ติดตามสถานะการณ์

#CountdownToMars นับถอยหลังสู่ดาวอังคารอีกครั้ง เพียง 2 วันเท่านั้น กับภารกิจ Mars 2020 Perseverance Rover ของนาซา

#รถสำรวจเพอร์เซเวียแรนส์ (Perseverance) จะถูกส่งขึ้นสู่อวกาศจากฐานปล่อยจรวด ณ แหลมคานาเวอรัล รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 30 ก.ค. 63 เวลาประมาณ 18.50 น. (ตามเวลาประเทศไทย) มีเป้าหมายเพื่อสำรวจร่องรอยของสิ่งมีชีวิตโบราณบนดาวอังคาร

เดินทางไปพร้อมเพื่อนเฮลิคอปเตอร์ตัวน้อย ชื่อ #อินเจนูอิตี (Ingenuity) เป็นเฮลิคอปเตอร์ลำแรกที่จะทดลองบินบนดาวเคราะห์ดวงอื่น ที่จะช่วยให้เห็นสภาพบรรยากาศของดาวอังคารในมุมองที่แตกต่างออกไป

ลงจอดบนดาวอังคารในอีก 7 เดือนข้างหน้า ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ติดตามชม live ได้ทาง https://go.nasa.gov/2CJHidq

หรือ เกาะขอบจอรอทางหน้าเพจ NARIT ติดตามไปพร้อม ๆ กับเราทาง #NARITFacebooklive ล้วงลึกทุกประเด็นที่น่าสนใจในภารกิจสำรวจดาวอังคาร วันที่ 30 ก.ค.63 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไปครับ

 

ผู้เขียนได้ใช้เวลาพิจารณามานาน ว่าจะเขียนบทความนี้ดีหรือไม่ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเขียน เพราะดูสถานการณ์บ้านเมือง สถานการณ์โลกไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่

เป็นที่รู้ดีในหมู่พสกนิกรชาวไทยว่า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระองค์มีความห่วงใยประชาชนอย่างมาก พระองค์ทรงหยั่งรู้เหตุการณ์ในอนาคต จึงพระราชทานแนวทาง "เศรษฐกิจพอเพียง" แก่ประชาชนชาวไทย นอกจากนี้ยังพระราชนิพนธ์ เรื่อง "พระมหาชนก" และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อเตือนใจพสกนิกรของพระองค์ และยังพระราชทาน ส.ค.ส. เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้พวกเราชาวไทยกันทุกปีใหม่

ในที่นี้จะขอกล่าวถึงส.ค.ส. ปี ๒๕๔๗ ตามความเข้าใจของผู้เขียน มีดังนี้
- รูประเบิด คือ มีภัย (มีระเบิด) อยู่รอบแผ่นดินไทย อยู่ทั้ง ๔ ทิศของประเทศไทย
- คำว่า "มีระเบิด เกือบทั่วโลก" หมายถึง มีภัยอยู่เกือบทั่วโลก หรืออาจจะหมายถึงสงครามที่มีอยู่ทั่วโลก
- เรือสำเภา มีสัญญลักษณ์ "บช" กำลังจะล่ม
- ในแผนที่ประเทศไทย มีคำว่า "สามัคคี เป็นพลัง ค้ำจุน แผ่นดินไทย" หมายความว่า ความสามัคคีของคนไทย จะเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทยให้รอดพ้นภยันตรายไปได้
- เส้นสามเส้นหนา ค้ำอยู่ระหว่างภาคกลางของประเทศ ลงไปจนถึงภาคใต้ สามเส้นนี้ถ้าขยายมาจะกินเนื้อที่คือ สงขลา ยะลา ปัตตานี สามเส้นนี้เป็นเสาค้ำประเทศไทย เสาหลักสามเส้นนี้คือ สามสถาบันหลักของประเทศ คือ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา และ สถาบันพระมหากษัตริย์
- น้ำทะเลในอ่าวไทยที่เป็นสีอ่อน หรือไม่มีลาย คือ ส่วนที่เป็นทะเลของประเทศไทย
- รูป สุนัข เป็นสัญญลักษณ์ของผู้ที่มีหน้าที่เฝ้ามอง เฝ้าดู ดูแล ระวังภัย
- "บ้านเชียง ห้าพันปี" บ้านเชียง หรือ "บช" เป็นสัญญลักษณ์ของสิ่งที่มีอายุห้าพันปี ในทำนองเดียวกันสิ่งที่ถูกพยากรณ์ไว้ว่ามีอายุ ๕๐๐๐ ปี คือ พระพุทธศาสนาของพระสมณโคดม ในที่นี้ "บ้านเชียง" น่าจะหมายถึง "พระพุทธศาสนา"
- รูป "สุนัขสองตัว เผ้ารักษา ห้าพันปี" หมายถึง สัญญลักษณ์ของผู้ที่มีหน้าที่เฝ้าดูแล ระวังภัยให้พระพุทธศาสนา ตลอดจนห้าพันปี
- รูปสุนัข ๗ ตัว เล็กลงเรื่อยๆ หมายถึง ผู้ที่มีหน้าที่ดูแล ระวังภัยให้พระพุทธศาสนา น้อยลงเรื่อย ๆ
- คำว่า "มหาวิทยาลัยปูทะเลย์" หมายถึง แหล่งเรียนรู้แห่งการฟื้นฟู ซึ่งมีแนวทางหลายแบบในการฟื้นฟู ยกตัวอย่างเช่น ต้นมะม่วงที่โค่นไป เพราะผู้คนทุกระดับชั้นเก็บมะม่วงกิน และทำลายต้นมะม่วง ไม่เคยจะคิดฟื้นฟูต้นมะม่วง แต่หลังจากมะม่วงโค่นไป เรามีวิธีที่จะฟื้นฟูต้นมะม่วง เพื่อให้ต้นมะม่วงออกผลให้ผู้คนได้กินกันถ้วนหน้าในอนาคต

ผู้เขียนขอสรุปตามความเข้าใจของผู้เขียน คือ
ปัจจุบันนี้ ภัยมีอยู่เกือบทั่วโลก สงครามน่าจะเกิดขึ้นเกือบทั่วโลก รอบประเทศไทย และเรือสำเภาที่มีสัญญลักษณ์ บช (อาจคือ บ้านเชียง หรือ สัญญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา) กำลังจะล่ม เพราะเหตุจากภัยต่างๆ คนไทยจึงต้องมีความสามัคคี เพื่อเป็นพลัง ค้ำจุน แผ่นดินไทย และเสาหลักสามเสาที่เป็นสิ่งที่ยึดประเทศไทยให้เป็นประเทศไทยได้ คือ สามสถาบันหลัก คือ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ยึดประเทศไทยไว้เหนือจรดใต้ ถ้าเสาหลักนี้หักหรือล่มไป ประเทศไทยก็จะอยู่ไม่ได้
หนึ่งในเสาหลักคือ พุทธศาสนา พุทธศาสนิกชนจึงมีหน้าที่เฝ้าดูแล ระวังภัยให้พระพุทธศาสนาตลอดจนห้าพันปี ซึ่งในขณะนี้ ผู้ที่ทำหน้าที่เฝ้าดูแลและระวังภัยใหพระพุทธศาสนามีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ
"มหาวิทยาลัยปูทะเลย์" หมายถึง แหล่งเรียนรู้แห่งการฟื้นฟู ซึ่งหลังจากการทำลายล้างต้นมะม่วงแล้ว เราจะต้องกลับมาฟื้นฟูต้นมะม่วง นั่นคือ หลังจากภัยต่าง ๆ (ระเบิดเกือบทั่วโลก) และภัยที่คิดว่าเกิดจากภัยธรรมชาติด้วย หลังจากนั้นพวกเราต้องกลับมาฟื้นฟูบ้านเมือง ฟื้นฟูพระศาสนากันอย่างจริงจัง
ฉะนั้นคนไทย จะต้องมีความสามัคคีกัน เพื่อเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย อย่างในส.ค.ส.พระราชทานปี ๒๕๔๗ โดยรักษาเสาหลักทั้ง ๓ เสาให้มั่นคง เพื่อเป็นเสาค้ำจุนประเทศไทยให้แข็งแกร่งต่อไป

https://www.facebook.com/groups/Buddhafacts/


https://m.facebook.com/groups/166259060416492?view=permalink&id=1160203194355402

 

อเมริกาเริ่มทดลองวัคซีนโควิดเฟสสุดท้าย ตั้งเป้ารับอาสาสมัคร 30,000 คน
.
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ‘วัคซีน’ เป็นความหวังอันสูงสุดของคนทั่วโลกที่ต้องการสิ่งนี้มาใช้ป้องกัน COVID-19 และกอบกู้สถานการณ์วิกฤติที่ทุกประเทศกำลังเผชิญ ณ ขณะนี้ ให้ดีขึ้น และผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมหลายอุตสาหกรรมที่ได้ผลกระทบหนัก เช่น ธุรกิจการบิน อุตสาหกรรมท่องเที่ยว จะฟื้นฟูได้ ก็ต่อเมื่อมีวัคซีนมาใช้ในวงกว้าง’
.
ล่าสุด วัคซีน COVID-19 ที่พัฒนาโดย Moderna บริษัทยาในประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศเริ่มทดลองฉีดวัคซีนในเฟส 3 หรือเฟสสุดท้ายของการทดลองทางคลินิก ในวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากผ่านการทดลองเฟสที่ 1 และ 2 เพื่อหาผลข้างเคียงและความปลอดภัยหลังได้รับวัคซีน โดยเฟส 3 ซึ่งกำลังทดลองเป็นการวัดประสิทธิภาพของวัคซีนว่าสามารถสร้างภูมิคุ้มกันโควิดได้ดีหรือไม่
.
สำนักข่าว NPR อเมริกา รายงานว่า Moderna กำลังรับสมัครอาสาสมัครทดลองฉีดวัคซีน โดยหวังว่าจะมีผู้มาสมัครอย่างน้อย 30,000 คน สำหรับการทดลองเฟสที่ 3 มีการแบ่งกลุ่มอาสาเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 15,000 คน หรือคิดเป็นจำนวนครึ่งหนึ่ง ได้รับวัคซีน 2 ครั้ง เว้นระยะห่างเข็มละ 28 วัน และอีกครึ่งที่เหลือได้รับวัคซีนปลอมที่เป็นเพียงน้ำเกลือ หรือที่เรียกกันว่า Placebo เพื่อนำผลของทั้งสองกลุ่มมาเปรียบเทียบให้เห็นประสิทธิภาพวัคซีนได้อย่างชัดเจน
.
อาสาสมัครทุกคน หลังจากเข้าร่วมการทดลอง สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยทีมแพทย์จะติดตามผลการทดลองเป็นระยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อดูว่า มีอาสาสมัครคนไหนติดโควิดหรือไม่ และติดเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่าต้องใช้เวลาหลายเดือน กว่าจะสรุปผลการทดลองได้
.
สำหรับเกณฑ์ประเมินประสิทธิภาพวัคซีนในเฟสที่ 3 ทางผู้พัฒนาวัคซีนกำหนดไว้ว่า ต้องมีจำนวนอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนจริง ป่วยโควิดหลังจากฉีดวัคซีน ไม่เกิน 1% หรือ 150 คน ของผู้ได้รับวัคซีนทั้งหมด
.
อ้างอิงจาก:
https://futurism.com/neoscope/experimental-covid19-vaccine-phase-3-trial

#OnUFO #USA #America #Moderna #COVID19 #Vaccine #Phase3 #Trial

 

กูเกิลขยายเวลา WFH ถึงสิ้นเดือน มิ.ย. 64 สำหรับพนักงานสองแสนคน เพราะโควิดในอเมริกายังวิกฤติ
.
จีนกำลังเกิดระบาด COVID-19 รอบใหม่ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นหลักสิบต่อวัน ในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของจีน อย่างมณฑลเหลียวหนิงและจี๋หลิน ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่น่าจับตามอง เนื่องจากการติดเชื้อในพื้นที่เหล่านี้ห่างหายไปนานหลายเดือน แต่การใช้ชีวิตประจำวันและการทำงานของคนจีนในพื้นที่อื่นทั่วจีน เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ 100% ขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกายังคงวิกฤติหนักและการทำงานยังคงต้อง WFH หรือทำงานที่บ้านต่อไป ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาปกติได้เมื่อไหร่
.
จากสถานการณ์ในอเมริกา ทำให้หลายบริษัทเริ่มขยายเวลาการทำงาน WFH ออกไป อย่างล่าสุด Sundar Pichai ซีอีโอ Alphabet บริษัทแม่ Google เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนจะประกาศถึงพนักงานกว่า 200,000 ราย ทางอีเมล เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ว่า ‘ขอให้ผู้ที่ทำงานในตำแหน่งที่ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ ทำงานแบบ WFH ต่อไป จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2021 (พ.ศ. 2564) ‘ ซึ่งคิดเป็นระยะเวลาเกือบหนึ่งปีนับจากนี้
.
Google เพิ่งเปิดออฟฟิศอีกครั้ง วันที่ 6 กรกฎาคม แต่จำกัดจำนวนพนักงานที่มาทำงานในสำนักงาน โดยให้เป็นทางเลือก สำหรับคนที่อยากมาทำ โดยจะจัดตารางเวลา ไม่ใช่มาทำทุกวัน และคนที่ทำงาน WFH จะได้รับเงิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 31,500 บาท) เพื่อเป็นเงินซื้ออุปกรณ์จำเป็นต่อการทำงานที่บ้าน
.
ทั้งนี้ บริษัทไอทีระดับโลกหลายราย ไม่ได้ขยายเวลา WFH แต่ประกาศ WFH แบบถาวรไปเลยในตำแหน่งที่สามารถทำได้ อาทิ Facebook Twitter และ Square โดยหากยกเว้น Facebook ที่เหลืออีกสองบริษัทมีซีอีโอคนเดียวกัน ได้แก่ Jack Dorsey
.
อ้างอิงจาก:

https://www.theverge.com/2020/5/26/...-work-from-home-option-office-reopen-covid-19

https://www.theverge.com/2020/5/18/...es-work-from-home-remote-premanent-policy-ceo

#OnUFO #Google #Alphabet #SundarPichai #WFH

 

วัยรุ่นอเมริกัน 18-24 ปี ตามข่าวจาก IG เพราะเรียลไทม์และหลากหลายคอมเมนต์ ดันยอดอ่านข่าวสื่อหลักเหลือ 41%
.
สำหรับวัยรุ่นยุคใหม่เจน Millennial และ Z การติดตามข่าวสารจากสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ถือเป็นพฤติกรรมอันปกติเสมือนการอ่านหนังสือพิมพ์ของคนยุคก่อนหน้า โดยเฉพาะบน Instagram หรือ IG ที่มีการแชร์เรื่องราวและข้อมูลอิงกับชีวิตประจำวันและไลฟ์สไตล์มากกว่าข่าวที่มีเนื้อหาค่อนข้างหนักหรือทางการเกินไป ซึ่งปัจจุบันให้ความสำคัญกับข่าวสารแบบเรียลไทม์ และมีเนื้อหาไม่หนัก สามารถเข้าใจได้โดยง่าย
.
จากการสำรวจวัยรุ่นอเมริกันอายุ 18 ถึง 24 ปี ในการรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการแพร่ระบาดโควิด ของนักวิจัยสถาบันรอยเตอร์สำหรับการศึกษาทางวารสารศาสตร์ (Reuters Institute for the Study of Journalism) แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford ) พบว่า มากกว่า 25% ติดตามข่าวจาก Instagram ขณะที่ 19% ใช้ Snapchat และ 6% ดูบน TIkTok และมีเพียง 17% ที่อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์
.
สำหรับนอกอเมริกา ก็มีการสำรวจในบางประเทศ โดยวัยรุ่นเยอรมนีช่วงอายุเดียวกับที่สำรวจในอเมริกา ใช้ Instagram 38% ในการตามข่าวโควิด ซึ่งแม้จะเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง แต่ยังน้อยกว่าอาร์เจนตินา เมื่อวัยรุ่น 18-24 ปีของที่นั่น มีมากถึง 49% เทใจให้ Instagram
.
ทำไมคนเจน Millennial และ Z ถึงใช้โซเชียลมีเดียอย่าง IG เป็นแหล่งติดตามข่าวแทนการอ่านหนังสือพิมพ์และสื่อหลักยุคเดิม เช่น ทีวี วิทยุ ?
.
1. บนโซเชียลมีเดีย ทุกคนสามารถเป็นนักข่าวและส่งต่อเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นได้แบบเรียลไทม์ และเป็นเรื่องราวที่สดใหม่เสมอ

แต่ข้อเสียสำคัญของข่าวสารรวดเร็วบนโซเชียลมีเดีย คือ ความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของเขา เนื่องจากเรามักได้รับข่าวปลอมที่มีต้นตอจากการส่งข่าวบนโซเชียลมีเดียอยู่บ่อยครั้ง แต่ผลสำรวจจาก Gallup ก็แสดงให้เห็นว่า “ชาวอเมริกันเชื่อถือข่าวจากสื่อเก่า เช่น หนังสือพิมพ์ ลดน้อยลง เหลือเพียง 41% เท่านั้น”
.
2. โซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นถึงมุมมองและความคิดเห็นอันหลากหลายของบุคคลอื่นบนข่าวสารเดียวกันกับที่เราอ่าน

การมีส่วนร่วมในสังคมเสมือน เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักทำให้โซเชียลมีเดียได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น การติดตามสื่อบนโซเชียลมีเดีย เป็นการเปิดมุมมองและได้รับรู้ถึงความคิดเห็นของแต่ละคนที่กำลังรับข่าวเดียวกัน แตกต่างจากการรับข่าวจากสื่อดั้งเดิม ที่ส่วนใหญ่เป็นการนำเสนอเฉพาะมุมมองจากนักข่าวของแต่ละสื่อเท่านั้น
.
3. สื่อหลักยุคเดิม มักนำเสนอด้านใดด้านหนึ่งหรือไม่นำเสนอเลย สำหรับประเด็นความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อทางศาสนา รวมถึงประเด็นอื่นๆที่ละเอียดอ่อน อาทิ การเหยียดผิวและเชื้อชาติ

คนรุ่นใหม่เริ่มมองว่าสื่อเดิม มีการเลือกข้างและนำเสนอแบบเหรียญด้านเดียว โดยเฉพาะประเด็นการเมือง รวมถึงเรื่องราวละเอียดอ่อนอื่นๆ แต่บนโซเชียลมีเดีย สามารถติดตามข่าวได้อย่างเสรี และมีความคิดเห็นหลายด้าน ตามที่ระบุในข้อสอง

ตัวอย่างเช่น การรณรงค์ต่อต้านเหยียดสีผิวก็ถูกผลักดันจากบนโซเชียลมีเดีย
.

4. สามารถเลือกรับข่าวเฉพาะตรงกับความสนใจของตนเอง หรือเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมกับวิถีชีวิต ได้ทันที

Amelia Gibson ผู้ช่วยศาสตราจารย์และผู้อำนวยการแล็บวิจัย Community Equity Data and Information มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา (University of North Carolina) เผยว่า ในช่วงโควิด กลุ่มคนอายุน้อยติดตามสิ่งที่สนใจผ่านสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย เช่น การอัปเดตสถานการณ์โควิด และการต่อต้านเหยียดผิว
.

สรุปแล้ว การรับข่าวจากสื่อโซเชียล เสมือนการรับข่าวแบบทันเวลาและทันเหตุการณ์ พร้อมทั้งได้รับความคิดเห็นมุมมองจากคนจำนวนมาก แต่มีสิ่งให้ต้องระวังอยู่มาก ไม่ว่าจะความถูกต้องของข้อมูล แหล่งข่าวน่าเชื่อถือหรือไม่ และหลายเรื่องราวอาจเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลโดยไม่รู้ตัว
.
อ้างอิงจาก:
https://amp.theguardian.com/lifeandstyle/2020/jul/27/instagram-news-source-social-media

ภาพจาก:
https://bit.ly/32X4TC8

#OnUFO #Instagram #News # Millennial #GenZ

 

นักวิจัยพบ ‘ทางป้องกันอัลไซเมอร์’ วัคซีนไข้หวัดใหญ่และปอดอักเสบ ช่วยลดเสี่ยง ‘ความจำเสื่อม’
.
ทุกคนต่างทราบดีว่า วัคซีนช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันโรคใดโรคหนึ่ง เช่นตอนนี้หลายประเทศทั่วโลกต่างวิจัยและพัฒนาวัคซีนสำหรับป้องกัน COVID-19 เพื่อจะได้หยุดวิกฤติแพร่ระบาดที่กำลังส่งผลกระทบวงกว้างทั่วโลก ณ ขณะนี้ แต่วัคซีนที่ใช้ป้องกันบางโรค ไม่ได้มีผลแค่ป้องกันโรคนั้นอย่างเดียว แต่ยังอาจส่งผลป้องกันโรคอื่นๆได้อีกด้วย อย่างงานวิจัยสองชิ้นที่นำเสนอในงานประชุมนานาชาติของสมาคมโรคอัลไซเมอร์หรือสมองเสื่อม เมื่อวันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม
.
งานวิจัยชิ้นแรกนำเสนอโดย Albert Amran นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 4 โรงเรียนแพทย์ McGovern (McGovern Medical School) มหาวิทยาลัย University of Texas Health Science Center at Houston โดยศึกษาข้อมูลผู้ป่วยชาวอเมริกันอายุมากกว่า 60 ปี มากกว่า 9,000 คน พบว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะลดการเป็นอัลไซเมอร์ได้ 17% และถ้าได้รับมากกว่า 1 ครั้ง จะช่วยลดมากถึง 30% ซึ่งปกติแล้วแพทย์จะให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพราะไข้หวัดใหญ่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในแต่ละปีมากถึงปีละ 12,000 – 61,000 ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา
.
ส่วนงานวิจัยชิ้นที่สองเป็นงานวิจัยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบช่วยลดการเกิดอัลไซเมอร์เช่นกัน ศึกษาจากผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี จำนวนมากกว่า 5,000 คน โดยจำนวนหนึ่งมียีนหรือหน่วยพันธุกรรม TOMM40 ที่เป็นยีนเสี่ยงสำหรับเกิดโรคอัลไซเมอร์ แต่อัตราเสี่ยงลดลง 25% ถึง 30% เมื่อได้รับวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ และสูงขึ้นถึง 40% หากไม่มียีนเสี่ยง
.
งานวิจัยทั้งสองต่างระบุว่า การได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และปอดอักเสบ มีผลต่อการป้องกันโรคอัลไซเมอร์ หรืออย่างน้อยช่วยทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ช้าลง แต่นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นว่า ควรมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมอีกจำนวนไม่น้อย จนกว่าจะแน่ใจในความสัมพันธ์ของการได้รับวัคซีนเหล่านี้และลดความเสี่ยงอัลไซเมอร์
.

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคอัลไซเมอร์ แต่งานวิจัยที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นถึงลักษณะการใช้ชีวิตที่ส่งผลต่อลดความเสี่ยงการเกิดโรค เช่น การนอนหลับอย่างเพียงพอ การได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ซึ่งตอนนี้ก็อาจจะนับรวมการได้รับวัคซีนเข้ามาในปัจจัยลดความเสี่ยงสมองเสื่อมได้
.
ด้าน Maria Carrillo หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์แห่งสมาคมโรคอัลไซเมอร์ กล่าวต่อ CNN ว่า “หากการได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ได้จริง ก็สมควรที่จะประกาศสู่สาธารณะ”

โดย Carrillo ยังกล่าวอีกว่า “เรายังต้องวิจัยอีกมาก เพื่อให้เข้าใจถึงการเชื่อมโยงของการได้รับวัคซีนและการเกิดโรค ซึ่งหนึ่งในสิ่งสำคัญที่เราควรต้องรู้ คือ วัคซีนส่งผลโดยตรงต่อโรคอัลไซเมอร์ หรือมีส่วนช่วยป้องกันปัจจัยของการเกิดโรคเท่านั้น เหมือนกับการลดน้ำหนักหรือดัชนีมวลกาย (BMI) เฝ้าระวังระดับน้ำตาลในเลือด ระดับคลอเรสเตอรอล รวมถึง ระดับความดันเลือด”
.
อ้างอิงจาก:
https://amp.cnn.com/cnn/2020/07/27/...ot-lowers-alzheimers-risk-wellness/index.html

#OnUFO #Flu #Pneumonia #Vaccine #Alzheimer #อัลไซเมอร์ #สมองเสื่อม

 

คนอายุต่ำกว่า 30 ใช้อีเมลในการทำงานน้อยลง เน้นโปรแกรมแชท, cloud storage
.
เบื้องหลังสำคัญของการทำงานทางไกลอยู่ที่บ้าน หรือ Work from home ที่กลายเป็นเรื่องปกติของการทำงานยุคโควิด คือแอปพลิเคชันที่มีให้เลือกใช้จำนวนมาก ทั้งแอปฯ การทำงานร่วมกันเป็นทีม แอปฯ ประชุมผ่านระบบออนไลน์ แอปฯ แชท เป็นต้น ซึ่งบริการออนไลน์ที่ทุกคนต่างคุ้นเคยและใช้จนเคยชินมานานนับสิบปี ได้แก่ อีเมล แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กลุ่มคนทำงานอายุต่ำกว่า 30 ปี จะมีทางเลือกอื่น นอกจากการใช้อีเมล ตามข้อมูลจาก FASTCOMPANY
.
โดยผลสำรวจชาวอเมริกันที่ทำงานทางไกล 1,000 คน พบว่า อายุต่ำกว่า 30 ปี ใช้แอปพลิเคชันเกี่ยวข้องกับอีเมลทุกแอปรวมกันต่ำกว่า 40% โดยใช้ Gmail มากสุด 20.7% Outlook 13.1% Mail 5.8%
.
โดยจากผลสำรวจทำให้ได้เห็นอีกว่า แอปฯ จัดการเอกสารร่วมกันอย่าง Google Docs เป็นแอปฯ ที่วัยทำงานอายุต่ำกว่า 30 ปี เลือกใช้งานมากเป็นอันดับ1 โดยครองสัดส่วน 51.7% ซึ่งใช้แทนอีเมลสำหรับแชร์เอกสารและไฟล์เอกสาร นอกจากนี้ แอปประชุมทางไกล Zoom และแอปแชท iMessage ของ Apple ตามมาเป็นอันดับ 2 และ 3 ส่วนอายุมากกว่า 30 ใช้ Google Docs และ Zoom ตามหลัง Outlook ที่มากถึง 34.6% มากสุดในบรรดาแอปอีเมลและแอปที่ใช้ทำงานทั้งหมด กล่าวคือพวกเขายังคงพึ่งพาการส่งอีเมลเพื่อการทำงาน
.
ถ้าดูในมุมมองค่ายแอปฯ ระหว่าง Microsoft และ Google พบ ‘อายุต่ำกว่า 30 ใช้ GSuite ฝั่ง Google 55% ใช้ Microsoft Office เพียง 32% แต่อีกกลุ่มหนึ่ง อายุมากกว่า 30 สัดส่วนการใช้งานตรงข้าม สัดส่วนใช้ MS Office 61% และ GSuite 30% สันนิษฐานว่า เป็นเพราะทั้งสองช่วงอายุต่างคุ้นเคยกับแอปฯ ที่เป็นที่นิยมในช่วงวัยของตน
.
อ้างอิงจาก:
https://www.fastcompany.com/9050958...work-people-under-30-might-finally-kill-email

#OnUFO #RemoteWork #WFH #Email #ColloborationApp

 

In An Hour เราชวนอ่าน | เราทำงานอย่าปล่อยให้งานทำเรา | Alan Lightman

เราใช้เวลาไปกับเรื่องราวที่คิดว่าควรทำอยู่เสมอ ทำงานตามเวลา ออกไปพบปะสังสรรค์ตามคำเชิญชวน เพื่อทำในสิ่งที่คิดว่าควรทำ เพื่อเชื่อมต่อตัวเองกับโลกภายนอกอยู่เสมอ จนเราลืมให้เวลากับตัวเองจริงๆ หรือเปล่า?

ผลงานการเขียนจาก ‘อลัน ไลต์แมน’ (Alan Lightman) แปลโดย โตมร ศุขปรีชา บอกเล่าถึงการใช้ชีวิตตามเวลาที่ปัจจัยอื่นมีผลมากกว่าการตัดสินใจของเราเอง ง่ายๆ คือ เรามักไม่ได้เลือกทำในสิ่งที่อยากทำ ในเวลาที่อยากทำ ด้วยตัวเองเท่าไหร่นัก ไม่ได้ให้เวลากับตัวเองอยู่กับตัวเองจริงๆ

เราอาจจะคิดว่า เราก็ได้มีเวลานอน มีเวลาพักผ่อนของเรานี่นะ นั่นยังไม่เพียงพอเหรอ? เล่มนี้จะมาให้คำตอบว่าเราวิ่งวนอยู่ในกระแสความต้องการอื่น นอกจากของตัวเองไปทำไม แล้วทำอย่างไรถึงจะหลุดออกจากเวลาที่เหล่านั้นได้

ก่อนอื่น เราต้องปลดความกลัวแบบ FOMO: Fear of missing out กลัวการไม่ได้ติดต่อกับใคร ขาดการเชื่อมต่อออกจากโลก เราไม่จำเป็นต้องติดต่อกับผู้อื่นตลอดเวลา ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการพูดคุยกับคนอื่น แต่เป็นการรับรู้และยึดตัวเองเข้ากับเรื่องเหล่านั้นตลอดเวลา รวมทั้งการใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ ปล่อยให้สิ่งรอบตัวรุมเร้าตัวเองอยู่เสมอ

เริ่มต้นด้วย ปิดเครื่องและเติมพลัง ลดการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อติดต่อกับโลกภายนอกตลอดเวลา ให้จิตใจพักผ่อนด้วยตัวเอง ทบทวนเรื่องราวในแต่ละวัน ความเข้าใจชีวิต นึกถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา ต่อไป เริ่มออกไปสัมผัสโลกจริง ปล่อยให้ตัวเองมีเวลาทำสิ่งจรรโลงใจ และสุดท้าย สร้างนิสัยใหม่ๆ ให้กับตัวเอง ด้วยการทำเพื่อตัวเอง อย่างการมีช่วงเวลาที่เงียบสงบ พูดคุยกับคนรอบตัว อยู่ห่างสมาร์ตโฟนบ้าง วางแผนชีวิตในแต่ละวันของเราเอง

สิ่งที่เล่มนี้เตือนสติเราได้ดี คือ การปล่อยให้ตัวเองได้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองต้องการเสียบ้าง อย่ามัวเสียเวลาไปกับการทำสิ่งที่ถูกต้อง เห็นสมควร จนชีวิตตึงเปรี๊ยะ มันจะขาดเอาได้ในสักวัน ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่การทำตามใจตัวเองไปเสียทั้งหมด

ทั้งนี้เนื้อหาก็ไม่ได้สนับสนุนให้เราตามใจตัวเองตลอดเวลา แต่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ตัวเอง แล้วหาวิธีหลุดจากวงจรยุ่งเหยิงเสียที ง่ายๆ คือ แค่อยากให้คนที่ไม่มี ได้มีเวลาเหล่านั้นบ้าง

#OnUFO #InAnHour #Books #WorkLifeBalance #AlanLightman

 

สิวจากใส่หน้ากาก ดันยอดสกินแคร์สูงขึ้น ขณะที่เครื่องสำอางยอดตกช่วงโควิด แต่อุปกรณ์แต่งหน้าเฉพาะตา-คิ้ว ขายดี
.
ไม่ว่าจะหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ตอนนี้กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในการดำเนินชีวิตของพวกเรา หลังการมาของ COVID-19 ที่ยังคงระบาดและส่งผลกระทบไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก แต่การใส่หน้ากาก ก็สร้างความน่ารำคาญใจบางอย่างต่อผู้ใส่ โดยเฉพาะสาวๆ เพราะทำให้มี Maskne หรือ สิวอันเกิดจากการใส่หน้ากากเป็นเวลานาน
.
ทำไมใส่หน้ากากจึงทำให้เป็นสิว?
จากการเผยของแพทย์ผิวหนัง Angeline Yong ผ่านทาง BBC ระบุว่า เมื่อหน้ากากเสียดสีกับผิวหน้าจะทำให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบ อีกทั้งการหายใจภายใต้หน้ากากยังทำให้เกิดการอับชื้น ซึ่งเป็นอีกสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว

เมื่อรู้สึกว่าผิวหน้ามีปัญหา การใช้ครีมบำรุงผิว เป็นทางแก้ของหลายคน แต่ถ้าใช้ครีมไม่ถูกต้อง ทาครีมหนาเกินไป หรือเป็นครีมไม่ต่อสภาพผิวหน้า จะยิ่งทำให้เกิดสิวอุดตัน โดยคุณหมอ Yong แนะนำให้ทาครีมเนื้อเบาแบบ lightweight moisturizer ซึ่งมีส่วนช่วยเป็นชั้นป้องกันระหว่างผิวหน้ากับหน้ากาก ไม่ให้เกิดการเสียดสีจนเกิดแผลถลอกบนผิวหนังและเกิดสิว
.
สกินแคร์แบรนด์ต่างๆ เริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับแก้ปัญหา Maskne สิวจากการใช้หน้ากาก เช่น มาส์กป้องกันสิวเวลาใส่หน้ากาก จาก Dr.Jart แบรนด์สกินแคร์ชื่อดังเกาหลี
.
ด้าน L'Oréal แบรนด์ความสวยความงามยักษ์ใหญ่ เผยว่า ช่วงโควิดหลายเดือนที่ผ่านมา ยอดขาย Deep-cleansing ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าขายดีขึ้นเป็นอย่างมาก

โดย Jochen Zaumseil รองประธานบริหาร L'Oréal ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ระบุ ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาด รวมถึง มาส์กหน้าทำความสะอาด-ฟื้นฟูสภาพผิวของแบรนด์ La Roche-Posay และ CeraVe ที่มีชื่อเสียงทางด้านนี้อยู่แล้ว ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะไม่ต้องการให้เกิดสิว และยังรักษาความสะอาด เพื่อลดความเสี่ยงการติดโควิดอีกด้วย
.
ขณะที่สกินแคร์ขายดีขึ้นในช่วงการแพร่ระบาด ยอดขายเครื่องสำอางกลับลดลง ซึ่ง L'Oréal ยังเผยอีกว่า ผู้หญิงจีนเพียง 34% แต่งหน้าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เพราะอยู่บ้านไปไหนไม่ได้ แต่พอสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ สามารถออกไปทำงานที่ออฟฟิศได้อีกครั้ง สาวจีนกลับมาแต่งหน้าอีกครั้ง โดยปลายมิถุนายนถึงต้นกรกฎาคมที่ผ่านมา ตัวเลขเพิ่มขึ้นไปแตะที่ 68%
.
เครื่องสำอางที่ขายดีที่สุด คือ มาสคาร่า อายแชโดว์ และอุปกรณ์เขียนคิ้ว เขียนขอบตา เพราะเมื่อเราใส่หน้ากากป้องกันโควิด สิ่งชัดเจนที่สุดบนใบหน้าของเราที่คนอื่นมองเห็นได้ ก็จะเหลือแค่ ส่วนของตาและคิ้ว ซึ่งเทรนด์การแต่งหน้าเป็นมิตรต่อการใส่หน้ากาก ได้รับการพูดถึงพุ่งขึ้นด้วย อย่างบน YouTube มี YouTuber สายแต่งหน้าหลายคนออกมาแนะนำวิธีการแต่งหน้า โดยมุ่งเน้นไปที่การทำบริเวณขอบตาและคิ้วให้ดูชัดเจนและสวยงามมากขึ้น
.
อ้างอิงจาก:

https://www.bbc.com/news/amp/world-53468051

#OnUFO #Maskne #MakeUp #Mask #COVID19

 

เมื่อหมูกรอบไม่ใช่หมูกรอบอีกต่อไป แต่คือ Plant-Based Meat เนื้อสัตว์จากพืชที่ผ่านกรรมวิธีและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์จนมีรูปร่าง หน้าตา รสชาติ และคุณค่าทางอาหารใกล้เคียงกับเนื้อจริง จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “อาหารแห่งอนาคต”
.
ทำไม Plant-Based Meat ถึงกลายเป็นเทรนด์อาหารทั่วโลก? ราคาที่สูงกว่าอาหารปกติแลกมากับอะไร? ต้องเป็นมังสวิรัติเท่านั้นที่กินหรือเปล่า? ไปทำความรู้จักให้มากขึ้นกับ ‘วิภู เลิศสุรพิบูล’ และ ‘วรุตม์ จันทร์โพธิ์’ สองผู้ก่อตั้ง Meat Avatar ผู้ผลิตเนื้อจำแลงสัญชาติไทย
.
#OnUFO #NeedNow #Interview #MeatAvatar #Plantbased

 

การลงท้ายอีเมลด้วย ‘การขอบคุณ’ มีอัตราการตอบกลับกว่า 60% สูงกว่าการส่งไปเฉยๆ กว่า 2 เท่า
.
อีเมลเป็นหนึ่งในช่องทางติดต่อสื่อสารที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะสะดวก สามารถส่งอีเมลได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องกังวลว่าจะรบกวนเวลาของอีกฝ่ายเหมือนกับการติดต่อทางโทรศัพท์ แต่ปัญหาการติดต่อทางอีเมลซึ่งทุกคนต่างเจอ คือ การตอบอีเมล อาจใช้เวลานานกว่าผู้รับจะตอบกลับมา และมีจำนวนไม่น้อย ไม่ได้รับการตอบกลับด้วยซ้ำ
.
ตามสถิติจาก Boomerang บริษัทซอฟต์แวร์บริหารจัดการอีเมลชื่อดัง เผยว่า การส่งอีเมลภาษาอังกฤษเพื่อติดต่อสื่อสารโดยเฉพาะเรื่องงาน หรือเรื่องสำคัญอื่นๆ หากเป็นการเขียนข้อความอย่างเดียว โดยไม่มีการเขียนลงท้ายใดๆ อีเมลจะถูกตอบกลับเพียง 46% เท่านั้น จากทั้งหมด 350,000 อีเมลที่บริษัทได้นำมาวิเคราะห์
.
แต่เมื่อในข้อความมีการเขียนลงท้ายอย่างง่ายๆ เช่น Best , Cheers หรือ Regards อัตราการตอบกลับอีเมลเริ่มมากขึ้น 51 -55% กล่าวคือเพิ่มมาไม่เกิน 5-10% ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า คำลงท้ายมีผลต่อความอยากตอบกลับอีเมล์ของผู้รับ
.
ถ้าต้องการให้อีเมลถูกตอบกลับมากขึ้น ควรลงท้ายอีเมลอย่างไร?
.
Boomerang พบว่า การลงท้ายอีเมลด้วยคำแสดงการขอบคุณของผู้ส่ง ทำให้อีเมลมีการตอบกลับมากขึ้นกว่าการลงท้ายทั่วไป โดยมีสามคำที่มีการตอบรับสูงสุด ได้แก่

1. Thanks in advance อัตราการตอบกลับ 65.7%

2. Thanks อัตราการตอบกลับ 63%

3. Thank you อัตราการตอบกลับ 57.9%
.
การวิเคราะห์ของ Boomerang สอดคล้องกับงานวิจัยของ Adam Grant นักจิตวิทยาและศาสตราจารย์ชื่อดังแห่งโรงเรียนธุรกิจวอร์ตัน มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (Wharton School of University of Pennsylvania) และทีมวิจัยของเขา เมื่อปี 2010 โดยเผย นอกเหนือจากเนื้อหาในอีเมล ความสัมพันธ์ของผู้ส่งและผู้รับ รวมถึงสถานการณ์อื่นๆ การเขียนคำขอบคุณ ‘Thank you so much!’ ในส่วนท้ายอีเมล ส่งผลให้การตอบกลับเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เทียบกับอีเมลที่ไม่ได้เขียนคำลงท้ายดังกล่าว
.
อ้างอิงจาก:

https://bit.ly/2ZZJ7eW
https://bit.ly/3f1Q7wi

#OnUFO #Email #Writing #Boomerang

 

แผ่นดินไหว 6.1 บริเวณ ALASKA PENINSULA
Date time 2020-07-28 08:03:45.1 UTC
Location 54.87 N ; 161.24 W
Depth 53 km
Emsc

 

27.07.20

จำนวนผู้ติดเชื้อในเมือง Moss กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมากในระยะเวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ โดยมีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้ว 21 ราย

1.Hanne Tollerud นายกเทศมนตรีเมือง Moss แสดงความกังวลเรื่องของการเพิ่มจำนวน ผู้ติดเชื้อ Coronavirus ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเธอกล่าวว่า
-เรากำลังเผชิญกับการระบาดของ Coronavirus ใน เขตเทศบาลเมือง Moss มันเป็นเรื่องร้ายแรงและเป็นเครื่องเตือนใจว่าเรายังคงอยู่ในช่วงกลางของสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในประเทศนี้

2.โดยผู้ติดเชื้อใหม่ 21 ราย ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา 8 คน มีความเชื่อมโยงกับการเดินทางไปต่างประเทศที่เรียกว่า "พื้นที่สีเขียว"

3.ทางด้าน Kristian Krogshus หัวหน้าแพทย์ประจำเทศบาลเมือง Moss กล่าวว่า มีการติดเชื้อเกิดรายใหม่ 13 ราย ที่ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในเมือง Moss สำหรับรายละเอียดที่ลึกกว่านี้ ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ขอให้ทุกึรแน่ใจว่า ทางเทศบาล มีการติดตามและทดสอบการติดเชื้อกับ พนักงานทุกคนของ บริษัทนี้แล้ว

4.ในส่วนของ ผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 2 ราย ในเมือง Moss เป็นพนักงานของ Rosnes omsorgsbolig ซึ่งมี ผู้อยู่อาศัย 26 ราย ทำให้มี พนักงาน 20 คนถูกกักกัน หัวหน้าแพทย์ Krogshus กล่าวว่า เขารู้ดีว่า ผู้คนมีความกังวลเมื่อเห็นตัวเลข ผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นนี้ และขณะนี้ ทางเทศบาลกำลังติดตามสถานการณ์อย่างไก้ลชิด

5.มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 123 ราย ตั้งแต่เกิดการระบาด และ ขณะนี้ เทศบาลเมือง Moss เป็นเทศบาลเดียวใน นอร์เวย์ ที่มีแนวโน้มการติดเชื้อเพิ่มขึ้น นายกเทศมนตรี Tollerud ย้ำว่า แม้ตอนนี้ เมือง Moss จะถูกทำเครื่องหมายว่าเป็น "พื้นที่สีแดง" ในภาพรวมของการระบาดของ Coronavirus ในนอร์เวย์ แต่ ประชาชนยังสามารถเดินทางข้ามเขตเทศบาลได้ เมือง Moss ไม่ได้แยกตัวและไม่มีการปิดกั้นการเดินทาง หรือ การดำเนินงานอย่างสมบูรณ์ หัวหน้าเทศบาล จะดำเนินการตามมาตรการ ควบคุมการติดเชื้อในระดับท้องถิ่นหากการติดเชื้อยังคงมีการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

6.ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมาชิกครอบครัว 4 คน ในเขต เขตเทศบาลเมือง Trondheim ติดเชื้อ coronavirus หลังจากเดินทางไปยังทางเหนือของ ประเทศสเปน ผู้ติดเชื้อ ยังพบคนอื่นๆก่อนที่พวกเขาจะได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ และ ถูกกักกัน ผู้เกี่ยวข้องหลายคนใ เมือง Trondheim กำลังถูกกักตัวและเขตเทศบาลกำลังอยู่ระหว่างการติดตามการติดเชื้ออย่างเข้มงวด
.

#นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #Coronavirusinnorway #norway #รายงานข่าวประจำวัน
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

ที่มาของข่าว NRK :
https://www.nrk.no/osloogviken/21-s...ukene_-_-alvorlig_-sier-ordforeren-1.15102407

 

28.07.20

โจรหัวใส ใช้วิธี การหย่อนซองจดหมายเปล่า ลงในตู้ไปรษณีย์ เพื่อดูว่า เจ้าของบ้านอยู่หรือไม่ ถ้าไม่มีคนรับซองจดหมาย ก็จะกลับมายกเค้าในภายหลัง

1.Lena Årvold ได้รับ ซองจดหมายลึกลับ ในสุดสัปดาห์นี้เธอพบซองจดหมายสีขาวที่ว่างเปล่าในกล่องจดหมายของเธอ จากนั้นเธอก็ตรวจดูกล่องจดหมายของเพื่อนบ้านเพื่อดูว่ามีสิ่งเดียวกันหรือไม่ ปรากฏว่า เธอพบจดซองจดหมายเปล่าๆ ในตู้ไปรษณีย์ของเพื่อนบ้านด้วยเช่นกัน เธอโพวต์เรื่องราวนี้บนเฟสบุ๊คของตัวเธอเอง

2.Aud Lundby Vange เพื่อนบ้านของ Lena Årvold เห็นสิ่งที่เธอเขียนบน เฟสบุ๊ค จึงได้ออกไปตรวจสอบที่ ตู้ไปรษณีย์ของตัวเอง แล้วก็พบว่า เธอเองก็ได้รับ ซองจดหมายเปล่า แบบที่ว่านี้ด้วย เธอเชื่อว่า มีใครบางคน กำลังสอดส่องดูว่าพวกเขาอยู่ที่บ้านในช่วงเทศกาลวันหยุดหรือไม่

3.Torbjørn Brandeggen ที่ปรึกษาด้านการสื่อสารของ Tryg Forsikring กล่าวว่า นี่เป็นวิธีคลาสสิคที่ ขโมย มักจะใช้ตรวจสอบดูว่า มีคนอยู่บ้านหรือไม่ Brandeggen กล่าวว่าขโมยมักจะสามารถสอดส่อง บ้านหลายหลัง ในพื้นที่เดียวกันและสังเกตว่าบ้านไหนที่ไม่มีผู้รับจดหมาย

4.Brandeggen แนะนำว่า เมื่อคุณไม่อยู่บ้านเป็นเวลาหลายวัน ควรจะบอกเพื่อนบ้าน หรือ ใครซักคน ให้คอยตรวจสอบ ตู้ไปรษณีย์ หรือ เปิดไฟในบ้านทิ้งไว้ แม้กระทั่ง วานใครสักคนที่จะตัดหญ้า ในสนามของคุณ ฯลฯ คุณอาจให้เพื่อนบ้าน ยืมที่จอดรถ ในยามที่คุณไม่อยู่บ้าน หรือแม้กระทั่งติดสัญญากันขโมยที่ได้มาตรฐาน สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะสามาร "หลอกโจร" ได้

5.ทางด้าน Terje Krogstad ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยของตำรวจเขต Innlandet กล่าวว่า หากไม่ใช่ ซองจดหมายว่างเปล่า โจรก็มักจะนำสิ่งของมาวางไว้หน้าประตู หรือแขวนสิ่งต่างๆ เพื่อดูว่ามีการเคลื่อนไหวหรือไม่

6.เมื่อปี 2019 แล้ว บริษัทประกันต้องจ่ายค่าชดเชยจาก การโจรกรรมมากกว่า 400 ล้าน NOK เพิ่มขึ้น 6% จากปี 2018 นาย Brandeggen เชื่อว่า ปีนี้ บริษัทประกันจะต้องจ่ายเงินชดเชย หลายล้าน เช่นกัน เนื่องจาก ถูกขโมยขึ้นบ้าน ในช่วงวันหยุดฤดูร้อนของปีนี้

10 เคล็ดลับเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกยกเค้าในช่วงที่ไม่อยู่บ้าน

▪ติดตั้งสัญญาณเตือนภัยภายในบ้าน
▪ถ่ายรูปของมีค่าของคุณ ไว้ในมือถือ กล้องถ่ายรูป หรือใน คลาวด์ ไม่ควร โพสต์ ลง Social media โดยเด็ดขาด ว่า คุณจะไม่อยู่บ้านเป็นเวลาหลายวัน
▪ล็อคหน้าต่าง และ ประตู อย่าทิ้งสิ่งของมีค่าไว้ด้านหน้าที่สามารถมองเห็นจากภายนอกได้ง่าย
▪หยุดรับจดหมายโฆษณาและหนังสือพิมพ์ หากเป็นไปได้ กล่องจดหมายที่เต็มตลอดเวลา คือ คำเชิญให้ขโมยมาเยี่ยมคุณที่บ้าน
▪อย่าปล่อยให้ถังขยะว่างเปล่า ปล่อยให้เพื่อนบ้าน ทิ้งขยะลงในถังขยะหน้าบ้านของคุณให้เสมือนมีคนอยู่ตลอดเวลา
▪พูดคุยกับเพื่อนบ้าน หรือ เพื่อนของคุณเพื่อดูแลและดูแลบ้านในขณะที่คุณไม่อยู่
▪ควรจัดให้มี คนตัดหญ้า รดน้ำสนามหญ้า และ แปลงดอกไม้ ในขณะที่คุณไม่อยู่
▪เปิดไฟบางดวงทิ้งเอาไว้
▪ใช้ตัวล็อค ประตู ด้านนอกและ หน้าต่าง ที่ได้รับการอนุมัติจาก บริษัท ประกันภัย

ที่มา: Torbjørn Brandeggen ที่ปรึกษาด้านการสื่อสารของ Tryg Forsikring
.

#นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #Coronavirusinnorway #norway #รายงานข่าวประจำวัน
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

ที่มาของข่าว NRK :
https://bit.ly/2X36aE5

 

ฝนหนักลมแรงจริงๆหลังคาถล่มหลังคาปลิวว่อน ตลาดใหม่ นครปฐม ลาดปลาเค้า เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บหลายราย เครดิตภาพ ออยล์ วัตถุไวไฟ

 

น้ำตกแม่กลาง@อุทยานดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง น้ำป่าไหลหลาก ค่ำนี้....

 

สองสาวมุสลิมถูกเฆี่ยนประจานในอาเจะห์
หลังพบขายเซ็กซ์ออนไลน์
.
ผู้หญิงชาวอินโดนีเซียสองคนถูกเฆี่ยนเกือบ 100 ครั้ง ฐานขายบริการทางเพศทางอินเทอร์เน็ต เจ้าหน้าที่ในจังหวัดอาเจะห์ พื้นที่อนุรักษนิยมของประเทศนี้ เปิดเผยวันอังคาร (28)
.
อาเจะห์ พื้นที่เหนือสุดของเกาะสุมาตรา เป็นจังหวัดเดียวในอินโดนีเซียที่ยังบังคับใช้กฎหมายชารีอะของศาสนาอิสลาม ซึ่งอนุญาตให้ลงโทษด้วยการเฆี่ยนสำหรับหลายความผิด รวมถึงการค้าประเวณี การพนัน การคบชู้ การดื่มแอลกอฮอล์ และการมีเพศสัมพันธ์เกย์
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000077120
#สาวมุสลิม #ถูกเฆี่ยนประจาน #ขายบริการทางเพศทางอินเทอร์เน็ต #อาเจะห์ #อินโดนีเซีย #บังคับใช้กฎหมายชารีอะของศาสนาอิสลาม

 

July 28, 2020 ช๊อคซากุระ ติดโควิด-19 วันเดียวทั่วญี่ปุ่นเกือบ 1,000 คน โตเกียวกลับมาติดรายวันเกิน 200 คนครั้งใหม่

กระทรวงสาธารณสุข ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ทั่วประเทศมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น กรุงโตเกียวมีผู้ติดโรคโควิด-19 จำนวน 266 คน ทำสถิติติดเชื้อวันละกว่า 100 คนขึ้นไปเป็นวันที่ 20 ติดต่อกัน และกลับมามีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 200 คนครั้งใหม่ในรอบ 7 วันผ่านมา เมืองโอซากามีผู้ติดโรคโควิด-19 จำนวน 155 คน ส่งผลให้ทางการต้องประกาศใช้มาตรการห้ามประชาชนและภาคธุรกิจจัดงานรื่นเริงสังสรรค์ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปในเดือนสิงหาคมนี้ ขณะที่เมืองไอจิมีผู้ติดเชื้อจำนวน 110 คน ทำสถิติจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 รายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่เกิดโรคระบาดเป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังมีอีกกว่า 5 ภูมิภาคในญี่ปุ่น ที่มีจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 รายวัน เพิ่มขึ้นมากตั้งแต่เริ่มพบการระบาดเป็นต้นมา

ทั้งนี้ กรุงโตเกียวยังคงเป็นเมืองที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ในอัตราที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเดือนกรกฎาคมนั้น กรุงโตเกียวมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวมกันเพิ่มขึ้นกว่า 5,000 คน นอกจากนี้ จำนวนติดโรคโควิด-19 รายวันมีมากกว่าหลักร้อยคนขึ้นไปถึง 29 วัน และมีสถิติติดรายวันสูงสุดที่ 366 คนเมื่อวันพฤหัสบดีในสัปดาห์ที่แล้ว ข้อมูลเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ญี่ปุ่นมีผู้ติดโรคโควิด-19 สะสมที่ 29,989 ราย อยู่อันดับที่ 56 ของโลก ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 996 ราย

#ญี่ปุ่น #โควิด19 #โตเกียว #โอซากา #misterban

 

UPDATE: อัยการขอเวลา 7 วันสอบปมสั่งไม่ฟ้อง ‘บอส อยู่วิทยา’ เบื้องต้นจะพิจารณาตามกรอบ 3 ประเด็น
.
จากรณีที่อัยการสูงสุดมีการสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดี โดยมีคณะกรรมการพิจารณา 7 คน กรณีที่อัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้มีการสั่งไม่ฟ้อง วรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ที่ขับรถชน ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตที่ย่านสุขุมวิทเมื่อปี 2555 ตามที่สังคมตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากลในหลายประเด็น
.
ล่าสุดวันนี้ (28 กรกฎาคม) ประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่าเช้าวันนี้มีการเรียกประชุมเพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงเป็นนัดแรก โดยมีผู้เข้าประชุม 6 คน ได้เริ่มประชุมตามกรอบที่อัยการสูงสุดได้สั่งการใน 3 ประเด็นคือ เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่, เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องของสำนักงานอัยการสูงสุดหรือไม่, มีเหตุในการสั่งอย่างไร ซึ่งที่ประชุมจะเร่งพิจารณาหาข้อสรุปให้ได้ใน 7 วัน
.
ส่วนที่สังคมมีการตั้งข้อสังเกตหลายประเด็น เช่น เรื่องพยานบุคคล 2 รายที่ให้การยืนยันเรื่องความเร็วรถของ บอส อยู่วิทยา ทำให้อัยการเชื่อได้ว่าคดีนี้เป็นความผิดฐานประมาทร่วมแทนข้อกล่าวหาเดิม ในรายละเอียดคงไม่สามารถระบุได้ว่าที่ประชุมจะมีการนำความคิดเห็นหรือข้อมูลต่างๆ ที่มีการแชร์ในโลกโซเชียลมาเป็นประเด็นพิจารณาหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจในการพิจารณาของคณะกรรมการที่จะดูว่าเกี่ยวข้องตามกรอบที่วางไว้หรือไม่
.
ส่วนกรณีที่อัยการและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องตรงกันจะสามารถรื้อฟื้นคดีนี้มาได้อีกหรือไม่นั้น สำนักงานอัยการสูงสุดระบุว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุปในประเด็นนี้ ขอให้คณะทำงานได้ตรวจสอบสำนวนทั้งหมดก่อน แต่หากพิจารณาตามหลักของกฎหมาย หากมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาด อัยการจะไม่สามารถสั่งฟ้องคดีได้ เว้นแต่มีพยานหลักฐานใหม่ในคดี หรือญาติของผู้เสียหายยื่นฟ้องต่อศาลเอง ส่วนที่ญาติหรือสังคมเป็นกังวลว่าเป็นเพราะได้ทำข้อตกลงกับคู่กรณีไปแล้วจะไม่สามารถฟ้องร้องได้อีกนั้นจะทำได้เฉพาะกรณีของคดีแพ่ง ส่วนที่เป็นคดีอาญาไม่สามารถยอมความกันได้
.
สำหรับการทำงานของอัยการสูงสุดที่สังคมเคลือบแคลงว่าเป็นกลางหรือไม่นั้น ยืนยันว่าการตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะหาข้อเท็จจริง รวมทั้งการสั่งคดี การทำงานของอัยการว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามมองว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าหากผลการตรวจสอบพบว่ามีการทำงานบกพร่องจะลงโทษกับพนักงานอัยการผู้สั่งคดีหรือไม่ อย่างไร รวมถึงผลจากคณะกรรมการชุดนี้จะเท่ากับเป็นความเห็นสุดท้ายของอัยการสูงสุดด้วยหรือไม่
.
ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งตั้ง พล.ต.อ. ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน พร้อมคณะกรรมการรวม 10 ราย ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจว่าเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และคำสั่งที่เกี่ยวข้องหรือไม่
.
พล.ต.อ. ศตวรรษ เปิดเผยว่าแม้จะยังไม่เห็นคำสั่งดังกล่าวอย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้นัดหมายให้คณะกรรมการที่มีรายชื่อทั้งหมดไปประชุมเรื่องนี้เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการที่จะร่วมพิจารณาข้อเท็จจริงจะเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องในด้านต่างๆ เช่น จเรตำรวจ, ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องรอการหารือในที่ประชุมก่อน แต่ยืนยันได้ว่าเมื่อเข้าสู่ที่ประชุมแล้วจะเร่งพิจารณาข้อเท็จจริงทันทีเพื่อหาข้อสรุปให้ได้โดยเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ เคลือบแคลง สงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ อีกทั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำหนดกรอบเวลาในการพิจารณาไม่เกิน 15 วันนับแต่วันที่รับทราบคำสั่ง ก็ต้องเร่งหาข้อเท็จจริงให้ได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด
.
อ่านต่อได้ที่ https://thestandard.co
#News #TheStandardCo

 

นอนหลับฝันดีครับ โทรศัพท์ผมขึ้นขีดแดงแล้ว ราตรีสวัสดิ์ครับ