ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนอย่างต่อเนื่อง ! หลัง ซาอุดิอาระเบียประกาศว่าอาจอาสาปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันเพิ่มอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ! การปิดก็อกครั้งนี้จะทำให้การผลิตของซาอุลดต่ำที่สุดในรอบ 18 ปี ! (กราฟในคอมเม้นท์)

    ตลาดน้ำมันที่กำลังกลับตัวจากจุดต่ำสุดในรอบ 20 ปียังได้รับแรงหนุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ Demand ความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคต่างๆดูเหมือนจะปรับตัวขึ้นเร็วกว่าที่คาดโดยเฉพาะจากการขับรถในสหรัฐและยุโรป โดยล่าสุดหากเราดูจาก Application ที่วัดการขับรถของ Apple เราจะเห็นได้เลยว่าการเดินทางโดยรถนั้นกำลังดีดขึ้นอย่างรวดเร้ว (แนบกราฟข้อมูลไว้ให้ในคอมเม้นท์)

    ล่าสุดข่าวในคืนนี้ทำให้น้ำมันราคาน้ำมันดิบ Brent ได้ดีดขึ้นมาซื้อขายที่ 31 เหรียญ และ WTI ขึ้นมาที่ 25 เหรียญแล้ว

    ซาอุดิอาระเบียเคยผลิตน้ำมันอยู่ที่ 11 ล้านบาร์เรลเมื่อเดือนที่แล้วในช่วงที่อยู่ระหว่างสงครามราคาน้ำมันกับรัสเซียและสหรัฐ แต่แล้วหลังจากทางผู้ผลิตหันมาจับมือกันก็ได้ตกลงกับรัสเซียว่าจะลดกำลังการผลิตมาอยู่ที่ 8.5 ล้านบาร์เรลต่อวันกันทั้งคู่ แต่หลังจากการประกาศในคืนนี้จะทำให้ซาอุจะลดกำลังการผลิตลงไปเหลือเพียง 7.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนหน้า !

    ลดการผลิตอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวันนี่ถือว่าเยอะมากไหม ?

    ถึงแม้ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันจะคิดเป็นเพียง 1% ของกำลังการผลิตทั่วโลก แต่มันจะมีผลกระทบต่อตลาดอย่างมากหากเป็นการลดในช่วงที่ความต้องการใช้ยังสูงกว่าการผลิตน้ำมันอยู่

    ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ Demand กับ Supply Balance นั้นสำคัญมาก ตัวกำหนดว่าการใช้หรือการผลิตจะมากกว่ากันนั้นก็คือความต้องการใช้น้ำมันหรือการผลิตน้ำมันหยดสุดท้าย (Marginal Barrel) หากตอนนี้ตลาดกำลังจะกลับไปอยู่ในจุดที่การใช้นั้นเริ่มสูงกว่าการผลิตแล้วในเดือนหน้านี้อย่างที่ Goldman Sachs ได้ฟันธงไว้จริงๆ แปลว่าการลดกำลังการผลิตนี้จะส่งผลให้ตลาดตึงตัวขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว

    ความตั้งใจดันราคาน้ำมันของซาอุนั้นจริงจังมาก

    ทางซาอุได้กล่าวเสริมไว้ว่าการอาสาลดกำลังการผลิตเพิ่มแต่เพียงผู้เดียวโดยไม่ขอให้กลุ่มโอเปกหรือพันธมิตรอื่นๆลดกำลังการผลิตเพิ่มด้วยนั้น ทำไปเพื่อการเป็นตัวอย่างของพี่ใหญ่ที่ดีเพื่อหวังว่าประเทศอื่นๆจะทำตามคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับกลุ่มโอเปกในการลดกำลังการผลิตกันอย่างจริงจัง

    หลังการประกาศนี้เราคงทราบคำตอบแล้วว่าทำไมซาอุจึงลด OSP ราคาขายน้ำมันดิบของตัวเองลงสูงมากเพราะว่าทางซาอุทราบดีว่าจะผลิตน้ำมันตัวเองน้อยลงนั้นเอง จึงอยากขายที่ราคาแพงขึ้นหน่อยหากจะมีของขายไม่เยอะ

    สิ่งที่ต้องติดตามในอาทิตย์นี้

    หลังจากที่การใช้น้ำมันกำลังกลับมาอย่างชัดเจน ให้จับตารายงานประจำเดือนของสำนักงานพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก 3 แห่งที่จะออกในอาทิตย์นี้ โดยหากมีการปรับเพิ่มการคาดการณ์การใช้น้ำมันในปีนี้ขึ้นจริงๆก็จะถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดอย่างต่อเนื่อง

    1️⃣ EIA - กระทรวงพลังงานสหรัฐ วันที่ 12 พ.ค.
    2️⃣ OPEC - กลุ่มโอเปก วันที่ 13 พ.ค.
    3️⃣ IEA - องค์กรพลังงานระหว่างประเทศ วันที่ 14 พ.ค.

    Cr : OilTradingKP
    ข่าวต้นฉบับ: www.cnbc.com

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐบาลไหนในโลกใจกล้าบ้าดีเดือด ผุดแผนเลิกหรือลด “อุดหนุน” ราคาน้ำมัน เป็นอันต้องโดน “ประท้วง” ลุกลามใหญ่โตมโหฬาร ผลลัพธ์เป็นได้เพียงสองประการ หนึ่ง ต้องโละแผนแทบไม่ทัน สอง รัฐบาลถูกล้ม

    ทำไมไอ้การ “อุดหนุน” มัน ‘ชี้เป็นชี้ตาย’ ได้ซะขนาดนั้น? … โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง

    “อุดหนุน” (subsidy) คืออะไร?

    ว่าง่ายๆคือ รัฐบาลช่วยออกให้บางส่วน เพื่อให้ประชาชนซื้อของได้ถูกลง

    ---

    สมมติ มะนาวลูกละกี่บาทก็ไม่รู้ล่ะ แต่รัฐบาลสั่งปัก ‘ตรึง’ ไว้เลย ว่าต้องขายให้ชาวบ้านลูกละ 2 บาท

    ทีนี้ ถ้าราคาตลาดมันพุ่งกระฉูดไป 7 บาทแปลว่าไง? ก็เท่ากับว่ารัฐบาลต้องจ่ายให้พ่อค้าแม่ค้า 5 บาท เพื่อที่เราจะได้ควักกระเป๋าแค่ 2 บาท

    ดังนั้น ต่อให้เจอ “มะนาวเดือนห้า” น้ำน้อยแต่แพง แถมเจอภัยแล้งเข้าไปอีก เราก็บ่ยั่น เพราะรัฐบาลใจป้ำช่วยโปะให้ เราจึงจ่ายเท่าเดิม เท่าที่รัฐบาลกำหนด ‘ตรึง’ ไว้

    .

    หรืออาจเป็นสูตรอื่น รัฐบาลอาจชักออกมาเลย 3 บาทขาดตัว หมายความว่ารัฐบาลไม่สนเลยว่าราคาคาตลาดจะขยับขึ้นลงผันผวนยังไง รัฐบาลเจียดให้ 3 บาทตลอด

    ถ้าราคาตลาด 4 บาท รัฐช่วยออก 3 บาท แสดงว่าเราซื้อแค่ 1

    ถ้าราคาตลาด 9 บาท รัฐช่วย 3 บาท แสดงว่าเราซื้อตั้ง 6

    .

    สูตรยังพลิกแพลงได้อีกหลายกระบวน ก็แล้วแต่จะเลือกใช้!

    รัฐควรช่วย “อุดหนุน” เยอะๆใช่มั้ย? ชาวบ้านก็ยิ้มแย้มสิ แต่ท้องพระคลังก็เหือดแห้งหมดสิ

    แค่มะนาวไม่กี่บาทเอง จะอะไรนักหนาวะ! เอิ่ม มะนาวกี่ลูกล่ะครับที่ประชาชนบริโภคในแต่ละวัน!!

    “อุดหนุน” นี่เป็น ‘ภาระ’ ที่กระทืบรัฐบาลให้กระเป๋าแฟบลงๆๆๆ

    ยิ่งบางประเทศ ผู้คน ‘เสพติด’ ไปแล้ว ขาดไม่ได้เด็ดขาด!!!

    .

    ยิ่งพวกประเทศที่ขายน้ำมันเยอะๆยิ่งแล้วใหญ่ รัฐอู้ฟู่จากการขายน้ำมันใช่มะ ได้เงินมาบานเบอะ ก็ต้องมา “อุดหนุน” ให้คนในชาติใช้ถูกๆ

    ไม่ใช่แค่น้ำมันนะครับท่าน น้ำเปล่าก็ด้วย (พวกตะวันออกกลาง น้ำจืดหายาก แพงกว่าน้ำมันอีก) และรายการอื่นๆอีกมากมายที่รัฐต้องช่วย “อุดหนุน” (ขนาดปุ๋ยยังมีเลย!?)

    .

    มันคงไม่เป็นไรหรอก ถ้าน้ำมันแพงไปตลอดกาล พวกนี้ก็รวยขึ้นๆๆๆ แต่ตอนนี้ที่เกิดวิกฤติราคาน้ำมันตกต่ำ แล้วทำไง?

    เข้าโครงการ “ลด ละ เลิก” ได้ไหม? เคยแหย่ๆหยอดๆมาแล้วช่วงปี 2015-2016 ที่เกิดวิกฤติ (ตอนนั้นไม่หนักเท่านี้ด้วยซ้ำ)

    แล้วไง?

    บรรลัยเข้าไปเลยสิครับท่าน ประท้วงกันแหลกลาญ บางประเทศก็ต้องลดเบาๆนิ่มๆทีละนิดทีละหน่อย บางประเทศรีบหมุนตัวกลับหลังหัน ยุบโครงการ “ลด ละ เลิก” ในทันที

    ---

    มาวันนี้ ไนจีเรีย หนึ่งในสมาชิกโอเปก (องค์การประเทศผู้ส่งออกปิโตรเลียม) แต่อยู่ในทวีปแอฟริกา ถึงกับต้องชูนโยบาย “เลิกอุดหนุน”!

    กล้า?

    เปล่า! มันคือการ ‘ลักไก่’ … ประชาชนไม่สะเทือนเท่าไหร่ เพราะยังไม่รู้ตัว

    ย้อนกลับไปที่ตัวอย่างเรื่องมะนาว ถ้าปกติ มะนาวตกลูกละ 3 บาท แต่ตอนนี้ราคาตลาดหล่นตุ้บไปอยู่ที่ 50 สตางค์ แล้วรัฐบาลดัน ‘ฉวยจังหวะ’ ถอนการ “อุดหนุน” ออกไป ปล่อยให้มัน “ลอยตัว” ตามกลไกตลาด … ถามว่าเราจะ ‘รู้สึก’ ไหม?

    ไม่ ไม่เลย! เราก็สุขีกับราคาแค่ 50 สตางค์โดยไม่ได้แยแสอะไรทั้งนั้น … หารู้ไม่ว่ารัฐบาล “ทำเนียน” อะไรลงไป

    รู้ตัวอีกที สามเดือนถัดมา ราคาตลาดเด้งไป 8 บาท เราก็ต้องจ่ายเต็มๆ 8

    รัฐบาลอ้างว่า เอ้ออ้า เรางดไปตั้งนานแล้วนะ ไปหลับหูหลับตาที่ไหนมา ไม่รู้เรื่องเหรอ

    … กว่าจะรู้เดียงสา

    .

    ฉันใดก็ฉันนั้น ตอนนี้ไนจีเรียเติมเบนซิน ลิตรละ 123-125 ไนรา ตีไปคร่าวๆ 10 กว่าบาท ถูกที่สุดในรอบทศวรรษ คนก็ไม่อินังขังขอบ …

    สรุป ถ้าน้ำมันถูกๆงี้ไปตลอดกาล เรื่องคงไม่ ‘แดง’ ขึ้นมา แต่ถ้าราคาน้ำมันกลับมาแพงเมื่อใดล่ะก็ … ดูไม่จืดเลย

    การกระทำของไนจีเรียในวันนี้จึงไม่ต่างจาก ‘จุดชนวน’ รอวันระเบิดในอนาคต!

    ทำไมรัฐบาลยังกล้า? ก็มันไม่อาจไม่ทำน่ะสิ!

    รัฐไม่ใช่แค่จนลงๆๆๆ แต่จะเจ๊งอยู่แล้ว!

    “เลิกอุดหนุน” เท่ากับหั่นงบประมาณลง ราวๆ 2 พันล้านดอลลาร์ต่อปีเลยทีเดียว ช่วยสถานะทางการคลังได้เปลาะหนึ่ง

    ---

    ในอดีต เคยมีใครกล้าหาญชาญชัยเช่นนี้มาก่อนไหม?

    มี อดีตประธานาธิบดี กู๊ดลัก โจนาธาน เคยตบโต๊ะ ชงนโยบาย “เลิกอุดหนุน” เบนซินแบบนี้แหละเมื่อปี 2012

    ผลปรากฏว่า … จลาจล!!! ล่อไป 2 อาทิตย์ และสุดท้ายก็ต้องพับแผนไปเลย … อุดหนุนกันต่อไป แต่กู๊ดลักไม่ได้ไปต่อ …

    “สอบตก” ในเลือกตั้งครั้งถัดมา เพราะขัดหูขัดตาประชาชนจากเรื่องนี้นี่เอง

    .

    อ้าว แล้วประธานาธิบดี มูฮัมมาดู บูฮารี คนปัจจุบันไม่เอาเป็น ‘บทเรียน’ หรือ?

    ก็มันไม่ไหวแล้วน่ะสิ รายได้ของรัฐมาจากการขายน้ำมันซะ 2 ใน 3 … แล้วดูสิ ตอนนี้ราคาน้ำมันร่วงขนาดไหน ดังนั้นรัฐบาลจึงจำต้อง “ขายผ้าเอาหน้ารอด” ไปก่อน แม้รู้ทั้งรู้ว่ามันเสี่ยงที่วันข้างหน้าผ้าจะ “ลุกไปไฟ” แล้วโหมมาห่มคลุมตัวเอง!

    ---

    หมายเหตุ ภาพประกอบ คือ การประท้วงปี 2012

    https://www.bloomberg.com/news/arti...nd-fuel-subsidies-risk-backlash?sref=mu7Gtsbe

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม! เสียงระเบิดดังกึกก้อง ปลุกให้องค์หญิง บาดิยา บินต์ อาลี ตื่นบรรทมในเช้าตรู่วันที่ 14 ก.ค. 1958

    ทอดพระเนตรออกไปยังต้นเสียง --- พระราชวังริฮาบ!

    แสงเรืองรองเปล่งประกายระยับของพระราชวัง พลันถูกคลี่คลุมด้วยหมอกควันหนาทึบ!

    ปฏิวัติ!!!

    องค์หญิงทิ้งความหวาดกลัว รุดไปยังพระราชวังในบัดดล เพื่อดูใจพระเจ้าไฟซอลที่สอง พระมหากษัตริย์แห่งอิรักผู้จะกลายเป็นเพียงเถ้าถ่านแห่งวันวาน

    สีแดงฉานละเลงทั่วพระราชวัง องครักษ์เลือดท่วมกายร้องห่มร้องไห้ “พวกมันฆ่าพระองค์” “ฆ่าไม่เหลือ ทั้งราชวงศ์”

    หนึ่งเดียวที่ยังเหลือฐานันดรศักดิ์ของราชวงศ์ คือ เธอแต่เพียงผู้เดียว …

    สิ่งเดียวที่เธอทำได้ในตอนนั้น คือ หนี!

    ---

    องค์หญิง บาดิยา บินต์ อาลี ประสูติในปี 1920 ในราชวงศ์ฮัชไมต์

    พระอัยกา (เสด็จปู่) ของเธอเป็นผู้นำในการแข็งขืนต่อจักรวรรดิออตโตมันอันเกรียงไกร แล้วสถาปนาตนเองขึ้นเป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรฮิญาซในปี 1916 … ก่อนที่มันจะสลายราบคาบในรัชสมัยของพระบิดาเธอ ด้วยน้ำมือของ อิบน์ ซาอูด ผู้สถาปนาราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย!

    องค์หญิงต้องเรียนรู้การหนีเอาชีวิตรอด ตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ …

    .

    และแล้ว โชคชะตาพลิกผันอีกครั้ง พระปิตุลา (เสด็จลุง) ของเธอก่อตั้งราชอาณาจักรจอร์แดน ภายใต้การหนุนหลังของอังกฤษ

    และอีกไม่ช้า หลังจักรวรรดิออตโตมันถูกโค่นเบ็ดเสร็จ พระปิตุลา (เสด็จลุง) อีกพระองค์หนึ่ง ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งอิรัก พระนามว่าพระเจ้าไฟซอลที่หนึ่ง

    เธอย้ายจากกรุงอัมมานสู่กรุงแบกแดด เมืองแห่งแสงสีและความรุ่งเรือง อันนำมาซึ่งความตื่นตาตื่นใจให้หนูน้อย

    .

    พระเจ้าไฟซอลที่หนึ่งสวรรคตด้วยโรคพระทัยวาย … เธอได้ผลัดแผ่นดินอีกครั้ง

    พระเจ้ากาซีสวรรคตจากอุบัติเหตุรถยนต์ … เธอได้ผลัดแผ่นดินอีกครั้ง

    พระเจ้าไฟซอลที่สองสวรรคตด้วยการปลงพระชนม์สุดอำมหิต … ไม่มีแผ่นดินให้เธอได้ผลัดอีกต่อไป!

    อับดุล การีม กัสซิม ล้มระบอบกษัตริย์ในอิรักด้วยการฆ่าล้างราชวงศ์

    ---

    เคราะห์ดี ยามนั้นเผอิญเธอไม่ได้อยู่ในวังขณะเกิดเหตุสังหารหมู่

    เธอรีบหอบชีวิตพระสวามีและทายาท มุ่งไปยังสถานทูตซาอุฯ

    ลี้ภัยไปยังอียิปต์ … ไปยังสวิตเซอร์แลนด์ … ไปยังอังกฤษ และสิ้นพระชนม์ลงอย่างสงบที่นั่นเมื่อวันเสาร์ที่ 9 พ.ค. 2020

    สิ้นสุดพระชนมายุ 100 ปีแห่งการไหลล่องระหกระเหินไปตามกระแสธารแห่งอำนาจ … นับเป็นสัญลักษณ์แห่งกาลอวสานของราชวงศ์อิรักโดยบริบูรณ์

    ประจักษ์พยานสุดท้ายสูญสิ้น

    ฐานันดรศักดิ์พระองค์สุดท้ายปลิดปลิวไปด้วยแรงโน้มถ่วงแห่งกาลเวลา โดยธรรมชาติของมันเอง

    องค์หญิงทรงโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้า มองลงมายังซากปรักหักพังแห่งประชาธิปไตยอันไร้เสถียรภาพของอิรักในปัจจุบันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลาลับโลกไป

    https://www.arabnews.com/node/1672796/middle-east

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200511_222000.jpg

    (May 11) Chesapeake บริษัทน้ำมันสหรัฐล้มละลาย หลังเผชิญวิกฤตราคาน้ำมัน :Chesapeake Energy Corp ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐ ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ทางบริษัทกำลังพิจารณายื่นเรื่องต่อศาลเพื่อเข้าสู่กระบวนการล้มละลายท่ามกลางหนี้สินจำนวนมาก หลังเผชิญกับราคาน้ำมันที่ตกต่ำอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน

    สื่อรายงานในเดือนที่แล้วว่า Chesapeake กำลังทำการเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอเงินกู้เสริมสภาพคล่องระหว่างที่บริษัทอยู่ในกระบวนการล้มละลาย

    Chesapeake ระบุว่า ทางบริษัทจะไม่สามารถชำระหนี้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้

    อย่างไรก็ดี Chesapeake เปิดเผยว่า บริษัทจะจ่ายเงินจำนวน 25 ล้านดอลลาร์ให้แก่ผู้บริหารระดับสูงจำนวน 21 คนเพื่อเป็นแรงจูงใจให้พวกเขายังคงร่วมงานกับบริษัทในช่วงเวลาที่ยากลำบากในขณะนี้

    Source: อินโฟเควสท์แปลและเรียบเรียงโดยก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    เพิ่มเติม

    - Shale-Drilling Pioneer Chesapeake Energy Warns Its Future Is in Peril : https://www.wsj.com/articles/shale-...ergy-warns-its-future-is-in-peril-11589204463
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200511_222228.jpg

    (May 11) ซาอุฯ จ่อเก็บVAT เพิ่ม 3 เท่า จากมาตรการรับมือโควิด-ราคาน้ำมันโลกตกต่ำ : รัฐบาลซาอุดีอาระเบียประกาศเตรียมใช้มาตรการรัดเข็มขัดเพื่อรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 และราคาน้ำมันโลกที่ตกต่ำ โดยหนึ่งในยาแรงของมาตรการชุดนี้คือการเพิ่มการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ถึง 3 เท่า จาก 5% เป็น 15% และระงับการจ่ายเบี้ยเลี้ยงสำหรับลูกจ้างรัฐ

    สำนักข่าวท้องถิ่นของทางการซาอุดีอาระเบียรายงานแถลงการณ์จาก โมฮัมเหม็ด อัล-จาดาน รัฐมนตรีคลังซาอุดีอาระเบีย ในวันนี้ (5 พฤษภาคม) ว่ารัฐบาลจะเริ่มต้นระงับการจ่ายเบี้ยเลี้ยงสำหรับลูกจ้างรัฐตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน จากนั้นจะเพิ่มการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 15% ในวันที่ 1 กรกฎาคม

    “มาตรการเหล่านี้เจ็บปวด แต่จำเป็น เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจในระยะกลางจนถึงระยะยาว และเพื่อเอาชนะวิกฤตโควิด-19 ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยความเสียหายที่น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้” อัล-จาดาน กล่าว

    ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียในฐานะผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกต้องเผชิญผลกระทบรุนแรงจากภาวะราคาน้ำมันตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกันมาตรการล็อกดาวน์และการหยุดชะงักของกิจกรรมในภาคธุรกิจเพื่อรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ก็ฉุดเศรษฐกิจซาอุดีอาระเบียให้ทรุดหนักมากยิ่งขึ้น

    แผนรัดเข็มขัดดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางตัวเลขรายจ่ายงบประมาณของซาอุดีอาระเบียที่พุ่งสูงแซงหน้ารายรับ โดยเฉพาะในภาคสาธารณสุขและการใช้งบประมาณเพื่อช่วยพยุงภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ซาอุดีอาระเบียต้องเผชิญกับการขาดดุลงบประมาณในไตรมาสแรกของปีนี้

    “ความท้าทายทั้งหมดเหล่านี้หั่นรายรับของรัฐ และเพิ่มความกดดันทางการเงินจนถึงระดับที่ยากจะรับมือและเดินหน้าต่อไปโดยไม่เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งในระยะกลางจนถึงระยะยาว สิ่งที่ต้องการคือลดการใช้จ่ายให้มากขึ้นและมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนเสถียรภาพของรายได้อื่นที่ไม่ใช่จากน้ำมัน” อัล-จาดาน กล่าว

    ขณะที่ตัวเลขทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของธนาคารกลางซาอุดีอาระเบียในเดือนมีนาคมยังลดลงด้วยอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 20 ปี และต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011

    ส่วนรายได้จากน้ำมันของซาอุดีอาระเบียในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ประมาณ 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปีที่แล้วถึง 24% และฉุดตัวเลขรายรับทั้งหมดของซาอุดีอาระเบียลงกว่า 22%

    นอกจากนี้รัฐบาลซาอุดีอาระเบียยังได้ยกเลิกและระงับการใช้จ่ายด้านการดำเนินงานและการลงทุนสำหรับหน่วยงานรัฐบางแห่ง และลดงบประมาณสำหรับโครงการ Saudi Vision 2030 อันเป็นเป็นกรอบยุทธศาสตร์เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันของซาอุดีอาระเบียภายในปี 2030 ตลอดจนเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ที่มีมูลค่ารวมมากกว่า 1 แสนล้านริยัล หรือประมาณ 26,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    ขณะเดียวกันยังจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาเรื่องผลประโยชน์ทางการเงินทั้งหมด ที่จ่ายให้กับลูกจ้างและพนักงานสัญญาจ้างภาครัฐ โดยกำหนดให้ส่งข้อแนะนำแก่รัฐบาลภายใน 30 วัน

    Source: สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

    https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=YkZDTGZ1ZExpaGc9

    เพิ่มเติม

    -Saudi Arabia’s austerity drive ‘decisive and necessary,’ but could delay a consumer recovery : https://www.cnbc.com/2020/05/11/sau...sary-but-could-delay-a-consumer-recovery.html

    ความคืบหน้าล่าสุด

    - ซาอุฯประกาศหั่นกำลังการผลิตเพิ่มอีก 1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือน มิ.ย.: https://www.ryt9.com/s/iq30/3122638
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    FB_IMG_1589210711574.jpg

    (May 11) ดอกเอ๋ย ดอกเบี้ย : ในช่วงที่ประชาชนได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภาคการเงินการธนาคารได้ออกมาตรการหลายอย่าง เพิ่มทางเลือกในการบรรเทาผลกระทบแก่ประชาชน

    หลายเรื่อง ทำให้ชาวบ้านพอได้หายใจหายคิดไปบ้าง

    บางเรื่อง ชาวบ้านที่เคยรู้เคยเข้าใจ ก็ได้เกิดความรู้ความเข้าใจ ตามที่ธนาคารแห่งระเทศไทยได้ออกมาชี้แจงแถลงไข

    โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับ “การคิดอัตราดอกเบี้ย” ซึ่งถือเป็นต้นทุนทางการเงินตัวสำคัญของประชาชน (อีกด้าน คือ รายได้ของสถาบันการเงินที่ต้องเลี้ยงดูพนักงานหลายแสนคน)

    ยกตัวอย่าง เรื่องที่พึงเรียนรู้ทำความเข้าใจ

    1. การคิดดอกเบี้ยผิดชำระใหม่ เป็นธรรมกับประชาชน

    ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ปรับเกณฑ์การคิดดอกเบี้ยผิดชำระใหม่ นับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2563 ที่ผ่านมา

    การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้แบบใหม่ ใช้วิธีคิดบนฐานของเงินต้นของค่างวดที่ผิดนัดชำระจริง

    จากเดิมคิดจากเงินต้นคงค้างทั้งหมด

    การปรับปรุงในครั้งนี้ เป็นธรรมมากขึ้น และช่วยลดภาระของประชาชน

    สถาบันการเงินได้เริ่มใช้แบบใหม่นี้แล้ว ประชาชนจะได้รับสิทธิจากการปรับปรุงในครั้งนี้โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องไปขอแก้ไขสัญญา

    เว็บไซต์แบงก์ชาติ อธิบายว่า

    “เดิมนั้น การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้จะคิดบนฐานของ “เงินต้นคงค้างทั้งหมด”

    สมมุติว่า เรากู้ซื้อบ้าน 20 ปี 240 งวด ช่วง 2 ปีแรก ผ่อนชำระดีมาโดยตลอด งวดที่ 25 มีปัญหาผ่อนชำระไม่ได้ สถาบันการเงินจะคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้บนฐานของเงินต้นคงค้างทั้งหมด หรือเงินต้นในค่างวดที่ 25 ถึงงวดที่ 240

    ในขณะที่การคำนวณที่ปรับปรุงใหม่ จะให้คิดบนฐานของ “เงินต้นในค่างวดที่มีการผิดนัดชำระจริง” เท่านั้น โดยจะไม่รวมเงินต้นในค่างวดตามสัญญาในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

    พูดง่ายๆ คือ การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้แบบใหม่จะคิดบนฐานของเงินต้นในงวดที่ 25 เท่านั้น โดยจะไม่รวมเงินต้นในงวดที่ 26-งวดที่ 240

    หลักคิดสำคัญในเรื่องนี้ คือ การกำหนดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ต้องคำนึงถึงความเสียหายจริงที่เกิดขึ้นกับเจ้าหนี้ (credit risk) และความสามารถในการจ่ายของลูกหนี้ไปด้วยกัน ถ้าสูงเกินไปอาจเป็นต้นตอที่ทำให้ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ได้
    (affordability risk)”

    ในการนี้ ลูกหนี้ที่ผิดนัดก่อน 1 พ.ค. 2563 สถาบันการเงินสามารถนำหลักการคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดแบบใหม่มาใช้ประกอบการพิจารณายกเว้น หรือผ่อนปรนดอกเบี้ยปรับผิดนัดชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ได้ตามสมควร

    2. ทางเลือกสำหรับลูกหนี้ พักหนี้ดีมั้ย ดีแค่ไหน เลือกอย่างไร?

    สถาบันการเงินทุกแห่ง ออกมาตรการผ่อนปรนการชำระหนี้ เพื่อช่วยเหลือและลดภาระให้ประชาชนและธุรกิจในหลายรูปแบบ เช่น พักชำระเงินต้น หรือเลื่อนกำหนดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย

    แบงก์ชาติ ได้เข้าใจถึงผลลัพธ์ของแต่ละทางเลือก ดังนี้

    “กรณีแรก ผ่อนชำระตามปกติ

    สมมุติว่า หากคุณเป็นหนี้บ้าน 1,000,000 บาท และมีงวดชำระหนี้จากการกู้ซื้อบ้านเดือนละ 10,000 บาท ซึ่งประกอบด้วย เงินต้น 4,000 บาท และดอกเบี้ย 6,000 บาท เรายังจ่ายชำระหนี้ตามปกติ เดือนละ 10,000 บาท เหมือนเดิม ก็จะช่วยลดเงินต้น ผ่านไป 6 เดือน ยอดหนี้ก็จะเหลือเพียง 976,000 บาท

    กรณีที่สอง พักชำระเงินต้น คือ สถาบันการเงินผ่อนปรนให้เรายังไม่ต้องชำระคืนเงินต้นตามเวลาที่กำหนดไว้

    จากตัวอย่างเดิม สมมุติเราเลือกพักชำระเงินต้น 6 เดือน จากปกติจ่ายเดือนละ 10,000 บาท จะเหลือจ่ายแค่ดอกเบี้ยเดือนละ 6,000 บาท และเนื่องจากเราจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน ทำให้ยอดหนี้ไม่เพิ่มขึ้น ยังมีหนี้เหลือ 1,000,000 บาทเท่าเดิม

    ข้อดีของวิธีนี้ คือ แม้ว่าคุณไม่สามารถจ่ายค่างวดได้ครบในช่วง 6 เดือนนี้ ธนาคารจะไม่ถือว่าผิดนัดชำระหนี้ ประวัติการผ่อนจ่ายชำระหนี้จะไม่เสีย และในช่วง 6 เดือน ที่อาจจะยังมีความไม่แน่นอนว่าปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะจบลงเมื่อใด คุณจะมีเงินเหลือ 4,000 บาท เพิ่มเติมในแต่ละเดือน จากที่ยังไม่ต้องชำระคืนธนาคาร ไว้ใช้สำหรับดำรงชีพเพิ่มเติม

    กรณีที่สาม เลื่อนกำหนดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย คือ ไม่ต้องจ่ายทั้งส่วนเงินต้นและดอกเบี้ยให้ธนาคารในช่วงที่ผ่อนปรน

    จากตัวอย่างเดิม จากที่คุณต้องจ่าย 10,000 บาท ก็ไม่ต้องจ่ายธนาคารเลย เพราะธนาคารผ่อนปรนให้คุณ “ยังไม่ต้องชำระคืนค่างวด” ทั้งส่วนที่ชำระคืนเงินต้นและส่วนของดอกเบี้ย แต่ดอกเบี้ยเดือนละ 6,000 บาท ที่ไม่ได้จ่าย
    ตลอด 6 เดือน ยังคงเดินอยู่ เป็นดอกเบี้ยที่เดินอยู่ระหว่างการชะลอการชำระหนี้ ซึ่งธนาคารจะคิดดอกเบี้ยได้เฉพาะจากเงินต้นที่เหลืออยู่ ไม่สามารถคิดดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยได้

    ผู้กู้สามารถตกลงกับธนาคารว่าจะเลือก (1) จ่ายในงวดสุดท้ายคราวเดียวได้หรือ (2) กระจายจ่ายในแต่ละงวดเท่าๆ กัน หรือ (3) ยืดจำนวนงวดชำระหนี้ออกไปเท่ากับช่วงของการชะลอการชำระหนี้ ก็ได้

    ข้อดีของวิธีนี้ คือ แม้คุณจะไม่สามารถจ่ายค่างวดได้เลย ธนาคารก็จะไม่ถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ และประวัติการผ่อนชำระของคุณในฐานข้อมูลเครดิตบูโรจะไม่เสีย นอกจากนี้ ข้อดีอีกประการ คือ ในช่วง 6 เดือนนี้ ที่สถานการณ์ยังไม่แน่นอน ไม่รู้ว่ารายได้จะดีเหมือนเดิมหรือไม่ ทุกเดือนคุณจะมีเงินสดที่เหลือจากการไม่ต้องชำระค่างวด 10,000 บาท ไว้เป็นสภาพคล่องใช้สำหรับดำรงชีพ

    อย่างไรก็ดี การที่ธนาคารผ่อนปรนให้ยังไม่ต้องชำระคืนค่างวด เป็นเพียงการเลื่อนกำหนดชำระหนี้ออกไป ดังนั้น ภาระหนี้ท่านยังเหลืออยู่และในช่วงผ่อนปรนนี้ ดอกเบี้ยก็ยังคงเดินอยู่

    โดยสรุปแล้ว มาตรการผ่อนปรนให้สามารถเลื่อนหรือพักชำระหนี้เพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด19 ธนาคารผ่อนปรนให้ประชาชนที่ไม่สามารถชำระงวดได้เต็มตามสัญญา ยังไม่ถือว่าผิดนัดชำระหนี้รวมทั้ง จะช่วยให้ประวัติการผ่อนชำระของท่านในฐานข้อมูลเครดิตไม่เสีย นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่อนปรนประชาชนจะมีสภาพคล่องไว้สำหรับใช้จ่ายเพิ่มเติม

    อย่างไรก็ดี การผ่อนปรน คือ การเลื่อนกำหนดชำระหนี้ออกไป ภาระหนี้ยังอยู่และในช่วงที่ผ่อนปรนดอกเบี้ยยังเดินอยู่

    ทั้งนี้ แต่ละท่านอาจได้รับผลกระทบแตกต่างกัน ท่านสามารถเลือกวิธีผ่อนชำระที่เหมาะสมกับรายได้และกระเป๋าสตางค์ของท่าน...”

    3. การคิดดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยทำไม่ได้ ผิดกฎหมาย

    แบงก์ชาติยืนยันว่า การคิดดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยทำไม่ได้ ผิดกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

    การคิดดอกเบี้ยต้องเป็นการคิดอ้างอิงจากเงินต้นคงเหลือ ไม่สามารถนำดอกเบี้ยเงินกู้ที่ค้างจ่ายระหว่างการพักหนี้มารวมกับเงินต้นคงเหลือแล้วนำยอดนี้ไปคิดดอกเบี้ยใหม่ได้

    “เลื่อนการชำระหนี้ คือการชะลอการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยออกไปก่อน

    แต่ระหว่างนี้ดอกเบี้ยยังคงเดินอยู่ และเมื่อครบกำหนดแล้ว เงินต้นยังเท่าเดิมแต่ดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ผู้กู้สามารถทยอยจ่ายทีหลังได้ตามแต่จะตกลงกับแบงก์

    ทั้งนี้ แบงก์ไม่สามารถคิดดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยได้ แบงก์ชาติห้ามทำ และผิดกฎหมายด้วย”

    4. วิกฤติโควิด-19 ทำให้เราต้องทำความเข้าใจกับเรื่องรายละเอียดเรื่องเงินๆ ทองๆ และ “ดอกเบี้ย” ที่เราหลายคนอาจไม่ทันได้คิดใส่ใจมาก่อน

    ถือเป็น New Normal วิถีชีวิตยุคใหม่ ที่เราควรทำต่อไป แม้หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม

    สารส้ม

    Source: แนวหน้าออนไลน์
    https://www.naewna.com/politic/columnist/43950

    เพิ่มเติม
    - ธปท.ชี้แจงการคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้แบบใหม่ที่เป็นธรรมมากขึ้นและช่วยลดภาระของประชาชน
    https://www.bot.or.th/Thai/FinancialInstitutions/COVID19/Pages/Statement_DI.aspx
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200511_222801.jpg

    (May 11) คอลัมน์ บางขุนพรหมชวนคิด: โลกการเงินภายหลังไวรัสโควิด-19 : สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในไทยที่เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นจากจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศที่เพิ่มขึ้นช้าลงและเริ่มมีการคลาย lock down เพื่อให้คนสามารถกลับไปดำเนินชีวิตเฉกเช่นที่ผ่านมาอย่างไรก็ดีวิถีชีวิตของเราคงไม่เหมือนเดิม และจะต้องก้าวเข้าสู่ new normal จากการเว้นระยะห่างทางสังคม(social distancing)เพื่อลดการสัมผัส (contactless) มากขึ้น หนึ่งใน new normal ที่หลายๆคนพูดถึงคือ สังคมไร้เงินสด รวมถึงการเข้ามาของ สินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีโอกาสเกิดได้เร็วขึ้น บางขุนพรหมชวนคิดในวันนี้จึงอยากชวนท่านผู้อ่านมองไปข้างหน้าและคิดถึงความเป็นไปได้ของโลกการเงินในระยะข้างหน้าค่ะ


    ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 องค์การอนามัยโลก (WHO)ได้ประกาศเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการหยิบจับและสัมผัสธนบัตรและเหรียญ เนื่องจากธนบัตรและเหรียญสามารถเป็นแหล่งแพร่เชื้อได้โดยงานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่าไวรัสโควิด-19 จะอยู่บนผิวกระดาษได้นานถึง 5-9 วัน ส่งผลให้การใช้เงินสดลดลง นอกจากนี้การเปลี่ยนพฤติกรรมของคนที่หันมาใช้จ่ายซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นจากกระแสการทำงานที่บ้านและการเว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงการขอรับความช่วยเหลือต่างๆของภาครัฐที่ต้องทำผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหมด ปัจจัยเหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลเร่งให้การเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอาจเกิดได้เร็วขึ้น


    รายงานของธนาคารเพื่อการชำระเงินระหว่างประเทศ (Bank of International Settlement;BIS) ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะนำไปสู่การเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในสังคม โดยคนจะหันมาใช้จ่ายด้วยเงินสดลดลงและเปลี่ยนมาใช้วิธีการชำระเงินผ่านช่องทางอื่นๆมากขึ้น ทั้งผ่านทางโทรศัพท์มือถือบัตรเดบิตบัตรเครดิต รวมถึงช่องทางชำระเงินทางออนไลน์ ในรายงานยังประเมินว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ชี้ให้เห็นความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่ดำเนินการได้อย่างยืดหยุ่น สามารถเข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็วของธนาคารกลางมีความจำเป็นมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม โครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวจะต้องได้รับการออกแบบให้พร้อมรับมือกับความเสี่ยงหลากหลายรูปแบบ อาทิ การแพร่กระจายของโรคระบาดต่างๆและการโจมตีทางไซเบอร์นอกจากนี้ BIS มองว่า ธนาคารกลางบางส่วนจะหันมาออกสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองเพื่อให้ประชาชนทั่วไปใช้งาน (Retail Central Bank Digital Currency;Retail CBDCs) มากขึ้น สอดคล้องกับความเห็นจากธนาคารดอยซ์แบงก์ที่มองว่าการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ช่วยเร่งการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDCs) เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน เช่น สกุลเงินดิจิทัลหยวนของธนาคารกลางจีนที่เร็วๆนี้จะเริ่มทดลองใช้ใน 4 เมืองหลักของจีน


    นอกจากสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางแล้ว สกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ที่มีการคิดค้นก่อนหน้าและดำเนินการผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน (blockchain) อาจจะเป็นที่นิยมมากขึ้น ส่วนหนึ่งจากกระแสของการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงข้อดีของคริปโตเคอร์เรนซีที่ใช้งานได้ง่าย รวดเร็ว โดยไม่ต้องดำเนินการผ่านตัวกลาง และคุณสมบัติสำคัญเรื่องความโปร่งใสของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ข้อมูลธุรกรรมจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ทำให้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

    ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ สภากาชาดของเนเธอร์แลนด์และอิตาลีได้ยอมรับคริปโตเคอร์เรนซีเป็นหนึ่งในช่องทางการบริจาคผ่านทางเว็บไซต์ เพื่อนำไปจัดซื้อเวชภัณฑ์ รวมถึงรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมองว่า สินทรัพย์ดิจิทัลอื่นอย่างดิจิทัลโทเคน (Digital token)ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อใช้กำหนดสิทธิของบุคคลที่มีต่อสินทรัพย์ อาทิ อสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน หรือสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ เช่น หุ้น สิทธิบัตรอาจเป็นช่องทางในการระดมทุนแบบใหม่ในระบบเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น


    ทั้งหมดนี้ อาจจะเป็น new normal ของโลกการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่ทุกคนคาดคิด ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราจึงต้องเตรียมพร้อมปรับตัวให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ค่ะ

    โดย ธนันธร มหาพรประจักษ์

    ฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย


    **บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด**

    Source: ไทยรัฐออนไลน์

    https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/1840566
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    FB_IMG_1589210981957.jpg

    (May 11) คลังจัดซอฟต์โลนอุ้มแอร์ไลน์ ดึง “เอ็กซิมแบงก์” ปล่อยกู้ 2 หมื่นล้าน: คลังเล็งกันซอฟต์โลนออมสิน 2 หมื่นล้านบาทอุ้ม 8 สายการบิน ดึง “เอ็กซิมแบงก์” เป็นตัวกลางปล่อยกู้ ระบุน็อนแบงก์มีความต้องการใช้เงินดอกเบี้ยต่ำไม่ถึง 8 หมื่นล้านบาท เหตุ “ลีสซิ่ง” บริษัทลูกต่างชาติไม่ใช้ซอฟต์โลน ส่วนซอฟต์โลนแบงก์ชาติ 5 แสนล้าน ล่าสุด เพิ่งใช้วงเงินแค่ 3.6 หมื่นล้านบาท จี้ทุกสถาบันการเงินเร่งช่วยเอสเอ็มอี

    แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ได้มีการพิจารณากันว่า อาจจะใช้วงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ที่มีเหลือราว 2 หมื่นล้านบาท จากซอฟต์โลนก้อนที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ช่วยเหลือกลุ่มน็อนแบงก์ 8 หมื่นล้านบาท มาช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจสายการบินทั้ง 8 บริษัท เนื่องจากล่าสุด พบว่าน็อนแบงก์มีความต้องการใช้ซอฟต์โลนไม่ถึง 8 หมื่นล้านบาท เพราะบางส่วนมีบริษัทแม่เป็นบริษัทต่างชาติ เช่น ลีสซิ่งของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งน็อนแบงก์กลุ่มดังกล่าวจะไม่มาใช้วงเงินซอฟต์โลนของออมสิน

    “ตอนนี้ซอฟต์โลนที่ปล่อยให้น็อนแบงก์ จะมีวงเงินเหลือราว 2 หมื่นล้านบาท ดังนั้นจึงพิจารณากันอยู่ว่า จะนำวงเงินดังกล่าวไปช่วยกลุ่มสายการบิน โดยปล่อยผ่านธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) อย่างไรก็ดี ยังติดปัญหาที่ว่า ในจำนวน 8 สายการบินที่ขอใช้ซอฟต์โลน กว่าครึ่งมีผลประกอบการขาดทุนมาก่อน ทำให้พิจารณาปล่อยกู้ได้ลำบาก ซึ่งอาจจะต้องดูแผนฟื้นธุรกิจระยะยาวประกอบ” แหล่งข่าวกล่าว

    นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ที่ ครม.มีมติให้ธนาคารออมสินดำเนินการปล่อยกู้ วงเงิน 1.5 แสนล้านบาทนั้น ขณะนี้ได้จัดสรรใกล้เต็มวงเงินแล้ว โดยนอกเหนือจากวงเงินที่ออมสินปล่อยกู้ช่วยลูกค้าเอง 1.5 หมื่นล้านบาทแล้ว ในส่วนของวงเงิน 5.5 หมื่นล้านบาท ก็ได้จัดสรรให้แก่ธนาคารพาณิชย์ไปแล้ว ขณะที่วงเงินอีก 8 หมื่นล้านบาทที่ ครม.มีมติให้จัดสรรแก่สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (น็อนแบงก์) นั้น คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้ จะมีการอนุมัติราว 2 หมื่นล้านบาทให้แก่น็อนแบงก์เป็นก้อนแรก

    อย่างไรก็ดี ธนาคารออมสินอยู่ระหว่างพิจารณาว่า ภายใต้วงเงิน 8 หมื่นล้านบาทดังกล่าว หากความจำเป็นต้องใช้เงินของน็อนแบงก์ต่ำกว่านี้ ก็จะกันวงเงินไปให้กับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ต้องการซอฟต์โลนเพิ่มเติม ส่วนการดูแลผู้ประกอบการสายการบินนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการเข้าไปดูแล เนื่องจากกระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างพิจารณา ว่าจะใช้วิธีการช่วยเหลือแบบใด ซึ่งอาจจะเป็นการออกวงเงินสินเชื่อใหม่ หรืออาจจะขอใช้วงเงินเดิมที่มีอยู่ ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวต้องรอข้อสรุปจากทางกระทรวงการคลังก่อน

    “ตอนนี้ก็มีน็อนแบงก์บางแห่งแจ้งมาว่า ไม่มีความประสงค์จะขอใช้วงเงิน อย่างไรก็ดี ก็ต้องพิจารณาว่า น็อนแบงก์จะทยอยมาขอใช้ซอฟต์โลนก้อนดังกล่าวจำนวนเท่าไหร่ ส่วนการช่วยเหลือสายการบิน ต้องรอข้อสรุปจากกระทรวงการคลัง ตอนนี้ยังไม่ได้มีการใช้วงเงินตรงนี้” นายชาติชายกล่าว

    นายชาติชายกล่าวด้วยว่า สำหรับเงื่อนไขการขอใช้ซอฟต์โลนของน็อนแบงก์นั้น ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น็อนแบงก์จะต้องมีมาตรการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับลูกค้าไม่ต่ำกว่า 3 เดือน และต้องมีลูกค้าเข้าโครงการไม่น้อยกว่าที่จะมาขอเบิกซอฟต์โลน จึงจะสามารถทยอยขอเบิกเงินใช้ได้ เช่น หากน็อนแบงก์ช่วยลูกค้าในวงเงินสินเชื่อ 1 หมื่นล้านบาท ก็จะได้รับการจัดสรรซอฟต์โลน 10% หรือ 1,000 ล้านบาท

    “น็อนแบงก์จะต้องมีการพักดอกเบี้ยและเงินต้นให้กับลูกค้า โดยที่ลูกค้าต้องทยอยเข้าโครงการก่อน จึงจะมาเบิกเงินซอฟต์โลนตามวงเงินของลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ สูงสุดไม่เกิน 10%” นายชาติชายกล่าว

    ขณะที่ในส่วนซอฟต์โลนของ ธปท. 5 แสนล้านบาท ล่าสุด นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. ระบุว่า หลัง ธปท.เปิดรับคำขอซอฟต์โลนมา 2 สัปดาห์ มีการใช้วงเงินแล้ว 3.6 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมลูกหนี้ 2.2 หมื่นราย มูลค่าสินเชื่อเฉลี่ยต่อรายอยู่ที่ 1.6 ล้านบาท กระจายครอบคลุมทั่วประเทศ โดย 74% เป็น SMEs ขนาดเล็กในต่างจังหวัด โดยสถาบันการเงินที่ยื่นคำขอเข้ามามากที่สุด คือ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์

    Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
    https://www.prachachat.net/finance/news-462548
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    FB_IMG_1589211118254.jpg FB_IMG_1589211121371.jpg

    (May 11) ธปท. ปรับแผนออกบอนด์ รับภาวะตลาดผันผวนช่วงโควิด : ธปท. ปรับแผนออกพันธบัตร ประเภทจำหน่ายเป็นส่วนลดวงเงิน 10,000-60,000 ลบ. ทุกรุ่น เริ่มใช้ พ.ค. นี้เป็นต้นไป พร้อมหารือ สบน.ใกล้ชิด กำหนดวงเงินและประเภทอายุพันธบัตรธปท.ให้เหมาะสมตามสถานการณ์

    รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้หารือร่วมกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ในการกำหนดวงเงินพันธบัตรภาครัฐให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงแผนการระดมทุนของภาครัฐและความต้องการลงทุนที่อาจปรับเปลี่ยนรวดเร็วในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจรวมถึงตลาดการเงินทั้งในและต่างประเทศเป็นวงกว้าง

    รวมถึงตลาดพันธบัตรมีความผันผวนเพิ่มขึ้นและคาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูงในระยะต่อไป นอกจากนี้การระดมทุนของภาครัฐเพื่อรองรับมาตรการเยียวยาและลดผลกระทบจากไวรัสดังกล่าว อาจส่งผลต่ออุปทานพันธบัตรภาครัฐโดยรวม

    ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ธปท.จึงได้รับแผนการออกพันธบัตรธปท. ปี 63 โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้สำหรับแผนการออกพันธบัตรธปท. ตั้งแต่เดือนพ.ค. 63 เป็นต้นไป ดังนี้

    1.กำหนดการประมูลพันธบัตร ธปท. โดยยังกำหนดวันและความถี่ในการประมูลพันธบัตรประเภทอายุต่างๆไว้ตามแนวปฏิบัติเดิม โดยธปท. จะพิจารณาความถี่การประมูลและวงเงินพันธบัตรธปท. ระยะ 3 เดือน 6 เดือน และพันธบัตรประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่บางรุ่น เพื่อให้สอดคล้องกับการประมูลตั๋วเงินคลัง และพันธบัตรรัฐบาลที่ระยะเดียวกันในแต่ละสัปดาห์

    สำหรับพันธบัตรประเภทที่จำหน่ายเป็นส่วนลดนั้น แบ่งเป็น ประเภทพันธบัตร 2 สัปดาห์ ประมูลวันศุกร์ ความถี่ในการประมูลจะเป็นตามความเหมาะสม ประเภท 1 เดือน จะประมูลวันอังคาร ความถี่ตามความเหมาะสม ด้านประเภทพันธบัตร 3และ 6 เดือน ประมูลวันอังคาร ทุกสัปดาห์ และพันธบัตร 1 ปี จะประมูลทุกวันอังคาร ทุกเดือน

    ด้านพันธบัตรประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ แบบ 2 ปี ประมูลวันพฤหัสบดี ของทุกเดือน และ3 ปี ประมูลวันพฤหัสบดี ทุกเดือนคี่

    ส่วนพันธบัตรประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัวประเภท 3 ปี ประมูลวันศุกร์ ทุกเดือนคู่

    ทั้งนี้ พันธบัตรบางประเภทความถี่ในการประมูลและวงเงินพันธบัตรอาจเปลี่ยนแปลงขึ้นกับการประมูลตั๋วเงินคลังและพันธบัตรรัฐบาล

    2.วงเงินการออกพันธบัตร โดยธปท.ได้ขยายกรอบวงเงินพันธบัตรประเภทที่จำหน่ายเป็นส่วนลดทุกรุ่นอายุเป็น 10,000-60,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการกำหนดปริมาณพันธบัตรธปท.ให้สอดคล้องกับแผนการระดมทุนภาครัฐและความต้องการลงทุนพันธบัตรในแต่ละช่วงเวลา

    สำหรับแผนการออกพันธบัตรเดิมประเภทที่จำหน่ายเป็นส่วนลดนั้น จะแบ่งเป็น ประเภท 2 สัปดาห์ วงเงินประมูลต่อครั้ง 10,000-50,000 ล้านบาท วงเงินรวมต่อรุ่น 10,000-50,000 ล้านบาท โดยจำนวนรุ่นตามความเหมาะสม

    ส่วนประเภท 1 เดือน วงเงินประมูลต่อครั้ง 10,000-30,000 ล้านบาท วงเงินรวมต่อรุ่น 10,000-30,000 ล้านบาท จำนวนรุ่นในปีตามความเหมาะสม ประเภท 3 และ 6 เดือน วงเงินประมูล 20,000-50,000 ล้านบาท วงเงินรวมต่อรุ่น 20,000-50,000 ล้านบาท และจำนวนรุ่นในปี 63 รวม 50-52 รุ่น และประเภท 1 ปี วงเงินประมูล 20,000-60,000 ล้านบาท วงเงินรวมต่อรุ่น 20,000-72,000 ล้านบาท จำนวนรุ่น 12 รุ่น

    3.การประกาศกำหนดการออกพันธบัตรธปท.รายเดือน โดยธปท.จะประกาศตารางประมูลพันธบัตรธปท.ให้ตลาดทราบล่วงหน้าทุกเดือนผ่าน website ของธปท. อย่างไรก็ตาม ธปท.ขอสงวนสิทธิการประบวงเงินประมูลพันธบัตรธปท.ระหว่างเดือน กรณีตลาดการเงินมีความผันผวนเพิ่มขึ้น จนส่งผลให้ความต้องการพันธบัตรในระหว่างเดือนเปลี่ยนแปลงไปจากที่คาดการณืไว้ โดยธปท.จะแจ้งให้ตลาดทราบอย่างน้อย 2 วันทำการก่อนวันประมูลพันธบัตร

    ทั้งนี้ ในระยะต่อไป ธปท. จะประสานงานกับ สบน. อย่างใกล้ชิดในการกำหนดวงเงินและประเภทอายุพันธบัตรธปท.ให้เหมาะสมกับภาวะตลาดเงินและตลาดพันธบัตร รวมทั้งคำนึงถึงการออกตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้ปริมาณพันธบัตรภาครัฐโดยรวมอยู่ในระดับที่เหมาะสม สอดคล้องกับภาวะตลาดในแต่ช่วงเวลา

    Source: สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

    https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?release=y&ref=M&id=VUJ1V1lndWVjdnc9

    เพิ่มเติม

    - ข่าว ธปท. ฉบับที่ 24/2563 เรื่อง แผนการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยปี 2563 แก้ไขครั้งที่ 1

    https://www.bot.or.th/Thai/PressandSpeeches/Press/News2563/n2463t.pdf
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าอาจยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศสำหรับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งอาจรวมถึงบางจังหวัดใน 13 จังหวัดที่อยู่ภายใต้ภาวะเฝ้าระวังพิเศษและจังหวัดอื่น ๆ อีกหลายจังหวัด

    รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนหารือประเด็นนี้ในการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญในวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 นายนิชิมูระ ยาซูโตชิ รัฐมนตรีที่ดูแลด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจกล่าวว่า รัฐบาลจะพิจารณายกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายจังหวัดสำหรับ 34 จังหวัดที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ภาวะเฝ้าระวังพิเศษ

    เขากล่าวว่าภาวะฉุกเฉินอาจยกเลิกในจังหวัดกิฟุ จังหวัดอิบารากิ และจังหวัดอื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้ภาวะเฝ้าระวังพิเศษที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่อเนื่อง

    คาดว่ากรุงโตเกียวจะไม่รวมอยู่ในแผนผ่อนปรนมาตรการเข้มงวด โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้รับการยืนยันในกรุงโตเกียว 22 คน

    ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สื่อจีนรายงานว่ามีเด็กนักเรียน 3 คนเสียชีวิตในประเทศจีนขณะที่สวมหน้ากากป้องกันระหว่างเรียนวิชาพละศึกษา

    สื่อรายงานว่าเหตุเสียชีวิตเหล่านี้เกิดขึ้นที่มณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของประเทศ และที่มณฑลเหอหนานและมณฑลหูหนานซึ่งอยู่ทางตอนใน ระหว่างช่วงกลางเดือนเมษายนถึงปลายเดือนเมษายน

    รายงานกล่าวว่าเด็กนักเรียนล้มลงและเสียชีวิตอย่างกะทันหันระหว่างที่ร่วมกิจกรรมวิ่งแข่งระยะไกลและกิจกรรมพละศึกษาอื่น ๆ โดยสวมหน้ากากป้องกัน โดยอย่างน้อย 1 คนในจำนวนนี้มีรายงานว่าได้สวมหน้ากากอนามัย N95 ที่ใช้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์

    โรงเรียนมัธยมต้นและโรงเรียนมัธยมปลายในจีนได้กลับมาทำการเรียนการสอนอีกครั้งในบางพื้นที่ที่เชื่อกันว่าความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีน้อยเพียงพอ

    หนังสือพิมพ์เยาวชนปักกิ่งรายวันของจีนอ้างคำกล่าวของผู้เชี่ยวชาญที่แนะนำไม่ให้สวมหน้ากากอนามัย N95 ระหว่างออกกำลังกายอย่างหนัก และว่านักเรียนสามารถออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากาก หากเว้นระยะห่างจากกันอย่างปลอดภัย

    ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผลการสำรวจความคิดเห็นของสาธารณชนทั่วโลกชี้ว่า ผู้คนใน 23 ประเทศและดินแดนส่วนใหญ่ไม่พอใจการรับมือของผู้นำของตนต่อการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

    แบล็กบ็อกซ์ รีเสิร์ชของสิงคโปร์และอีกหนึ่งบริษัทได้จัดทำสำรวจทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 3 ถึง 19 เมษายน โดยได้สอบถามผู้คนกว่า 12,000 คน อายุตั้งแต่ 18 ถึง 80 ปี โดยขอให้ผู้ตอบการสอบถามประเมินความพยายามจัดการวิกฤตไวรัสโคโรนาในประเทศของตน ผลการประเมินคิดจากข้อบ่งชี้ขีดความสามารถด้านการดำเนินการหลัก 4 ข้อ ได้แก่ ด้านการเมือง, ธุรกิจ, ชุมชน และสื่อ

    คะแนนเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 45 จาก 100 คะแนน มีเพียง 7 จาก 23 ประเทศและดินแดนที่ได้ 50 คะแนนขึ้นไป

    จีนได้ 85 คะแนน ตามด้วยเวียดนาม 77 คะแนน และอินเดีย 59 คะแนน

    ผลประเมินโดยรวมของญี่ปุ่นต่ำที่สุด โดยได้ 16 คะแนน แบล็กบ็อกซ์ รีเสิร์ชระบุว่าผลประเมินที่ต่ำของญี่ปุ่นสอดรับกับ “เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง” ต่อการรับมือการระบาดใหญ่ของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีอาเบะ ชินโซ เช่น “ความล่าช้าอย่างเห็นได้ชัดในการประกาศภาวะฉุกเฉิน”

    ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'โหรฟองสนาน' เผยลัคนาราศีมิถุน ระวังเสียงาน-เงิน
    750x422_879867_1589124037.jpg
    11 พฤษภาคม 2563

    "โหรฟองสนาน" เผยลัคนาราศีมิถุน ระวังเสียงาน-เงิน

    โหรฟองสนาน จามรจันทร์ โพสต์ข้อความโดยระบุว่า แม่หมอสมัครเล่นตอนที่ 323 โดยฟองสนาน จามรจันทร์ ผลจากพระเสาร์จรเข้ามังกร-ลัคนามิถุน-ระวังเสียงาน-เงิน

    รูปลัคนาสถิตราศีมิถุนและเรื่องราวต่างๆของชีวิต

    พระเสาร์จรที่ราศีมังกรระหว่าง 2 มีนาคม 2563-1 มีนาคม 2566 (มีเดินผิดปกติ)

    และรูปราศีต่างๆที่ได้รับผลเต็มที่จากพระเสาร์จรที่ราศีมังกร

    และกลุ่มดาวในดวงเดิมที่รองรับพระเสาร์จรในราศีมังกรแล้วจะเพิ่มอาการด้านร้าย-ดีออกมา

    แม่หมอสมัครเล่นตอนนี้มาว่ากันต่อถึงผลของพระเสาร์จร(7) ที่ย้ายเข้าไปเดินในราศีมังกรตั้งแต่ต้นมีนาคม 2563 ที่จะส่งผลต่อท่านที่ลัคนาสถิตราศีมิถุน(ลัคนา-หาจากเวลาเกิดที่แน่นอน-ผ่านการผูกดวงชะตา) ไปจนถึง 1 มีนาคม 2566

    ย้อนกลับไปตั้งแต่ประมาณธันวาคม 2560 มาแล้วท่านที่ลัคนาสถิตราศีมิถุนส่วนใหญ่ต้องเจอผลด้านร้ายจากพระเสาร์จรที่เดินอยู่ในราศีธนู-ภพที่เจ็ด-ปัตนิของดวงชะตาทำให้ชะตาแตกเกิดปัญหาเช่นสุขภาพกับคู่ครอง หรือหุ้นส่วนชีวิตทั้งหลาย หรือ ขัดแย้งในหมู่สมาชิกกงสี หรือเกิดปัญหากับคนเคยอุปภัมภ์ค้ำชูฯลฯ

    ข่าวดีคือตั้งแต่มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ชะตาพวกท่านหยุดแตกแล้ว แต่ก็อีกนั่นแหละทุกข์จากพระเสาร์เทพเจ้าแห่งความระทมจะย้ายเรื่องไปสู่เรื่องกับการเจ็บไข้ได้ป่วย-เงิน-และงานแทน(พระเสาร์จร7 เดินในราศีมังกร-ภพแปด-มรณะ) โดยจะเป็นไปจนถึง 1 มีนาคม 2566 ตามลีลาทั้งร้ายและมีดีแซมที่คาดว่าจะเกิดกับพวกท่านดังนี้

    1.เป็นพวกท่านส่วนใหญ่ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยของคนใดคนหนึ่งในกลุ่มนี้คือตัวท่านเอง-พ่อหรือแม่-หรือลูกหรือเด็กๆในดูแล หรือคนรัก หรือบางท่านมีจังหวะที่นายหรือผู้บังคับบัญชาป่วยหรือจากไปก็มี (พระเสาร์จรที่มังกรทำมุมพิเศษถึงราศีมีน-ภพที่สิบ-กัมมะและทำมุมพิเศษถึงราศีตุลย์ภพที่ห้า-ปุตตะ)

    ในทางตรงข้ามหากท่านใดพื้นชะตาเดิมมีดาวรองรับพระเสาร์ในด้านดีหรือในระหว่างนี้มีบางระยะที่พระเสาร์เป็นศรีจรตามหลักทักษาพวกท่านอาจจะได้อะไรดีๆจากการเจ็บไข้ได้ป่วยเช่นได้ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต หรือป่วยก็หายฯลฯ

    2.ผลจากข้อ 1 คือเมื่อเจอกับเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วคงต้องเสียเงิน(พระเสาร์จรที่ราศีมังกร-เล็งใส่ราศีกรกฎ-ภพที่สอง-กฎุมภะ) ชนิดปวดหัวแน่นอนถ้าพื้นฐานการเงินไม่ดีก็อาจเป็นหนี้สิน

    แต่ตรงข้ามหากท่านใดในพื้นชะตาเดิมมีดาวรองรับพระเสาร์ในด้านดีหรือในระหว่างนี้มีระยะที่พระเสาร์เป็นศรีจรตามหลักทักษาพวกท่านอาจจะได้อะไรดีๆจากการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือสิ่งเก่าๆสิ่งที่เสียหายแล้ว

    3.เป็นระยะที่พวกท่านคงจะมุมานะ-พยายามทำงานแต่มักจะมีเรื่องเดือดร้อนเกิดขึ้นไม่รู้ตัวแม้จะทำดีที่สุดแล้ว หรือไม่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอาชีพการงาน เคล็ดในการรับมือคือหากจะมีการโยกย้ายควรจะยอมรับ หรือทำงานกับต่างชาติ หรือทำงานเก่าๆที่เคยทำมาก่อน หรืองานที่คนอื่นไม่ต้องการเป็นต้น

    4.ระวังประมาททั้งเรื่องงานและเงินจนเสียหาย

    5.มีกิจกรรมเรื่องภาษีโผล่เป็นปัญหา

    6.เป็นระยะที่ต้องระวังการร่วมทุนหรือเป็นหุ้นส่วนอาจทำให้เสียเงินหรือผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่หวัง

    7.ต่อไปนี้คือตัวอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นกับพวกท่านที่เก็บตกมาจากปูมโหรของคนที่เคยเจอกับตัวเองอันเนื่องจากพระเสาร์จรเดินอยู่ในภพมรณะ-มาตรฐานสูง(เกษตราธิบดี)

    • เช่นเจอปัญหาเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยจนเสียเงินแต่ด้านดีได้ประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ
    • เปลี่ยนงานหรือนายหรือมีการโยกย้ายไปไกลคนที่โชคดีอาจได้เงินชดเชยหรือบางคนอยู่ในข่ายรับบำเหน็จบำนาญเคล็ดในการรับมือระยะนี้คือหากจะมีการโยกย้ายงานควรจะยอมรับ หรือทำงานกับต่างชาติ หรือทำงานเก่าๆที่เคยทำมาก่อน หรืองานที่คนอื่นไม่ต้องการเป็นต้น
    • ถูกเรียกภาษีเพิ่มส่วนคนที่โชคดีได้คืนภาษี
    • ทำผิดพลาดเพราะแบกงานหนักจนโอนเงินจ่ายค่าซื้อสินค้าผิดบัญชี
    • บางคนคู่ครองทิ้งภาระการเงินไว้ให้แก้ไข-บางคนได้มรดกเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า
    • หุ้นส่วนกิจการให้ผลตอบแทนช้า หรือไม่เข้าเป้า ฯลฯ
    8.กลุ่มดาวในดวงเดิมรองรับแล้วผลออกมาพอให้คุณงามความดีของพระเสาร์จรสำหรับท่านที่ลัคนาสถิตราศีมิถุนพอเป็นทุกขลาภ-หรือลาภทุกข์

    พระพุธ(๔)รองรับ โชคลาภจะพูลเพ็ญและศัตรูจะพ่ายแพ้

    พฤหัสบดี(๕)รองรับ เอาชนะปัญหาอุปสรรคได้ เสียอะไรแล้วได้กลับมา เช่นบางคนแฟน หรือเพื่อนเก่าที่จากไปนานอาจจะกลับมา

    พระราหู(๘)รองรับ เป็นคู่มิตรใหญ่กับพระเสาร์ชนะศัตรู เกิดโชคลาภใหญ่เหมือนคนไปหาปลาแต่เจอขุมทอง
    https://www.bangkokbiznews.com/news...cations&utm_campaign=-&utm_content=&utm_term=
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เผยแพร่ข้อมูลผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษสูงสุดคือ จำคุก 1 ปี
    750x422_879921_1589173813.jpg
    11 พฤษภาคม 2563

    ราชกิจจาฯ ประกาศ เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษสูงสุดคือ จำคุก 1 ปี ปรับ 3 ล้านบาท จ่ายค่าเสียหาย 2 เท่า

    เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เริ่มมีผลบังคับใช้ 27 พฤษภาคม 2563 นี้ เนื่องจากข้อมูลของแต่ละคนย่อมเป็นสมบัติส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล ผู้อื่นจะมารับรู้หรือเอาข้อมูลไปใช้โดยพลการไม่ได้ โดยใน พ.ร.บ. นี้ระบุไว้ว่า

    "มาตรา 27 ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล"

    ทำให้หลังจากวันที่ 27 พค. เป็นต้นไป การเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ email ภาพถ่ายที่สามารถยืนยันบุคคลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าของข้อมูลมีสิทธิ์แจ้งความดำเนินคดีได้ ซึ่งมีโทษสูงสุดคือ จำคุก 1 ปี ปรับ 3 ล้านบาท จ่ายค่าเสียหาย 2 เท่า

    http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/069/T_0052.PDF

    158917375474.jpg


    https://www.bangkokbiznews.com/news...cations&utm_campaign=1&utm_content=&utm_term=
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    May 11 , 2020 Avianca Airlines สายการบินที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของลาตินอเมริกา ยื่นล้มละลายต่อศาลในสหรัฐฯ หลังเจอพิษโควิด 19
    .
    สำนักงานต่างประเทศรายงานว่า ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอาเวียงกา โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของสายการบินอาเวียงกา (Avianca Airlines) สายการบินที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของลาตินอเมริกาในกรุงโบโกตาของโคลอมเบีย เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นขอล้มละลายที่ศาลในนิวยอร์กของสหรัฐ หลังไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด
    .
    แต่สายการบินจะเดินหน้าให้บริการผู้โดยสารต่อไประหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ หลังการร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลโคลอมเบียยังไม่เป็นผล
    .
    ปัจจุบันเที่ยวบินโดยสารของสายการบินอาเวียงกา ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มาตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค. หลังโคลอมเบีย เอลซัลวาดอร์ และเปรู ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบินหลักปิดน่านฟ้า
    .
    หากไม่สามารถหลุดจากภาวะล้มละลายได้ สายการบินอาเวียงกาจะกลายเป็นหนึ่งในสายการบินใหญ่แห่งแรกของโลกที่ต้องล้มละลายจากวิกฤตโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการเดินทาง และสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายสำหรับสายการบินต่างๆ ที่ไม่สามารถหวังพึ่งความช่วยเหลือจากรัฐบาลที่อาจมาถึงไม่ทันการณ์
    .
    สายการบินซึ่งเก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของโลกเผชิญปัญหาทางการเงินมาตั้งแต่ก่อนเกิดการแพร่ระบาด โดยเมื่อปีที่แล้ว มีหนี้อยู่มากถึง 7,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่า 230,000 ล้านบาท
    .
    #ยืนล้มละลาย #อาเวียงกา #ไวรัสโควิด19 #Misterban

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    May 12 , 2020 S&P เผยรัฐบาลทั่วโลกมีแนวโน้มถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ
    .
    S&P Global เปิดเผยว่า รัฐบาลทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือมากขึ้น ขณะที่ต้นทุนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
    .
    S&P ได้ทำการทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของ 90 ประเทศ และได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนดังกล่าว
    .
    โดยให้แนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของ 25 ประเทศอยู่ในเชิงลบ เมื่อเทียบกับเพียง 6 ประเทศที่ได้รับการจัดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในเชิงบวก และ 104 ประเทศที่มีแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือที่มีเสถียรภาพ
    .
    ทั้งนี้ในรายงานยังระบุอีกว่า สำหรับในช่วงระยะกลางถึงระยะยาว จะเห็นแรงกดดันการปรับอันดับความน่าเชื่อถือสู่เชิงลบมากยิ่งขึ้น แม้แต่อันดับความน่าเชื่อถือที่มีการยืนยัน ถ้าเห็นว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสได้กลายเป็นโครงสร้าง และมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบเชิงลบในระยะยาวต่อการฟื้นตัวของสถานะการคลังล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้
    .
    #ลดอันดับ #ประเทศ #ความน่าเชื่อถือ #Misterban
    ดูน้อยลง
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ส่องสภาพโรงหนัง มาเลฯ หลังโควิด-19 ทำพิษปิดบริการนาน 2 เดือน

    จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ก่อนหน้านี้ระบาดอย่างหนักในทั้วโลกถึงขั้นที่ะุรกิจใหญ่ๆต้องปิดตัวชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ตลาด สถานบันเทิง และอีกหลายๆที่ มาวันนี้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มดีขึ้นมากในหลายประเทศเริ่มมีการผ่อนปรนสถานที่ต่างๆ ทำให้หลายๆธุรกิจเริ่มกลับมาเปิดให้บริการ อย่างเหตุการณ์

    ล่าสุดที่ประเทศมาเลเซีย เพจเฟซบุ๊ก สโลว์ไลฟ์ ได้เผยแพร่ภาพสภาพโรงหนังที่ประเทศมาเลเซียที่ ที่นั่งคนดูเสียหายด้วยความชื้นจากแอร์และความมืดเนื่องจากปิดเป็นเวลานานทำให้เกิดเชื้อรา เรียกได้ว่าต้องบิ๊กคลีนนิ่งหรือรื้อทำใหม่กันเลยทีเดียว โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า…

    สงสารโรงหนังที่มาเลเซียเลีย ปิดไปสองเดือนน่าจะมีรื้อทำใหม่ #น่ากลัวโควิดอีก

    CR : สโลว์ไลฟ์

    The post ส่องสภาพโรงหนัง มาเลฯ หลังโควิด-19 ทำพิษปิดบริการนาน 2 เดือน appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตู้ปันสุขระส่ำ แย่งชุลมุน-แท็กทีมขนเกลี้ยง วอน อย่าเอาเปรียบคนเดือดร้อน(มีคลิป)

    จากกรณีมีผู้ใจบุญ นำข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง ไข่ไก่ น้ำดื่ม ขนม นม น้ำปลาไปเติมลงตามตู้ปันสุขที่ตั้งไว้ตามจุดต่างๆในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี พบเห็นพฤติกรรมของบางคนเห็นแก่ได้ พาลูกหลานมาหยิบเอาของจำนวนมาก ไม่เผื่อแผ่ไปถึงคนขาดแคลนรายอื่น จึงนำพฤติกรรมเขียนลงในโลกโซเซียล

    ล่าสุดมีคลิปวีดีโอของผู้ใช้ยูทูปรายหนึ่ง ถ่ายขณะที่ชาวบ้านกำลังต่อแถวเพื่อรับข้าวสารอาหารแห้งจากตู้ปันสุข ตรงข้ามวัดศรีอุบลรัตนาราม กว่า 30 คน แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อสิ่งของภายในตู้กำลังจะหมดชาวบ้านที่รออยู่ท้ายแถวเกรงว่าจะไม่ได้สิ่งของภายในตู้ จึงได้แซงคิวเข้าไปแย่งสิ่งของในตู้จนเกิดการชุลมุนพร้อมทั้งมีเสียงต่อว่าจากชายพิการสูงอายุคนหนึ่งที่ต่อแถวว่าชี้ไปยังกลุ่มชาวบ้านที่แย่งกันว่า “พวกเห็นแก่ตัว”

    ผู้สื่อข่าวได้เข้าตรวจสอบ บริเวณตู้ปันสุขดังกล่าว ยังมีผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเติมของใส่ตู้อย่างต่อเนื่อง ดร.สลิลโรจน์ บุญตาราษฎร์ ข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่นำเอาของกินมาใส่ในตู้แบ่งปันสุข กล่าวถึงคนที่มาเอาสิ่งของ อยากให้นึกถึงคนที่ไม่มีเหมือนกันบ้าง แต่บางคนก็อาจขาดแคลนมากจริงๆ ก็น่าจะลดความอยากของตัวเองลงได้สักนิดหนึ่งก็ดี

    ข้าราชการครูท่านนี้ เล่าว่า เห็นตู้ปันสุขบางจุด มีเจ้าของตู้คอยนั่งเฝ้า ทำให้อยากเอาของไปใส่ เพราะเห็นถึงน้ำใจของคนที่มาเสียเวลานั่งเฝ้า เพื่อช่วยเหลือสังคมให้คนที่เดือดร้อนได้รับของ จึงอยากนำสิ่งของไปเติมให้และบางคนก็แสดงความเห็นควรนำตู้แบ่งปันสุขนี้ ไปตั้งอยู่ใกล้สถานที่ราชการที่มีคนอยู่ดูแลตลอดเวลา เพราะคนมาเอาจะได้รู้สึกเกรงใจไม่กล้ามาหยิบเอาของไปคราวละมากๆ เพื่อสิ่งของจะได้กระจายถึงมือคนที่ขาดแคลนทุกคน

    ปัจจุบันมีผู้ใจบุญนำตู้แบ่งปันสุขวางกระจายอยู่ตามจุดต่างๆรวม 5 จุด คือ ถนนชวาลานอก ตรงข้ามร้านข้าวต้มสันติ ถนนอุปราช หน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอุบลราชธานี ถนนพิชิตรังสรรค์ หน้าโรงแรมลายทอง ถนนบูรพาใน หน้าตลาดบ้านดู่ และถนนชยางกรู แถวห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี

    The post ตู้ปันสุขระส่ำ แย่งชุลมุน-แท็กทีมขนเกลี้ยง วอน อย่าเอาเปรียบคนเดือดร้อน(มีคลิป) appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักโทษสหรัฐฯ พยายามติดโควิด เข้าใจผิดคิดว่าติดเชื้อแล้วจะได้ออกจากคุก
    นักโทษในสหรัฐฯ จำนวนหนึ่งร่วมดื่มน้ำแก้วเดียวกันเพื่อให้ตนติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่าติดเชื้อแล้วจะได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,717
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘บิ๊กตู่’ เผยแผนฟื้นฟูการบินไทยยังไม่เข้า ครม. วอนองค์กรต้องช่วยกัน ไม่งั้นตกงานแน่

    การบินไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงแผนฟื้นฟูการบินไทย ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา และวันนี้ไม่มีวาระพิจารณา

    “ต้องเข้าใจ อย่าเพิ่งไปให้ข่าวจนมากเกินไป ผมย้ำเพียงอย่างเดียวว่า จะต้องเข้าสู่แผนการฟื้นฟูที่มีประสิทธิผล เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายตัว ก็ขอร้องบุคลากรทั้งในองค์กร นอกองค์กร และสหภาพรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง จะต้องช่วยกันตรงนี้ ไม่อย่างนั้นไปกันไม่ได้ สุดท้ายคนก็จะไม่มีอาชีพ ไม่มีแรงงาน ไม่มีลูกจ้าง พนักงาน ไม่มีเงินจ้าง นั้นคือการล้มเหลวอย่างส้ินเชิง ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น ขอความร่วมมือในการจัดทำแผนฟื้นฟู” นายกฯ กล่าว

    ขณะนี้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เสนอเข้ามาแล้ว จากผลการประชุม และเข้าสู่การพิจารณาของกระทรวงคมนาคม ทั้งหมดยังต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง เพื่อนำเข้าครม.อนุมัติได้ ซึ่งแผนการฟื้นฟูจะต้องครบถ้วนสมบูรณ์ ก็ขอความร่วมมือจากบรรดาหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

    “ผมจำเป็นต้องแก้ไข ไม่อย่างนั้นท่านเดือดร้อน องค์กรของท่านมีคน 2 หมื่นกว่าคนจะเกิดปัญหาทันที ถ้าท่านไม่ช่วยกันและใครจะช่วย ต้องขอความร่วมมือจากพวกท่านด้วย ผมไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับใคร ไม่ได้มีผลประโยชน์กับการบินไทยอยู่แล้ว” นายกฯ กล่าว

    นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนรัฐวิสาหกิจ อื่นๆ มีแผนการฟื้นฟูอยู่แล้ว มีแต่การบินไทยที่ไม่เป็นไปตามแผนฟื้นฟูเท่านั้นเอง ต้องทำแผนฟื้นฟูใหม่ขึ้นมา

    ส่วนเรื่องของการให้กู้ การค้ำประกันเงินกู้ ยังไม่มีการพูดตรงนั้น ต้องรับฟังเสียงพี่น้องประชาชนด้วย

    The post ‘บิ๊กตู่’ เผยแผนฟื้นฟูการบินไทยยังไม่เข้า ครม. วอนองค์กรต้องช่วยกัน ไม่งั้นตกงานแน่ appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     

แชร์หน้านี้

Loading...