ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1 > ช่างภาพสัตว์ป่าในฟลอริดาจับภาพช่วงเวลาเหนือจริงที่ "นกกระสายักษ์" กลืนลูกจระเข้ทั้งตัว นกกระสาสีฟ้าตัวใหญ่เป็นนักล่าที่ดุร้ายพวกมันสามารถกินอะไรก็ได้ที่มันจะใช้จะงอยปาก" เชลลี กิลเลียม ช่างภาพอธิบาย
    2 > ถึงแม้เป็นลูกจระเข้ แต่มันก็ไม่ใช่ฉากธรรมดา โดย กิลเลียม ช่างภาพสัตว์ป่า ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ในวิดีโอและแชร์บน Facebook ของเธอ
    3 > ในโพสต์ กิลเลียม ระบุว่า นกกระสายักษ์ หรือ Great Blue Heron ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกินลูกจระเข้ที่อาศัยอยู่ใกล้กับทะเลสาบโปบ "ฉันเห็นมันหลังจากมันจับจระเข้ได้ห่างออกไปไม่กี่ร้อยหลา จากนั้นนกกระสาก็บินออกไปพร้อมกับจระเข้ และฉันก็ถ่ายวิดีโอและถ่ายรูป ว้าว! ธรรมชาติยังคงทำให้ฉันประหลาดใจทุกวัน" กิลเลียม เจ้าของศูนย์อนุรักษ์และฟื้นฟูสัตว์ป่าและสัตว์แปลกใหม่ฟลอริดา และยังถ่ายภาพสัตว์ป่าด้วยระบุ
    4 > NBC News ระบุว่า กิลเลียมอยู่ทางทิศเหนือของทะเลสาบอะพอพคา (Lake Apopka) ซึ่งเป็นแหล่งดูนกที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของฟลอริดา เธอสามารถจับภาพวิดีโอเมื่อต้นเดือนมกราคม (2563) และทำให้ผู้คนตกตะลึงว่านกกระสาสามารถทำเช่นนั้นได้
    5 > All About Birds ระบุว่า นกกระสายักษ์จะกินเกือบทุกอย่างในระยะที่มองเห็น ซึ่งอาจรวมถึงปลา สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก แมลง และนกอื่นๆ ด้วย พวกมันจับเหยื่อที่มีขนาดเล็กกว่าด้วยขากรรไกรล่างที่แข็งแรง เหมือนการใช้กริชเพื่อแทงปลาตัวใหญ่ขึ้นมา
    6 > “Great Blue Heron” เป็นสายพันธุ์นกกระสาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ขนาดความสูงเต็มที่ 1.37 เมตร หนัก 2.5 กิโลกรัม เมื่อกางปีกสามารถกว้างได้ถึง 2 เมตร ชื่อวิทยาศาสตร์ Ardea Herodias อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเลเปิดและแหล่งน้ำจืดทั่วโลก พวกมันสามารถกินอะไรก็ได้ที่มันใช้จะงอยปากจับได้ ตั้งแต่สัตว์น้ำขนาดเล็ก ปลา กุ้ง กบ ปู จนถึงสัตว์ขนาดใหญ่อย่าง “ลูกจระเข้” พวกมันก็ไม่เว้น
    7 > ในอดีตนกกระสาสายพันธุ์นี้เคยเกือบสูญพันธุ์ไปจากทวีปอเมริกาเหนือ เพราะการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศและถิ่นที่อยู่อาศัยลดลง รวมถึงการผสมพันธุ์เพียง 1-2 ครั้งต่อปี ซึ่งแต่ละครั้งจะออกไข่ครั้งละ 1-2 ฟองเท่านั้น ซึ่งยังไม่รวมความนิยมในการล่านกชนิดนี้เป็นกีฬาอีกด้วย
    8 > นกยักษ์ที่มีมากในอเมริกาเหนือชอบอยู่ในแหล่งพื้นที่ชุ่มน้ำเพื่อหาอาหารและไม่ต้องการการถูกรบกวนแหล่งเพาะพันธุ์ แต่กิจกรรมของมนุษย์เป็นภัยคุกคามพวกมันสำหรับการหากินและการทำรัง เช่น ทำให้คุณภาพน้ำลดลง ระดับสารปนเปื้อนในน้ำ แม้ว่าจะลดลงในหลายพื้นที่ก็ตาม
    9 > อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจประชากรตลอด 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า จำนวนพวกมันกลับเพิ่มมากขึ้นจนรอดพ้นจากการสูญพันธุ์ ซึ่งนักวิจัยคาดว่าเกิดจากการอพยพถิ่นฐานมาจากทวีปอื่น รวมถึงการรณรงค์งดล่าสัตว์และกฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้นทำให้เหล่านกกระสามีแหล่งที่อยู่เพิ่มขึ้น
    อ้างอิง :
    https://edu.thinking-minds.net/flor...ZA4hdf3obgJY6se0npN9GnuJVY9q78x-yTCTTBZlLjyag
    https://www.allaboutbirds.org/guide...0obOPjilSz28jFnkhncY-XnIouZLtPipaHlhX6S64Cp1g
    เครดิตภาพ : Shellie Gilliam

    qmNv_qPKITFmnxdOh21ncLIPsqDwomubHr2fl106PjH8&_nc_ohc=EPImVurm3k0AX8U-Ruo&_nc_ht=scontent.fbkk9-2.jpg

    N3Uh-7CWWB6U5IJHKdPh5q84jRTbEwJ0S7DSBXztywx&_nc_ohc=EXOPtY4cf58AX9qI--j&_nc_ht=scontent.fbkk12-2.jpg

    3G3ilsyD9muCmI0KvnuPurcYPiGhVFUoklRynATR8bL5&_nc_ohc=cpt47M4ebFoAX_4OQsW&_nc_ht=scontent.fbkk9-2.jpg



    แบ่งปันจาก IGreen
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ไม่ว่าใครก็ต้องการอิสรภาพ”

    ซามี่ ลิงชิมแปนซีเพศผู้ วัย 9 ปี
    ถูกส่งมายังสวนสัตว์เบลเกรดในเดือนมกราคม ค.ศ.1988

    สวนสัตว์แห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองเบลเกรด เมืองหลวงของประเทศยูโกสลาเวีย (ปัจจุบันคือประเทศเซอร์เบีย)

    ซามี่เคยอยู่สวนสัตว์ Osijek มาก่อน เขาคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมที่กว้างขวาง มีพื้นที่ให้ได้เล่น และมีลิงชิมแปนซีตัวอื่นให้หายเหงา ซามี่เคยเป็นลิงที่สดใสและร่าเริงมาก่อน

    แต่ที่เบลเกรดนี้ ซามี่กลับถูกขังในคอกที่คับแคบ ล้อมรอบด้วยกรงเหล็กที่ชิดเบียดตัวของซามี่จนแทบขยับไม่ได้

    ซามี่ไม่คุ้นชิน
    และไม่ชอบสภาพแวดล้อมแบบนี้เอาเสียเลย

    ต่อมาไม่ถึงสองสัปดาห์ ซามี่ก็แสดงอาการเศร้าซึมอย่างเห็นได้ชัด จนกลายเป็นพฤติกรรมก้าวร้าว

    21 กุมภาพันธ์ ซามี่ก็ได้หลบหนีออกจากสวนสัตว์
    ข่าวท้องถิ่นแจ้งว่าซามี่หลบหนีเพราะเขาไม่มีเพื่อนๆ ลิงด้วยกันอยู่ที่คอกเลย

    ซามี่วิ่งหนีมุ่งหน้าไปที่โรงภาพยนตร์ในตัวเมือง
    และไปยังสวนสาธารณะ Kalemegdan
    ตำรวจได้ทำการล้อมให้ซามี่จนมุมอยู่ที่จัตุรัสในสวนแห่งนั้น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปจับเขา

    ผู้อำนวยการสวนสัตว์เบลเกรด วุค โบโจวิช
    คือชายคนเดียวที่คุ้นเคยกับซามี่
    คนเดียวที่ซามี่ไว้วางใจ

    วุคเดินเข้าไปหาซามี่
    “Come on, Sami"
    “Go home”
    วุคพูดเกลี้ยกล่อมพร้อมกับจับมือของเขาไว้

    ซามี่เชื่อฟังเขา ทั้งสองจับมือเดินมาพร้อมกัน
    และไปขึ้นรถของวุคกลับไปยังสวนสัตว์อย่างง่ายดาย

    ——————————-

    แต่เวลาผ่านไปเพียงสองวัน

    ซามี่หลบหนีออกจากสวนสัตว์อีกครั้ง
    เขาวิ่งพุ่งชนคนและรถบนถนนในเบลเกรด
    จากนั้นไม่นานซามี่ก็โผล่มาที่โรงงานใกล้ๆ กับสวนสัตว์

    คนงานในโรงงานพยายามจับซามี่ด้วยตาข่ายขนาดใหญ่ แต่ไม่สำเร็จ จนในที่สุดซามี่ก็ถูกไล่ไปที่ลานกว้าง จากนั้นเขาได้หนีปีนขึ้นไปบนต้นซากุระและมาจบที่บนหลังคาโรงรถในบ้านหลังหนึ่ง

    ข่าวการหลบหนีของเขาแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่ชั่วโมง ผู้คนมากกว่าสี่พันคนก็ได้ออกมาให้การสนับสนุนซามี่

    มีผู้คนออกมาถือป้ายให้กำลังใจเขาโดยเขียนเช่น
    “ซามี่ เราอยู่กับคุณ!”
    “อย่ายอมแพ้ ซามี่!”

    วุค โบโจวิช ผู้อำนวยการสวนสัตว์เบลเกรด เข้ามาหาซามี่อีกครั้ง เขาปีนขึ้นไปบนหลังคาโรงรถ หวังว่าจะเกลี้ยกล่อมซามี่ให้กลับไปได้อีกครั้ง

    แต่คราวนี้ซามี่ไม่ยอม เขาปฏิเสธและขู่ด้วยความเกรี้ยวกราด เขาไม่อยากกลับไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นอีกแล้ว

    สุดท้ายซามี่ก็ถูกยิงด้วยลูกดอกยาสลบ
    และนำตัวกลับไปยังสวนสัตว์อีกครั้ง ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนมากมายที่มาให้กำลังใจซามี่
    33-giEEi5pPioF5W-vsenonBSWJvQdP1qe9j-T_sA3wM&_nc_ohc=oUwnydPtqbMAX8CmBSi&_nc_ht=scontent.fbkk9-2.jpg

    คราวนี้ ซามี่ไม่มีโอกาสได้ออกมาสู่โลกภายนอกอีกแล้ว

    ซามี่ เสียชีวิตอย่างกะทันหันในวันที่ 11 กันยายน ค.ศ.1992
    และจากความกล้าหาญและเป็นสัญลักษณ์แห่งความอิสรภาพของประชาชนหลายๆ คน จึงได้มีการทำรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของซามี่ขึ้นที่สวนสัตว์แห่งนี้
    jB6aAqLIqzzzARVTQ7ii8QVphCMFyz8ZedG4txlOROQ&_nc_ohc=aEW4R-JCT9QAX9NB4Dv&_nc_ht=scontent.fbkk13-2.jpg

    ชาวยูโกสลาเวีย ถือให้ซามี่ คือเสียงสะท้อนของมนุษย์ที่ติดอยู่ในระบบคอมมิวนิสต์ในยุคนั้น

    ยูโกสลาเวียซึ่งอยู่ภายใต้เงามืดของสหภาพโซเวียตในตอนนั้น การหลบหนีของซามี่ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกราวกับว่าเราคือเพื่อนกัน เพราะเราต่างถูกคุมขัง แม้จะเป็นบริบทที่ต่างกันก็ตามที
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 20 , 2021 คนไทยรัดเข็มขัดแน่น คุมการใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นช่วงสถานการณ์โควิด เน้นสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น
    .
    สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ร่วมกับ บริษัท ฮาคูโฮโด แบงคอก เผยผลสำรวจการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2564 พบแนวโน้มผู้บริโภคไทยยังคงรัดเข็มขัด ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นเนื่องจากสถานการณ์โควิด และมองหาสินค้าที่ใช้งานได้หลายวัตถุประสงค์ โดยมีแนวโน้มการใช้จ่ายลดลงเกือบทุกภูมิภาคและเกือบทุกช่วงอายุของประชากรในสังคมไทย
    .
    นางสาวชุติมา วิริยะมหากุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า สถาบันวิจัยฯ ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับแนวโน้มการบริโภคของคนไทยทุกๆ 2 เดือน โดยครั้งล่าสุดเป็นการสำรวจทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 8-15 มกราคม 2564 ผู้ร่วมตอบแบบสอบถามประกอบด้วยเพศชายและหญิงจำนวน 1,200 คน อายุ 20-59 ปี จากทั่วประเทศ พบข้อบ่งชี้เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยที่สำคัญ 2 ข้อ ได้แก่
    .
    1. คนไทยมีแนวโน้มระมัดระวังการใช้จ่ายจนกว่าสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศจะดีขึ้น การกลับมาของโควิดทำให้ความต้องการในการใช้จ่ายและระดับความสุขลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญเมื่อเทียบกับผลการสำรวจในเดือนพฤศจิกายน 2563 เนื่องจากความไม่แน่นอนและสภาพเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลงอย่างต่อเนื่อง โดยแนวโน้มความต้องการในการใช้จ่ายอยู่ที่ 54 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ลดลงจาก 57 คะแนนในการสำรวจครั้งก่อน ในขณะที่คะแนนความสุขในปัจจุบันอยู่ที่ 64 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ลดลงจาก 66 คะแนนในการสำรวจครั้งก่อน

    เหตุผลของผู้ที่ให้คะแนนความต้องการใช้จ่ายสูงกว่าค่าเฉลี่ย เช่น ต้องการตุนสินค้าเพื่อเลี่ยงการออกไปข้างนอก ใช้บริการส่งอาหารมากขึ้น ซื้อของให้รางวัลตัวเองหรือให้เป็นของขวัญแก่คนรัก ส่วนเหตุผลของผู้ที่ให้คะแนนความต้องการใช้จ่ายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เช่น รายได้ลดลงจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด ซื้อเพื่อมาแทนของเก่า กังวลเรื่องการเงินของครอบครัว และว่างงาน
    .
    2. สินค้าที่ตอบสนองหลากหลายจุดประสงค์การใช้งานเป็นที่ต้องการอย่างเห็นได้ชัด ผู้ตอบแบบสำรวจทั่วประเทศพูดถึงการซื้อสินค้าและบริการที่ไม่ใช่แค่อำนวยความสะดวก แต่ยังช่วยตอบสนองความต้องการอื่นๆ ในชีวิต เช่น สมาร์ทโฟน (ใช้ทำงานและให้ลูกใช้เรียนออนไลน์) รถยนต์ (สำหรับการพักผ่อนและการทำงาน) ของตกแต่งบ้าน (เพื่อความสวยงามและความสะดวกสบาย)
    .
    ด้าน นางสาวมนัสริน ณ ระนอง รองผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บริษัท ฮาคูโฮโด แบงคอก กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกสองทำให้คนระวังตัว ต้องการกักตุนสินค้ามากขึ้น และมุ่งใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น โดยสินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคอยากซื้อมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อาหาร ของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน โทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟน เสื้อผ้า และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

    เมื่อจำแนกตามภาค พบว่าแนวโน้มความต้องการในการใช้จ่ายลดลงเกือบทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก มีเพียงภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีแนวโน้มความต้องการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากการย้ายถิ่นฐานจากกรุงเทพฯ กลับภูมิลำเนาเนื่องจากโควิด และเมื่อจำแนกตามช่วงอายุ มีเพียงช่วงอายุ 20-29 ปีที่มีแนวโน้มความต้องการใช้จ่ายคงที่ เนื่องจากต้องการบรรเทาความรู้สึกเบื่อจากการอยู่บ้านเป็นเวลานาน โดยต้องการซื้อผลิตภัณฑ์เสริมความงาม หรือโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ ส่วนช่วงอายุอื่นๆ มีแนวโน้มความต้องการใช้จ่ายลดลง
    .
    ผลการสำรวจยังพบว่าข่าวการติดเชื้อโควิดระลอกสองในช่วงก่อนวันหยุดปีใหม่ส่งผลให้มีการกล่าวถึงข่าวโควิดเพิ่มสูงขึ้นจาก ร้อยละ 4 ในการสำรวจเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นร้อยละ 81 ในการสำรวจครั้งล่าสุดนี้ ทั้งยังส่งผลให้อารมณ์รื่นเริงของคนไทยในช่วงต้นเดือนธันวาคมกลายเป็นความเงียบเหงาในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จากการห้ามการเฉลิมฉลองในที่สาธารณะ และคนไทยส่วนใหญ่ยกเลิกการเดินทางในประเทศ นอกจากนี้ ผลกระทบจากกระแสโควิดทำให้ความร้อนแรงทางการเมือง ซึ่งมีการกล่าวถึงสูงสุดในการสำรวจครั้งก่อนถึงร้อยละ 57 ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น
    .
    #คนไทย #รัดเข็มขีด #คุมใช้จ่าย #โควิด #Covid #Misterban
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 20 , 2021 สมุทรสาครติดโควิดเพิ่มขึ้นอีก 35 ราย ดันยอดติดเชื้อรวมกว่า 16,000 ราย พร้อมเปิดผลตรวจซ้ำแรงงานทำปลากระป๋อง 40,000 ราย พบคนมีภูมิคุ้มกัน 20 %
    .
    รายงานข่าวจากจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2564 ณ เวลา 24.00 น.ทางจังหวัดสมุทรสาครได้รายงานสถานการณ์ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 35 ราย แบ่งเป็นคนไทย 17 ราย และต่างด้าว 18 ราย รวมยอดสะสม 16,020 ราย จากการค้นหาเชิงรุกสะสมไปแล้ว 185,118 ราย รักษาหาย กลับบ้านแล้ว 15,455 ราย เสียชีวิตสะสม 7 ราย
    .
    นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายเเพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครและคณะ เข้าตรวจเยี่ยมการตรวจหาภูมิคุ้มกันในกลุ่มแรงงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติที่อยู่ภายใต้มาตรการ Bubble & Seal ในโรงงานกลุ่มเป้าหมาย ณ บริษัทไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
    .
    ซึ่งได้ดำเนินการตรวจพนักงานมาเป็นวันที่ 5 แล้ว มีแรงงานของบริษัทฯ ที่ต้องเข้ารับการตรวจรวมทั้งสิ้นประมาณเกือบ 10,000 คน เฉลี่ยวันละราวๆ 2,000 คน
    .
    พร้อมระบุว่าการตรวจหาภูมิคุ้มกัน (Antibody) นี้ จะดำเนินการเฉพาะในสถานประกอบการหรือโรงงานเป้าหมายเท่านั้น ซึ่งระยะแรกสมุทรสาครได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 15 – 19 กุมภาพันธ์ 2564 มีโรงงานเป้าหมาย 9 แห่ง แบ่งเป็นโรงงานที่ดำเนินการตามมาตรการ Bubble จำนวน 7 แห่ง และ มาตรการ Seal อีกจำนวน 2 แห่ง มีแรงงานเป้าหมายทั้งหมดประมาณ 40,000 กว่าคน โดยได้ดำเนินการตรวจครบทุกราย
    .
    ส่วนตัวเลขผู้พบภูมิคุ้มกัน (Antibody) ณ ขณะนี้ยังมียอดที่น้อยมาก เนื่องจากว่าต้องรอผลอีกระยะหนึ่ง โดยทางสาธารณสุขจังหวัดได้ตั้งเป้าว่าจะพบผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอยู่ที่ราวๆ 30 – 40 เปอร์เซ็นต์ แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องทำ Bubble & Seal ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ส่วนภายหลังจากวันที่ 28 กุมภาพันธ์ไปแล้วนั้น
    .
    สำหรับโรงงานที่ดำเนินการตามมาตรการ Bubble & Seal มาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ก็จะไม่มีการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวต่อไปอีก ยกเว้นในส่วนของโรงงานหรือสถานประกอบการรายใหม่ที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการ Bubble & Seal เช่นเดียวกัน
    .
    ด้านวินัย นามธง เจ้าหน้าที่จากสมาคมเทคนิคการแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการตรวจหา Antibody ในกลุ่มแรงงานด้วยวิธี แรพบิทเทส นั้นก็พบผู้ที่มีภูมิคุ้มกันประมาณร้อยละ 20 แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็น แอนตี้บอร์ดี้ชนิดไหน ดังนั้นจะต้องนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการพิเศษ เพื่อหาชนิดของแอนตี้บอร์ดี้ที่เกิดขึ้นว่าเป็นชนิดไหนกันแน่
    .
    แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้คือ แรงงานคนนั้นเคยรับเชื้อมา แล้วร่างกายมีความแข็งแรงทำให้เชื้อโรคไม่สามารถทำร้ายร่างกายของเขาได้ ส่วนในอนาคตจะเป็นอย่างไรก็จะต้องมีการติดตามผลกันต่อไป
    .
    #สมุทรสาคร #โควิด #Covid #Misterban
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐ 1f1fa_1f1f8.png : รัฐเท็กซัส ไฟไฟม้ อพาร์ทเมนต์ในซานอันโตนิโอรัฐเท็กซัส ระบบดับเพลิงในตึกถูกแช่แข็ง อพาร์ทเมนท์ทั้งหมด 130 ห้องถูกทำลายและส่วนหนึ่งของอาคารพังถล่มลงมา สภาพความเย็นจัด ท่อดับเพลิงเป็นน้ำแข็ง น้ำประปาไม่ไหล ทำให้ไม่สามารถดับไฟได้ทัน สาเหตุไฟไหม้อาจเกิจากเครื่องทำความร้อนในชั้น2 และลุกลามไปทั้งตึกรวมทั้งลานจอดรถ

    yqUHp65cEITtYxsRCZ1lAl672SlhpT5z_-yBCCZ1c7x&_nc_ohc=Ujec0cJz-tsAX8Y4ZEs&_nc_ht=scontent.fbkk12-4.jpg

    gKgkArIXSvc3kQFJZCGnVRrNKk29FeGxkyCtcT3-oI9&_nc_ohc=OQiJ54_DQYsAX9UOCcK&_nc_ht=scontent.fbkk12-4.jpg

    G85AJP9mn5rhS86jpFFMd-uHkE5SAXTWZtLrppfhde7&_nc_ohc=3RifW9dCFaoAX8-T9Z6&_nc_ht=scontent.fbkk12-3.jpg

    MeKOzrp6q7wsgXWrbo2bJLtQ-QMUjUJ6njndENVUwum&_nc_ohc=OTgM8EATOj4AX-zFZOI&_nc_ht=scontent.fbkk12-2.jpg

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดาวอังคาร!!! ห่างออกไป 128 ล้านไมล์

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ANIMAL: WWF ออสเตรียเผยข่าวดี พบลิงซ์ยูเรเชียอีกครั้ง! คิดว่าสูญพันธุ์แล้ว 100 ปี แต่ยังน่ากังวล ถูกคุกคาม
    .
    ลิงซ์เป็นสัตว์เบี้ยงลูกด้วยนม จัดเป็นเสือขนาดเล็ก มีบรรพบุรุษร่วมกับสัตว์จำพวกเสือพูม่า แมวดาว และมีเชื้อสายของมวบ้าน เอกลักษณ์ของลิงซ์คือขนที่หนาปุกปุย และหูที่ตั้งมีปลายแหลม
    .
    ลิงซ์แบ่งเป็น 4 ชนิด: ลิงซ์แคนาดา ลิงซ์สเปน บ็อบแคท และลิงซ์ยูเรเซีย ลิงซ์ยูเรเซียถือว่าเป็นหนึ่งในนักล่าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มันถูกนำกลับมาอีกครั้ง แต่ในบางพื้นที่มันก็ยังเสี่ยงสูญพันธุ์สูง อย่างเช่นในออสเตรียที่ผู้คนคาดการณ์ไว้ว่า ลิงซ์น่าจะสูญพันธุ์ไปจากภูมิภาคนี้แล้ว ตั้งแต่เมื่อ 100 ปีก่อน
    .
    ทว่า มันไม่ได้หายไปตามคาด เพราะลิงซ์ยูเรเซียปรากฎตัวมาให้กล้องดักถ่ายสัตว์เห็นแล้ว ซึ่งเป็นลิงซ์ 2 ตัว เพศผู้และเพศเมีย WWF Austria โพสตต์ภาพลิงซ์ 2 ตัวเดินดุ่ม ๆ ในป่า Hochschwab ประเทศออสเตรีย การปรากฎตัวนี้จึงเผยให้เห็นว่าความพยายามในการอนุรักษ์มันได้ผล
    .
    อย่างไรก็ตาม การที่พบลิงซ์ในบริเวณดังกล่าวทำให้หลายคนกังวล เพราะตอนนี้ในออสเตรียมีการสร้างถนน ขยายพื้นที่เมือง และลักลอบฆ่าสัตว์ ทั้งหมดเป็นภัยต่อจำนวนประชากรลิงซ์มาก และก็ทำให้สัตว์ป่าไม่สามารถหากันเจอได้ง่ายเพื่อการขยายพันธุ์ต่อไป
    .
    ด้วยเหตุนี้ WWF Austria จึงได้จัดแคมเปญ #NatureStattBeton หรือ Nature Instead of Concrete ที่รณรงค์ให้คนตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติ ลดการขยายเมือง ปกป้องพื้นที่สีเขียว
    .
    Source
    1. https://www.facebook.com/.../a.1015030.../10157484724687063/

    2. https://www.facebook.com/hashtag/wwfthailand

    3. https://wwf.panda.org/.../profiles/mammals/eurasian_lynx/

    ภาพ: WWF Austria
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ANIMAL: ครั้งแรก! นักวิทยาศาสตร์ทำการโคลนนิ่ง เฟอเรตเท้าดำ สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในสหรัฐฯ จากเซลล์สัตว์ที่ตายไปแล้วเมื่อ 30 ปีก่อน และถูกแช่แข็งไว้
    .
    เจ้าเฟอเรตเท้าดำ (Black Footed Ferret) ตัวนี้มีชื่อว่า Elizabeth Ann เกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2563 และได้ถูกประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (18 กุมภาพันธ์ 2564)
    .
    โดยมันได้รับการดูแลโดย Fish and Wildlife Service ที่ศูนย์เพาะพันธุ์เฟอเรตเท้าดำใน Colorado ซึ่งเธอเป็นโคลนของเฟอเรตที่ตายเมื่อปี 1988 ที่มีชื่อว่า Willa และได้ถูกแช่แข็งไว้
    .
    การโคลนนิ่งสามารถนำไปสู่การนำสายพันธุ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วกลับมาได้ อาทิ นกพิราบพาสเซนเจอร์ อย่างไรก็ตามขณะนี้เทคโนโลยีนี้ใช้สำหรับการช่วยเหลือสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ อย่างม้าป่ามองโกเลีย ที่ถูกโคลนและเกิดที่ศูนย์ในเท็กซัสเมื่อปีที่ผ่านมา
    .
    เฟอเรตเท้าดำ เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อาศัยในอเมริกาเหนือ เผชิญภัยคุกคามแหล่งอาศัย รวมถึงการที่เหยื่อหลักของมันอย่าง แพรรีด็อก” (Prairie dog) หรือ “กระรอกดินถูกวางยาพิษ และถูกฆ่าอย่างมหาศาลเพื่อลดผบกระทบต่อพื้นที่ทำเกษตรกรรม
    .
    ก่อนหน้านี้มันถูกประกาศว่าสูญพันธุ์แล้วในปี 1979 แต่หลังจากนั้น 2 ปี เจ้าของฟาร์มใน Wyoming กลับได้พบกลุ่มเล็กๆของพวกมันในพื้นที่ของเขา และได้เริ่มโครงการเพาะพันธุ์จนสำเร็จ และปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้แล้ว
    .
    Fish and Wildlife Service เผยว่าเฟอเรตเท้าดำทั้งหมดตอนนี้มาจากพ่อแม่พันธ์ 7 ตัว ซึ่งเป็นความจำกัดของความหลากหลายทางพันธุกรรม และอาจทำให้เกิดโรค หรือความผิดปกติในรุ่นลูกได้
    .
    การกำเนิดของ Elizabeth Ann เป็นความหวังในการสร้างความหลากหลายให้กับสายพันธุ์นี้เพื่ออนุรักษ์ให้อยู่กับโลกเราต่อไป
    .
    Source:
    1. https://www.fws.gov/mount.../es/blackFootedFerretcloning.php

    2. https://www.fws.gov/.../02182021-USFWS-and-Partners...

    3. https://edition.cnn.com/.../elizabeth-ann.../index.html

    4. https://www.nbcnews.com/.../scientists-clone-first-u-s...

    5. https://www.livescience.com/endangered-black-footed...

    6. https://twitter.com/USFWSMtnPrairie...

    7. https://nc.iucnredlist.org/.../original/mustela-nigripes.pdf
    .
    เรียบเรียง: ร่มธรรม ขำนุรักษ์
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    POLICY: สหรัฐฯกลับเข้าร่วมความตกลงปารีสแล้ว อย่างเป็นทางการ มุ่งแก้ไขวิกฤตโลกร้อน เป้าหมายคาร์บอนศูนย์ในปี 2050
    .
    สหรัฐฯกลับเข้าร่วมตวามตกลงปารีสแล้วอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2021 เพิ่มความหวังในการต่อสู้กับวิกฤตสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงของโลก
    .
    วันที่ 20 มกราคม 2021 ประธานาธิบดีโจ ไบเด็น ได้ส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงการกลับเข้าร่วมต่อเลขาธิการสหประชาชาติ หลังเข้ารับตำแหน่งและเป็นผลแล้วในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2021
    .
    การกลับเข้าร่วมความตกลงปารีสนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้นำประเทศถอนตัวออกจากความตกลงดังกล่าว ซึ่งเป็นผลแล้วเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา เนื่องจากเผยว่ามันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา
    .
    โจ ไบเด็น ได้ประกาศว่าจะต่อสู้วิกฤติโลกร้อนสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และการกลับเข้าร่วมความตกลงปารีส เพื่อต้องการฟื้นฟูความเป็นผู้นำของประเทศในการแก้ปัญหาโลกร้อน โดยได้สัญญาว่าจะมุ่งบรรลุเป้าหมายคาร์บอนศูนย์ในปี 2050 ร่วมกับหลายๆประเทศทั่วโลก ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล ลงทุนในพลังงานสะอาด เพื่อที่จะลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
    .
    ความตกลงปารีส เป็นความตกลงระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีเป้าหมายควบคุมอุณหภูมิโลกให้ไปสูงเกิน 1.5 - 2 องศาเซลเซียส (หากเปรียบเทียบกับอุณหภูมิก่อนยุคอุตสาหกรรม) โดยขณะนี้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นแล้ว 1.1 องศา และมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และปรับตัวต่อผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าว โดยมีเกือบ 200 ประเทศเข้าร่วม
    .
    ทั้งนี้สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศเดียวที่ถอนตัวออกจากความตกลงปารีส รวมถึงเป็นประเทศเดียวที่กลับเข้าร่วมความตกลงดังกล่าวอีกครั้ง

    Source:
    1. https://www.reuters.com/.../it-is-official-u-s-back-in...

    2. https://www.theguardian.com/.../us-official-return-paris...

    3. https://edition.cnn.com/.../us-paris-agreement.../index.html

    4. https://www.deqp.go.th/new/ความตกลงปารีส-paris-agreement/

    5. https://www.facebook.com/1523107561151019/posts/3377484962379927/?d=n

    เรียบเรียง: ร่มธรรม ขำนุรักษ์
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    DISCOVERY: พบเครื่องมือยุคหินนับร้อยชิ้น
    ณ พื้นที่ทำบ้านจัดสรรในเวลส์
    .
    นักโบราณคดีขุดพบเจอเครื่องมือและสิ่งประดิษฐ์จากยุคหิน 314 ชิ้น ในบริเวณบ้านจัดสรรที่ เขต Denbigshire เมือง Rhuddlan ประเทศ Wales ที่มีอายุกว่า 9,000 ปี หรือเทียบเท่ากับเป็นบริเวณเก่าแก่ที่สุดของยุคหินกลาง ซึ่งก่อนหน้านีพื้นที่บริเวณแห่งนี้ได้รับการวางแผนที่จะสร้างเป็นบ้านจัดสรรขึ้นเมื่อปี 2017 อย่างไรก็ตามได้มีข้อตกลงที่จะให้มีการขุดค้นทางโบราณคดีเกิดขึ้นก่อนที่จะได้มีการสร้างบ้าน
    .
    Richard Cooke นักโบราณคดี และผู้ร่วมงาน Josh Dean เชื่อว่าของประดิษฐ์เหล่านี้มาจากกลุ่มคนที่ผ่านมาตั้งแคมป์แถวบริเวณแม่น้ำเมื่อ 9,000 ปีก่อน นอกจากเครื่องมือหินเหล็กที่พบเจอเป็นจำนวนมากแล้ว ยังพบเจอซาก post hole หรือหลุมที่เกิดจากการปักแท่งไม้และเกิดการเผาไหม้ ซึ่งพวกเขาคาดว่า post hole เหล่านี้ใช้ในการห้อยเนื้อสัตว์หรือใช้งานอย่างอื่นเช่น จากหนังสัตว์ หลังจากการค้นพบนักโบราณคดีได้ใช้วิธีการหาอายุโดยวิธี carbon dating และพบว่าสิ่งที่ค้นพบนั้นมีอายุระหว่าง 9,220-9,280 ปี
    .
    เครื่องมือที่ค้นพบส่วนมากเป็นเศษจากหินเหล็กไฟ และหินเชิร์ตซึ่งเป็นหินตะกอนที่มีลักษณะละเอียด
    หลักฐานที่เป็นตัวชี้ว่าส่ิงของที่พวกเขาคุดเจอเหล่านี้เป็นของจากยุคหินกลางคือเครื่องมือหินที่มีลักษณะเป็นใบมีดที่เรียกว่า microliths เครื่องขูดที่ใช้โดยคนขายเนื้อในการหั่นเนื้อและขูดหนัง และบากหรือเครื่องมือเล็ก ๆ ที่คาดว่าใช้ในการตัดไม้เป็นรูปทรงต่าง ๆ
    .
    Cooke ยังคงเสริมว่าชาวยุคหินกลางเหล่านี้เป็นนักล่าผู้ที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และจากหลักฐานศิลปะภาพวาดในถ้ำกับแท่งหินที่มีการต่อตัวให้กลายเป็นอนุสาวรีย์ ที่เรียกว่า megaliths (ถ้านึกไม่ออกว่ามันเป็นยังไง ให้นึกถึงรูป stonehenge เข้าไว้) ที่พบเจอในประเทศ Spain ยังบ่งบอกได้ว่าชาวยุคหินกลางนี้ยังเป็นศิลปินอีกด้วย พูดง่าย ๆ คือพวกเขาเป็นคนที่มีการพัฒนาการมาอย่างดีที่มาก่อนโลกเราจะมีชาวนา
    .
    เดิมทีแล้ว แผนการที่จะสร้างบ้านในบริเวณนี้ได้รับการยินยอมตั้งแต่ปี 2017 แล้ว แต่ทว่า Ann Davies ผู้เป็นสมาชิกสภาได้คิดว่าพื้นที่นี้ต้องได้รับการตรวจดูทางโบราณคดีบางอย่าง จึงได้พบเครื่องมือจากยุคหินกลางเหล่านี้ และยังค้นพบว่าเมือง Rhuddlan นี้เป็นที่ที่มีประวัติศาสตร์ยุคหินกลางมากที่สุดในประเทศ Wales อีกด้วย
    .
    เป็นเวลานับนานหลายปีมากที่เราได้มีการขุดค้นพบซากข้าวของเครื่องใช้จากยุคต่าง ๆ ในอดีตมากมาย และเรายังคงขุดค้นพบเจอของดึกดำบรรพ์เหล่านี้เรื่อย ๆ เคยสงสัยมั้ยว่า พื้นที่ดินใต้บ้านเรานั้นอาจจะมีครกเก่าของมนุษย์ยุคหินอยู่ หรือออฟฟิศที่เราทำงานกันทุกวันอาจจะมีฟอซซิลมนุษย์ยุคหินอยู่ ฟังแล้วดูเหมือนเป็นอะไรที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนะ แต่ก็ไม่แน่ล่ะ อาจจะมีอยู่ก็ได้ เพราะเราไม่มีทางรู้ได้อย่างแน่ชัดว่าจริง ๆ แล้วสมัยก่อนไม่ว่าจะ ร้อยปี หมื่นปี ล้านปี มีใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหนบ้าง
    .
    เกร็ดความรู้เล็กน้อย
    ยุคหิน stone age
    ยุคหินเก่า paleolithic period: 2.5ล้านปีที่แล้ว - 9,600 BC ยุคของการพัฒนาเครื่องหิน
    ยุคหินกลาง mesolithic period: 9,600 - 4,000 BC ยุคของการล่าสัตว์
    ยุคหินใหม่ neolithic period: 6,000 - 2,200 BC ยุคของการเกษตรกรรมและชาวนา
    ยุคสำริด bronze age: 3,000 - 1,300 B.C. ยุคของการพัฒนาสู่อารยธรรม
    ยุคเหล็ก iron age: 1,300 - 900 B.C. ยุคของการพัฒนาเทคโนโลยี
    .
    Source
    1. https://www.bbc.com/news/uk-wales-56106312

    2. https://www.history.com/news/prehistoric-ages-timeline...

    เรียบเรียง: buras
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    DISCOVERY: นักวิจัยไขปริศนา "หลุมยักษ์"ในไซบีเรีย
    คาดเกี่ยวกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิที่ร้อน-ก๊าซมีเทน-แรงดันทำให้ระเบิด
    .
    Permafrost หรือ ชั้นดินเยือกแข็งคงตัว เป็นชั้นดินที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศา อยู่ลึกลงไปไม่กี่ฟุต ประกอบไปด้วยชั้นของวัตถุต่าง ๆ อย่างชั้นของวัตถุอินทรีย์เช่น พืช และสัตว์แช่แข็งจากยุคดึกดำบรรพ์อยู่ มีอายุ 2 ปีไปจนถึงหลายล้านปี จึงเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซมีเทนในจำนวนที่เยอะมากของโลก เราพบชั้นดินนี้ได้ทางซีกโลกตอนเหนือ อย่างในเขตไซบีเรีบย
    .
    เมื่อมิถุนายนปีที่แล้ว เกิดเหตุระเบิดในบริเวณทุ่งหญ้าของทุนดราของไซบีเรีย มันเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่ทิ้งหลุมยักษ์ลึก 30 เมตร (เท่ากับรถบัส 3 คัน ต่อกัน) และกว้าง 20 เมตรไว้ เป็นหลุมที่ 17 ที่เจอบาทคาบสมุทร Yamal และ Gyda ประเทศรัสเซีย หลังจากที่มีการเจอหลุมแบบนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2013
    .
    นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าหลุมยักษ์เชื่อมโยงกับการสะสมของก๊าซมีเทนในชั้นดินเยือกแข็งคงตัว มันสะสมจนระเบิดทำเอาน้ำแข็ง และหินในบริเวณกระเด็นกระจุยกระจาย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นในภูมิภาคนี้
    .
    เป็นไปได้ว่าหลุมนี้เชื่อมโยงกับสภาพภูมิอากาศที่กำลังเปลี่ยนไป จากการใช้ภาพถ่ายโดรน โมเดล 3 มิติ และระบบ AI ในการช่วยหาสาเหตุ
    .
    ทีมนักวิจัยจาก Skolkovo Institute of Science and Technology’s Center for Hydrocarbon Recovery จาก Moscow บินโดรนลงไปในหลุมไปถึงที่ความลึก 10-15 เมตร จนสามารถจับภาพลักษณะต่าง ๆ ของหลุมนี้ได้ 80 กว่าภาพ และนำมันไปสร้างเป็นโมเดล 3 มิติต่อ
    .
    Igor Bogoyavlensky ผู้วิจัยและผู้บังคับโดรนนี้เผยว่า เขาต้องนอนอยู่ตรงขอบหลุมยักษ์ และห้อยแขนสองข้างเหนือปากปล่องเพื่อควบคุมโดรน “กว่า 3 รอบที่เราเกือบทำมันหาย แต่เราก็ประสบความสำเร็จจนได้โมเดล 3 มิติมา”
    .
    โมเดลจำลองแสดงให้เห็นว่ามีโพรงที่มีลักษณะผิดปกติอยู่ส่วนล่างของหลุม ซึ่งโพรงเหล่านี้ยืนยันสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เคยตั้งสมมติฐานไว้ นั่นก็คือ ก๊าซมีเทนก่อตัวขึ้นในโพรงจนทำให้เกิดเนินดินขึ้น ซึ่งเนินดินก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่จะเกิดระเบิดกลายเป็นหลุมยักษ์
    .

    สิ่งนี้อาจเชื่อมโยงกับโลกร้อนเพราะว่า ในบริเวณอาร์กติกหน้าร้อนร้อนขึ้นเป็นสองเท่า ชั้นดินเยือกแข็งคงตัวกลับบางลง ไม่สามารถทำหน้าเป็นฝาก๊อกปิดไม่ให้ก๊าซหลบหนีออกมาได้ดีเท่าเดิม อีกทั้ง ผู้เชี่ยวชาญบางคนประเมินว่าดินในบริเวณดังกล่าวเก็บคาร์บอนได้มากถึงสองเท่าของชั้นบรรยากาศด้วย ดังนั้น ภูมิภาคนี้จึงถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    .
    ถึงแม้ว่าหลุมนี้จะปรากฎขึ้นมาในพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีผู้คนอยู่อาศัย มันก็ก่อให้เกิดความเสี่ยงสำหรับชนพื้นเมืองในบริเวณ และเป็นภัยต่อโครงสร้างน้ำมันและก๊าซ
    .
    หลุมเหล่านี้มักถูกค้นพบโดยบังเอิญโดยการสำรวจทางเฮลิคอปเตอร์ หรือโดยฝูงกวางเรนเดียร์
    .
    Sue Natali จาก Woodwell Climate Research Center และหนึ่งในผู้เขียนงานวิจัยเผยว่า “หลุมยักษ์และการระเบิดอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพื้นดินในบริเวณถือว่าเป็นตัวชี้วัดของอุณภูมิโลกที่สูงขึ้น
    และการละลายอาร์กติก ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงต่อผู้อยู่อาศัยในอาร์กติก และทั่วโลก”
    .
    Source:
    1. https://edition.cnn.com/.../siberia-craters.../index.html...

    2. https://edition.cnn.com/.../craters-tundra.../index.html
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ANIMAL: ฉลาดได้ใจสาวไปครอง นักวิจัยพบนกแก้วหงส์หยกใช้ความฉลาดเป็นปัจจัยในการหาคู่
    .
    จากผลการวิจัยที่เพิ่งตีพิมพ์ นักวิทยาศาสตร์พบว่า “นกแก้วหงส์หยกตัวเมียจะให้ความสนใจมากขึ้นต่อนกแก้วหงส์ตัวผู้ที่แก้ปัญหาได้เก่งกว่า” เอาหล่ะหนุ่ม ๆ เรามีความหวังกันแล้ว (นกแก้วหงส์หนก, Budgerigars)
    .
    โดยนักวิจัยได้ทำการทดลองที่ตั้งอยู่บนสมมุติฐานง่าย ๆ ว่า “ความฉลาด (Smart) นั้นเป็นปัจจัยในการเลือกคู่ของนกชนิดนี้หรือไม่” พวกเขาทดลองโดยใช้นกสองกลุ่ม กลุ่ม 1 เป็นกลุ่มทดลอง มีนกแก้วหงส์หยกตัวผู้ 18 ตัว ตัวเมีย 9 ตัว กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มควบคุมโดยมีตัวผู้ 16 และตัวเมีย 8
    .
    การที่ตัวผู้มีจำนวนมากกว่าตัวเมีย 2 เท่านั้นมีเพื่อสร้างเงื่อนไขว่าให้ตัวเมียสามารถเลือกได้ 2 ตัวเลือก และกลุ่มทดลองจะเป็นกลุ่มที่มีการฝึกนกแก้วหงส์หยกตัวผู้ให้แก้ไขปัญหา ในขณะที่กลุ่มควบคุมไม่ได้ฝึก
    .
    การทดลองแรก นักวิจัยแยกนกแต่ละตัวใส่กล่องใสตัวละกล่อง และทำการวางกล่องจับคู่ตัวเมีย 1 ตัวต่อตัวผู้ 2 ตัว ให้นกได้ทำความรู้จักกัน และดูว่าตัวเมียนั้นให้ความสนใจกับตัวผู้ตัวไหนมากกว่ากันทำทั้งสองกลุ่ม (กลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง) เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนพวกเขาจะนำตัวผู้ที่ได้รับ “ความสนใจน้อยกว่า” ในกลุ่มทดลองมาฝึกแก้ปัญหาพัสเซิลโดยรางวัลที่ได้จากการแก้ปัญหาคือ อาหาร (รายละเอียดและรูปแบบการแก้ปัญหาสามารถดูได้ในงานวิจัย)
    .
    หลังจากนั้นเมื่อทำการฝึกเรียบร้อย พวกเขาจะนำกล่องไปวางไว้เช่นเดิมโดยนกหงส์หยกตัวผู้จะทำการแก้ปัญหาที่ได้รับการฝึกมานั้นให้ตัวเมียได้ชม
    .
    การทดลองที่ 2 เช่นเดียวกับกลุ่มทดลอง พวกเขานำนกมาทำความรู้จักกัน และสังเกตุว่าตัวเมียสนใจตัวผู้ตัวไหนมากกว่ากัน แต่ความแตกต่างคือพวกเขาไม่ได้ฝึกการแก้ปัญหาให้กับกลุ่มควบคุม แต่จะโยนปัญหาให้กับตัวผู้ทั้งหมด และให้ตัวเมียได้ดูตัวผู้ทั้งสองแก้พัสเซิลนั้น
    .
    เมื่อเรียบร้อยก็ได้นำข้อมูลทั้งสองกลุ่มมาเปรียบเทียบกัน ผลลัพธ์ที่ได้นั้นตามหัวข้อที่เราได้กล่าวไว้ นกแก้วหงส์หยกได้เพิ่มความสนใจให้กับตัวผู้ที่แก้ปัญหาได้มากกว่า 90% นั่นหมายความว่า “ความฉลาดในการแก้ปัญหาคือหนึ่งในปัจจัยของการเลือกคู่ของนักแก้วหงส์หยก และเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลสูงด้วย”
    .
    นกแก้วหงส์หยกนั้นเป็นนกที่จะมีคู่เดียวไปตลอดชีวิต และต้องอยู่เป็นคู่เท่านั้น ความฉลาดจึงกลายเป็นปัจจัยในการเลือกคู่ที่จะมาแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตคู่ของพวกมัน ความฉลาดจึงถูกคัดเลือกมาโดยธรรมชาติ
    .
    จะว่าไปแล้วเคยมีคำกล่าวที่ว่า “ความฉลาดนั้นเป็นความเซ็กซี่อย่างหนึ่ง” และก็มาคนจำพวก “Sapiosexual” บุคคลที่หลาย ๆ ครั้งสนใจ ชื่นชอบ หรือตกหลุมรักบุคคลที่ “ดูฉลาด” ทั้งด้านอารมณ์ จิตใจ การพูดที่ฉลาด ความคิดที่ฉลาด การควบคุมอามรณ์ที่ฉลาด สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งนอกจากซิคแพค ต่อให้จะหล่อ สวย รวย หุ่นดี หรือกล้ามแน่นเพียงใด หาก “ไม่ฉลาด” คะแนนก็ติดลบได้เช่นกัน ซึ่งมีมากมายที่เป็นตัวอย่างให้เราเห็น
    .
    นกแก้วหงส์หยกก็เหมือนมนุษย์ มันนำเอาความฉลาดเข้ามาเป็นปัจจัยในการเลือกคู่เพื่อที่มันจะมีชีวิตคู่ที่ดีตลอดไป นกยังเลือกแฟนฉลาด แล้วเราก็ต้องฉลาดเลือกแฟนเช่นกันนะ
    .
    เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่มี “ความฉลาด” นะครับ : )
    .
    Source :
    1. https://www.pbs.org/.../world-parrots-nerdy-guys-get.../...

    2. https://science.sciencemag.org/content/363/6423/166

    เรียบเรียง : Witit
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯ กลับเข้าร่วม ‘ความตกลงปารีส’ สู้โลกร้อนอย่างเป็นทางการ
    .
    ประธานาธิบดี โจ ไบเดน นำสหรัฐอเมริกากลับเข้าร่วมความตกลงปารีส (Paris Agreement) อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) พร้อมทั้งให้คำมั่นสัญญาว่ารัฐบาลของเขาจะให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ กับการแก้ไขปัญหาโลกร้อน
    .
    เพียง 1 เดือนหลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ไบเดน ได้นำอเมริกาซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่โตที่สุดและเป็นผู้ปลดปล่อยคาร์บอนอันดับ 2 ของโลก กลับเข้าร่วมความตกลงนานาชาติที่มุ่งรณรงค์ปกป้องโลกใบนี้จากวิกฤตอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
    .
    การกลับมาของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ทำให้ความตกลงปารีสกลับมาสมบูรณ์แบบ และมีรัฐภาคีเกือบจะครบทุกประเทศทั่วโลก หลังจากที่รัฐบาลอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างแข็งขันเคยนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกไปเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยอ้างว่าเงื่อนไขในความตกลงปารีส “ไม่เป็นธรรม” ต่ออเมริกา
    .
    ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในเวทีการประชุมด้านความมั่นคงมิวนิก (Munich Security Conference) ไบเดน ได้เรียกร้องให้พันธมิตรในยุโรปยกระดับความพยายามเป็น 2 เท่าในการต่อสู้ปัญหาความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก
    .
    “ในการแก้ไขปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เราไม่อาจที่จะประวิงเวลาให้ล่าช้า หรือทำในสิ่งที่เล็กน้อยที่สุดได้อีกต่อไป” ไบเดน กล่าว “นี่คือวิกฤตที่เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดสากล เราทุกคนจะได้รับผลกระทบจากมัน”
    .
    ด้าน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ชี้ว่า “ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและการทูตเชิงวิทยาศาสตร์จะต้องไม่เป็นเพียงแค่ส่วนเสริม (add-ons) ของการเจรจานโยบายต่างประเทศของพวกเราอีกต่อไป”
    .
    “นโยบายทั้งในและต่างประเทศจะต้องให้ความสำคัญกับการรับมือภัยคุกคามจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และการรับฟังคำแนะนำจากนักวิทยาศาสตร์ มันจะเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดนโยบายทั้งด้านความมั่นคง, ผู้อพยพ, การส่งเสริมสุขภาพนานาชาติ ตลอดจนในการเจรจาด้านเศรษฐกิจและการค้า”
    .
    ไบเดน มีแผนที่จะจัดการประชุมซัมมิตสภาพอากาศในวันที่ 22 เม.ย. ซึ่งตรงกับวันคุ้มครองโลก (Earth Day) ขณะที่ จอห์น เคร์รี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศในยุค บารัค โอบามา ซึ่งเวลานี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตพิเศษด้านปัญหาสภาพอากาศของสหรัฐฯ ก็เรียกร้องให้ทั่วโลกยกระดับเป้าหมายในการต่อสู้โลกร้อน ระหว่างการประชุมด้านสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองกลาสโกว์ (Glasgow) ของสกอตแลนด์ในเดือน พ.ย. นี้
    .
    ไบเดน ให้สัญญาว่าทำให้อุตสาหกรรมพลังงานของสหรัฐฯ “เป็นศูนย์ทางคาร์บอน” ภายในปี 2035 และจะขยายเป้าหมายดังกล่าวให้ครอบคลุมเศรษฐกิจทั้งระบบภายในปี 2050
    .
    ความตกลงปารีสกำหนดเป้าหมายควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม และจะพยายามไม่ให้เพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม เป้าหมายที่ระบุไว้ไม่ได้มีผลบังคับในทางกฎหมาย และแต่ละประเทศมีสิทธิ์ที่จะกำหนดมาตรการของตนเองขึ้นมา ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ทั้ง โอบามา และ เคร์รี ให้การสนับสนุน
    .
    การรณรงค์แก้ปัญหาโลกร้อนได้รับแรงสนับสนุนทางการเมืองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังปรากฏสัญญาณเด่นชัดขึ้นว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเริ่มส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ โดยเมื่อเร็วๆ นี้มีงานวิจัยซึ่งพบว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติอันเกิดจากสภาพอากาศสุดขั้วได้คร่าชีวิตประชากรโลกไปแล้ว 480,000 คนในช่วงศตวรรษนี้
    .
    ที่มา: เอเอฟพี
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อเมริกาวิตก!จีนใช้กฎหมายใหม่ อนุญาตชัดครั้งแรกให้ยามชายฝั่งยิงเรือต่างชาติ

    สหรัฐฯมีความกังวลต่อความเคลื่อนไหวของจีนที่เพิ่งบังคับใช้กฎหมายยามชายฝั่งฉบับใหม่เมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งอาจขยายข้อพิพาททางทะเล และนำมาซึ่งการกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ที่ไม่ชอบธรรม จากความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาเมื่อวันศุกร์(19ก.พ.)

    จีน ซึ่งมีข้อพิพาทด้านอำนาจอธิปไตยทางทะเลกับญี่ปุ่นในทะเลญี่ปุ่น และกับหลายชาติเอเซียนในทะเลจีนใต้ ผ่านกฎหมายใหม่ฉบับหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอนุญาตอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก ให้ยามชายฝั่งมีอำนาจยิงเรือต่างชาติ

    เนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวระหว่างแถลงสรุปว่า วอชิงตัน "รู้สึกกังวลต่อภาษาในกฎหมาย ซึ่งสัมพันธ์อย่างโจ้งแจ้งเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการใช้กำลัง ในนั้นรวมถึงกำลังติดอาวุธ โดยยามชายฝั่งจีน เพื่อเสริมคำกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ของจีน และสหรัฐฯยังคงรู้สึกกังวลต่อข้อพิพาททางอาณาเขตและทางทะเลที่กำลังดำเนินอยู่ ทั้งในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้"

    เขาบอกว่าภาษาที่ใช้ในกฎหมายนี้อาจถูกใช้ข่มขู่บรรดาเพื่อนบ้านทางทะเลของจีน" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯระบุ "เรากังวลยิ่งขึ้นว่าจีนอาจใช้กฎหมายใหม่นี้เพื่อเน้นย้ำคำกล่าวอ้างทางทะเลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในทะเลจีนใต้ ซึ่งถือเป็นการปฏิเสธโดยสิ้่นเชิงต่อคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการในปี 2016" อ้างถึงคำพิพากษาระหว่างประเทศ ที่ให้ฟิลิปปินส์เป็นฝ่ายชนะ กรณีข้อพิพาทในทะเลจีนใต้กับจีน

    ไพรซ์ ระบุว่าสหรัฐฯขอย้ำถึงคำแถลงเมื่อเดือนกรกฎาคมปีก่อน ซึ่ง ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ณ ขณะนั้น ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของจีน โดยบอกว่าคำกล่าวอ้างของปักกิ่งในการเป็นเจ้าของทรัพยากรนอกชายฝั่งเกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้นั้น "ไม่ชอบธรรมโดยสิ้นเชิง"

    โฆษกรายนี้บอกว่า "สหรัฐฯยืนหยัดอย่างหนักแน่นในพันธสัญญาที่มีต่อพันธมิตร ทั้งกับญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์"

    สหรัฐฯมีสนธิสัญญากลาโหมร่วมกับญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์หลายฉบับ และบ่อยครั้งที่ลาดตระเวนทางเรือในภูมิภาคแถบนี้ ในการแสดงจุดยืนท้าทายคำกล่าวอ้างทางทะเลอันเลยเถิดของจีน
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯจี้กองทัพพม่าอย่าใช้ความรุนแรง-คายอำนาจ หลังตายแล้ว1ศพเซ่นประท้วงต้านรัฐประหาร

    สหรัฐฯเมื่อวันศุกร์(19ก.พ.) เรียกร้องกองทัพพม่าอดทนอดกลั้นจากการใช้ความรุนแรงใดๆ และยอมสละอำนาจ หลังมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 รายท่ามกลางการประท้วงต่อต้านรัฐประหาร

    "เราประณามการใช้ความรุนแรงใดๆกับประชาชนชาวพม่า และเน้นย้ำข้อเรียกร้องของเราต่อกองทัพพม่า ให้อดทนอดกลั้นจากการใช้ความรุนแรงใดๆกับบรรดาผู้ประท้วงที่ชุมนุมกันอย่างสันติ" เนด ไพรซ์ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว

    เขาระบุต่อว่า "สหรัฐฯจะยังคงเป็นแกนนำในความพยายามทางการทูต หล่อหลอมประชาคมนาชาติให้ร่วมกันดำเนินการกับพวกที่ต้องรับผิดชอบการรัฐประหารในครั้งนี้"

    กองทัพพม่าโค่นอำนาจนางอองซานซูจี ผู้นำพลเรือน เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นำมาซึ่งการชุมนุมใหญ่เรียกร้องคืนสู่ประชาธิปไตย แม้คณะรัฐประหารมีความพยายามตัดการสื่อสารต่างๆก็ตาม

    การชุมนุมในกรุงเนปิดอว์ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ เลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรง หลังตำรวจยิงกระสุนยางเข้าใส่ผู้ประท้วง และมีผู้ชุมนุมรายหนึ่ง มยา ตะเว ตะเว ไคง์ อายุ 20 ปี ได้รับบาดเจ็บจากการโดนยิงด้วยกระสุนจริง ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในสภาพหมดสติ และในวันศุกร์(19ก.พ.) มีคำยืนยันแล้วว่าเธอเสียชีวิตแล้ว

    แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯระบุว่าอเมริกา ซึ่งกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานพม่าของตนเองไปแล้ว หวังว่าประชาคมนานาชาติจะร่วมมือกันเพิ่มแรงกดดันถาโถมเข้าใส่คณะรัฐประหาร

    "ต้องใช้เวลาออกแรงอีกสักระยะกว่าจะรับรู้ถึงแรงกดดัน" เขาให้สัมภาษณ์กับบีบีซี เวิลด์ นิวส์ "ผมหวังว่าจะมีประเทศต่างๆมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมรับสิ่งนี้ เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงจากกองทัพ"

    "ความจริงที่เจ็บปวดของเรื่องนี้คือกระบวนการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยต้องสะดุดลง" เขากล่าว "ประชาคมนานาชาติจำเป็นต้องพูดให้ชัดเจนเป็นเสียงเดียวกันว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้"
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลงทุนขนาดนี้!2สาวสหรัฐฯปลอมตัวเป็นคนแก่ แซงคิวเข้าฉีดวัคซีนโควิด-19

    หญิงสาว 2 คนถูกจับได้ขณะกำลังพยายามเข้ารับวัคซีนโควิด-19 โดสสอง ด้วยการปลอมตัวของ "คนแก่" จากการเปิดเผยของผู้อำนวยการกระทรวงสาธารณสุขรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ สาขาออเรนจ์ เคาน์ตี เมื่อวันพฤหัสบดี(18ก.พ.)

    นายแพทย์ราอูล พิโน ผู้อำนวยการกระทรวงสาธารณสุขรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ สาขาออเรนจ์ เคาน์ตี เปิดเผยระหว่างแถลงข่าวว่าผู้หญิงทั้ง 2 คน อายุ 44 ปี และ 34 ปี เดินทางมาที่ศูนย์ฉีดวัคซีน ปลอมตัวเป็นคนแก่ โดยสวมหมวกบอนเน็ต ถุงมือและแว่นตา ในความพยายามเข้ารับวัคซีนโดสที่ 2

    พิโนระบุว่าผู้หญิงทั้ง 2 คน มีบัตรวัคซีนอย่างถูกต้องสำหรับวัคซีนโดสแรก และพวกเขาลงทุนปลอมตัว หลังถูกปฏิเสธวัคซีนโดสที่ 2 เนื่องจากมีประเด็นปัญหาเกี่ยวกับบัตรประจำตัว

    เบื้องต้นบรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังไม่ทราบว่าผู้หญิงทั้ง 2 คนเข้าถึงวัคซีนโดสแรกด้วยวิธีการไหน แต่สื่อมวลชนตั้งข้อสงสัยว่าบางทีพวกเขาอาจใช้การปลอมตัวเช่นกัน แม้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่ยืนยันในเรื่องนี้

    ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้กระทรวงสาธารณสุขฟลอริดายกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยรอบๆสถานที่ฉีดวัคซีน "มันคือผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นที่ต้องการมากที่สุดในตอนนี้" พิโนกล่าว "เราจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างที่สุด สำหรับเงินทุนและทรัพยากรต่างๆที่เราได้รับมอบมา"

    สำนักงานนายอำเภอออเรนจ์ เคาน์ตี ยืนยันกับซีเอ็นเอ็นว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแจ้งมายังสำนักงานฯ ขอให้ออกคำเตือนถึงผู้หญิง 2 รายดังกล่าว ว่าพวกเธอกำลังทำผิดกฎหมาย เนื่องจากวันเดือนปีเกิดของพวกเธอไม่ตรงกับที่พวกเธอลงทะเบียนไว้สำหรับเข้ารับวัคซีน แม้ชื่อจะตรงกัน

    อย่างไรก็ตามสำนักงานนายอำเภอปฏิเสธให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ในนั้นรวมถึงกรณีที่ว่าผู้หญิงทั้ง 2 คนปลอมตัวจริงหรือไม่ หรือพวกเขาแต่งตัวอย่างไร

    ปัจจุบัน รัฐฟลอริดาวางลำดับความสำคัญฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้คนสูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไปเป็นกลุ่มแรกๆ เช่นเดียวกับผู้พักอาศัยถาวรตามบ้านพักคนชราทั้งหลาย รวมถึงเจ้าหน้าที่หรือบุคคลากรด้านสาธารณสุขที่สัมผัสโดยตรงกับผู้ติดเชื้อ

    (ที่มา:ซีเอ็นเอ็น)
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข่าวดี!ผลทดสอบพบวัคซีนโควิด-19ของไฟเซอร์สามารถจัดเก็บในอุณหภูมิอุ่นกว่าที่คิด

    ไฟเซอร์แห่งสหรัฐฯและไบโอเอ็นเทคจากเยอรมนี เปิดเผยในวันศุกร์(19ก.พ.) ว่าผลการทดสอบพบวัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของพวกเขา สามารถคงประสิทธิภาพอยู่ได้ในอุณหภูมิอุ่นกว่าที่คิดไว้ในเบื้องต้น ซึ่งเป็นไปได้ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและความท้าทายด้านโลจิสติกส์ของการฉีดวัคซีนต่อต้านโควิด-19 อย่างกว้างขวาง

    ทั้งสองบริษัทบอกว่าจะขอให้สำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ อนุญาตจัดเก็บวัคซีนสูงสุด 2 สัปดาห์ ณ ความเย็นที่ -25 ถึง -15 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่สามารถพบได้ทั่วไปในตู้แช่เวชภัณฑ์ยาและตู้เย็นทางการแพทย์

    ภายใต้กรอบคำแนะนำในปัจจุบัน วัคซีนของไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค จำเป็นต้องจัดเก็บในอุณหภูมิเยือกแข็ง -80 ถึง -60 องศาเซลเซียส จนกว่าจะถึง 5 วันก่อนใช้งาน กระบวนการละเอียดอ่อนที่จำเป็นต้องใช้ตู้สินค้าความเย็นสุดขั้วสำหรับส่งมอบและต้องใช้น้ำแข็งแห้งสำหรับจัดเก็บ

    "หากได้รับการอนุมัติ ทางเลือกใหม่สำหรับการจัดเก็บนี้จะช่วยบริษัทยาต่างๆและศูนย์ฉีดวัคซีนทั้งลาย มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ในแนวทางบริการจัดการกับเสบียงวัคซีน" อัลเบิร์ต โบร์ลา ซีอีโอของไฟเซอร์กล่าวในถ้อยแถลง

    วัคซีนของไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค ซึ่งใช้เทคโนโลยี mRNA เป็นวัคซีนต้านโควิด-19 ตัวแรกที่ได้รับอนุมัติจากบรรดาชาติตะวันตกในช่วงปลายปีที่แล้ว

    จากนั้นก็ตามด้วยวัคซีนของโมเดอร์นา บริษัทยาสัญชาติสหรัฐฯ ซึ่งใช้เทคโนโลยีเดีวกัน แต่สามารถคงประสิทธิภาพได้ ณ อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 6 เดือน และในอุณหภูมิตู้เย็นปกติ เป็นเวลาสูงสุด 30 วัน

    ส่วนวัคซีนอีกตัวที่ได้รับความเห็นชอบ ได้แก่วัคซีนที่พัฒนาโดยแอสตราเซเนกากับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งใช้เทคโนโลยีแบบดั้งเดิม สามารถจัดเก็บและส่งมอบในอุณหภูมิตู้เย็นมาตรฐานทั่วไป

    อูกูร์ ซาฮิน ซีอีโอของไบโอเอ็นเทค เผยว่าไบโอเอ็นเทคและไฟเซอร์ จะเดินหน้าทำงานในการค้นหาสูตรใหม่ๆ "ที่จะช่วยให้วัคซีนของเราขนส่งและใช้งานได้ง่ายขึ้น"

    นอกจากนี้แล้วทางบริษัทยังเผยด้วยว่าพวกเขาได้เริ่มทำการทดลองวัคซีนโควิด-19 ในคนตั้งครรภ์ที่มีสุขภาพแข็งแรงแล้ว

    การทดลองดังกล่าวเกี่ยวข้องกับหญิงตั้งครรภ์ราว 4,000 คน ในสหรัฐฯ แคนาดา อาร์เจนตินา ชิลี โมซัมบิก แอฟริกาใต้ สหราชอาณาจักรและสเปน

    ขณะเดียวกันในรายงานแยกกัน ผลการศึกษาหนึ่งที่มุ่งเน้นไปที่เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์มากกว่า 9,000 คนในโรงพยาบาลเชบา ใกล้เทล อาวีฟ ประเทศอิสราเอล พบว่าโดสแรกของวัคซีนไฟเซอร์ มีประสิทธิภาพต่อต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ถึง 85% ในช่วงระหว่าง 2 ถึง 4 สัปดาห์ หลังการฉีด

    (ที่มา:รอยเตอร์ส)
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อจีนยุติการถือเอาสหรัฐฯเป็นแบบอย่าง หลังจากเคยทำท่าสนใจเดินตาม‘ประชาธิปไตยแบบตะวันตก’
    โดย ฟรานเชสโก ซิสซี
    กล่าวได้ว่าจีนมองอเมริกาในฐานะเป็นแบบอย่างของตนมาเป็นเวลายาวนานถึงราว 100 ปีทีเดียว ถึงแม้พวกสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนจำนวนมากพยายามต้านทานเสน่ห์ความยั่วยวนนี้ ทว่าตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ภาคการเงินโลกในปี 2008 ประชาธิปไตยสไตล์อเมริกันก็หมดมนตร์ขลังสำหรับแดนมังกร และนับแต่นั้นมาปักกิ่งก็ยิ่งมองเห็นหลักฐานสนับสนุนความถูกต้องของการตัดสินใจคราวนั้น รวมทั้งจากเหตุการณ์สาวกโดนัลด์ ทรัมป์ บุกโจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐฯในวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา
    <b>ทางเลือกและนโยบายต่างๆ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศของอเมริกัน สามารถส่งอิทธิพลต่อการตัดสินใจ, การกระทำ, และปฏิกิริยาต่างๆ ในปักกิ่ง </b>
    นโยบายต่างๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในอดีตที่ผ่านมา ไม่ใช่สิ่งซึ่งสลักจารึกเอาไว้อย่างตายตัวจนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ มาจนถึงเวลานี้มันก็ยังคงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ในความเป็นจริงแล้ว นโยบายต่างๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีการถูกผลักดันให้เดินหน้าไปหรือถอยหลังกลับ ตามความเห็นร่วมกันซึ่งพัฒนาคลี่คลายไป ณ ระดับคณะผู้ทรงอำนาจสูงสุด
    กระบวนการมุ่งไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยทางการเมือง (Political democratization) คือหนึ่งในนโยบายเหล่านี้ ถึงแม้นี่อาจจะไม่ได้หมายความถึง “ประชาธิปไตย” ในความหมายของทางตะวันตก ก่อนหน้าปี 2008 มีหนังสือภาษาจีนจำนวนมากเสนอแนวความคิดว่าด้วยกระบวนการมุ่งไปสู่ประชาธิปไตย หนึ่งในจำนวนนี้เสนอความคิดเห็นอย่างเปิดเผยว่า “ประชาธิปไตยคือสิ่งที่ดีสิ่งหนึ่ง เนื่องจากในบรรดาคุณค่าซึ่งสังคมมนุษย์เสาะแสวงหานั้นก็มีประชาธิปไตยรวมอยู่ด้วย ประชาธิปไตยมีค่าเพียงพอสำหรับให้เราแสวงหา”
    บัณฑิตยสภาทางสังคมศาสตร์ของจีน (Chinese Academy of Social Sciences หรือ CASS) ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยอย่างรอบด้านในเรื่องกระบวนการมุ่งสู่ประชาธิปไตยในเอเชีย และแม้กระทั่ง โรงเรียนพรรค (Party School) ซึ่งเป็นสถานที่อันทรงอิทธิพลที่สุดในเรื่องหลักทฤษฎีและการปฏิบัติของพรรค ก็ยังเปิดให้มีการอภิปรายถกเถียงกันเกี่ยวกับระบบหลายพรรคการเมืองในบางรูปแบบ
    แน่นอนทีเดียว มันไม่ได้มีอะไรที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนหรอก แต่มีการอภิปรายถกเถียงกันเยอะแยะทีเดียวในที่ต่างๆ ทั้งหมดเหล่านี้จะถือว่าเป็นเพียงการหลอกลวงพวกชาวต่างชาติผู้เซ่อซ่าเท่านั้นหรือ?
    ผมไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้นหรอก เนื่องจากสิ่งพิมพ์ทั้งหมดเหล่านี้ต่างเขียนกันเป็นภาษาจีน ดังนั้นจึงมุ่งหมายให้ผู้คนภายในประเทศจีนเองเป็นผู้อ่านผู้ดู ราวกับว่ากำลังเตรียมแผ้วถางทางเอาไว้ ตลอดจนกำลังทดสอบหยั่งดูสถานการณ์ สำหรับความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการปฏิรูปต่างๆ ในทางการเมือง
    ทั้งนี้ทั้งนั้น ตั้งแต่การตกลงจากอำนาจของ “แก๊ง 4 คน” ในปี 1976, การเคลื่อนไหวกำแพงประชาธิปไตยปี 1980, และทั้งหลายทั้งปวงจนกระทั่งหลังจาก การเคลื่อนไหวเทียนอันเหมินปี 1989 พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็อยู่ในสภาพเหมือนกำลังลูบๆ คลำๆ ความคิดว่าด้วยประชาธิปไตย และแทบจะถูกรบกวนทนทุกข์ทรมานจากความคิดในเรื่องเช่นนี้ด้วยซ้ำไป
    ไอเดียเรื่องนี้ในช่วงปีเหล่านั้นอยู่ในอาการขึ้นๆ ลงๆ แต่มักมีการเชื่อมโยงสัมพันธ์กับความอิจฉาริษยาเกี่ยวกับความสำเร็จของสหรัฐฯ, เกี่ยวกับประดาประเทศตะวันตกที่แสดงความเป็นประชาธิปไตยออกมาอย่างเห็นชัด, และเกี่ยวกับแบบอย่างเพื่อการก้าวผงาดขึ้นมาของจีน
    แต่แล้วคลื่นลมเช่นนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกผันไปอย่างมองเห็นได้ถนัด ภายหลังวิกฤตการณ์ภาคการเงิน (ของทั่วโลก) ในปี 2008 (หมายเหตุผู้แปล-ในประเทศไทยมีผู้นิยมเรียกความปั่นป่วนผันผวนซึ่งเริ่มต้นขึ้นในสหรัฐฯครั้งนั้นว่า วิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์) วิกฤตการณ์คราวนั้นได้พิสูจน์ให้ชาวจีนมองเห็นว่าระบบของสหรัฐฯใช้การไม่ได้ และที่สำคัญมากๆ ก็คือ ภายหลังวิกฤตการณ์ครั้งนั้น ยังไม่ได้มีการปรับปรุงยกเครื่องระบบกันอย่างมโหฬาร หรือมีการลงโทษเอาผิดพวกที่เป็นตัวการก่อปัญหา
    แน่นอนว่านี่เป็นวิธีคิดที่มีความเป็นจีนเอามากๆ เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้นมา ต้องมีใครบางคนซึ่งจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบและถูกลงโทษ แล้วนี่มันมีอะไรบางอย่างที่ดำเนินไปอย่างผิดพลาดชนิดมโหฬาร ทั้งกับสหรัฐฯ และกับระบบการเงินของสหรัฐฯ ดังนั้นใครละที่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ? มีการทำอะไรไปบ้างเพื่อแก้ไขจัดการกับปัญหาดังกล่าว?
    คำตอบคือ ไม่มีอะไรเลย อย่างไรก็ตาม บางทีสิ่งสำคัญอาจจะอยู่ที่การทำความเข้าใจถึงความคิดของชาวจีน ณ ช่วงขณะแห่งวิกฤตยิ่งยวดคราวนั้น
    ปรากฎว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมา มันแทบจะดับสูญกระแสลมซึ่งโบกพัดให้ประชาธิปไตยแล่นฉิวไปในเมืองจีนจนหมดสิ้น มันได้ทำลายเสน่ห์มนตร์ขลังของอเมริกาอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ บางทีอาจจะยาวนานถึงราว 100 ปีทีเดียว ที่อเมริกาได้เคยถูกมองให้เป็นแบบอย่างของจีน แม้ว่าพวกสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จำนวนมากพยายามต้านทานความยั่วยวนนี้ก็ตามที
    การที่สหรัฐฯมีชัยชนะเหนือสหภาพโซเวียต และในสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรกในปี 1990-1991 คือความสำเร็จที่ใหญ่โตยิ่ง ทว่าภายหลังอเมริกาเข้ารุกรานอิรักในปี 2003 และติดตามมาด้วยเรื่องยุ่งเหยิงมากมายจากการเข้าไปยึดครองประเทศนั้น ก็ทำให้เรื่องดูคลุมเครือน่ามึนงงขึ้นมาเยอะ อเมริกาสามารถสร้างเรื่องยุ่งเหยิงแย่ๆ ทบทวีขึ้นมาอย่างเลวร้ายถึงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน? ครั้นแล้ว ก็เกิดวิกฤตการณ์การเงินปี 2008 ซึ่งสร้างความตระหนกแตกตื่นให้แก่ปักกิ่งอย่างรุนแรง
    การย้อนรอยทบทวนสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องถูกต้องเหมาะสมพึงกระทำ ไม่ใช่เพียงเพื่อให้สามารถเกิดความตระหนักเข้าใจอย่างมั่นคงขึ้นมาว่า ความสนใจห่วงใยของคนจีนต่อประชาธิปไตยนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนประธานาธิบดีสี จิ้งผิง แล้ว รวมทั้งเพื่อให้เกิดความซาบซึ้งถึงเหตุผลสภาพแวดล้อมที่ฝ่ายอเมริกันถูกกล่าวหาว่า บังเกิด “ความหลงละเมอ” เกี่ยวกับการเปลี่ยนจีนให้กลายเป็นประชาธิปไตยขึ้นมาในเวลานั้น
    มันยังมีความสำคัญสำหรับการขบคิดถึงวิธีการต่างๆ ในการรับมือกับจีนในเวลานี้อีกด้วย ถ้าหากประชาธิปไตยแบบตะวันตกมีเสน่ห์ดึงดูดใจ และระบบของฝ่ายตะวันตกมีความแข็งแกร่งและทรงประสิทธิภาพแล้ว ทั้งหมดเหล่านี้ก็สามารถที่จะเป็นเครื่องมืออันสำคัญในการรับมือกับจีน
    <b>กรณีสาวกทรัมป์บุกโจมตีรัฐสภาวันที่ 6 มกราคม ทำให้จีนยิ่งมองเห็น “ความล้มเหลวของประชาธิปไตยอเมริกัน” </b>
    ไม่จำเป็นที่จะต้องบอกกันเลยว่า การสิ้นสุดวาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีการบุกเข้าโจมตีอาคาร “แคปิตอล” ของรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 นั้น ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น และอาจจะต้องเดินกันไปอีกยาวไกลทีเดียวกว่าที่จะสามารถฟื้นตัวกลับคืนมาได้อย่างเข้มแข็ง
    ประชาธิปไตยที่มีสุขภาพดี และตลาดซึ่งโปร่งใสและทรงประสิทธิภาพ จะไม่สามารถแก้ไขคลี่คลายปัญหายุ่งยากทั้งหมดที่ฝ่ายตะวันตกมีอยู่กับจีนหรอก ทว่ามันสามารถช่วยได้มากทีเดียว พวกสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นไม่ได้เป็นพวกคลั่งลัทธิอุดมการณ์กันเป็นบ้าเป็นหลังหรอก พวกเขาเป็นคนที่คำนึงถึงแต่ผลในทางปฏิบัติอย่างชนิดไม่แยแสอารมณ์ความรู้สึกทีเดียว (cynically practical people) เนื่องจากพวกเขาเป็นนักต่อสู้มุ่งเอาชีวิตรอดผู้บึกบึนเหนียวแน่น
    พวกเขาเคยผ่านช่วงเวลา 1 ทศวรรษ (ปี 1966-1976) แห่งการปฏิวัติทางวัฒนธรรม (Cultural Revolution) ที่โชกเลือด อันเป็นสงครามกลางเมืองซึ่งพวกเขาทรยศหักหลังแม่, พี่น้อง, และเพื่อนมิตรของพวกเขาเอง –และแม่, พี่น้อง, ตลอดจนเพื่อนมิตรของพวกเขาก็ทรยศหักหลังเขาด้วยเช่นกัน และพวกเขาก็ยังคงค้นพบการสนับสนุนและเพื่อนมิตรในที่ซึ่งพวกเขาคาดหวังเอาไว้น้อยนิดที่สุด
    ความผูกพันทั้งหลายทั้งปวงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถไว้วางใจได้ แต่สายสัมพันธ์ใหม่ๆ ก็จำเป็นต้องสร้างกันขึ้นมา และหนทางอย่างเดียวที่จะเคลื่อนที่ต่อไปข้างหน้าได้ก็คือการทำความตกลงกับปีศาจร้ายซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นความหายนะร้ายแรงนั้นทั้งหมด นั่นก็คือ พรรคคอมมิวนิสต์
    นี่เองอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำไมประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จึงชื่นชอบโปรดปรานวรรณกรรมเรื่อง “เฟาสต์” (Faust) ของ เกอเธ่ (Goethe) อย่างที่เขาได้บอกเล่าให้พวกผู้นำชาวเยอรมันทราบด้วยตัวเขาเอง จุดใหญ่ใจความสำคัญของเรื่อง เฟาสต์ ก็คือ: คุณต้องขายวิญญาณของคุณเพื่อที่จะมีชีวิตรอดต่อไป และวาดหวังว่าในท้ายที่สุดเทวดาจะมาช่วยเหลือคุณให้รอดพ้นจากนรก
    เรื่องนี้บอกให้คุณทราบว่า คุณจะต้องคำนึงถึงผลทางปฏิบัติให้มากๆ โดยไม่แยแสสนใจต่ออารมณ์ความรู้สึก กล่าวคือ ถ้าหากมันใช้การได้ มันก็คือใช้การได้ ถ้าหากมันใช้การไม่ได้ มันก็คือเลวเกินไป หลักการต่างๆ เป็นสิ่งที่ไม่ต้องนำมาคำนึง หรือถ้าหากคุณปรารถนา ก็สามารถคำนึงเอาไว้สักเล็กน้อยได้ แต่ใช่หรือไม่ว่าการเมืองก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ว่าที่ไหนไม่ว่าเมื่อใด? ผู้คนขบคิดใคร่ครวญกันอย่างนี้ในปักกิ่ง
    หลังจากปี 2008 และจวบจนกระทั่งถึงวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ข้อสรุปที่พวกเขาได้ออกมาก็คือ: ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่โดยทั่วไปแล้วใช้การไม่ได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งมันใช้การไม่ได้สำหรับเรา ถ้าหากสหรัฐฯและฝ่ายตะวันตกต้องการที่จะรับมือกับจีนอย่างทรงประสิทธิภาพแล้ว พวกเขาจะต้องแก้ไขคลี่คลายประเด็นนี้ –ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องเล็กๆ เลย
    <b>แล้วเรากำลังอยู่ในโลกแบบไหนเวลานี้ ? จีนคิดหรือเปล่าที่จะค่อยๆ พิชิตปกครองโลกภายในระยะเวลายาวนานหน่อยแบบการวิ่งมาราธอน </b>
    ถ้าอย่างนั้นแล้ว เวลานี้เรากำลังอยู่ในโลกแบบไหน? ตรงนี้เรื่องเจตนารมณ์ความตั้งใจเป็นสิ่งสำคัญอย่างแน่นอน ขณะที่พวกแผนการต่างๆ ก็เป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ ฝ่ายจีนคิดเอาไว้ในใจหรือเปล่าที่จะเข้าพิชิตปกครองทั่วทั้งโลกนี้ภายในระยะเวลาอันยื้อยาวแบบการวิ่งมาราธอน อย่างเช่นสักภายในเวลา 100 ปี [4] เฉกเช่นที่ ฮิตเลอร์ เคยต้องการที่จะกำราบปราบปรามพวกศัตรูทั้งหมดของเขา --ไม่ว่าจะเป็นศัตรูจริงๆ หรือในจินตนาการก็ตามที— แต่อยากจะกระทำให้เสร็จภายในระยะเวลาอันเร่งรัดแบบวิ่งรวดเดียวจบ นั่นคือแค่ 3 ปี?
    มันไม่มีหนทางไหนหรอกที่จะสามารถพิสูจน์ยืนยันเรื่องนี้ได้อย่างหนักแน่น หรือปฏิเสธบอกปัดเรื่องนี้ได้อย่างมั่นคง ทว่าบางทีภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์อาจจะช่วยให้เราสามารถพยากรณ์อนาคตกันได้บ้าง
    จีนนั้นเป็นรัฐเดี่ยวซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด บนทวีปที่มีประชากรมากที่สุดและกำลังเติบโตรวดเร็วที่สุด รวมทั้งยังเป็นรัฐที่มีการเกาะตัวภายในอย่างเหนียวแน่นอีกด้วย ใช่ครับ อินเดียมีแนวโน้มที่จะมีจำนวนประชากรแซงหน้าสูงกว่าจีน กระนั้นชาวจีนจำนวนมากยังคงข้องใจสงสัยว่า อินเดียถือเป็นประเทศที่มีการเกาะเกี่ยวภายในอย่างเหนียวแน่นได้หรือเปล่า อินเดียแตกแยกทั้งด้วยการที่มีภาษาหลายสิบภาษา, มีวรรณะต่างๆ อย่างน้อยที่สุดสิบกว่าวรรณะ, และมีศาสนายิ่งใหญ่ 2 ศาสนา นั่นคือ อิสลาม และฮินดู ซึ่งเกิดสงครามรบราระหว่างกันไม่หยุดไม่หย่อน
    แม้กระทั่งในศาสนาฮินดู ซึ่งถือเป็นศาสนาและวัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดของอนุทวีปอินเดีย ก็ไม่ได้เป็นอย่างเดียวกันไปเสียทั้งหมด ประชาชนชาวดราวิเดียนทางภาคใต้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนจากพวกชาวอินโด-ยูโรเปียนของภาคเหนือ แล้วยังมีประชาชนชาวชนเผ่าต่างๆ ซึ่งพำนักอาศัยกันตามเขตภูเขาและเกิดปัญหาความไม่สงบอยู่บ่อยครั้ง ผู้คนเหล่านี้บางส่วนอาจจะกลายเป็นนักลัทธินิยมเหมา เจ๋อตง (เหมาอิสต์ Maoist) คนสุดท้ายบนพื้นพิภพนี้ก็เป็นได้
    พวกคนจีนคิดกันว่า อินเดียไม่สามารถที่จะประชันขันแข่งกับประเทศชาติของตน ซึ่งประชากร 95% อ้างได้ว่าอยู่ในกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกัน นันคือ ชาวฮั่น ขณะที่ชนกลุ่มน้อยอีก 55 กลุ่มที่เหลือนั้นโดยพื้นฐานแล้วอยู่ในสภาพที่ถูกกลืน และพวกกลุ่มที่ยังคงเกิดความไม่สงบอยู่ ซึ่งก็มีเพียงชาวอุยกูร์ และชาวทิเบต รวมกันแล้วมีจำนวนไม่ถึง 1% ของประชาชนทั่วประเทศจีน
    เมื่อเป็นดังนั้น จากตรงนี้เองจึงเกิดการอนุมานอย่างภววิสัย (objective deduction) อย่างหนึ่งขึ้นมา ถ้าหากจีนสามารถยืนหยัดเอาไว้ได้อย่างมั่นคงและมีความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ก็จะสามารถบังคับใช้การปกครองและการควบคุมของตนในทางพฤตินัย ไปตลอดทั่วทั้งเอเชีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของประชากร 60% ของทั่วโลก และเป็นบ้านเกิดของการเติบโตขยายตัวทางเศรษฐกิจจำนวนมากมาย
    จากตรงนั้น จีนสามารถที่จะครอบงำเหนือทั้งโลกได้โดยไม่ต้องเสียเวลาอะไร และแทบไม่ต้องใช้ความพยายามเลยโดยเปรียบเทียบ การปกครองด้วยอำนาจของจีนสามารถที่จะเป็นอย่างเดียวกันกับที่เคยทำมาในครั้งอดีตเก่าก่อน นั่นคือ ใช้ทั้งอำนาจและความเมตตากรุณา โดยใช้ 2 อย่างนี้กระจายตัวผิดแผกกันไปตามแต่ความสะดวกเหมาะสม นี่ก็คือ จีนสามารถนำเอาวิสัยทัศน์แบบจักรวรรดิตามประเพณีดั้งเดิมของตนเองมาประยุกต์ใช้กับโลกในปัจจุบันได้
    <b>แล้วจีนคิดถูกหรือเปล่า? สหรัฐฯสามารถที่จะพลิกเกมได้หรือไม่เพื่อพิสูจน์ว่าวิสัยทัศน์ของจีนนั้นไม่ถูกต้อง?</b>
    เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คำถามที่แท้จริงจึงอยู่ที่ว่า จีนเป็นฝ่ายถูกต้องหรือไม่ในการวิเคราะห์เช่นนี้? ถ้าหากถูกต้อง ประวัติศาสตร์ก็อยู่ข้างพวกเขา และสิ่งที่จีนต้องทำก็คือการรับมือและฟันฝ่าพายุลูกต่างๆ ซึ่งถาโถมเข้ามาในปัจจุบัน เพราะในไม่ช้าก็เร็ว สิ่งต่างๆ จะต้องหันเหไปสู่เส้นทางของพวกเขา
    แต่ถ้าหากจีนเป็นฝ่ายผิดพลาด สหรัฐฯก็ควรต้องแสดงออกมาให้จีนมองเห็น ตรงนี้แหละที่ยังเป็นปริศนาซึ่งยากแก่การแก้ไขคลี่คลาย ในสหรัฐฯนั้น พวกเขาชอบคิดกันว่าโลกนี้เป็นของสหรัฐฯ ถ้าหากไม่ใช่ในทางนิตินัย ก็เป็นของสหรัฐฯในทางพฤตินัย ทว่าสหรัฐฯ “เป็นเจ้าของ” โลกที่ว่านี้ ไม่ใช่โดยผ่านโครงสร้างทางอำนาจ หากแต่ผ่านค่านิยมทางวัฒนธรรมและระเบียบกฎเกณฑ์ด้านตลาดและด้านการเมืองซึ่งเป็นที่ยอมรับนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายกว้างขวาง โดยที่มีการปฏิบัติการทางทหารเป็นตัวใช้อำนาจบังคับกันเป็นครั้งคราว
    สหรัฐฯคือผู้พิทักษ์ค่านิยมและระเบียบกฎเกณฑ์เหล่านี้ โดยมีสมมุติฐานกันด้วยว่า ค่านิยมและระเบียบกฎเกณฑ์พวกนี้เป็นสิ่งที่ดำรงคงอยู่อย่างเป็นอิสระและเป็นเอกเทศจากอำนาจของสหรัฐฯ
    อย่างไรก็ตาม ในขณะที่การพัฒนากำลังโยกย้ายออกไปจากสหรัฐฯเสียแล้วอย่างเช่นเวลานี้ อเมริกาก็กำลังสูญเสียแรงฉุดลากทางเศรษฐกิจไปให้แก่จีน ซึ่งตอนนี้คือผู้ที่ครอบครองแรงฉุดลากนี้อยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ที่สหภาพโซเวียตล่มลายลงไป สหรัฐฯโดยพื้นฐานแล้วได้ยกเลิกถอดวางอุปกรณ์ที่น่าเกรงขามที่สุดในอำนาจของตน ซึ่งปรากฏว่ามันก็เป็นอุปกรณ์อันทรงอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดของโรมโบราณด้วยเช่นกัน อันได้แก่การสร้างและการบ่มเพาะความเป็นพันธมิตรกับฝ่ายต่างๆ ด้วยรูปแบบหลายหลากนานา
    ยิ่งไปกว่านั้น สหรัฐฯยังมุ่งติดตามเสาะหาผลประโยชน์แห่งชาติของตนในลักษณะที่แทบทำให้พวกเขามีสภาพเหมือนกับชาติอื่นๆ ทั้งหลาย และถ้าสหรัฐฯกลายเป็นชาติๆ หนึ่งเหมือนๆ กับชาติอื่นๆ ไม่ได้มีฐานะเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิที่แผ่ขยายออกไปอย่างใหญ่โตกว้างขวางแล้ว โลกนี้ก็จะกลายเป็นทะเลเถื่อนที่ไม่มีใครปกครอง และจีนก็เป็นฝ่ายถูกต้องแล้วในการประพฤติตนอย่างที่กระทำอยู่ โดยพยายามหาประโยชน์หาความได้เปรียบอย่างเป็นภววิสัยจากสถานการณ์
    ถ้าหากสหรัฐฯต้องการที่จะพิสูจน์ให้ห็นว่าวิสัยทัศน์เกี่ยวกับโลกของจีนเป็นสิ่งซึ่งไม่ถูกต้องแล้ว สหรัฐฯก็จำเป็นที่จะต้องปรับปรุงยกระดับเศรษฐกิจของตนเอง, สร้างความป็นพันธมิตรในทุกๆ รูปแบบขึ้นมาใหม่ และถอยห่างงดเว้นจากการเข้าสู่ความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธที่สิ้นเปลืองเป่าประโยชน์อยู่บ่อยครั้ง
    ในความเป็นจริงแล้ว โลกไม่ใช่เป็นทะเลเถื่อนซึ่งสหรัฐฯเป็นเพียงแค่ชาติๆ หนึ่งเหมือนๆ กับชาติอื่นๆ แรงต่อต้านที่จีนประสบอยู่ใน “การแผ่ขยาย” ทางการค้าและทางเศรษฐกิจคือหลักฐานซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น –ไม่เช่นนั้นแล้วจีนก็อาจจะเข้าพิชิตสิ่งต่างๆ เอาไว้ได้ทั้งหมดทั้งสิ้นเรียบร้อยแล้ว
    สหรัฐฯอาจจะต้องการนำเอาจีนเข้าสู่ผิวนอกของระบบโลกที่ดำรงคงอยู่ในเวลานี้ อาจจะต้องการยกระดับระบบให้ทันกาลและล้ำยุค เรื่องนี้โดยตัวมันเองก็อาจกลายเป็นชนวนทำให้เกิดการถกเถียงอภิปรายกันรอบใหม่ในจีน เกี่ยวกับการแผ่ขยายออกสู่ภายนอกของจีนและเกี่ยวกับประชาธิปไตย
    ยิ่งไปกว่านั้น สหรัฐฯมีแผนอะไรเตรียมไว้หรือไม่ในเรื่องวิธีการที่จะทำให้จีนเข้าร่วมแสดงความรับผิดชอบ นี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับจีน และก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับโลกซึ่งกำลังคอยเฝ้าติดตามสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบๆ มหาอำนาจสองรายนี้
    ตรงนี้แหละสหรัฐฯจะถูกประณามสาปแช่ง ถ้าหากเดินหน้าเข้าประจันกับจีน เนื่องจากยืนยันได้ว่าจะต้องเกิดสงครามเย็นครั้งใหม่ขึ้นมา ในอีกทางหนึ่ง สหรัฐฯก็จะถูกประณามสาปแช่งเช่นกัน ถ้าหากถอยหลังและโค้งคำนับยอมรับจีนเป็นผู้ทรงอำนาจอันดับหนึ่งของโลกรายใหม่ ไม่ว่าจะออกมาในทางไหน โลกก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และส่วนอื่นๆ ของโลกก็จะต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    ไม่ว่าจะออกมาในทางไหน วิถีทางของอเมริกันในการมองดูโลกแบบที่ได้ใช้มาในช่วงหลังสงครามเย็นครั้งเก่า ก็เป็นอันต้องยุติจบสิ้นลงไปแล้ว
    จีนนั้นดูเหมือนตัดสินวินิจฉัยแล้วว่ากำลังเกิดสงครามเย็นครั้งใหม่ และตนเองจะต่อสู้และต่อต้านสงครามนี้ ทว่าบางทีเพียงแค่ต่อต้านอย่างธรรมดาก็ยังอาจจะไม่เพียงพอ เพราะโลกจะไม่ตกมาอยู่ในอ้อมอกของจีนอย่างง่ายๆ หรอก ถึงแม้สหรัฐฯและจักรวรรดิของสหรัฐฯได้เกิดการแตกทลายออกเป็นเสี่ยงๆ
    (จากเรื่อง When China stopped following the US by Francesco Sisci
    ใน เอเชียไทมส์ WWW.asiatimes.com)

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บริษัทสิงคโปร์ตัดสัมพันธ์กับพม่าหลังกองทัพก่อรัฐประหาร
    .
    .
    .
    รอยเตอร์ - บริษัทของสิงคโปร์ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ให้กับตำรวจพม่า กำลังระงับการทำธุรกิจเพิ่มเติมและได้ยกเลิกข้อตกลงกับสนามบินหลักของประเทศหลังกองทัพก่อรัฐประหาร ตามการเปิดเผยของบริษัท
    .
    บริษัท TRD Consulting เป็นหนึ่งในบริษัทหลายสิบแห่งในสิงคโปร์ ที่เป็นแหล่งการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของพม่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ตกเป็นเป้าของกลุ่มนักเคลื่อนไหวเนื่องจากการทำธุรกิจกับพม่า
    .
    การยึดอำนาจของกองทัพเมื่อวันที่ 1 ก.พ. และการควบคุมตัวประชาชนหลายร้อยคน รวมทั้งอองซานซูจี นำมาซึ่งการกำหนดมาตราการคว่ำบาตรและการชุมนุมประท้วงขนาดใหญ่
    .
    “เราไม่มีแผนที่จะจัดส่งผลิตภัณฑ์ต่อต้านอากาศยานไร้คนขับให้กับพม่าจนกว่าสังคมที่ชอบด้วยกฎหมายจะถูกจัดตั้งขึ้นใหม่” แซม ออง กรรมการผู้จัดการบริษัท TRD Consulting ระบุ
    .
    แซม ออง กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่อต้านโดรนให้กับสนามบินนานาชาติย่างกุ้ง แต่ข้อตกลงดังกล่าวได้ถูกยกเลิกแล้ว นอกจากนี้บริษัทจะไม่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับทหารพม่า
    .
    บริษัท TRD ได้ขายเครื่องรบกวนสัญญาณโดรน Orion-7 ที่ขัดขวางสัญญาณการสื่อสารของโดรนเพื่อบังคับให้โดรนลงจอด ซึ่งอองกล่าวว่าเครื่องรบกวนสัญญาณดังกล่าวไม่มีผลกับมนุษย์
    .
    ผู้ชุมนุมประท้วงบางส่วนได้เรียกร้องให้สิงคโปร์ดำเนินการเข้มงวดขึ้นกับรัฐบาลทหาร และขู่ว่าจะคว่ำบาตรแบรนด์ยอดนิยมของสิงคโปร์ เช่น Tiger beer และคาเฟ่ร้านดังอย่าง Ya Kun Kaya Toast
    .
    รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสิงคโปร์กล่าวเมื่อวันอังคารว่า สิงคโปร์ต่อต้านการคว่ำบาตรอย่างกว้างขวางต่อพม่า และจะไม่แทรกแซงการตัดสินใจทางธุรกิจของบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพม่า.
    .
    .
    https://mgronline.com/indochina/detail/9640000016868
    AJpeOdBZY9DR&w=500&h=261&url=https%3A%2F%2Fmpics.mgronline.com%2Fpics%2FImages%2F564000001732701.jpg
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,706
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เวียดนามเผย COVAX จะจัดสรรวัคซีนโควิดให้ 30 ล้านโดส
    .
    .
    รอยเตอร์ -เวียดนามจะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 60 ล้านโดสในปีนี้ ที่รวมทั้งวัคซีนจากโครงการโคแว็กซ์ (COVAX) จำนวน 30 ล้านโดส ตามการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขวันนี้ (19) ขณะที่เวียดนามกำลังต่อสู้กับการระบาดของไวรัสครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่พบการระบาดในประเทศครั้งแรก
    .
    เวียดนามเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ที่เป็นผลจากการตรวจคัดกรองหาเชื้อแบบมุ่งเป้าและการกักกันโรคอย่างเข้มงวด โดยจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 นับตั้งแต่พบเชื้อไวรัสครั้งแรกในประเทศเมื่อกว่า 1 ปีก่อน อยู่ที่ 2,347 คน และมีผู้เสียชีวิต 35 คน
    .
    แต่การระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์ ที่พบใน จ.หายเซวือง ทางภาคเหนือ เมื่อเดือนก่อน ถือเป็นความท้าทายของการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ เหวียน แถ่ง ลอง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในที่ประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจโควิด-19
    .
    “ไวรัสสายพันธุ์กลายพันธุ์นี้สามารถแพร่กระจายเชื้อได้รวดเร็วกว่าเดิมถึง 70% หากเราไม่สามารถตรวจคัดกรองให้ทันในช่วงที่พบผู้ป่วยติดเชื้อในระดับสูงเช่นนี้ เราก็จะควบคุมการระบาดไว้ไม่ได้” เหวียน แถ่ง ลอง กล่าว
    .
    “การตรวจคัดกรองเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับไวรัส” รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวย้ำ
    .
    นับตั้งแต่เกิดการระบาดระลอกใหม่ เวียดนามมีผู้ป่วยติดเชื้อ 755 คน ซึ่งมีสัดส่วนราว 1 ใน 3 ของยอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมทั้งหมดของประเทศนับตั้งแต่เริ่มการระบาด
    .
    เหวียน แถ่ง ลอง กล่าวว่า การต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันของเวียดนาม ไม่น่าจะสิ้นสุดลงได้ใน 6 เดือนแรกของปีนี้ อาจดำเนินไปตลอดปี 2564
    .
    วัคซีนป้องกันโควิด-19 จากโคแว็กซ์ จำนวน 30 ล้านโดส จะใช้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เหวียน แถ่ง ลอง กล่าว และเมื่อต้นเดือน รัฐบาลได้กล่าวว่า เวียดนามจะเข้าถึงวัคซีนจากโคแว็กซ์ล็อตแรกภายในไตรมาสแรก
    .
    ก่อนหน้านี้ รัฐบาลกล่าวว่าเวียดนามจะได้รับวัคซีนภายใต้โครงการโคแว็กซ์ประมาณ 4.89-8.25 ล้านโดสเท่านั้น
    .
    ในเดือน ม.ค. เวียดนามกล่าวว่า ได้ตกลงที่จะแยกจัดซื้อวัคซีนแอสตราเซเนกา จำนวน 30 ล้านโดส และวัคซีนล็อตแรก จำนวน 204,000 โดส จะมาถึงในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ขณะที่วัคซีนที่กำลังพัฒนาในประเทศน่าจะพร้อมใช้ในเดือน พ.ค.
    .
    รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า พื้นที่ที่ประสบปัญหาจากการระบาดจะได้รับการจัดลำดับให้ฉีดวัคซีนก่อน และเรียกร้องให้บริษัทเอกชนสนับสนุนความพยายามของกระทรวงสาธารณสุขในการนำวัคซีนมายังเวียดนาม.
    .
    .
    https://mgronline.com/indochina/detail/9640000016775
    haQyirZstV3s&w=500&h=261&url=https%3A%2F%2Fmpics.mgronline.com%2Fpics%2FImages%2F564000001720501.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...