี น่าจะมีอำนาจวาสนายิ่งใหญ่ จนสามารถแผ้วถางทางเดินชีวิตของตนเองให้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ แต่สำหรับสมเด็จพระมเหสีเจิน แห่งราชวงศ์แมนจู ตำแหน่งมเหสีกลับเป็นเพียงสายลมวูบเดียวที่ผ่ผิดสมัยานมาแล้วก็ผ่านไป ความผิดหนึ่งเดียวของพระนางอยู่ที่เลือกเกิดผิดยุคผิดสมัยไปเกิดในสมัยที่ผู้ยิ่งใหญ่ตัวจริงชื่อ "พระนางซูสีไทเฮา"
    พระสนมเจินเฟย ประสูติเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2419 ทรงเป็นพระสนมตั้งแต่มีชันษาได้เพียง 13 ปี พร้อมกับพี่สาวอีกคนหนึ่งชื่อว่าพระสนมจิน สภาพการของราชวงศ์ชิงในเวลานั้น มีซูสีไทเฮาทรงกุมอำนาจการปกครองเอาไว้ทั้งหมด หลังจากที่จักรพรรดิถงจื้อ จักรพรรดิองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ลง พระนางซูสีก็ได้เลือกองค์ชายกวางสู หลานชายแท้ๆ ของตัวเองซึ่งอายุเพียง 3 ขวบ มาสถาปนาเป็นจักรพรรดิ โดยมีตัวพระนางเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
    จนกระทั่งจักรพรรดิกวางสีมีพระชนมายุ 16 พรรษา ตามราชประเพณีถือว่าทรงบรรลุนิติภาวะตามกฎหมายแล้ว พระนางซูสีไม่มีทางเลือก จึงจำต้องยอมให้มีพิธีขึ้นครองราชย์สมบัติอย่างเป็นทางการ แต่ลับหลังก็ยังไม่วายกุมบังเหียนอำนาจไว้คนเดียวเหมือนเดิม อำนาจของพระนางซูสีที่มีเหนือองค์จักรพรรดิ กินความไปถึงทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นการเมืองหรือการมุ้ง อย่างเมื่อองค์จักรพรรดิจะถึงวัยที่จะมีฮองเฮา พระนางไทเฮาก็ทรงจัดแจงคัดเลือกกุลสตรีไฮโซจากตระกูลสูง 3 นางที่พระนางซูสีเลือกมา คนหนึ่งเป็นหลานสาวของพระนางเอง หรือก็คือลูกพี่ลูกน้องของจักรพรรดิกวางสีนั่นล่ะ นามว่าคุณหนูหรงยู่ ส่วนอีกสองคนเป็นคุณหนูจากสกุลตาตาลา ได้แก่ พระสนมเจิน และพระสนมจิน สองศรีพี่น้อง
    จักรพรรดิกวางสีทรงพอพระทัยในความงามของสนมเจินมาก แต่ก็จำต้องเลือกหรงยู่เป็นฮองเฮาตามใบสั่งของพระนางซูสี แต่เมื่ออภิเษกเรียบร้อยแล้ว องค์จักรพรรรดิก็แทบไม่ได้เสด็จไปหาฮองเฮาเลย เพราะความรักทั้งหมดของพระองค์มีให้สนมจินเพียงคนเดียว พระสนมเจินนั้นทรงมีสิริโฉมงดงามมากถึงขนาดมีชื่อเรียกติดปากชาวบ้านว่า "พระสนมไข่มุก" แต่เสน่ห์ที่แท้จริงของนางอยู่ที่ความฉลาด มีหัวคิดก้าวหน้า สนใจการศึกษาแผนใหม่ของตะวันตก นางกลายเป็นแรงผลักดันให้จักรพรรดิกวางสี ทรงหันมาเรียนรู้วิชาการปกครองของตะวันตกไปด้วย ในวังต้องห้ามที่ไม่เคยต้อนรับชาวต่างชาติ ก็เริ่มมีชาวตะวันตกเข้ามาสอนวิทยาการใหม่ๆ ให้องค์จักรพรรดิ ผ่านการแนะนำของพระสนม
    แต่เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ โดยเฉพาะเสือสาวที่ต้องใช้สามีร่วมกัน เมื่อฮ่องเต้ไปขลุกอยู่กับเมียอื่นทั้งวัน ไม่หันมาสนใจไยดีตัวเองเลย ฮองเฮาหรงยู่ก็ทนอกไหม้ไส้ขมอยู่ไม่ไหว จึงเสด็จไปฟ้องพระนางซูสีไทเฮา พร้อมกับไส่ไฟเมียน้อยไปชุดใหญ่ หารู้ไม่ว่าพระนางซูสีนั้นทรงรอเวลาจะยุยงให้ผัวเมียเขาแตกคอกันอยู่แล้ว เมื่อฮองเฮาเอาโอกาสใส่พานมาถวายถึงที่ พระนางไทเฮาก็รีบสานต่อ จัดการปั่นหัวจนฮองเฮาหรงยู่น้อยเนื้อต่ำใจ คิดชิงชังความลำเอียงของพระสวามี จนตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะไม่ภักดีกับผู้ชายใจดำคนนี้อีกต่อไป
    ที่ซูสีไทเฮาทรงทำอย่างนี้เพราะรู้ดีว่าอำนาจอันหอมหวานที่เชยชมอยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้เป็นของพระนางอย่างแท้จริง วันไหนจักรพรรดิกวางสีปีกกล้าขาแข็ง ก็อาจจะร่วมแรงร่วมใจกับฮองเฮา ลุกขึ้นมาทวงบัลลังก์มังกรคืนไปก็ได้ พระนางจึงต้องหาทางริดรอนแขนขาขององค์จักรพรรดิเสียก่อน ด้วยการยุแยงตะแคงรั่วให้ผัวเมียเป็นศัตรูกัน หลังจากนั้น หรงยู่ฮองเฮาก็กลายเป็นหอกข้างแคร่ของพระสวามี คอยเอาความเคลื่อนไหวขององค์จักรพรรดิไปทูลพระนางซูสีไทเฮาอยู่ทุกฝีก้าว
    แต่ด้วยความที่เป็นเมีย จะอย่างไรก็อดหึงผัวไม่ได้ เวลาจักรพรรดิกวางสีไม่อยู่ ฮองเฮาหรงยู่ก็มักจะเสด็จไปกระแนะกระแหนพระสนมเจิน เพื่อระบายไฟแค้นที่สุมอกอยู่เป็นประจำ แต่ปะเหมาะเคราะห์ร้าย วันหนึ่งทนงมัวแกล้งเพลินจนลืมเวลา บังเอิญจักพรรดิกวางสีเสด็จมาหาสนมสุดที่รักพอดี จึงได้เห็นเหตุการณ์เมียหลวงปะทะเมียน้อยเข้าเต็มสองตา ปกติจักรพรรดิกวางสีเกรงใจฮองเฮามาก ในฐานะที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันและเป็นคนโปรดของพระนางซูสีไทเฮาด้วย แต่คราวนี้ทรงกริ้วจัดที่คนรักถูกรังแก เลยลืมตัวตบฮองเฮาไปฉาดหนึ่ง เรื่องนี้ยิ่งทำให้ฮองเฮาทรงหมดเยื่อใยในพระสวามี และเข่นเขี้ยวว่าจะเป็นศัตรูกับองค์จักรพรรดิให้ถึงที่สุด
    มาถึงปี 1894 จักรพรรดิกวางสีทรงมีพระชนมายุ 18 ชันษาแล้ว แต่ซูสีไทเฮาก็ยังกดพระองค์ไว้ใต้ฝ่าเท้าไม่เลิก องค์จักรพรรดิกับพระสนมเจินจึงแอบคิดกันว่าจะก่อรัฐประหารแย่งอำนาจการปกครองกลับมาเสียที แต่ความลับในวังมังกรไม่เคยเป็นความลับ แผนการดำเนินไปได้แค่ 100 วัน ก็ถูกหูตาสับปะรดของพระนางซูสีไทเฮาพบเข้าจนได้ ซูสีไทเฮารีบเสด็จมาตำหนักของพระสนมเจิน ด่าทอบริภาษต่างๆ นานา ในข้อหาที่บังอาจยุยงให้จักรพรรดิแข็งข้อกับพระาง จากนั้นก็รับสั่งให้ขันทีโบยสนมเจินจนแตกยับทั้งตัว แล้วจับไปขังไว้ในตำหนักเย็น ให้ประทับอยู่ในห้องเล็กๆ ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน มีช่องให้ส่งข้าวส่งน้ำพอไม่ให้อดตายช่องเดียวเท่านั้น นับตั้งแต่นั้น สนมเจินกับจักรพรรดิกวางสีก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย...ตราบชั่วชีวิต
    องค์จักรพรรดิทรงขมขื่นพระทัยมากที่ต้องพรากจากคนรัก ทรงโทษตัวเองที่เป็นถึงโอรสแห่งสวรรค์ แต่กลับเป็นได้แค่เสือกระดาษไม่มีอำนาจจะไปบังคับบัญชาใคร แม้แต่ผู้หญิงที่ทรงรักสุดหัวใจก็ยังปกป้องคุ้มครองไม่ได้ และตัวพระองค์เอง หลังจากแผนการล่มก็ถูกซูสีไทเฮากักให้อยู่แต่ในตำหนักมีสภาพไม่ต่างจากนักโทษชั้นดีคนหนึ่งเท่านั้น สองหนุ่มสาวถูกขังอยู่อย่างนั้นถึง 6 ปีเต็ม จนกระทั่งปี 1900 ราชวงศ์ชิงต้องเผชิญมรสุมทางการเมืองรอบด้าน ทั้งจากประชาชนที่ทนระบบการปกครองหัวโบราณไม่ไหว และจากรุกรานของชาติตะวันตก ในที่สุดพระนางซูสีก็จำต้องเสด็จหนีจากเมืองหลวงไปประทับที่เมืองซีอานชั่วคราว แต่ก่อนจะไปก็ทรงไม่วายคิดถึงอดีตเสี้ยนหนามที่ชื่อสนมเจินขึ้นมาได้ จึงรับสั่งให้เบิกตัวนางมา ตรัสว่า "เมื่อแรก เราตั้งใจจะนำเจ้าไปกับเราด้วย แต่เจ้านั้นยังอ่อนวัยและจิ้มลิ้มนัก เกรงว่าจะถูกพวกทหารต่างชาติกระทำทารุณข่มขืนเอาได้ ดังนั้น เราเชื่อว่าเจ้าคงเข้าใจว่า ควรทำเช่นไรต่อไป"
    คำที่คนที่มีชีวิตอยู่ในวังต้องห้ามทุกคนกลัวที่สุด ก็คือคำว่า "เจ้าคงเข้าใจว่าควรทำเช่นไรต่อไป" นี่ล่ะ พอพระสนมเจินได้ยินรับสั่งก็เข้าใจได้ทันทีว่า พระนางซูสีต้องการให้นางฆ่าตัวตายเสียเอง ให้หมดเรื่องหมดราว เหตุการณ์ตอนนี้ในบันทึกประวัติศาสตร์ของจีนเขียนไว้ไม่อยจะตรงกันนัก บ้างก็ว่าพระสนมเจินยอมรับชะตากรรมอย่างสงบ แต่ก่อนจะตายนางได้ขอร้องให้พระนางซูสีทรงปล่อยจักรพรรดิกวางสีเป็นอิสระ ทำให้พระนางกริ้วมาก มีรับสั่งให้ขันทีจับสนมเจินโยนลงไปในบ่อน้ำนอกตำหนักหนิงเซี่ย แต่บางบันทึกก็บอกว่า สนมเจินไม่ยอมตายง่ายๆ ทรงลุกขึ้นมาด่าว่าพระนางซูสีเสียไม่มีดี และยังตะโกนร้องหาจะพบหน้าจักรพรรดิกวางสีเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะถูกขันทีรุมจับตัวโยนลงบ่อไป
    ก่อนจะถูกทิ้งลงบ่อ สนมเจินได้ตรัสอาลัยถึงชายคนรักว่า "ฝ่าบาท หม่อมฉันในชาติหน้าขอมีวาสนาให้พบพระองค์อีก" ส่วนองค์จักรพรรดิก็เป็นนักโทษของพระนางซูสีไทเฮาอีกหลายปี และในที่สุดก็ถูกพระนางวางยาพิษสิ้นพระชนม์ในตำหนักความรักของสองหนุ่มสาวที่เกิดมาอย่างสูงส่ง แต่อาภัพวาสนาจึงต้องจบลงอย่างแสนเศร้า แต่ยืนยงในฐานะตำนานรักที่ลูกหลานจีนรุ่นหลังยังเล่าขานกันมาถึงทุกวันนี้

    ที่มา :https://www.anyapedia.com/2015/02/blog-post_31.html
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มหาสมุทรของโลกกำลังร้อนขึ้นในอัตราเดียวกับที่ระเบิดปรมาณูฮิโรชิมาห้าลูกตกลงไปในน้ำทุกวินาที

    Lijing Cheng ผู้เขียนบทความและรองศาสตราจารย์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมนานาชาติแห่งราชบัณฑิตยสถานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีนกล่าวว่าอุณหภูมิของมหาสมุทรอยู่ที่ 0.075 องศาเซลเซียสสูงกว่าค่าเฉลี่ย 1981-2010 ในปี 2019
    "ไม่มีทางเลือกที่สมเหตุสมผลนอกจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากความร้อนของมนุษย์เพื่ออธิบายการให้ความร้อนนี้" เฉิงกล่าวเสริมด้วยว่า การที่(อุณหภูมิของมหาสมุทร)จะถึงอุณหภูมินี้มหาสมุทรจะใช้ความร้อน 228,000,000,000,000,000,000,000 หรือ 228 ล้านล้านจูลส์
    "ระเบิดปรมาณูฮิโรชิมาระเบิดด้วยพลังงานประมาณ 63,000,000,000,000 จูล" เฉิงกล่าว "ฉันทำการคำนวณ ... ปริมาณความร้อนที่เราวางไว้ในมหาสมุทรของโลกในรอบ 25 ปีที่ผ่านมาเท่ากับระเบิดฮิโรชิม่า 3.6 พันล้าน ระเบิดปรมาณู" เขากล่าวเสริม
    นั่นเท่ากับการทิ้งระเบิดฮิโรชิมาประมาณสี่ลูกลงไปในมหาสมุทรทุกวินาทีในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาของศตวรรษ แต่เนื่องจากภาวะโลกร้อนกำลังเร่งความเร็วอัตราที่เราทิ้งระเบิดจินตนาการเหล่านี้จึงเริ่มเร็วขึ้นกว่าเดิม
    “ ตอนนี้เรามีระเบิดความร้อนฮิโรชิมาห้าถึงหกต่อวินาที” จอห์น อับราฮัม หนึ่งในผู้แต่งการศึกษาและศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมเครื่องกลของมหาวิทยาลัยเซนต์โทมัสในมินนิโซตา กล่าว
    The world's oceans are now heating at the same rate as if five Hiroshima atomic bombs were dropped into the water every second.
    https://edition.cnn.com/2020/01/13/world/climate-change-oceans-heat-intl/index.html
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรณีไฟป่าออสเตรเลียเป็นตัวอย่างให้ได้เห็นว่า การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ (mass extinction) อาจไม่ได้เกิดช้าๆ จนแทบไม่ทันสังเกตอีกต่อไป เมื่อโลกเข้าสู่จุดเปลี่ยน (tipping point) การเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
    ออสเตรเลียเป็น 1 ใน 17 ประเทศที่จัดว่ามีความหลากหลายทางชีวภาพในระดับสูงอย่างยิ่งยวด (megadiverse) แต่ถิ่นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่แถบที่เกิดไฟป่าครั้งล่าสุด
    ออสเตรเลียยังมีประวัติการสูญพันธุ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าทวีปใด ๆ โดยสัตว์มีกระดูกสันหลังกว่า 100 ชนิดพันธุ์ต้องหมดสิ้นไป หลังจากการมาถึงของมนุษย์เมื่อราว 50,000 ปีก่อน และปัจจุบันมีสัตว์ราว 300 ชนิด และพืชอีกกว่า 1,000 ชนิด ที่เสี่ยงใกล้จะสูญพันธุ์
    เปลวเพลิงที่ไหม้ลุกลามผืนป่ากว้างใหญ่ของออสเตรเลียครั้งนี้ได้ทำลายระบบนิเวศและคร่าชีวิตสัตว์ต่าง ๆ ไปแล้วกว่า 1.2 พันล้านตัว (โดยประมาณ) ไม่ต้องสงสัยว่าความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและสัตว์ที่ถูกคุกคามจากน้ำมือมนุษย์อยู่แล้ว จะต้องมาสูญหายไปเพิ่มขึ้นในอัตราที่น่าตกใจยิ่งกว่าเดิม
    นี่คือหนังตัวอย่างของสิ่งที่กำลังจะกลายเป็นเรื่องปกติ หากโลกยังเพิกเฉยต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    #climateemergency #climatecrisis
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาพชุดความเสียหายของฐานทัพอากาศสหรัฐในอิรัก 2 แห่ง
    คือ Ayn al-Asad Airbase ในจังหวัด Al Anbar Governorate ทางตะวันตกของอิรัก และ Erbil Airbase ในจังหวัด Erbilในพื้นที่ Iraqi Kurdistan เมื่อ 8 January 2020 ภายใต้ชื่อปฏิบัติการ Operation Martyr Soleimani (Persian: عملیات شهید سلیمانی‎),
    มันเป็นครั้งแรก ในรอบหลายๆ สิบปีที่ฐานทัพสหรัฐไม่เคยถูกโจมตีแบบลูบคมมหาอำนาจอย่างนี้มาก่อน ผมขอสดุดีอิหร่านว่าเป็นสุดยอดของนักสู้ตัวจริง.....
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผมไม่อยากนึกถึงภาพ การล่มสลายของเศรษฐกิจจีนเลย เพราะมันจะเป็นภาพที่น่ากลัวมาก แต่ผมคิดว่าสหรัฐเขาต้องการบีบบังคับจีนให้ไปที่จุดนั้นแน่นอน แต่นักเศรษฐศาสตร์ของจีนก็ต้องสู้เต็มที่ เพราะนี่คือความอยู่รอด และความยิ่งใหญ่ของจีน
    คือในขณะที่สินค้าจีนขายได้ดี การผลิตในประเทศ และการจ้างงานก็จะขยายตัวอย่างเต็มที่ สถาบันการเงินก็ปล่อยสินเชื่อกันเต็มพิกัด แต่อยู่ๆ วันหนึ่งตลาดส่งออกของจีนเกิดหดตัว ลดลงอย่างรุนแรง จากสาเหตุใดๆ ก็แล้วแต่ ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกเกิดการตกต่ำ หรือเกิดจากสหรัฐใช้อิทธิพลบีบบังคับไม่ให้ค้าขายกับจีน ก็ตามที ลองนึกถึงวิกฤตต้มยำกุ้งของเรา ผมคิดถึงแล้วสยองมากๆ ทรัพย์สินที่ทำมาครึ่งชีวิต มลายสิ้น และถ้าจีนต้องเจอสถานการณ์อย่างนั้น มันจะรุนแรงมากๆ กระทบไปทั่วทั้งภูมิภาคเอเซีย
    ซึ่งตอนนี้มีข่าวกระเส็นกระสายออกมาว่า สหรัฐบอกให้จีนเลิกซื้อน้ำมันจากอิหร่านแบบเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะถูกแซงชั่น ซึ่งทางสหรัฐเชื่อว่า จีนยังคงซื้อน้ำมันจากอิหร่าน
    คือเมื่ออิหร่านถูกแซงชั่นทางเศรษฐกิจจากสหรัฐ สั่งไม่ให้ใครซื้อน้ำมันจากอิหร่าน เพราะฉนั้นน้ำมันอิหร่านก็ต้องมีราคาต่ำกว่าราคาตลาดโลก เมื่ออิหร่านขายน้ำมันราคาถูก ก็จะเกิดแรงจูงใจให้ผู้ซื้อกล้าที่จะเสี่ยงซื้อน้ำมันของอิหร่านมาใช้ และท่อส่งน้ำมันของอิหร่าน เท่าที่รู้มีท่อมายังอินเดียแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าท่อน้ำมัน อิหร่าน-ปากีสถาน-จีน แล้วเสร็จหรือยัง
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Wudhichai Maitreesophone

    เมื่อวันจันทร์วานนี้ที่ 13 มกราคม 2020 ประธานศาลฎีกาของอิหร่าน นาย Ebrahim Raisi เรียกประชุมนักกฎหมายระดับสูง เพื่อเตรียมสำนวนยื่นฟ้องประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นจำเลยที่ 1 ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ไม่ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 หรือไม่ก็ตามที
    นาย Ebrahim Raisi แถลงในที่ประชุมนักกฎหมายระดับสูงว่า ในมุมมองของเรา นายพล Kasem Soleimani คือสัญลักษณ์ของผู้นำในการปราบปรามผู้ก่อการร้าย และผู้กดขี่ การที่ประธานาธิบดีสหรัฐสั่งการให้กองทัพสหรัฐลอบสังหารเขา จึงเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายทุกฉบับที่มีอยู่ในโลกนี้
    นอกจากนั้นนาย Ebrahim Raisi ยังได้เรียกร้องให้นักกฎหมายทั่วโลก ได้ส่งเสียงถึงการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศของประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งนี้ด้วย.....
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    PSX_20200114_173733.jpg
    (Jan 14) ธปท. รับ 5 ปี ทุนสำรองพุ่ง 8 หมื่นล้านดอลลาร์ เหตุแทรกแซงเงินบาท : แบงก์ชาติ ยอมรับ 5 ปี แทรกแซงค่าเงินมาตลอด จนทุนสำรองเพิ่มกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ แนะทุกฝ่ายต้องร่วมแก้บาทแข็ง จี้เอกชนฉวยจังหวะนำเข้าเครื่องจักร-คืนหนี้ต่างประเทศ

    นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัด Media Briefing ถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา เหตุผลหลักคือการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ที่ประเทศไทยมีรายได้จากการส่งออกสูงกว่ารายจ่ายจากการนําเข้า

    นอกจากนี้ ความเข้าใจว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากการเก็งกําไรระยะสั้นของนักลงทุนต่างชาติเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน หากดูตัวเลขจะเห็นว่าการลงทุนของต่างชาติสุทธิทั้งปี 2019 แล้วเป็นการไหลออกโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง

    นอกจากนี้ธปท.ยังมีความกังวลต่อการแข็งค่าของเงินบาท และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยพร้อมใช้มาตรการเพิ่มเติมหากจําเป็น

    1.การบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนของธปท. ในการชะลอการแข็งค่าของเงินบาท ธปท. จะเข้าไปซื้อเงินดอลลาร์ และขายเงินบาท โดยดอลลาร์ที่ซื้อเข้ามาอยู่ในรูปของเงินสํารองฯ เงินสํารองฯ ก็จะเพิ่มขึ้น หากต้องการชะลอการอ่อนค่า ธปท.จะขายดอลลาร์ที่อยู่ในเงินสํารองฯเพื่อซื้อเงินบาทเงินสํารองฯ ก็จะลดลง ที่ผ่านมาจะเห็นว่าเงินสํารองฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทําให้ในปัจจุบันไทยมีเงินสํารองฯมากติด อันดับต้นๆของโลก สะท้อนว่าแบงก์ชาติได้มีการเข้าดูแลค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดด้วยการซื้อเงินดอลลาร์ต่อเนื่อง

    ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หรือระหว่างปี 2558-2562 เงินทุนสํารองฯ เพิ่มขึ้นเกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งถือเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้จากการค้าขายสินค้าและบริการกับต่างประเทศ หากธปท.ไม่ได้มีการเข้าดูแลค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา เงินทุนสํารองฯ ก็จะไม่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทก็อาจจะแข็งกว่าระดับปัจจุบัน

    2. การบริหารจัดการค่าเงินต้องให้เกิดความสมดุลและยั่งยืนในระยะยาว ถ้าเราเข้าแทรกแซงจนบาทอ่อนกว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ก็เท่ากับเป็นการใช้ค่าเงินเพื่อให้สินค้าของไทยได้เปรียบประเทศคู่แข่งชั่วคราว ซึ่งไม่สามารถทําได้อย่างต่อเนื่อง และหากเป็นที่สังเกตุของประเทศอื่นๆก็อาจจะก่อให้เกิดการกีดกันทางการค้าหรือการใช้มาตรการทางภาษี ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อภาคการส่งออกในระยะยาว

    ส่วนที่มีข้อเสนอให้ใช้นโยบาย Quantitative Easing (QE) เช่นเดียวกับประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป นั้น ก่อนอื่นขอทําความเข้าใจว่าอะไรคือ QE การทํา QE เป็นการทํานโยบายผ่านการซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้ภาคเอกชนในประเทศจํานวนมาก ซึ่งจะส่งผลให้สภาพคล่อง ในระบบปรับสูงขึ้น โดยการทํา QE ของประเทศหลักมักดําเนินการในช่วงที่การส่งผ่าน นโยบายการเงินผ่านสถาบันการเงินไปยังภาคเศรษฐกิจจริงไม่ทํางาน หรือ ประเทศกําลังเผชิญภาวะวิกฤต ซึ่ง QE จะช่วยลดต้นทุนในการกู้ยืมระยะยาวของภาคธุรกิจและครัวเรือน

    ในกรณีของไทย ปัจจุบันสภาพคล่องในระบบอยู่ในระดับสูงมากอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ การทํา QE จะทําให้สภาพคล่องเพิ่มขึ้นแค่กับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น หากต้องการช่วยให้สภาพคล่องไปที่ SMEs มากขึ้น ภาครัฐอาจให้ soft loan ผ่านธนาคารพาณิชย์ของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน จะเป็นมาตรการที่ตรงจุดและมีประสิทธิผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจดีกว่า

    อกจากนี้มาตรการ QE ยังมีผลข้างเคียง เช่น เพิ่มความเหลื่อมล้ํา เพราะจะเอื้อให้ต้นทุนทางการเงินของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ถูกกว่า SMEs ซึ่งปัจจุบันก็มีต้นทุนที่ต่ำกว่าอยู่แล้ว และอาจทําให้เกิดการกู้ยืมจนเกินตัวของบริษัทต่างๆ ด้วย ซึ่งส่งผลต่อเนื่องกับเสถียรภาพทางการเงิน
    3. ประเทศอื่นที่เกินดุลสูง มีการนําเงินออกไปลงทุนต่างประเทศ ทําให้ค่าเงินไม่แข็งค่าขึ้นเท่าประเทศไทยไต้หวัน และเกาหลีเป็นประเทศที่มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงใกล้เคียงกับไทย แต่สกุลเงิน ของประเทศเหล่านั้นไม่แข็งค่าเท่าไรนัก เนื่องจากมีเงินไหลออกไปลงทุนต่างประเทศค่อนข้างมาก ซึ่งช่วยลดแรงกดดันจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด โดยส่วนใหญ่เป็นการออกไปลงทุนของนักลงทุน สถาบัน เช่น ประกันชีวิต กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ (pension funds) ขณะที่ไทยยังไม่มีการกระจาย การลงทุนไปต่างประเทศมากนัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังต้องหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องและผลักดันให้มีเงินไหล ออกมากขึ้นในระยะถัดไป

    4. ค่าเงินบาทแข็งมีทั้งผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินบาทที่แข็งค่ามีผลต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะต่อผู้ส่งออกและผู้ที่มีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ แต่อีกด้านหนึ่งของเหรียญที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง คือ ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น เป็นประโยชน์สําหรับ ภาคเอกชนบางกลุ่ม ช่วยให้ธุรกิจมีต้นทุนนําเข้าเครื่องมือเครื่องจักรถูกลง ปกติไทยจะมีการนําเข้าเครื่องมือ เครื่องจักรปีละประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ดังนั้นทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าขึ้น ประเทศจะประหยัดไปได้ราว 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากธุรกิจที่เห็นโอกาสนี้จะสามารถสร้างความ ได้เปรียบคู่แข่งขันด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตจากการนําเข้าเครื่องมือเครื่องจักรที่ถูกลง

    ส่วนธุรกิจและประชาชนที่เป็นหนี้ต่างประเทศจะมีหนี้ลดลง อย่างตอนนี้ธุรกิจและประชาชน คนไทยมีหนี้ค้างจ่ายต่างประเทศอยู่ราว 1 แสนล้านดอลลาร์สรอ. ดังนั้น ทุก ๆ 1 บาทที่แข็งค่าขึ้น ธุรกิจและประชาชนจะมีหนี้ลดลงประมาณ 1 แสนล้านบาท ซึ่งคนที่จะได้รับ ประโยชน์ก็คือคนที่จะชําระหนี้คืนนั่นเอง

    เศรษฐกิจโดยรวม ปกติไทยนําเข้าน้ํามันดิบปีละประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สรอ. ดังนั้น ทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าขึ้น ก็จะช่วยประหยัดต้นทุนของประเทศไปได้เช่นกัน ซึ่งน้ำมันก็เป็นต้นทุนที่สําคัญของทั้งประชาชนและธุรกิจ

    ปัญหาค่าเงินบาท ต้องแก้ไขให้ตรงจุด และต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ธปท.และภาครัฐ ยังคงกังวลต่อสถานการณ์ โดยมีการหารือร่วมกันอย่างต่อเนื่องถึงแนวทางในการช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท

    ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า เป็นเพียงแค่อาการ ที่สะท้อนมาจากปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศไทยการแทรกแซงค่าเงิน รวมถึงนโยบายการคลังอื่นๆที่หวังผลระยะสั้นเป็นสิ่งที่จําเป็นในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุของปัญหาเงินบาทแข็งค่า คือ การเกินดุลการค้าต่อเนื่อง การออกไปลงทุนหลักทรัพย์ในต่างประเทศที่ยังมีน้อย เป็น “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ปัญหาเชิงโครงสร้างเป็นปัญหาที่ต้องช่วยกันแก้ไขทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ

    1.เพิ่มการนําเข้า อาจจะผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหรือลงทุนเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงการผลิต ซึ่งถือเป็นจังหวะที่ดีในช่วงที่ต้นทุนการนําเข้าจะถูกลงเพราะเงินบาทแข็ง

    2. ลดแรงซื้อบาทจากภาคส่งออก เช่น การเก็บรายได้ไว้ในบัญชีเงินตราต่างประเทศ (FCD) หรือ การหักชําระรายจ่ายและแลกเฉพาะส่วนที่เหลือ

    3.สนับสนุนการออกไปลงทุนหลักทรัพย์ในต่างประเทศโดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันจะมีส่วนช่วยให้เกิดแรงผลักดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้

    ที่ผ่านมาธปท. ได้ดําเนินมาตรการบางส่วนเพื่อเฝ้าระวังเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นและผ่อนคลายกฏเกณฑ์กํากับดูการแลกเปลี่ยนเงินเพื่อเอื้อต่อการลงทุนในต่างประเทศและสร้างสมดุลเงินทุน เคลื่อนย้ายซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    https://www.bangkokbiznews.com/news...homepage_hilight&utm_medium=internal_referral
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หลุมยุบป้ายรถเมล์จีน ในเมืองซีหนิง มณฑลชิงไห่ ทำรถร่วงลงไปครึ่งคัน ขณะพลเมืองดีเข้าช่วยหลุมได้ยุบเพิ่ม และมีระเบิดเกิดขึ้น ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิต 6 คน สูญหาย 4 คน และบาดเจ็บ 16 ราย #ข่าวช่องวัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...