ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จังหวะดีของรัฐบาลอิสราเอล:

    ใครที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ยังไม่รู้จักดีว่าอเมริกากับอิสราเอลมีความสัมพันธ์อย่างไร ก็ขอให้อ่านข้อมูลข้างล่างนี้เสียก่อนนะครับ จะได้เปิดหูเปิดตาเสียที

    https://www.blockdit.com/articles/5ef76ee16eca200ca15de80b

    ตอนนี้ รัฐบาลอเมริกามีเหมือนไม่มี สะเปะสะปะ ไร้หลักการ ไร้มโนธรรมและดูท่าว่าจะไร้สติ จะบอกว่าสติแตกคงไม่ผิดนัก

    ภายนอกประเทศ ขณะนี้ อเมริกาส่งเรือรบไปป่วนเวเนซุเอล่าถึงน่านน้ำเวเนซุเอล่า, ส่งเรือรบไปป่วนจีนที่ทะเลจีนใต้, ส่งเรือรบไปป่วนรัสเซียที่ทะเลดำ, มีข่าวว่าอิสราเอลเสนอให้อเมริกาหาวิธีหาเรื่องกับอิหร่านอีกรอบ ฯลฯ ภายในประเทศก็มีประท้วงกันในหลายๆ รัฐ ปัญหาโควิด ๑๙ ก็แก้ไม่เป็น แถมมีหลายฝ่ายกดดันให้เปิดเรียนเปิดทำงานตามปรกติ

    ระหว่างที่ประเทศอเมริกาและสังคมอเมริกันมีปัญหามากมายก่ายกองที่จะต้องอาศัยภูมิปัญญาคนอเมริกันระดมสมองมาช่วยกันหาทางแก้อย่างเร่งด่วน สภาคองเกรสของอเมริกากลับพากันนำเสนอกฎหมายเพื่อช่วยอิสราเอลไม่น้อยกว่า ๖๘ ฉบับ ผลประโยชน์ของยิวไซออนิสต์มาก่อน ผลประโยชน์ของชาวอเมริกัน

    ตกลง สส.อเมริกันเลือกกันเข้ามาเพื่อทำงานให้ใคร? สภาคองเกรสอเมริกันอาศัยจังหวะที่ผู้คนสนใจที่ประเทศตนเองมีความขัดแย้งทั้งในประเทศ ทั้งนอกประเทศต่างๆ นานา รีบดันข้อกฎหมายให้อิสราเอลเป็นว่าเล่น

    อ่านรายละเอียดว่าอเมริกากำลังรับใช้อิสราเอลในเรื่องอะไรบ้างจากเนื้อหาในข่าวข้างล่างได้ครับ

    @ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์

    https://www.palestinehome.org/news-...BwSWIs2rieHVcnCzj5gEFNJQCej2n0fJJSvXhcJiyJdN4

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด่วน.....!!! ฮิซบุลเลาะห์ยิงจรวดโจมตีอิสราเอล !!!!

    รายงานเปิดเผยว่า กองกำลังฮิซบุลเลาะห์ยิงจรวดโจมตีอิสราเอล ในเขตแดนเลบานอน-อิสราเอล

    ทางการอิสราเอลประกาศห้ามพลเรือนของตนในเขตพื้นที่ดังกล่าวออกมานอกบ้าน

    บางแหล่งข่าวระบุว่า ได้ยินเสียงระเบิดหลายลูกดังขึ้นเป็นระยะๆในเขตพื้นที่ที่ถูกยึดครอง

    รออัพเดต

    ข่าวโลกที่3

    https://www.farsnews.ir/news/13990506000910/درگیری-در-مرز-لبنان-فلسطین-اشغالی-|-تبادل-آتش-ادامه-دارد

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อัพเดต

    เกิดเหตุการระเบิดครั้งใหญ่คลังเก็บอาวุธของตำรวจและกองกำลังฮัชดฺชะบี ที่ฐานทัพร่วมทางตอนใต้ของกรุงแบกแดด

    สื่อด้านความมั่นคงของประเทศอิรักออกแถลงการณ์ชี้แจงรายละเอียดอย่างเป็นทางการว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเวลาประมาณ18:40(ตามเวลาท้องถิ่น)เกิดการระเบิด2ครั้งติดต่อกันในฐานทัพอัล-ซัดร ซึ่งอยู่ในเขตซัยดียะห์ติดกับเขตรอชีดและใกล้กับทางหลวงที่จะเชื่อมระหว่างกรุงแบกแดดกับเมืองฮีลละห์

    ในแถลงการณ์ยังระบุว่าสาเหตุการระเบิดเกิดขึ้นจากคลังเก็บอาวุธยุทธภัณฑ์มีอุณหภูมิที่สูงขึ้นบวกกับการจัดเก็บที่ผิดพลาด จึงเป็นเหตุให้เกิดระเบิดดังกล่าว ทั้งนี้ไม่พบว่ามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้

    ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายป้องกันพลเรือนพลตรี Kazem Salman Buhan กล่าวว่า
    เจ้าหน้าที่ดับเพลิง 15 หน่วยได้ถูกส่งไปยังฐานอัล - ซัดรเพื่อควบคุมเพลิงไฟที่รุกไหม้

    ทั้งนี้ ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยอิรักได้ออกแถลงการณ์ว่า สามารถควบคุมเพลิงไหม้ที่เกิดจากเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้ได้เรียบร้อยแล้ว

    ข่าวโลกที่3

    https://www.presstv.com/Detail/2020/07/26/630474/explosions-arms-depot-Baghdad

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อัพเดต...... ระเบิด “ฐานทัพอัล-ซัดร” อิรัก อุบัติเหตุหรือถูกโจมตี???

    สำนักข่าวอัล-อาลัม รายงานว่า จนถึงขณะนี้มีความขัดแย้งในท่าทีต่อเหตุการณ์ เพราะเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูลความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลอิรักออกแถลงการณ์ว่า สาเหตุการระเบิดเกิดขึ้นจากคลังเก็บอาวุธยุทธภัณฑ์มีอุณหภูมิที่สูงขึ้นบวกกับการจัดเก็บที่ผิดพลาด ในขณะที่พยานในเหตุการณ์และพยานหลักฐานและแถลงการณ์ของผู้แทนและเจ้าหน้าที่บางคนของกลุ่มขบวนการ ฮัชด์ ชะอ์บีย์ ย้ำว่า การระเบิดที่เกิดขึ้นเพราะถูกโดรนกำหนดเป้าหมายโจมตี

    พยานในที่เกิดเหตุบางคนยังอ้างว่า โดรนบินผ่านฐานฐานก่อนที่คลังอาวุธมันจะระเบิด ฐานนี้เป็นของตำรวจและมีนักรบ ฮัชด์ ชะอ์บีย์ ประจำการอยู่ด้วย

    ข่าวโลกที่3

    https://fa.alalamtv.net/news/506741...ت-انفجارهای-امروز-اردوگاه-الصقر-در-جنوب-بغداد

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มาต่อกันที่เรื่องสายลับจีนนะครับ เรื่องนี้เหมือนจะยังไม่จบง่ายๆ คือตั้งแต่ที่ FBI สามารถรวบตัว Juan Tang นักชีววิทยาซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งใน 4 สายลับชาวจีนที่เข้ามาพยายามเจาะฐานข้อมูลของสหรัฐอเมริกา

    ก็ไปประจวบเหมาะกับที่ศาลของสหรัฐอเมริกานำตัวสายลับจีน สัญชาติสิงคโปร์คนหนึ่งชื่อ Dickson Yeo ที่ถูกจับได้เมื่อประมาณปี 2019 มาขึ้นให้การต่อศาลในวันเดียวกันพอดี ซึ่งเจ้าตัวก็สารภาพต่อศาลทุกประการว่าเป็นสายลับของรัฐบาลจีน

    คำสารภาพของเขาและคำให้การที่ FBI ได้ให้ไว้ต่อทางศาลนั้นน่าสนใจมาก เห็นควรว่าน่าเอามาเผยแพร่ เดี๋ยวขอสรุปให้อ่านเป็นข้อๆเหมือนเดิมเลยแล้วกัน

    1. สายลับคนที่ถูกกล่าวถึงในครั้งนี้ คือ Dickson Yeo เป็นชาวสิงคโปร์ เขาเข้าเรียนระดับชั้นปริญญาเอกที่สถาบัน Lee Kuan Yew School of Public Policy ในปี 2015

    2. โดยจบปริญญาตรีด้านสื่อสารมวลชนจาก Oklahoma City University และปริญญาโทด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาจาก National University of Singapore และปริญญาโทใบที่สอง ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจาก International University of Japan

    3. โดยเลือกหัวข้อวิจัยระดับปริญญาเอกเป็นประเด็นเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของจีน และโครงการ Belt and Road Initiative ที่ประธานาธิบดี Xi Jinping เป็นคนริเริ่ม

    4. การทำวิจัยเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของจีนนี้ทำให้ Dickson Yeo มีโอกาสได้เดินทางเข้าออกไปที่ประเทศจีนอยู่หลายต่อหลายครั้ง เพราะจำเป็นต้องเข้าไปติดต่อหาข้อมูล และลงพื้นที่พูดคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐ

    5. รัฐบาลจีนเห็นโอกาสดังนั้นจึงสั่งให้หน่วยข่าวกรองของรัฐบาลจีน (MSS) ติดต่อ Dickson Yeo ไปในปี 2015 ช่วงที่เขาเดินทางไปเข้าร่วมประชุมงานวิชาการที่ประเทศจีน เพื่อนำเสนอผลงานวิจัย

    6. เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของรัฐบาลจีนนั้นอ้างกับ Dickson Yeo ในช่วงแรกๆที่พบกันว่า พวกเขาทำงานให้กับสถาบันวิจัยของประเทศจีน และมีสถานะเป็นเพียงนักวิชาการ หรือนักวิจัยทางด้านนโยบายเท่านั้น

    7. พวกเขาได้ติดต่อ นัดพบกันหลังจากวันนั้นอีกหลายครั้ง เพื่อทำความรู้จักกัน และพูดคุยถึงโอกาสทางธุรกิจที่รัฐบาลจีนอยากให้ Dickson Yeo ช่วยทำให้

    8. Dickson Yeo ให้การกับศาลว่าเขารู้ตัวตั้งแต่แรกๆแล้วว่าคนพวกนั้นคือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของรัฐบาลจีน แต่ยังยืนยันจะติดต่อพบปะพูดคุยกับคนพวกนั้นอีกเรื่อยๆ

    9. เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของรัฐบาลจีนได้ขอให้เขาเปิดบริษัทปลอมๆขึ้นมาหนึ่งบริษัท โดยเน้นย้ำว่าบริษัทที่เขาเปิดต้องเป็นบริษัทแนวที่ปรึกษา ที่เน้นให้คำปรึกษาทางด้านนโยบาย ด้านเศรษฐกิจ การเมือง

    10. เพราะรัฐบาลจีนจะใช้บริษัทนั้นเป็นฉากหน้า เพื่อที่จะจารกรรมข้อมูลจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา วิธีการของรัฐบาลจีนนั้นง่ายมาก ไม่มีอะไรซับซ้อน ทางฝ่ายข่าวกรองจีนบอก Dickson Yeo เช่นนั้น

    11. Dickson Yeo จึงตั้งบริษัทลอยๆขึ้นมาบริษัทหนึ่งในปี 2018 ชื่อ Resolute Consulting เพื่อทำปฏิบัติการลับภายในสหรัฐอเมริกา รายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทดังกล่าวถูกแจ้งเอาไว้กับสาธารณะว่าเป็นแค่บริษัทที่ปรึกษาธรรมดาๆบริษัทหนึ่ง

    12. รัฐบาลจีนได้สั่งให้เขาบอกกับคนอื่นเวลามีคนถามถึงบริษัทเขาว่า Resolute Consulting นี้เป็นบริษัทที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันระหว่างตัวเขาและลูกค้าในโตเกียว เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และนิวเดลี

    13. งานหลักของบริษัทดังกล่าว คือการทำวิจัย ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับประเด็นทางด้านเศรษฐกิจการเมืองและนโยบายเพื่อทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงให้แก่ลูกค้า และกลุ่มเอกชนที่เข้ามาติดต่อขอคำปรึกษา

    14. หลังจากตั้งบริษัทปลอมๆขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลจีนก็สั่งให้ Dickson Yeo ทำการโพสต์โปรไฟล์ของบริษัทดังกล่าวนั้นลงภายในเว็ปไซต์ LinkedIn (เว็ปหางานอันดับแถวหน้าของโลก)

    15. สาเหตุที่ต้องเอาบริษัทลงเว็ป LinkedIn คือ เพื่อใช้ LinkedIn เป็นเครื่องมือ หรือตัวกลางในการติดต่อสื่อสารระหว่างตัวบริษัทของ Dickson Yeo และคนที่ทำงานให้แก่รัฐบาลสหรัฐอเมริกา

    16. รัฐบาลจีนเน้นย้ำกับ Dickson Yeo เอาไว้ว่า ให้โพสต์ประกาศรับสมัครงานลงใน LinkedIn แล้วเจาะจงหาคนที่มีประวัติการทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา หน่วยงานใดก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ

    17. เป็นต้นว่า FBI, CIA, NSA, กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพบก กองทัพอากาศหรือหน่วยงานใดก็ได้ที่กุมความลับ และข้อมูลอันอ่อนไหวของประเทศอยู่

    18. Dennis Yeo ให้การต่อศาลว่าเขาได้ทำตามคำแนะนำของรัฐบาลจีน แล้วเลือกเจาะจงพยายามติดต่อไปหาคนจากหน่วยงานดังกล่าว อย่างเคร่งครัด

    19. ซึ่งผลที่ได้ก็ค่อนข้างน่าตกใจ เพราะมีคนจากหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาติดต่อส่งใบสมัคร ส่ง CV เข้ามาสมัครงานกับบริษัทของเขามากมายกว่า 400 คน

    20. โดยกว่า 90% ของ 400 กว่าคนนั้นเป็นคนจากกองทัพอเมริกา หรือไม่ก็เป็นคนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายความมั่นคงที่ทำงานใกล้ชิดกับฝ่ายนโยบายในทำเนียบขาว

    21. หลังจากเขาได้รับ CV ทั้งหมดนั้น เขาก็ได้ส่งใบสมัครทั้งหมดต่อไปให้รัฐบาลจีน และหน่วยข่าวกรองของจีนได้ทำการพิจารณาคัดเลือกผู้สมัคร

    22. ถามว่าทำไมต้องใช้ LinkedIn? Dickson Yeo ตอบว่าเพราะคนที่ใช้เว็ป LinkedIn นั้นเป็นคนประเภทที่ชอบเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลด้านการทำงาน ประสบการณ์ทำงานของตัวเองอย่างโจ่งแจ้งลงเว็ปไซต์ ไม่ว่าตัวเองจะเคยทำงานอะไรมาก่อน ก็โพสต์บอกสาธารณะเขาหมด

    23. ทำให้ผู้ใช้ LinkedIn จำนวนมากกลายเป็นเป้าของรัฐบาลจีน และหน่วยข่าวกรองของจีนในการที่จะติดต่อไปขอให้ทำงานสกปรกให้

    24. เคสนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งแล้วนะครับ ไม่ใช่กรณีนี้ครั้งแรก เมื่อปี 2017 ที่เยอรมนีก็เคยมีเคสนี้เกิดขึ้น ที่รัฐบาลจีนใช้ LinkedIn เปิดบริษัทปลอมๆแล้วหลอกติดต่อไปหาชาวเยอรมันที่ทำงานด้านการข่าวกรองไปอย่างน้อย 10,000 คน เพื่อที่จะชักจูงให้มาทำงานเป็นสายลับให้กับจีน

    25. โดย Job descriptions หรือรายละเอียดของงานที่ถูกโพสต์ลงบนเว็ปก็ไม่มีอะไรมากครับ คือ เป็นงานที่เน้นการทำวิจัย การเขียนรายงาน ค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ นโยบายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา

    26. ซึ่งข้อมูลที่รัฐบาลจีนจะเน้นย้ำว่าอยากได้มากที่สุด จะเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสงครามการค้า, เทคโนโลยี AI, ข้อมูลวงในของกระทรวงพาณิชย์

    27. รัฐบาลจีนไม่บังคับว่าข้อมูลที่ได้จะต้องเป็นข้อมูลที่คอนเฟิร์มแล้ว หรือเป็นความจริงทั้งหมด 100% ขอแค่มีความจริงส่วนหนึ่งจะมากจะน้อย จะเป็นแค่ข่าวลือ ข่าวซุบซิบนินทา ข่าวประเภทใต้เตียง หรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่ข้อมูลที่เห็นได้ตามหนังสือพิมพ์ (non-public) รัฐบาลจีนเอาหมด

    28. ตัวอย่างชื่อหัวข้อรายงาน หรือ Report ที่ Dickson Yeo ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเขียนส่งไปให้รัฐบาลจีน คือ

    28.1 "นัยสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์กรณีการสั่งซื้อเครื่องบิน F-35 ของรัฐบาลญี่ปุ่น"

    28.2 "หากสหรัฐอเมริกาถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน จะส่งผลทางยุทธศาสตร์ต่อจีนอย่างไร"

    29. เพราะรัฐบาลจีนสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไป Crosscheck หรือ ทำการตรวจสอบด้วยข้อมูลจากฝ่ายข่าวกรองทีมอื่นๆของรัฐบาลจีนเอาเองได้ ดังนั้น ยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไร รัฐบาลจีนยิ่งชอบ (เอาไปใช้ทำการคำนวน คาดคะเนในระดับนโยบายได้)

    30. เรื่องค่าใช้จ่าย ราคาค่างวด ค่าจ้างอะไรต่างๆนั้นรัฐบาลจีนจ่ายให้ไม่อั้น สำหรับคนที่จะมาเป็นสายลับ หรือทำงานด้านการขโมยข้อมูลให้แก่ประเทศจีน จากปากคำของ Dickson Yeo ที่มีต่อศาลนั้นพบว่า บทความ หรือรายงานฉบับหนึ่งมีราคาประมาณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ

    31. Dickson Yeo เล่าว่าหน่วยข่าวกรองของจีนนั้นได้ยกบัตรกดเงินที่มีเงินสำรองมหาศาลอยู่ในบัตรกับเขา เอาไว้ใช้ในการจ่ายเงินเดือนพนักงานบริษัทด้วย (คาดว่าอาจจะมีเงินอยู่ในบัตรมากกว่า 5,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ)

    32. ทาง FBI ยังให้ความรู้เสริมในชั้นศาลด้วยว่า เวลาหน่วยข่าวกรองของรัฐบาลจีนจะหาคนมาทำงานเป็นสายลับให้ หรือทำงานสกปรกให้นั้น มีเทคนิคง่ายๆในการกลั่นกรอง

    33. คือ เขาจะดูว่าคนเหล่านั้นเป็นคนที่มีปัญหาทางบ้าน ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ การเงิน หรือมีปัญหาชีวิตอยู่ไหม เพราะคนที่มีปัญหาชีวิตอยู่แล้ว มักจะเป็นคนที่อ่อนไหว เวลามีโอกาสอะไรมาเขาก็จะคว้าทั้งหมด

    34. ซึ่ง Dickson Yeo ก็รับสารภาพตามนั้นว่าหน่วยข่าวกรองของจีนสอนเขามา ว่าเวลาสัมภาษณ์คนมาทำงานให้ถามไปคำถามแนวๆว่า "พอใจกับงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไหม?" หรือ "เงินเดือนพอใช้ไหม พอเลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัวไหม?" หรือ "ต้องผ่อนอะไรอยู่หรือเปล่า"

    35. หวังว่าคำให้การของ Dickson Yeo นี้ช่วยเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ผู้อ่านว่าสมัยนี้ คนเป็นสายลับไม่จำเป็นต้องบู๊เก่ง หรือยิงปืนเก่งแบบในหนังอย่างเดียวแล้ว คนที่เป็นประชาชนธรรมดาๆก็เป็นสายลับได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นแฮคเกอร์ด้วย Dickson Yeo นี้เป็นแค่นักวิชาการธรรมดาๆทำงานนั่งโต๊ะเท่านั้นเอง

    36. เกร็ดน่ารู้: อาจารย์ที่ปรึกษาของ Dickson Yeo ที่สถาบัน Lee Kuan Yew ชื่อว่าศาสตราจารย์ Huang Jing ก็เพิ่งถูกเนรเทศออกจากประเทศสิงคโปร์เมื่อปี 2017 ข้อหาเป็นสายลับให้แก่ประเทศจีนเหมือนกัน

    References
    1. บทความจาก BBC ชื่อ "How a Chinese agent used LinkedIn to hunt for targets"
    2. บทความจาก The Straits Times ชื่อ "Singaporean pleads guilty to spying for China in the US"
    3. บทความจาก The Straits Times "Dickson Yeo’s PhD supervisor was expelled academic Huang Jing, says Bilahari Kausikan"
    4. บทความจาก Channel News Asia ชื่อ "How a Singaporean man went from NUS PhD student to working for Chinese intelligence in the US"
    5. บทความจาก Washington Post ชื่อ "Singaporean consultant pleads guilty to acting as agent for China, targeting Americans for intelligence recruitment"
    6. บทความจาก The New York Times ชื่อ "Singaporean pleads guilty in US to acting as Chinese intelligence agent"
    7. บทความจาก Foreign Affairs ชื่อ "The Meaning of Sharp Power"
    8. บทความจาก CSIS ชื่อ "Is China’s soft power strategy working?"
    9. บทความจาก Foreign Policy ชื่อ "Forget hearts and minds foreign policy soft power is outdated"
    10. บทความจาก Politico ชื่อ "POLITICO Playbook: Sneak peek at the Dem convention"

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    • การใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วบวกกับวัฒนธรรมการใช้แล้วทิ้งที่เพิ่มขึ้นทำให้ปัญหายิ่งเลวร้ายลง และเรายังไม่มีระบบการจัดการขยะพลาสติกเพื่อกำจัดหรือรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพเพียงพอในระดับโลกส่งผลให้เกิดมลภาวะเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมยืดเยื้อมานาน

    • ประมาณการณ์กันว่ามีพลาสติกชิ้นใหญ่หรือแมคโครพลาสติก 8 ล้านเมตริกตันและไมโครพลาสติก 1.5 ล้านตันเข้าสู่มหาสมุทรเป็นประจำทุกปี ยังไม่นับพลาสติกที่ปนเปื้อนในผืนดินที่ยังไม่มีการประเมิน ถ้ายังไม่มีการจัดการของเสียจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในภายในปี 2583

    • เท่าที่เรารู้ในตอนนี้มีสัตว์ทะเลเกือบ 700 สายพันธุ์และสัตว์น้ำจืดกว่า 50 สายพันธุ์ที่กลืนกินพลาสติกเข้าไปหรือเข้าไปพัวพันกับพลาสติกขนาดใหญ่ ต้นทุนทางเศรษฐกิจของมลพิษทางพลาสติกต่อการประมง, การท่องเที่ยว และการขนส่งคาดว่าอยู่ที่ 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

    • จากการศึกษาของ Winnie W. Y. Lau และคณะได้ทำการจำลองสถานการณ์ที่โลกของเรามีปริมาณพลาสติกลดลง เพื่อประเมินการลดมลพิษพลาสติกในช่วงปี 2559-2583 โดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น การลดพลาสติก, การแทนที่, การรีไซเคิล และการกำจัด เป็นต้น เป้าหมายคือการลดขยะพลาสติกให้เหลือศูนย์

    • สถานการณ์ที่ 1 เรียกว่า ระบบเดิมที่เป็นมา (Business as Usual) การทิ้งพลาสติกโดยไม่มีการสกัดกั้นอย่างเป็นระบบจะทำให้พลาสติกขนาดใหญ่และพลาสติกจิ๋วปนเปื้อนในน้ำจะเพิ่มขึ้น 2.6 เท่าและปนเปื้อนบนบกเพิ่มขึ้น 2.8 เท่าไปทั่วโลกตั้งแต่ปี 2559-2583 หรืออีก 20 ปีข้างหน้า

    • หากใช้วิธีการเก็บและกำจัด (Collect and Dispose) พลาสติกจะลดลงจากการใช้ระบบเดิมถึง 57% และหากใช้วิธีหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ (Recycling) จะช่วยลดขยะพลาสติกลง 45% แต่วิธีการทั้ง 2 แบบนี้ไม่ใช่เป้าหมายหลักของรายงานชิ้นนี้

    • ภายใต้สถานการณ์จำลองโดยใช้วิธีการ "การลดและทดแทน" (Reduce and Substitute) มลพิษจากพลาสติกบนบกและในน้ำที่ปนเปื้อนในแต่ละปีจะลดลงถึง 59% ในปี 2583 เมื่อเปรียบเทียบกับระบบเดิมที่ค่อนข้างไม่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่การผลิตพลาสติกลดลง 47% ต่อปี

    • ภายใต้สถานการณ์ 'การเปลี่ยนแปลงของระบบ' (System Change) ซึ่งเป็นการบูรณาการวิธีทุกอย่างคือ การเก็บ การแยกขยะ การหมุนเวียน และที่หมุนเวียนไม่ได้ก็จะมีการกำจัดอย่างปลอดภัย ในปี 2583 โดยทำการลดพลาสติกที่ถูกทิ้งอย่างมีนัยสำคัญผ่านการจัดการที่ถูกวิธีและแทนด้วยวัสดุทางเลือกและการรีไซเคิล จะสามารถลดพลาสติกได้มากถึง 55% เมื่อเปรียบเทียบกับระบบเดิม

    • เมื่อการเปลี่ยนแปลงระบบอย่างบูรณาการรวมพลังกับการเพิ่มขึ้นของวัตถุดิบพลาสติกรีไซเคิลซึ่งทำให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ลดลง จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) ซึ่งทรัพยากรได้รับการหมุนเวียนจากของที่ใช้แล้วไปเรื่อยๆ สามารถอนุรักษ์ทรัพยากรที่มีอยู่ ลดการเกิดของเสีย และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

    • นอกจากนี้ ยิ่งจัดการดีๆ ตามสถานการณ์จำลองเป็นลำดับอย่างที่กล่าวมา จะช่วยลดต้นทุนลงได้เรื่อยๆ คือ ถ้าใช้วิธีการเปลี่ยนแปลงของระบบจะมีต้นทุนต่ำกว่าการใช้ระบบเดิมถึง 18% ส่วนวิธีการอื่นๆ ก็มีต้นทุนต่ำกว่าระบบเดิมถึง 20% ด้วยกันทั้งสิ้น เพราะต้นทุนการจัดการขยะถูกทดแทนด้วยต้นทุนที่ถูกตัดออกไปจากการลดการผลิตพลาสติกเพิ่มและรายได้จากการขายวัสดุที่หมุนเวียนจากขยะ

    • การขายสินค้าที่ทำจากขยะหมุนเวียนสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเพราะมีการออกแบบใหม่และการปรับปรุงระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ลงตัวมากยิ่งขึ้น

    • รายงานคาดการณ์ว่า 78% ของมลพิษพลาสติกสามารถแก้ไขได้ในปี 2583 โดยใช้ความรู้และเทคโนโลยีในปัจจุบันและด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการใช้ระบบเดิมในเวลานี้ และยังสามารถสร้างนวัตกรรมกัดจัดขยะใหม่ๆ โดยผันจากการลงทุนผลิตพลาติกมาเป็นการสร้างนวัตกรรมหมุนเวียนพลาสติกแทน โอกาสที่จะโลกเราจะผลิตขยะพลาสติกให้เหลือศูนย์ก็มีมากขึ้นด้วย

    • ปัญหาก็คือ ชาวโลกจะทำตามสถานการณ์จำลองเหล่านี้หรือไม่? เพราะผู้ใช้พลาสติกคือชาวโลกหลายพันล้านคนที่ติดนิสัยใช้แล้วทิ้ง และภาคธุรกิจที่ยังยึดติดกับวิธีการหารายได้เดิมๆ ด้วยการผลิตพลาสติกเพิ่มแทนที่จะหมุนเวียนมันซึ่งลดต้นทุนได้มากกว่าเห็นๆ แต่พวกเขายังไม่กล้าทำ

    • รายงานนี้แนะนำให้รีบใช้วิธีการเปลี่ยนแปลงระบบโดยเร็ว ถ้าเริ่มดำเนิการในปี 2563 จะลดปริมาณพลาสติกสะสมในน้ำและบนบกลงประมาณ 1 และ 2 เท่าของการผลิตพลาสติกรวมในปี 2559 หากการดำเนินการตามมาตรการล่าช้าเพียง 5 ปีขยะพลาสติกที่เกิดจากการจัดการที่ผิดพลาดคาดว่าจะเข้ามาปนเปื้อนสภาพแวดล้อมของเราเพิ่มขึ้น 300 ล้านตัน

    • ขณะที่ข้อมูลจาก BBC อ้างข้อมูล ดร.คอสตัส เวลิส จากมหาวิทยาลัยลีดส์ ระบุว่า หากไม่มีการจัดการขยะพลาสติกอย่างถูกต้องจะทำให้มีปริมาณขยะพลาสติกบนบกและลงสู่ทะเล จำนวน 1,300 ล้านตันต่อปี หรือมีขนาดเท่ากับเกาะอังกฤษ 1.5 เท่า

    "นี่เป็นการประเมินครั้งแรกที่ครอบคลุมว่าภาพจะเป็นอย่างไรในเวลา 20 ปี" ดร. เวลิสอธิบายและว่า "มันยากที่จะจินตนาการถึงปริมาณที่มาก แต่ถ้าคุณนึกภาพออกว่าพลาสติกทั้งหมดวางบนพื้นผิวเรียบมันจะครอบคลุมพื้นที่ของสหราชอาณาจักร 1.5 เท่า”

    • โดยขนาดดังกล่าวจะเท่ากับพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสานและภาคกลางของประเทศไทยรวมกัน

    ข้อมูลจาก
    Winnie W. Y. Lauet al. "Evaluating scenarios toward zero plastic pollution" (23 July 2020) Published online in Science. DOI: 10.1126/science.aba9475

    ภาพจาก
    Muntaka Chasant (Wikimedia Commons/ licensed under the Creative Commons)

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อ้าวยังไง ที่แท้น้องชายเนวิน พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ลงนามไม่แย้งอัยการสูงสุด สั่งยุติคดี บอส อยู่วิทยา #บอสอยู่วิทยา

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #เกาะติดสถานการณ์โคโรนาไวรัสในญี่ปุ่น ⭕ สรุปยอดผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่น ณ วันที่ 27 ก.ค. 2020 เวลา 20.20 ตามเวลาในญี่ปุ่น
    .
    ⭕ ยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมด 31,177 (เพิ่มจากรายงานเมื่อวาน 643 คน)
    รักษาหาย 22,309
    เสียชีวิต 997
    ยังป่วยอยู่ 7,871
    .
    ⭕ แยกรายจังหวัด:
    ◾ โตเกียว 11,345 (เสียชีวิต 328) +131
    ◾ โอซาก้า 3,275 (เสียชีวิต 88) +87
    ◾ คานากาวะ 2,246 (เสียชีวิต 98) +14
    ◾ ไซตามะ 2,087 (เสียชีวิต 71) +23
    ◾ ชิบะ 1,490 (เสียชีวิต 46) +24
    ◾ ฟุกุโอกะ 1,474 (เสียชีวิต 33) +61
    ◾ ฮอกไกโด 1,377 (เสียชีวิต 103) +4
    ◾ ไอจิ 1,168 (เสียชีวิต 34) +76
    ◾ เฮียวโกะ 1,026 (เสียชีวิต 45) +12
    ◾ เกียวโต 677 (เสียชีวิต 18) +20
    ◾ อิชิคาวะ 313 (เสียชีวิต 27)
    ◾ ฮิโรชิมะ 262 (เสียชีวิต 3) +6
    ◾ อิบารากิ 244 (เสียชีวิต 10) +2
    ◾ กิฟุ 240 (เสียชีวิต 7) +9
    ◾ โทยามะ 236 (เสียชีวิต 22) +1
    ◾ คาโกชิมะ 219 +3
    ◾ โอกินาวะ 210 (เสียชีวิต 7) +18
    ◾ นารา 203 (เสียชีวิต 2) +1
    ◾ ชิสึโอกะ 199 (เสียชีวิต 1) +14
    ◾ กุนมะ 179 (เสียชีวิต 19)
    ◾ โทชิงิ 167 +4
    ◾ ชิกะ 155 (เสียชีวิต 1) +2
    ◾ มิยางิ 147 (เสียชีวิต 1) +5
    ◾ วากายามะ 130 (เสียชีวิต 3) +8
    ◾ ฟูกูอิ 129 (เสียชีวิต 8)
    ◾ นิกาตะ 93
    ◾ นากาโนะ 92
    ◾ คุมาโมโตะ 90 (เสียชีวิต 3) +21
    ◾ ยามานาชิ 87 (เสียชีวิต 1) +2
    ◾ เอฮิเมะ 87 (เสียชีวิต 5) +2
    ◾ ฟุกุชิมะ 86
    ◾ โคจิ 79 (เสียชีวิต 3)
    ◾ ยามากาตะ 75 (เสียชีวิต 1)
    ◾ มิเอะ 72 (เสียชีวิต 1) +4
    ◾ มิยาซากิ 71 +9
    ◾ ซากะ 65
    ◾ โอคายามะ 63 +3
    ◾ โออิตะ 60 (เสียชีวิต 1)
    ◾ นางาซากิ 54 (เสียชีวิต 1) +2
    ◾ ยามากุจิ 49 +1
    ◾ คากาวะ 45
    ◾ อาโอโมริ 31 (เสียชีวิต 1)
    ◾ ชิมาเนะ 28
    ◾ อคิตะ 17
    ◾ โทคุชิมะ 16 (เสียชีวิต 1) +4
    ◾ ทตโตริ 6
    .
    ⭕ จังหวัดเดียวที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเลย
    ◾ อิวาเตะ
    .
    สภาพบ้านเมืองคนญี่ปุ่นในปัจจุบันหลังประกาศยกเลิกสภาวะฉุกเฉิน ใช้ชีวิตแบบ New Normal เป็นอย่างไร

    .
    ขอบคุณที่ติดตามครับ
    ขอบคุณข้อมูลจาก News Digest
    .
    #ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น #เที่ยวญี่ปุ่น #ญี่ปุ่น #ข่าวร้อนในญี่ปุ่น #corona #ไวรัส #โคโรนา #โคโรน่า #โควิด #covid19 #virus #covid #ยอดรวมผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่น

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ข่าวร้อนในญี่ปุ่น ญี่ปุ่น พบ "วงกลมประหลาด" ใต้ทะเลลึก คล้ายสัญลักษณ์จากต่างดาว บริเวณเกาะ อามามิ-โอชิมะ จังหวัดคาโกชิมะ
    FB_IMG_1595862742681.jpg
    โดยมีลักษณะเป็นเนินตะกอนทราย รูปวงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เมตร บริเวณรอบๆ มีริ้วคลื่นบนพื้นผิวกระจายตัวในแนวรัศมี อยู่บนพื้นทะเลลึกประมาณ 30 เมตร
    .
    จากการสอบถามกับผู้รู้ก็พบว่า เป็นฝีมือของ ปลาปักเป้าตัวผู้ นั่นเอง!! โดยเจ้าปลาปักเป้าตัวผู้ จะสร้างวงกลมประหลาดนี้เพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม และตรงกลางจะเป็นตะกอนทรายละเอียดมาก เพื่อใช้เป็นแหล่งวางไข่ โดยสร้างริ้วรอยเพื่อลดกระแสคลื่นน้ำที่จะมารบกวน และทำให้ตัวเมียเห็นได้จากทุกทิศทางแบบ 360 องศา
    .
    นอกจากนี้ยังพบว่า "รังรัก" แห่งนี้จะถูกใช้งานเพียงครั้งเดียว โดยตัวผู้จะลงทุนสร้างรังใหม่ในบริเวณอื่นอีกครั้ง โดยใช้เวลาประมาณ 7-9 วันต่อ 1 รัง
    .
    ขอบคุณข้อมูลจาก

    แค่กด see first หรือ “ดูเป็นอันดับแรก” ก็จะไม่พลาดทุกข่าวสาร

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อัยการสูงสุดตั้งคณะทำงานตรวจสอบ
    กรณีอัยการไม่สั่งฟ้องทายาทกระทิงแดง

    สำนักงานอัยการสูงสุดเผยแพร่เอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ลงชื่อโดยนายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 และรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการสั่งพิจารณาคดีกรณีที่พนักงานอัยการไม่สั่งฟ้องนายวรยุทธ

    "เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าการสั่งสำนวนคดีดังกล่าวเป็นไปตามหลักกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องหรือไม่ และมีเหตุผลในการสั่งพิจารณาคดีอย่างไร" โดยให้นายสมศักดิ์ ติยะวานิช รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงาน พร้อมกับคณะทำงานอีก 7 คน

    เอกสารระบุอีกว่า "ให้คณะทำงานเร่งตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงโดยเร็ว และเมื่อมีผลคืบหน้าประการใด จะได้แจ้งให้บุคลากรสำนักงานอัยการสูงสุดและประชาชนทราบโดยทั่วกัน"
    #ทายาทกระทิงแดง #BIZpromptINFO

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐเปิดตัวโครงการทดลองวัคซีนต้านโควิดในมนุษย์ครั้งใหญ่ที่สุดของโลกวันนี้

    สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ (NIH) และบริษัท Moderna ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ เปิดตัวโครงการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ในมนุษย์ครั้งใหญ่ที่สุดของโลกในวันนี้ โดยมีอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการถึง 30,000 คน

    ท้งนี้ วัคซีนดังกล่าวได้รับการพัฒนาโดย NIH และ Moderna โดยอาสาสมัครจะไม่ทราบว่าตนเองได้รับวัคซีนจริงหรือวัคซีนหลอก และหลังจากได้รับวัคซีนจำนวน 2 โดส นักวิทยาศาสตร์ก็จะติดตามดูว่าอาสาสมัครกลุ่มใดที่มีอาการติดเชื้อโควิด-19 มากขึ้น ขณะที่พวกเขาดำเนินชีวิตไปตามปกติ โดยเฉพาะในเขตที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส

    COVID-19: สหรัฐเปิดตัวโครงการทดลองวัคซีนต้านโควิดในมนุษย์ครั้งใหญ่ที่สุดของโลกวันนี้

    นอกจากนี้ เครือข่ายป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (CPN) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ จะเปิดตัวโครงการทดสอบวัคซีนตัวใหม่ทุกเดือนจนถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยทุกโครงการจะมีอาสาสมัครรายใหม่จำนวน 30,000 คน และในที่สุด นักวิทยาศาสตร์จะทำการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของวัคซีนแต่ละตัวที่มีการทดสอบ

    หากดูตามตารางในขณะนี้ จะมีการทดสอบวัคซีนของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในเดือนส.ค. ขณะที่วัคซีนจากบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จะมีการทดสอบในเดือน ก.ย. ส่วนในเดือน ต.ค.จะมีการทดสอบวัคซีนของบริษัท Novavax ขณะที่บริษัทไฟเซอร์เตรียมทดสอบวัคซีนในช่วงฤดูร้อนนี้

    ตามปกติแล้วจะต้องใช้เวลาหลายปีในการผลิตวัคซีนตัวใหม่ อย่างไรก็ดี สำหรับการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 บรรดานักวิทยาศาสตร์ต่างก็ได้เร่งผลิตวัคซีนอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ได้รับข้อมูลด้านพันธุกรรมของไวรัสดังกล่าวจากจีนในเดือนม.ค. ขณะที่ทางสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ก็ได้ผ่อนคลายกฎระเบียบแก่บางบริษัท เพื่อให้การพัฒนาวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็ว

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    เพิ่มเติม
    -First Phase 3 clinical trial of a coronavirus vaccine in the United States begins: https://edition.cnn.com/2020/07/27/...ccine-trial-begins-moderna-phase-3/index.html

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (มาตรการผ่อนคลายทางการเงินครั้งใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้ค่าเหรียญสหรัฐอ่อนอลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ยิ่งทำให้นักลงทุนแห่เข้าทองมากขึ้นไปอีก)

    กลัวโควิดระบาดไม่หยุดบั่นทอนเศรษฐกิจโลก ราคาทองทุบสถิติ

    ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันจันทร์โดยนักลงทุนที่ถูกจับเข้ามาในพื้นที่ปลอดภัยขณะที่โคโรนาไวรัสแพร่กระจายไปทั่วโลก และเหรียญสหรัฐที่อ่อนค่าลง

    ราคาทองคำพุ่งขึ้นมากกว่า 1 เปอร์เซ็นต์เป็น 1,930.48 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ในการค้าขายในตลาดเอเชียโดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะสามารถทะลุ 2,000 ดอลลาร์ได้ในไม่ช้า

    สาเหตุมาจากโรคโควิด-19 ไม่มีสัญญาณที่จะอ่อนแรงลง ทำให้นักลงทุนแห่เข้าหาทองคำซึ่งถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงวิกฤตและความไม่แน่นอน

    มาตรการผ่อนคลายทางการเงินครั้งใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้ค่าเหรียญสหรัฐอ่อนอลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ยิ่งทำให้นักลงทุนแห่เข้าทองมากขึ้นไปอีก

    Source: Posttoday

    เพิ่มเติม
    - Gold Surges to a Record With $2,000 an Ounce in Sight: https://www.bloomberg.com/news/arti...emand-builds-contract-rolls?srnd=premium-asia

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จตุรอาชา สงคราม

    1 โรคระบาด (White Horse Strife)
    จตุรอาชาตนแรกคือ โรคระบาด ที่ในพระคัมภีร์ได้ระบุมาว่าจะปรากฎในรูปลักษณ์อัศวินขี่ม้าขาว ที่สวมมงกุฎและถือคันศรไว้ในมือ

    2. สงคราม (Red Horse War)
    จตุรอาชาตนที่สอง มาในรูปลักษณ์อัศวินขี่ม้าสีแดงและกวัดแกว่งดาบที่มีประกายไฟขนาดใหญ่ออกมาซึ่งจตุรอาชาตนนี้เป็นตัวแทนของสงคราม

    3. ความอดอยาก (Black Horse Famine)
    จตุรอาชาตนที่สาม มาในรูปลักษณ์อัศวินบนม้าสีดำ ในมือถือตราชั่ง เป็นสัญลักษณ์ของความอดอยากทั้งมวล

    4. ความตาย (Pale Horse Death)
    จตุรอาชาตนสุดท้าย มีรูปลักษณ์เป็นอัศวินโครงกระดูกขี่บนม้าสีเขียวหม่น จตุรอาชาตนนี้มีนามว่าความตาย เป็นจตุรอาชาที่มีอำนาจมากที่สุด
    ---
    อย่าประมาทคนเข้าตาจน
    ลุงตั้มของผมกำลังเข้าตาจน กี่โพลก็ตรงกันว่าแพ้เลือกตั้งยับเยิน
    จึงเหลือทางเลือกคือตัดสินใจทำสงคราม เพื่อพลิกสถานการณ์
    สงครามจึงเป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้ ใขณะนี้รัสเซีย-จีน-อิหร่าน-เกาหลีเหนือ เตรียมพร้อมรับมือสงครามขั้นสูงสุด ถึงขั้นทำความเข้าใจกับประชาชนในการหลบภัยแล้ว
    อีกประการหนึ่ง นักยุทธศาสตร์สหรัฐสรุปมาระยะหนึ่งแล้วว่า ถ้าเกิดสงครามในช่วงนี้สหรัฐเสี่ยงแพ้ชนะ และอาจชนะได้ถ้าหากลอบโจมตีอย่างฉับพลัน แต่ถ้าเวลาเนิ่นนานไปอีก 3-5 ปีสหรัฐจะพ่ายแพ้สถานเดียวเท่านั้น
    แต่อย่าลืมว่า นักพิชัยสงครามย่อมสันทัดจัดเจนว่า
    ผู้แพ้ดิ้นรนก่อสงคราม เพื่อหวังชนะ
    ผู้ชนะ รับมือกับสงคราม เพื่อให้ชัยชนะที่แท้จริงปรากฏขึ้น!!!!
    เพียงเท่านี้นักพิชัยสงคราม ก็หยั่งทราบกระจ่างในชัยชนะและปราชัยแล้ว

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดาวเทียมสหรัฐจับภาพ กองทัพอิหร่านลากเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐจำลองสู่ปากอ่าวเปอร์เซียเพื่อทำการซ้อมรบ

    ดาวเทียมสหรัฐจับภาพกองทัพอิหร่านทำการเคลื่อนย้าย “เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐจำลอง” สู่ช่องแคบฮอร์มุซ จุดยุทธศาสตร์สำคัญ ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าจะถูกใช้เป็นเป้าจำลองในการซ้อมรบ

    กองทัพอิหร่านที่มีจุดยืนต่อต้านการปรากฏตัวของกองทัพสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกในอ่าวเปอร์เซีย มักจัดภารกิจฝึกซ้อมจำลองการรบในพื้นที่ยุทศาสตร์ดังกล่าวอยู่อย่างเสมอ โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดกองทัพ IRGC ได้นำเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐจำลองมาเป็นเป้าในการซ้อมรบอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ในปี 2015 กองทัพได้เปิดภารกิจฝึกซ้อมด้วยการระดมยิงขีปนาวุธเข้าใส่เรือบรรทุกเครื่องบินจำลอง ชั้น Nimitz ของสหรัฐ ในอ่าวเปอร์เซีย

    โดยเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ดาวเทียมของ Maxar Technologies สัญชาติสหรัฐ เผยแพร่ภาพถ่ายผ่านดาวเทียมที่บันทึกได้บริเวณช่องแคบฮอร์มุซ เผยให้เห็นกองเรือเร็วพิฆาตอิหร่านมุ่งตรงเข้าสู่เป้าหมายเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐจำลอง ขณะที่อีกภาพหนึ่งเป็นภาพฝูงเครื่องบินรบสหรัฐจำลองที่ถูกจอดอยู่บนดาดฟ้าเรือดังกล่าว

    กองทัพอิหร่านที่มีจุดยืนต่อต้านการปรากฏตัวของกองทัพสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกในอ่าวเปอร์เซีย และมักจัดภารกิจฝึกซ้อมจำลองการรบในพื้นที่ยุทศาสตร์ดังกล่าวอยู่อย่างเสมอ

    ด้านท่าทีของกองทัพสหรัฐ Rebecca Rebarich โฆษกกองเรือที่ 5 ของสหรัฐประจำบะห์เรน เปิดเผยว่า เราไม่สามารถอธิบายได้ว่าอิหร่านต้องการอะไรจากการสร้างเรือจำลอง หรือหวังผลทางยุทธวิธีแบบใดในการใช้เรือดังกล่าวเป็นเป้าในการจำลองการรบ

    โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กองทัพ IRGC ประกาศกร้าวที่จะบดขยี้กองเรือสหรัฐหากคุกคามความมั่นคงอิหร่านในอ่าวเปอร์เซีย นอกจากนี้ยังข่มขู่ที่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซหากอิหร่านไม่สามารถส่งออกน้ำมันและหากไซท์นิวเคลียร์ของตนเองถูกลอบโจมตี

    ข่าวโลกที่ 3
    https://www.reuters.com/article/us-...xBgIHxrRlq0fchlboT6k2UeqxPsOAUCNOrKYId7IqlXR8

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    The Kingmaker แด่ลูก ผัว และตัวฉันเอง... “อีเมลดา มาร์กอส”
    น้อยครั้งที่แถบอาเซียนจะมีใครยอมทำแบบสารคดีนี้
    .
    เข้าโรงฉายมาสักพักใหญ่แล้วสำหรับภาพยนตร์สารคดีชีวประวัติอดีตสตรีหมายเลข 1 ของประเทศฟิลิปปินส์ “อีเมลดา มาร์กอส” ภรรยาของผู้นำเผด็จการแห่งยุค “เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส” ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมโทรมของประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนที่ครั้งหนึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองที่สุดกว่าใคร
    .
    ผมได้มีโอกาสได้ชมภาพยนต์สารคดีเรื่องนี้แล้วเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา แล้วกะว่าจะเขียนบทความเกี่ยวกับสารคดีเรื่องนี้ให้ได้อ่านกันว่า ทำไมถึงต้องไปดูให้ได้...ซึ่งมันคือการเขียนออกมาจากใจว่าอยากให้ทุกคนมีโอกาสได้ไปดูจริง ๆ ไม่ใช่การรับเงินจากโรงภาพยนตร์มาเขียนรีวิวให้คนไปดู
    .
    ไม่บ่อยครั้งที่จะมีสารคดีซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศในแถบอาเซียน ถูกนำเสนอในรูปแบบของภาพยนตร์ ฉายให้คนทั่วโลกได้ดู เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันก็คือ เสรีภาพในการนำเสนอเรื่องราวทางการเมืองในประเทศแถบนี้ค่อนข้างไม่ให้อิสระในการถ่ายทำ โดยเฉพาะประเด็นที่อ่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศจากผลของการกระทำของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่เคยทำอะไรไว้กับประเทศชาติจนยากที่หลายคนจะให้อภัย รวมทั้งมันอาจเป็นเครื่องมือโจมตีรัฐบาลได้หากถูกตีความไปในทิศทางนั้น ซึ่งนี่ถือเป็นความกล้าของทีมถ่ายทำสารคดีที่หยิบยกตัวละครในความขัดแย้งระดับชาติของฟิลิปปินส์ มาถ่ายถอดเรื่องราวผ่านตัวเจ้าของเรื่องเอง และเป็นความกล้าที่อีเมลดาเองก็ยอมเล่าเรื่องราวที่ดูแล้วมันขัดแย้งกับสิ่งที่เธอเชื่อออกสื่อแบบนี้
    .
    ลอเรน กรีนฟิลด์ ผู้กำกับภาพยนตร์สารคดีมือรางวัล ที่สร้างชื่อเสียงจากภาพยนตร์สารคดีแซ่บๆ อย่าง The Queen of Versailles (2012) และ Generation Wealth (2018) ซึ่งพาคนดูเข้าไปฟังและคลุกคลีกับวิถีชีวิตของคนอภิมหารวย ที่บางทีก็ดูปลอมเปลือกจนน่าพิศวง บางทีก็ดูน่าเศร้าน่าปวดใจ แต่สุดท้ายมันคือคือชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง เล่าให้ฟังว่า ตอนแรกเธอเองก็กังวลเกี่ยวกับตัวของอีเมลดา ว่าเธอจะมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะของการเตี้ยมบทพูด ว่าต้องพูดแบบนี้ แต่พอวันที่ต้องเข้าไปคลุกคลีเพื่อสัมภาษณ์จริง ๆ กลับกลายเป็นว่าเธอเล่าเรื่องราวของเธอได้อย่างราบรื่น และพร้อมตอบในทุก ๆ คำถามที่ลอเรนถาม
    .
    ที่สำคัญเธอมีความเชื่อว่า สิ่งที่มาร์กอสสามีของเธอผู้เป็นอดีตประธานาธิบดีทำในช่วงที่ยังเรืองอำนาจอยู่นั้น ไม่ใช่เรื่องผิด เธอว่าเขาทำถูกต้องแล้วที่ประกาศใช้กฎอัยการศึกยาวนาน 9 ปี แถมยังบอกว่าประชาชนในยุคของมาร์กอสต่างกินดีอยู่ดี มีความสุข ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมที่ประเทศฟิลิปปินส์ในเวลานั้นเต็มไปด้วยความขัดแย้ง และความแร้นแค้น รวมทั้งการที่ประชาชนออกมาขับไล่ครอบครัวของเธออกจากทำเนียบประธานาธิบดีมาลากันยัง จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ฮาวายก็เป็นอำนาจของฝั่งตรงข้ามที่อิจฉาครอบครัวของเธอ
    .
    สารคดีเรื่องนี้ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบ Cinéma verité คือการเล่าเรื่องราวจากบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือมากที่สุด เพราะอีเมลดาจะเล่าเรื่องที่มุมมองของเธอมองว่าดีหรือสวยงาม ทำให้หนังต้องใช้วิธีการนำภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงมาทำให้เกิดความขัดแย้งกับสิ่งที่อีเมลดาพูด รวมทั้งการไปสัมภาษณ์บุคคลที่อยู่ตรงข้ามกับความคิดของเธอเพื่อมาโต้กลับในสารคดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวภาพยนตร์ทำได้สนุกและน่าสนใจมาก
    .
    ที่สำคัญไม่ใช่มีแค่อีเมลดาเท่านั้นที่มานั่งเล่าเรื่องราวของเธอ ยังมีบุคคลสำคัญของประเทศฟิลิปปินส์ที่ยอมให้สัมภาษณ์แบบหมดเปลือกเพื่อโต้กลับต่อสิ่งที่อีเมลดาพูด เช่น เบนิกโน อากีโนที่ 3 ประธานาธิบดีคนที่ที่แล้วของฟิลิปปินส์ ลูกชายของเบนิกโน นินอย อากีโน จูเนียร์ ผู้ล่วงลับจากการถูกสังหารเสียชีวิตคาสนามบินนานาชาติกรุงมะนิลาจากมือปืนที่ซัดทอดไปยังครอบครัวของมากอสว่าเป็นผู้จ้างวาน
    .
    บอง บอง มาร์กอส อดีตสมาชิกวุฒิสภาฟิลิปปินส์ ลูกชายของอีเมลดา ผู้ที่ถูกวางตัวเอาไว้ว่าจะเป็นคนที่ทำให้ตระกูลมาร์กอสกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
    .
    รวมไปถึงนักสิทธิมนุษยชน อดีตผู้สื่อข่าว ที่เคยถูกอำนาจมืดของตระกูลมาร์กอสทำร้าย หรือเพื่อนเก่าของครอบครัวมาร์กอส ผู้รับจ้างจับสัตว์ป่าจากแอฟริกามาทำสวนสัตว์ของตระกูลมาร์กอส รวมทั้งชาวบ้านที่ทั้งชื่นชอบและไม่ชอบตระกูลมาร์กอส ซึ่งได้รับผลกระทบที่ต่างกัน ทำให้สารคดีนี้มีความกลมของข้อมูลและไม่เอนเอียงไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
    .
    ที่สำคัญการเกาะติดถ่ายทำสารคดีนี้ยังได้เห็นความเคลื่อนไหวของตัวละครต่าง ๆ ที่อยู่รายรอบอีเมลดาที่มีภารกิจการหาเสียงเลือกตั้งรองประธานาธิบดีซึ่งบองบอง ลูกชายของเธอก็ลงชิงตำแหน่งนี้ด้วย ทำให้เราได้เห็นบรรยากาศของการเมืองฟิลิปปินส์อย่างแท้จริง ซึ่งหมายความว่าระยะเวลาในการเกาะติดถ่ายทำสารคดีนี้ ใช้เวลานานร่วม 4 ปี เพื่อเก็บรายละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ
    .
    หลายคนที่เคยอ่านประวัติศาสตร์ของเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตระกูลมาร์กอส แต่ไม่เคยเห็นภาพว่ามาร์กอสมีทรัพย์สินมากขนาดไหนจากการที่ยักยอกทรัพย์ก็จะได้เห็น ทั้งตึกสูง 29 ชั้นในมหานครนิวยอร์กที่อีเมลดาซื้อเอาไว้ รองเท้าสตรีหลายพันคู่ที่เป็นของที่เธอสะสม รวมทั้งกองเอกสารการถูกดำเนินคดีจากศาลทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ต้องใช้ห้องกว้าง ๆ ห้องหนึ่งเพื่อเก็บเอกสารเหล่านี้
    .
    อย่างไรก็ตามสารดีได้ฉายให้เห็นภาพของการเมืองในประเทศนี้ที่แม้ว่าฟิลิปปินส์เคยเกือบล่มสลายเพราะมาร์กอส แต่สำหรับคนที่ยังรักและภักดีต่อตระกูลมาร์กอสก็ยังอยากให้ตระกูลนี้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง ฐานเสียงของตระกูลมาร์กอสยังคงเหนียวแน่น และเชื่อว่าตระกูลมาร์กอสไม่ผิด และพร้อมสนับสนุน ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายต่อฟิลิปปินส์อย่างมากหากตระกูลนี้ได้กลับมาเรืองอำนาจอีกครั้ง
    .
    สุดท้ายแล้วแม้จะผ่านไปนานขนาดไหนก็ตามอำนาจต่าง ๆ ที่เคยสร้างเอาไว้ก็ไม่มีทางหายไปได้ทั้งหมด แม้แต่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่าง โรดริโก ดูเตร์เต ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลมาร์กอส และเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับดูเตร์เตในการหาเสียงเลือกตั้งจนสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศได้ โดยจุดมุ่งหมายก็คือใช้เป็นบันไดเพื่อให้บองบองก้าวขึ้นสู่อำนาจ และสานต่อความยิ่งใหญ่ของตระกูลมาร์กอส โดยเบื้องหลังการผลักดันทั้งหมดนั้นก็มาจากเธอคนนี้ อีเมลดา มาร์กอส นั่นเอง
    .
    ใครที่ยังไม่ได้ดูแนะนำว่าลองเปิดใจไปดูนะครับ เป็นภาพยนต์สารคดีที่ดูง่าย สนุก และได้เห็นประวัติศาสตร์การเมืองของเพื่อนบ้านอาเซียนที่น้อยครั้งจะมีสารคดีแบบนี้ออกมาให้ได้ดูกัน ที่สำคัญไม่น่าเบื่อไม่ง่วงด้วย ตอนนี้โรง SF (บางโรง) และ House Samyan ยังฉายอยู่ลองหาดูโปรแกรมกันได้ ใครคอสารคดีไม่ควรพลาด
    .
    “ฉันไม่ได้อยากเป็นแค่แม่ของคนฟิลิปปินส์ แต่ของคนทั้งโลก ไม่มีใครหยุดฉันได้”
    .
    The Kingmaker แด่ลูก ผัว และตัวฉันเอง... “อีเมลดา มาร์กอส”

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานทูตไทยในกรุงมอสโก โพสต์ข้อความบนแฟนเพจ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก เตือนแรงงานไทยบางคนที่คิดจะเผาแคมป์คนงานในอุซเบกิสถาน เพื่อกดดันให้สถานทูตพาคนไทยหนีโควิด - 19 กลับประเทศ แถมมีไลฟ์สดด้วย
    .
    ซึ่งสถานทูตฯ เตือนว่าพวกที่กระทำความผิดจะกลายเป็นกลุ่มคนไทยกลุ่มสุดท้ายที่จะได้กลับประเทศ เพราะจะต้องติดคุก 10-15 ปี ในข้อหาวางเพลิงซึ่งสถานทูตฯ ก็ช่วยอะไรไม่ได้ด้วย โดยข้อความระบุว่า
    .
    เรียน พี่น้องชาวไทยและแรงงานไทยในอุซเบกิสถาน
    .
    ด้วยสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ทราบมาว่า มีคนไทยบางคนในกลุ่มของท่านกำลังวางแผนประท้วงโดยจะเผาแคมป์คนงาน เพื่อหวังจะออกสื่อ ไลฟ์สด เพื่อกดดันให้ท่านได้กลับประเทศไทยเร็วขึ้น สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอเรียนเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่า สิ่งที่ท่านคิดนั้นผิด และท่านจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้เดินทางกลับไทย ด้วยจะต้องถูกจับดำเนินคดีและจำคุกในประเทศอุซเบกิสถาน กว่าจะได้เดินทางกลับไทยอาจเป็นเวลา 10 ปีหรือ 15 ปี ดังนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอเตือนท่านด้วยความห่วงใยที่มีเสมอมา ขอให้ท่านมีความอดทนและเรียนรู้ที่จะรอเพื่อจะได้กลับบ้าน แต่ท่านจะต้องทำตามระเบียบที่ต่างประเทศกำหนดไว้ อย่าได้ทำตามใจตนเอง มิฉะนั้น ทุกอย่างที่กำลังเดินหน้าอาจกลับต้องมาเริ่มที่จุดเริ่มต้นใหม่ เมื่อรัฐบาลอุซเบกิสถานปฏิเสธคำขอของสถานเอกอัครราชทูตฯ ที่ขออนุญาตพาท่านเดินทางกลับ เพราะต้องการดำเนินคดีตามกฎหมายกับท่านก่อน
    .
    คนไทยทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่แห่งหนใด ท่านคือตัวแทนของประเทศไทยเสมอ หากท่านทำอะไรไปในทางที่ดี ก็จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ หากท่านตัดสินใจทำอะไรในทางไม่ดี ก็จะทำให้ประเทศไทยเสียเครดิตกับต่างชาติและต้องใช้เวลากอบกู้ชื่อเสียงอีกนับร้อยปี สิ่งที่ท่านคิดจะเผาหรือทำลายแคมป์คนงาน เพื่อระบายอารมณ์หรือประท้วงกับการที่ยังไม่ได้เดินทางกลับไทยนั้น ขอเรียนว่า ท่านไม่ได้เพียงแต่ทำลายบ้านเมืองคนอื่น ไม่ได้ทำลาย COVID-19 แต่ท่านกำลังจะทำลายตัวเอง และที่สำคัญที่สุดท่านกำลังทำลายประเทศไทย เพื่อนท่านจะได้กลับบ้านแต่ท่านจะไม่ได้เดินทางกลับ ท่านจะต้องถูกจับและถูกจำคุกในฐานะผู้วางเพลิง ชีวิตท่านคงจะอยู่ในเรือนจำและมีชีวิตที่ลำบากกว่าปัจจุบันอย่างแน่แท้
    .
    พี่น้องแรงงานไทยทุกท่านโปรดเข้าใจด้วยว่า สนามบินนานาชาติของอุซเบกิสถานยังคงปิดทำการอยู่ ในขณะนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอย่างสุดความสามารถที่จะนำท่านกลับประเทศไทย ถึงแม้จะมีอุปสรรคมากมายแต่เราก็มิได้ย่อท้อในการหาทางที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด และประหยัดที่สุดสำหรับท่านที่ต้องการเดินทางออกจากประเทศอุซเบกิสถาน
    .
    สุดท้ายนี้ ขอเรียนวิงวอนให้ทุกท่าน หากไม่เห็นแก่คนอื่นแล้ว ท่านควรเห็นแก่ตัวเองบ้าง อย่าตัดโอกาสตัวท่านเองที่จะได้เดินทางไปพบครอบครัวของท่าน คนที่ท่านรัก ถึงแม้จะต้องรออีกสักพักแต่เราจะหาทางพาท่านกลับ ขอเพียงท่านมีความอดทน ระวังรักษาตนเอง สถานเอกอัครราชทูตฯ จะส่งข่าวให้ท่านทราบเป็นระยะๆ
    .
    ด้วยความปรารถนาดีที่มีเสมอมา
    สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก
    27 กรกฎาคม 2563

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ย้อนคดี “เจฟฟรีย์ เอปสไตน์” อภิมหาเศรษฐีอเมริกัน
    ที่ต่อให้รวยล้นฟ้า มีเพื่อนเป็นประธานาธิบดี ก็ไม่รอดคุก
    .
    เงิน อำนาจ บารมี คือสิ่งที่มนุษย์ต้องการเพื่อสร้างความได้เปรียบในการดำรงชีวิตบนโลกใบนี้ เพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นคุณลักษณ์ของการเป็นมนุษย์ที่เหนือมนุษย์ ที่กลายเป็นกลุ่มผู้มีอภิสิทธิ์ชน สามารถได้รับการละเว้นจากสิ่งใด ๆ ก็ตามที่ไม่พึงปรารถนา รวมทั้งได้รับการละเว้นรับโทษทางกฎหมายอย่างไม่ชอบธรรม ซึ่งก็ปรากฎมาแล้วในข่าวที่เราติดตามกันมาโดยตลอด
    .
    แม้ความยุติธรรมตามกระบวนการมักจะเกิดขึ้นได้ยากในสังคมของหลาย ๆ ประเทศ คนรวยมักได้รับอภิสิทธิ์แบบน่ากังขาในความตรงไปตรงมาต่อการดำเนินคดีว่าเป็นไปตามครรลองหรือไม่?
    .
    แต่ก็อาจจะไม่ใช่ในทุก ๆ คดีเสมอไปที่คนรวยล้นฟ้าจะรอดคุก
    .
    ย้อนกลับไปในปี 2548 คดีสุดอื้อฉาวของนาย “เจฟฟรีย์ เอปสไตน์” อภิมหาเศรษฐีนักการเงินและผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับหมื่นล้านชาวนิวยอร์ก ผู้ทรงอิทธิพลในโลกธุรกิจและมีเครือข่ายเพื่อนฝูงระดับไม่ธรรมดา เช่น โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งคบหากันมายาวนานถึง 15 ปี
    .
    บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ก็มีชื่อเสียงเรื่องความอื้อฉาวทางเพศไม่ต่างกัน รวมไปถึง เจ้าชายแอนดรูว์แห่งอังกฤษ ตลอดจน เลสลี เว็กซเนอร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเจ้าของแบรนด์วิคตอเรีย ซีเคร็ต นอกจากนี้ยังมีคนดังในแวดวงกฎหมาย บันเทิงและการเมืองอีกมากมาย
    .
    เจฟฟรีย์ได้ถูกแจ้งความจากแม่ของเด็กผู้หญิงวัย 14 ปี ที่ได้พาลูกสาวเข้าพบกับตำรวจเมืองไมอามี่ รัฐฟลอริด้า ว่าถูกเจฟฟรีย์ล่วงละเมิดทางเพศ หลังจากนั้นตำรวจใช้เวลาในการสอบสวนและขยายผล พบว่ามีผู้เสียหายความเพิ่มเติมทั้งในไมอามี่และนิวยอร์กรวมกว่า 100 ราย และส่วนใหญ่คือเด็กผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
    .
    โดยข้อหาดังกล่าวนี้มีโทษจำคุกสูงสุด 45 ปี และแน่นอนเจฟฟรีย์ว่าให้การปฏิเสธและพร้อมสู้คดีในชั้นศาล
    .
    ใช่ว่าการเป็นประเทศเจริญแล้วอันดับหนึ่งของโลก จะต้องมีกระบวนการยุติธรรมที่เพอร์เฟคเสมอไป เพราะความฟอนเฟะในกระบวนการทางตุลาการเองก็มีไม่น้อย ระหว่างการต่อสู้คดีที่ดำเนินต่อไปอย่างยืดเยื้อหลายปี ฝั่งของเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและเอฟบีไอ ที่พยายามรวบรวมหลักฐานและพยานเพิ่มเติมอยู่หลายเดือนเพื่อนำขึ้นสู้ชั้นศาลพิจารณา
    .
    ในปี 2551 อัยการแห่งรัฐฟลอริด้า นายอเล็กซานเดอร์ อคอสตา ก็ได้มีการไปทำสัญญากับเจฟฟรีย์โดยจะให้จำคุกเพียง 13 เดือน แถมยังเป็นการจำคุกที่แสนสบาย เพราะเจฟฟรีย์สามารถเข้าออกคุกเพื่อไปทำงานตามปกติได้ 12 ชั่วโมง 6 วันต่อสัปดาห์ เช้าออกจากคุกไปทำงาน เย็นกลับเข้ามานอนในคุก ที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย โดยที่ผู้เสียหายไม่เคยรู้มาก่อนว่าอัยการและผู้ต้องหาไปทำสัญญาแสนไม่เมคเซนส์นี้
    .
    ติดคุกแบบเหมือนไม่ติดอยู่ 13 เดือน สุดท้ายเจฟฟรีย์ก็ได้รับอิสรภาพเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินหน้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทำธุรกิจกอบโกยเงินเข้ากระเป๋าต่อไป มีเพียงชนักติดหลังอันเล็ก ๆ ปักเอาไว้ว่าเคยกระทำความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ แต่ก็แทบไม่มีผลอะไรต่อชีวิต
    .
    แม้ว่าฟากฝั่งของอำนาจตุลาการในรัฐฟลอริด้าจะสิ้นสุดลง แต่ที่รัฐนิวยอร์ก กระบวนการรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดเจฟฟรีย์ก็ยังคงดำเนินต่อไป ทนายของเจฟฟรีย์ยังคงต่อสู้คดีในนิวยอร์กต่ออีกหลายปี เพราะทางอัยการนิวยอร์กเองก็กัดไม่ปล่อย และหากเจฟฟรีย์เป็นไทได้สมบูรณ์ ก็อาจจะไปยุ่งกับผู้เสียหาย หรือยุ่งกับพยานจนหวาดกลัว ด้วยอิทธิพลของอำนาจเงินทอง และชื่อเสียงที่มีมันไม่ยากเลยที่เจฟฟรีย์จะทำ
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจและเอฟบีไอ ได้บุกเข้าไปในคฤหาสน์สุดหรูของเจฟฟรีย์ในใจกลางมหานครนิวยอร์กเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2562 และพบกับหลักฐานที่สะท้อนรสนิยมทางเพศของเจฟฟรีย์ที่เป็นหลักฐานชั้นดีในการมัดตัว เพราะเจ้าหน้าที่พบภาพโป๊เปลือยของเด็กผู้หญิงจำนวนมากที่เจฟฟรีย์ถ่ายเอาไว้ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งนำไปสู่การจับกุมเจฟฟรีย์อีกครั้งจนเป็นข่าวใหญ่เมื่อกลางปีที่แล้ว
    .
    ทนายความของเจฟฟรีย์พยายามจะสู้คดี โดยการยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวเพื่อขอให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราว แต่แม้ว่าจะใช้หลักทรัพย์มายื่นด้วยวงเงินสูงเท่าไหร่ก็ตาม ศาลแห่งรัฐนิวยอร์กก็คัดค้านการประกันตัว เพราะนายเจฟฟรีย์ถือเป็นบุคคลอันตรายต่อสังคม และคราวนี้ไม่ใช่การเป็นนักโทษอภิสิทธิ์ชนแบบที่เคยเป็นตอนต้องคดีที่ไมอามี เพราะคราวนี้เขาได้รับบทบาทเป็นนักโทษของจริงที่ต้องใส่ชุดนักโทษ แล้วเข้าไปอยู่ในเรือนจำเช่นเดียวกับนักโทษคนอื่น ๆ สิ้นสุดอิสระภาพทันที
    .
    พฤติกรรมของเจฟฟรีย์ที่ผู้เสียหายให้การกับศาลคือ เจฟฟรีย์จะล่อลวงเด็กผู้หญิงไปที่เซฟเฮ้าส์ เพื่อไป “นวด” แต่การที่จะนวดได้นั้นเด็กผู้หญิงจะต้องเปลื้องผ้าทั้งหมด เมื่อนวดได้ที่ก็จะมีการร่วมเพศกับเด็กผู้หญิงเหล่านี้ โดยที่เธอจะเต็มใจหรือไม่ก็ตามจนกระทั่งเสร็จกิจกาม ก็จะให้เงินเป็นค่าปิดปาก 300 ดอลล่าร์
    .
    ผู้เสียหายรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อในสหรัฐว่า บางครั้งเจฟฟรีย์ก็ให้เพื่อนชายคนอื่น ๆ มาร่วมกระทำชำเราเหยื่อด้วย และหนึ่งในคนที่เธอโดนกระทำชำเราก็คือ เจ้าชายแอนดรูว์แห่งอังกฤษ แต่เจ้าชายแอนดรูว์และสำนักพระราชวังบักกิงแฮมได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและข่าวทั้งหลายนั้นเป็นเท็จ
    .
    หลังจากที่เจฟฟรีย์ต้องเข้าเรือนจำได้ไม่นานก็มีข่าวช็อกอีกรอบคือ เมื่อเขาได้ทำการฆ่าตัวตายด้วยการใช้ผ้าปูที่นอนผูกคอตัวเองเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2562 ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยพยายามทำมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ผู้คุมเรือนจำกลับมาพบเสียก่อน จนกระทั้งเขากระทำการบอกลาโลกนี้ได้สำเร็จ ปิดฉากมหาเศรษฐีค้ากามเด็กผู้หญิงไปโดยปริยาย
    .
    แล้วอัยการที่ไมอามีที่ใจดีกับเจฟฟรีย์มีชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง?...ภายหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำสหรัฐ อเล็กซานเดอร์ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชีวิตกลับก้าวหน้าอยู่เป็นเวลาเกือบ 10 ปี จนกระทั่งคดีของเจฟฟรีย์กลับมาเป็นที่สนใจของสังคมอีกครั้งเมื่อต้นปี 2562 ทำให้ศาลรัฐรัฐฟลอริด้าตัดสินว่าอัยการในคดีนี้ละเมิดกฎหมาย กรณีปกปิดข้อตกลงไม่ดำเนินคดีกับทนายจำเลย ไม่ให้เหยื่อที่ยังเป็นผู้เยาว์ได้รับรู้ เป็นเหตุให้อเล็กซานเดอร์เจอแรงกฎดันของสังคม จนต้องขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีไปเมื่อปีที่แล้วเช่นกัน
    .
    ส่วนบุคคลอีกหนึ่งคนที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างตรงไปตรงมา และไม่ยอมให้เรื่องนี้ปล่อยผ่านเงียบหายไปก็คือ จูเลีย เค บราวน์ ผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ไมอามี่ เฮรัลด์ ที่เรียกได้ว่ากัดนายเจฟฟรีย์ไม่ปล่อย นับตั้งแต่ที่มีข่าวว่าอัยการไมอามี ให้สิทธิ์ลดหย่อนโทษ และไห้เจฟฟรีย์สามารถใช้ชีวิตนักโทษที่โคตรอิสระซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
    .
    เธอกับทีมเพื่อนผู้สื่อข่าวของเธอต่างหาข้อมูล รวมรวบข้อมูลจากเอกสารมากมายหลายร้อยแผ่น เพื่อนำเสนอข่าวนี้ตลอดเวลาไม่ว่าเจฟฟรีย์จะทำอะไรอยู่ก็ตาม นอกจากนี้เธอยังตามสัมภาษณ์เหยื่อกามของเจฟฟรีย์ถึง 80 คน ซึ่งก็มีทั้งคนที่ยอมให้สัมภาษณ์และต้องขอร้องอ้อนวอนแทบกราบกรานกว่าจะได้สัมภาษณ์ เพราะผู้เสียหายเหล่านี้ต่างก็กลัวอิทธิพลของเจฟฟรีย์
    .
    จนข้อมูลที่เธอและทีมของเธอได้มานั้นไปเตะตาอัยการนิวยอร์ก กลายเป็นหลักฐานชั้นดีที่ใช้เอาผิดเจฟฟรีย์จนนำไปสู่การดำเนินคดีได้นั่นเอง นับว่าเธอเป็นสื่อน้ำดีที่ไม่ยอมจำนนต่ออำนาจใด ๆ และทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาจนผลลัพธ์มันตอบแทบตัวเองและสังคม
    .
    นี่ถือเป็นหนึ่งคดีตัวอย่างที่ผู้กระทำความผิดเป็นถึงอภิมหาเศรษฐีผู้มีอิทธิพล แต่การดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาทำให้ไม่สามารถทำให้คนเหล่านี้อยู่เหนือกฎหมายได้ แม้ระหว่างทางจะเจออุปสรรคมากมาย หรือแม้แต่มีคนในกระบวนการยุติธรรมเองที่เอื้อประโยชน์ให้ผู้ต้องหาก็ตาม แต่มันก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ยอมทำผิดจรรยาบรรณของตัวเอง และปล่อยให้มันเป็นไปตามกระบวนการอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งผลสุดท้ายคือ เหยื่อได้รับความเป็นธรรม คนกระทำผิดได้รับการลงโทษตามกฎหมาย
    .
    แต่ก็ไม่ใช่ทุกคดีจะจบได้แบบนี้ เพราะช่องว่างทางกฎหมายยังมีให้ซิกแซ็กเพื่อหลบเลี่ยงได้เสมอ ๆ

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    งัดเอกสารผลตรวจจาก รพ.รามาฯ พบสารเสพติดจากโคเคนในตัว “บอส อยู่วิทยา”
    แต่ตำรวจ - อัยการ กลับไม่ฟ้องข้อหาเสพ - ขับรถโดยเสพสาร
    FB_IMG_1595864153439.jpg
    ขยะใต้พรมที่เคยปกปิดเอาไว้เริ่มโชยกลิ่นชัดเจน จนไม่อาจซุกไว้ได้อีกต่อไปสำหรับคดีของนายบอส อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดงสุดอื้อฉาว ที่หลักฐานความไม่ชอบมาพากลในการดำเนินคดีนั้นมีข้อมูลใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดโรงพยาบาลรามาธิบดีได้งัดเอกสารการตรวจหาสารแปลกปลอมในร่ายกายของนายบอส ซึ่งมีการตรวจพบสารเสพติด 2 ชนิดที่มาจากการเสพโคเคน ซึ่งก็คือ Benzoylecgonine และ Cocaethyene
    .
    โดยรายงานนี้ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2555 ลงชื่อ ผศ. พลอากาศตรี นายแพทย์ วิชาญ เบี้ยวนิ่ม หัวหน้าสาขาวิชานิติเวชวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยาคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
    .
    และได้มีการส่งรายงานการตรวจนี้ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่กลับไม่มีการสั่งฟ้องดำเนินคดีข้อหาขับรถโดยเสพสารเสพติดประเภทสองในคดีนี้ตั้งแต่แรกของการดำเนินคดี ซึ่งไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีเหตุผลอะไรที่พนักงานสอบสวนไม่ตั้งข้อหาเสพโคเคนซึ่งเป็นสารเสพติดประเภทสอง และไม่ดำเนินคดี ทั้งที่มีความชัดเจนของผลตรวจ
    .
    เรื่องนี้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมจาก นายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่โพสต์จดหมายเปิดผนึกถึงอัยการสูงสุด และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องนายบอส พร้อมถามหาสาเหตุ ที่พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการว่าทำไมไม่ตั้งข้อหา
    .
    โดยข้อมูลจากจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวนี้ ภาควิชาพยาธิวิทยาได้แจ้งเกี่ยวกับสารแปลกปลอมที่พบในร่างกาย ตามที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ขอทราบข้อมูลคือ
    .
    1. Alprazolam (อัลพาโซแลม) เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 4 ตาม พ.ร.บ. วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯ โดยทางการแพทย์อาจใช้เป็นยานอนหลับหรือยาแก้โรคทางจิตประสาท และสามารถพบในปัสสาวะได้นานถึง 3-5 วัน หลังเสพ
    .
    2. Benzoyleegorine เป็นสารที่เกิดขึ้นในเลือด ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย (Metabolism) หลังจากการเสพ Cocaine (โคเคน) ซึ่ง Cocaine เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ โดย Cocaine ปกติจะไม่พบปนอยู่ในยา หรืออาหาร และสามารถอยู่ในเลือดได้นานถึง 18-28 ชั่วโมงหลังเสพ
    .
    3. Cocacthylene เป็นสารที่เกิดขึ้นในเลือด ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย (Metabolism) หลังจากการเสพ Cocaine ร่วมกับแอลกอฮอล์
    .
    4. Caffeine (คาเฟอีน) ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษตามพ. ร. บ. ยาเสพติดให้โทษ และไม่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทตาม พ.ร.บ. วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯ โดยเป็นสารที่พบได้ในชา กาแฟ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง น้ำอัดลมชนิดน้ำคำ เป็นต้น และสามารถพบในปัสสาวะได้นานถึง 2-3 วัน หลังเสพ
    .
    งานนี้คงต้องขอบคุณ CNN จริง ๆ ที่เปิดประเด็นนี้ขึ้นมาและผุดประเด็นต่าง ๆ ที่น่าสงสัยออกมาแฉกระบวนการอันไม่ชอบมาพากลในการดำเนินคดีนี้ จนกระทั่งสังคมเริ่มทำการขุดคุ้ยอย่างหนักหน่วง และพบพิรุธมากมาย นำไปสู่วันนี้สำนักงานอัยการสูงสุดคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบกรณีอัยการไม่สั่งฟ้องนายบอสแล้ว คาดว่าคงจะมีขยะใต้พรมอะไรอีกมากมายโผล่ออกมาเรื่อย ๆ อีกแน่ ๆ ซึ่งต้องรอติดตามกันต่อไป
    .
    **แถม...ได้รับข้อมูลจากเพื่อนในวงการสื่อด้วยกันมาว่า ก่อนที่ CNN จะได้ข่าวเรื่องยกฟ้องนายบอส จริงๆ แล้วมีสื่อของไทยได้ข้อมูลนี้ก่อนใครเพื่อนเลย จากแหล่งข่าวที่เป็นคนในของสำนักอัยการสูงสุดเอง ที่ไม่พอใจและไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่ส่อไปทางที่ไม่ถูกต้อง จึงส่งเรื่องนี้ไปสำนักข่าวของไทยแห่งหนึ่งแต่เห็นว่า บก. ของสำนักข่าวนั้นไม่เอาด้วย ไม่เล่นข่าวนี้เลยปัดประเด็นนี้ตกไป
    .
    จึงส่งเรื่องไป CNN และ BBC แทน จนการเป็นข่าวดังนี่แหละ น่าเสียดายนะ ที่สำนักข่าวนี้ดันไม่เล่น ทั้งๆ ที่ได้รับข้อมูลหลักฐานก่อนใคร อยากรูเลยว่าใครเป็น บก.ข่าว

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สสจ.-รพ.สต.ร่วมยืนยัน อสม.ได้ค่าตอบแทนครบ 19 เดือนตามข้อเสนอ “อนุทิน”

    จากกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศเดินหน้าจ่ายเงินช่วยเหลืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 19 เดือนให้ได้หลังจากมีข่าวว่า สภาพัฒน์ เตรียมหั่นงบและให้จ่ายเหลือ 7 เดือน กระทั่งประธานชมรมอสม.ฯ ออกมาสนับสนุนนายอนุทิน และเตรียมยื่นหนังสือให้กำลังใจผลักดันเรื่องนี้ที่ทำเนียบรัฐบาลวันที่ 29 ก.ค.นี้

    ล่าสุดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดต่างๆ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ต่างๆ ได้จัดทำภาพยืนยัน อสม.ได้รับค่าตอบแทนในการปฏิบัติงานสู้โควิดคนละ 500 บาท เป็นระยะเวลา 19 เดือนตามข้อเสนอของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ.

    อ่านต่อ :
    https://www.hfocus.org/content/2020/07/19844

    #Hfocus #สำนักข่าวสุขภาพ #ตัดงบอสม.#ค่าตอบแทนอสม

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดาวเทียมรัสเซียปล่อย‘วัตถุลึกลับ’ความเร็วสูง สร้างความหวาดกลัวว่าจะเกิดการแข่งขันด้านอาวุธในอวกาศ

     

แชร์หน้านี้

Loading...