ติดตามสถานะการณ์

การระบาดของเชื้อโควิดยังคงสร้างความปั่นป่วนระบบเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ในแง่ของภาคธุรกิจ การลงทุน และการเดินทาง ล่าสุดวันนี้มีรายงานจากสื่อต่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดในประเทศอิสราเอลโดยระบุว่า
.
รัฐบาลอิสราเอล มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนผู้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ด้วยการเปิดตัวโครงการ “พาสปอร์ตเขียว” ที่จะอนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วสามารถท่องเที่ยวได้ ตั้งแต่เข้าโรงละคร โรงภาพยนตร์ ร่วมกิจกรรมกีฬา โดยสารเครื่องบินไปต่างประเทศ และรับประทานอาหารภายในร้าน
.
ด้านสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า มีประชาชนประมาณ 4 ล้านคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดแล้ว
.
ขณะเดียวกัน นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้เรียกร้องให้ผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดหลังพบว่าประชาชนในกลุ่มนี้ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอีกประมาณ 570,000 คน ซึ่งที่ผ่านมาอิสราเอลเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2563 โดยใช้วัคซีนของไฟเซอร์

-------------------------------
แหล่งข่าว

http://www.xinhuanet.com/english/2021-02/17/c_139746948.htm

https://www.business-standard.com/a...gainst-covid-19-pm-office-121021700136_1.html

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/923041

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

ไม่นานมานี้มีรายงานว่า ทวิตเตอร์ (Twitter) ได้ขยายการติดป้ายกำกับบัญชีที่อยู่ในเครือของรัฐบาลไทย เพิ่มป้ายกำกับบัญชีที่ได้รับการยืนยันของเจ้าหน้าที่ของรัฐ บัญชีส่วนตัวของผู้นำของรัฐ พร้อมกับสื่อในเครือของรัฐใน 16 ประเทศ
.
โดยแถลงการณ์ของเจ้าพ่อโซเชียลระบุว่า ทวิตเตอร์นั้นเป็นสถานที่ที่ผู้คนเข้ามาติดตามสิ่งที่เกิดขึ้น ตลอดจนติดตามข่าวสารจากทางรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ของรัฐต่างๆ ทวิตเตอร์จึงเชื่อว่าความปลอดภัย และการแสดงความเห็นอย่างเสรีสามารถขับเคลื่อนไปด้วยกันได้
.
โดยเฉพาะเมื่อมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้นำของรัฐ และสถาบันที่เกี่ยวข้อง และยังเป็นการเพิ่มบริบทให้แก่คนทั่วไปเพื่อช่วยให้สามารถได้รับทราบข้อมูลที่มากขึ้น
.
ดังนั้น เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ทวิตเตอร์ได้เพิ่มป้ายกำกับบัญชี เพิ่มเติมอีก 2 ประเภท ได้แก่ บัญชีผู้ใช้งานของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สำคัญ และบัญชีที่เป็นขององค์กรสื่อในเครือของรัฐ
.
ซึ่งรวมอยู่ในการดำเนินการเบื้องต้น โดยทวิตเตอร์ได้เริ่มติดป้ายกำกับบัญชีจากประเทศที่เป็นผู้แทนของสมาชิกถาวร 5 ประเทศของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
.
“จากข้อเสนอแนะที่ได้รับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายกลุ่ม เช่น ภาคประชาสังคม นักวิชาการ และผู้ที่ใช้บริการของทวิตเตอร์ที่ผ่านมา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ ทวิตเตอร์จะขยายการติดป้ายกำกับบัญชีจากกลุ่มประเทศ G7 และประเทศสำคัญต่าง ๆ ที่ทวิตเตอร์ได้เคยระบุว่า มีการดำเนินงานด้านข้อมูล ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับภาครัฐ นอกจากนี้ ทวิตเตอร์จะติดป้ายกำกับของบัญชีส่วนบุคคลของผู้นำของรัฐต่าง ๆ จากประเทศเหล่านี้ด้วย” แถลงการณ์ระบุ
.
แผนขั้นตอนทั้งหมดของทวิตเตอร์ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 (สิงหาคม 2563) สาธารณรัฐประชาชนจีน ฝรั่งเศส สหพันธรัฐรัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
.
ขณะที่ระยะที่ 2 (วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564) แคนาดา สาธารณรัฐคิวบา เอกวาดอร์ อียิปต์ เยอรมนี ฮอนดูรัส อินโดนีเซีย อิหร่าน อิตาลี ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย สาธารณรัฐเซอร์เบีย สเปน ไทย ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
.
โดยทวิตเตอร์จะเพิ่มป้ายกำกับบัญชีทวิตเตอร์ใน 2 ประเภท คือ
...

1. บัญชีผู้ใช้งานที่ได้รับการยืนยันตัวตนแล้วว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สำคัญ รวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศ หน่วยงานของสถาบัน เอกอัครราชทูต โฆษกรัฐบาล และผู้นำทางการทูตคนสำคัญ ในเวลานี้ทวิตเตอร์จะเน้นไปที่เจ้าหน้าที่อาวุโสระดับสูง และหน่วยงานที่เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของประเทศนั้น ๆ ในต่างประเทศ และ
.
2. บัญชีส่วนบุคคลของผู้นำของรัฐในประเทศที่อยู่ในระยะที่ 1 และระยะที่ 2

...

นอกจากนี้ ทวิตเตอร์กำลังอัปเดตข้อความบนป้ายติดป้ายกำกับบัญชีเพื่อเพิ่มความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นให้แก่ป้ายกำกับบัญชี โดยการแยกความแตกต่างระหว่างบัญชีส่วนบุคคล และบัญชีขององค์กรต่าง ๆ และจะขยายการติดป้ายกำกับไปยังบัญชีส่วนบุคคลของผู้นำรัฐเพื่อให้ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ได้รับบริบทเพิ่มเติม
.
สำหรับระยะถัดไปของโครงการนี้ ทวิตเตอร์จะมีการติดป้ายกำกับเพิ่มเติมบนบัญชีที่เป็นองค์กรสื่อในเครือของรัฐซึ่งมีกำหนดการที่จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยการดำเนินงานตามขั้นตอนอย่างรอบคอบเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถรวบรวมบัญชีที่เกี่ยวข้องได้ครบทั้งหมด
.
หลักการ และแนวทางสำคัญของความเคลื่อนไหวนี้ แถลงการณ์ย้ำว่า ภารกิจหลักของทวิตเตอร์ คือการให้บริการด้านบทสนทนาสาธารณะ และส่วนที่สำคัญของงานนี้ก็คือ การให้บริบทแก่ผู้คนเพื่อให้พวกเขาสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นนำไปประกอบการตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
.
เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเห็น และวิธีที่พวกเขามีส่วนร่วมบนทวิตเตอร์ เพราะทวิตเตอร์มีวิธีที่ไม่มีใครเทียบได้ในการทำให้เกิดการเชื่อมต่อ และพูดคุยกันกับเจ้าหน้าที่รัฐ และตัวแทนต่าง ๆ ได้โดยตรง
.
ทวิตเตอร์จะใช้วิธีกำหนดการติดป้ายกำกับบัญชีของหน่วยงานรัฐ โดยมุ่งเน้นไปที่บัญชีของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ผู้นำของรัฐ และหน่วยงานซึ่งเป็นตัวแทนของภาครัฐในต่างแดน
.
โดยเฉพาะบัญชีที่ตรงกับประเภทดังที่กำหนดข้างต้น ทวิตเตอร์เชื่อว่ากระบวนการนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญเพราะเมื่อผู้คนทั่วไปได้เห็นบัญชีที่มีป้ายกำกับกำลังพูดคุยถึงปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศอื่น ก็จะทำให้คนได้รับบริบทที่มีความเกี่ยวเนื่องระดับชาติ และได้รับข้อมูลว่าบัญชีนั้น ๆ เป็นตัวแทนขององค์กรใดได้ดียิ่งขึ้น
.
นอกจากนี้ ทวิตเตอร์ยังสนใจถึงบัญชีของผู้ที่อยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ภายใต้การบริหารงานของผู้นำรัฐที่นำเสนอมุมมองนโยบายในต่างประเทศ
.
“และเพื่อให้สาธารณชนได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น เมื่อคลิกที่ป้ายกำกับของบัญชีนั้น ๆ จะลิงก์ไปยังบทความที่อธิบายถึงนโยบาย และมีการอ้างอิงถึงรายงานด้านความโปร่งใสของทวิตเตอร์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม” แถลงการณ์ย้ำ
.
ทวิตเตอร์ระบุว่า จะส่งการแจ้งเตือนไปยังบัญชีที่ได้รับป้ายกำกับ และเจ้าของบัญชีสามารถส่งฟีดแบ็กให้แก่ทีมงานของทวิตเตอร์ได้โดยตรง สำหรับก้าวต่อไป หากการดำเนินการดังกล่าวในกลุ่มประเทศในเฟสที่ 2 เสร็จสิ้นแล้ว ทวิตเตอร์จะดำเนินการพิจารณาเฟสต่อไป
.
ซึ่งเป็นบัญชีขององค์กรสื่อในเครือของรัฐทันที และจะพยายามพิจารณาขยายการติดป้ายกำกับในกลุ่มประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติม ตลอดจนดำเนินการอัปเดตเพิ่มเติมว่าแผนดังทั้งหมดนี้ดำเนินการได้ผลอย่างไร

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9640000015103
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

สื่อท้องถิ่น Andina รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา ซากัสตีประกาศผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ว่า มีคน 487 คน “ใช้ประโยชน์จากตำแหน่ง” เพื่อฉีดวัคซีนโควิด-19 ซิโนฟาร์มของจีนก่อนกำหนด
.
“เราขอย้ำอีกครั้งด้วยความขุ่นเคืองและความผิดหวัง หลังจากได้รับแจ้งว่ามีคน 487 คน หลายคนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง ได้ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของพวกเขาในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซิโนฟาร์ม ซึ่งเป็นวัคซีนที่ใช้ในการทดลองทางคลินิกในประเทศของเรา” ซากัสติกล่าว
.
สื่อท้องถิ่นยังรายงานว่า ในบรรดาผู้มีตำแหน่งที่แอบฉีดวัคซีนโควิด-19 มีอดีตประธานาธิบดีมาร์ติน วิซคาร์รา และภรรยาของเขา มาริเบล ดิแอซ คาเบลโล ได้รับการฉีดวัคซีนด้วย โดยฉีดไปตั้งแต่เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา และไม่ได้เปิดเผยข้อมูลนี้ต่อสาธารณะ
.
วิซคาร์รากล่าวว่า เขาและภรรยาเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองทางคลินิก แต่มหาวิทยาลัย Cayetano Heredia ซึ่งรับผิดชอบการทดลองปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้เป็นอาสาสมัครแต่อย่างใด
.
ทั้งนี้ ซากัสติชี้ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ไม่ได้มาจากทีมงานของวิซคาร์ราเพียงฝ่ายเดียว แม้แต่ทีมงานของเขาเองหรือผู้ที่มีตำแหน่งในสภาปัจจุบัน ก็มีหลายคนที่แอบฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว เช่น เอลิซาเบธ อัสเตเต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
.
“เราโกรธเคืองและรู้สึกเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง เพราะคนเหล่านี้มีสถานะเป็นรัฐบาลฉุกเฉินชั่วคราว แต่กลับล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้รับใช้ประชาชน” ซากัสติกล่าว
.
อัสเตเต ซึ่งเป็นผู้นำการเจรจาเพื่อซื้อวัคซีนโควิด-19 ซิโนฟาร์มมาให้เปรู อ้างว่า เธอได้รับการฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 22 ม.ค. โดยวัคซีนที่ใช้เป็นวัคซีนที่เหลืออยู่ของมหาวิทยาลัย Cayetano Heredia
.
เปรูได้รับวัคซีนโควิด-19 ซิโนฟาร์ม 300,000 โดสแรกเมื่อวันที่ 7 ก.พ. และเริ่มแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่สาะรณสุขในแนวหน้าแล้ว นับเป็นประเทศในภูมิภาคละตินอเมริกาประเทศแรกที่มีการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19
.
อัสเตเตออกมาแสดงตัวว่า “จากการเปิดเผยล่าสุดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนของ อดีตประธานาธิบดีวิซคาร์ราและภรรยา ตลอดจนผลกระทบที่ข่าวนี้มีต่อความคิดเห็นของประชาชน ฉันตระหนักถึงความผิดพลาดร้ายแรงที่ฉันทำ ทำให้ฉันตัดสินใจจะไม่เข้ารับวัคซีนโควิด-19 โดสสอง”
.
ออสการ์ อูการ์เต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า รายชื่อผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อนกำหนดทั้งหมด จะถูกส่งไปยังสำนักงานบัญชีกลางของประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุดของรัฐ และคณะกรรมการสอบสวน เพื่อสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/142289
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

ย่างกุ้งแน่นขนัดคนลงถนนประท้วงต่อเนื่อง แฮกเกอร์ป่วนเว็บไซต์รัฐบาลตอบโต้ หลังออกหมายจับคนดังหนุนอารยะขัดขืน
.
เอเอฟพี. 18 ก.พ. - กลุ่มแฮกเกอร์โจมตีเว็บไซต์รัฐบาลพม่าวันนี้ (18) เพื่อประท้วงต่อต้านการรัฐประหาร ขณะที่รัฐบาลเดินหน้าปราบปราม ในความพยายามที่จะขัดขวางการคัดค้านต่อต้านทั่วประเทศ ด้วยการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและเสริมกำลังทหาร
.
การโจมตีทางไซเบอร์นี้เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังประชาชนหลายแสนคนเดินขบวนทั่วประเทศเพื่อประท้วงต่อต้านนายพลที่โค่นล้มรัฐบาลพลเรือนของอองซานซูจีเมื่อต้นเดือน
.
กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ‘เมียนมาร์แฮกเกอร์’ ได้เข้าก่อกวนหลายเว็บไซต์ของรัฐบาล รวมทั้งธนาคารกลาง หน้าเพจโฆษณาชวนเชื่อของกองทัพ สถานีโทรทัศน์ MRTV การท่าเรือ และองค์การอาหารและยา
.
“เรากำลังต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในพม่า มันเหมือนกับการประท้วงใหญ่ของประชาชนในหน้าเว็บไซต์ของรัฐ” กลุ่มแฮกเกอร์ระบุในหน้าเพจเฟซบุ๊ก
.
แมตต์ วอร์เรน ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงไซเบอร์ของมหาวิทยาลัย RMIT ออสเตรเลีย กล่าวว่า การกระทำของแฮกเกอร์ดูเหมือนมีเป้าหมายที่จะสร้างการรับรู้
.
“รูปแบบการโจมตีที่พวกเขาดำเนินการอยู่นี้ เป็นการโจมตีที่ทำให้เป้าหมายไม่สามารถให้บริการได้ หรือเป็นการโจมตีเพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เผยแพร่บนหน้าเว็บนั้นๆ ซึ่งเรียกว่าแฮกติวิสซึม ผลกระทบของมันมีจำกัด แต่สิ่งที่พวกเขาทำคือการสร้างความตระหนักรู้” วอร์เรน กล่าว
.
การควบคุมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นติดต่อกันเป็นคืนที่ 4 ตั้งแต่เวลา 1.00 น. ของวันพฤหัสฯ ตามการระบุของ NetBlocks
.
กลุ่มเฝ้าสังเกตการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มีสำนักงานในอังกฤษ ระบุว่า การเชื่อมต่อลดลงเหลือเพียง 21% จากระดับปกติ และกลับมาเป็นปกติอีกครั้งใน 8 ชั่วโมงต่อมาก่อนเริ่มวันทำงาน
.
“การปฏิบัติดังกล่าวเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของประชาชน และสร้างความสับสน ความกลัว และความกังวลในช่วงเวลายากลำบากนี้” NetBlocks ระบุในทวิตเตอร์
.
นับเป็นวันที่ 2 ที่กลุ่มคนขับรถในย่างกุ้งจอดรถขวางถนนแสร้งทำเป็นรถเสีย เพื่อขัดขวางกองกำลังความมั่นคงไม่ให้เคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ ของเมืองได้ ทั้งรถโดยสารและรถยนต์จอดนิ่งบนสะพานในเขตดากองเหนือในช่วงเช้าวันนี้ (18) ขณะที่ผู้ประท้วงร้องตะโกนว่า “ไม่ต้องเข้าสำนักงาน ไม่ต้องสนใจ มาเข้าร่วมขบวนการอารยะขัดขืนกัน”
.
นอกจากนี้ ยังมีพระสงฆ์ชูป้ายที่มีข้อความเขียนว่า “เราต้องการให้กองทัพสหรัฐฯ ช่วยพวกเรา”
.
ตำรวจหลายสิบนายออกลาดตระเวนบริเวณแยกมเยนีกอน ขณะที่คนขับรถจอดรถขวางถนนไว้
.
“พวกเรามีแท็กซี่ 5 คัน โดยทำเป็นแกล้งเสียขวางถนนอยู่ 1 คัน ส่วนคันอื่นๆ จอดล้อมเขาไว้ แต่เราไม่ได้อยู่ตรงนั้นนาน เราขวางอยู่ราว 30 นาที” คนขับแท็กซี่ อายุ 30 ปี กล่าว
.
“เราทำแบบนี้เพื่อสร้างความยุ่งยากให้ตำรวจ หากพวกเขามา แล้วสถานการณ์เริ่มตึงเครียด พวกเราก็ขับออกไป” คนขับแท็กซี่ กล่าว
.
ธัน ธัน คนขายอาหารข้างทางกล่าวว่า การรณรงค์ทำรถเสียแม้จะทำให้การจราจรติดขัด ไม่สะดวก แต่เธอก็สนับสนุนวิธีนี้
.
ที่เมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ ความตึงเครียดลุกลามขึ้นในช่วงกลางคืน เมื่อตำรวจและทหารเข้าสลายการชุมนุมประท้วงที่ขวางทางรถไฟ ตามการระบุของแหล่งข่าว 2 คนที่เปิดเผยกับเอเอฟพี
.
สมาชิกหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินท้องถิ่นกล่าวว่า กองกำลังความมั่นคงเปิดฉากยิง แต่ยังไม่ชัดเจนว่าใช้กระสุนยางหรือกระสุนจริง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน
.
สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองกล่าวว่า มีคนขับรถไฟ 4 คน ที่เข้าร่วมขบวนการอารยะขัดขืนถูกจี้จับกุมตัวไปยังโรงงานหัวรถจักรมัณฑะเลย์ และบังคับให้ขับไปยังเมืองมิตจีนา ทางตอนเหนือของประเทศ
.
ในรุ่งสางของวันนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ 11 คน ถูกจับกุมตัวจากการเข้าร่วมกิจกรรมอารยะขัดขืน ตามการเปิดเผยของเพื่อนร่วมงาน
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ กล่าวกับเอเอฟพีว่า มีข้าราชการอย่างน้อย 50 คน จากหลายกระทรวงถูกควบคุมตัวในช่วง 4 วันที่ผ่านมา
.
สถานีโทรทัศน์ MRTV รายงานว่าทางการได้ออกหมายจับคนดังหลายคน ที่รวมทั้งนักแสดง ผู้กำกับ และนักร้อง ในข้อหาใช้ชื่อเสียงและความนิยมของตนเองปลุกระดมให้ผู้คนเข้าร่วมขบวนการอารยะขัดขืน
.
กองทัพอ้างความชอบธรรมในการยึดอำนาจของตนว่าเป็นเพราะมีการโกงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย. ที่พรรคของซูจีชนะอย่างถล่มทลาย ซึ่งมหาอำนาจตะวันตกและสหประชาชาติต่างกล่าวประณามการรัฐประหารที่เกิดขึ้น
.
ซูจีถูกตั้งข้อหาจากการครอบครองวิทยุสื่อสารโดยไม่ลงทะเบียน รวมทั้งจัดการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเมื่อปีก่อน ที่รัฐบาลทหารอ้างว่าละเมิดข้อจำกัดการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
.
ขิ่น หม่อง ซอ ทนายความของซูจี เผยว่าเขาไม่สามารถเข้าพบหารือกับลูกความของเขาได้ และกังวลเกี่ยวกับการสนทนาที่เป็นความลับ ที่เขาได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับซูจีทางโทรศัพท์หรือวิดีโอคอลล์เท่านั้น ก่อนการพิจารณาคดีในวันที่ 1 มี.ค.

 

วันนี้ สื่อต่างประเทศรายงานว่า ทางการอินโดนีเซีย เตรียมออกมาตรการบังคับให้ผู้ที่เข้าเกณฑ์ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อให้โครงการฉีดวัคซีนเดินหน้าได้อย่างรวดเร็วขึ้น และสามารถสกัดกั้นการแพร่ระบาดในประเทศ
.
ทั้งนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียสามารถที่จะลงโทษผู้ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีนด้วยการระงับ หรือเลื่อนการช่วยเหลือเยียวยาทางสังคม รวมถึงบริการจากภาครัฐ ตลอดจนสั่งปรับเป็นเงิน ตามกฎที่ประธานาธิบดีได้สั่งทบทวนใหม่ โดยรัฐบาลท้องถิ่นจะเป็นผู้พิจารณาใช้วิธีการลงโทษดังกล่าว
.
การบังคับฉีดวัคซีนโควิด-19 นั้นไม่ใช่แนวทางที่ปฏิบัติกันเป็นปกติ โดยประชาชนเองต่างก็ลังเลที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งจากผลสำรวจเมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมาพบว่า 65% ของชาวอินโดนีเซียต้องการฉีดวัคซีนโควิด
.
แต่ประชาชนส่วนที่เหลือยังคงกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย, ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกาย และความสอดคล้องตามมาตรฐานฮาลาล ซึ่งความกังวลดังกล่าวทำให้รัฐบาลอินโดนีเซียไม่คิดค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีน
.
อินโดนีเซียได้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้วกว่า 1.7 ล้านโดส โดยประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซียเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดสแรกจากบริษัทซิโนแวก ไบโอเทคของจีนไปเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
.
อย่างไรก็ตาม อินโดนีเซียอาจต้องใช้เวลาไปจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรกว่า 180 ล้านคน นอกจากนี้ มีรายงานว่า อินโดนีเซียเริ่มโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เฟส 2 ไปแล้วเมื่อวานนี้ โดยในเฟสนี้จะครอบคลุมประชากร 38.5 ล้านคน
.
สำหรับผู้เข้าเกณฑ์การฉีดวัคซีนในเฟสที่ 2 นั้นประกอบด้วยผู้มีอาชีพค้าขายในตลาด ผู้สูงอายุ ครูอาจารย์ ผู้นำทางศาสนา ผู้แทนในสภา เจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจและทหาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย สื่อมวลชน บุคลากรในโรงพยาบาล พนักงานภาคการขนส่ง และการท่องเที่ยว

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.bloombergquint.com/onweb/indonesia-to-punish-those-who-refuse-to-take-covid-19-vaccine

https://www.scmp.com/news/asia/sout...indonesia-can-punish-those-who-refuse-vaccine

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/923312
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

สำนักพระราชวัง บักกิงแฮม ออกแถลงการณ์ในวันพุธที่ 17 ก.พ. 2564 ว่า เจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ เสด็จฯ ประทับที่โรงพยาบาล คิง เอ็ดเวิร์ด ที่ 7 ในกรุงลอนดอน เมื่อช่วงเย็นวันอังคารที่ผ่านมา หลังพระองค์รู้สึกประชวร
.
โดยในแถลงการณ์ของสำนักพระราชวัง บักกิงแฮม ระบุด้วยว่า เจ้าชายฟิลิปแอดมิทที่โรงพยาบาลเพื่อป้องกันไว้ก่อน ตามคำแนะนำของแพทย์ประจำพระองค์ และคาดว่าดยุคแห่งเอดินบะระจะต้องประทับอยู่ที่โรงพยาบาล 2-3 วัน เพื่อพักผ่อน และสังเกตอาการ
.
.
ขณะที่แหล่งข่าวในสำนักพระราชวังบอกกับ CNN ว่า ดยุคแห่งเอดินบะระ พระชนมายุ 99 พรรษา เสด็จฯ ไปโรงพยาบาลด้วยรถยนต์ส่วนพระองค์ และไม่ได้เข้าแอดมิตในกรณีฉุกเฉิน โดยพระองค์ทรงพระดำเนินเข้าไปในโรงพยาบาลด้วยพระองค์เอง ไม่ต้องมีคนช่วยพยุง
.
แหล่งข่าวยืนยันด้วยว่า อาการประชวรของเจ้าชายฟิลิปไม่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ส่วนควีนเอลิซาเบธที่ 2 ยังคงประทับอยู่ที่พระราชวังวินเซอร์ ในลอนดอนตะวันตก
.
ทั้งนี้ ควีนเอลิซาเบธกับเจ้าชายฟิลิปใช้เวลาส่วนใหญ่ของปี 2563 ที่พระราชวังวินเซอร์ หลังย้ายออกมาจากพระราชวังบักกิงแฮม เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกแรก ขณะที่สำนักพระราชวังยืนยันเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า ทั้งสองพระองค์ได้รับวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาโดสแรกแล้ว

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://edition.cnn.com/2021/02/17/uk/prince-philip-london-hospital-gbr-intl/index.html

https://www.theguardian.com/uk-news...admitted-to-hospital-as-precautionary-measure

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2034720
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

ปัญหาชนกลุ่มน้อยอย่างชาวอุยกูร์กลายเป็นประเด็นร้อนเรื่องล่าสุด ที่ถูกไบเดนหยิบขึ้นมาพูด เมื่อสื่อต่างประเทศรายงานว่าโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาเตือนประเทศจีนว่า อาจต้องเผชิญกับผลลัพธ์ของการละเมิดสิทธิมนุษยชน
.
โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างการตอบคำถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการจัดการชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในเขตปกครองตนเองซินเจียงของจีน
.
ที่ผ่านมานั้น ปธน. สี จิ้นผิง ของจีน ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทั่วโลกในเรื่องการจัดการกับชาวมุสลิมอุยกูร์ในค่ายกักกัน และการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรณีอื่นๆ
.
“จีนจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ในเรื่องนี้ และปธน.สี จิ้นผิง ก็รู้เรื่องนี้ดี ” ไบเดนกล่าว เมื่อผู้สื่อข่าวของ CNN ถามเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ขณะเดียวกัน ไบเดนกล่าวว่า
.
สหรัฐฯ จะเน้นย้ำบทบาทในระดับโลกของตนเองอีกครั้งในเรื่องการพูดถึงสิทธิมนุษยชน และสหรัฐฯ จะทำงานร่วมกับประชาคมโลกเพื่อผลักดันให้จีนปกป้องคนเหล่านั้น
.
“จีนกำลังพยายามอย่างหนักที่จะขึ้นเป็นผู้นำโลก แต่การที่จีนจะสามารถทำเช่นนั้นได้ จีนจะต้องได้รับความเชื่อมั่นจากประเทศอื่น ตราบใดที่จีนยังมีส่วนในกิจกรรมที่ขัดต่อสิทธิมนุษยชน ก็เป็นเรื่องยากที่จะขึ้นเป็นผู้นำโลกได้” ไบเดนกล่าว
.
รายงานข่าวกล่าวว่า ในการคุยโทรศัพท์กับปธน. สี จิ้นผิง เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสหรัฐฯ ในการรักษาเสถียรภาพภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรี และเปิดกว้าง ซึ่งสหรัฐฯ และจีนเป็นคู่แข่งสำคัญ

นอกจากนี้ ไบเดนยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการปฏิบัติทางการค้า และประเด็นด้านสิทธิที่ "บีบบังคับ และไม่เป็นธรรม" ของปักกิ่ง เช่นการปราบปรามฮ่องกง, การละเมิดสิทธิในซินเจียง และการดำเนินการที่แสดงออกอย่างแน่วแน่มากขึ้นในเอเชีย รวมถึงไต้หวันซึ่งจีนอ้างว่าเป็นของตน

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.news.com.au/finance/wor...s/news-story/86a85d79ca830f6b7601a3638798c5ab

https://www.dailysabah.com/world/am...-calling-uighurmuslim-genocide-different-norm

https://mgronline.com/china/detail/9640000015856

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion

Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

รายการ "พาโนรามา" ของบีบีซีออกอากาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เผยคลิปวิดีโอเก่าของเจ้าหญิงลาติฟา พระธิดาของชีค โมฮัมหมัด บิน ราชิด อัลมักตูม เจ้าผู้ครองรัฐดูไบ ระบุว่าพระองค์โดนกักตัวอยู่ในตำหนักแห่งหนึ่งและกลัวว่าชีวิตจะเป็นอันตราย
.
เจ้าหญิงลาติฟาไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะตั้งแต่พยายามหนีออกจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ทางทะเล แต่โดนจับได้ในปี 2561 ในคลิปวิดีโอที่ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือที่บีบีซีบอกว่าบันทึกเมื่อราว 1 ปีมาแล้ว เจ้าหญิงนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องน้ำ กล่าวว่าพระองค์เป็นตัวประกันในตำหนักแห่งนี้ที่เป็นเหมือนคุก มีตำรวจชายอยู่ด้านนอก 5 คนและตำรวจหญิงในบ้าน 2 คน และกังวลเรื่องความปลอดภัยของชีวิต
.
ในอีกคลิปวิดีโอ เจ้าหญิงลาติฟาบอกว่า สถานการณ์ของพระองค์สิ้นหวังลงทุกวัน พระองค์ต้องการเป็นอิสระ
.
โดมินิก ราบ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวเมื่อวันพุธว่า อังกฤษมีความห่วงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ วิดีโอดังกล่าวเผยให้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นทุกข์อย่างมาก และอังกฤษจะจับตาการตอบสนองจากองค์การสหประชาชาติอย่างใกล้ชิด
.
ด้านสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติแถลงว่าจะสอบถามยูเออีเกี่ยวกับเรื่องเจ้าหญิงลาติฟา.
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://www.thaipost.net/main/detail/93382
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

รัฐบาลกัมพูชาเข้าควบคุมชีวิตออนไลน์ของประชาชนในประเทศเกือบเบ็ดเสร็จด้วยการจัดตั้งเกตเวย์อินเทอร์เน็ตแห่งชาติแบบเดียวกับ "เกรตไฟร์วอลล์" ของจีน ซึ่งนักเคลื่อนไหวชี้ว่าจะสกัดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกและปิดกั้นเนื้อหาทางออนไลน์
.
รายงานเอเอฟพีเมื่อวันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ กล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชาออกพระราชกฤษฎีกาย่อยที่ลงนามโดยนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ระบุว่า เกตเวย์อินเทอร์เน็ตแห่งชาติ (เอ็นไอจี) จะควบคุมการเชื่อมต่อเว็บไซต์เพื่อปรับปรุง "การจัดเก็บรายได้ของประเทศ, เพื่อปกป้องความมั่นคงแห่งชาติ และรักษาความเป็นระเบียบของสังคม"
.
กฎหมายย่อยฉบับนี้สั่งการให้ผู้ดำเนินการเกตเวย์ทำงานร่วมกับทางการกัมพูชา เพื่อดำเนินการปิดกั้นและตัดการเชื่อมต่อเครือข่ายใดๆ ที่เห็นว่าขัดต่อเป้าหมายเหล่านี้ หรือละเมิด "ศีลธรรม, วัฒนธรรม, ประเพณี และขนบธรรมเนียม" ผู้ดำเนินการเกตเวย์จะต้องส่งรายงานเกี่ยวกับการจราจรทางอินเทอร์เน็ตต่อเจ้าหน้าที่อย่างสม่ำเสมอ
.
ช่วงหลายปีนี้กัมพูชามีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นมาก สถิติของรัฐบาลเผยว่า จากที่เคยมีผู้ใช้งาน 5 ล้านรายในปี 2557 เพิ่มเป็น 20.3 ล้านรายในปีที่แล้ว เฟซบุ๊กเป็นแพล็ตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด เกือบ 11 ล้านราย ในกัมพูชา
.
มีความวิตกว่า รัฐบาลกัมพูชาซึ่งปราบปรามผู้เห็นผ่านทางออนไลน์มากขึ้น จะใช้ระบบเอ็นไอจีนี้ในการสอดแนมและป้องกันพลเมืองจากการเข้าถึงเครือข่ายสังคมออนไลน์ผ่านประตูทางผ่านทางเดียว ในแบบเดียวกับระบบ "เกรตไฟร์วอลล์" ของรัฐบาลจีน แต่พาย สีพัน โฆษกรัฐบาลกัมพูชา ปฏิเสธข้อกังวลนี้ โดยอ้างว่าเอ็นไอจีจะป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ และส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติ
.
อย่างไรก็ดี เขาบอกกับเอเอฟพีด้วยว่า เจ้าหน้าที่ "จะทำลายผู้ใช้งาน (อินเทอร์เน็ต) ที่ต้องการก่อกบฏ" ต่อต้านรัฐบาล
.
ด้านจัก สุภาพ ผู้อำนวยการบริหารของศูนย์สิทธิมนุษยชนกัมพูชา กล่าวว่า เอ็นไอจีจะทำให้การสอดแนมมวลชนทำได้ง่ายขึ้น ผ่านการสกัดกั้นและเซ็นเซอร์การสื่อสารดิจิทัล และการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
.
"การจัดตั้งเอ็นไอจีเป็นเรื่องน่ากังวลอย่างยิ่งสำหรับอนาคตของสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานในกัมพูชา" เธอกล่าว และว่า เอ็นไอจีจะกลายเป็นเครื่องมืออีกชนิดหนึ่งสำหรับรัฐบาลกัมพูชาในการควบคุมและเฝ้าตรวจการไหลเวียนของข้อมูลในกัมพูชา.
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://www.thaipost.net/main/detail/93370
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

*** 7 ประเด็นที่น่าสนใจในกรณีคลัสเตอร์นครปฐมที่ติดเด็ก 3 คนรวด ... แถมตรวจเจอช่วงเด็กไปเรียนมาหลายวันแล้วด้วย !!! .... ถ้าตามตรวจดีๆ อาจพบจะมีการกระจายเชื้อได้ในโรงเรียนอีก 2 แห่ง เพราะเด็กติดเชื้อแล้วยังไปโรงเรียนอยู่หลายวัน

#ต้องตรวจเชิงรุกที่โรงเรียน2แห่งนี้ด้วย

#คลัสเตอร์นครปฐมคืออีกหลักฐานของการระบาดเงียบ

..............

#มีระบาดเงียบทั่วประเทศถ้าไม่ตรวจเชิงรุกก็ไม่เจอ

#ถ้าตามสุ่มตรวจเชิงรุกทุกตลาดทุกโรงงานก็จะเจอผู้ติดเชื้อได้ ... ไม่แปลกเลย

ระบบไทยในปัจจุบันไม่เอื้อให้คนมีอาการไปตรวจที่โรงพยาบาล

วันนี้ตลาดปทุมธานียังเด้งต่อ กำลังคิดว่า รอระบาดทีละหย่อมแบบนี้ ตรวจไปก็เหมือนแค่ จัดการหย่อมเดียว ทั้งๆ ที่มีอีก 1000 กว่าตลาด 10000 โรงงานทั่วประเทศที่แทบจะปล่อยระบาดไปเลย

ดูทรงแล้ว เล่นคุมแต่ตัวเลขแบบนี้ คงไม่รอดออกทะเลแบบพม่ามาเลเซีย เสียดายที่หน่วยงานรัฐเราประมาทในช่วงเริ่มเวฟ 2 มากเกินไป จนระบาดทั่วประเทศ คุมไม่ได้ ตามตรวจหมดก็ยาก เลยเลือกค่อยๆ ขยับจังหวัดตรวจเขิงรุกไปเรื่อยๆ

เพราะถ้า

#สุ่มตรวจเชิงรุกหมดพร้อมกันครึ่งประเทศ

#ก็คงเจอผู้ติดเชื้อวันละเป็นหลักพันคนแบบพม่ามาเลเซียไม่ยาก

..........

ถ้าอยากรู้ว่าตลาดไหน โรงงานไหนติดเชื้อไปบ้างแล้ว ไม่ยาก สุ่มตรวจเจาะเลือดดู Antibody IgG หรือถ้าได้เอา IgM ร่วมด้วยสักที่ละ 50-100 คน ก็พอจะบอกได้คร่าวๆ ว่าเคยมีการระบาดในนั้นมาบ้างหรือยัง ?

#ผลตรวจAntibodyที่ยังไม่ออกมา มี 3 ชุดขั้นต่ำที่ทำโดยหน่วยงานรัฐ

1. Antibody ที่ตรวจที่กระทรวงสาธารณสุข ก็ไม่ออกมาให้ดูว่าตรวจไปกี่พันคน Positive กี่ %

2. ผลตรวจ Antibody ที่สมุทรสาครรอบแรกที่ไม่เป็นข่าวที่ตรวจที่โรงงาน และรอบหลังที่เป็นข่าวล่าสุดไม่กี่วันที่ผ่่นมาก็ไม่ออกมาให้ ปชช รับรู้

#แบบนี้เรียกปิดข่าวปิดข้อมูลหรือเปล่า ?

นี่เป็น สส ในสภาจะขอดูข้อมูลสักหน่อย !!

............

#7ประเด็นที่น่าสนใจในกรณีคลัสเตอร์นครปฐมที่ติดเด็ก3คนรวด

...........

1. เด็กติดเชื้อได้ไม่ยากเลย !! ... ปัญหาคือ ตอนนี้มีเด็กไม่สบายเป็นไข้หวัดทั่วประเทศที่ยังไปเรียนอยู่ แต่ยังไม่ได้ไปตรวจหาเชื้อ หรือไปแล้วอาจไม่ได้ตรวจด้วยเหตุผลคลาสสิกคือ ไม่มีความเสี่ยง

ทางรัฐบาลควรให้ความรู้หรือบังคับใช้ กฎหมายให้เด็กที่มีอาการหวัดต้องไปแพทย์

2. แถมมีอีก 1 คนที่นั่ง "รถโรงเรียน" ไปในช่วงเริ่มมีอาการอีก ซึ่งการนั่งในรถติดแอร์ขนาดเล็ก นั่งกันแน่นๆ มีการสัมผัสกันไป อาจมีถอดมาส์กบ้างนั้น ค่อนข้างเสี่ยงในการกระจายเชื้อติดเชื้อ

#ติดเชื้อแล้วยังนั่งรถโรงรียน

#คนขับรถเมล์ที่ติดเชื้อจากปทุม

3. ผู้อ่านอีก 1 ท่านฟ้องเรื่องโรงเรียนมี "เด็กไม่สบาย พ่อแม่ก็ยังให้มาโรงเรียน" และเด็กถอดๆ ใส่ๆ มาส์กในห้องเรียนที่เปิดแอร์อีก

#เด็กไทยไม่สบายผู้ปกครองยังให้มาเรียน !!

4. ถ้าเด็กกระจายเชื้อที่โรงเรียน ก็ต้องระวังทั้งในห้องเรียน และโรงอาหารที่ถอดมาส์กกินข้าวกันหลายๆคนพร้อมๆ กันเป็นระยะเวลานานพอควร

#โรงอาหารในโรงเรียนเสี่ยงที่สุด

5. ปกติถ้าเด็กติดเชื้อไข้หวัดจากไวรัสใดๆ แค่ 1 คนในห้องแล้วมาเรียน ก็จะมีเพื่อนที่นั่งใกล้ๆ หรือทำกิจกรรมร่วมกัน กินข้าวร่วมกัน หรือแม้แต่ครู บุคลากรคนอื่นในโรงเรียน มักจะติดเชื้อกันไปหลายคน

6. และเด็ก หรือครูที่รับเชื้อมักจะไปกระจายเชื้อต่อให้เพื่อนคนอื่นๆ ในห้อง พี่น้องต่างชั้น ต่างโรงเรียน และผู้ปกครอง ญาติที่บ้านได้

#เด็กที่รับเชื้อไข้หวัดต่างๆมาจากโรงเรียนมักแพร่

ในกรณีเด็กกลุ่มนี้ ถ้าตามตรวจดีๆ อาจพบว่ามีเด็กหรือผู้ใหญ่ในโรงเรียน 2 โรงเรียนนี้รับเชื้อกันไปบ้างแล้ว

7. ไม่รู้ให้เด็ก ครู บุคลากรในโรงเรียนหรือแม้แต่ผู้ปกครองของเด็กในห้องเรียนเดียวกัน นั่งรถโรงเรียนเดียวกันนั้น ได้ "กักตัวรวมถึงการตรวจเชื้อ" บ้างหรือยัง ?!?

#ผู้สัมผัสใกล้ชิดที่เป็นเพื่อนนักเรียนก็เอาเชื้อไปแพร่ต่อได้เรื่อยๆ

ถ้ายังก็เสี่ยงระบาดในวงกว้าง

......

อ้างอิงจาก

......

นครปฐมผวา! ป่วยโควิดเพิ่ม 8 ราย พบนักเรียนอายุ 6-12 ปี ติดจากผู้ปกครอง

https://www.springnews.co.th/society /806050

นครปฐมผวา! ป่วยโควิดเพิ่ม 8 ราย เป็นเครือญาติกันทั้งหมด พบนักเรียนอายุ 6-12 ปี ไปเรียนกลับบ้านทุกวันก่อนพบติดโควิดจากผู้ปกครอง อยู่ในพื้นที่ตำบลดอนแฝก อำเภอนครชัยศรี ซึ่งอาจจะเป็นกลุ้มก้อนใหม่

.

 

*** แพทย์ดีๆ ที่เสียสละ อีก 1 ท่านที่ได้ทำหน้าที่ตรวจคนไข้ Covid19 และได้รับเชื้อมาโดยไม่รู้ตัว เสียชีวิตหลังรับเชื้อมาประมาณ 3 สัปดาห์กว่า

ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ "นพ.ปัญญา หาญพาณิชย์พันธุ์"

..........

ยังไงขอให้ผู้อ่านดำรงตนในความไม่ประมาท ยกการ์ดสูง ให้ทุกคนในครอบครัวใส่มาส์กเอาไว้ด้วย

Covid19 อาจอยู่ใน ผู้ป่วยที่อาการเหมือนไข้หวัดธรรมดาได้ แยกไม่ออกเลย

แม้แพทย์ใส่มาส์ก หรือใส่มาส์กทั้ง 2 คน แต่ถ้า

1. อยู่ในห้องปิด ในกรณีแพทย์ก็ห้องตรวจ หรือห้องผ่าตัด ห้องผู้ป่วย หรือ

2. นั่งใกล้ชิดกัน มีการพูดคุยกัน ในกรณีแพทย์ก็ตรวจผู้ป่วยแบบใกล้ชิด

ก็มีความเสี่ยงรับเชื้อได้อาจจะน้อยกว่า ผู้ที่ไม่ใส่มาส์กคนใดคนหนึ่ง หรือทั้ง 2 คน

............

ล่าสุดก็มี นศ. แพทย์ปี 4 ติดเชื้อ Covid19 มาจากการตรวจแม้ค้าที่ขายของที่ตลาด 4 มุมเมือง

โดยประวัติตรวจแม่ค้าวันที่ 9 กพ. โดยแม่ค้าไม่ใส่มาส์ก และ นศ แพทย์เริ่มมีอาการวันที่ 13 กพ.

........

ถ้าให้ดี ห้องต่างๆ ทั้งห้องตรวจ หรือห้องเรียน ห้องอาหาร ร้านอาหาร ควรเปิดประตูระบายอากาศ

เท่าที่ดูธนาคารที่อยู่ตามห้างที่เป็น Mall หลายธนาคารก็เริ่มเปิดประตให้อากาศระบายเข้าออก แม้ไม่ได้อยู่ในตึกที่เป็นแอร์ (เป็นอาคารแบบเปิดโล่ง)

........

กระทรวง ศบค และรัฐบาลควรจะเน้นตรงประเด็นการเปิดประตูระบายอากาศนี้ให้มากขึ้น ในช่วงที่

1. ยังไม่บังคับใช้การใส่มาส์กถ้วนหน้า และ

2. ยังไม่ได้โปรโมทความรู้ แนวทางเรื่องการปรับปรุง Ventilation แบบเป็นทางการ

3. ยังให้คนไม่สบาย นึกถึง Covid19 กันมากกว่านี้

4. ยังไม่ให้คนไทยเข้าถึงการตรวจ PCR ได้ง่ายกว่านี้

..........

เพื่อมิให้มีการติดเชื้อ และมีความสูญเสียมากขึ้นในอนาคต

........

อ้างอิงจาก

.......

1. เศร้า! โควิดคร่าชีวิตหมอคนแรก "นพ.ปัญญา หาญพาณิชย์พันธุ์" ย้อนไทม์ไลน์ตรวจ 3 ผู้ติดเชื้อกลุ่มเลี้ยงโต๊ะแชร์
โดย PPTV Online

เผยแพร่ 18 ก.พ. 2564

https://www.pptvhd36.com/news/สุขภาพ/142346

.......

2. เศร้าทั้งมหาสารคาม แพทย์ไทยรายแรกเสียชีวิตจากโควิด-19 ในวัย 66 ปี

18 ก.พ. 2564

https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/2034896

.......

3. เปิดไทม์ไลน์นศ.แพทย์มธ.ติดโควิด จากแม่ค้า 4 มุมเมือง

17 กุมภาพันธ์ 2564

https://siamrath.co.th/n/220778

.

 

16 ก.พ.64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่าที่ประชุมรัฐสมาชิกองค์การการค้าโลก ( ดับเบิลยูทีโอ ) 164 ประเทศ มีฉันทามติร่วมกัน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ให้นางเอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวียลา อดีต รมว.การคลังของไนจีเรีย และเคยร่วมงานกับธนาคารโลก ( เวิลด์แบงก์ ) ในตำแหน่งนักเศรษฐศาสตร์ เตรียมดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการคนใหม่ ซึ่งจะเป็นคนที่ 7 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. นี้ แทนนายโรแบร์โต อาเซเวโด นักการทูตชาวบราซิล ซึ่งลาออกก่อนครบวาระ

ขณะเดียวกัน โอคอนโจ-อิเวียลา ยังจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้อำนวยการหญิงคนแรกของดับเบิลยูทีโอด้วย อนึ่ง กระบวนการเฟ้นหาผู้อำนวยการดับเบิลยูทีโอคนใหม่ล่าช้ากว่ากำหนดนานหลายเดือน จากการที่รัฐบาลสหรัฐในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สนับสนุนนางยู มยอง-ฮี รมว.การค้าของเกาหลีใต้ ในขณะที่จีนแม้ไม่แสดงท่าทีอย่างเปิดเผย แต่ทุกฝ่ายเชื่อไปในทางเดียวกัน ว่ารัฐบาลปักกิ่งสนับสนุนโอคอนโจ-อิเวียลา เนื่องจากจากสอดคล้องกับความมุ่นมั่นของจีน ในการขยายอิทธิพลทางการค้าเข้าสู่ทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิภาคเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง หรือเส้นทางสายไหมใหม่แห่งศตวรรษที่ 21

จนกระทั่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน รับตำแหน่งผู้นำสหรัฐคนใหม่ และถัดมาเพียงไม่กี่สัปดาห์ นางยู มยอง-ฮี ประกาศถอนตัวจากการแข่งขันกับโอคอนโจ-อิเวียลา โดยเธอกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า "เป็นไปตามการหารืออย่างใกล้ชิด" กับรัฐบาลวอชิงตันชุดใหม่ และยืนยันเกาหลีใต้พร้อมทำงานร่วมกับโอคอนโจ-อิเวียลา

ด้านโอคอนโจ-อิเวียลา กล่าวต่อที่ประชุมดับเบิลยูทีโอเป็นครั้งแรก ในฐานะว่าที่ผู้อำนวยการคนใหม่ ขอบคุณความสนับสนุนจากรัฐบาลและชาวไนจีเรีย และยกย่องคู่แข่งจากเกาหลีใต้ ขณะที่หนึ่งในวาระเร่งด่วนที่สุดของดับเบิลยูทีโอในตอนนี้ คือต้องมีบทบาทมากขึ้นในการร่วมแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลกระทบสืบเนื่องจากวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ที่รวมถึงการผลักดันให้มีการยกเลิกมาตรการกีดกันการค้า ที่ส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายสินค้าจำเป็นในเวลานี้ คือยารักษาโรค วัคซีน และเครื่องมือแพทย์ พร้อมทั้งเน้นว่า ประเทศยากจนต้องมีสิทธิเข้าถึงวัคซีนอย่างเท่าเทียมกับประเทศที่ร่ำรวยกว่า

https://www.bbc.com/pidgin/tori-56073469

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

17 กุมภาพันธ์ 2564 สิงคโปร์สั่งจำคุกกลุ่มนักกิจกรรมทางการเมืองเพื่อสิทธิมนุษยชน หลังแสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง ด้วยการเอาผ้าปิดตาและยืนอ่านหนังสือในรถไฟฟ้าสาธารณะในปี ค.ศ.2017 เป็นเวลา 3 สัปดาห์

สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีกฎหมายควบคุมการแสดงออกในที่สาธารณะที่เข้มงวดมาก หากมีการชุมนุมหรือประท้วงโดยไม่ได้ขออนุญาตจากภาครัฐ ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 นาย Jolovan Wham วัย 41 ปีและพวก ได้แสดงออกเชิญสัญลักษณ์โดยการปิดตาและทำท่ายืนอ่านหนังสือ “1987” เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในวาระครบรอบ 30 ปีกฎหมายควบคุมความสงบภายในประเทศปี 1987 ซึ่งนำไปสู่การจับกุม 22 บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวพันกับลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ต้องการล้มล้างรัฐบาลสิงคโปร์

โดยกลุ่มผู้ประท้วงมองว่ารัฐบาลสิงคโปร์ดำเนินการไม่เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล จึงออกมาเรียกร้อง ‘ขอความยุติธรรม’ ให้กับบุคคลทั้ง 22 คน พร้อมทั้งโจมตีรัฐบาลสิงคโปร์ว่า ใช้ทฤษฎีสมคบคิดเรื่องการเป็นคอมมิวนิสต์มากล่าวหาประชาชน

นาย Wham ถูกตัดสินจำคุก 32 วันหรือจ่ายเงินค่าปรับจำนวน 8,000 ดอลลาร์ แต่ Wham ขอจ่ายค่าปรับเพียงแค่ 2,000 ดอลลาร์ และติดคุกอีก 22 วันแทนการจ่ายค่าปรับทั้งหมด

นอกจากนี้ในปี 2019 นาย Wham ยังโดนปรับอีก 3,200 ดอลลาร์ ให้ข้อหาจัดกิจกรรมชื่อ “การต่อต้านอำนาจรัฐ และการเคลื่อนไหวทางสังคม” โดยมีนาย Joshua Wong แกนนำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนฮ่องกงขึ้นปราศรัยบนเวที โดย Wham เลือกจำโดนจำคุก 10 วันแทนการจ่ายค่าปรับ 2,000 ดอลลาร์ แต่ยังต้องจ่ายอีก 1,200 ดอลลาร์ในข้อหาปฏิเสธการเซ็นรับข้อกล่าวหาของทางเจ้าหน้าที่

ที่มา:
- https://www.todayonline.com/singapo...over-fine-holding-illegal-public-assembly-mrt
- https://www.ibtimes.com/singapore-activist-jailed-train-protest-3145772
- https://www.france24.com/en/live-news/20210215-singapore-activist-jailed-for-train-protest

#สิงคโปร์
#จำคุกนักกิจกรรมทางการเมือง

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

17 ก.พ. 64 หลังจากที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (รมว.สธ.)ได้ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุขปลด 5 ตำรับยากัญชาแผนไทย ซึ่งมีส่วนประกอบของใบและกิ่งก้านกัญชาออกจากบัญชีตำรับยาเสพติด เปิดทางให้ภาคเอกชนขอผลิตยาแผนไทยทั้ง 5 ตำรับได้ตั้งแต่ 16 ก.พ.เป็นต้นไป ได้แก่ ยาศุขไสยาศน์ ยาแก้นอนไม่หลับ/ยาแก้ไข้ผอมเหลือง ยาแก้ลมแก้เส้น ยาทาริดสีดวงทวารหนักและโรคผิวหนัง และยาแก้โรคจิต เมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) นั้น

รศ.ภญ.ดร.สรกนก วิมลมั่งคั่ง ประธานคลัสเตอร์วิจัยกัญชาและสารธรรมชาติจากกัญชา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กัญชาและกัญชงจะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวท็อปของประเทศ ที่สามารถทำรายได้ในอนาคตได้อย่างมหาศาล แต่ ณ ตอนนี้ยังเป็นแค่ช่วงเริ่มต้นโดยเฉพาะสำหรับกัญชา เพราะส่วนประกอบของกัญชารวมถึงสารสกัดที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้นั้นจะต้องมาจากหน่วยงานวิจัยของมหาวิทยาลัยภาครัฐเท่านั้น ฉะนั้น องค์กรธุรกิจต่างเสาะหาสถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยภาครัฐหรือคลัสเตอร์ที่เกี่ยวข้อง

จุฬาฯ โดยคลัสเตอร์วิจัยฯ จึงเป็นหนึ่งในเป้าหมายของภาคธุรกิจเอกชนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากกัญชา จากเดิมที่มุ่งทำวิจัยเพื่อดูการเกิดพิษ/โทษของพืชเสพติดนี้ ซึ่งเป็นงานวิจัยทางสังคมเป็นหลัก แต่เมื่อเริ่มมีการผ่อนปรนกฎระเบียบ จึงเกิดคำถามเพื่อที่จะตอบให้ได้ว่าประโยชน์มีมากกว่าโทษจริงหรือไม่

“ก่อนหน้านี้แม้ในต่างประเทศมีกระแสแรงในเรื่องการใช้กัญชา แต่ยังไม่มีแรงกระเพื่อมมากพอ จึงไม่ค่อยได้รับความสนใจในไทย อีกทั้งมีความยุ่งยากในเรื่องของเอกสารต่างๆ เพราะเป็นการทำวิจัยยาเสพติด จึงมีการควบคุม มีกฎหมายและบทลงโทษ ทำให้นักวิจัยไม่ค่อยอยากจะยุ่งด้วย”

สุดท้ายเมื่อมีแรงทางสังคมเข้ามาและมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ประกอบ อีกทั้งพื้นฐานของไทยยังต้องการงานวิจัยจำนวนมากเพื่อสนับสนุนการใช้กัญชา และการวิจัยจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยนักวิจัยจากภาคการศึกษา จึงเป็นจุดตั้งต้นที่ทำให้เห็นความสำคัญมากขึ้น การสนับสนุนจากภาคเอกชนมากขึ้นยิ่งเป็นตัวผลักดันในการวิจัยกัญชา จึงเริ่มมีการพูดคุยเมื่อปี 2561 และเริ่มผลักดัน จนทำให้กลุ่มการวิจัยได้รับการสนับสนุนในปีถัดมา

ภารกิจของคลัสเตอร์ฯ คือ สร้างเครือข่ายนักวิจัย สร้างระบบนิเวศการทำงานภายในจุฬาฯ โดยใช้เทคโนโลยีเดิมที่เชี่ยวชาญ ต่อยอดองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญเหล่านั้นสู่โอกาสในการพัฒนา “กัญชา” ซึ่งจะดึงทั้งหมดเข้ามาร่วมกัน อีกทั้งเป็นการลดภาระด้านเอกสารให้กับนักวิจัย โดยคลัสเตอร์ฯ จะเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องของเอกสาร และการเชื่อมโยงกับแต่ละภาคส่วน พร้อมทั้งการหาทุนวิจัยมาสนับสนุน ทั้งจากภาคเอกชน ที่สนใจการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และอีกส่วนคือทุนจากภาครัฐ ผ่านการสร้างโครงการวิจัยและขอรับการสนับสนุน

คลัสเตอร์ฯ มุ่งสื่อสารความเข้าใจที่ถูกต้องผ่านผลงานวิจัยและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต้นแบบประเภทยา เพื่อให้คนไทยได้สามารถเข้าถึงยาจากกัญชาที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการรักษาโรค “หากไม่มีชิ้นงานต้นแบบออกมา ก็เห็นจะยากที่จะได้รับทุนสนับสนุน ปัจจุบันจึงมีผลิตภัณฑ์ต้นแบบคือ “ขี้ผึ้งทาแผลในปาก” ซึ่งปีนี้จะเข้าสู่การวิจัยในมนุษย์จากนั้นก็ยื่นขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ ตามไทม์ไลน์ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องเสร็จสิ้นภายในปีนี้ ขณะเดียวกันในช่วงนี้ได้พยายามหาเอกชนที่เป็นผู้ผลิตยามารับการถ่ายทอดนวัตกรรม ซึ่งเริ่มพูดคุย 2-3 รายที่มีมาตรฐานการผลิต"

อย่างไรก็ตาม โครงการวิจัยพัฒนากัญชาร่วมกับภาคเอกชนยังยากอยู่และอาจจะต้องใช้เวลา ระหว่างนี้ทางคลัสเตอร์ฯ จะเดินหน้าทำงานวิจัยต่อไปเพื่อรอปลายทางหรือเวลาเหมาะสม ที่มีการปลดล็อกกฎหมายผลิตภัณฑ์สำหรับกัญชา
หากถามถึงมุมมองอุตสาหกรรมกัญชากับเรื่องของโอกาสใหม่ทางธุรกิจ ภายใต้ศักยภาพของประเทศไทยและในอนาคตเมื่อมีการปลดล็อก รศ.ภญ.ดร.สรกนก กล่าวว่า อุตสาหกรรมในประเทศในส่วนของกัญชาจะโฟกัสไปที่ “ผลิตภัณฑ์ยา” เพราะสามารถทำประโยชน์และมีมูลค่าสูงกว่าผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น แต่สิ่งที่ยากคือ สุดท้ายแล้วจะสามารถขึ้นทะเบียนเพื่อวางจำหน่ายได้หรือไม่ เมื่อเทียบกับพืชกัญชงกลับไปได้ทุกอุตสาหกรรมทั้งยา อาหาร อาหารเสริม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์

รศ.ภญ.ดร.สรกนก มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมคือ ภาครัฐต้องพยายามลดขั้นตอนความยุ่งยากต่างๆ อีกทั้งควรทำระบบออนไลน์เพื่อให้เห็นไทม์ไลน์ชัดเจน อาทิ การติดตามขั้นตอนต่างๆ และสุดท้ายความชัดเจนในเรื่องของกฎระเบียบว่าจะมีการปลดล็อกอีกหรือไม่ โดยรับฟังความคิดเห็นจากเอกชนแบบรอบด้าน ส่วนของภาคเอกชนต้องคิดให้ดีว่าไม่ใช่แค่ด้านกำไร แต่จะต้องคิดว่าเกิดประโยชน์อะไร หากนำประโยชน์เป็นตัวตั้งด้านสินทรัพย์ก็จะตามมา และทำการบ้านในเรื่องของตลาด มองให้ลึกถึงผลกระทบ จึงจะทำให้งานวิจัยกัญชามีมูลค่าสูงขึ้น

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/922927

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในประเด็นการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รอบใหม่ เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ว่า การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จาก พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท มีการอนุมัติโครงการไปแล้ว 256 โครงการ เป็นวงเงิน 7.5 แสนล้านบาท เหลือเงินอีก 2.5 แสนล้านบาท

สำหรับที่ ส.ส. อภิปรายว่า ทำไมไม่เร่งใช้เงินให้หมด มีแล้วก็ต้องใช้ให้หมดเร่งกระตุ้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวชี้แจงว่า เรื่องการระบาดของโควิด-19 มันก็ยังไม่แน่ใจว่าจะหมดจะจบสิ้นหรือไม่ มันยังมีความไม่แน่นอน เพราะฉะนั้นต้องจำเป็นใช้เงินอย่างระมัดระวัง ที่ผ่านมาผมชี้แจงในสภาแห่งนี้ 2 ครั้งแล้ว ผมก็จะพูดอย่างนี้ เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลระมัดระวังเก็บรักษาเงินที่กู้มาดูแลประชาชนให้ผ่านพ้นการระบาดโควิด-19 ในรอบนี้ไปได้

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า วงเงินกู้เพื่อใช้ดูแลบุคลากรทางการแพทย์ และการซื้อวัคซีน เหลืออีก 2.5 หมื่นล้านบาท ท่านสบายใจได้ว่ามีเงินเหลือพอ

การเยียวยาประชาชน ทั้งโครงการเราชนะ 2.1 แสนล้านบาท โครงการม.33 เรารักกัน อีก 3.7 หมื่นล้านบาท และโครงการอื่นทั้งหมดใช้เงินกู้ไปแล้ว 5.58 แสนล้านบาท เป็นจำนวนไม่น้อย แต่รัฐบาลเข้าใจเพราะในช่วงล็อกดาวน์ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ตอนนี้เหลือเงินอีก 2.5 แสนล้านบาท ก็อยากให้สบายใจ" นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ส.ส. หลายท่านสงสัยว่าทำไมการเยียวยาต้องเป็นสิทธิ ไม่ได้เป็นเงินสด เพราะดูจากโครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่เป็นการร่วมจ่าย (โคเพย์) จะเห็นว่าประสบความสำเร็จ ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเศรษฐกิจฐานรากขยายตัวได้ดี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าดีใจ เพราะเป็นเงินของคนที่ยังมีกำลังไปช่วยคนที่แย่กว่า ซึ่งเป็นเรื่องน่าดีใจที่ได้เห็นถึงผลสำเร็จตรงนี้
"ผมเข้าใจว่าเป็น ส.ส. ฝ่ายค้าน มาที่สภาผู้แทนเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ ท่านจะมาชื่นชมรัฐบาลไม่ได้ ผมเข้าใจ แต่ผมเรียนได้เลยว่าในความรู้สึกลึก ๆ ของทุก ๆ คน ของประชาชน หรืออย่างน้อยคนที่ได้รับสิทธิคนละครึ่ง 15 ล้านคน เขารู้ว่าได้รับประสบการณ์เขาได้แชร์ทำให้คนอื่นดีขึ้น และไม่ได้เป็นการเอื้อเจ้าสัว เป็นการช่วยเหลือตัวเล็ก และวิธีการนี้เป็นต้นแบบของๆทุกรัฐบาลต่อไปที่จะมาใช้ทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องแจกเงินสด" นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

#เงินเยียวยาโควิด
#โครงการโคเพย์
#อภิปรายไม่ไว้วางใจ64

ที่มา https://www.posttoday.com/finance-stock/news/645660

 

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในหลายวิธีการจากหลายผู้ผลิต และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติการขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกา ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด Adenoviral vector ที่จะมีการผลิตในประเทศ โดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด และอยู่ระหว่างพิจารณาอนุมัติทะเบียนนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท ซิโนแวค ประเทศจีน ซึ่งเป็นวัคซีนเชื้อตาย และอาจมีการขึ้นทะเบียนรูปแบบอื่น ๆ ตามมาอีกในอนาคต โดยวัคซีนจะต้องมีการรับรองรุ่นการผลิตภายหลังการขึ้นทะเบียน

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ขอให้ทุกคนมั่นใจว่า หน่วยงานโดยสถาบันชีววัตถุ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบและรับรองรุ่นการผลิตของวัคซีนที่ใช้กับมนุษย์ มีความพร้อมในการดำเนินงานให้การรับรองรุ่นการผลิตวัคซีนที่ผลิตในทุกรูปแบบ และจะดำเนินการตรวจสอบอย่างรอบคอบและรวดเร็ว ในการปล่อยผ่านวัคซีนทุกรุ่นการผลิตที่มีคุณภาพ และความปลอดภัยตรงตามมาตรฐานที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้วัคซีนในการควบคุมป้องกันโรคโดยเร็ว โดยการรับรองรุ่นการผลิตของวัคซีนเป็นกระบวนการสำคัญในการประกันคุณภาพของวัคซีนทุกรุ่น การผลิตภายหลังขึ้นทะเบียนนั้น วัคซีนจะต้องได้รับการรับรองรุ่นการผลิตจากหน่วยงานควบคุมกำกับก่อนการนำไปใช้ หรือจำหน่าย

ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสถาบันชีววัตถุ มีประสบการณ์ในงานรับรองรุ่นการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุ ซึ่งมีการผลิตในหลายรูปแบบ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 จนเป็นที่ยอมรับของสากล ผ่านเกณฑ์การตรวจประเมินจากองค์การอนามัยโลก ตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 จนถึงปัจจุบัน

การรับรองรุ่นการผลิตวัคซีนจะต้องพิจารณาคุณภาพของผลิตภัณฑ์โดยละเอียด จากข้อมูลกระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพของผู้ผลิตในรุ่นที่ขอการรับรองว่าเป็นไปตามข้อมูลที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ ร่วมกับการพิจารณาข้อมูลคุณภาพและอุณหภูมิตลอดช่วงเวลาการขนส่ง และทำการตรวจสอบตัวอย่างทางห้องปฏิบัติการของสถาบันชีววัตถุในรายการที่กำหนด โดยมีหนังสือรับรองรุ่นการผลิตจากหน่วยงานควบคุมกำกับของประเทศผู้ผลิต เป็นข้อมูลสนับสนุนในการออกหนังสือรับรองการผลิตในแต่ละรุ่นของวัคซีน

ที่มา https://www.thairath.co.th/news/society/2034872

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

18 กุมภาพันธ์ 2564 ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( โควิด-19 ) กระทรวงสาธารณสุข นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงการเสียชีวิตของ นพ.ปัญญา หาญพาณิชย์พันธุ์ อายุ 66 ปี แพทย์ผู้ติดเชื้อโควิดจากการสัมผัสผู้ป่วยที่เข้ามาตรวจรักษาในคลินิก จ.มหาสารคาม

การเสียชีวิตของบุคลากรการทางแพทย์ครั้งนี้ เป็นบทเรียนย้ำเตือนให้ผู้ป่วยที่ไปพบแพทย์ ทั้งโรงพยาบาลและคลินิกเอกชน ขณะซักประวัติต้องแจ้งแพทย์ทุกครั้งว่าเคยเข้าไปในที่ชุมนุมชน วงเหล้า วงแชร์ หรือสัมผัสผู้ป่วย เพื่อช่วยลดการแพร่เชื้อโควิดไปให้บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว มะเร็ง เบาหวาน ไตเรื้อรัง ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมชน แออัด งดการพูดคุยระหว่างรับประทานอาหาร

ขณะที่นพ.ณัฐพงษ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า นพ.ปัญญามีประวัติน้ำตาลในเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง และถุงลมโป่งพอง แต่ดูแลตัวเองอย่างดีมาตลอด และ คนไข้ทั้ง 3 คน ที่ไปรักษาที่คลินิกก็ไม่ทราบมาก่อนว่าติดเชื้อโควิด-19 เมื่อคนไข้ติดเชื้อ นพ.ปัญญาจึงเข้ารับการตรวจ พบเชื้อในการตรวจครั้งที่ 2 ผลเอกซเรย์ครั้งแรก ไม่มีอาการปอดอักเสบ ได้รับการรักษาตามมาตรฐาน หลังจากนั้นมีไข้ ปอดอักเสบ ตับอักเสบ ไตวายต้องฟอกเลือด

หลังรักษาในโรงพยาบาลเป็นวันที่ 7 นพ.ปัญญาเริ่มหายใจเหนื่อย ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ส่งต่อไปรักษาที่ รพ.ศรีนครินทร์ ม.ขอนแก่น แต่อาการทรุดลงเรื่อยๆ วันที่ 16 ก.พ.64 ติดเชื้อในกระแสเลือดจากเชื้อรา บ่งชี้ภูมิต้านทานไม่ดี ปอดทำงานไม่ดี หัวใจล้มเหลว กระทั่งเสียชีวิตในวันที่ 18 ก.พ.64 เวลา 01.19 น. แพทย์วิจนิจฉัยว่าเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 แทรกซ้อนด้วยภาวะทางเดินหายใจและหลอดเลือด

นพ.ณัฐพงศ์ เปิดเผยด้วยว่า การตรวจคนไข้ของ นพ.ปัญญา จะใส่หน้ากากและมีเฟซชิลด์อีก 1 ชั้น แต่พบว่าคนไข้ 1 คน มีไข้หลายวัน หมอจึงตรวจนาน ให้ส่งเสียงอาเพื่อตรวจดูการเคลื่อนไหวของลิ้นไก่ในลำคอ ให้หายใจแรงๆ เพื่อฟังเสียงว่ามีภาวะปอดอักเสบหรือไม่ จึงอาจทำให้มีละอองฝอยน้ำลายของผู้ป่วย หลุดเข้ามาในร่องหน้ากากของ นพ.ปัญญา

ดังนั้นบุคลากรทางการแพทย์ไม่ว่าจะปฏิบัติงานสถานที่ใด ต้องมีเครื่องป้องกันอย่างดี ในการทำหัตถการต้องสวมถุงมือ ส่วนการตรวจรักษาในคลินิก ห้องตรวจที่คับแคบ อากาศไม่ถ่ายเท ต้องเพิ่มความระมัดระวัง รวมถึงการนั่งที่ไม่เว้นระยะห่างกับผู้ป่วย

ที่มา https://www.tnnthailand.com/news/covid19/71876/

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

18 ก.พ.64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ว่า นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่ากระบวนการแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 บนโลกในตอนนี้ "ไม่มีความเท่าเทียมและความยุติธรรมอย่างสิ้นเชิง" เนื่องจากมี 130 ประเทศที่ยังไม่ได้รับวัคซีน "แม้แต่โดสเดียว" ในขณะที่ 10 ประเทศกักตุนวัคซีนรวมกันมากถึง 75% ของวัคซีนที่ผลิตออกมาบนโลกในปัจจุบัน

กูเตร์เรส กล่าวต่อไปว่า วิกฤติโรคระบาดโรคโควิด-19 ไม่ได้เป็นเพียงบททดสอบความพร้อมด้านสาธารณสุขของมนุษยชาติ แต่ยังเป็นการวัดศีลธรรมของมนุษยชาติได้อย่างดีที่สุดด้วย นั่นคือความเสมอภาคของทุกประเทศในการเข้าถึงวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นประเทศยากจนหรือประเทศร่ำรวย

ทั้งนี้ เลขาธิการยูเอ็นเรียกร้องกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ "จี20" ร่วมกันจัดตั้งคณะทำงานฉุกเฉินในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์และปฏิบัติการด้านวัคซีน ที่รวมถึงการบริหารจัดการด้านการเงิน โดยทีมงานนั้นควรมีประสิทธิภาพในการ "ขับเคลื่อน" ทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเชื่อมโยงกับโครงการวัคซีน

ขณะที่นายโดมินิก ราบ รมว.การต่างประเทศของสหราชอาณาจักร ในฐานประธานยูเอ็นเอสซีประจำเดือน ก.พ. ขอให้ที่ประชุมร่วมกันจัดทำมติเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในพื้นที่สงคราม เพื่ออำนวยความสะดวกให้การจัดส่งวัคซีนเป็นอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะใน เยเมน ซีเรีย ซูดานใต้ โซมาเลีย และเอธิโอเปีย มิเช่นนั้นประชากรโลกมากกว่า 160 ล้านคนซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่สู้รบ

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

18 ก.พ.64 จากปัญหาเรื่องกฎหมายใหม่ของรัฐบาลออสเตรเลีย เรื่อง News Media Bargaining Code ที่ต้องการให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ อย่าง เฟซบุ๊ก และ กูเกิล ต้องจ่ายเงินให้สำนักข่าว เมื่อมีการนำเนื้อหาข่าวของสำนักข่าวนั้นมาแสดง (แบบเหมารวม) กฎหมายดังกล่าวทำให้ทาง เฟซบุ๊ก และ กูเกิล ต้องออกมาตอบโต้ โดยเตือนว่าถ้ากฎหมายนี้ผ่าน ทั้งคู่จะแบนออสเตรเลีย ให้ไม่สามารถอ่านข่าว หรือใช้ กูเกิล ได้

ล่าสุดทาง เฟซบุ๊ก ได้ออกมาปิดกั้นไม่ให้ชาวออสเตรเลียมองเห็นข่าวได้อย่างเป็นทางการแล้ว ผู้ผลิตเนื้อหาและสำนักข่าวในออสเตรเลีย จะถูกจำกัดไม่ให้แชร์หรือโพสต์เนื้อหาใด ๆ บนเพจได้อีกต่อไป โดยแอดมินยังใช้งานเครื่องมือหลังบ้านของเฟซบุ๊กได้ทั้ง Page insights, Creator Studio, CrowdTangle ส่วนสำนักข่าวในต่างประเทศ ก็ยังสามารถเผยแพร่เนื้อหาข่าวบน เฟซบุ๊ก ต่อไปได้ แต่ผู้ใช้งานชาวออสเตรเลียจะไม่สามารถดูหรือแชร์ลิงก์และโพสต์ข่าวได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานในประเทศอื่น ๆ จะไม่สามารถมองเห็นในออสเตรเลียผ่าน เฟซบุ๊ก ได้อีกต่อไป

◦ เฟซบุ๊ก ได้สร้างการอ้างอิงถึงผู้เผยแพร่โฆษณาในออสเตรเลียฟรี มีประมาณ 5.1 พันล้านคน
◦ มูลค่าประมาณ 407 ล้านเหรียญออสเตรเลีย
◦ กำไรทางธุรกิจจากข่าวสารมีเพียง 4%
◦ การรับข่าวสารเป็นส่วนสำคัญในสังคมประชาธิปไตย เป็นเหตุผลที่ เฟซบุ๊ก สร้างเครื่องมือฟรีเพื่อซัพพอร์ตองค์กรข่าวสารทั่วโลกในการสร้างสรรค์เนื้อหาออกมา

ทั้ง ทางรัฐบาลออสเตรเลียได้ออกมาบอกว่า สิ่งที่ เฟซบุ๊ก ทำ มันกำลังบั่นทอนความน่าเชื่อถือของตัวบริษัทเอง นายพอล เฟล็ตเชอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสาร กล่าวว่า เฟซบุ๊ก ต้องคิดอย่างรอบคอบว่าสิ่งนี้มีผลต่อชื่อเสียงและจุดยืนของตัวเองอย่างไร... การเลือกเส้นทางนี้ของ เฟซบุ๊ก แสดงให้เห็นถึงการตัดสินสัยที่แตกต่างจาก กูเกิล ที่มีท่าทียอมผ่อนปรนกับกฎหมายมากกว่า และเริ่มมีการทำข้อตกลงกับสำนักข่าวในออสเตรเลียแล้ว

ล่าสุดทาง กูเกิล ได้จับมือกับ News Corp บริษัทกลุ่มสื่อที่เป็นเจ้าของสำนักข่าวใหญ่ในหลายประเทศทั้งออสเตรเลีย สหรัฐฯ อังกฤษ เพื่อทำข้อตกลงในเรื่องเนื้อหาข่าวกับ กูเกิล เป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อนำเสนอเนื้อหาข่าวแบบพรีเมียมลง Google News Showcase โดยทาง กูเกิลยังได้ร่วมที่ช่วยพัฒนาแพลตฟอร์ม Subscription แพลตฟอร์มฝึกอบรมนักข่าวในการทำข่าวรูปแบบเสียงและวิดีโอ โดยทั้งคู่จะแชร์รายได้โฆษณาร่วมกัน ข้อตกลงนี้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น News Showcase, YouTube, Web Stories, Audio และเทคโนโลยีโฆษณา ซึ่งจนถึงตอนนี้ News Showcase ความร่วมมือกับสิ่งพิมพ์มากกว่า 500 รายการทั่วโลกแล้วและหวังว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ในอนาคต

การทำข้อตกลงของ Google ถือเป็นความพยายามที่จะผ่อนปรนและปรับตัวเข้ากับกฎใหม่ News Media Bargaining Code ของออสเตรเลีย ...

https://www.tnnthailand.com/news/tech/71811/

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

รู้จักกลไกของธารน้ำแข็ง และวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ธารน้ำแข็งถล่มส่งผลให้เขื่อนแตกในรัฐอุตตรขัณฑ์ ทางตอนเหนือของอินเดีย เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา กับ ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ ฟังในรายการ #SciAndTech

Website: http://bit.ly/3tZrvgk
Spotify: http://spoti.fi/2NrnZuz
Apple Podcast: http://apple.co/2Zinpln

#ThaiPBSPodcast
#ThaiPBS