ติดตามสถานะการณ์

ผลงานรัฐบาล

นอกจากนี้ผู้เสียชีวิตเล่าให้ฟังว่า ได้สมัครเข้าร่วม ร้านค้า โครงการ คนละครึ่ง และเราชนะ แต่พบว่าระบบเงิน ของเราชนะ เงินจะเข้าบัญชีช้า ทำให้เงินมาหมุนไม่ทันไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมาไม่ทัน ไม่คิดว่าจะมาคิดสั้นตัดสินใจฆ่าตัวตายแบบนี้ เราอธิบายให้เจ้าหนี้ฟังน่าจะเข้าใจเราว่าเงินมันเข้าช้า
------
ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งมีชายผูกคอตนเองเสียชีวิต ภายในห้องเช่า ต.คลองสวนพลู พบศพ นาย พรชัย ลาภนิล อายุ 60 ปี เจ้าของร้านกาแฟโบราณ ที่แต่งตัวเป็นลิเก ขายกาแฟโบราณอยู่ ด้านหลังวิหารพระมงคลบพิตร เป็นอดีตพระเอกลิเก และเจ้าของคณะลิเก เคยเป็นข่าวโด่งดัง

ที่เตียงนอนพบสมุด ปากกาอีก1 ด้าม และถุงกาแฟกระดาษ ตรวจสอบ ในสมุด มีเขียนข้อความด้วยลายมือ ทางญาติยืนยันว่าเป็นลายมือของผู้เสียชีวิต เขียนข้อความว่า ช่วยนงค์ด้วยเรื่องเงินกู้ ผมเอามาลงทุนขายที่ร้าน เหนื่อยจัง ขอไปก่อนโควิดรอบนี้ผมจำนำหมด กู้เงินมาขาย ก็ขาดทุน เอาอัฐิผลกับลูกสาวไว้ที่เดียวกัน หลวงพี่แก่ เจ้าอาวาสวัดกล้วยผมไม่มีเงินไปขอท่าน มาทำทุนผมไม่ได้ใช้ท่านเลย รถให้เข้ามายึดไป หมดแล้ว ลาก่อน ลิเกกาแฟไม่สู้ชีวิต

ด้าน อดีตภรรยา ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตเคยเป็นเจ้าของคณะลิเก พรชัยวัฒนา ต่อมาเริ่มมีอายุมากขึ้นประกอบกับความนิยมการดูลิดเกน้อยลงจึงยุบคณะ มาเปิดร้านขายกาแฟ ที่วิหารพระมงคลบพิตร ด้วยการแต่งชุดลิเกร้องลิเกขายไปด้วย ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขายของไม่ดีไม่นักท่องเที่ยว จะพอขายได้ช่วงวันหยุด ผู้เสียชีวิตเคยบ่นเครียดเรื่องปัญหาหนี้สินอยากจะฆ่าตัวตายได้ให้กำลังและขอให้อดทนเหมือน คำขวัญของร้านกาแฟ ว่าลิเกกาแฟ คนสู้ชีวิต

นอกจากนี้ผู้เสียชีวิตเล่าให้ฟังว่า ได้สมัครเข้าร่วม ร้านค้า โครงการ คนละครึ่ง และเราชนะ แต่พบว่าระบบเงิน ของเราชนะ เงินจะเข้าบัญชีช้า ทำให้เงินมาหมุนไม่ทันไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมาไม่ทัน ไม่คิดว่าจะมาคิดสั้นตัดสินใจฆ่าตัวตายแบบนี้ เราอธิบายให้เจ้าหนี้ฟังน่าจะเข้าใจเราว่าเงินมันเข้าช้า

#อยุธยา #พิษโควิด
#ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

การท่าเรือฯ เคลียร์ดราม่า “พิมรี่พาย” ติดไฟคลอยเตย ไม่ใช่พื้นที่บุกรุก-แต่อยู่ระหว่างขอคืนพื้นที่
.
ทีมข่าวโมโน29 ลงพื้นที่บริเวณชุมชน 70 ไร่ ล็อค 1-2-3 เขตคลองเตย หลังเกิดดราม่า “พิมรี่พาย” แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ลงพื้นที่ติดตั้งแผงโซลาเซลล์ และไฟส่องสว่างบริเวณทางเดินในชุมชนคลองเตย ซึ่งภายหลังได้มีการตั้งข้อสงสัยว่าพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่มีเจ้าของและชาวบ้านบุกรุกสร้างที่อยู่อาศัย จนมีการดำเนินคดีฟ้องร้องขับไล่หรือไม่นั้น
.
‘นายฉัตรชัย อำนวยเกียรติ’ ผู้พักอาศัยอยู่ในชุมชนนี้มานานกว่า 40 ปี ยืนยันว่า ชาวบ้านไม่ได้บุกรุกที่ดินของเอกชน เนื่องจากพื้นที่ชุมชนแห่งนี้เป็นของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งครอบครัวของตนเองก็เข้ามาอยู่อาศัยที่นี่ตั้งแต่รุ่นปู่ย่า แต่ละบ้านจะมีสำเนาทะเบียนบ้าน และขอมิตอร์น้ำ-ไฟได้ตามปกติ แต่ในส่วนของพื้นที่ทางเดินหลายจุดในชุมชน ในบางตรอกซอยยังไม่มีไฟส่องสว่าง
.
โดย ‘นายเดชา นุชพุ่ม’ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด การท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไม่ได้ขัดข้องที่จะมีคนไปให้ความเหลือคนในชุมชน โดยพื้นที่ทั้งหมดของชุมชน 70 ไร่ เป็นพื้นที่ของการท่าเรือ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาขอคืนพื้นที่ ทำโครงการสมาร์ทคอมมูนิตี้ แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการขอคืนพื้นที่ โดยได้เตรียมทางเลือกไว้ให้กับคนในชุมชน ทั้งที่ดินสำหรับปลูกสร้างที่อยู่อาศัย หรือการเข้าอยู่อาศัยในลักษณะของอาคารชุด ที่การท่าเรือจะดำเนินการให้ หรือหากไม่เลือกอยู่อาศัยในสถานที่ที่จัดหาไว้ ก็สามารถรับเป็นเงินทุนได้
.
ทั้งนี้ การเข้ามาติดไฟส่องสว่างของ พิมรี่พาย ได้มีการแจ้งไปยังการท่าเรือฯ เป็นที่เรียบร้อย และการท่าเรือฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาร่วมติดตั้งไฟด้วย
.
#ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29
#พิมรี่พาย #ชุมชนคลองเตย #การท่าเรือแห่งประเทศไทย

 

พรรคคอมมิวนิสต์จีนวางแผนจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองแข่งกับสหรัฐฯ

วันที่ 2 มี.ค. 2564 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานความเคลื่อนไหวในการประชุมประจำปีของสภานิติบัญญัติจีน โดยเปิดเผยว่าทางสมาชิกระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จะอนุมัติแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงลดการพึ่งพาชาติตะวันตก

ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทำให้แต่ละฝ่ายต้องการพึ่งพาตนเองมากขึ้น จากความหวาดกลัวแนวคิดทางการเมืองของฝั่งตรงข้าม และหวั่นว่าอีกฝ่ายจะออกมาตรการเพื่อกีดกันไม่ให้เติบโตได้

ทางรัฐบาลปักกิ่งเชื่อมั่นว่าระบบการเมืองของตนนั้นได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น จากการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 แม้ว่าจะมีข้อกังขาเรื่องการที่เจ้าหน้าที่ในระดับท้องถิ่นปกปิดไม่ยอมแจ้งส่วนกลางถึงการระบาดในช่วงแรก จนเป็นเหตุทำให้เชื้อแพร่กระจายไปทั่วโลกก็ตาม

ในด้านเศรษฐกิจ มีการคาดการณ์ว่าตัวเลขจีดีพีของจีนจะสูงขึ้น 8.3% ในปีนี้ ขณะที่สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะโตขึ้นเพียง 4.1% เท่านั้น จึงเป็นไปได้ว่าการทุ่มเงินลงทุนหลักล้านล้านดอลลาร์ อาจช่วยให้จีนมีขนาดเศรษฐกิจแซงหน้าสหรัฐฯ ได้ภายในทศวรรษนี้ และก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจในโลกยุคใหม่

และเพื่อที่จะก้าวไปให้ถึงจุดนั้น จีนจำเป็นต้องโฟกัสไปที่การพัฒนาด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นความหวังหลัก โดยคาดว่ารัฐบาลจีนจะเพิ่มงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) ในสัดส่วนที่เท่ากับหรือมากกว่าสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันจัดสรรงบเพื่อใช้ในส่วนนี้ราว 3% ของจีดีพี

ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนออกมาประกาศแล้วว่า จะเน้นการพัฒนาด้านพลังงานไฮโดรเจน รถยนต์พลังงานไฟฟ้า และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ จึงคาดว่างบที่จัดสรรมาให้เพิ่มจะมีการนำไปใช้ในส่วนที่กล่าวมา

ที่มา: https://www.bloomberg.com/news/arti...for-tech-revolution-to-cut-dependence-on-west

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

รัสเซียแจงเหตุนัด Clubhouse ล่ม เกิดจาก อีลอน มัสก์ ไม่ตอบกลับ

โฆษกประจำตัวผู้นำรัสเซียเผยไม่มีสัญญาณตอบรับจาก อีลอน มัสก์ ถึงการนัดพูดคุยบน Clubhouse

วันที่ 2 มี.ค. 2564 เว็บไซต์ซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานคำชี้แจงจากรัฐบาลรัสเซียว่า การนัดหมายบนแอปพลิเคชัน Clubhouse ระหว่างประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน และ อีลอน มัสก์ คงไม่เกิดขึ้นแล้ว หลังจากที่พวกเขาขอรายละเอียดเพิ่มเติมไปแล้วไม่ได้รับการตอบกลับ

เมื่อเดือนที่แล้ว อีลอน มัสก์ ได้เชิญชวนผู้นำรัสเซียผ่านทางทวิตเตอร์ ให้เข้ามาเปิดห้องร่วมสนทนากับเขาใน Clubhouse แต่หลังจากที่ทางรัฐบาลรัสเซียเอ่ยว่าเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ แต่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม อีลอน มัสก์ กลับไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีกเลย

ดิมิทรี เปสคอฟ โฆษกของปูตินกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การเชิญชวนครั้งนี้อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด และเรื่องนี้คงจะจบลงแล้ว

ที่มา: https://www.cnbc.com/2021/03/02/kre...ouse-invitation-to-putin-came-to-nothing.html

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

ผ่อนปรนพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จ.สมุทรสาคร หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย สามารถเปิดดำเนินการกิจการกิจกรรมได้ ดังนี้

1. สนามกีฬาของรัฐและเอกชน (ยกเว้นต.ท่าทราย ต.นาดี)
2. สถานศึกษาทุกประเภทของรัฐและเอกชน (ยกเว้นต.ท่าทราย ต.นาดี)
3. ร้านอาหาร เปิดได้ถึง 23.00 น. หลังจากนั้นนำกลับไปบริโภคที่อื่น
4. ห้างฯ เปิดได้ตามเวลาปกติของห้างนั้น ๆ
5. สนามฝึกซ้อมกอล์ฟ (ยกเว้นต.ท่าทราย ต.นาดี)
6. บ่อตกปลา

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube ที่ https://bit.ly/2YDfyiK

 

รมว.สาธารณสุข เผยวัคซีนพาสปอร์ตตัวอย่าง เตรียมหารือกรมควบคุมโรคเพื่อออกหลักเกณฑ์ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และลดจำนวนวันกักตัวหรือไม่

วันที่ 3 มี.ค.2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข แสดงตัวอย่างหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 (Vaccine Passport ) พร้อมเปิดเผยว่า วันที่ 8 มี.ค.นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เพื่อหารือถึงการออกเอกสารรับรองหลังรับวัคซีนโควิด-19 ที่ออกโดยกรมควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ เพื่อใช้แนบไปกับพาสปอร์ตเวลาเดินทาง สิ่งเหล่านี้ทำให้เห็นว่า ประเทศไทย พร้อมเปิดประเทศแล้ว

ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มีกฎหมายโดยมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อ หรือ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นผู้ออกหนังสือรับรองให้กับประชาชนที่ฉีดวัคซีนจนครบได้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการวางระบบไว้เช่นกัน

สำหรับขั้นตอนนั้น เมื่อบุคคลที่ฉีดวัคซีนครบทางโรงพยาบาลจะออกใบรับรองการฉีดวัคซีนให้ หลังจากนั้นหากต้องการหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนอย่างเป็นทางการ ก็สามารถขอได้ที่กรมควบคุมโรค ส่วนในอนาคตหากมีใบรับรองนี้แล้วจะมีผลกับการลดจำนวนกักตัวหรือไม่ ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ในวันที่ 8 มี.ค.64 นี้ ซึ่งเรื่องนี้ ทางองค์การอนามัยโลก อยู่ระหว่างพิจารณาและจะประชุมในสัปดาห์นี้ ว่า กรณีหากมีวัคซีนพาสปอร์ตในแต่ละประเทศแล้ว จะทำอย่างไรให้เป็นแบบฟอร์มมาตรฐานเดียวกัน ต้องรอความชัดเจน

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube ที่ https://bit.ly/2YDfyiK

 

IAEA เผย ‘เกาหลีเหนือ’ อาจเริ่มนำเชื้อเพลิงนิวเคลียร์มาสกัดซ้ำเพื่อทำ ‘ระเบิด’
.
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกมาแสดงความกังวลวานนี้ (2 มี.ค.) หลังมีรายงานของสหประชาชาติที่ระบุว่า เกาหลีเหนืออาจกำลังนำเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วมาผ่านกระบวนการสกัดซ้ำ (reprocessing) เพื่อทำเป็นระเบิด ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่จะกระพือความตึงเครียดกับสหรัฐฯ
.
พล.ร.ต. ไมเคิล สตัดแมน หัวหน้าฝ่ายข่าวกรองประจำกองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ระบุว่า ข้อมูลจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) เกี่ยวกับกิจกรรมล่าสุดของเกาหลีเหนือบ่งชี้ว่าเปียงยางอาจกำลังเรียกร้องความสนใจจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน และต้องการใช้เรื่องนี้เป็นข้อต่อรองบีบสหรัฐฯ ให้ผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร
.
“เรากำลังเฝ้าติดตามเรื่องนี้ และความมุ่งหมายของเกาหลีเหนือเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง” สตัดแมน กล่าวในงานเสวนาเสมือนจริงด้านเทคโนโลยีและความมั่นคง
.
ในรายงานของ IAEA เมื่อวันจันทร์ (1) ราฟาเอล มาเรียโน กรอสซี ผู้อำนวยการ IAEA ได้อ้างถึงความเคลื่อนไหวที่ตรวจพบบริเวณโรงงานนิวเคลียร์ยองบยอน (Yongbyon) และโรงเสริมสมรรถนะยูเรเนียมกังซอน (Kangson) ของเกาหลีเหนือ โดยสังเกตเห็นไอน้ำลอยอยู่เหนือโรงงานที่ใช้เป็นห้องปฏิบัติการทางเรดิโอเคมี ซึ่งที่ผ่านมาเปียงยางเคยใช้ห้องปฏิบัติการที่ยองบยอนแปรสภาพพลูโตเนียมจากเตาปฏิกรณ์ตัวหนึ่งเพื่อนำไปผลิตเป็นระเบิดนิวเคลียร์มาแล้ว
.
กรอสซี ย้ำว่า การที่โสมแดงยังคงทำกิจกรรมนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่องเท่ากับละเมิดมาตรการคว่ำบาตรยูเอ็น และเป็นสิ่งที่ “น่าเสียใจอย่างยิ่ง”
.
สตัดแมน ได้อ้างถึงถ้อยแถลงของผอ.IAEA พร้อมระบุว่า “คณะผู้บริหาร IAEA ได้ออกหนังสือแจ้งว่าพบหลักฐานที่บ่งบอกถึงการแปรสภาพเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ หากมันเป็นความจริง ก็อาจจะทำให้ความสัมพันธ์สหรัฐฯ – เกาหลีเหนือตึงเครียดขึ้นไปอีกขั้น”
.
“นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่งบางอย่างที่เกาหลีเหนือตั้งใจจะใช้กดดันรัฐบาลไบเดน อาจจะเป็นความพยายามแรกของพวกเขาเพื่อเรียกร้องความสนใจ และ (เกาหลีเหนือ) คงจะใช้ความเคลื่อนไหวนี้เป็นเครื่องมือต่อรอง เพื่อให้สหรัฐฯ ยอมผ่อนปรนคว่ำบาตร”
.
ไบเดน ซึ่งสาบานตนเป็นผู้นำสหรัฐฯ เมื่อเดือน ม.ค. อยู่ระหว่างทบทวนนโยบายที่มีต่อเกาหลีเหนือ หลังจากอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เคยใช้ยุทธศาสตร์ผูกมิตรกับผู้นำ คิม จองอึน แต่ก็ยังไม่สามารถโน้มน้าวให้เปียงยางละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์ได้
.
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของไบเดน เคยให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากนี้วอชิงตันอาจจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรหรือเสนอแรงจูงใจทางด้านการทูตบางอย่างต่อรัฐบาลโสมแดง
.
รายงานลับของยูเอ็นระบุว่า เกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธตลอดช่วงปี 2020
.
ขณะเดียวกัน เจนนี ทาวน์ รองผู้อำนวยการกลุ่ม 38 North ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือ ได้อ้างภาพถ่ายดาวเทียมระหว่างวันที่ 17 ก.พ.- 2 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีกลุ่มควันไอน้ำลอยขึ้นมาจากห้องปฏิบัติการที่โรงงานยองบยอน ซึ่งก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะถูกพักการใช้งานไปนานราวๆ 2 ปี
.
“เรายังสรุปยืนยันไม่ได้ว่ากระบวนการสกัดซ้ำเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่อย่างน้อยมันก็เป็นตัวบ่งชี้ถึงการเตรียมการ” ทาวน์ ระบุ
.
เกาหลีเหนือใช้ทั้งยูเรเนียมและพลูโตเนียมเป็นวัตถุดิบในการทำอาวุธนิวเคลียร์ โดยพลูโตเนียมนั้นสามารถทำเป็นระเบิดที่มีขนาดเล็กและเบากว่า
.
ที่มา: รอยเตอร์

 

นอร์เวย์ตั้งทีมเฉพาะกิจสืบสวน พบคนชราตายแล้ว102รายหลังฉีดวัคซีนโควิด-19

นอร์เวย์เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อสืบสวนหาข้อเท็จจริง หลังพบคนชราเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้ว 102 ราย

สำนักงานยาแห่งนอร์เวย์ระบุในวันอังคาร(2มี.ค.) ว่าผู้เสียชีวิตมีอายุเฉลี่ย 87 ปี หลายคนล้มป่วยอยู่ก่อนแล้วและอยู่ในภาวะที่อ่อนแออย่างมาก

อย่างไรก็ตามสำนักงานยาแห่งนอร์เวย์ ระบุว่ามีความจำเป็นต้องทบทวนตรวจสอบเพิ่มเติมอย่างละเอียด เนื่องจาก "เป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสมมุติฐานความเป็นไปได้ของการอาการไม่พึงประสงค์ต่างๆนานาโดยทั่วไปจากการใช้วัคซีน ไม่ว่าจะเป็นอาการไข้หรือคลื่นไส้ ซึ่งอาจซ้ำเติมโรคประจำตัวของคนไข้กลุ่มเปราะบางมากๆ"

คณะผู้เชี่ยวชาญเฉพาะกิจจะให้คำประเมินอิสระว่าการเสียชีวิตต่างๆนานานั้นเกี่ยวข้องกับโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือไม่ ซึ่งรวมแล้วครอบคลุมผู้อยู่อาศัยตามบ้านพักคนชราทั้งหลายราวๆ 40,000 คน

ผลการการค้นพบจะมีการนำเสนอก่อนเทศกาลอีสเตอร์

ก่อนหน้านี้ในช่วงกลางเดือนมกราคม บรรดาเจ้าหน้าทีในนอร์เวย์ พยายามหาทางปัดเป่าความกังวลเกี่ยวกับวัคซีน ตามหลังมีข่าวครึกโครมว่าคนไข้สูงวัย 33 คน อายุ 75 ปีขึ้นไป เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยระบุในตอนนั้นไม่พบหลักฐานว่ามันมีความเชื่อมโยงกัน และทั้งหมดล้วนแต่ป่วยหนักอยู่ก่อนแล้ว

"ชัดเจนว่า ไวรัสโควิด-19 มีความอันตรายกับคนไข้ส่วนใหญ่มากกว่าตัววัคซีน" สเตอินาร์ แมดเซน ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของสำนักงานยาแห่งนอร์เวย์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก พร้อมระบุว่า ความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนกับเหตุเสียชีวิตนั้น เป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์ “แต่เราไม่กังวล”

(ที่มา:บลูมเบิร์ก/เอเจนซี)

 

นั่งกันไม่ติด!ร้องUNประชุมฉุกเฉินรอบใหม่ หลังกองทัพพม่ายกระดับใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม

สหราชอาณาจักรร้องขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดประชุมฉุกเฉินรอบใหม่ในประเด็นพม่าในวันศุกร์(5มี.ค.) แหล่งข่าวด้านการทูตเปิดเผยกับเอเอฟพีในวันอังคาร(2มี.ค.) หลังกองกำลังด้านความมั่นคงของพม่ายกระดับใช้ความรุนแรงกับเหล่าผู้ชุมนุมต้านรัฐประหาร

แหล่งข่าวด้านการทูตเผย ข้อเสนอของทางลอนดอนระบุว่าการหารือครั้งนี้จะเป็นการประชุมลับตอนเวลา 15.00จีเอ็มที(ตรงกับเมืองไทย 22.00น.) หลังจากก่อนหน้านี้ทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเคยประชุมฉุกเฉินกันมาแล้วหนหนึ่ง ซึ่งหนนั้นมีขึ้น 1 วัน หลังกองทัพพม่าก่อรัฐประหารโค่นอำนาจนางอองซานซูจี ผู้นำพลเรือน ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์

หลังการประชุมในครั้งนั้น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ส่งเสียงแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการทำรัฐประหารของกองทัพพม่า และเรียกร้องในร่างคำแถลง ให้ปล่อยบรรดาผู้ถูกควบคุมตัวในทันที ในนั้นรวมถึงนางซูจี

ในวันจันทร์(1มี.ค.) ผู้แทนทูตของจีนประจำสหประชาชาติ ซึ่งปกติแล้วไม่ค่อยเต็มใจให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหารือกันในประเด็นพม่า เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า "มีข้อตกลงโดยทั่วไปในหมู่สมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และจะมีการประชุมกันในประเด็นพม่าเร็วๆนี้"

กองกำลังด้านความมั่นคงของพม่ายิงกระสุนจริงและแก๊สน้ำตาเข้าใส่บรรดาผู้ประท้วงอีกครั้งในวันอังคาร(2มี.ค.) ส่งผลให้มีผูุ้ชุมนุมอย่างน้อย 3 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส ในขณะที่บรรดามหาอำนาจในภูมิภาคต่างประณามการปราบปรามนองเลือดประชาชนของคณะรัฐประหาร

ประเทศแห่งนี้มีการชุมนุมใหญ่ต่อเนื่องมานานหลายสัปดาห์ เรียกร้องปล่อยตัวซูจี แต่ในขณะเดียวกันก็พบเห็นกองกำลังด้านความมั่นคงใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้เห็นต่างๆหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อวันอาทิตย์(28ก.พ.) กลายเป็นวันนองเลือดที่สุดนับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจ โดยทางสหประชาชาติระบุว่ามีผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อย 18 คนทั่วประเทศ

(ที่มา:เอเอฟพี)

 

WHO เตือน‘ไวรัส’ไม่จบในปีนี้-ย้ำห้ามการ์ดตก CDCหวั่นไวรัสกลายพันธุ์ผลักอเมริกาเข้าสู่เวฟ4

องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนวิกฤตโควิด-19 จะยังไม่จบในปีนี้ เห็นได้จากจำนวนผู้ติดเชื้อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งกลับเพิ่มขึ้นอีกหลังลดลงต่อเนื่องถึง 6 สัปดาห์ ตอกย้ำชัดเจนว่า เมื่อไรที่การ์ดตก ไวรัสโคโรนาจะหวนกลับมาอาละวาด ด้านหน่วยงานรับผิดชอบต่อสู้โรคติดต่อของสหรัฐฯก็แสดงความกังวล ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษจะทำให้อเมริกาเข้าสู่การระบาดระลอกที่ 4 และน่าเป็นห่วงอย่างมากเนื่องจากบางรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มกันแล้ว

ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (1 มี.ค.) ว่า ยังเป็นการเร็วเกินไปและไม่สอดคล้องความเป็นจริง ถ้าหากคิดว่าวิกฤตโรคระบาดใหญ่โควิด-19 จะจบลงภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ดี เป็นไปได้ที่จะทำให้โศกนาฎกรรมของวิกฤตนี้บรรเทาเบาบางลง ด้วยการลดจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและจำนวนผู้เสียชีวิต

ไรอันเสริมว่า การฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุดจะช่วยคลายความหวาดกลัวเกี่ยวกับโควิด-19 ได้

แต่เขาเตือนว่า จะต้องไม่ดูเบาความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลังๆ นี้ และในเวลานี้ไวรัสยังคงมีฤทธิ์เดชอย่างมากมาย โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนเคสใหม่ได้เพิ้มสูงขึ้นอีกครั้ง หลังจากลดลงติดต่อกันมา 6 สัปดาห์

ด้าน เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการWHO แจกแจงว่า จำนวนเคสใหม่ที่เพิ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกิดขึ้นทั้งในทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งบางพื้นที่นั้นดูเหมือนเนื่องมาจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกัน คนเริ่มการ์ดตก ขณะที่ไวรัสกลายพันธุ์ยังคงระบาด

เทดรอสเตือนว่า วัคซีนอาจช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้ แต่ประเทศต่างๆ ต้องไม่หวังพึ่งวัคซีนอย่างเดียว และต้องทำตามมาตรการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานเพื่อการป้องกันโรคระบาดต่อไปอีก

มาเรีย แวน เคอร์โคฟ นักระบาดวิทยาชั้นนำของWHO ย้ำว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อสัปดาห์ที่แล้วตอกย้ำชัดเจนว่า เมื่อไรที่การ์ดตก ไวรัสโคโรนาจะกลับมาอาละวาดอีก

เทดรอสนั้นเรียกร้องต้องการให้มีการฉีดวัคซีนในทุกประเทศภายในช่วง 100 วันแรกของปีนี้ แต่ดูจะเป็นเป้าหมายที่เลือนลาง เพราะถึงตอนนี้เท่ากับเหลือเวลาอีกแค่ 40 วัน

สำหรับอเมริกา พญ.โรเชลล์ วาเลนสกี้ ผู้อำนวยการของศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบด้านการต่อสู้กับโรคติดต่อของสหรัฐฯ ออกมาแสดงความกังวลในวันจันทร์ (1) เช่นกันว่า การระบาดของไวรัสกลายพันธุ์อาจเป็นจุดเริ่มต้น “การระบาดระลอกที่ 4” ในสหรัฐฯ

วาเลนสกี้ระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นวันละราว 7,000 คน และผู้เสียชีวิตเกือบ 2,000 คน ซึ่งยังคงถือว่า “สูงมาก” ด้วยตัวเลขเหล่านี้บวกกับการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์เท่ากับว่า ความคืบหน้าที่ผ่านมาอาจกลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์

ซีดีซีคาดว่า ไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ที่เรียกกันว่า สายพันธุ์บี.1.1.7 ซึ่งพบครั้งแรกในอังกฤษ อาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในอเมริกาในเดือนนี้ ขณะที่วาเลนสกี้แสดงความกังวลอย่างมากกับรายงานข่าวที่ว่า บางรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการพื้นฐานทางสาธารณสุข ในการป้องกันประชาชนจากโควิด-19

ทั้งนี้รัฐต่างๆ และเมืองต่างๆ ในอเมริกากำลังค่อยๆ ยกเลิกมาตรการจำกัดเข้มงวดทั้งหลายในระยะไม่กี่สัปดาห์มานี้ เป็นต้นว่า นครนิวยอร์กกลับเปิดให้รับประทานอาหารภายในร้านได้ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนรัฐแมสซาชูเชตส์ก็วางแผนเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับศักยภาพของร้านอาหารในเดือนมีนาคม สำหรับรัฐมอนแทนา และไอโอวา ยกเลิกกฎสวมหน้ากากป้องกันทั่วทั้งรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ รัฐนอร์ทดาโคตาเลิกบังคับเรื่องนี้ในเดือนมกราคม

แม้จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันได้ลดฮวบหลังจากพุ่งสูงสุดในเดือนมกราคม เมื่อมีการเร่งรัดฉีดวัคซีนมากขึ้น แต่ซีดีซีเตือนว่า หากจำนวนประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนจะมากเพียงพอ ไวรัสกลายพันธุ์ก็ยังอาจทำให้จำนวนเคสใหม่กลับสูงขึ้นใหม่และคุกคามระบบรักษาพยาบาลที่รับภาระหนักอยู่แล้ว

ข้อมูลของซีดีซีระบุว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์กว่า 2,463 คน ซึ่งส่วนใหญ่คืออย่างน้อย 2,400 คนติดไวรัสสายพันธุ์อังกฤษ

ถึงแม้ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษ แอฟริกาใต้ และบราซิล สามารถระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่พบหลักฐานว่า ทำให้ผู้ติดเชื้อป่วยรุนแรงขึ้น ขณะที่นักวิจัยยังเชื่อว่า วัคซีนที่มีอยู่ปัจจุบันสามารถรับมือไวรัสกลายพันธุ์เหล่านี้ได้

ทั้งนี้จนถึงวันจันทร์ อเมริกาฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้วกว่า 76 ล้านโดส

 

นายกฯสิงคโปร์เรียกร้องทหารปล่อยตัว‘ซูจี’ ขณะรมว.อาเซียนประชุมกดดัน แต่พม่ายังคงสาดกระสุนจริงปราบม็อบต่อ

นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เรียกร้องกองทัพพม่าปล่อยตัวอองซานซูจี เพื่อให้ประเทศไปต่อ พร้อมชี้ถ้านานาชาติใช้มาตรการแซงก์ชั่น ก็รังแต่ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากกว่าทหาร อย่างไรก็ดี ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนประชุมทางไกลกดดันให้คณะทหารหม่องยุติการปราบปรามประชาชน กลับมีข่าวว่า ตำรวจใช้กระสุนจริงทำให้ผู้ประท้วง 4 คนได้รับบาดเจ็บเมื่อวันอังคาร (2 มี.ค.) และผู้นำสูงสุดกองทัพก็ข่มขู่ลงโทษแกนนำการประท้วงและ “ผู้ยั่วยุ” รวมถึงข้าราชการที่ผละงาน

ในการสัมภาษณ์กับสถานีวิทยุและโทรทัศน์บีบีซีของอังกฤษ ซึ่งมีการเผยแพร่เนื้อหาบางส่วนในวันอังคาร (2) นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ กล่าวว่า กองทัพเมียนมาควรได้เรียนรู้จากอดีตว่า จำเป็นต้องปล่อยตัวอองซานซูจี และเจรจากับรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ เนื่องจากวิถีทางใช้กำลังทหารไม่สามารถทำให้พม่าเดินต่อไปได้ ขณะเดียวกัน หากนานาชาติใช้มาตรการแซงก์ชั่นพม่า ก็มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อประชาชนมากกว่ากองทัพ

“การที่ต้องถอยหลังกลับไป และมีฝ่ายทหารเข้ามายึดอำนาจอีกครั้ง ... มันเป็นการถอยหลังกลับอย่างน่าเศร้าใจครั้งมโหฬารสำหรับพวกเขา เพราะมันไม่มีอนาคตหรอกในเส้นทางนั้น” ลี กล่าว

“การใช้กำลังที่เป็นอันตรายถึงชีวิต กับพวกพลเรือนและพวกผู้เดินขบวนที่ปราศจากอาวุธ ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เลย นั่นคือความหายนะไม่ใช่เพียงแค่ในทางระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นความหายนะสำหรับภายในประเทศด้วย”

ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) นัดประชุมผ่านวิดีโอคอลล์ในช่วงเย็นวันอังคาร เพื่อหาทางคลี่คลายสถานการณ์ในพม่า โดยที่มีรายงานว่า เหล่ารัฐมนตรีของอาเซียนได้หารือกับผู้แทนคนหนึ่งของคณะทหารพม่า

ตั้งแต่ก่อนเริ่มการประชุมครั้งนี้ มีสมาชิกสำคัญบางชาติของอาเซียน กล่าวประณามรัฐบาลทหารพม่า

เริ่มจากวิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ ให้สัมภาษณ์เมื่อคืนวันจันทร์ (1) ว่า ตกใจกับการใช้กำลังปราบปรามพลเรือน และเรียกร้องให้กองทัพพม่าใช้ความอดกลั้นระดับสูงสุด รวมทั้งกลับสู่เส้นทางประชาธิปไตย

บาลากริชนันเสริมว่า อาเซียนจะสนับสนุนให้กองทัพพม่าเจรจากับซูจี ซึ่งล่าสุดถูกตั้งข้อหาเพิ่มเป็น 4 ข้อหาเมื่อวันจันทร์

ขณะที่ ทีโอโดโร ล็อกซิน รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ ทวิตว่า อาเซียนควรแสดงความชัดเจนกับพม่า และเสริมว่า นโยบายไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน ไม่ใช่การอนุมัติแบบครอบจักรวาลหรือการยินยอมโดยปริยายต่อการกระทำผิด

สำหรับ รัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิชัมมุดดีน ฮุสเซน ของมาเลเซีย ก็เรียกร้องให้ปล่อยตัวซูจีและผู้ถูกคุมขังคนอื่นๆ ในทันที พร้อมกับบอกว่าถ้าสถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก ก็จะสร้างความเสียหายให้แก่สันติภาพ, เสถียรภาพ, และความเจริญมั่งคั่งของภูมิภาคนี้

ในส่วนของอินโดนีเซียนั้น ก่อนหน้านี้ได้เรียกร้องให้กองทัพพม่าฟื้นกระบวนการประชาธิปไตย รวมทั้งยังส่งรัฐมนตรีต่างประเทศหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของคณะทหารพม่าที่กรุงเทพฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ในวันอังคาร เร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศแดนอิเหนา ได้ออกมารบเร้าพม่าให้ “เปิดประตูของตน” เพื่อให้กลุ่มอาเซียนเข้าไปช่วยคลี่คลายความตึงเตรียดที่กำลังบานปลายขยายตัวออกไปเรื่อยๆ

ขณะแถลงกับพวกผู้สื่อข่าวในกรุงจาการ์ตา เร็ตโน ยังเรียกร้องให้พม่าปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังทางการเมือง และฟื้นฟูประชาธิปไตย เวลาเดียวกันก็ให้สัญญาว่า เหล่าประเทศอาเซียนจะไม่ละเมิดคำมั่นสัญญาของพวกเขาที่จะไม่แทรกแซงกิจการของกันและกัน

“การฟื้นฟูประชาธิปไตยให้กลับมาเข้าร่องเข้ารอยเป็นสิ่งที่จะต้องดำเนินการ” เร็ตโน บอก

“อินโดนีเซียขอเน้นย้ำว่า เจตนารมณ์, ผลประโยชน์, และเสียงของประชาชนชาวพม่า จักต้องได้รับความเคารพ”

เท่าที่ผ่านมา ความพยายามของเซียนในการมีปฏิสัมพันธ์กับฝ่ายทหารของพม่า กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากพวกผู้สนับสนุนประชาธิปไตยในพม่า โดยที่คณะกรรมการชุดหนึ่งของบรรดาสมาชิกรัฐสภาพม่าที่ถูกคณะทหารขับไล่ออกมานั้น ได้ประกาศว่าคณะทหารยึดอำนาจเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้าย และกล่าวว่า การที่อาเซียนเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์เช่นนั้นจะเป็นการมอบความถูกต้องชอบธรรมให้แก่คณะทหาร

ซะ ซะ (Sa Sa) ซึ่งทางคณะกรรมการแตจ่งตั้งให้เป็นผู้แทนประจำสหประชาชาติ แถลงว่า อาเซียนไม่ควรที่จะติดต่อยุ่งเกี่ยวกับ “ระบอบปกครองนำโดยทหารที่ผิดกฎหมายไร้ความชอบธรรมนี้”

<b>วิจารณ์รัฐมนตรีอาเซียนยังคงไร้น้ำยา </b>

กระทั่งมีการเรียกประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนคราวนี้ โอ อีซัน นักวิเคราะห์จากสถาบันกิจการระหว่างประเทศแห่งสิงคโปร์ ก็คาดว่า อาเซียนคงทำได้เพียงออกคำแถลงโดยใช้น้ำเสียงแข็งกร้าวเท่านั้น เนื่องจากประเพณีปฏิบัติในการยึดนโยบายไม่แทรกแซงกิจการของกันและกัน อีกทั้งระบบการตัดสินใจก็เป็นแบบมุ่งหาฉันทามติ

<b>บิ๊กทหารพม่าออกมาขู่อีกจะปราบรุนแรง </b>

ขณะเดียวกัน เมื่อวันจันทร์ (1) สถานีทีวีของทางการพม่าได้เผยแพร่คำเตือนของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หลาย ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพ และเป็นผู้นำการทำรัฐประหารยึดอำนาจคราวนี้ ที่ระบุว่า แกนนำการประท้วงและ “ผู้ยั่วยุ” รวมถึงข้าราชการที่ผละงานจะถูกลงโทษ

<b>ตำรวจใช้กระสุนจริง </b>

ต่อมาในวันอังคาร (2) มีรายงานว่า ตำรวจพม่าใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ประท้วงในเมืองกะเล่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 4 คน และยังมีถูกยิงด้วยกระสุนยางได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน นอกจากนั้นตำรวจยังใช้ระเบิดแสงสลายการชุมนุมใน 4 จุดในเมืองย่างกุ้ง

ทั้งนี้ มีผู้ประท้วงเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 21 คนนับจากกองทัพเข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ขณะที่กองทัพรายงานว่า ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย

นอกจากผู้ประท้วง นักเคลื่อนไหว และนักการเมืองแล้ว ทางการพม่ายังจับกุมผู้สื่อข่าว 6 คน ซึ่งรวมถึงผู้สื่อข่าวของเอพี ที่ถูกกล่าวหาว่า เผยแพร่เนื้อหาที่อาจทำให้ทหารหรือข้าราชการอื่นๆ ก่อกบฏ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

นับจากการรัฐประหารเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ รัฐบาลทหารพม่าได้ปิดกั้นการสื่อสาร ปิดอินเทอร์เน็ตช่วงกลางคืน และบล็อกเว็บไซต์โซเชียลมีเดียบางเว็บไซต์

ด้านสมาคมให้ความช่วยเหลือนักโทษการเมืองเผยว่า มีผู้ถูกจับกุม ตั้งข้อหา และตัดสินลงโทษกว่า 1,200 คน ซึ่งในจำนวนนี้ยังถูกคุมขังอยู่ถึง 900 คน

วันจันทร์ เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอเมริกาเตือนว่า จะเพิ่มมาตรการลงโทษกองทัพพม่าหากยังมีการเข่นฆ่าประชาชนที่ไม่มีอาวุธ รวมทั้งโจมตีนักข่าวและนักเคลื่อนไหว

 

สุดทน! โตเกียววอน “ปักกิ่ง” อย่าบังคับพลเมืองญี่ปุ่นสวนทวารตรวจหาโควิด-19 หลังถูกร้องเรียนอื้อ
.
.
.
.
.
เอเจนซีส์ – โตเกียวร้องขอรัฐบาลปักกิ่งอย่าบังคับให้พลเมืองญี่ปุ่นต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19ทางทวารหนักในระหว่างกระบวนการเข้าประเทศ
.
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(1 มี.ค)ว่า มีบางส่วนร้องเรียนถึงกระบวนการที่ทำให้พลเมืองญี่ปุ่นเหล่านี้ตกอยู่ในภาวะตรึงเครียดทางจิตใจเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ชี้
.
ทั้งนี้จีนซึ่งประสบความสำเร็จสามารถควบคุมการระบาดโรคโควิด-19ได้สำเร็จได้เริ่มวิธีการตรวจหาเชื้อโควิด-19ทางทวารหนักเมื่อมกราคมที่ผ่านมา
.
อย่างไรก็ตามสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางปักกิ่งออกมาปฎิเสธการรายงานที่ว่า ปักกิ่งบังคับให้เจ้าหน้าที่การทูตสหรัฐฯต้องเข้ารับการตรวจโควิด-19 ด้วยวิธีเช่นนี้ หลังจากสื่อในอเมริกาออกมารายงานถึงบางส่วนที่แสดงความไม่พอใจต่อกระบวนการ
.
“มีพลเมืองญี่ปุ่นบางส่วนได้เข้ารายงานต่อทางสถานทูตของเราในกรุงปักกิ่งว่า พวกเขาได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19ผ่านทางทวารหนัก ซึ่งทำให้มีความรู้สึกเจ็บปวดด้านจิตใจเป็นอย่างมาก” หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น คัตซูโนบุ คาโต กล่าว
.
แต่อย่างไรก็ตาม คาโตกล่าวว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีพลเมืองญี่ปุ่นมากน้อยเพียงใดที่ได้รับการตรวจเช่นนั้น และชี้ต่อว่า ในเวลานี้ทางปักกิ่งยังไม่กล่าวตอบกลับมา ซึ่งทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้ยื่นเรื่องคำร้องผ่านทางสถานทูตของตัวเองประจำกรุงปักกิ่ง
.
ซึ่งมีบางเมืองในจีนได้นำการตรวจหาเชื้อด้วยการสวนทางทวารหนักออกมาใช้ โดยผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นออกมายืนยันว่า วิธีนี้สามารถเพิ่มการตรวจหาอัตราการติดเชื้อได้ดี
.
ซึ่งในช่วงระหว่างที่วิธีการตรวจทางทวารหนักถูกนำออกมาใช้ สื่อรัฐบาลจีนรายงานว่า การตรวจหาเชื้อเช่นนี้นำมาสู่ข้อถกเถียงในหมู่ผู้เชี่ยวชาญของจีน และมันมีความแม่นยำน้อยกว่ามากในการตรวจหาเชื้อทางจมูกตามปกติ
.
พวกเขากล่าวว่า การตรวจหาเชื้อด้วยวิธีปกตินั้นได้รับคำแนะนำมากกว่าเนื่องมาจากเชื่อกันว่า คนส่วนใหญ่ติดเชื้อทางปากเป็นหลัก
.
การตรวจหาเชื้อไวรัสผ่านทางทวารหนักนั้นกระทำโดยการใช้สำลีพันไม้ยาว 3 ซ.ม – 5 ซ.ม สอดเข้าไปในทวารหนักและหมุนช้าๆ สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานเพิ่มเติมว่า มีพนักงานญี่ปุ่นประจำอยู่ในจีนจำนวนมากออกมาวตำหนิรัฐบาลปักกิ่งที่ใช้มาตรการตรวจหาเชื้อผ่านทางทวารหนัก ซึ่งพวกเขาชี้ว่าเป็นการสร้างความอับอาย และยังเป็นการละเมิดสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
.
ขณะที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน หวัง เหวินบิน (Wang Wenbin) ได้ออกมาชี้แจงในวันนั้นว่า ทางปักกิ่งได้ปรับเปลี่ยนมาตรการต่อต้านโรคระบาดเป็นไปตามหลักการวิทยาศาสตร์ให้สอดคล้องไปกับหลักกฎหมายและกฎเกณฑ์
.
ทั้งนี้ก่อนหน้าสหรัฐฯออกมาประท้วงจีน หลังพบว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯถูกบังคับให้ผ่านกระบวนการต่างๆอ้างอิงจาก CNN สื่อสหรัฐฯ

 

“เจ้าชายฟิลิป” พระสวามีควีนเอลิซาเบธ ถูกส่งต่อโรงพยาบาลที่ 2 รับการตรวจพระหทัยเบื้องต้น
.
.
.
.
เอเจนซีส์ – เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระสวามีแห่งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ทรงถูกส่งต่อเข้าโรงพยาบาลที่ 2 เพื่อตรวจเช็กพระอาการโรคพระหทัยหลังก่อนหน้าทรงต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลแรกกลางกรุงลอนดอนนาน 13 คืน
.
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(1 มี.ค)ว่า เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระที่ทรงมีพระชนม์ถึง 99 พรรษาแล้วในเวลานี้และทรงกำลังรับการถวายการรักษาด้วยโรคติดเชื้อ ทางคณะแพทย์ต้องการถวายการตรวจและสังเกตพระอาการโรคพระหทัยที่พระองค์มีอยู่แต่เดิม
.
แถลงการณ์กล่าวว่า ดยุกทรงมีอาการตอบสนองต่อการรักษา และคาดว่าพระองค์จะต้องทรงประทับอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปจนถึงสุดสัปดาห์นี้
.
เจ้าชายฟิลิป พระสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษจะทรงมีพระชนมายุครบ 100 พรรษาในเดือนมิถุนายนที่จะถึง ได้ถูกนนำส่งโรงพยาบาลพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 (King Edward VII's hospital)ในกรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 16 ก.พที่ผ่านมาอันเป็นมาตรการเฝ้าระวัง หลังจากที่พระองค์ทรงพระประชวร
.
แหล่งข่าวสำนักราชวังบักกิงแฮมได้เปิดเผยว่า ดูเหมือนดยุกจะทรงสามารถเสด็จพระดำเนินเข้าสู่โรงพยาบาลได้ด้วยพระองค์เองโดยไม่ต้องรับการช่วยเหลือ
.
โดยโรงพยาบาล เซนต์บาร์โธโลมิว(St Bartholomew's Hospital) หรือที่รู้จักในนามโรงพยาบาลบาร์ธ(Bart's)เป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ที่ดยุกแห่งเอดินบะระทรงถูกส่งไปตั้งอยู่ห่างออกไปราว 5 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจากตำรวจนครบาลกรุงลอนดอนประจำอยู่ที่บริเวณทางเข้า
.
อ้างอิงจากเว็บไซต์ NHS พบว่าโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านโรคหัวใจของอังกฤษและถือเป็นโรงพยาบาลที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ
.
อย่างไรก็ตาม บีบีซีชี้ว่า ในเวลานี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดถึงเหตุผลที่ทำให้ทางคณะแพทย์ต้องการให้เจ้าชายฟิลิปทรงประทับรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้
.
ซึ่งในช่วงสุดสัปดาห์หลังจากที่ดยุกทรงประทับเพื่อเข้ารับการรักษาครั้งแรกพบว่า เจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์เสด็จเยี่ยมพระบิดาที่โรงพยาบาลเป็นเวลาราว 30 นาที และอีก 2 วันถัดมาหลังจากนั้น ดยุกแห่งเคมบริดจ์ เจ้าชายวิลเลียม ทรงเสด็จเข้าเยี่ยมพระอาการเช่นกัน โดยในเวลานั้นเจ้าชายวิลเลียมทรงตรัสถึงพระอาการว่า “พระอัยกาทรงปกติดี” และคณะแพทย์ได้เฝ้าสังเกตพระอาการตลอดเวลา
.
และในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ สำนักพระราชวังบักกิงแฮมออกแถลงการณ์ถึงการถวายการรักษาพระอาการติดเชื้อ และไม่คาดว่าพระองค์จะเสด็จออกจากโรงพยาบาลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
.
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งเวสเซกซ์ พระราชโอรสองค์สุดท้ายได้ตรัสถึงพระบิดาว่า พระบิดาทรงมีพระอาการดีขึ้น และพระองค์ทรงมีความสุขกับข้อความที่ให้กำลังใจออกมาจากสาธารณะ

 

อิตาลี : ลูกเห็บ สีดำ
ลูกเห็บสีดำเกิดจาก ลูกเห็บผสมกับเถ้าถ่าน ควัน ของภูเขาไฟ เอตนา Etna และตกในชุมชนรอบภูเขาไฟ
#นอกจากลูกเห็บแล้ว เมืองรอบๆยังมี เถ้าถ่าน ฝุ่น ควัน ปกคลุมจากการปะทุ

 

สหรัฐฯ : แคลิฟอร์เนีย ชนสยอง 15 ศพ รถขนแรงงานเถื่อน
อิมพีเรียลเคาน์ตี้แคลิฟอร์เนีย ใกล้ชายแดนเม็กซิโก อุบัติเหตุชนสยองเสียชีวิต 15 รายจากอุบัติเหตุรถชนครั้งใหญ่เป็นรถ SUV Ford Expedition บรรทุก 25 คนไม่มีเอกสารเดินทาง ชนรถบรรทุกเสียชีวิต 12 คนในที่เกิดเหตุ และส่วนที่เหลือเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

 

กัมพูชา : พนมเปญ ลูกจ้างวางแผนปล้นนายจ้างถูกสังหาร 4 ศพ
1 มีนาคม 2564 เหตุปล้น เวลา 11.30 น.
*ลูกจ้างชายวัย 21 ปี หลังถูกเลิกจ้างเขากลับมาสมัครคนขับรถต่อ วางแผนปล้นนายจ้างได้ชักชวนเพื่อนคนนอกอีก 3คนก่อเหตุ ปล้นนายจ้างเถ้าแก่เจ้าของอุตสาหกรรมไฟฟ้า (จำหน่ายกระแสไฟฟ้า ประมูลโครงการไฟฟ้า) คนร้ายทั้ง 4 คนพร้อมอาวุธสงคราม ปืน AK47 พรางใบหน้า จี้เจ้าของบ้านและลูกๆ คนใช้ในบ้านรวม 10 คน บังคับให้เซ็นเช็ค 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (30ล้านบาท)และปล้นของมีค่าในเซฟจำนวนมาก แยก 2ทีม จี้จับลูกๆไปธนาคารขึ้นเช็ค จี้จับเถ้าแก่รอรับโทรศัพท์ตอนธนาคารโทรมาอนุมัติเช็ค ขณะรอแต่แผนรั่วตำรวจมาทันยิงต่อสู้สังหารคนร้ายทั้ง 4 คน
จากแผนคาดว่าคนร้ายจะสังหารคนในบ้านทั้งหมดหากขึ้นเงินสำเร็จ แต่แผนรั่วก่อน
**มีผู้ต้องสงสัยคนนอกร่วมวางแผน แต่ไม่ได้มาลงมือปล้น

 

สนมั้ย? เศรษฐีญี่ปุ่นประกาศหาผู้โชคดี 8 คนร่วมทริปไป ‘ดวงจันทร์’
.
ยูซากุ มาเอซาวะ มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นวัย 45 ปี ออกมาประกาศรับสมัครเพื่อนร่วมทริป 8 คนจากทั่วโลกที่จะได้เดินทางไปทัวร์รอบดวงจันทร์กับเขาฟรีๆ ด้วยยานอวกาศของ SpaceX ในอีก 2 ปีข้างหน้า
.
มาเอซาวะ ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการสินค้าแฟชั่นออนไลน์ เคยประกาศไว้เมื่อปี 2018 ว่าตนเองคือ “มนุษย์คนแรก” ที่จับจองที่นั่งเพื่อเดินทางไปกับยานทัวร์ดวงจันทร์ของ SpaceX ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา โดยเดิมทีนั้นเจ้าตัวบอกว่าอยากจะชวน “ศิลปิน 6-8 คน” ไปร่วมทริปบินวนรอบดวงจันทร์ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในปี 2023
.
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด มาเอซาวะ ได้ประกาศผ่านคลิปวิดีโอทางทวิตเตอร์ในวันนี้ (3 มี.ค.) ว่าจะเปิดกว้างให้ผู้คนจาก “ทั่วโลก” มาร่วมจอยทริปประวัติศาสตร์กับเขา
.
“ผมขอเชิญพวกคุณให้มาร่วมเดินทางไปกับผม พวกคุณ 8 คนจากทั่วทุกมุมโลก” มาเอซาวะ กล่าว
.
“ผมซื้อที่นั่งทั้งหมดไว้แล้ว ฉะนั้นมันจะเป็นการเดินทางแบบส่วนตัวจริงๆ”
.
มหาเศรษฐีผู้นี้อธิบายว่า สาเหตุที่ยกเลิกแผนเชิญบุคคลผู้มีชื่อเสียงไปทัวร์ดวงจันทร์ก็เพราะตนเชื่อว่า “ใครก็ตามที่สร้างสรรค์บางสิ่งบางอย่าง ก็ถือว่าเป็นศิลปินได้เหมือนกัน”
.
มาเอซาวะ ระบุว่า ยานอวกาศของ SpaceX จะพาผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 10-12 คนไปบินวนรอบดวงจันทร์ก่อนจะเดินทางกลับสู่พื้นโลก โดยผู้ที่สนใจร่วมทางไปกับเขาจะต้องมีคุณสมบัติ 2 ข้อ คือ 1) พร้อมที่จะ “ก้าวข้ามขีดจำกัด” และ 2) พร้อมที่จะสนับสนุนเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆ ให้ทำได้เหมือนกัน
.
สำหรับผู้ที่สนใจจะต้องทำการลงทะเบียนภายในวันที่ 14 มี.ค. โดยจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นในราวๆ วันที่ 21 มี.ค. ส่วนการสัมภาษณ์ขั้นสุดท้ายและตรวจสุขภาพคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงปลายเดือน พ.ค. ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของมาเอซาวะ
.
หากการเดินทางนี้เกิดขึ้นได้จริง มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นและทีมนักบินอวกาศของเขาจะกลายเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ไปเยือนดวงจันทร์ นับตั้งแต่สหรัฐฯ ปิดฉากภารกิจยานอะพอลโลเมื่อปี 1972
.
เดือนที่แล้ว ยานต้นแบบ ‘สตาร์ชิป’ ของ SpaceX ได้เกิดระเบิดไฟลุกท่วมขณะที่พยายามกลับมาลงจอดแนวตั้งที่ฐานยิง ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวครั้งที่ 2 หลังจากที่ยานต้นแบบตัวแรกก็เผชิญชะตากรรมแบบเดียวกันในเดือน ธ.ค.
.
อย่างไรก็ดี อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้ง SpaceX ยังคงประกาศด้วยความมั่นใจว่า จรวดความยาว 120 เมตรที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้นี้จะสามารถขนส่งลูกเรือและสัมภาระไป-กลับดวงจันทร์ได้อย่างปลอดภัยในอนาคตอันใกล้
.
“ผมมั่นใจอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถส่งยานสตาร์ชิปเข้าสู่วงโคจรได้สำเร็จหลายครั้งก่อนปี 2023 และมันจะปลอดภัยมากพอสำหรับการขนส่งมนุษย์ภายในปี 2023 มันมีความเป็นไปได้สูงมาก” เขากล่าว
.
มาเอซาวะ เป็นผู้ก่อตั้ง Zozo Inc บริษัทค้าปลีกเสื้อผ้าออนไลน์ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งต่อมาเขาได้ขายกิจการให้แก่ Yahoo! Japan ในปี 2019
.
ด้วยมูลค่าทรัพย์สินราว 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (60,000 ล้านบาท) ในปีที่แล้ว มาเอซาวะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดของญี่ปุ่น และยังเป็นนักสะสมงานศิลปะตัวยง
.
เศรษฐีหนุ่มใหญ่ผู้นี้เคยเรียกเสียงฮือฮาด้วยประกาศรับสมัคร “แฟนสาว” ที่จะไปทัวร์ดวงจันทร์ด้วยกัน ก่อนจะยกเลิกโครงการอย่างกะทันหัน ทั้งที่มีสาวๆ สนใจยื่นใบสมัครเข้ามากว่า 30,000 คน
.
ที่มา: เอเอฟพี

 

CLIMATE CHANGE: คลองเวนิสน้ำลดแห้งลง จนสามารถมองเห็นโคลนตม
.
เมื่อพูดถึง เวนิส ประเทศอิตาลี หลายคนคงนึกถึงการล่องเรือกอนโดลา “Gondola” ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปนั่ง และร่องผ่านคลองแกรนด์ คาแนล (Grand Canal) ดูความสวยงามของเมือง พร้อมฟังเสียงนักดนตรีเคล้าไปด้วย
.
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ระดับน้ำในคลองลดต่ำลงเกิดคาด แห้งจนขนาดที่สามารถเห็นโคลนตมใต้น้ำได้ และเรือกอนโดลาอันโด่งดังไม่สามารถแล่นได้เหมือนเดิม ตอนนี้เกยตื้นอยู่ในน้ำที่สูงเพียง 48 เซนติเมตร
.
ถึงแม้ในปี 2015 และ 2018 เวนิสจะเคยประสบกับปัญหานี้แล้ว แต่ก็ไม่เคยลดต่ำลงขนาดนี้ เหตุการณ์นี้ถือว่าไม่คาดว่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากช่วงเดือนตุลาคมถึงมีนาคมเป็นช่วง acqua alta หรือน้ำขึ้นสูง แต่ภาพจากคนในบริเวณกลับแสดงให้เห็นว่าน้ำลดอย่างมาก หรือเป็นช่วง acqua bassa แทน
.
ที่ผ่านมา เวนิสเป็นเมืองที่ผู้คนมักมาชมคลอง บ้านเมือง สถาปัตยกรรม งานศิลปะ ซึ่งในเวลาเดียวกัน แต่เวนิสก็เผชิญกับปัญหาความสมดุลของกระแสน้ำขึ้น และน้ำลงที่สร้างความผันแปรประมาณ 50 เซนติเมตรมาโดยตลอด น้ำท่วมจึงเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทางเมืองเจออยู่ต่อเนื่อง
.
และด้วยความที่เวนิสถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวน 118 เกาะ เข้าด้วยกันในบริเวณ ทะเลสาบเวนิเทีย (Venetian Lagoon) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอาเดรียตริกในภาคเหนือของประเทศอิตาลี เมื่อระดับน้ำสูงจนท่วม หรือลดต่ำจนแห้งรุนแรงสถาปัตยกรรมและโครงสร้างจากยุคกลาง และยุคเรอเนสซองส์ (Renaissance) รวมถึงวิถีชีวิตคน การท่องเที่ยว จะได้รับผลกระทบตลอด
.
ส่วนใหญ่แล้ว น้ำที่ท่วมเกิดจากหลายปัจจัย แต่สิ่งที่เร่งให้มันรุนแรงขึ้นก็คือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายจนระดับน้ำทะเลหนุนสูงขึ้น และทำให้พายุรุนแรงมากขึ้น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ว่า ถ้าวิกฤตนี้บรรเทาลง เวนิสจะจมอยู่ใต้น้ำ ในปี 2100
.
Source
1. https://www.businessinsider.com/low...canals-dry-months-after-heavy-flooding-2021-2

2. https://www.bbc.com/news/av/world-europe-56223357

ภาพ: Manuel Silvestri/Reuters

 

02.03.21

(สรุป) แถลงข่าว เรื่อง สถานการณ์โคโรนาไวรัส ใน ประเทศนอร์เวย์ และ เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การกระจายวัคซีน

วันอังคารที่ 02.03.21 เวลา 14.00 น. มีผู้เข้าร่วมการแถลงข่าว 2 ท่านคือ

▪รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข Bent Høie
▪Camilla Stoltenberg จาก สถาบัน FHI

⭐เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การระจายวัคซีน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24.03.21

1.รมต.สธ กล่าวว่า FHI ได้ตัดสินใจ ตกลงที่จะกระจายปริมาณวัคซีนไปยังเขตต่างๆใน เมืองออสโล และ Oslo øst ที่มีอัตราผู้ติดเชื้อสูงมากกว่า พื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อน้อยกว่า เมื่อผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง รวมถึงกลุ่มที่ได้ถูกจัดลำดับไว้ ได้รับวัคซีนครบแล้ว จึงจะสามารถแจกจ่ายวัคซีนให้กับ ผู้อยู่อาศัย ในกลุ่มอื่นๆต่อไป ทำให้เมืองใหญ่ที่มี ประชากร และ ผู้ติดเชื้อ เป็นจำนวนมาก จะได้รับการแจกจ่ายวัคซีนมากกว่า เมืองที่มีประชากรเบาบางและ มีผู้ติดเชื้อน้อย

2.Camilla Stoltenberg กล่าวว่า FHI ได้ทำการวิเคราะห์ ข้อมูลการกระจายวัคซีนหลายครั้งและได้ข้อสรุปว่ามี ข้อขัดแย้งมากที่สุดเกี่ยวกับการการจัดสรรคจำนวนวัคซีนที่แจกจ่ายได้ในเขตเทศบาลต่างๆมากที่สุด และเป็นเรื่องยากสำหรับ FHI ที่จะให้คำแนะนำที่ชัดเจน ซึ่งขึ้นอยู่กับเป้าหมายของการฉีดวัคซีน ในแต่ละเทศบาล และการประเมินผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมการติดเชื้อ

3.จากการเปลี่ยนแปลงกลยุทธในการกระจายวัคซีนในครั้งนี้ ทำให้ เมืองออสโล ได้รับวัคซีน 20 % จากปริมาณทั้งหมดของประเทศ อีกหนึ่งประการคือ การกำหนดเป้าหมายทางภูมิศาสตร์ของการกระจายวัคซีนในแต่ละช่วงเวลาและสถาบัน FHI จะแนะนำมีการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์วัคซีน ที่อ้างอิงตามภูมิศาสตร์ภาคอื่นของ ประเทศนอร์เวย์ ในเร็วๆนี้

4.FHI เชื่อว่า หากเพิ่มการฉีดวัคซีนให้กับ ประชากรของเมืองออสโล ให้มากขึ้นจะส่งผลให้การติดเชื้อ / เสียชีวิต น้อยลงในระดับประเทศ นอกจากนี้ FHI ยังเชื่อว่า อัตราผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในระดับประเทศสามารถลดลงได้ระหว่าง 15 - 30 % หากให้ความสำคัญกับ การฉีดวัคซีนกับประชากรของ เมืองออสโล

5.FHI จะจัดลำดับความสำคัญของเทศบาลในเขต Oslo øst, Lørenskog และ Østfold-kommuner (Viken) นั่นคือเขตที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในเมืองออสโล และ เขตเทศบาล østlandskommune อีกหลายแห่งจะได้รับวัคซีนมากกว่าที่จัดสรรไว้ 20% รวมถึง เขตเทศบาลเหล่านี้ด้วย

⭕Stovner, Grorud, Bjerke, Alna, Gamle Oslo ,Søndre Nordstrand นอกจากนี้ยังรวมถึงเทศบาล Lørenskog, Sarpsborg, Fredrikstad และ Moss

จากการจัดสรรใหม่นี้ ทำให้ เทศบาลอีก 330 เขต มีวัคซีนน้อยลง 3%

6.รัฐบาลให้ขอให้ Helsedirektoratet และ FHI ประเมินว่า การใช้ชุดทดสอบแบบรวดเร็ว (Rapid test) ก่อนและ ระหว่างการเข้าร่วมการคลอดบุตร รวมไปถึงหลังคลอดบุตร ของคู่สามีภรรยาว่าจะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้หรือไม่ เพื่อทบทวนว่าควรอนุญาตให้ บิดาอยู่ร่วมกับมารดาในขณะคลอดบุตรได้อย่างไรบ้าง

7.รมต.สธ กล่าวว่า ขณะนี้ ทั่วโลกต่างประสบปัญหาการขาดแคลนวัคซีน กลยุทธ์ของนอร์เวย์ ที่ทำอยู่ในขณะนี้คือ การเสนอวัคซีนให้กับผู้สูงอายุและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเมือนกับในประเทศอื่นๆ เป็นส่วนมาก แต่ในไม่ช้า นอร์เวย์ จะสามารถเข้าถึงปริมาณวัคซีนได้มากขึ้น คาดว่าจะได้รับวัคซีนเพิ่ม 650,000 โดส ในช่วง เดือนมีนาคม รวมจะไม่มีการหยุดพัก ฉีดวัคซีนในช่วง påske

8.Camilla Stoltenberg กล่าวว่า FHI ประเมินว่าควรฉีดวัคซีน AstraZeneca แก่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี จากสถิติของ FHI ขณะนี้ มีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน โดสแรก ทั้งหมด 334,863 คน และ ผู้ที่ได้รับ โดสที่ 2 ครบจำนวนแล้ว ทั้งหมด 162,511 คน

-------------------------
Credit @bent Høie
↔️↔️ Holde avstand - รักษาระยะห่าง
Holde deg hjemme hvis du er syk - อยู่บ้านเมื่อคุณป่วย
Holde hendene rene - ล้างมือบ่อยๆ
Holde nede antall personer du møter - หลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนจำนวนมาก
➖➖➖➖➖➖➖➖

อ่านมาตรการระดับชาติ ฉบับที่ 2
https://norgetiltak.blogspot.com/2021/01/2.html

อ่านมาตรการระดับชาติ ฉบับที่ 1
https://norgetiltak.blogspot.com/2020/11/051120.html

⏪สรุปแถลงข่าว ย้อนหลัง
https://norgetiltak.blogspot.com

อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
https://www.blockdit.com/norwaystyle

อ่าน คำคมข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/norgeutrykk

#นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

ที่มา เวปไซต์รัฐบาล Regjeringen /NRK :
https://www.regjeringen.no/no/aktuelt/justeringer-i-vaksinestrategien/id2836802
https://www.nrk.no/norge/fhi-anbefaler-a-skjevfordele-vaksinene-1.15385689

 

ข้อสอบ ป.2 ไม่อ่อนโยน ผู้ปกครองโพสต์ลงโซเชียล หลังเจอโจทย์ทำมึนตึ้บ ชาวเน็ตแห่ช่วยแทนค่าสมการ ถามยากไปไหมครู?
.
อ่านข่าวเต็มคลิก: https://bit.ly/381TXF1