ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนตั้ง“โรงพัก”ในโรงพยาบาลจัดการพวกอันธพาลตีกัน
    เพิ่มกฎให้หมอหยุดรักษาได้หากรู้สึกถูกคุกคามต่อชีวิต
    .
    ลองนึกดูสิว่า ตั้งแต่ตามข่าวสารกันมามีข่าวที่เกี่ยวกับการที่พวกอันธพาลยกพวกตีกันในโรงพยาบาล ทำร้ายร่างกายหมอ ทำลายข้าวของ จนเสียหายเกิดขึ้นมากี่ครั้งแล้ว และทุกครั้ง ๆ ที่จบคดีไป ทำไมยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทั้ง ๆ โรงพยาบาลควรเป็นสถานที่ที่ผู้ป่วยหรือญาติควรได้รับความคุ้มครองความปลอดภัย ไม่ให้ใครเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่หรือคนไข้ได้โดยเฉพาะในห้องตรวจหรือห้องฉุกเฉิน
    .
    ปัญหาการทะเลาะวิวาทยกพวกตีกันในโรงพยาบาล ไม่ได้มีแค่ประเทศไทยที่เดียว เพราะเหตุการณ์แบบนี้ต่างประเทศเกิดขึ้น อย่างเช่นที่ประเทศจีนก็มีการทำร้ายร่างกายกันในสถานพยาบาลบ่อยครั้ง และมาตรการป้องกันหรือจัดการคนเหล่านี้ไม่สามารถ “เอาอยู่” ได้อีกต่อไป แถมยังเป็นการทำให้บุคลากรทางการแพทย์มีความเสี่ยงอันตรายต่อทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้ประเทศจีนต้องมีการปรับกฎระเบียบคุ้มครองสถานพยาบาลขึ้นมาใหม่
    .
    โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมสภานิติบัญญัติของรัฐบาลปักกิ่งได้พิจารณาให้โรงพยาบาลการตั้งระบบเตือนภัยที่เชื่อมต่อไปยังหน่วยงานรักษาความปลอดภัยโดยตรง รวมทั้งการตั้ง “โรงพัก” หรือสถานีตำรวจภายในโรงพยาบาล
    .
    โดยกฎหมายใหม่นี้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทภายในโรงพยาบาล เนื่องจากมีญาติผู้ป่วยทำร้ายร่างกายแพทย์ด้วยการเอากรรไกรมาแทงคอ เนื่องจากการรอคิวการรักษานานตามกระบวนการ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2019 รวมทั้งมีเหตุการณ์ที่ญาติผู้ป่วยขู่จะทำร้ายร่างกายแพทย์ พยาบาล หลายต่อหลายครั้ง จากความไม่พอใจในการรักษา ซึ่งบางเหตุการณ์ก็มีแพทย์ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตอีกด้วย
    .
    ทั้งนี้โรงพยาบาลจะตั้งสถานีตำรวจขึ้นภายในเพื่อทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในกานดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงในพื้นที่สำคัญของโรงพยาบาลเช่น ห้องฉุกเฉิน สำนักงานแพทย์ และห้องพยาบาล
    .
    และหากมีกำลังเจ้าหน้าที่ที่จะจัดการกับปัญหาทะเลาะวิวาทไม่เพียงพอ เนื่องจากมีผู้บุกรุกเข้ามามาก ก็จะใช้ระบบการส่งสัญญาณฉุกเฉินที่ติดตั้งไว้ส่งไปยังสถานีตำรวจท้องถิ่นที่ใกล้ที่สุดในท้องที่ให้เข้ามาระงับเหตุทันที ไม่ต้องยกหูโทรศัพท์กดแจ้ง 191 ให้ชักช้าเสียเวลา
    .
    ปัญหาความไม่พอใจในการรักษาและการบุคทำร้ายร่างกายคู่อริในสถานพยาบาล ถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่างมากต่อชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ต้องเข้าเวรกลางคืน เพราะมักจะเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เช่น คนเมาที่ทะเลาะกันมาจากข้างนอกจนบาดเจ็บเข้ามารักษาตัว รวมทั้งวัยรุ่นเลือดร้อนที่ยกพวกตามล่าตัวคู่อริไม่เลิก
    .
    และถ้าหากเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นภายในโรงพยาบาลที่สุ่มเสี่ยงต่อความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์ ข้อบังคับระบุว่าแพทย์มีสิทธิ์ที่จะหยุดการรักษาเมื่อถูกคุกคามด้านความปลอดภัยได้อีกด้วย
    .
    แหล่งอ้างอิง
    https://www.globaltimes.cn/content/1183847.shtml



     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ไต้หวัน” ทำอย่างไรถึงพลิกจากเกาะแสนยากจน
    สู่มหาอำนาจผู้ทรงอิทธิพลทางเทคโนโลยีของโลก
    .
    “ไต้หวัน” หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ “สาธารณรัฐจีน” ดินแดนที่คนไทยรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี ทั้งจากภาพยนตร์ซีรี่ย์ชื่อดัง ที่ครั้งหนึ่งเคยครองใจผู้ชมชาวไทยเมื่อหลายปีก่อน รวมทั้งการสร้างชื่อเสียงจากสินค้าเทคโนโลยีล้ำสมัยที่กลายเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนไต้หวันให้ขึ้นมาอยู่ชั้นแนวหน้าของโลก เคียงบ่าเคียงไหล่มหาอำนาจหลาย ๆ ประเทศ
    .
    แต่กว่าที่เกาะแห่งนี้ซึ่งมีขนาดใกล้พื้นที่เคียงกับภาคตะวันออกของประเทศไทยจะก้าวขึ้นมาสู่หัวแถวของโลกได้ ย้อนกลับไปเมื่อราวปี 1960 หรือ 60 ปีที่แล้วไต้หวันจัดว่าเป็นดินแดนที่ติดอันดับยากจนเกาะกลุ่มอยู่กับประเทศไทย จีน และ เกาหลีใต้ โดยประชากรมีรายได้ต่อหัวเพียง 2,968 บาทต่อปี แต่ก็ยังสูงกว่าไทยที่ 2,141 บาทต่อปี ในช่วงเวลาที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 ดอลลาร์ = 21.2 บาท ประชาชนส่วนใหญ่บนเกาะไต้หวันก็ประกอบอาชีพทำการเกษตร และประมง แถมไต้หวันยังเป็นเกาะที่ตั้งอยู่บนเส้นทางพายุไต้ฝุ่นพัดผ่าน ซึ่งในแต่ละปีไต้หวันจะโดนพายุใหญ่เล่นงานปีละมากกว่า 20 ลูก ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นชัยภูมิที่เหมาะแก่การพัฒนาสักเท่าไหร่อีกด้วย
    .
    ปฏิเสธไม่ได้ว่าในอดีตไต้หวันที่เคยถูกญี่ปุ่นปกครองในช่วงเวลาสั้น ๆ ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นเป็นยุคที่ไต้หวันมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมภายในอย่างมาก เพราะญี่ปุ่นนอกจากจะใช้ไต้หวันเป็นฐานที่มั่นในการเข้าโจมตีประเทศจีน และดินแดนอื่น ๆ ที่อยู่ทางตอนใต้ลงมาซึ่งรวมไปถึงแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ญี่ปุ่นยังได้วางระบบโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ในการติดต่อสื่อสารและการคมนาคมขนส่งทั่วทั้งเกาะ แถมญี่ปุ่นยังปรับปรุงการหลักสูตรศึกษาใหม่ทั้งหมด บังคับให้ประชาชนในยุคนั้นต้องเรียนหนังสือเป็นภาษาญี่ปุ่น ใช้ตำราเรียนแบบญี่ปุ่น ฝึกระเบียบวินัยแบบชาวญี่ปุ่น ทำให้ชาวไต้หวันซึมซับความเป็นญี่ปุ่นเอาไว้ตั้งแต่ยังเด็ก จนปลูกฝังวินัยเหล่านี้สืบต่อกันมาถึงยุคปัจจุบัน ที่จะเห็นว่าชาวไต้หวันจะมีความแตกต่างจากชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ในเรื่องของระเบียบวินัยและมารยาทสากล
    .
    แม้ไต้หวันจะเริ่มเห็นเค้าลางของการพัฒนามาบ้างแล้วตั้งแต่ในยุคที่ญี่ปุ่นปกครองแล้ว แต่การฉายแววเจริญอย่างเห็นได้ชัดเจนก็เริ่มตรงที่พรรคก๊ก มิน ตั๋ง ซึ่งอพยพลี้ภัยการเมืองจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่มาตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นบนเกาะ ตั้งแต่ปี 1949 ปกครองดินแดนแห่งนี้ในช่วงแรกก็เป็นจุดเปลี่ยนของไต้หวันที่ทำให้การพัฒนาเริ่มโดดเด่น เพราะนโยบายการเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศที่กำลังรุกเข้ามาในฝั่งของเอเชีย ประกอบกับการได้รับงบประมาณอุดหนุนจากสหรัฐฯ ในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยเพื่อต่อสู้กับคอมมิวนิสต์จีนและโซเวียต ที่กำลังรุกคืบกลืนกินประเทศในแถบเอเชียทำให้ทั้งพรรคก๊ก มิน ตั๋ง และเกาะไต้หวันได้รับสนับสนุนผลักดันจากสหรัฐฯ อย่างมาก ซึ่งรวมไปถึงเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ที่ก็เป็นเหมือนกับรัฐกันชนที่สหรัฐฯ ก็ทุ่มทั้งงบประมาณ เทคโนโลยี และกำลังทหารเพื่อต้านกับลัทธิคอมมิวนิสต์ที่กำลังแผ่ขยายอิทธิพลในช่วงนั้น
    .
    ไต้หวันเลยกลายเป็นแหล่งผลิตสินค้าในฐานะ “มือปืนรับจ้าง” หรือ OEM ที่มีการตั้งโรงงานต่าง ๆ ขอบริษัทเทคโนโลยีในยุคแรกเพื่อส่งออกไปขายยังภูมิภาคอื่น ๆ โดยใช้กำลังของแรงงานรุ่นใหม่ที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือบนเกาะ รวมทั้งอัตราค่าแรงที่ถูกเป็นแต้มต่อในขณะนั้น
    .
    เวลาผ่านไป 24 ปี ในช่วงปี 1973 ไต้หวันมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยรัฐบาลซึ่งนำโดยนายเจียง ไคเชก ที่ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 6 ตั้งแต่ปี 1972 – 1975 (สมัยที่ 1 คือปี 1948 - 1949 สมัยที่ 2 – 5 คือปี 1950 - 1972) รัฐบาลได้จัดตั้ง "สถาบันเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม" Industrial Technology Research Institute (ITRI) เพื่อเป็นสถาบันในการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมา โดยพุ่งเป้าไปที่เรื่องของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก เนื่องจากไต้หวันได้ซึมซับเทคโนโลยีการผลิตตลอดช่วงระยะเวลาที่เป็นมือปืนรับจ้างผลิตสินค้าให้กับต่างชาติมานานหลายปี ทำให้มีองค์ความรู้ที่เพียงพอที่จะต่อยอดไปสู่การเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเองได้ในอนาคต
    .
    ประกอบกับรัฐบาลไต้หวันมองเห็นว่าอย่างไรเสีย ยุคของสินค้าไอทีมันต้องมาอย่างแน่นอนในอนาคต ดังนั้นการจับจังหวะเพื่อลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในเวลานั้นกลายเป็นเป็นช่วงเวลาที่พอเหมาะพอดี เพราะญี่ปุ่นเองหลังจากที่บอบช้ำจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และใช้เวลาฟื้นฟูประเทศอยู่ราว 20 ปี ก็เข้าสู่ยุคของการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างเต็มกำลัง และมองหาประเทศที่เป็นฐานการผลิตใหม่ๆ นอกผลิตในประเทศ เพราะนับตั้งแต่ปี 1967 ญี่ปุ่นเริ่มประสบปัญญาเงินเยนแข็งค่าซึ่งเป็นผลพวงมาจากการที่ญี่ปุ่นเร่งพัฒนาประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนเศรษฐกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้ต้องมีการย้ายโรงงานออกไปลงทุนนอกประเทศ ซึ่งไต้หวันคือเป้าหมายสำคัญเป้าหมายแรกที่ญี่ปุ่นเลือก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไต้หวันกำลังเริ่มตั้งไข่ในการพัฒนาเทคโนโลยีพอดิบพอดี จึงเล็กจิ๊กซอว์ที่ลงตัวเป๊ะ ในการผลักดันไต้หวันไปสู่กลุ่มประเทศเทคโนโลยีใหม่ขั้นสูง นับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
    .
    แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นไปเสียทั้งหมด เพราะแม้ว่าจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ติดแบรนด์ว่าเป็น “Mead in Taiwan” เพื่อเข้าสู่ตลาด แต่มันก็ยังไม่ได้รับความเชื่อใจจากผู้บริโภคเหมือนกับแบรนด์ญี่ที่เข้าสู่ตลาดในช่วงแรก ๆ ผู้บริโภคหรือคู่ค้าต่างมีคำถามถึงคุณภาพของสินค้าเช่นกัน ทำให้ไต้หวันต้องใช้เวลาอยู่นานหลายปีกว่าจะสร้างความเชื่อมั่นของผู้ซื้อ
    .
    Acer คือแบรนด์เทคโนโลยีของไต้หวันแบรนด์แรก ๆ ที่เริ่มเป็นที่รู้จักในตลาดโลก ก่อตั้งในปี 1976 หรือ 4 ปี หลังจากที่ไต้หวันตั้งสถาบัน ITRI เดิมทีใช้ชื่อว่า Multitech ก่อนเปลี่ยนมาเป็น Acer ในปี 1981 ถือว่าเป็นแบรนด์เทคโนโลยีสัญชาติไต้หวันแท้ ๆ แบรนด์แรกที่บุกตลาดโลก ด้วยการเริ่มต้นจากการเป็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ภายในคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะเริ่มพัฒนามาผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แล็ปท็อป เซิร์ฟเวอร์ กล้องดิจิทัล และสมาร์ทโฟน ในช่วงระยะเวลา 30 ปีหลังจาก่อตั้งบริษัท และถือว่าเป็นแบรนด์สินค้าไอทีไต้หวันที่ประสบความสำเร็จในอย่างสูงตลาดโลก ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ Acer เองก็ต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่นับสิบปีกว่าจะเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
    .
    นอกจากนั้นยังมีแบรนด์สินค้าอทีอื่น ๆ เกิดขึ้นตามมามากมายทั้ง ASUS ในปี 1989 ซึ่งเป็นผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น เมนบอร์ด การ์ดกราฟิก พีดีเอ จอมอนิเตอร์ รวมทั้ง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เน็ตบุ๊ก ระบบเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ และปัจจุบันกลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีสัญญาติไต้หวันที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับต้น ๆ และเป็น 1ใน 5 ของแบรนด์คอมพิวเตอร์ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดของโลกร่วมกับ Acer เพื่อนร่วมชาติ
    .
    ไม่เพียงเท่านั้นผลผลิตจากสถาบัน ITRI ได้ก่อให้เกิดบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ของโลกซึ่งเป็นสัญชาติไต้หวันแท้เหมือนกันก็คือ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ในปี 1987 ผลิตชิปให้กับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Apple และอีกกว่า 400 บริษัททั่วโลก ซึ่ง TSMC นับเป็นความสำเร็จจากความทะเยอทยายของไต้หวัน ซึ่งใช้งบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนาสูงถึง 3.3% ของ GDP ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากกว่าประเทศไทยถึง 4 เท่า และเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดของไต้หวันที่ 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์ (2.1 ล้านล้านบาท = 2 ใน 3 ของงบประมาณแผ่นดินประเทศไทยที่ 3.3 ล้านล้านบาท) ซึ่งแม้แต่ญี่ปุ่นประเทศผู้เป็นเจ้าเทคโนโลยีของโลก ก็ยังไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของชิปได้เทียบเท่ากับ TSMC และล่าสุดมีข่าวออกมาเมื่อวานนี้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมทุบเงินนับแสนล้านและให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมายเพื่อที่จะดึง TSMC เข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตชิปคุณภาพสูงในประเทศเลยทีเดียว
    .
    นับจากวันนั้น 60 ปีผ่านไป อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไต้หวันก็พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรขยับขึ้นจากในปี 1960 ที่ 2,968 บาทต่อปี เป็น 805,677 ต่อปีในปี 2019 (ไทย 247,209 บาทต่อปี) และมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 19 ของโลก (ไทยอันดับที่ 25 ของโลก) และดัชนีการพัฒนามนุษย์ หรือ HDI Index ของไต้หวันยังได้รับการจัดอยู่ในอันดับสูงใกล้เคียงกับประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
    .
    แม้ว่าไต้หวันจะถูกถอดการรับรองการเป็นประเทศอิสระจากองค์การสหประชาชาติ เนื่องจากจีนกดดันและรอ้างอธิปไตยเหนือดินแดนไต้หวัน แม้ไต้หวันจะมีรัฐธรรมนูญ มีการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย และมีสภาเป็นของตัวเอง แต่ไต้หวันยังมีสิทธิ์เป็นสมาชิกภาพในองค์กรอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากที่สหประชาชาติมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น องค์การการค้าโลกและความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งไต้หวันถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อการค้า และเศรษฐกิจของโลก ซึ่งหากไต้หวันเป็นประเทศอิสระ ก็เทียบเท่ากับการเป็นประเทศพัฒนาแล้วระดับแนวหน้าของโลกเลยทีเดียว
    .
    อย่างไรก็ตามไม่ใช่เพียงแค่การพัฒนาเทคโนโลยีเท่านั้นที่ทำให้ไต้หวันก้าวมาไกลได้ขนาดนี้ แต่เรื่องของคุณภาพประชากรก็มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศ ไม่น้อยไปกว่านโยบายทางการเมือง ไต้หวันถือว่ามีคุณภาพประชากรที่สูงทั้งการศึกษา คุณภาพชีวิต การมีสิทธิเสรีภาพภายใต้ความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคม ซึ่งไต้หวันพยายามพัฒนาคนของตัวเองในส่วนนี้อย่างเข้มข้นเพื่อให้หนีจากการถูกมองเหมารวมว่าเป็น “คนจีน” ดังนั้นชาวไต้หวันจึงถือว่าตัวเองคือ “คนไต้หวัน” และปลูกฝังความรักชาติ และความเป็นชาตินิยมอย่างสูงในหมู่ประชากร ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่ใช้หลักการชาตินิยมเข้มข้นปลุกระดมให้ประชาชนภูมิใจในความเป็นชาติตัวเอง ชนิดที่ว่าต่อให้ใครมาว่าชาติไม่ดียังไงก็พร้อมกระโดดใส่ กระโดดปกป้อง และมุ่งมั่นเอาชนะทุกสิ่งที่เป็นข้อจำกัดที่หลายประเทศอาจมองว่าทำไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ทำจนสำเร็จ
    .
    ซึ่งสุดท้ายแล้วถ้าหากสังเกตดี ๆ ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกกลุ่มนี้ มักจะผ่านเหตุการณ์บางอย่างที่เป็นจุดเปลี่ยนของประเทศแบบหนัก ๆ หรือต่อสู้บอบช้ำกับสงคราม การถูกยึดประเทศจากต่างชาติ และเงาอิทธิพลของมหาอำนาจจากหลากหลายขั้วเข้ามารุกราน ซึ่งทำให้ประเทศในแถบนี้ต้องฮึดขึ้นมาสู้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะถ้าหากว่าตัวเองอ่อนแอ ก็ย่อมตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของมหาอำนาจ ดังนั้นด้วยปัจจัยที่ต้องดิ้นรนนี้เอง ก็เป็นส่วนสำคัญในความทะเยอทยานที่จะเอาชนะให้ได้ และลุกขึ้นมาแข็งแกร่งอย่างมั่นคงบนเวทีโลก เพราะถ้าอ่อนแอเมื่อไหร่ หมายถึงความพ่ายแพอย่างที่ไม่มีการปราณีนั่นเอง
    .
    แหล่งอ้างอิง
    https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศไต้หวัน
    https://www.imf.org/external/pubs/f...1&c=528&s=NGDPD,PPPGDP,NGDPDPC,PPPPC&grp=0&a=
    https://en.wikipedia.org/wiki/TSMC
    https://data.worldbank.org/
    https://www.macrotrends.net/countries/THA/thailand/gnp-gross-national-product?q=Taiwan+GNP+1962-2020
    https://money.cnn.com/magazines/fortune/global500/2008/snapshots/11385.html



     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด่วน!! วัคซีน Covid-19 ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
    เตรียมพร้อมผลิตใช้กับคนแล้วในเดือนกันยายน
    .
    แสงสว่างที่ปลายอุโมค์ซึ่งเป็นทางออกของการหลุดพ้นจากไวรัสโควิด – 19 เริ่มมองเห็นอย่างชัดเจนแล้ว เพราะล่าสุดเมื่อเวลา 20:33 นาทีที่ผ่านมา สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด - 19 ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดและบรษัท แอสตร้าเซนเนก้า จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์ หรือ Oxford - AstraZeneca ได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในการทดสอบในร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นสัญญาณของความคืบหน้าในการเอาชนะไวรัสมรณะนี้
    .
    โดยการทำงานของวัคซีนได้เพิ่มระดับทั้งแอนติบอดีหรือสารภูมิต้านทานหลักและ T-cells ภูมิคุ้มกันที่เป็นเป้าหมายหลักในการป้องกันไวรัส และผลทดลองนี้กำลังถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Lancet ในวันนี้
    .
    “เราเห็นการตอบสนองทางภูมิต้านทานที่ดีมากไม่เพียงแค่แอนติบอดี แต่กับ T-cells ก็เช่นกัน ที่กำลังกระตุ้นการทำงานของทั้งสองของระบบภูมิคุ้มกัน” Adrian Hill หัวหน้าสถาบัน Jenner ของอ๊อกซฟอร์ดให้สัมภาษณ์
    .
    ไม่เพียงเท่านั้นโครงการพัฒนาวัคซีนของที่อื่น ๆ ทั้ง CanSino Biologics Inc. ประเทศจีน รวมทั้ง Pfizer Inc. ประเทศสหรัฐฯ และ BioNTech SE ประเทศเยอรมี ก็มีการอัพเดทผลการทดสอบเป็นไปในเชิงบวกเช่นกัน ผลลัพธ์ดังกล่าวช่วยให้โลกสามารถมองเห็นหนทางของการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 600,000 คนและสร้างความปั่นป่วนต่อระบบเศรษฐกิจของโลกอย่างรุนแรง
    .
    นอกจากนี้ยังมีบริษัท Moderna Inc. ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ได้เผยผลการทดสอบเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาที่แสดงให้เห็นว่าวัคซีนของบริษัทสามารถกระตุ้นการสร้างแอนติบอดีสูงขึ้นเพื่อต่อสู้กับไวรัส
    .
    แม้ว่าการกระตุ้นการผลิตแอนติบอดี้ที่เป็นกลางจะไม่ได้พิสูจน์ว่าวัคซีนจะมีประสิทธิภาพ แต่ก็ถือว่าเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการทดสอบ ผลลัพธ์จากการทดสอบในสัตว์แสดงให้เห็นว่าการวัคซีนของ Oxford - AstraZeneca กระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันได้ยอดเยี่ยม

    .
    ก่อนหน้านี้มีการทดลองระยะที่ 1 ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 23 เมษายน - 21 พฤษภาคม ในกลุ่มตัวอย่างทดลองวัยผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี 1,077 คนที่มีอายุระหว่าง 18 - 55 ปีซึ่งไม่มีประวัติป่วยจากโควิด - 19 และยังมีกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับวัคซีนโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบและผู้เข้าร่วม 10 คนได้รับการฉีดสองครั้งต่อเดือน วัคซีนทำให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยซึ่งสามารถลดลงได้โดยการใช้ยาพาราเซตามอล และไม่มีอาการร้ายแรงจากการทดลอง
    .
    การฉีดวัคซีนของ Oxford - AstraZeneca ครั้งเดียวทำให้แอนติบอดีเพิ่มขึ้น 4 เท่าในโปรตีน ช่วยขัดขวางการทำงานของไวรัสถึง 95%
    .
    ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกระบุว่า ตอนนี้มีการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด – 19 ทั่วโลกประมาณ 160 ตัวอย่าง แต่ Oxford - AstraZeneca ถือเป็นกลุ่มแนวหน้าของโลกที่จะผลิตวัคซีนสำเร็จเป็นแห่งแรก ๆ และอาจส่งมอบวัคซีนนี้ไปผลิตยังสหรัฐอเมริกาอย่างเร็วที่สุดในช่วงต้นเดือนกันยายน
    .
    “เราต้องการให้บริษัทอื่น ๆ มีวัคซีนที่ใช้งานได้ดีเช่นกัน เพราะโลกจะได้รับวัคซีนเร็วขึ้น”
    .
    แอสตร้าเซนเนก้า ได้รับการสนับสนุนงบประมาณสูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ ภายใต้ข้อตกลงกับผู้ผลิตยาของสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา ซึ่งสามารถผลิตเพื่อสต๊อกได้ในเดือนตุลาคม
    .
    รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ทำข้อตกลงด้านอุปทานสำหรับการซื้อวัคซีนจากผูผลิตรายต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งจาก Pfizer และ BioNTech จำนวน 30 โดส และ Valneva SE อีก 60 ล้านโดส ซึ่งจะมีปริมาณมากเพียงพอที่จะให้ประชาชนได้รับวัคซีนครอบคลุมประชากร 66 ล้านคน
    .
    นอกจากนี้ยังทำข้อตกลงกับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อซื้อวัคซีนอีก 100 ล้านโดส ทำให้อังกฤษจะเป็นประเทศที่สามารถเข้าถึงวัคซีนที่มีความสามารถแตกต่างกันในการป้องกันไวรัสถึง 3 ชนิด
    .
    ทั้งนี้หากวัคซีนสามารถผลิตได้ภายในเดือนกันยายน ก็นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่โลกจะได้รับวัคซีนได้เร็วขึ้นและลดการสูญเสียจากไวรัสมรณะนี้ลงได้
    .
    แหล่งอ้างอิง
    https://www.bloomberg.com/news/arti...hJRiatsdlpXWkL35zYHRa83oa6UXn75I1mPaY59a_H7R0

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบทแมน นี้ศาลเตี้ย

    "บิ๊กแดง"เปรียบเปรยส่ง"แบทแมนรีเทิร์นส" จัดการ "เพนกวิน" ฉีกรูปตัวเอง

    อ่านต่อที่ : https://www.nationweekend.com/content/politics/13815

    #เนชั่นสุดสัปดาห์

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไทยเจอผู้ติดเชื้อเพิ่ม 10 ราย พบ 6 รายเป็นทหารไทย กลับจากการฝึกจากฮาวาย พบมีอาการตั้งแต่ถึงด่านคัดกรอง ส่วนเคสเสี่ยงสูง 12 ราย จ.ระยอง กักตัว 14 วัน ไม่พบติดเชื้อ กลุ่มเสี่ยงต่ำ 7 พันกว่าราย ไม่มีใครพบเชื้อ บลูมเบิร์กจัดไทยอันดับ 4 ของโลกจัดการโควิดได้ดีที่สุด

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000075961
    ………………………………
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วช. เปิดเผยผลวิเคราะห์ ราคา จำนวนการฉีด และช่วงเวลาที่น่าจะมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นครั้งแรก คาดว่าอยู่ที่ละ 620 บาท ต้องฉีด 2 เข็ม เท่ากับค่าวัคซีน 1,240 บาท ซึ่งราคาดังกล่าวนี้ใกล้เคียงกับราคาของวัคซีนไข้หวัดใหญ่

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000076054
    ............................................

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนาในอินเดียแซงหน้ายอดผู้เสียชีวิตของฝรั่งเศสแล้ว ด้วยตัวเลข 30,601 รายและมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เกือบ 50,000 คนเมื่อคืนนี้ ข้อมูลทางการเผย

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000076081
    ............................................

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง เมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา จากคดีความเมื่อปี 2555 กรณีที่ "นายวรยุทธ อยู่วิทยา" ขับรถเฟอร์รารีสีดำ รุ่นพินินฟาริน่า สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ญญ 1111 ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ ซึ่งออกมาปฏิบัติหน้าที่หลังได้รับแจ้งเหตุลักขโมย เมื่อเช้ามืดของวันที่ 3 ก.ย. 2555 แล้วหลบหนีไปจากจุดเกิดเหตุ ลากร่างของเจ้าหน้าที่นายดังกล่าวไปหลายสิบเมตร ทำให้ ด.ต.วิเชียรเสียชีวิต...ประวัติของ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” นั้น เขาเป็นหลานชายของ "นายเฉลียว อยู่วิทยา" มหาเศรษฐีผู้ล่วงลับ ผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มกระทิงแดง นายเฉลียว เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 3 ของประเทศไทย เสียชีวิตเมื่อปี 2012 จากการสำรวจคาดว่า ขณะนั้นเขามีทรัพย์สินราวๆ 5,000 ล้านดอลลาร์

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000076031
    ............................................

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พิษโควิดกดดันการค้าโลก ฉุดส่งออกไทย มิ.ย.63 ติดลบ 23.17% รวม 2 ไตรมาสแรกปีนี้ ติดลบ 7.09% สนค.เชื่อส่งออกไทย ลงต่ำสุดแล้ว / มีโอกาสฟื้นช่วงครึ่งปีหลัง ช่วยดันยอดทั้งปี ติดลบเป็นตัวเลขหลักเดียว / จับตาปัจจัยท้าทาย จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐกับจีน, จีนกับอินเดีย ที่มีผลต่อนโยบายการค้าและเศรษฐกิจโลก

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “สุริยะ” ยันทำงานที่กระทรวงอุตสาหกรรมมีความสุขดี ลั่นไม่เคยให้สัมภาษณ์ว่าต้องการไปนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลลังงานแต่อย่างใด และการปรับครม.ครั้งนี้อยู่ที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ชี้ขาด

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000076003
    ............................................

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เวียดนามออกคำสั่งห้ามค้าสัตว์ป่าทุกชนิด ลดเสี่ยงเกิดการระบาดรอบใหม่
    .
    รอยเตอร์/เอเอฟพี.24 ก.ค. - เวียดนาม หนึ่งในผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่ารายใหญ่ที่สุดของเอเชีย ได้ระงับการนำเข้าสายพันธุ์สัตว์ป่าทั้งหมด ไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือตายแล้ว และให้คำมั่นที่จะกำจัดตลาดค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายทั่วประเทศ
    .
    คำสั่งที่ลงนามโดยผู้นำเวียดนามมีขึ้นหลังเหตุอื้อฉาวในต่างประเทศเกี่ยวกับการค้าสัตว์ป่า และยังถูกกล่าวโทษว่าเป็นที่มาของการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีน
    .
    นายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุ้ก ออกคำสั่งห้ามค้าสัตว์ป่าซึ่งมีผลบังคับใช้ทันที เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดการระบาดครั้งใหม่ คำแถลงของรัฐบาลเวียดนามที่ออกในคืนวันพฤหัสฯ (23) ระบุ
    .
    นับเป็นชัยชนะครั้งใหญ่สำหรับกลุ่มนักอนุรักษ์ที่เคยกล่าวหาเจ้าหน้าที่เวียดนามละเลยการค้าสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและข้ามพรมแดน
    .
    “นายกรัฐมนตรีสั่งระงับการนำเข้าสัตว์ป่า ทั้งที่ยังมีชีวิตและตายแล้ว ไข่ ชิ้นส่วน หรือสิ่งอื่นใดที่ได้มาจากสัตว์ป่า ประชาชนทุกคนโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ต้องไม่เข้าร่วมในการล่า ซื้อขาย ขนส่ง สัตว์ป่าผิดกฎหมาย” คำสั่งที่ระบุอยู่บนเว็บไซต์ของรัฐบาล ระบุ
    .
    แม้จะมีความยินดีต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลเวียดนาม แต่องค์กรด้านการอนุรักษ์กล่าวว่า คำสั่งนี้ยังไม่ครอบคลุมเพียงพอ
    .
    “การห้ามบริโภคสัตว์ป่าที่กล่าวถึงในคำสั่งยังไม่เพียงพอ เนื่องจากสัตว์ป่าบางอย่างถูกนำไปใช้เป็นยา หรือถูกเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง ซึ่งคำสั่งยังครอบคลุมไม่ถึง” เหวียน วัน ท้าย ผู้อำนวยการองค์กร Save Vietnam's Wildlife กล่าว
    .
    ผลิตภัณฑ์สัตว์ที่ถูกลักลอบค้าบ่อยที่สุด คือ ชิ้นส่วนของเสือ นอแรด และเกล็ดตัวนิ่ม ที่มักถูกใช้ในยาแผนโบราณ

    “มันจะดีกว่านี้ถ้ามีรายการการใช้สัตว์ป่าในรูปแบบต่างๆ ที่ถูกห้ามอย่างละเอียดและชัดเจน” ผู้อำนวยการองค์กร กล่าว
    .
    ในเดือน ก.พ.องค์กรด้านการอนุรักษ์ 14 แห่งในเวียดนามส่งจดหมายเรียกร้องให้รัฐบาลระบุและปิดตลาดและสถานที่ต่างๆ ที่ขายสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
    .
    รายงานระบุว่า เวียดนามมีตลาดค้าสัตว์ป่าอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งการค้าสัตว์ป่าทางออนไลน์ เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายไม่เต็มที่.

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ราคาทองแตะจุดสูงสุดใหม่ เราขายตรงนี้เลยดีไหม?

    ใครที่มีทองคำ ไม่ว่าจะผ่านกองทุน ETF , Gold Futures หรือ แม้กระทั่ง ทองคำแท่ง คงน่าจะมีคำถามนี้ขึ้นมาในหัวตลอดทางที่ราคาทองวิ่งขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี

    ล่าสุด ราคาทอง Spot Gold เมื่อคืน วิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดระหว่างวันที่ $1,890.68 ก่อนจะลงมาแถวๆ $1,883.76 เวลาที่ผมโพสอยู่ตอนนี้ ใกล้เคียงกับราคาปิดของจุดสูงสุดเดิมที่เคยไปถึงเมื่อเดือนก.ย. 2011 ที่ระดับ $1,901

    มีสิ่งไหนบ้างที่ผมอยากจะแชร์ไว้เป็นข้อมูลเพิ่มเติม เราไปดูกัน

    1. การวิ่งของทองคำรอบนี้ ประกอบไปด้วยหลายปัจจัยสนับสนุนด้วยกัน เคยอัพเดทไปเมื่อปลายเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมาว่า ส่วนสำคัญเลยที่ทำให้ราคาทองดีดขึ้นมาในช่วง 2-3 เดือนหลัง มาจากการที่ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าต่อเนื่อง

    ซึ่งการอ่อนค่าของค่าเงินดอลล่าร์ จุดเริ่มต้นมาจากการออก Unlimited QE โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ และมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจชุดใหญ่จากกระทรวงการคลัง

    2. และ ตอนนี้ Dollar Index ก็อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 94.59 ถือเป็นจุดที่เราไม่ได้เห็นมาตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. ปี 2018 ทีเดียว แปลว่า ดอลล่าร์อ่อนค่าหนักทีเดียวเมื่อเทียบกับสกุลหลักอื่นๆโดยเฉพาะ EUR

    3. โดยจุดสำคัญที่ทำให้ราคาทอง จุดพลุจากแถวๆ $1,800 ต้นๆ ขึ้นมาที่เราเห็นอยู่ตอนนี้ ก็คือ เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา EU ได้เห็นพ้องกันรายละเอียดการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 มูลค่า 750,000 ล้านยูโร โดยแบ่งเป็น 2 วงเงินคือ เงินอุดหนุนราว 390,000 ล้านยูโร และเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 360,000 ล้านยูโร แล้วก็เพราะกองทุนนี้เอง เลยทำให้ตลาดมั่นใจในความตั้งใจแก้ปัญหา และการหันหน้าเข้าหากันหาทางออกของผู้นำยูโรโซน เลยทำให้ค่าเงิน EUR แข็งค่าขึ้นทันที

    4. สภาพตลาดการเงินที่เราเห็นตอนนี้ อยู่บนตำราอีกเล่ม ที่กลายเป็นว่า ประเทศใด หรือ กลุ่มประเทศใด ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เยอะมากในระดับที่ทำให้นักลงทุนเชื่อว่า จะผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ค่าเงินของประเทศนั้น หรือ กลุ่มประเทศนั้น ก็จะแข็งค่าขึ้นได้ (อย่างที่สหรัฐฯ เป็นมาแล้วในการทำ QE ในอดีต)

    5. และเพราะตอนนี้ งบดุลของเฟดเองก็ไม่ได้ขยาย 5 สัปดาห์ติดต่อกัน ถึงแม้จะมีคำมั่นสัญญาจว่าจะดูแลสภาพคล่อง และพร้อมปล่อยมาตรการออกมา แต่เมื่อมันยังไม่ออกมา ก็ทำให้ตลาดขาดปัจจัยบวกสนับสนุนในแง่ของนโยบายการเงินใหม่ๆ ในขณะที่ข่าวดีจากการพัฒนาวัคซีน ก็ดูเหมือนตลาดจะเริ่มดื้อกับข่าวนี้มากขึ้น

    6. อีกมุมที่อยากแชร์ ก็คือ เบื้องหลังการอ่อนค่าของดอลล่าร์ บางมุม มันก็เป็นปัจจัยสนับสนุนให้คนหันมาสนใจลงทุนในทองคำ โดยเฉพาะผ่านกองทุน ETF ในนี้

    ก็เพราะ นักลงทุนเริ่มเห็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆว่าเจ้าไวรัสโควิด-19 จะอยู่กับเรานานกว่าที่เราคิด และผลกระทบเริ่มยืดเยื้อ หลัง ก.แรงงานสหรัฐฯ ประกาศตัวเลข Jobless Claims ของสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้นมาที่ 1.41 ล้านราย เป็นตัวเลขที่ขยับสูงขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน สะท้อนว่า การระบาดรอบ 2 ในสหรัฐฯ อาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจช้ากว่าที่หลายฝ่ายประเมินไว้ก่อนหน้า

    7. แต่ก็ใช่ว่าทางสหรัฐฯจะไม่เตรียมการอะไรแล้วรอให้เศรษฐกิจทรุดหนักก่อน เพราะฝ่ายกฏหมายของทำเนียบขาวกำลังร่าง Stimulus Package วงเงิน 1 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ แต่ติดในบางประเด็นกับทางวุฒิสมาชิกอยู่ เลยทำให้ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะผ่านสภาออกมาได้ตอนไหน

    ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯก็น่าจะกังวลว่าจะคลอดมาตรการกระตุ้นชุดใหม่ล่าช้าด้วย เลยทำให้เมื่อคืนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบทุกตลาด

    8. แต่อย่าลืมปัจจัยที่อาจจะสำคัญที่สุดในการกำหนดทิศทางของราคาทองในอนาคตอีกหนึ่งอย่าง ก็คือ "Real Yield" โดยหาได้จากการเอา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Nominal Bond Yield) หักลบด้วย Breakeven Inflation

    ซึ่งตอนนี้ Real Yield ติดลบเกือบๆ -0.9% ทีเดียว บ่งบอกว่า การถือพันธบัตร มันไม่น่าสนใจ เพราะให้ผลตอบแทนน้อยกว่าเงินเฟ้อ ด้วยเหตุนี้ ทุกสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงทองคำ จึงเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันหมด เพราะนักลงทุนที่ทนกับผลตอบแทนต่ำติดดินของพันธบัตรไม่ได้ ก็ต้องย้ายไปลงทุนอย่างอื่น

    ดังนั้น ถ้าเมื่อไหร่ Real Yield ตัวนี้เด้งขึ้นมาละก้อ เราจะเห็นการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมาด้วย เมื่อนั้น ราคาทองก็ไม่น่าจะยืนได้เช่นกัน

    9. สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด คือ ตำแหน่งผู้ว่าการเฟด (Board of Governors) กำลังจะมี 2 ตำแหน่งที่ครบกำหนดวาระและว่างลง ซึ่งชื่อที่นักลงทุนหลายคนสนใจก็คือ Judy Shelton ที่ปธน.ทรัมป์ เป็นคนเสนอชื่อเธอเข้ามาเอง

    ประวัติของคุณจูดี้ น่าสนใจนะ เพราะเธอ เขียนหนังสือชื่อ Money Meltdown เมื่อปี 1998 ที่สนับสนุนแนวคิดให้กลับไปอ้างอิงปริมาณ money supply ทั้งหมดเข้ากับทองคำ หรือ กลับไปใช้ Gold Standard

    และล่าสุด Senate Banking Committee ก็ไฟเขียวให้เธอแล้ว รอก็เพียงเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภาโหวตอีกรอบ น่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายของเฟดไม่น้อยทีเดียวถ้าเข้ามาได้

    10. มุมมองทางเทคนิค ราคาทอง หากยืนเหนือ $1,883 ได้ภายในวันนี้ จะเท่ากับ ราคาปิดรายสัปดาห์สูงสุดตลอดกาล และมีโอกาสทะยานไปต่อ

    มองเป้าต่อไป $2,000 แต่ถ้าผ่านไม่ได้ ให้ระวังแรงขายหนักหน่อย เพราะราคาล่าสุด ห่างจาก EMA 20 วันไกลไปพอควร ใครเข้าตรงนี้ จุด Stop Loss ค่อนข้างห่าง ($1,850) ควรนั่งเฉยๆ รอการ Breakout หรือเลือกทางแล้วค่อยว่ากันครับ

    แหล่งที่มาข้อมูล :-
    https://www.investing.com/indices/major-indices
    https://www.bloomberg.com/news/arti...-deal-on-750-billion-euro-virus-recovery-fund
    https://nymag.com/intelligencer/2020/07/republicans-debating-second-stimulus-package.html
    https://www.startribune.com/god-help-us-if-judy-shelton-joins-the-fed/571878132/

    Mr.Messenger รายงาน

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอเอฟพี - ตัวเลขคนว่างงานของสวีเดนแตะระดับเกือบ 10% ในเดือนมิถุนายน สูงสุดในนับตั้งแต่ปี 1998 สืบเนื่องจากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แม้ประเทศแห่งนี้เลือกยุทธศาสตร์แตกต่างจากชาติอื่นๆ ไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ปิดเมืองระหว่างเกิดการระบาดใหญ่ จากการเปิดเผยของสำนักงานสถิติแห่งชาติสวีเดนในวันพฤหัสบดี (23 ก.ค.)
    .
    รายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติสวีเดน ระบุว่า ตัวเลขคนว่างงานในหมู่ประชากรอายุ 16 ถึง 64 ปี ที่ปรับผลกระทบจากปัจจัยด้านฤดูกาลออกแล้ว แตะระดับ 9.4% ในเดือนมิถุนายน ทุบสถิติเดิม 9% ซึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี 2010 หลังวิกฤตการเงินโลก
    .
    อัตราคนว่างงานในสวีเดนถือว่าพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากในเดือนมกราคม ยังอยู่ที่ 7.2% ก่อนขยับขึ้นมาแตะระดับ 8.6% ในดเอนพฤษภาคม
    .
    ตัวเลขคนว่างงานสูงสุดตลอดกาลของสวีเดน ต้องย้อนกลับไปในเดือนมิถุนายน 1997 โดยคราวนั้นอยู่ที่ 11.7% ในช่วงท้ายของวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงที่เล่นงานสวีเดนในช่วงทศวรรษ 1990
    .
    ในส่วนของข้อมูลที่ยังไม่ปรับผลกระทบจากปัจจัยด้านฤดูกาล พบว่าสวีเดนมีผู้หางาน 557,000 คนในเดือนมิถุนายน มากกว่าหนึ่งปีก่อนหน้านี้ ราวๆ 150,000 คน
    .
    จากข้อมูลพบว่าคนหนุ่มสาวเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด โดยเยาวชนที่ตกงานแตะระดับมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1993
    .
    หากนับเฉพาะกลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 24 ปี ตัวเลขว่างงานที่ปรับผลกระทบจากปัจจัยด้านฤดูกาลออกแล้ว พุ่งแตะระดับ 28% เพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ 20.4% ในเดือนมกราคม
    .
    ข้อมูลพบว่า มีคนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่า 25 ปี ขึ้นทะเบียนคนว่างงานราว 173,000 คน มากกว่าช่วงก่อนหน้าที่สวีเดนจะถูกโรคระบาดใหญ่เล่นงาน ถึง 50,000 คน
    .
    เดวิด ซามูเอลส์สัน จากสำนักงานสถิติแห่งชาติสวีเดน บอกว่า ตัวเลขคนว่างงานที่พุ่งขึ้นในเบื้องต้น สืบเนื่องจากคนงานเหล่านั้นเป็นพนักงานสัญญาชั่วคราวและไม่ได้รับการขยายสัญญาออกไป พร้อมบอกว่าเยาวชนผู้ตกงานยังได้รับผลกระทบจากตำแหน่งงานที่ลดลงในช่วงฤดูร้อนด้วย
    .
    สวีเดนเลือกหนทางต่างจากประเทศอื่นๆ ในยุโรป โดยพวกเขาไม่ได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ปิดเมือง ในระหว่างเกิดการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยยังคงอนุญาตให้ธุรกิจต่างๆ เปิดดำเนินการได้ต่อไปเป็นส่วนมาก
    .
    อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากผลลัพธ์ซึ่งเกิดขึ้นจนถึงเวลานี้ ปรากฏว่า เศรษฐกิจสวีเดนทำท่าถูกกระทบกระเทือนอย่างหนักหน่วงจากโรคระบาดใหญ่ ไม่ได้แตกต่างอะไรจากชาติอื่นๆ เนื่องจากพวกเขาพึ่งพิงการส่งออกเป็นอย่างมาก ขณะที่อัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 โดยเฉพาะในหมู่คนชราที่พุ่งสูงลิ่วยิ่งกว่า
    .
    วิธีการที่สวีเดนใช้รับมือกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั้น บรรดาสถานบริการที่มีผู้คนชุมนุมแออัดกัน ไม่ว่าจะเป็น คาเฟ่, บาร์, ภัตตาคารร้านอาหาร รวมทั้งธุรกิจต่างๆ ส่วนใหญ่ต่างยังคงเปิดทำการได้ เช่นเดียวกับโรงเรียนสถานศึกษาสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปี ถึงแม้มีการเรียกร้องแข็งขันให้ประชาชนทำตามกฎการเว้นระยะห่างทางสังคมและคำแนะนำด้านสุขอนามัยทั้งหลาย เช่น การล้างมือบ่อยๆ
    .
    จากข้อมูลจนถึงวันพุธ (22 ก.ค.) สวีเดนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 78,504 คน และเสียชีวิต 5,667 ราย ในชาติที่มีประชากรราวๆ 10 ล้านคน
    .
    ในเดนมาร์ก ชาติเพื่อนบ้าน ซึ่งใช้มาตรการล็อกดาวน์อันเข้มงวด จนไม่พบเห็นยอดผู้ติดเชื้อในระดับเดียวกัน ตัวเลขคนว่างานแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2012 ในเดือนพฤษภาคม อยูู่ที่ 5.6% ดีดตัวขึ้นจากระดับ 3.7 ในเดือนกุมภาพันธ์
    .
    ส่วนที่ นอร์เวย์ ตัวเลขคนว่างงานอยู่ที่ 4.9% ในเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นจากระดับ 3.8% ในเดือนกุมภาพันธ์
    .
    ทั้งนี้ ในส่วนของการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้น คาดหมายกันว่า สวีเดน ก็อาจได้รับผลกระทบหนักหนากว่าประเทศเพื่อนบ้านเช่นกัน โดยประมาณการณ์ว่าจีดีพีของสวีเดนจะหดตัว 6% ในปีนี้ ส่วน นอร์เวย์ และ เดนมาร์ก คาดหมายว่า จะหดตัว 3.5% และ 4.1% ตามลำดับ

    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://mgronline.com/around/detail/9630000075812
    -------------------------------

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แม้ว่าญี่ปุ่นจะไม่ใช่ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่ผลสำรวจความคิดเห็นของชาวญี่ปุ่นกลับลงความเห็นว่า ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของพวกเขาได้คะแนนติดลบที่สุดในกลุ่มผู้นำของประเทศพัฒนาแล้ว

    Kekst CNC บริษัทด้านยุทธศาสตร์การสื่อสาร ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในประเทศต่าง ๆ คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี สวีเดน สหรัฐ และญี่ปุ่น เกี่ยวกับมาตรการของผู้นำประเทศในการรับมือไวรัสโควิด พบว่า นายกฯ ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นมีผลคะแนนต่ำที่สุด คือ -33 จุด สะท้อนความไม่พอใจของชาวญี่ปุ่น

    คะแนนของนายอาเบะยังน้อยกว่าที่ชาวอเมริกันประเมินประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้คะแนน -20 ส่วนผู้นำที่ได้คะแนนในแดนลบเช่นกัน ก็คือ ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และนายกฯ บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ
    ผู้นำที่ประชาชนให้คะแนนพอใจการรับมือโควิดสูงที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว คือ นายกฯ อังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี และ นายกฯ สเตฟาน ลูฟเฟน ของสวีเดนก็ได้คะแนนในด้านบวก

    ทั้งนี้ ผลสำรวจบอกว่า ชาวญี่ปุ่นไม่พอใจที่รัฐบาลของนายอาเบะล่าช้าในการควบคุมการระบาดของโควิด ธุรกิจ SMEs ได้รับความช่วยเหลือน้อยและล่าช้า โดยมีธุรกิจเพียง 20% ที่บอกว่ารัฐบาลได้ช่วยเหลืออย่างเหมาะสม ซึ่งน้อยที่สุดใน 6 ประเทศที่สำรวจ ส่วนประเทศที่ธุรกิจพอใจในความช่วยเหลือของรัฐบาลมากที่สุด คือ อังกฤษ

    ประชาชนชาวญี่ปุ่น 32% ยังบอกว่ากังวลว่าจะตกงานเพราะโควิด ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มนี้ ประชาชนมีความกังวลเรื่องงานราว 20% หรือน้อยกว่า

    #roundtablethailand
    Roundtablethailand.com

    ที่มา https://mgronline.com/japan/detail/9630000075374

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jul 24 , 2020 ส่งออกมิ.ย.2563 ติดลบ 23.17% ร่วงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ต่ำสุดรอบ 11 ปี หลังได้รับผลกระทบจากโควิด 19 พร้อมคาดว่าทั้งปีอาจติดลบ 8 – 9 % มากกว่าที่เคยประเมินไว้ติดลบ 6%
    .
    นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้ารายงานสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศเดือน มิ.ย.2563 มีมูลค่าการส่งออก 16,444 ล้านดอลลาร์ เทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วลดลง 23.17% เป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันนับตั้งแต่เดือน เม.ย.2563 และต่ำสุดในรอบ 131 เดือน หรือเกือบ 11 ปี นับตั้งแต่ ม.ค. 2552
    .
    ในขณะที่การนำเข้ามูลค่า 14,834 ล้านดอลลาร์ ลดลง 18.05% รวมได้ดุลการค้า 1,610 ล้านดอลลาร์
    .
    รวมการส่งออก 6 เดือน แรกของปีนี้มีมูลค่า 144,343 ล้านดอลลาร์ ลดลง 7.09% การนำเข้ามูลค่า 103,642 ล้านดอลลาร์ รวมได้ดุลการค้า 10,701 ล้านดอลลาร์
    .
    นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า ในปีนี้ ยอมรับว่า มีโอกาสที่การส่งออกจะติดลบ 8-9% ซึ่งมากกว่าที่เคยประเมินไว้ว่าจะติดลบถึง 6% โดยครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยกดดัน ทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อกำลังซื้อลดลงของประชาชน แม้ว่าหลายประเทศในเอเชียจะเริ่มฟื้นตัวดี แต่ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการล็อกดาวน์จากการแพร่ระบาดรอบสอง
    .
    พร้อมยังต้องติดตามความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สหรัฐ-จีน และจีน-อินเดีย ที่สร้างความไม่แน่นอนต่อนโยบายการค้าและเศรษฐกิจโลก และการแข็งค่าของเงินบาท ที่จะส่งผลต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านราคา
    .
    ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนการส่งออก ประกอบด้วย การขนส่งสินค้าที่คล่องตัวขึ้น โดยเฉพาะการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยไทยและประเทศเพื่อนบ้านต่างเริ่มผ่อนคลายเปิดจุดผ่านแดนสำคัญๆให้สามารถทำการขนส่งสินค้าได้หลายช่องทาง ซึ่งขณะนี้หลายขุดกลับมาเปิดดำเนินการได้เกือบทั้งหมดแล้ว
    .
    นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยกระตุ้นให้การใช้จ่ายของประชาชนฟื้นตัว ทั้งนี้ คาดว่าการส่งออกไปจีนจะยังขยายตัวได้ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี ในขณะเดียวกัน ตลาดสหรัฐกลับมาขยายตัวตามการเร่งเปิดเศรษฐกิจ
    .
    อย่างไรก็ตามการส่งออกในครึ่งปีหลัง จะพยายามผลักดันให้การส่งออกในแต่ละเดือนมีมูลค่า 18,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งการช่วยเหลือเอสเอ็มอี การสนับสนุนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและบริการในต่างประเทศ รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมสร้างโอกาสทางการค้า
    .
    #ส่งออก #มิถุนายน #ติดลบ #Misterban

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    July 24, 2020 เตือนติดโควิด-19 ทะลุวันละ 150,000 คน กันยายนนี้
    .
    ธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ ยักษ์ธนาคารชั้นนำระดับโลกในสหรัฐ เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือเริ่มเดือนกันยายนนี้ของสหรัฐอเมริกา อาจมีความเป็นไปได้สูงที่ชาวอเมริกันจะติดโรคโควิด-19 ถึงวันละ 150,000 คน ถ้าหากปราศจากมาตรการควบคุมและป้องกันสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่รัดกุมพอ
    .
    นายแมธิว แฮริสัน ฝ่ายวิเคราะห์กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ ธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ เปิดเผยว่า ในช่วงก่อนหน้านี้ ตัวเลขจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 รายวันในสหรัฐโดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถูกประเมินไว้ที่วันละ 40,000 - 50,000 คน แต่สถานการณ์การระบาดในสหรัฐเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเกิดศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่ในสหรัฐพร้อมๆกัน ได้แก่ แอริโซนา เท็กซัส ฟลอริดา และแคลิฟอร์เนีย ทำให้ต้องปรับตัวเลขประมาณการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันขึ้นใหม่อีก 3 เท่าจากเดิม
    .
    ด้านผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย นายเกวิน นิวซอม แถลงคืนที่ผ่านมาว่า จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 เสียชีวิตใน 24 ชั่วโมงผ่านมา พุ่งสูงถึง 157 ราย ส่งผลทำลายสถิติจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันมากที่สุดในสหรัฐ ซึ่งทำลายสถิติเดิมในรัฐนิวยอร์คไปแล้ว ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมในรัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่มขึ้นเป็น 8,298 ราย ขณะที่จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ในรัฐดังกล่าวเพิ่มเป็นมากกว่า 421,000 ราย ทำสถิติขึ้นอันดับ 1 ในสหรัฐ แซงรัฐนิวยอร์คที่ตกมาอยู่อันดับที่ 2 ของสหรัฐที่มีจำนวนกว่า 409,000 ราย
    .
    ทั้งนี้ในช่วง 7 วันที่ผ่านมานั้น สหรัฐมีจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 รายวันโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 66,805 รายต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขเฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก 7% เมื่อเทียบกับในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
    .
    #สหรัฐ #มอร์แกนสแตนลีย์ #ไวรัสโควิด19 #150000คน #Misterban

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jul 24, 2020 "สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์" ลาออกบอร์ด PTTGC มีผล 23 ก.ค.นี้ เปิดทางตำแหน่งรมว.พลังงาน
    .
    นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ได้เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่านายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ กรรมการ และประธานกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร ได้แจ้งลาออกจากตำแหน่งกรรมการ ปตท. เนื่องจากมีภารกิจอื่น เเละยังได้ลาออกจากการเป็นกรรมการของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC โดยการลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.2563 เป็นต้นไป
    .
    โดยกระแสข่าวว่านายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ จะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกำลังปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
    .
    สำหรับประวัติของนายสุพัฒนพงษ์ จบการศึกษา วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วิศวกรรมเคมี) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้มีประสบการณ์การทำงานด้านพลังงาน 5 ปีย้อนหลัง เคยเป็นประธานกรรมการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) กรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) อดีตประธานกรรมการ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) อดีตกรรมการ บริษัท PTTGC International Private Limited เป็นต้น
    .
    #PTTGC #ลาออก #พลังงาน #Misterban

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jul 24 ,2020 พนักงานสายการบินทั่วโลก 400,000 คนอาจตกงานจากผลกระทบโควิด 19
    .
    สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินของสหรัฐฯเผยว่าพนักงานของสายการบินทั่วโลกถึง 400,000 คน อาจต้องอยู่ในสภาวะว่างงาน เพราะถูกเลิกจ้าง หลังสายการบินทั่วโลกต้องเผชิญปัญหาทางการเงิน เนื่องจากการลดเที่ยวบิน ในช่วง 6 เดือนที่่ผ่านมา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่าย
    .
    โดยสายการบินชั้นนำ อย่าง บริติซ แอร์เวย์ , ลุฟท์ฮันซ่า และเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ ได้ประกาศเลิกจ้างพนักงาน และปลดระวางเครื่องบินในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ และคาดว่าจะมีสายการบินอีกหลายแห่งทั่วโลก ประกาศเลิกจ้างพนักงานในช่วงที่เหลือของปีนี้
    .
    อย่างไรก็ตามสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA รายงานว่า นอกจากสายการบินแล้ว อุตสาหกรรมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบิน บริษัทนำเที่ยว และโรงแรม ก็ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะบริษัทผลิตเครื่องบินยักษ์ อย่าง แอร์บัส และ โบอิ้ง ต้องเลิกจ้างพนักงานมากถึง 30,000 ตำแหน่ง
    .
    #สายการบิน #ตกงาน #พักงาน #misterban

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jul 24 , 2020 จีนตอบโต้สหรัฐฯ สั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐในเฉิงตู
    .
    กระทรวงการต่างประเทศจีนมีคำสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เพื่อตอบโต้สหรัฐสั่งปิดสถานกงสุลของจีนในเมืองฮุสตันก่อนหน้านี้
    .
    พร้อมระบุว่าคำสั่งดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย และมีความจำเป็นเพื่อตอบโต้การเคลื่อนไหวที่ไร้เหตุผลของสหรัฐ และย้ำว่าสถานการณ์ระหว่างจีนกับสหรัฐขณะนี้เป็นสิ่งที่จีนไม่ต้องการให้เกิดขึ้น และสหรัฐต้องรับผิดชอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
    .
    โดยสถานกงสุลสหรัฐในเมืองเฉิงตูตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1985 ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่กว่า 200 คน และตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เนื่องจากอยู่ติดกับทิเบต
    .
    อู่ซินป๋อ ผู้เชี่ยวชาญด้านอเมริกันศึกษาจากมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นในเซี่ยงไฮ้เผยว่า สถานกงสุลสหรัฐในเมืองเฉิงตูมีความสำคัญกว่าสถานกงสุลอื่นของสหรัฐ เนื่องจากเป็นที่ที่สหรัฐใช้ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทิเบต และการพัฒนาอาวุธด้านยุทธศาสตร์ในภูมิภาคอื่นๆ ของจีน
    .
    #จีน #สหรัฐ #เฉิงตู #Misterban

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jul 24,2020 ราคาทองคำยังเด้งไม่หยุดปรับขึ้น 3 ครั้ง 150 บาท ด้านฮั่วเซ่งเฮงเตือนควรระวังแรงเทขาย
    .
    สมาคมค้าทองคำประกาศราคาทองคำในช่วงเช้าที่ผ่านมามีการปรับขึ้นทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งละ 50 บาท รวม 150 บาท เมื่อเทียบกับเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ราคาทองแท่งรับซื้อบาทละ 28,200 ขายออกบาทละ 28,300 ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 27,697.32 ขายออกบาทละ 28,800 โดยมีราคา Gold spot ที่ 1,888 ดอลลาร์
    .
    Daily Trade Report ของฮั่วเซ่งเฮงรายงายว่า ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปรับขึ้นร้อนแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนที่ตึงเครียด โดยสหรัฐสั่งปิดสถานฑูตจีนที่เมืองฮิวสตัน พร้อมกับกล่าวหาว่าจีนมีส่วนพัวพันในการโจรกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐ ขณะที่จีนขู่จะตอบโต้โดยอาจลดจำนวนเจ้าหน้าที่สถานฑูตสหรัฐในฮ่องกง นอกจากนี้สหรัฐประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานฯ อยู่ที่ระดับ 1.416 ล้านราย สูงกว่าตลาดคาดจะอยู่ที่ระดับ 1.30 ล้านราย โดยตัวเลขยังมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 18 แม้ว่ารัฐต่างๆได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ สะท้อนถึงตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอ่อนแอ ทางด้านกองทุน SPDR ซื้อทองคำต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 โดยเมื่อวานซื้อทองคำ 2.04 ตัน
    .
    ประเด็นต้องติดตามคือสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสหรัฐและจีน ส่วนคืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนี PMI ภาคการผลิตและดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.0 และ 51.0 ตามลำดับ
    .
    แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,900 ดอลลาร์ หลังจากที่ราคาทองคำปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง ทั้งนี้อาจต้องเริ่มระวังแรงเทขายถ้าปรับขึ้นเข้าใกล้แนวต้านดังกล่าว แต่ถ้าผ่านขึ้นไปได้มีโอกาสไปที่จุดสูงสุดของทองคำในปี 2554 ที่ 1,920 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,870 ดอลลาร์ และ 1,850 ดอลลาร์
    .
    #ทองคำ #สถิติ #ใหม่ #Misterban

     

แชร์หน้านี้

Loading...