ติดตามสถานะการณ์

นายธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอเกาะสมุย ประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเกาะสมุย โดยมีนายรัชชพล พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย รวมถึงผู้ประกอบการโรงแรมที่ผ่านการตรวจรับรองสถานที่กักโรคแห่งรัฐทางเลือก หรือ ALSQ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้เพื่อร่วมกำหนดมาตรการเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และการพิจารณาความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวที่มากับเครื่องบินส่วนตัว (Private Jet) ด้านสนามบินสมุยมีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าเกาะสมุยด้วยเครื่องบินส่วนตัว และพร้อมรองรับเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำ

ด้านตัวแทนสมาคมส่งเสริมการค้า การลงทุน ไทย จีน ประจำเกาะสมุย ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าขณะนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนจากเมืองเฉินตู และเมืองซีอาน มีความต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวยังเกาะสมุย เพราะทั้งสองเมืองไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มานานแล้ว แต่ไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ ซึ่งปัญหาเกิดจากรัฐบาลจีนยังไม่อนุญาตให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศ หากรัฐบาลไทยได้ประสานกับรัฐบาลจีนเพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้จะทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนทะลักเข้าเกาะสมุยจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เกาะสมุยพลิกฟื้นด้านเศรษฐกิจกลับมาได้ เรื่องนี้นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุยจะได้นำเสนอต่อคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลให้พิจารณาเร่งแก้ปัญหาต่อไป

โดยนายรัชชพล พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย กล่าวว่าที่ประชุมได้ข้อ สรุปเรื่องนี้ร่วมกันว่า ที่ประชุมเห็นชอบในเบื้องต้นในการรับนักท่องเที่ยวโดยเครื่องบินส่วนตัว และเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำ พร้อมปรับกระบวนการระยะเวลาในการกักตัวในห้องพัก เพื่อนำเสนอศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัดสุราษฎร์ธานีพิจารณา โดยผู้ที่จะเดินทางเข้าเกาะสมุยต้อง
แสดงผลการตรวจโควิด RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมง เพื่อประกอบกับเอกสารการเข้าประเทศตามระเบียบที่รัฐบาลกำหนด กรณีนักท่องเที่ยวเดินทางมากับเครื่องบินส่วนตัวจะเข้ากักตัวยังวิลล่า (Villa Quarantine) และได้รับอนุญาตแบบ OQ (Organization Quarantine ) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดจำนวน 3 ครั้ง ตั้งแต่วันแรกที่เข้าพักและก่อนที่จะครบกำหนดการกักตัว กรณีผลการตรวจครั้งที่ 2 เป็นลบสามารถออกมาใช้บริการต่าง ๆ ภายในที่พักได้โดยมีกระบวนการควบคุมอย่างรัดกุมภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่

กรณีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำ (Charter Flight ) นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องผ่านการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 3 ครั้งเช่นกันตามตารางเวลาที่กำหนด หากผลการตรวจวันที่ 10 เป็นลบ ผู้ที่ถูกกักตัวสามารถออกนอกบริเวณห้องพักได้ โดยมีกระบวนการควบคุมจากเจ้าหน้าที่เช่นกัน ทั้งนี้ผู้ประกอบการจะสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ครั้งละหนึ่งคณะเท่านั้น โดยไม่สามารถรับคณะพร้อมกันได้ในช่วงเวลาเดียวกัน

สำหรับเกาะสมุยมีจำนวนห้องพักจากโรงแรมต่าง ๆ ที่ผ่านการรับรองให้สามารถรับนักท่องเที่ยวเข้ากักตัวได้จำนวน 284 ห้อง ทั้งนี้จะมีหน่วยงานที่รับ ผิดชอบควบคุมผู้ประกอบการให้มีการปฏิบัติเป็นไปตามระเบียบที่กำหนด

ส่วนสนามบินสมุยมีมาตรการรัดกุมในการแยกพื้นที่ในส่วนของการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศปะปนกับนักท่องเที่ยวภายในประเทศ

เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตลาดท่องเที่ยวในประเทศ โดยจะนำมาตรการดังกล่าวนำเสนอต่อรัฐบาลพิจารณาอนุมัติต่อไป ซึ่งขณะนี้เกาะสมุยมีความพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศแล้ว

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

ที่มา https://www.naewna.com/likesara/554446

 

ร้านค้าแห่งหนึ่งในอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้ติดป้ายประกาศว่า "ลูกค้าที่ใช้สิทธิ์โครงการบัตรประชารัฐ คนละครึ่ง เราชนะใช้เคาน์เตอร์ 4 เท่านั้น ราคาสินค้าจะบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์" สร้างความสับสนให้กับประชาชนที่เข้าไปซื้อสินค้าที่ร้านดังกล่าวเป็นอย่างมาก จนนำใบเสร็จมาแชร์ลงในโลกโซเชียล ซึ่งมีข้อเปรียบเทียบระหว่างการจ่ายเงินสดไม่มีการคิดภาษี แต่เมื่อจ่ายเราชนะนั้นมีการคิดภาษี ซึ่งบางรายซื้อของ 1,644 บาท แต่เมื่อสแกนจ่ายต้องจ่ายเงิน 1,759.08 บาท บางรายซื้อสินค้า 65 บาท ต้องสแกนจ่าย 70 บาท หลายคนจึงนำมาแชร์ประสบการณ์กันกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กัน

หญิงสาว อายุ 30 ปี รายหนึ่ง อ้างว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนเองได้ใช้สิทธิ์เราชนะในการเติมแก๊สหุงต้ม ทางร้านบอกว่า ถ้าจ่ายเป็นเงินสดนั้นจะจ่ายเพียง 380 บาท แต่ถ้าหากใช้สิทธิ์เราชนะ จะต้องสแกนจ่าย 400 บาท ซึ่งเธอก็งงว่าอีก 20 บาทค่าอะไร ทางร้านก็ไม่ได้ชี้แจง ตนเองเป็นประชาชนตัวเล็ก ๆ ก็ไม่อยากมีปัญหากับเงินแค่นี้ แต่ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบเรื่องนี้ และชี้แจงกับประชาชนหน่อย เพราะถึงแม้จะเป็นเงินเพียงเล็กน้อย แต่ถ้ารวมกันแล้วหลายคนก็เป็นเงินจำนวนมาก ถึงว่าเป็นการซ้ำเติมประชาชนในช่วงโควิด-19 ลำพังจะให้ชาวบ้านไปยื่นหนังสือร้องเรียนกับเรื่องพวกนี้มันเป็นการเสียเวลาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาตรวจสอบ และดูข้อเท็จจริงปัญหาที่ชาวบ้านประสบและเจออยู่ในขณะนี้

ขณะที่ทางพาณิชย์จังหวัดและคลังจังหวัดยืนยันไม่มีการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้า ขอให้ประชาชนร้องเรียนไปที่ศูนย์ดำรงธรรม หรือทางเว็บไซต์ของหน่วยงานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือแจ้งที่ 1569

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

ที่มา https://www.thairath.co.th/news/business/2037555
https://tna.mcot.net/region-642282

 

22 กุมภาพันธ์ 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแผนการจัดหาวัคซีนของประเทศไทย ว่า ประเทศไทย ยังเดินหน้าจัดหามาเพิ่มเติม มีการคุยกับผู้ผลิตหลายเจ้า และประเทศไทยจะเลือกผู้ผลิตวัคซีนที่มีความเหมาะสมกับประเทศไทย และสามารถจัดส่งได้ตามความต้องการของไทย ข่าวดีคือตอนนี้ เราได้หารือกับผู้ผลิตรายนั้นแล้ว ก็ต้องรอฟังข่าวดี แต่วางเป้าว่า เราจะได้วัคซีนภายในไตรมาสแรก เพื่อมาเสริมวัคซีนจากจีน

สำหรับประเทศไทย ไม่เคยนิ่งเฉย เรื่องดูแลประชาชน ทุกการตัดสินใจจะอยู่บนหลักพื้นฐานทางวิชาการ โดยนายแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะเข้ามาดูแลตั้งแต่เรื่องจัดหา ไปจนถึงให้บริการ ส่วนตัวเคยสอบถามอธิบดีกรมควบคุมโรค ท่านบอกว่า วัคซีนที่นำมาฉีดนั้น มีผลข้างเคียงเล็กน้อย แต่มีความปลอดภัย เพราะใช้วิธีที่เคยใช้แต่ดั้งเดิม

อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนครั้งนี้ หลังปักเข็มไปแล้ว ขอดูอาการครึ่งชั่วโมง เพราะถ้ามี Side Effect ส่วนมากจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ แต่รับรองว่ารับมือได้แน่นอน

ส่วนที่บอกว่า วัคซีนที่ไทยนำเข้ามาหลายประเทศไม่แนะนำให้ฉีดในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป แล้วทางไทยจะทำอย่างไร ขอย้ำว่าให้เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการที่ดูแลรับผิดชอบ

มีคนกังวลเรื่องดังกล่าว แต่ขอยืนยันว่าทางกระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนไว้ครอบคลุมแน่นอน ทั้งนี้ ขอย้ำว่า การได้รับวัคซีน ไม่ได้แปลว่าป้องกันการติดเชื้อได้ 100% แต่สามารถป้องกันอาการหนักได้ แค่นี้ก็นับว่าดีเยี่ยมแล้ว เพราะเอาเข้าจริง ก็ไม่มีวัคซีนยี่ห้อไหนป้องกันการติดเชื้อได้แบบ 100% ดังนั้น แม้จะฉีดวัคซีนไปแล้ว ก็ต้องสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ

ขอเรียนยืนยันว่าประเทศไทย ไม่เคยปิดกั้นการขึ้นทะเบียนวัคซีน ส่วนตัวเชื่อในเรื่องของการค้าเสรีแน่นอน การขึ้นทะเบียนของไทยนั้น วัคซีนต้องผ่านการขึ้นทะเบียนจากประเทศต้นทาง แล้วทางการไทยจะรับพิจารณาต่อ หลักเกณฑ์มีเท่านี้

ขอย้ำว่าประเทศไทยต้องให้บริการวัคซีนแก่คนไทย บนพื้นฐานของประสิทธิภาพ ปลอดภัย และไม่มีค่าใช่จ่าย เพราะต้องการให้คนไทย ได้รับวัคซีนที่ครอบคลุมมากที่สุด

ส่วนเรื่องการโจมตีว่ารัฐบาลไทย ไปล็อกสเป็กให้โรงงานหนึ่งให้ได้สิทธิ์ผลิตวัคซีน ขอย้ำว่า รัฐบาลเป็นฝ่ายหารือกับทางผู้ผลิต ส่วนผู้ผลิต จะไปเลือกใครผลิต รัฐบาลไม่ได้ยุ่งเกี่ยวในส่วนของการตัดสินใจ หน้าที่ของรัฐบาลคือการรอรับวัคซีน ตามที่ผู้ผลิตได้สัญญาไว้ หลักการเป็นไปแบบนี้

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

ที่มา

 

23 ก.พ. 2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) สรุปมติที่ประชุม ศบค.เรื่องมาตรการผ่อนคลายการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในไทย ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค.ชุดใหญ่ เป็นประธานในการประชุม โดยแบ่งเป็นเรื่องสำคัญ 3 เรื่อง ดังนี้

เรื่องที่ 1 การกำหนดพื้นที่สำหรับมาตรการผ่อนคลาย ทั้งกิจการและกิจกรรม

โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) 35 จังหวัด เป็น 54 จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 17 จังหวัดเป็น 14 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เพชรบุรี ระนอง ชุมพร สงขลา ยะลา และนราธิวาส

พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 20 จังหวัด เป็น 8 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี ตาก และราชบุรี ส่วนที่เพิ่มตากขึ้นมาเพราะมีการติดเชื้อเป็นระยะ มีพื้นที่ชายแดน จึงยังต้องคงไว้เป็นพื้นที่ควบคุม
พื้นที่ควบคุมสูงสุด 4 จังหวัด เป็น 0 จังหวัด คงเหลือพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเพียงจังหวัดเดียวคือ สมุทรสาคร

ซึ่งการปรับเปลี่ยนโซนสีหมายถึง กิจการและกิจกรรมจะผ่อนคลายไปตามสีต่าง ๆ โดยจ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด อนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารภายในร้านได้ไม่เกิน 21.00 น. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังไม่อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิง รวมถึงฟิตเนสและสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง และให้เรียนออนไลน์เท่านั้น

ส่วนพื้นที่ควบคุม 8 จังหวัด ให้ดื่มสุราในร้านได้ แต่ห้ามเต้น เปิดร้านได้ถึง 23.00 น. โดยขอให้ยังคงระมัดระวังตามมาตรการ พื้นที่เฝ้าระวังสูง ให้เปิดร้านได้ถึง 24.00 น. และพื้นที่เฝ้าระวัง ให้เปิดร้านได้ตามปกติ

ทั้งนี้ คำสั่งของศบค.ซึ่งลงนามโดยนายกฯ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้วเมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) เรื่องของการจัดโซนสี และมีการแจ้งไปยังทุกจังหวัดเรื่องของข้อกำหนดดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อของแต่ละจังหวัดสามารถพิจารณาปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม

เรื่องที่ 2 แผนกระจายวัคซีน

เมื่อวานนี้ นพ. เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้นำเสนอแผนต่อที่ประชุม ซึ่งนายกฯ ต้องการให้แผนนี้ครอบคลุมประชากรทั้งประเทศ เพื่อทุกคนในประเทศเข้าถึงวัคซีนอย่างมีคุณภาพ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อ
1.ลดอัตราการป่วยและตาย
2.ปกป้องระบบสุขภาพของประเทศ
3.ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

โดยหลักการต้องมีกลยุทธ์ในการสื่อสาร สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนเพื่อรับวัคซีนครอบคลุมตามนโยบาย และจัดบริการที่มีคุณภาพให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย การจัดระบบในการจัดเก็บวัคซีนและควบคุมผู้ฉีดที่ต้องมีประสิทธิภาพ มีการประกันคุณภาพ และติดตามอาการผู้ที่ได้รับการฉีด เพื่อนำมาสู่การปรับปรุงคุณภาพ การเฝ้าระวัง หรือการเยียวยาช่วยเหลือได้ทันเวลา รวมถึงระบบการบริหารข้อมูล เพราะการฉีดวัคซีนให้คนเป็นล้านคนในช่วงเวลาสั้น ๆ ต้องมีระบบที่ดี จัดการองค์ความรู้เพื่อการให้บริการ

ส่วนกลุ่มเป้าหมายการรับวัคซีนแบ่งเป็น 2 ระยะ
ระยะที่ 1 ที่ยังมีวัคซีนจำกัด ทำให้ต้องบริหารวัคซีนที่ได้มากับ 4 กลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ด่านหน้า ทั้งภาครัฐและเอกชน
- บุคคลที่มีโรคประจำตัว
- ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
- เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย

ระยะที่ 2 เมื่อวัคซีนมีมากขึ้น
- กลุ่มที่ 1 ที่ยังได้รับไม่ครบต้องได้ก่อน
- บุคคลการทางการแพทย์อื่น ๆ ที่นอกเหนือจากด่านหน้า
- ผู้ประกอบอาชีพท่องเที่ยว
- ผู้ที่เดินทางระหว่างประเทศ เช่น นักบิน ลูกเรือ
- ประชาชนทั่วไป
- นักกการทูต เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ นักธุรกิจต่างชาติ คนต่างชาติที่พำนักยาว
- แรงงานในภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ

แผนในช่วงแรกซิโนแวค 2 แสนโดสแรก จะกระจายไป 13 จังหวัด โดยลงไปที่พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด + 8 จังหวัด และพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม คือ ชลบุรี ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) เชียงใหม่

โดยวางแผนไว้ว่าจะบริการในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน 1,000 แห่ง ระยะที่ 1 มี.ค. - พ.ค. 64 จำนวน 2 ล้านโดส และระยะที่ 2 มิ.ย. - ธ.ค. 64 จำนวน 61 ล้านโดส

สำหรับวัคซีนลอตแรกที่จะเข้ามา มีการวางแผนให้บริการวัคซีนใน 19 โรงพยาบาลเป้าหมาย ในสัปดาห์แรกให้บริการใน 50 โรงพยาบาล จำนวน 100-200 โดสต่อวัน ระยะต่อไปจะพิจารณาการขายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

เรื่องที่ 3 การขออนุญาตจัดกิจกรรมต่างๆ โดยจะมีการจัดกิจกรรม ดังนี้

ม.ค. - เม.ย. ฟุตบอลอาชีพ ไทยลีก อนุญาตให้มีผู้ชม 50% ของความจุ
ก.พ.- เม.ย. วอลเล่ย์บอล ไทยแลนด์ลีก เข้าชมได้ 30% ของความจุ
ก.พ. – พ.ย. จักรยานชิงแชมป์ประเทศไทย และนานาชาติ คณะกรรมการโรคติดต่อกำหนดผู้ชมได้
มี.ค. มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล เข้าชมได้ 30% ของความจุ
เม.ย. เจ็ตสกีเวิลด์คัพ 2020-2021 และเจ็ตสกีโปรทัวร์ 2021 อนุญาตให้มีผู้ชม 50% ของความจุ
พ.ค. Golf LPGA คณะกรรมการโรคติดต่อกำหนดผู้ชมได้

และยังมีการเห็นชอบให้สนามบินสุวรรณภูมิมีทรานซิสไฟลท์ได้ โดยมีการตรวจคัดกรองตามมาตรการและห้ามออกนอกพื้นที่ และให้อยู่ในพื้นที่ได้ไม่เกิน 12 ชม ก่อนเดินทางต่อเครื่องออกไปนอกประเทศ

สำหรับอีกเรื่องที่มีการพิจารณา คือ เดิมเรามีเรือยอร์ชเข้ามาจอดและต้องมีการกักตัว แต่ได้มีการเสนอมีรูปแบบใหม่ คือการกักตัวเองอยู่บนเรือ 14 วัน ซึ่งอาจนำไปพัฒนาเป็นยอร์ชควอรันทีน เหมือนกอล์ฟควอรันทีน เพื่อจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศมากขึ้น ซึ่งตรงนี้หากผู้ประกอบการมีไอเดียดี ๆ สามารถนำเสนอได้ เพื่อให้การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น

สุดท้าย ผอ.ศบค. ฝากไว้ถึงเรื่องการได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบรมวงศานุวงศ์ในเรื่องการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด ล่าสุด สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระราชทานเหรียญที่ระลึกให้กับบุคลากรจากพื้นที่ต่าง ๆ ที่มาช่วยงานในการควบคุมโควิด-19 และพระราชทานเงินจากกองทุนชัยพัฒนา เพื่อสู้ภัยโควิด-19 และโรคระบาดต่าง ๆ ให้กับ รพ. 4 แห่งใน จ.สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

23 กุมภาพันธ์ 2564 มีรายงานข่าวจาก บมจ.การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข และ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข รวมถึง นาย Yang Xin อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย จะร่วมกันต้อนรับเที่ยวบินขนส่งวัคซีนโควิด-19 จากประเทศจีน ตามโครงการ “วัคซีนโควิด-19 คืนรอยยิ้ม ประเทศไทย” ในวันที่ 24 ก.พ. 64 เวลา 08.00 น. ณ เขตปลอดอากรและคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และคลังสำรองวัคซีนโควิด-19 องค์การเภสัชกรรม (คลังศรีเพชร DKSH) ถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 19 โดยจะมีการถ่ายทอดสัญญาณสดสามารถแชร์สัญญาณร่วมกับช่อง NBT

ทั้งนี้ เที่ยวบินของการบินไทยที่ TG675 เส้นทางปักกิ่ง-กรุงเทพฯ ขนส่งวัคซีนโควิด-19 จำนวน 200,000 โดส น้ำหนัก 2.6 ตัน จากบริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด จะเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเข้าสู่คลังและจัดเก็บภายในห้องควบคุมอุณหภูมิตามมาตรฐาน

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

23 กุมภาพันธ์ 2564 ความฮิตที่เกิดจากความมั่นใจใน Clubhouse แอปพลิเคชันสนทนาผ่านเสียงที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ ว่าไม่สามารถก็อปปี้เสียงออกไปจากบทสนทนาสดได้ โดยบทสนทนาจะโดนลบแบบอัตโนมัติเมื่อมีการปิดห้องสนทนา จนทำให้บรรดา #นักโทษหนีคดี ต่างพากันมาเปิดห้องสนทนา ปั้นแต่งเรื่องเท็จกันสนุกปาก

ล่าสุด ผู้พัฒนาแอปฯ Clubhouse ยอมรับกับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ว่าเกิดเหตุข้อมูลรั่วไหลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และบริษัทได้แบนผู้ใช้งานที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว

ที่ผ่านมา Clubhouse เปิดให้ผู้ใช้งาน ซึ่งขณะนี้ยังใช้ได้เฉพาะกับโทรศัพท์มือถือค่ายไอโฟน สามารถเข้าร่วมในห้องสนทนาหัวข้อต่าง ๆ โดยให้คำมั่นว่าจะไม่มีการบันทึกเสียง และรับฟังได้เฉพาะช่วงเวลาที่มีการไลฟ์สดเท่านั้น แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงไซเบอร์ เพิ่งระบุว่า มีผู้ใช้งานพบวิธีการสตรีมเสียงไปยังเว็บไซต์อื่น บริษัทยังระบุด้วยว่า ได้ติดตั้งระบบป้องกันใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการถ่ายทอดเสียงสนทนาซ้ำอีก

ขณะที่นายเดวิด ธีล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Clubhouse ระบุว่า ข้อมูลที่รั่วไหลไม่ได้เกิดขึ้นจากความมุ่งร้าย หรือถูกแฮก แต่มีผู้ใช้งานตั้งใจละเมิดข้อกำหนดเรื่องบริการของ Clubhouse เพราะเห็นความเป็นไปได้ในการอยู่ในห้องสนทนาหลายห้องในเวลาเดียวกัน

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก Clubhouse รับรองว่าข้อมูลเสียงจะไม่ถูกขโมยโดยอาชญากรไซเบอร์ หรือแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลบางประเทศ โดยก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเคยออกมาเตือนถึงข้อบกพร่องด้านความมั่นคงไซเบอร์หลายครั้ง

https://www.bloomberg.com/news/arti...-raising-concerns-over-security?sref=lAVQtUwz

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

23 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวของเว็บไซต์ manager online รายงานว่าได้เดินทางไปยัง สภ.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่เข้าไปติดต่อราชการภายใน สภ.ดังกล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งติดใบทะเบียนสมรสแบบย่อส่วนที่บริเวณหน้าอกเครื่องแบบแทนบัตรข้าราชการตำรวจ จึงเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบ

โดยพบ ส.ต.อ.ธนพัฒน์ ธรรมวงษ์ ผบ.หมู่ ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน สภ.เสม็ด ซึ่งไม่ได้ติดบัตรข้าราชการตำรวจที่หน้าอก แต่กลับนำภาพใบทะเบียนสมรสซึ่งถูกถ่ายเอกสารแบบย่อส่วนมาติดไว้แทนตามที่ได้รับแจ้ง จนสร้างความประหลาดใจปนความขบขันให้แก่เพื่อนตำรวจด้วยกันและประชาชนที่เข้ามาติดต่อราชการ

เมื่อสอบถาม ส.ต.อ.ธนพัฒน์ จึงได้ความว่าสาเหตุที่ต้องติดภาพใบทะเบียนสมรสขนาดย่อส่วนที่หน้าอก เป็นเพราะถูกภรรยาคือ น.ส.นิชาภา ธรรมวงษ์ อายุ 31 ปี ซึ่งมีอาชีพพนักงานขายรถยนต์บริษัทแห่งหนึ่งนำมาติดที่เครื่องแบบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพราะเกรงว่าตนเองจะไปก่อเหตุเช่นเดียวกับตำรวจที่ตกเป็นข่าวโด่งดัง

ส.ต.อ.ธนพัฒน์ยังบอกอีกว่า สาเหตุที่ทำให้ภรรยาของตนเองต้องทำเช่นนี้ เพราะอาจจะเห็นว่าในแต่ละวันที่โรงพักมักจะมีสาว ๆ เข้ามาติดต่อราชการเป็นจำนวนมากจึงเกรงว่าอาจจะเข้ามาติดพันตนเอง อีกทั้งภรรยาเป็นคนขี้หึง ซึ่งการกระทำดังกล่าวของภรรยาไม่ได้ทำให้รู้สึกอับอายแต่อย่างใด แต่กลับทำให้เกิดความรู้สึกสบายใจมากกว่าที่จะไม่ต้องทำให้ภรรยาเกิดความระแวงในพฤติกรรม

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

ที่มา https://mgronline.com/local/detail/9640000017978

 

23 ก.พ. 64 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ได้ร่วมพูดคุยกับ นายวรยศ บุญทองนุ่ม หรือ แพท พาวเวอร์แพท เพื่อทำเพลงให้กำลังใจผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในเรือนจำ และวอนสังคมยอมรับผู้ก้าวพลาด ให้ได้กลับมามีที่ยืนในสังคมอีกครั้ง

"การให้โอกาสผู้พ้นโทษ เป็นสิ่งจำเป็นต่องานราชทัณฑ์เป็นอย่างมาก เพราะแม้ว่าผู้พ้นโทษ จะได้รับการปรับปรุงแก้ไข และพัฒนาพฤตินิสัยดีเพียงใด แต่ถ้าหากสังคมยังตีตราไม่ยอมให้โอกาส ผู้ก้าวพลาดเหล่านั้นก็ไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ในสังคมได้ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกระตุ้นให้กลับมากระทำผิดซ้ำอีก"

"ดังนั้น เราต้องอาศัยการสื่อสารให้สังคมยอมรับ พร้อมให้โอกาส โดยต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์เข้ามาช่วยเปลี่ยนทัศนคติของผู้คนในสังคม โดยเฉพาะการถ่ายทอดผ่านบทเพลง จากผู้มีประสบการณ์ที่อาจเคยผิดพลาดมาก่อน อย่างแพท พาวเวอร์แพท น่าจะสามารถสื่อเข้าถึงประชาชนทั่วไปได้เป็นอย่างดี" อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว

ด้านนายวรยศ บุญทองนุ่ม หรือ แพท พาวเวอร์แพท กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทุกๆ คนที่ให้โอกาสตนได้กลับมามีที่ยืนในสังคมอีกครั้ง ได้ทำในสิ่งที่รักและแก้ไขในสิ่งที่เคยทำผิดพลาดไปในอดีต โดยเฉพาะครอบครัว และคนรอบข้างที่คอยต้อนรับและให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดี ซึ่งอาจจะโชคดีกว่าพี่น้องผู้พ้นโทษอีกหลายคนที่ไม่ได้รับโอกาสแบบนี้ ต้องกลับไปใช้ชีวิตในสังคมอย่างลำบาก

"ผมเชื่อว่า คนเราทุกคนเกิดมาเป็นเหมือนผ้าสีขาว ทุกคนเกิดมาเป็นคนที่ดี เพียงแต่อาจจะมีความรัก ความโลภ ความโกรธ และความหลงพัดผ่านเข้ามาทำให้แปดเปื้อนไปบ้าง แต่เมื่อคนเหล่านั้นพร้อมที่จะกลับเป็นคนดีคนเดิมอีกครั้งก็อยากจะขอโอกาสให้พวกเขาได้กลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ ไม่หวนไปกระทำความผิดซ้ำอีก"

"อยากจะขอเอาตัวเองเป็นอุทาหรณ์แก่น้องๆ ที่อาจจะกำลังตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตว่า อิสรภาพและเวลาที่สูญเสียไปมันไม่คุ้มเลย และในวันนี้ เมื่อผมมีโอกาสได้ทำสิ่งดีๆเพื่อคนอื่นบ้าง ผมจึงอยากจะร่วมทำงานกับกรมราชทัณฑ์ ในการนำบทเพลงที่ผมเคยแต่งไว้ในขณะที่ถูกคุมขังอยู่ เพื่อส่งสารไปยังสังคมในการขอโอกาส ที่ไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้พ้นโทษเท่านั้น แต่ยังสื่อไปถึงผู้ที่อาจจะเคยทำผิดพลาดในชีวิตทุกคน ที่ควรจะได้รับโอกาสในการแก้ไขสิ่งที่ผิดเช่นเดียวกัน"
"ซึ่งนอกจากการทำเพลงในครั้งนี้ ในอนาคตผมก็พร้อมที่จะสนับสนุนในภารกิจงานของกรมราชทัณฑ์เท่าที่ผมจะพอช่วยเหลือได้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้โอกาสตอบแทนสังคมที่ได้ให้โอกาสแก่ผมอีกครั้ง"นายวรยศกล่าว

https://www.posttoday.com/social/general/646164

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

23 ก.พ. 64 นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 3 ในเดือนกุมภาพันธ์ ภายใต้หัวข้อ ความเชื่อมั่นต่อการบริหารจัดการวัคซีนในการยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่า? จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 200 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 74 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด พบว่าผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นต่อการบริหารจัดการวัคซีนในการยับยั้งการแพร่ระบาดโควิดของภาครัฐ อยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 61.0 รองลงมามีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับมาก ร้อยละ 22.0 และความเชื่อมั่นอยู่ในระดับน้อย ร้อยละ 17.0

นอกจากนี้ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารส่วนใหญ่มีความพร้อมในการรับวัคซีนโควิดจากภาครัฐ แต่ยังคงมีความกังวลถึงผลข้างเคียงจากวัคซีน คิดเป็นร้อยละ 60.5 ขณะที่มีผู้บริหารที่มีความพร้อมและเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของวัคซีน คิดเป็นร้อยละ 31.5 สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับวัคซีนในลำดับถัดไปต่อจากบุคลากรทางการแพทย์/สาธารณสุขและบุคคลที่มีโรคประจำตัว พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 เจ้าหน้าที่ที่มีความเสี่ยงในการปฎิบัติงาน เช่น ตำรวจ อาสาสมัคร ฯลฯ ร้อยละ 73.5 อันดับ 2 แรงงานในภาคบริการ ร้อยละ 55.5 และอันดับ 3 กลุ่มผู้สูงอายุ ร้อยละ 54.5 โดยปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนให้แผนการกระจายวัคซีนโควิดให้แก่ประชาชนมีประสิทธิภาพ 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 การนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการ ร้อยละ 63.0 อันดับ 2 ความร่วมมือจากภาคเอกชนในการบริหารจัดการวัคซีน ร้อยละ 58 และอันดับ 3 ความพร้อมของบุคลากร/สถานที่ในการฉีดวัคซีน ร้อยละ 57.5

นอกจากนี้ FTI Poll ยังได้เจาะลึกไปถึงเรื่องการส่งเสริมให้เอกชนนำเข้าวัคซีนโควิดที่ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย. แล้ว เพื่อนำเข้ามาใช้ในประเทศ พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 58.5 เห็นว่าภาครัฐควรส่งเสริมให้เอกชนนำเข้าวัคซีนมาใช้ในประเทศโดยมีเงื่อนไขเฉพาะภายใต้ระเบียบปฏิบัติของรัฐ รองลงมา ร้อยละ 34.0 ควรเป็นหน้าที่ของภาครัฐในการจัดหาและนำเข้าวัคซีน และเมื่อถามถึงความพร้อมของภาคเอกชนที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าวัคซีนโควิดให้แก่พนักงานในบริษัท พบว่า ร้อยละ 43.0 ภาคเอกชนสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายได้บางส่วน รองลงมา ร้อยละ 36.0 ยังต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนค่าใช้จ่าย ขณะที่ร้อยละ 21.0 สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายได้เอง

ในส่วนของมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในกลุ่มผู้เดินทางเข้าประเทศ พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ ร้อยละ58.5 เห็นว่าภาครัฐควรนำมาตรการพาสปอร์ตวัคซีน (Vaccine Passport) มาใช้ควบคู่กับมาตรการกักตัว 14 วัน สำหรับกลุ่มผู้เดินทางเข้าประเทศ และรองลงมา ร้อยละ 35.0 อยากให้นำมาตรการพาสปอร์ตวัคซีน (Vaccine Passport) มาใช้ทดแทนมาตรการกักตัว 14 วัน

ทั้งนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ยังคงมองว่า ภาครัฐควรดำเนินมาตรการฟื้นฟูผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องหลังจากมีการฉีดวัคซีนโควิดตามแผนให้แก่ประชาชนแล้ว โดยพบว่า 3 อันดับแรกที่ ผู้บริหาร ส.อ.ท. อยากให้ภาครัฐดำเนินการ ได้แก่ อันดับที่ 1 มาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ร้อยละ 67.5 อันดับที่ 2 มาตรการช่วยเหลือ/สนับสนุนธุรกิจ SME ร้อยละ 63.5 ขณะที่อันดับที่ 3 เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่มี Vaccine Passport ร้อยละ 61.0

https://www.dailynews.co.th/economic/827147

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

23 ก.พ.2564 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ประชุมได้อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทำข้อตกลงความร่วมมือกับสถานทูตแคนาดา และสภาหอการค้าประเทศแคนาดา โดยเป็นความร่วมมือที่มีระยะเวลาการดำเนินงาน 1 ปี ในการจัดหาครูต่างชาติมาสอนในโรงเรียนดีประจำตำบล 300 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเดือน พ.ค.64 นี้ เพื่อเป็นการเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษของนักเรียน และเชื่อว่าภายใน 3-5 ปีเด็กเรียนภาษากับเจ้าของภาษาโดยตรงจากความร่วมมือนี้ จะสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือที่ ศธ.พยายามผลักดันความร่วมมือกับประเทศที่มีพื้นฐานการใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เพื่อจะเสริมทักษะภาษานักเรียนไทย และเชื่อว่าในอนาคตจะมีครูต่างชาติมาสอนในโรงเรียนมากกว่า 300 แห่ง อย่างแน่อนหรืออาจเป็น 10,000 แห่งด้วย

สำหรับแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายภาษาอังกฤษนั้น ต้องการให้เกิดการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็กปฐมวัยด้วยภาษาคำศัพท์ง่าย ๆ ให้เด็กได้ซึมซับมากขึ้น เพราะคิดว่าช่วงปฐมวัยเป็นวัยที่จะรับเรื่องภาษาได้ดี ทั้งนี้จะไปผสมผสานกับแผนบูรณการการศึกษาจังหวัดที่มีโรงเรียนคุณภาพของชุมชนและโรงเรียนมัธยมดีสี่มุมเมือง ที่จะทำให้เด็กมีทักษะความพร้อมด้านภาษาด้วย เนื่องจากเด็กทุกคนในโรงเรียนกลุ่มดังกล่าวจะได้เรียนภาษากับครูต่างชาติโดยตรง

ส่วนการยกระดับภาษาอังกฤษของครูนั้น พยายามหาแนวทางตลอดเวลา เพราะไม่ว่าจะเป็นครูหรือผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องมีทักษะภาษาอังกฤษที่เหมาะสม และมีความสามารถเพียงพอในการค้นหาข้อมูลเพื่อนำมาสอนเด็กได้ ซึ่งจะทำให้ความกว้างขวางในการค้นหาความรู้ของครูมากขึ้น

ที่มา https://www.dailynews.co.th/education/827107

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

บริษัทหลายแห่งในนครหางโจว เริ่มอนุญาตให้มีการเลี้ยงสัตว์ภายในออฟฟิตได้ โดยเชื่อว่าการทำงานท่ามกลางสัตว์เลี้ยงจะทำให้มีความสุขมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยบรรเทาอาการ "ออฟฟิศซินโดรม” ได้เป็นอย่างมาก
.
วัฒนธรรมการเลี้ยงสัตว์ในที่ทำงานแบบนี้ เริ่มเป็นที่แพร่หลายในบางบริษัทในนครหังโจวตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนากการสำรวจก็พบว่า บริษัทที่เน้นการทำงานบนอินเทอร์เน็ตชื่อดังหลายราย ทั้งเสียวหมี่ โต้วปั้น หม่าเฟิงวอ ถูเจีย หู่ซิว 36Kr Babel Time ต่างก็อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ในออฟฟิศกันแล้ว เพื่อช่วยคลายความเครียดและความกดดันของพนักงาน
#ChinaStory #สัตว์เลี้ยง #ออฟฟิตซินโดรม #เรื่องจีนจีน #เล้าเรื่องจีน

 

พรุ่งนี้แล้วนะครับ (24 กุมภาพันธ์ 2564) สำหรับวัคซีนป้องกัน "โควิด-19" ล็อตแรกของบริษัท "Sinovac" จำนวน 2 แสนโดส ที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลตรงจากกรุงปักกิ่งของจีนมาถึงประเทศไทย ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ดีต่อการฟื้นฟูทุก ๆ ด้านของประเทศ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและภาคธุรกิจ และเชื่อมั่นว่าวัคซีนจีนจะมีบทบาทเชิงบวกในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ในประเทศไทย
#ChinaStory #วัคซีนโควิด #โควิด19 #Sinovac

 

บิด เอียง สะบัดหมุน ดัดคอ...แล้วก็เสี่ยงอัมพฤกษ์

ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา หมอดื้อ


บทความปฐมฤกษ์ของคอลัมน์ซึ่งจะเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บ นวัตกรรม การศึกษา ที่จะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจ โดยที่การพึ่งตัวเองนั้นเป็นดีที่สุด

สำหรับฉบับนี้จะเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เป็นท่าบริหารประจำหรือที่ทำ เวลาเมื่อย หรือเป็นกระบวนการในการนวดคลายเมื่อย ดัดเส้น รวมทั้ง เป็นกรรมวิธีในการบำบัดทางกายภาพและจัดกระดูก ซึ่งถ้าไม่ระวังจะ เพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อการที่ผนังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะคู่หลังเกิดการฉีกขาดและทำให้เกิดเนื้อสมองตายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้


ความจริงเรื่องเกี่ยวกับ “คอ” เป็นที่สังเกตระวังกันมานานกว่า 20 ปีแล้ว จากการสำรวจข้อมูลจากหมอทางสมองในสหรัฐฯว่าในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เคยประสบพบคนไข้ที่มีอาการอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองตีบภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากที่คนไข้ผ่านกรรมวิธีจับ ดัด ปรับกระดูกคอหรือไม่

หมอสมอง 177 คน รายงานว่าเคยเจอผู้ป่วย 55 รายเข้าข่ายกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ โดยที่คนไข้มีอายุระหว่าง 21 ถึง 60 ปี หลังจากมีการบิดดัดคอ และเป็นผลต่อเส้นเลือดสมองโดยเฉพาะคู่หลัง เกิดตันตีบ ซึ่งตัวหมอเองก็มีคนไข้ที่หมุนคอเป็นประจำวันละ 3 เวลา ครั้งละ 30 รอบเป็นปี นัยว่าทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ฝึกการทรงตัว วันหนึ่งเกิดเรื่องขณะยืนข้างถนน หันหน้าจะไปเรียกรถแท็กซี่ปรากฏเป็นอัมพาตซีกซ้าย อีกสักพักค่อยๆดีขึ้น พอมีแรงลุกขึ้น หันหน้าไปอีกด้าน มีอ่อนแรงซีกขวา ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน และการตรวจเส้นเลือดด้วยการฉีดสี ยืนยันมีผนังเส้นเลือดฉีกขาดจริงและเลือดไหลเซาะเข้าในผนังเส้นเลือด ทำให้รูเส้นเลือดตัน อีกทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดขรุขระ เกิดการเกาะของตะกอนเลือด ซึ่งหลุดลอยไปอุดเส้นเลือดได้อีกต่อ


สมองของเรามีเส้นเลือดไปเลี้ยง 2 คู่ คู่หน้าสามารถคลำได้ตุบๆที่คอด้านหน้าซึ่งไปเลี้ยงสมองหน้าผากขมับ 2 ข้าง รวมทั้งสมองส่วนลึกลงไปทางด้านใน เส้นเลือดคู่หลังร้อยผ่านกระดูกก้านคอ และเลื้อยผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพ สมองน้อยด้านหลัง คุมการทรงตัว ก้านสมองซึ่งควบคุมประสาทสมองรวมการเคลื่อนไหวลูกตา คุมการรับรู้สึกตัว การเคลื่อนไหวแขนขา การสะบัดคอแรงๆ การหมุนคอบิด บริหารประจำอาจทำให้เกิดผลร้าย

อันตรายที่เกิดขึ้นจะแปรตามความรวดเร็ว รุนแรงของการบิดสะบัดเคลื่อนไหวคอและแม้หมุน สะบัดไม่รวดเร็ว แต่การทำซ้ำกันบ่อยๆเป็นระยะเวลานานก็เกิดเรื่องได้ ไม่เฉพาะแต่เส้นประสาทที่คอ ยังเกิดกับเส้นเลือด โดยเฉพาะผู้ที่เกิดมาขาดทุนคือมีเส้นเลือดคู่หลังเพียงเส้นเดียว และในคนที่มีเส้นเลือดตีบอยู่แล้วจากมีโรคประจำตัว คือ อ้วน ความดันสูง ไขมันเพียบ หรือมีกระดูกงอกที่คอที่พร้อมที่จะกดเบียดเส้นเลือดอยู่แล้วหรือคนที่มีโรคของผนังเส้นเลือดผิดปกติแต่กำเนิด (ซึ่งพบได้น้อยมาก)


ข้อควรระวัง และกลไกในการเกิดอัมพฤกษ์จากการเคลื่อนของคอ อันเป็นผลจากการจับ ดัด เอียง สะบัด มีรายงานเป็นทางการจากสมาคมโรคหัวใจและโรคอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดผิดปกติของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานข้อสรุปได้รับการสนับสนุนและรองรับโดยสมาคมศัลยแพทย์และคองเกรสทางระบบประสาทของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke ฉบับเดือนตุลาคม 2014 ทั้งนี้ การนวดกดจุดก็น่าจะต้องระวังเช่นกัน เนื่องจากเส้นเลือดคู่หลังจะวิ่งเข้าสมองโดยผ่านรู 2 ข้างที่ฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งจากการนวด อาจจะมีวิธี “ปิด–เปิดประตู”

ทั้งนี้ การเปิดปิดประตูคือการกดจุดที่รู 2 ข้างซึ่งจะตัดการไหลเวียนของเลือดเข้าสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพในสมอง ทำให้ตามืดไปชั่วขณะ และเมื่อปล่อยการกดจุด เลือดจะไหลมาดังเดิมทำให้ตาสว่าง ซึ่งในคนที่เส้นเลือดผิดปกติอยู่แล้ว ตาอาจมืดไปเลยได้ กลายเป็นบอดทั้ง 2 ข้าง

สำหรับคนเมื่อยคอ วิธีแก้เมื่อย รวมทั้งยังสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองได้คือคอตรง หน้าตรง ดันศีรษะสู้กับฝ่ามือตนเอง 4 ทิศ ซ้ายขวา หน้าหลังเท่ากับ 1 รอบ ดันแรง ดันนานๆ ทำวันละ 10-20 รอบ ตอนไหนก็ได้ ยังช่วยเรื่องกระดูกกดทับเส้นประสาท ปรับโครงสร้างกระดูก เส้นเอ็นให้เข้าที่ ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ไม่ต้องไปดึงคอที่โรงพยาบาลเสียเวลารถติด ข้อสำคัญไม่ต้องกินยาแก้ปวด ซึ่งเป็นการแก้ปลายเหตุ กระเพาะทะลุ ไตพัง และยาแก้ปวดยังทำให้เส้นเลือดหัวใจตันได้


หลังจากการให้ข้อมูลเรื่องหมุนคอ บิดคอไปแล้ว ต้องเรียนให้ผู้ประกอบวิชาชีพเกี่ยวกับกายภาพบำบัดการจัดกระดูก การบริหารร่างกาย โยคะ ร้านตัดผม นวดทราบนะครับว่าสรุปตามข้อมูลหลักฐานความเป็นจริงทางการแพทย์ดังที่ปรากฏในวารสารข้างต้น ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด เพราะฉะนั้นถ้าจะชี้แจงต่อว่า อย่างไรก็ตาม กรุณาติดต่อไปที่ American heart association/ stroke แต่ควรอ่านหลักฐานและกระบวนการที่มาของการต้องระวังดังกล่าว ถ้าทราบข้อห้าม ทราบโครงสร้างของเส้นเลือดและกระดูกเส้นเอ็นและท่าที่เกิดอันตรายก็ไม่น่ามีปัญหานะครับ.

หมอดื้อ

ขอบคุณรูปจาก วารสาร Stroke ของสหรัฐ

 

กลไกที่จะเกิดอาการทางจิตของกัญชา
22/2/64

1- จะเกิดจากวัตถุประสงค์ที่ใช้เพื่อเฮฮา ดังนั้นปริมาณของการเสพ จะมีสารTHC เป็นจำนวนมากในครั้งเดียว
2- คนที่จะมีอาการทางจิตนั้นจะใช้เสพตามข้อ 1. และจะมีลักษณะถูกกำหนดโดยรหัสพันธุกรรมจำเพาะ
ก. โดยแบ่งออกเป็นเมื่อใช้แล้วจะถูกกำหนดให้ชอบและใช้บ่อยจนกระทั่งติด และเกิดมีการเปลี่ยนแปลงในสมองเฉพาะส่วนและในจำนวนนี้เมื่อใช้ต่อจะเกิดมีอาการทางจิตขึ้น หลักฐานทางสมองและมีรหัสพันธุกรรมเหล่านี้ค้นพบตั้งแต่ปี 2018
ข. สำหรับคนที่ไม่เคยใช้กัญชาเลยแต่ใช้ครั้งแรกและเจอกับ THC ในปริมาณสูงมากถึง เช่น 10 มิลลิกรัมหรือมากกว่าในครั้งเดียวและเกิดมีอาการทางจิตวิปลาสเกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นจากการที่มีรหัสพันธุกรรมที่หายากที่รายงานในปี 2019 AKT1 ยีน
ทั้งนี้อาการทางจิตนั้นจะหายไปเองโดยที่ไม่ต้องรักษาและถือเป็นข้อห้ามไม่ให้ใช้กัญชาแม้ว่าจะเป็นทางการแพทย์ก็ตามที่มี THC
ยกเว้นเสียแต่ว่าใช้ CBD dominant กล่าวคือมีอัตราส่วนระหว่าง CBD :THC มากกว่า 20:1 ในภาวะเช่นโรคทางสมองบางชนิดที่ดื้อต่อยาปัจจุบันและใช้ CBD dominant ยังควบคุมอาการได้ไม่ดี เช่นโรคลมชักที่ดื้อยาอาจค่อยๆปรับเปลี่ยนเป็น CBD rich คือ อัตราส่วนอยู่ที่ 10:1

ทั้งนี้คำว่า CBD นั้นจะไม่ใช่ CBD เดี่ยวๆตัวเดียว แต่เป็น CBD และอนุพันธ์อื่นๆ จึงทำให้ได้ผลโดยไม่ต้องใช้ CBD ปริมาณสูงตามตำราต่างประเทศในสมัยก่อนซึ่งขณะนี้มีการปรับเปลี่ยนกันหมดแล้ว

ค. อาการทางจิตที่เกิดขึ้นหลังจากเสพโดยต้องการให้สนุกเฮฮา ตามข้อ 1. แต่เสพเกินเลยไปจนกระทั่งเมา (intoxication) จะมีอาการทางจิตได้สองแบบคือ

ค.1 เป็นอาการที่ไม่ใช่อาการทางจิตจริง และเป็นความแปรปรวนของการรับภาพแปลภาพที่เห็นและมิติของภาพที่เห็น ทำให้บิดโย้ หรือมีความกว้างยาวและลึกแปรปรวน รวมทั้งสีผิดเพี้ยนไป ซึ่งเป็นผลจากความแปรปรวนของก้านสมองส่วนบนไปสู่สมองส่วนท้ายทอยซึ่งรับและแปลภาพที่เห็น โดยหายไปเองเมื่อหายเมา

ค.2 เป็นอาการทางจิตจริง เรียกว่าเป็น psychotic like experience และเกิดขึ้นจากการที่มีรหัสพันธุกรรมจำเพาะเช่นกัน แต่ต้องเสพกัญชาด้วยวัตถุประสงค์ ตามข้อหนึ่งและใช้บ่อยและจนกระทั่งเกิดวิปลาสชั่วขณะได้ และหายไปได้เอง รหัสพันธุกรรมดังกล่าวสามารถอธิบายได้ 69.2 ถึง 84.1% โดยมีการรายงานในปี 2018 (คนละรายงานจากข้างต้น)

ลักษณะตามข้อนี้จะมีลักษณะอาการทางจิตอยู่นานกว่าแม้ว่าจะหายเมาแล้วก็ตามโดยที่มีการทรงตัวเป็นปกติแล้วเป็นต้น ซึ่งในกรณีของข้อ ค.2 เป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง
แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้กัญชาทางการแพทย์ให้ปฏิบัติตามข้อ ข.

อย่างไรก็ตามอาการติดกัญชา โดยที่จะมีอาการทางจิตหรือไม่มีก็ตาม สามารถหยุดกัญชาได้ทันทีโดยที่จะกลับเป็นปกติได้ในระยะเวลาประมาณ 28 วัน
ทั้งนี้อาจจะช่วยให้การติดนั้นดีขึ้นเร็ว ด้วยการใช้ CBD และอนุพันธ์ โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาโรคจิตหรือยาสงบ
ประสาทอื่นๆ

ในกรณีที่ใช้ส่วนอื่นที่ไม่ใช่ช่อดอกมาใช้ในวิถีชีวิตประจำวันและใช้ในการประกอบอาหารนั้น ปริมาณของส่วนที่จะออกฤทธิ์ทางจิตประสาทนั้นมีปริมาณน้อยมากและเป็นที่รับทราบกันดีใน ผู้สูงอายุในประเทศไทยที่นำใบสดมาทำเป็นใบปั่นโดยจะร่วมหรือไม่ร่วมกับผลไม้อื่นก็ตาม
หรือทำเป็นใบแห้งโดยจะทำให้แห้งโดยไม่ถูกความร้อนหรือจะถูกความร้อนก็ตามและนำมาบดใส่ถุงชาและดื่มเป็นน้ำชาไปตลอดทั้งวัน และรวมกระทั่งนำมาประกอบอาหาร

ทั้งนี้วิถีไทยในการใช้ใบกัญชาและส่วนอื่นที่ไม่มีช่อดอก ใส่เพื่อรสชาติของอาหารและเพื่อความสุขโดยไม่ถึงกับเมา และในครอบครัวคนไทยไม่ได้มีจุดประสงค์ให้กินอาหารแล้วเกิดเมาอาเจียนเวียนหัวบ้านหมุน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น คือทำอาหารไม่เป็น และจะผิดจุดประสงค์ของการใช้เพื่อวิถีไทยและการทำอาหารโดยสิ้นเชิง

 

สด ความคืบหน้า วัคซีนใบยา สัญชาติไทย ทั้งแท่ง สู้กับไวรัส ปกติ และที่กลายพันธุ์

 

งูสวัด...มีเรื่องต่อตามด้วย อัมพฤกษ์และหัวใจวาย

หมอดี้อ ไทยรัฐ


เริ่มตั้งแต่ในปี 2014 ที่ได้เห็นรายงานในวารสาร โรคติดเชื้อทางคลินิก (clinical infectious disease) ถึงการติดตามคนไข้ที่เป็นงูสวัดและการเกิดมีเส้นเลือดในสมองผิดปกติเป็นอัมพฤกษ์ ในช่วงระหว่างปี 1987 ถึง 2012 จากจำนวน 6,584 ราย พบอัมพฤกษ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภายในช่วงหกเดือนหลังจากที่เกิดงูสวัดแล้วค่อยๆลดลงเรื่อยๆในช่วงหกเดือนถัดมา ผู้ที่อยู่ในการติดตาม ส่วนใหญ่มีอายุ 70 ขึ้น ตำแหน่งที่ดูจะมีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกับการเกิดอัมพฤกษ์จะเป็นงูสวัด ที่ขึ้นบริเวณหน้าและเข้าในลูกตา โดยจะเกิดอัมพฤกษ์สูงขึ้นถึงสามเท่าในช่วงเวลาห้าถึง 12 อาทิตย์ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ งูสวัดที่ขึ้นที่ตำแหน่งอื่นของร่างกายก็เพิ่มความเสี่ยงเช่นเดียวกัน การให้ยารักษาต้านงูสวัดมีผลในการลดความเสี่ยง ซึ่งต้องตอกย้ำว่าโรคงูสวัดไม่ใช่เป็นแค่โรคที่ระวังผิวไม่สวยงาม หรือกลัวเป็นแผลเป็นเลยใช้แต่ยาทา ยาสมุนไพรเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการที่ไวรัสสามารถบุกทะลุทะลวงย้อนกลับเข้าเส้นประสาทสู่เส้นเลือด หรือแม้แต่ทะลวงเข้าสู่ไขสันหลังและสมองและการที่ไม่ให้ยาต้านไวรัสจะทำให้มีการอักเสบอย่างต่อเนื่อง มีเจ็บแสบร้อนเป็นปีหรือตลอดชีวิต ต้องรักษาโดยการให้ยาแก้ปวดเส้นประสาทกันทุกวัน

สำหรับกลไกที่ทำให้เกิดอัมพฤกษ์ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด เช่น มีสารอักเสบกระจายทั่วร่างกาย แม้ว่างูสวัดจะเป็นที่ตำแหน่งเดียวก็ตาม และทำให้เกิดมีเลือดข้น รวมทั้งอาจทำให้ผิวที่ขรุขระของเส้นเลือดแตกหลุดออกหรือตีบตันมากขึ้น และจากการที่ไวรัสเคลื่อนตัวย้อนกลับทางเส้นประสาทไปหาเส้นเลือด ทำให้เกิดการอักเสบและเกิดการตีบตัวโดยตรงของเส้นเลือดในตำแหน่งเดียวกัน ทั้งนี้ อธิบายในกรณีที่งูสวัดเกิดบริเวณหน้า หนังศีรษะ และคอ แต่ที่กล่าวทั้งหมดดูจะไม่อธิบายอัมพฤกษ์ที่เกิดขึ้นตามหลังเป็นหลายๆเดือน

จากรายงานนี้ทำให้หมอต้องให้คนไข้จำขึ้นใจว่า ถ้าเกิดอัมพฤกษ์ขึ้นเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นชนิดตีบ ตัน หรือแตก ต้องบอกให้คุณหมอที่ห้องฉุกเฉินทราบว่าเป็นงูสวัดมาก่อน โดยที่อาจจะต้องรักษาทั้งอัมพฤกษ์และพิจารณารักษาด้วยยาต้านไวรัสไปพร้อมกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจและการอธิบายให้คนไข้ทราบถึงหลักฐานที่ปรากฏ

หลังจากนั้นไม่นานหมอไปดูคนไข้ที่ห้องฉุกเฉิน ไปพบคนไข้เป็นอัมพฤกษ์ที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่สัปดาห์มาหาด้วยงูสวัด และให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสแล้วด้วยซ้ำ เคราะห์ดีที่รักษาได้ทันโดยการให้ทั้งยาต้านไวรัสและรักษาด้วยยาสำหรับเส้นเลือดตีบทั้ง 2 อย่าง

จากปี 2014 จนกระทั่งถึง 2017 มีการศึกษาจากหลายกลุ่ม โดยให้ผลคล้ายคลึงกันว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจและโรคอัมพฤกษ์หลังจากที่เกิดงูสวัด เช่นในปี 2015 รายงานจากสหรัฐฯ (วารสาร Plos medicine) พบว่ามีการเกิดอัมพฤกษ์และเส้นเลือดหัวใจตีบตันหลังจากเป็นงูสวัดเพิ่มขึ้น 2.4 และ 1.7 เท่าตามลำดับในหนึ่งสัปดาห์แรก แล้วก็ค่อยๆลดลงจนถึงหลายๆเดือนต่อมา ทั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการที่ได้รับวัคซีนป้องกันงูสวัดหรือไม่ ผู้ป่วยในการศึกษานี้อายุประมาณ 80 ปี

ในปี 2017 เป็นรายงานจากประเทศเกาหลี ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกับคนไทยทั้งในเรื่องของเชื้อชาติ ระดับสุขภาพ แม้กระทั่งความเสี่ยงของโรคอัมพฤกษ์และโรคหัวใจ รายงานนี้รวบรวมวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากฐานข้อมูลของคนเกาหลีภายใต้ระบบประกันสุขภาพ ในช่วงระหว่างปี 2002 ถึง 2013 โดยวิเคราะห์จากประชากรจำนวน 570,000 ราย ซึ่งใช้เป็นตัวแทนของคนเกาหลีทุกอายุ และทุกภาคของประเทศ จากนั้นระบุคนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นงูสวัด อัมพฤกษ์และโรคหัวใจขาดเลือด และแยกการประเมินผลกระทบของงูสวัดที่มีต่อการเกิดโรคดังกล่าวโดยใช้วิธี propensity score-matched analysis จากจำนวนทั้งหมดมี 519,880 รายที่ได้รับการติดตามและวิเคราะห์ครบถ้วนในจำนวนนี้ พบว่า 23,223 ราย หรือ 4% เกิดงูสวัด และ 23,213 ราย สามารถนำมาทำการเปรียบเทียบกับคนที่ไม่ได้เกิดอาการ


เมื่อดูข้อมูลตามปกติ เผินๆจะมีสตรีเป็นงูสวัดมากกว่า โดยที่มีความเสี่ยงในการเกิดอัมพฤกษ์และโรคหัวใจขาดเลือด เช่น อายุมาก ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันผิดปกติ มีอาการเจ็บหน้าอก มีโรคของเส้นเลือดไปยังขาตีบผิดปกติ มีโรคของกระดูกและข้อ รวมทั้งมีมะเร็งร่วมด้วย แต่พบว่ากลุ่มที่เกิดงูสวัดมีการรักษาสุขภาพตัวเองดีกว่า เช่น สูบบุหรี่และดื่มสุราน้อยกว่า มีการออกกำลังสม่ำเสมอ และมีเศรษฐานะที่ดีกว่า

แต่เมื่อทำการวิเคราะห์โดยการปรับความแตกต่างทั้งหลายดังวิธีข้างต้น กลับพบว่าความเสี่ยงในการเกิดอัมพฤกษ์และโรคหัวใจกลับพบสูงสุดในกลุ่มที่มีอายุน้อยกว่า 40 และมิหนำซ้ำยังมีปัจจัยเสี่ยงของเส้นเลือดตีบน้อยมาก ในส่วนของระยะเวลาที่จะเกิดโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ กลับพบว่าทอดยาวมากกว่ารายงานที่มีก่อนหน้า โดยพบว่าความเสี่ยงจะคงอยู่ในช่วงหนึ่งปีแรกหลังจากการเกิดงูสวัดและค่อยๆลดน้อยลง

สมมติฐานที่คณะผู้วิจัยเกาหลีตั้งขึ้นคือ การที่ไวรัสงูสวัดมีการปลุกให้ตื่นอยู่ตลอดเวลา หรือเป็นพักๆต่อเนื่องหลังจากที่ทำให้เกิดผื่นที่ผิวหนังแล้ว ดังนั้นอาจเป็นไปได้ที่จะตรวจพบดีเอ็นเอของไวรัสในน้ำลาย หรือตรวจพบทีเซลล์ (T cell) ที่มีความเฉพาะเจาะจงกับไวรัสงูสวัดสูงขึ้นในเลือด และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็จะสามารถระบุได้ว่าใครมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและอัมพฤกษ์หลังจากที่เกิดงูสวัดที่ผิวหนังแล้ว

งูสวัด (herpes zoster) แท้จริงก็คือ ไวรัสสุกใส (varicella) ที่ชอบเป็นกันตั้งแต่เด็ก ซึ่งเมื่อเป็นแล้วก็จะมีภูมิคุ้มกันต่อตัวไวรัส แต่ไวรัสจะฉลาดและหลบเข้าไปอยู่ในปมประสาทและเมื่อร่างกายอ่อนแอ เช่น สูงวัยขึ้นและการที่มีภูมิอ่อนแอลง ตัวไวรัสในปมประสาทจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นและเพิ่มจำนวนจนทำให้เกิดปมประสาทอักเสบและไวรัสเคลื่อนตัวตามเส้นประสาทมายังผิวหนังปรากฏผื่น ตุ่มน้ำเป็นกระจุกตามแนวทางของเส้นประสาทที่รับความรู้สึกของร่างกาย และเกิดเจ็บแสบปวดร้อน อย่างไรก็ดี อาจมีได้ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ที่มีอาการแสบร้อนโดยไม่เห็นผื่นที่ผิวหนัง และบ่อยครั้งที่ไวรัสเคลื่อนตัวเข้าไขสันหลัง สมองผ่านทางเส้นเลือดโดยที่จะมีหรือไม่มีผื่นที่ผิวหนังก็ตาม

วัคซีนกันสุกใสในเด็กจะเป็นชนิดเดียวกันกับวัคซีนกันงูสวัด แต่ปริมาณของยาในแบบหลังจะสูงกว่าในผู้ใหญ่ วัคซีนกันงูสวัดมีข้อมูลว่าใช้ได้ประโยชน์สูงสุดในระหว่างอายุ 60 ถึง 70 ปี โดยไม่จำกัดว่าเคยเป็นสุกใสมาก่อนหรือไม่ สามารถป้องกันโดยรวมได้ประมาณ 50% (อายุระหว่าง 60 ถึง 70 ปีป้องกันได้ 64% และถ้าอายุมากกว่า 70 ปีจะป้องกันได้ 38%) ถ้าเป็นงูสวัดจะลดอาการปวดได้ประมาณ 70%

เนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อเป็น ดังนั้นจะมีข้อห้ามก่อนฉีดต้องปรึกษาและให้รายละเอียดกับหมอก่อน.

หมอดื้อ

 

Carrie Lam ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฮ่องกงพร้อมด้วยเลขานุการของรัฐบาลและผู้อำนวยการสำนักหลายคนได้รับการฉีดวัคซีน Covid-19 Sinovac jabs ที่พัฒนาบนแผ่นดินจีนเป็นส่วนหนึ่งของการขนส่งที่ส่งไปยังเมืองเมื่อเร็ว ๆ นี้ หัวหน้าฝ่ายบริหารคาดว่าจะพูดคุยกับสมาชิกของสื่อมวลชนหลังจากการฉีดวัคซีน

ที่มา:
AP

 

ซาอุดีอาระเบีย : ตั๊กแตนกลับมาระบาดหนักอีกครั้ง ปีนี้คาดว่าหนักกว่าเดิมเพราะฝนดี ฝนตกเอื้อต่อการระบาดต้นไม้อาหารมากขึ้น อากาศเหมาะแก่การผสมพันธุ์

คลิป

 

อินเดีย : เดลี พบโฟมพิษลอยอยู่บนผิวน้ำแม่น้ำยมุนาอีกครั้งในวันนี้ โฟมเกิดจากมลพิษในแม่น้ำ
:earthworri

 

มาเลเซีย : เนรเทศชาวพม่า กว่า 1,086 คนกลับประเทศ
#ถึงจะมีคำสั่งศาลห้ามเนรเทศออกคำสั่งไม่กี่ชั่วโมง แต่ก็ไม่สามารถหยุดการส่งกลับได้ 1,086 คนเป็นกลุ่มเข้าเมืองผิดกฏหมายถูกคุมขังอยู่ในมาเลเซีย เรือรบ 3 ลำถูกเตรียมไว้สำหรับส่งกลับ กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้ยื่นฟ้องศาลเพื่อขอให้ยุติการส่งกลับดังกล่าวโดยอ้างว่า ในบรรดาผู้ถูกส่งตัวกลับมีผู้ที่ยื่นขอสถานะผู้ลี้ภัยและผู้ลี้ภัยชาวเมียนมารวมอยู่ด้วยแต่ไม่สามารถระงับได้ ตั้งแต่โควิดระบาดในปี 2020 มาเลเซียเนรเทศกลุ่มแรงงานเข้าเมืองผิดกฏหมายหลายชาติที่ถูกคุมขังเป็นจำนวนมาก