ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักวิทย์ปลุกชีวิตจุลินทรีย์อายุ 100 ล้านปี หลับไหลอยู่ในตะกอนใต้ก้นทะเลลึก ที่มีสารอาหารต่ำ ออกซิเจนเพียงน้อยนิด

    จุลินทรีย์ดังกล่าวพบในตะกอนของพื้นทะเลแปซิฟิกใต้ ที่มีสารอาหารน้อยแต่มีออกซิเจนมากเพียงพอที่จะทำให้พวกมันยังคงรักษาชีวิตไว้ได้

    จุลินทรีย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ง่ายอย่างหนึ่งของโลก มันสามารถอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ซึ่งสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ไม่สามารถอยู่ได้ แม้ในทะเลลึกที่ขาดแคลนออกซิเจน

    หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์นำจุลินทรีย์ดังกล่าวจากแปซิฟิกใต้ที่อาศัยอยู่บนความลึกเกือบ 5,500 เมตรมาบ่มเพาะด้วยคาร์บอนและไนโตรเจน ซึ่งหลังจากที่นักวิทยาศาสตร์นำมันมาเพาะพวกมันก็เริ่มที่จะกินและเพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่า 10,000 เท่า

    Yuki Morono ผู้วิจัยระบุว่า มันทำให้พวกเขาทราบว่าพวกมันไม่มีอายุขัยที่แน่นอนสำหรับสิ่งมีชีวิตใต้พื้นทะเลที่มีโครงสร้างการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายที่สุด

    อย่างไรก็ตามถึงแม้จะดูเหมือนว่าพวกมันนั้นไม่มีอายุขัย แต่ในความจริงแล้วมันต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับอายุขัยของพวกมันอยู่ เพียงแต่แค่เรายังไม่ทราบมันเท่านั้นเอง

    ทั้งนี้จุลินทรีย์ดังกล่าวว่าที่ถูกค้นพบกลายมาเป็นตัวอย่างที่เก่าแก่ที่สุดที่เก็บได้จากใต้พื้นทะเล (subseafloor)

    https://www.bbc.com/news/science-environment-53575103

    https://edition.cnn.com/2020/07/28/world/ancient-sea-microbes-survive-scn-trnd/index.html

    https://www.nature.com/articles/s41467-020-17330-1

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ขยะทิ้งแล้วไปไหน? หลายคนอาจสงสัย วันนี้เราพาไปดูกัน! VisualNerd

    ปัญหาขยะเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก ที่ทั่วโลกกำลังเร่งแก้ไข ปัญหาขยะเกิดจากการใช้สิ่งของแล้วทิ้งอย่างมหาศาล โดยขยะแต่ละประเภทใช้เวลาย่อยสลายต่างกัน บางประเภทใช้เวลานับวันในการย่อยสลาย ใช้เวลาหลาย 100 ปี

    ว่าแต่เมื่อเราใช้สิ่งของเสร็จ ขยะในมือของเราไปอยู่ไหนบ้างนะวันนี้เราจะพาไปดูกัน!

    โดยเราสามารถแบ่งการเดินทางของขยะได้เป็นสองประเภทคือ 1. กำจัดอย่างถูกวิธีและ 2. กำจัดอย่างผิดวิธี

    สำหรับการกำจัดอย่างผิดวิธีนั้นคือการทิ้งขยะไม่ถูกที่หรือกำจัดในทางที่ไม่ถูกต้องอาทิการทิ้งให้ตกค้างในสิ่งแวดล้อมทั้งบนดินในป่าแหล่งน้ำและทะเล หรือการเผาขยะและกองทิ้งให้เป็นภูเขาขยะเช่นกัน

    การทิ้งขยะแบบผิดวิธีเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตสัตว์มนุษย์และสิ่งแวดล้อมอย่างมากในรูปแบบต่างๆ โดยการทิ้งขยะให้ตกค้างในสิ่งแวดล้อมอาจทำให้สัตว์ป่วยตายได้ การเผาขยะทำให้เกิดมลพิษในอากาศ ทิ้งรวมกันทำให้เกิดมลพิษในดินซึ่งอาจไหลลงสู่แหล่งน้ำหรือปล่อยมลพิษในอากาศเช่นกัน

    นอกจากนี้การทิ้งขยะรวมกันในถังเดียวทำให้ขยะทุกประเภทปนเปื้อนและไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้

    ขยะบางประเภทมีอันตรายมากกว่านั้นอย่างเช่นขยะพลาสติกที่ย่อยสลายยากและหากตกค้างในสิ่งแวดล้อมเมื่อระยะเวลาผ่านไปจากแตกย่อยกลายเป็นไมโครพลาสติกและไมโครพลาสติกเหล่านี้จะย้อนกลับมาทำร้ายมนุษย์ในรูปแบบต่างๆ

    โดยการจัดการขยะอย่างถูกวิธีนั้น คือการทิ้งขยะอย่างถูกทีเพื่อการกำจัดที่ถูกทางให้ขยะได้ไปเกิดใหม่อย่างเช่นเริ่มต้นจากการช่วยกันเก็บขยะที่ตกค้างในสิ่งแวดล้อมนำไปทิ้งและแยกขยะตามประเภทต่างๆอาทิขยะอินทรีย์ขยะทั่วไปขยะรีไซเคิลและขยะอันตรายเมื่อเราแยกขยะตามประเภทแล้วขยะแต่ละชนิดจะไม่ปนเปื้อนกันและทำให้ขยะที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ได้กลับไปเกิดใหม่

    อย่างเช่นหากเราแยกขยะพลาสติก ขวดน้ำขวดแก้วกระป๋องอะลูมิเนียม กระดาษข ยะเหล่านี้จะสามารถนำไปรีไซเคิลเป็นประโยชน์ต่อได้

    การทิ้งขยะอย่างถูกวิธีเก็บแยกทิ้งขยะให้ลงถังถูกต้องตามประเภทต่างๆนั้นจะสามารถช่วยลดขยะที่ตกค้างในสิ่งแวดล้อมโดยทำให้วัสดุเหล่านี้ได้ไปเป็นประโยชน์ใหม่อีกครั้งไม่เป็นขยะอีกต่อไป
    ••
    ปัญหาขยะเป็นปัญหาที่ใหญ่ระดับโลกซึ่งแน่นอนการแก้ไขปัญหาขยะนั้นควรให้ความสำคัญกับการลดการสร้างขยะและการใช้ซ้ำแต่อย่างไรก็ตามการกำจัดอย่างถูกวิธีเป็นอีกหนึ่งหนทางที่สำคัญในการแก้ปัญหาขยะปลายทางหรือขยะที่เกิดขึ้นแล้ว

    มาช่วยกัน เก็บขยะและทิ้งอย่างถูกวิธีเพื่อทำให้โลกของเราน่าอยู่ไปตราบนานกันเถอะ

    ภาพ และข้อมูล
    VisualNerd
    https://www.facebook.com/visualnerd.th/

    รายละเอียด
    ร่มธรรม ขำนุรักษ์

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เพลิงไฟทำพิษ รายงานเผยไฟป่าใหญ่ออสเตรเลียปี 2019 - 2020 ที่ผ่านมากระทบสัตว์ 3 พันล้านตัว! ทั้งตาย-หนีออกจากถิ่น-อดอาหารน้ำ ชี้เป็นส่วนหนึ่งของภาวะโลกร้อน

    WWF รายงานว่ามีสัตว์เกือบ 3,000 ล้านตัวทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน นก และกบที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าออสเตรเลียนับตั้งแต่ปี 2019 - 2020

    สัตว์ป่าที่หายไปคิดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำนวน 143 ล้าน สัตว์เลื้อยคลาน 2,460 ล้าน นก 180 ล้าน และกบอีก 51 ล้านตัว

    Dermot O’Gorman จาก WWF ออสเตรเลียกล่าวว่า ตัวเลขของสัตว์ป่าท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าทำให้นักวิทยาศาสตร์อึ้งเป็นอย่างมาก เพราะเป็นจำนวนความเสียหายที่มากเหลือเกิน ไฟป่าออสเตรเลียครั้งนี้นับเป็นหายนะที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่เลยทีเดียว

    ถึงแม้นักวิทยาศาสตร์จะยังไม่สามารถระบุจำนวนของสัตว์ที่ตายได้อย่างแน่ชัด แต่บรรดาสัตว์ก็คงหนีเปลวไฟที่ลุกโชนได้ไม่ดีนัก เนื่องจากไม่มีอาหาร และที่กำบัง หรือต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีสัตว์อื่นจับจองแล้ว อย่างที่เราอาจได้ผ่านตากับภาพของเจ้าโคอาล่าที่ถูกไฟลวกได้รับบาดเจ็บหรือตาย

    O’Gorman กล่าวว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่เปิดช่องให้เกิดไฟป่าที่รุนแรงได้อีกในอนาคตและทำลายสัตว์ป่าอย่างมหาศาลศาล

    หลังจากเกิดไฟป่าที่ทำลายชีวิตสัตว์ป่าไปเป็นจำนวนมากในออสเตรเลีย ทาง WWF จึงได้สนับสนุนนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งมนุษย์และธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูในสิ่งที่สูญเสียไปและสร้างความยืดหยุ่นให้กลับมายังออสเตรเลีย

    Prof Chris Dickman จาก University of Sydney กล่าวว่า งานวิจัยนี้แสดงให้คนเห็นว่าไฟป่าครั้งใหญ่ได้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่จำเป็น

    ยิ่งถ้าเราลดและหยุดการปล่อยคาร์บอนได้เร็ว
    รวมถึงหยุดการถางป่าได้เร็วเท่าไหร่ เราจะยิ่งช่วยชีวิตสัตว์ป่าได้เร็วมากเท่านั้น

    นักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลียได้เตือนว่าก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาเพิ่มมากขึ้น รวมถึงสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งสามารถเพิ่มโอกาสในการเกิดไฟป่า

    ออสเตรเลียสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพในอัตราที่สูงและเผชิญอัตราการสูญพันธุ์ที่สูงติดอันดับโลก

    https://www.wwf.org.au/news/news/20...pacted-by-australia-bushfire-crisis#gs.bz2smz

    https://www.theguardian.com/environ...cted-by-australian-megafires-report-shows-aoe

    เด็กหญิงแก้มยุ้ยเป็นมิตร
    environman

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คาเฟ่ฟิลิปปินส์ไอเดียกรีน ผุดพิซซ่าถาดใบเตย ลดขยะภาชนะอาหาร-ขยะเดลิเวอรี่ ล้างสะอาด-สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อได้

    อีกหนึ่งไอเดียแพคเกจจิ้งอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มความเก๋ให้อาหาร ร้านพิซซ่า “The BrickOven Cafe” ประเทศฟิลลิปปินส์หันมาใช้วัสดุจากธรรมชาติทำ “ถาดใบเตยใส่พิซซ่า” ที่สามารถทำความสะอาดและนำกลับมาใช้ใหม่ได้แทนกล่องพิซซ่าเดลิเวอรี่ใช้แล้วทิ้งแบบเดิม

    โดยถาดสามารถจุพิซซ่าได้หลายไซส์ แบบสี่เหลี่ยมที่ใหญ่ที่สุดสามารถจุเสื้อที่ม้วนแล้วได้ถึง 47 ม้วนเลย และบางแบบก็มีสายหิ้วติดมาด้วย นำไปใช้ใส่ของใหม่ได้อีกเรื่อย ๆ เลย

    และเพื่อเพิ่มความสดใส ทางร้านแถมดอกไม้ประดับไปกับถาดใบเตยด้วยนะ ดูแล้วน่ารัก น่าสั่งไปเป็นของขวัญวันเกิดเซอร์ไพร์สเพื่อน ๆ หรือสั่งมากินเองเลย (น่าจะเป็นแบบหลังมากกว่าเพราะเห็นภาพแล้วท้องร้องดังมาก)

    ใครสนใจเข้าไปติดตามไอเดียแพคเกจจิ้งของทางร้านได้ที่ https://www.facebook.com/thebrickovencafeph/ เลย

    ขอบคุณลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป

    ร่มธรรม ขำนุรักษ์
    ณิชากร บัวทรัพย์
    Environman

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #เที่ยวญี่ปุ่นต้องไป Ouchijuku หมู่บ้านโบราณสมัยเอโดะ อายุกว่า 380 ปี
    .
    Ouchijuku (โออุจิจุคุ, 大内宿) หมู่บ้านโบราณอยู่ที่จังหวัด Fukushima ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1640 ตรงกับสมัยเอโดะ โดยหมู่บ้านแห่งนี้เป็นเส้นทางแวะพัก ของซามูไรในยุคนั้นเวลาที่ต้องการจัดซื้อข้าวสาร อาหารต่าง ๆ ก็มักจะเดินทางเท้าและมาแวะพักที่หมู่บ้านแห่งนี้ เพราะมีทั้งอาหารและที่พักพร้อมต้อนรับนักเดินทาง ก่อนที่จะเดินทางไปต่อยังเมืองปลายทาง เรียกได้ว่าเป็นเส้นทางหลักของการคมนาคมการค้าระหว่างอาณาจักร์ไอสึ (Aizu) จ.Fukushima และเมืองข้างเคียง Imaichi จ.Tochigi อีกด้วย เมื่อกาลเวลาผ่านไป การคมนาคมมีการพัฒนาปรับปรุง ตัดถนนเส้นใหม่ ก็เลยทำให้ผู้คนเลือกเส้นทาง การเดินทางที่สะดวกขึ้น และไม่ค่อยผ่านมายังหมู่บ้าน Ouchijuku กันเท่าไหร่นัก
    .
    ปี 1981 หมู่บ้าน Ouchijuku ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ ซึ่งภายในหมู่บ้านแห่งนี้มีบ้านโบราณสไตล์เอโดะ หลังคามุงจากด้วยต้นหญ้า Susugi (ススキ) ที่เป็นภูมิปัญญาของชาวญี่ปุ่น ในฤดูร้อนก็ช่วยให้เย็น ฤดูหนาวก็ช่วยให้อบอุ่นแต่ติดไฟง่าย ดังนั้นในวันที่ 1 กันยายนของทุก ๆ ปีจะมีการปล่อยน้ำ เพื่อป้องกันไฟไหม้ในหมู่บ้านนี้ด้วย ในการดูแลรักษาหลังคา ชาวบ้านในหมู่บ้านก็ช่วยกันบำรุงรักษา ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญพิเศษ Kayate (茅手, かやて) ที่จะเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือ ดูแล และปรับปรุงหลังคาให้คงลักษณะไว้ดังเดิม
    .
    หมู่บ้าน Ouchijuku จะมีบ้านโบราณ 40 - 50 หลังเรียงรายทั้งสองฝั่งเป็นระยะทางกว่า 500 เมตร บ้านหลาย ๆ หลังได้มีการบูรณะปรับปรุงใหม่ บ้างก็ปรับปรุงเป็นร้านอาหาร ร้านค้าที่ขายสินค้าท้องถิ่น บ้างก็ทำเป็นที่พัก เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นแบบโบราณได้เข้ามาใกล้ชิด สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบท้องถิ่นจริง ๆ แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็เพลิดเพลินไปกับการเที่ยวชมหมู่บ้านโบราณนี้เช่นกัน สามารถมาเที่ยวชมความงาม ได้ทุกฤดูกาลซึ่งจะสวยงาม แตกต่างกันออกไป
    .
    ไฮไลท์เมื่อมาเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ ต้องลองชิม โซบะต้นหอมยักษ์ หรือ Negi soba (ネギそば) ซึ่งเป็นเมนูท้องถิ่นประจำของที่นี่ มีหลายร้านให้เลือกลองชิมเลยนะคะ เพื่อน ๆ สามารถย้อนไปอ่านรีวิวได้ที่นี่ค่ะ :
    .
    ของฝากที่ถือว่าเป็นเครื่องรางมงคลท้องถิ่นของชาว Aizu นั่นก็คือ Akabeko หรือ วัวแดง ที่ชาวบ้านมีความเชื่อกันว่า จะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายไม่ให้ทำอันตรายเด็ก ๆ และชาวญี่ปุ่นก็มีความเชื่อว่าสีแดงจะช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีเหล่านั้นให้ออกไปด้วย เดิมที Akabeko เป็นของเล่นสำหรับเด็ก ๆ ที่ทำจากกระดาษ หรือที่เรารู้จักกันในนาม เปเปอร์มาร์เช่ โดยจะใช้สีแดงทาทับลงไปที่ตัวชิ้นงาน สีแดงในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Aka ส่วนคำว่า Beko ในภาษาท้องถิ่นหมายถึง วัว ดังนั้นเมื่อนำทั้งสองคำมารวมกัน แปลว่า "วัวแดง" นั่นเองค่ะ จะเห็นว่าไอเทมของฝากส่วนใหญ่จะเป็นน้องวัวแดงนี่ล่ะค่ะ
    .
    จุดชมวิวมุมสูง ที่ไม่ควรพลาด ถ้ามาถึงหมู่บ้าน Ouchijuku แล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องทำเลยก็คือ เดินขึ้นไปยังจุดชมวิว อาจจะทุลักทุเลสักหน่อย เพราะทางเดินค่อนข้างชัน ไม่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และเด็กเล็ก เพราะอาจจะลื่น พลัดตก หกล้มได้ แต่ถ้าใครสมรรถภาพร่างกายไหวแนะนำว่าขึ้นไปชมค่ะ เพราะวิวสวยมาก แม้อากาศจะไม่เป็นใจ ฟ้าจะเน่าแค่ไหน วิวก็ยังสวยจริง ๆ
    .
    การเดินทาง : จาก Tokyo นั่ง Shinkansen Tohoku ไปลงที่สถานี Koriyama จากนั้นนั่งรถไฟสาย JR Ban-etsu-Saisen ไปลงที่สถานี Aizu-wakamatsu และเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสาย Aizu ไปสถานีปลายทาง Yunokami Onsen แล้วนั่งรถแท็กซี่ประมาณ 15 นาที หรือเดินประมาณ 25 นาทีไปยังหมู่บ้านโออุจิจูคุ

    พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/Rw2B9PgGCyxKwAFY8
    .
    แค่กด see first หรือ “ดูเป็นอันดับแรก” ก็จะไม่พลาดทุกข่าวสาร

    #Fukushima #Ouchijuku #ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น #เที่ยวญี่ปุ่น #ญี่ปุ่น

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #เกาะติดสถานการณ์โคโรนาไวรัสในญี่ปุ่น ⭕ สรุปยอดผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่น ณ วันที่ 30 ก.ค. 2020 เวลา 20.50 ตามเวลาในญี่ปุ่น
    .
    ⭕ ยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมด 34747 (เพิ่มจากรายงานเมื่อวาน 1340 คน)
    รักษาหาย 24624
    เสียชีวิต 1005
    ยังป่วยอยู่ 9118
    .
    ⭕ แยกรายจังหวัด:
    ◾ โตเกียว 12228 (เสียชีวิต 329) +367
    ◾ โอซาก้า 3841 (เสียชีวิต 89) +190
    ◾ คานากาวะ 2425 (เสียชีวิต 99) +76
    ◾ ไซตามะ 2252 (เสียชีวิต 72) +57
    ◾ ฟุกุโอกะ 1749 (เสียชีวิต 33) +120
    ◾ ชิบะ 1611 (เสียชีวิต 48) +49
    ◾ ไอจิ 1605 (เสียชีวิต 35) +160
    ◾ ฮอกไกโด 1394 (เสียชีวิต 103) +9
    ◾ เฮียวโกะ 1158 (เสียชีวิต 45) +53
    ◾ เกียวโต 758 (เสียชีวิต 20) +9
    ◾ อิชิคาวะ 324 (เสียชีวิต 27) +8
    ◾ โอกินาวะ 324 (เสียชีวิต 7) +49
    ◾ กิฟุ 312 (เสียชีวิต 7) +30
    ◾ ฮิโรชิมะ 306 (เสียชีวิต 3) ----
    ◾ อิบารากิ 280 (เสียชีวิต 10) +14
    ◾ ชิสึโอกะ 249 (เสียชีวิต 1) +13
    ◾ โทยามะ 238 (เสียชีวิต 22) +2
    ◾ คาโกชิมะ 236 (เสียชีวิต 1) +4
    ◾ นารา 222 (เสียชีวิต 2) +7
    ◾ โทชิงิ 191 +16
    ◾ กุนมะ 187 (เสียชีวิต 19) +4
    ◾ คุมาโมโตะ 171 (เสียชีวิต 3) +20
    ◾ ชิกะ 168 (เสียชีวิต 1) +5
    ◾ มิยางิ 158 (เสียชีวิต 1) +5
    ◾ วากายามะ 142 (เสียชีวิต 3) +2
    ◾ ฟูกูอิ 137 (เสียชีวิต 8) +2
    ◾ มิยาซากิ 121 +15
    ◾ นากาโนะ 103 +1
    ◾ นิกาตะ 102 +4
    ◾ ยามานาชิ 93 (เสียชีวิต 1) +4
    ◾ เอฮิเมะ 89 (เสียชีวิต 5)
    ◾ มิเอะ 89 (เสียชีวิต 1) +5
    ◾ ฟุกุชิมะ 87
    ◾ โคจิ 80 (เสียชีวิต 3)
    ◾ ยามากาตะ 75 (เสียชีวิต 1)
    ◾ โอคายามะ 75 +5
    ◾ ซากะ 73 +3
    ◾ นางาซากิ 66 (เสียชีวิต 1) +5
    ◾ โออิตะ 64 (เสียชีวิต 1) +2
    ◾ ยามากุจิ 52
    ◾ คากาวะ 46
    ◾ อาโอโมริ 31 (เสียชีวิต 1)
    ◾ ชิมาเนะ 29
    ◾ โทคุชิมะ 24 (เสียชีวิต 1) +6
    ◾ อคิตะ 17
    ◾ ทตโตริ 11 +3
    ◾ อิวาเตะ 2
    .
    สภาพบ้านเมืองคนญี่ปุ่นในปัจจุบันหลังประกาศยกเลิกสภาวะฉุกเฉิน ใช้ชีวิตแบบ New Normal เป็นอย่างไร

    .
    ขอบคุณที่ติดตามครับ
    ขอบคุณข้อมูลจาก News Digest
    แค่กด see first หรือ “ดูเป็นอันดับแรก” ก็จะไม่พลาดทุกข่าวสาร
    ติดตามพวกเราต่อได้ที่..Youtube, Instagram, Twitter, Tiktok และ Website
    .
    #ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น #เที่ยวญี่ปุ่น #ญี่ปุ่น #ข่าวร้อนในญี่ปุ่น #corona #ไวรัส #โคโรนา #โคโรน่า #โควิด #covid19 #virus #covid #ยอดรวมผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่น

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐถอนกำลังทหาร 12,000 นายออกจากเยอรมัน

    FB_IMG_1596119278529.jpg

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    30 ก.ค. 63 นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (JC Chair) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานด้านเทคนิคคณะกรรมการร่วมเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามระเบียบปฏิบัติ เรื่องการแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้าและข้อตกลง โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคามของ สปป.ลาว (Joint Committee Working Group : JCWG) ครั้งที่ 1 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ร่วมกับสมาชิกลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เวียดนาม และไทย โดยผู้แทนฝ่ายไทยประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้แทนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย

    การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มต้นกระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้า (PNPCA) เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันของประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขงเกี่ยวกับภาพรวมของโครงการเขื่อนสานะคามใน 4 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย

    1. การพิจารณาร่างรายละเอียดโครงสร้างวิศวกรรมของเขื่อน การออกแบบเขื่อนสานะคาม ข้อมูลทางอุทกวิทยาและตัวอย่างตะกอน และการประเมินผลกระทบจากการสร้างเขื่อน
    2.แนวทางการจัดทำร่างรายงานการทบทวนด้านเทคนิคหลังจากฟังข้อคิดเห็นและเสนอจากประเทศสมาชิก
    3. พิจารณาการดำเนินการกระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้าที่ผ่านมาเพื่อพัฒนาปรับปรุงกระบวนการให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    4. พิจารณาขั้นตอนกระบวนการ (Roadmap) ของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม แนวทางการจัดประชุมผู้มีส่วนได้เสียระดับภูมิภาคครั้งแรก และกรอบเวลาที่เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันด้วย

    ฝ่ายไทยขอให้คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน โดยเพิ่มสัดส่วนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระดับภูมิภาค เพื่อสะท้อนความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งนี้ สทนช.จะนำเสนอผลการประชุมหารือวันนี้เข้าสู่ประชุมคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ซึ่งมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน พิจารณาในวันจันทร์ที่ 3 ส.ค.นี้ด้วย

    “โครงการเขื่อนสานะคาม สปป.ลาว เขื่อนกั้นแม่น้ำโขงแห่งที่ 6 ที่กำลังเข้าสู่กระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้าของประเทศสมาชิกแม่น้ำโขง 4 ประเทศ เป็นเขื่อนแบบน้ำไหลผ่าน (run-of-river) ผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาด 684 เมกะวัตต์ ระดับการกักเก็บน้ำ 220 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดสร้างเขื่อนตั้งอยู่ระหว่างแขวง (จังหวัด) ไซยะบุรีและนครหลวงเวียงจันทน์ ที่เมืองสานะคาม ห่างจากชายแดนไทย-ลาว ที่ จ.เลย ราว 2 กิโลเมตร มูลค่าการก่อสร้างโครงการ 2,073 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (6.6 หมื่นล้านบาท) คาดการณ์ช่วงเวลาก่อสร้างว่าจะเริ่มในปีนี้ และแล้วเสร็จในปี 2571 หรือ อีก 8 ปีข้างหน้า ผู้พัฒนาโครงการ คือ บริษัท ต้าถัง สานะคาม ไฮโดรพาวเวอร์ จำกัด” นายสมเกียรติ กล่าว

    https://www.dailynews.co.th/politics/787363

    #RoundtableThailand
    roundtablethailand.com

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จากประสาทรับกลิ่นอันทรงพลังของสุนัข ที่มีความแม่นยำกว่ามนุษย์ถึง 10,000 เท่า ทำให้นักวิจัยชาวเยอรมัน เกิดไอเดียในการฝึกพวกมันให้ตรวจจับเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น เชื้อมาลาเรีย มะเร็ง รวมทั้งไวรัสหลายสายพันธุ์ และล่าสุดพวกมันได้รับการฝึกให้ดมกลิ่นหาเชื้อไวรัสโควิด-19

    สำนักข่าว เดอะ ซัน รายงานว่า มหาวิทยาลัยสัตวแพทย์ ฮันโนเวอร์, สถาบันแพทย์ฮันโนเวอร์ และกองทัพเยอรมนี ร่วมกันศึกษาการทดลองใช้สุนัขดมกลิ่นเพื่อแยกเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งนักวิจัยอ้างว่า พวกเขาสามารถฝึกสุนัขให้สามารถดมพบเชื้อไวรัสมรณะตัวนี้ในน้ำลายของคนได้แล้ว

    ในการศึกษาล่าสุด ซึ่งเผยแพร่ผ่านวารสาร “BMC Infectious Diseases” เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2563 ที่ผ่านมา ทีมนักวิจัยเปิดเผยว่า สุนัขที่ได้รับการฝึกอย่างเหมาะสม จะสามารถแยกตัวอย่างน้ำลายของมนุษย์ที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 กับน้ำลายที่ไม่ปนเปื้อนได้ โดยมีความแม่นยำเฉลี่ยสูงมากที่ 94%

    วิธีการนี้นับเป็นการตรวจหาเชื้อที่รวดเร็วมาก จุดประกายความหวังที่จะยกระดับการป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนาขึ้นไปอีกขั้น นอกจากนั้น การใช้สุนัขดมกลิ่นอาจถูกนำไปใช้ตรวจสอบแบบให้ผลทันทีตามงานกีฬา หรือสนามบินต่าง ๆ ทำให้แต่ละประเทศสามารถยกเลิกมาตรการกักตัวเพื่อเข้าประเทศบางข้อ และการแข่งกีฬาโดยไม่มีผู้ชมได้

    ขั้นตอนการศึกษาครั้งนี้ นักวิจัยใช้สุนัขที่ผ่านการฝึกมาอย่างดี 8 ตัว จากกองทัพเยอรมนี มาทดสอบเป็นเวลา 1 สัปดาห์ โดยพวกมันดมตัวอย่างน้ำลายจากมนุษย์กว่า 1,000 คน ทั้งที่ติดเชื้อและสุขภาพแข็งแรง

    ดร.มาเริน ฟอน เคอคริตซ์-บลิควีเดอ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยฮันโนเวอร์ ซึ่งร่วมในการศึกษาครั้งนี้ กล่าวว่า เหล่านักวิจัยเชื่อว่า สุนัขสามารถแยกแยะน้ำลายที่ปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 ได้ เพราะกระบวนการภายในร่างกายของผู้ติดเชื้อเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง และสุนัขอาจสามารถตรวจจับกลิ่นเฉพาะของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับคนไข้ได้

    ขั้นต่อไปของการศึกษานี้คือ ฝึกสุนัขให้แยกแยะตัวอย่างเชื้อโควิด-19 กับโรคอื่น ๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ นอกจากนี้ยังต้องมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์อื่น ๆ เพิ่มเติมอีก ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่า แม้สุนัขจะติดเชื้อโควิด-19 ได้ แต่ไม่พบหลักฐานว่า มันมีส่วนสำคัญในการแพร่กระจายของไวรัสตัวนี้

    ที่มา https://www.thairath.co.th/news/foreign/1899749

    #roundtablethailand
    Roundtablethailand.com

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    30 ก.ค.63 - ที่ศาลปกครอง นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากการรถไฟแห่งประเทศไทย เข้ายื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมในคดีที่ได้ยื่นฟ้องนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร ต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด

    นายนิติธร กล่าวว่า เป็นการมายื่นหนังสือหลักฐานเอกสารเพิ่มเติมตามคำสั่งศาล คดีนี้ต้องแยกจากคดีที่ศาลปกครองยืนตามคำสั่งอนุญาโตตุลาการที่ให้การรถไฟชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัทโฮปเวลล์ฯ เพราะกรณีนี้เป็นการร้องเพื่อเพิกถอนการจดทะเบียนบริษัท เอกสารที่ยื่นเป็นคำชี้แจงของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพฯ โดยอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ระบุเหตุผล 3 ข้อที่ไม่เพิกถอนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโอปเวลล์ฯ ว่า

    1.ประกาศคณะปฏิวัติ 281 ห้ามคนต่างด้าวเข้าประกอบธุรกิจในไทย เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากรัฐบาล หรือ เป็นความตกลงระหว่างรัฐบาล

    2.วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัทโอปเวลล์ฯ เป็นไปตามมติครม. ปี 2533 ที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจที่เห็นชอบให้เอกชนเข้ามาลงทุนก่อสร้างทางรถไฟยกระดับ เข้าหลักเกณฑ์จึงได้สิทธิเข้าประกอบธุรกิจในประเทศไทยโดยไม่ต้องขออนุญาตตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 281 ข้อ 2 การจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโฮปเวลล์ ประเทศไทยจึงเป็นไปตามกฎหมาย

    3.เมื่อนายทะเบียนธุรกิจเห็นว่าบริษัทโฮปเวลล์ โฮลดิ้ง ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลไทยเป็นการเฉพาะกาลแล้วและได้รับการยกเว้นจากประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 281 แล้ว จึงถือว่าบริษัทโฮปเวลล์ ฯ สามารถประกอบธุรกิจในประเทศไทยได้ เพราะสิทธิในการประกอบธุรกิจเกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายแล้ว ตามกฎหมายแล้ว ซึ่งก็เราก็เห็นว่าการดำเนินการไม่ถูกต้อง ศาลก็จะได้ทราบถึงเหตุผลว่าทำไมจึงต้องมีการฟ้องคดี และเป็นเอกสารที่มีอยู่จริงมีการแจ้งเรื่องไปให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพิกถอนแล้วก่อนที่จะมีการฟ้อง

    "ผมตรวจสอบเอกสารแล้วเห็นว่าการเริ่มต้นจดทะเบียนบริษัทก่อนที่จะเข้ามารับสัมปทานในไทย เริ่มต้นโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เป็นไปตามมติครม. เมื่อการจดทะเบียนไม่ถูกต้องก็เท่ากับ เป็นโมฆะตั้งแต่แรก การมีอยู่ของบริษัทนั้นไม่ถูกต้องด้วยไม่สามารถเข้าทำสัญญากับรัฐบาลได้ ฝ่ายที่ทำสัญญาหรือฝ่ายที่เข้าทำสัญญาก็ถือว่าผิดทั้งคู่ ก็ต้องกลับไปดูตรงนี้กันก่อน เรื่องอื่นยังไม่ต้องว่ากัน เพราะข้อกำหนดของมติครม.ชัดเจนว่าอนุญาตให้แค่ไหน และต้องปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้มีการปฏิบัติตามนั้น"

    นายนิติธร ยังกล่าวถึงกรณีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ระบุเกี่ยวกับการจดทะเบียนบริษัทโฮปเวลล์ฯ ว่าแม้จะไม่ถูกต้องแต่ผู้เกี่ยวข้องก็กลับให้มีการลงนามสัญญา ว่า ไม่น่าจะมีผลกับคดีนี้ และการที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาชี้ถึงรายละเอียดดังกล่าวก็เท่ากับว่าศาลเองก็เห็นว่าการจดทะเบียนนั้นไม่ชอบ แต่ยังไม่ได้มีการเพิกถอน ตนจึงต้องมาร้องเพิกถอน จริงๆ แล้วเรื่องนี้จะให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด คณะรัฐมนตรีจะต้องเป็นเจ้าภาพ ไม่ใช่ให้ รฟท. หรือกระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพ เพราะทั้งสองหน่วยงานมีฐานะเป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจจาก ครม.เท่านั้น เรื่องนี้ตนเข้ามา ศาลมีคำพิพากษาไปแล้ว ก็ได้มีการยื่นต่อศาลมาขอให้พิจารณาคดีใหม่ และหยุดการบังคับคดีไว้ก่อน ซึ่งผมก็ทำหนังสือถึงนายกฯว่าควรต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมา และมีเหตุผลที่สำคัญคือ เรื่องเกิดปี 2533 ครม.ใหม่ไม่รู้เรื่องทั้งบรรดาเอกสาร หลักฐานต่างๆ จึงมีเหตุผลอย่างเต็มที่ในการจะดำเนินการ

    "ไม่ใช่ว่าพอเกิดเรื่องแล้ว ครม. ไปให้กระทรวงคมนาคม รฟท.ดำเนินการ มันก็ดำเนินการได้ แต่มันไม่ครบถ้วน สมบูรณ์ ไม่มีอำนาจเต็มเพียงพอ ถ้า ครม.ดำเนินการเองเรื่องนี้จบไปแล้ว และชนะคดีอย่างแน่นอน ก็คิดว่าเรื่องนี้นายกฯต้องไปทบทวน และคิดว่ามันควรต้องเสียเงินหรือไม่ เพราะมันชัดเจนอยู่ว่าเอกสารที่ให้ตรวจสอบไปช่วงนั้นชัดเจนว่ามันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถูกตามขั้นตอนอยู่หลายประเด็น รวมทั้งบริษัทหรือคนที่เข้ามาถือหุ้นใหม่ เราตรวจสอบพบว่าเข้ามาแล้วไม่ทำอะไร ไม่มีการประกอบกิจการอะไร มาเพื่อการฟ้องคดีอย่างเดียว มันก็ไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งนั้น

    ฉะนั้น ถึงจะมาอ้างคำพิพากษาแล้วต้องจ่ายเงินมันก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าเทียบเคียงกับคดีดังที่เป็นข่าวในขณะนี้ ถึงแม้จะสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง แต่ถ้ากระบวนการสั่งมันไม่ชอบด้วยกฎหมายก็รื้อใหม่ได้ กรณีนี้ก็เหมือนกันถ้ากระบวนการที่ผ่านมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะมาอาศัยคำพิพากษาของศาลแล้วไปสั่งจ่ายเงิน ถ้านายกฯทำอย่างนี้ก็เข้าข่ายมีความผิด รฟท. กระทรวงคมนาคมก็ผิด จึงต้องรื้อกันใหม่ คดีนี้ไม่ต้องว่ากันด้วยพยานบุคคล ว่ากันด้วยพยานเอกสารล้วน ๆ เอกสารมันชัดเจนมากว่าใครผิดใครถูก สัญญาทำได้หรือไม่ ฉะนั้นเราจะยอมเสีย 2.4 หมื่นล้านกับสิ่งทำไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และนายกฯจะตั้งคณะกรรมการพิเศษคดีนี้หรือไม่ ถ้าตั้งก็ง่ายก็ชัดเจน ก็ดำเนินการใหม่ทั้งหมดได้"

    ส่วนคณะกรรมการพิเศษควรจะประกอบไปด้วยใครบ้างก็แล้วแต่นายกฯ แต่ให้ตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ว่าดำเนินการมาถูกต้องหรือไม่ ตรวจสอบตั้งแต่การลงนามในสัญญา การพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ มติ ครม.ขณะนั้น และมีการปฏิบัติตามมติ ครม.หรือไม่ ตรวจสอบทุกองค์กร และนายกฯ ครม.ก็ใช้สิทธิเข้ามาในฐานะคู่สัญญาตัวจริง

    https://www.thaipost.net/main/detail/72939

    #RoundtableThailand
    roundtablethailand.com

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อธุรกิจการบินทั่วโลกยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด โบอิ้งออกมายืนยันอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธที่ 29 ก.ค. ว่าจะยุติการผลิต “ราชินีแห่งท้องฟ้า” ในปี 2022 รวมถึงแถลงผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2020 ที่มีผลขาดทุน 2,400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่คาดหมายไว้ ขณะที่รายได้ดิ่งลง 25% เหลือ 11,800 ล้านดอลลาร์ และจะลดอัตราการผลิตเครื่องบินลดลงในหลาย ๆ รุ่น ในนั้นรวมถึงโบอิ้ง 787 และ 777 ด้วย

    ถึงแม้อุปสงค์สำหรับเครื่องบินขนส่งสินค้าจะมีเพิ่มสูงขึ้น แต่โบอิ้ง 747-8F กลับไม่มีคำสั่งซื้อใหม่ ๆ เข้ามาเลย ในขณะที่โบอิ้ง 747 เวอร์ชันเครื่องบินโดยสารลำสุดท้ายที่มีการส่งมอบ ก็คือลำที่ส่งมอบแด่สายการบินลุฟต์ฮันซาในเดือนเมษายน 2015 รวมแล้วโบอิ้งยังเหลือเครื่องบิน 747-8F ที่ยังค้างอยู่ในสต๊อกอีก 15 ลำ

    การเลิกผลิตเครื่องบินโบอิ้ง 747 ในปี 2022 จะกลายเป็นการปิดตำนาน 50 ปีของเครื่องบินรุ่นนี้ ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกที่โรงงานในเมืองเอเวอเรตต์ รัฐวอชิงตัน ของสหรัฐฯ ในปี 1968

    “ในขณะที่อัตราการผลิต 767 และ 747 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ความเคลื่อนไหวของตลาดในปัจจุบันและแนวโน้มของตลาดในอนาคต เราจะเลิกผลิตเครื่องบิน 747 อันโด่งดังในปี 2022 เราให้คำสัญญากับลูกค้าของเราว่ามันจะไม่จบลงที่การส่งมอบ เราจะยังคงสนับสนุนปฏิบัติการต่าง ๆ ของ 747 ที่อยู่ในตลาดต่อไปอีกหลายทศวรรษในอนาคต" เดวิด คาลฮูน ประธานและซีอีโอของโบอิ้งกล่าว

    ความเคลื่อนไหวนี้มีผลสืบเนื่องจากภาวะถดถอยด้านการเดินทางทั่วโลก อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่คำแถลงนี้มีขึ้นหลังจากสายการบินต่าง ๆ เช่น บริติช แอร์เวย์ส และแควนตัส ได้ขึ้นบินเครื่องบินโบอิ้ง 747 เป็นครั้งสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    รวมถึงผลประกอบการที่ดำดิ่งของโบอิ้งอันเป็นผลสืบเนื่องจากวิกฤตเกี่ยวกับ 737 แม็กซ์ ซึ่งถูกห้ามบินทั่วโลกมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2019 หลังเกิดโศกนาฏกรรมเลวร้าย 2 ครั้งในเวลาห่างกันไม่กี่เดือน

    สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เรียกปี 2020 ว่า เป็นปีเลวร้ายสุดในประวัติศาสตร์ด้านการบิน และ คาดการณ์เมื่อวันอังคาร (28 ก.ค.) ว่าการสัญจรทางอากาศจะไม่คืนสู่ระดับก่อนหน้าโรคระบาดใหญ่ จนกว่าจะถึงปี 2024 เป็นอย่างน้อย

    เดวิด คาลฮูน ประธานและซีอีโอของโบอิ้ง ระบุในข้อความที่ส่งถึงพนักงานของบริษัท บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดคนงานเพิ่มเติม หลังจากเมื่อช่วงต้นปีเคยแถลงว่า จะลดพนักงานลง 10% รวมถึงจะมีการลดกำลังผลิตโบอิ้ง 787 และ 777 ส่วน 737 แม็กซ์ แม้จะปรับเพิ่มการผลิต แต่ก็ปรับขึ้นอย่างช้า ๆ กว่าแผนเดิมที่วางเอาไว้

    ที่มา https://mgronline.com/around/detail/9630000077706

    #roundtablethailand
    Roundtablethailand.com

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    30 ก.ค.63 - ที่ศาลจังหวัดพัทยา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) นายอดิศร เพียงเกษ อดีตแกนนำนปช. และโฆษกผู้นำฝ่ายค้าน มาศาลตามนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์กรณีอัยการพัทยาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแกนนำ นปช.ทั้ง 5 คนประกอบด้วย นายจตุพร นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานนปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. นพ.เหวง โตจิราการ และนายอดิศร เพียงเกษ กรณีถูกกล่าวหาว่าสั่งการให้ล้มการประชุมอาเซียนเมื่อปี2552 ซึ่งคดีนี้ศาลพัทยาพิพากษายกฟ้อง เพราะเห็นว่าเป็นการฟ้องซ้ำซ้อนกับฟ้องที่ศาลอาญาในกรุงเทพฯ ที่ประทับรับฟ้องไว้แล้วในกรณีของการชุมนุมเมื่อปี 2552 หากอัยการประสงค์ ที่จะไปแก้ไขเพิ่มเติมก็สามารถไปดำเนินการในคดีอาญาที่ศาลอาญากรุงเทพได้ แต่อัยการพัทยายื่นอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว โดยจำเลยทั้งหมด ถูกฟ้องข้อหายุยงส่งเสริมปลุกปั่นให้เกิดความปั่นป่วน และสมคบกันเกิน 10 คนขึ้นไป กรณีสนับสนุนให้กลุ่มมวลชน ยกขบวนไปปิดล้อมและล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือ อาเซียนซัมมิท ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท เมืองพัทยา เมื่อปี 2552
    .
    สำหรับนายจตุพรและพวก ถูกฟ้องและอยู่ระหว่างกระบวนการยุติธรรมของศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ในคดีการชุมนุมปี 2552 ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล ในข้อหาร่วมกัน ยุยงส่งเสริมก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ตามกฎหมายอาญา มาตรา 116 ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวกัน และต่อเนื่องมาเป็นคดีที่พัทยา
    .
    ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นประทับรับฟ้องในคดีนี้ส่งผลให้แกนนำนปช.ทั้ง 5 คนตกเป็นจำเลยตามที่อัยการพัทยายื่นฟ้อง
    .
    นายจตุพรให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารับฟังคำพิพากษา ว่า เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาว่าเป็นการฟ้องไม่ซ้ำ ก็ต้องเริ่มกระบวนการประกันตัวใหม่ วันนี้ตนกับนายอดิศรเดินทางมาที่ศาลส่วนจำเลยที่เหลือ คือ นายวีระกานต์ นพ.เหวง ได้ Video Conference มาจากโรงพยาบาลเรือนจำราชทัณฑ์ ส่วนนายณัฐวุฒิ มาฟังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังจากนี้ทางทีมทนายความจะยื่นฎีกาคำสั่งฟ้องซ้ำ เพราะคดีนี้ในศาลอาญา มีการพิจารณาโดยมีพยานหลายคน ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันที่มาเบิกความของคดีพัทยาในคดีแรก และทนายได้ตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ฟ้องตนที่ศาลพัทยา ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจขณะนั้น ที่รับผิดชอบในภาค 2 บอกว่าความผิดของตนอยู่ในกรุงเทพฯ และปรากฏว่าคดีที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพที่ยื่นฟ้องต่อศาลอาญานั้นพยานบุคคลที่ 2 ที่ทางอัยการนำมาสืบนั้น ก็เป็นบุคคลที่เป็นอดีตผู้บัญชาการภาค 2 ซึ่งเคยเบิกความที่ศาลพัทยา เหล่านี้ยังมีหลากหลายประเด็นก็เป็นกระบวนการยุติธรรมตามปกติเกี่ยวเรื่องการวินิจฉัยฟ้องศาล
    .
    นายจตุพรกล่าวว่า ในวันที่31 ก.ค. ตนต้องไปศาลอาญา ในประเด็นที่มีความเกี่ยวพันกัน ซึ่งทางตำรวจเคยรายงานว่าได้แยกออกเป็น 2 สำนวนคือ สำนวนที่พัทยาและสำนวนที่กรุงเทพฯ ดังนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งดังกล่าวออกมาก็ต้องทำตามขั้นตอน
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://www.thaipost.net/main/detail/72949
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดัชนีผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมปี 2563 (ENVIRONMENTAL PERFORMANCE INDEX : EPI) เป็นข้อมูลสรุปสถานะความยั่งยืนของ 180 ประเทศทั่วโลก เพื่อนำมาจัดอันดับว่าประเทศใดใกล้จะบรรลุเป้าหมายนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ระบุไว้ในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) และความตกลงปารีส ปี 2558
    .
    รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นครั้งแรกในปี 2549 ด้วยการรวบรวมข้อมูลขึ้นทุก ๆ 2 ปี แล้วนำมาวิเคราะห์บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงจาก 32 ตัวชี้วัดใน 11 หมวด ครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อมต่อสุขภาพประชาชนและความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ก่อนตีพิมพ์เป็นรายงานฉบับสมบูรณ์
    .
    จากรายงานพบว่า 10 อันดับแรกเป็นประเทศในทวีปยุโรป ซึ่งมีกรอบนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่กำหนดขึ้นโดยสหภาพยุโรปอย่างชัดเจน ทุกประเทศในกลุ่มต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้อย่างน้อย 40% จากระดับก๊าซเรือนกระจกในปี 2533 ต้องมีการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้อย่างน้อย 33% ของความต้องการใช้ในแต่ละประเทศ และต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้ได้อย่างน้อย 32.5%
    .
    เดนมาร์กอยู่ในอันดับ 1 ด้วย คะแนนรวม 82.5% มีความโดดเด่นในทุกตัวชี้วัด โดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการเป็นผู้ในการพัฒนากังหันลมรายใหญ่ที่สุดของโลก ทำให้ในปีที่ผ่านมาเดนมาร์กลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เกินครึ่งจากปี 2539 ด้วยมีนำพลังพลังงานลมมาใช้สูงถึง 47% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศ และมีแผนจะลงทุนในด้านพลังงานหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้นเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ถึง 70% ก่อนปี 2573 และลดให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593
    .
    นอกจากนี้เดนมาร์กยังส่งออกเทคโนโลยีและพลังงานลมในยุโรปยังเพิ่มสูงขึ้นทุกปีจากนโยบายของสหภาพยุโรปที่กระตุ้นให้กลุ่มประเทศสมาชิกลดการปล่อนก๊าซเรือนกระจกลง 40% จากระดับในปี 2533 เรียกได้ว่าเศรษฐกิจของเดนมาร์กเติบโตขึ้นในขณะที่การปล่อยมลพิษลดลง
    .
    สำหรับประเทศไทยนั้นอยู่ในอันดับที่ 78 จากทั้งหมด 180 ประเทศทั่วโลก ขึ้นจากอันดับที่ 121 ในปี 2561 และอยู่ในอันดับที่ 7 ของภูมิภาคเอเชียแปซิกฟิกจากทั้งหมด 25 ประเทศ
    สามารถอ่านรายงานเพิ่มเติมได้ที่ https://epi.yale.edu/
    .
    #คุณภาพสิ่งแวดล้อมคือคุณภาพชีวิต
    .
    ที่มา:
    USNews: Denmark Floats a Possible Model for Climate Policy
    An official website of the European Union: 2030 climate & energy framework

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แม่น้ำ 10 สายหลักของเอเชียมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของผู้คนหลายร้อยล้านคน ไหลผ่านหลายภูมิภาคและหลายประเทศ ปัจจุบันแม่น้ำของเอเชียต้องเผชิญวิกฤตจากมลพิษอุตสาหกรรมและการเกษตร การสร้างเขื่อนกั้น การตัดไม้ทำลายป่าต้นน้ำ และได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนชัดเจนมากขึ้น
    .
    ภาวะโลกร้อนทำให้ธารน้ำแข็งต้นกำเนิดของแม่น้ำเหล่านี้ซึ่งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย-ฮินดูกูช และทิเบต ละลายอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ โดยเฉพาะประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ในสถานการณ์ที่น่าวิตก เนื่องจากต้นธารน้ำแยงซีเกียงและแม่น้ำเหลืองจากที่ราบสูงทิเบตภาคตะวันออกเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำสาละวิน และแม่น้ำโขงด้วย
    .
    นั่นหมายถึงน้ำแข็งที่ละลายจะไหลผ่านมณฑลยูนนานของจีนลงมาถึงเมียนมา ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม เมื่อมันละลายมากเกินความพอดี รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ตลอดสายน้ำเหล่านี้กังวลว่าการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิอย่างต่อเนื่องอาจเป็นอันตรายต่อแหล่งน้ำและเพิ่มความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ
    .
    ต้องเข้าใจว่าธารน้ำแข็งในทิเบตที่ครอบคลุมเทือกเขาหิมาลัยและฮินดูกูชมีขนาดใหญ่มากจนถูกเรียกว่าเป็น “ขั้วโลกที่สาม” บริเวณนี้มีปริมาณหิมะและน้ำแข็งมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 รองจากอาร์กติกและแอนตาร์กติก เฉพาะธารน้ำแข็งในพื้นที่ที่จีนครอบครองมีสัดส่วนถึง 14.5% ของยอดรวมทั้งหมดของโลก
    .
    ประเด็นคือหนึ่งในสี่ของน้ำแข็งเหล่านี้ได้หายไปตั้งแต่ปี 2513 และเมื่อปี 2562 นักวิทยาศาสตร์ของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) เตือนว่าธารน้ำแข็งที่เหลือเพียงสองในสามจากของเดิมกำลังจะหายไปในปลายศตวรรษนี้ และแม้จะช่วยป้องกันไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นอีก 1.5 องศาเซลเซียส แต่คาดว่าหนึ่งในสามของน้ำแข็งก็จะละลายไปอยู่ดี
    .
    สำหรับ แม่น้ำ 10 สายของเอเชีย ประกอบด้วย แม่น้ำแยงซีเกียงที่มีความยาวที่สุดในเอเชีย, แม่น้ำเหลือง, แม่น้ำโขง, แม่น้ำพรหมบุตร/ยาร์ลุงซางโป, แม่น้ำสินธุ, แม่น้ำอามู ดาร์ยา, แม่น้ำสาละวิน, แม่น้ำคงคา, แม่น้ำไทกริส และแม่น้ำยูเฟรตีส
    .
    ท่านสามารถอ่านบทความนี้แบบเต็มอิ่มจุใจได้ทาง https://www.deqp.go.th/new/สถานการณ์แม่น้ำ-10-สายหลั/ นี้ได้เลยนะครับ
    .
    #คุณภาพสิ่งแวดล้อมคือคุณภาพชีวิต

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สืบต่อปิดด่าน
    1-31 ส.ค.2563
    ป้องกันโควิด
    ***
    คณะกรรมการเฉพาะกิจป้องกันโควิด รัฐบาล สปป.ลาว สืบต่อปฏิบัติตาม 4 มาตรการ ป้องกันโควิด อีก 1 เดือน ตั้งแต่ 1-31 ส.ค.2563
    ***
    1.ปิดร้านบันเทิง ร้านคาราโอเกะ และร้านเกม
    2.ปิดด่านประเพณี ด่านท้องถิ่น ยกเว้นการขนส่งสินค้า
    ส่วนด่านสากล ยังปิดต่อไปสำหรับการเข้า-ออก ของบุคคลทั่วไป ยกเว้นพลเมืองลาวที่มีความจำเป็น ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการเฉพาะกิจป้องกันโควิด
    ***
    3.ระงับการออกวีซ่าท่องเที่ยว และการเยี่ยมยาม สำหรับนักการทูต พนักงาน ผู้เชี่ยวชาญ นักธุรกิจ และแรงงานต่างประเทศ ต้องได้รับอนุญาตจากคณะเฉพาะกิจ
    4.ระงับการอนุญาตให้เครื่องบินเช่าเหมาลำ เดินทางเข้า-ออก สปป.ลาว

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Breaking News‼️ อดีตประธานาธิบดีไต้หวัน หลี่เติงฮุย ถึงแก่อสัญกรรมแล้ววันนี้ด้วยวัย98 ปี

    นายหลี่เติงฮุย เป็นประธานาธิบดีไต้หวันคนแรกที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน และประธานพรรคกั๋วหมินตั่งในช่วงปี 1988-2000 (ทั้งหมด12ปี ) ทุกคนสงสัยใช่ไหมว่าทำไหมเป็นนานขนาดนี้?? แอดมีคำตอบ
    เป็นปธน.ครั้งแรก เนื่องจากตอนนั้นเป็นรองปธน. และเนื่องจากปธน. ในตอนนั้นเสียชีวิตก่อนครบวาระ นายหลี่จึงได้ดำรงตำแหน่งแทน และต่อมาถูกเลือกต่ออีก 2 สมัยค่ะ ประวัติการศึกษาจบจากมหาวิยลัย Cornell ในปี1968

    นายหลี่ก่อนเสียชีวิตมีโรคประจำตัวคือต้องฟอกไต และมีการสำลักนมเจ้าปอดทำให้ติดเชื้อและไม่กี่วันถูกย้ายเข้าห้องไอซียูและเสียชีวิตลงวันนี้ เวลา 19:24น

    ขอให้สู่สุคติค่ะ

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประกาศ‼️ ชาวไทยในไต้หวันผู้ประสงค์เดินทางกลับไทย ทางสถานฑูตไทยเปิดให้จองแล้ว รายละเอียดดังนี้

    เครื่องบินเหมาลำ ไทเป-กรุงเทพ 14-8-20
    สายการบินไทย TG 633 (14:05-16:50)

    ราคาชั้นประหยัด 9,400 NT
    ชั้นธุรกิจ 22,000 NT

    เงื่อนไขการจอง****
    1. ต้องเป็นบุคคลที่สมัครผ่านการรับรอง COE ว่าสามารถเดินทางได้
    2.เมื่อผ่านกระบวนการ ทางสถานฑูตจะส่งรายชื่อไปยังการบินไทย และท่านเป็นผู้ชำระค่าเดินทางเอง

    ****ตอนนี้ที่นั่งสำหรับคนไทยเต็มแล้วตามสถานฑูตแจ้ง เนื่องจากมีการจำกัดจำนวน แต่ยังมีที่เหลือสำหรับคนต่างชาติ (คู่สมรส)

    คู่สมรสของคนไทย สมัครได้เลย โดยแนบทะเบียนสมรสไทยค่ะ +บัตร ปชช ไทยของภรรยาค่ะให้กับทางสถานฑูตไทย

    ****คนไทยที่ประสงค์จะกลับไทย สามารถลงชื่อจองกับสถานฑูตได้เลยค่ะ เพื่อทางสถานฑูตจะจัดหาเที่ยวบินให้ เพราะถ้าไม่ติดต่อไม่จองทางสถานฑูตจะไม่ทราบจำนวนได้ ทุกอย่างต้องจองลงรายชื่อล่วงหน้านะคะ

    การสมัครCOE

    Apply for COE at

    https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScCz_IVH41Qv0ckfbTfKwq1ySDQ6cPM9lXuPwXAJWgnWyW0xw/viewform

    Or in person at Thailand Trade and Economic Office

    Declaration form can be download at



    หากท่านมีคำถามในการเดินทางกลับไทย
    โปรดติดต่อ https://www.facebook.com/TTEOTAIPEI/

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตรวจสอบประวัติมีแรงงาน 43ราย พบอาการผิดปกติ รอผลโควิด 1สิงหาคมนี้รู้ผล‼️

    ข่าววันนี้รายงานว่า หลังจากที่ทางการไทยแจ่งว่ามีรายงานไทยกลับจากไต้หวันและพบว่ามีอาการผิดปกติ(ท้องเสีย) ภายหลังทราบผลติดเชื้อโควิด จึงได้แจ้งมายังไต้หวันทันที

    วานนี้ทางไต้หวันประกาศผลให้ทราบว่า ผู้เกี่ยวข้องกับแรงงานคนดังกล่าวทั้ง 189 รายนั้นไม่พบเชื้อ (มีผลเป็นลบ) และขอให้ทางการไทยตรวจรอบ2 กับแรงวานคนดังกล่าว ทางการไทยรับข้อเสนอ

    ต่อมาได้ทำการตรวจสอบเพิ่ม คือลงพื้นที่เถาหยวนเเละเเกะรอยย้อนหลัง พร้อมร่วมมือกับสถานพยาบาลตรวจสอบว่ามีแรงงานคนใดในระยะเวลาดังกล่าวเข้ามารักษาด้วยอาการไม่สบายหรือไม่ ไม่ว่าจะท้องเสีย มีไข้ ไอ เป็นต้น

    ทั้งหมดพบจำนวน 43รายที่มีอาการผิดปกติ (อาการผิดปกติหมายถึงคือมีอาการเจ็บป่วยไม่สบาย บางคนมีอาการหวัด มีอาการไอ มีอาการท้องเสียเป็นต้น) ด้วยความที่แรงงานเหล่านี้ไม่มีประวัติออกต่างประเทศ จึงทำการรักษาตามอาการ

    ตอนนี้ได้ติดตามทั้ง 43รายมาตรวจสอบ โดยตรวจโควิดและตรวจเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันว่ามีหรือไม่ 1 สิงหาคมนี้รู้ผล

    ตอนนี้ทางกรมควบคุมโรคยังพยายามติดตามแกะรอยสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นซุปเปอร์มาร์เกตชื่อดัง ร้านค้าต่างๆที่แรงงานคนดังกล่าว(พบติดเชื่อ) ได้ไปมา

    ล่าสุด ดร เฮ๋อเหม่ยเซียง กล่าวว่า ทั้งนักเรียนชาวญี่ปุ่นและแรงงานไทย ทั้ง2 รายไม่น่าจะมีเพียงแค่นี้ที่ตรวจหาสาเหตุไม่ได้ว่าติดจากไหน

    ไม่ตัดความน่าจะเป็นที่มีการติดเชื้อภายในประเทศเกิดขึ้น ยังคงมีความเป็นไปได้อยู่

    จากตัวเลขที่นำมาจากประวัติเข้า-ออกประเทศจากกรมตรวจคนเข้าเมืองนำมาวิเคราะห์ในความเป็นไปได้คาดว่าน่าจะมีถึง600กว่ารายที่มีเชื้อแฝงแบบไม่แสดงอาการ

    ตอนนี้เป็นฤดูร้อนเชื้อนี้อาจแพร่ไม่ดีเท่าที่ควร หรือแฝงภายในไม่ปะทุออกมาให้เห็น ถ้าไม่ตรวจก็ไม่ทราบ และมีการแพร่ที่ต่ำ

    แต่เกรงว่าเมื่อฤดูหนาวมาถึงไต้หวันจะเจออะไรขึ้นมาย้าง และเราต้องเตรียมรับมือกับบุคคลที่มีเชื้อแฝงนี้อย่างไร เพราะไม่แน่อาจจะเกิดระบาดขึ้นอีกครั้งหรือไม่?? เพราะตอนนี้ยากจะตรวจสอบ และหลายประเทศก็กังวลในลักษณะนี้

    เป็นครั้งแรกที่ไม่อยากให้ฤดูหนาวมาถึงเลย....

    รอดูผลในวันที่1 สิงหาคมนี้ก่อน เอาทีละอย่าง ดังนั้นอย่าหย่อนนะคะ ใส่หน้ากากยามออกจากบ้านทุกครั้ง นับถอยหลังฤดูหนาวได้เลย

    ที่มา https://www.google.com.tw/amp/s/www.chinatimes.com/amp/newspapers/20200730000543-260114

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    18+ สาวไถงจง “ไถจงมีน่า” แอบถ่ายเปลือยในอิเกีย ตำรวจสืบแอคเคาท์ตามจับได้ #อย่าหาทำ

    วันที่23 ที่ผ่านมา ได้มีการลงรูปเปลือยโชว์ลงโซเชียลมีเดีย โดยใข้ชื่อว่า 台中米娜 ไถจงมิน่า ซึ่งถูกถ่ายในอิเกีย และก่อนหน้านี้เธอคนนี้เคยลงรูปทำนองนี้โดยถ่ายที่ห้องน้ำใน OUTLET ในไถจงอีกด้วย

    ตำรวจตามลบภาพอนาจารนี้และสืบพบต้นตอแอคเคาท์ได้ โดยจะดำเนินคดี

    ไม่ต้องมาถามแอดเด้อ หรือขอวาร์ป ไปหาเอาเองเน้อ สรุปแอคเคาท์โดนปิดเรียบร้อย

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,989
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แล้งยังแล้งอยู่! เดือนก.ค.นี้ แม้ว่าฝนยังคงตก แต่ยังเป็นปริมาณที่น้อย ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักเหลือน้อยที่สุดในรอบ 17 ปี
    .
    ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบภัยแล้งใหญ่ถึง 3 ครั้ง คุณคิดว่านี่คือเรื่องปกติหรือไม่? หากย้อนกลับไปในช่วง 100 ปี จะพบว่าในอดีตประเทศไทยประสบภัยแล้งรุนแรงน้อยครั้งกว่าปัจจุบันมาก การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและภาวะโลกร้อนกำลังเล่นงานเราอย่างไม่ปราณี จนดูเหมือนว่าเรากำลังตกอยู่ใน ‘ภาวะโลกแล้ง’ ที่รุนแรงและส่งผลกระทบใกล้ตัวเราทุกคนอย่างเลี่ยงไม่ได้
    .
    มาร่วมสำรวจ ‘117 ปี ภาวะโลกแล้งไทย’และเรียนรู้การจัดการน้ำโดยชุมชนที่เริ่มต้นจากฝาย กับคอนเท้นต์ใหม่จาก Thairath Online x มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ #ภาวะโลกแล้ง #ภาวะโลกร้อน #ฝายยั่งยืน

     

แชร์หน้านี้

Loading...