ติดตามสถานะการณ์

ปารีสปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เร่งตัวขึ้น โดยเตรียมยกเลิกที่จอดรถริมถนนออก 7 หมื่นช่อง เพื่อสร้างพื้นที่ "สีเขียว" ให้มากขึ้นและอำนวยความสะดวกให้กับคนเดินเท้า
.
ตามแผนการยกเลิกจุดจอดรถ 70,000 คัน เพื่อพัฒนาตัวเลือกการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างแรงจูงใจให้คนเดินทางเท้ามากขึ้น คืนพื้นที่บางส่วนให้ผู้อยู่อาศัยและร้านค้าในละแวกนั้นๆ ได้ใช้ประโยชน์ โดยยังคงไว้ซึ่งทางเท้าสำหรับคนพิการ

เดวิด เบลเลีร์ยด รองนายกเทศมนตรีมหานครปารีส ให้เหตุผลว่า เนื่องจากเมืองมีพื้นที่สีเขียวไม่เพียงพอ จึงต้องการให้อากาศในเมืองสะอาดขึ้น แต่แนวทางนี้จะต้องหารือกับชุมชนท้องถิ่นซึ่งเป็นผู้อยู่อาศัยในย่านนั้นโดยเฉพาะการหาที่จอดรถย่านเล็กๆ หรือชานเมืองเพื่อเป็นตัวเลือกในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว อาทิ แปลงต้นไม้ ดอกไม้ สวนผัก จุดทิ้งเศษอาหารเพื่อทำปุ๋ยหมัก หรือแม้กระทั่งสนามเด็กเล่น จุดจอดรถจักรยาน และห้องน้ำสาธารณะ
.
เบลเลียร์ด บอกกับฟอร์บส์ว่าการยกเลิกที่จอดรถนี้ไม่ได้กระทบต่อผู้อยู่อาศัย ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะมีรถ แต่ไม่ได้รถทุกวัน พวกเขาเน้นใช้ในวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นหลัก
.
แอนน์ ฮิดัลโก นายกเทศมนตรีกรุงปารีส ระบุว่า แผนการเหล่านี้เตรียมการมาก่อนที่จะเกิดการระบาดโควิด และแม้ว่าผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศตั้งแต่ปี 2017 ในปี 2020 พบว่า ไนโตรเจนไดออกไซด์ในห้าเมืองรวมถึงปารีสจะลดลงก็ต้องเพิ่มพื้นทื่สีเขียว
.
"แนวคิดต้องการให้ผู้ขับขี่ใช้ที่จอดรถชั้นใต้ดินซึ่งมีมากกว่าบนพื้นดินถึง 5 เท่า" นายกเทศมนตรีเน้นย้ำ นอกจากนี้ยังประกาศเปลี่ยนถนนชองป์เซลีเซให้กลายเป็นถนนคนเดินขนาดใหญ่ที่มีสีเขียวขจี ซึ่งโครงการนี้จะลงทุนถึง 250 ล้านยูโร
.
ฟอร์บส์ รายงานว่า เมื่อรวมที่จอดรถใต้ดินเชิงพาณิชย์และที่จอดรถหลายชั้นแล้วปารีสมีที่จอดรถ จำนวน 621,600 คัน

อ้างอิง :
"The mayor of Paris removes parking spaces and turns them into “green” spaces for residents" 03032021 [tekdeeps]
"Paris Mayor Anne Hidalgo To Make Good On Pledge To Remove Half Of City’s Car Parking Spaces" [forbs]

 

วันนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อิตาลี ได้ปรับเพิ่มเพดานอายุในการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ตามรอยฝรั่งเศส และเยอรมนี ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังเมื่อครั้งที่แอสตร้าเซนเนก้า เปิดตัววัคซีนดังกล่าวเป็นครั้งแรกนั้น ผลการวิจัยพบว่า
.
วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า เหมาะใช้ฉีดกับผู้ที่มีอายุไม่เกิน 65 ปีเท่านั้น ไม่เหมือนกับวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทค หรือโมเดอร์นา ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในอิตาลี และประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU)
.
โดยทางสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศเมื่อช่วงต้นเดือนก.พ. ที่ผ่านมาว่า วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าดูเหมือนจะปลอดภัยแม้ฉีดให้กับผู้สูงอายุ แต่หลาย ๆ ประเทศปฏิบัติตามคำแนะนำของ WHO อย่างล่าช้า
.
อย่างไรก็ดี เมื่อวัคซีนของไฟเซอร์ ไบออนเทค และโมเดอร์นา กำลังประสบกับปัญหาด้านการขนส่ง หลาย ๆ ประเทศก็เริ่มเปลี่ยนท่าที โดยหน่วยงานสาธารณสุขของหลาย ๆ ประเทศได้ทำการทดสอบความปลอดภัยของวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าในการฉีดให้ผู้สูงอายุ
.
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งฝรั่งเศส และเยอรมนีได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ากับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ส่วนอิตาลีก็ได้ประกาศตามมาเมื่อวานนี้ ขณะเดียวกันยังมีรายงานข่าวว่า ทางการสวีเดนก็ได้แนะนำให้ใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ากับผู้สูงอายุเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่ได้ทำจริง
.
อย่างไรก็ตาม ประเทศนอกกลุ่มยุโรปนั้น แคนาดายังคงห้ามไม่ให้ใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ากับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.thelocal.it/20210308/italy-authorizes-astrazeneca-vaccine-for-over-65s/

https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-italy-vaccine-idUSKBN2B01H5

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/926419
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว จีนผ่อนคลายนโยบายย้ายถิ่นฐานจากชนบทสู่เมือง หวังลดช่องว่างทางสังคม โดย ชานตง เป็นมณฑลที่สองของจีนที่ยกเลิกนโยบายจำกัดการเคลื่อนย้ายจากเขตชนบทเข้าสู่เมือง ทั้งนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในเขตเมืองใหญ่และลดช่องว่างทางสังคมในเวลาเดียวกัน

เดิมที-จีนมีระบบที่เรียกว่า hukou ซึ่งคล้ายกับระบบทะเบียนราษฎร์ที่ใช้ควบคุมการเคลื่อนย้ายของประชากรซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 โดยระบบดังกล่าวนี้จะบันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น ชื่อตัว ชื่อสกุล ชื่อบิดามารดา ชื่อคู่สมรส และวันเดือนปีเกิด และจะกำหนดสิทธิของประชาชนในเรื่องต่างๆ อย่างเช่น พื้นที่ที่สามารถอยู่อาศัยและทำงาน สิทธิประโยชน์ทางสังคมที่จะได้รับ รวมทั้งสิทธิในการเข้าโรงเรียนของลูกด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่มีทะเบียนอยู่ในเขตเมืองมักจะได้รับสิทธิประโยชน์มากกว่าผู้ที่อยู่ในเขตชนบท นอกจากนั้นผู้ที่จะโยกย้ายจากพื้นที่ชนบทเข้าสู่เขตเมืองจะต้องมีหลักฐานเรื่องที่อยู่และงานทำก่อนจะสามารถยื่นขอใบอนุญาตการเข้าพักอาศัยในเขตเมืองได้

แต่ทางการจีนได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา โดยเริ่มจากมณฑลเจียงซีก่อน และต่อด้วยมณฑลชานตงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภคและการใช้จ่ายในเขตเมือง รวมทั้งเพื่อช่วยลดช่องว่างทางสังคมระหว่างผู้ที่เกิดในเขตชนบทกับผู้ที่เกิดในเขตเมืองใหญ่ด้วย

ตามรายงานการวิเคราะห์ของบริษัทที่ปรึกษา New Horizon หน้าที่หลักของระบบทะเบียน hukou ของจีนนี้คือ เพื่อควบคุมการอพยพเคลื่อนย้ายภายในประเทศ เพื่อบริหารการกระจายทรัพยากรและบริการทางสังคม รวมทั้งเพื่อรักษาเสถียรภาพในประเทศด้วย แต่การควบคุมการเคลื่อนย้ายภายในก็ทำให้ระบบดังกล่าวสร้างความเหลื่อมล้ำและความไม่ทัดเทียมทั้งในทางเศรษฐกิจและสังคมระหว่างคนในพื้นที่ชนบทกับคนในเขตเมืองขึ้นมา.
-----------------------------------
อ่านต่อ : https://www.voathai.com/a/china-residency-rules-ct/5805200.html

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว 'กรมสรรพสามิต' เผย เหล้า-ยาสูบครองแชมป์หนีภาษีหนักสุด โดยเรื่องนี้ ณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมฯได้ดำเนินงานตามมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย พร้อมทั้งสร้างแรงจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาสู่ระบบภาษี ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้จัดทำแผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจจาก สำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม ตามพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าอาจมีการกระทำผิด เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต และเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค ให้บริโภคสินค้าที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน

ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 ถึงวันที่ 4 มี.ค. 2564 พบว่า มีการกระทำผิดจำนวน 12,548 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 233.96 ล้านบาท ดังนี้

▪สุรา 7,051 คดี ค่าปรับ 64.07 ล้านบาท โดยมีของกลางเป็นน้ำสุรา 269,188.199 ลิตร

▪ยาสูบ 3,742 คดี ค่าปรับ 83.59 ล้านบาท โดยมีของกลางเป็นยาสูบ 275,687 ซอง

▪ไพ่ 280 คดี ค่าปรับ 3.34 ล้านบาท โดยมีไพ่เป็นของกลาง 19,493 สำรับ

▪น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน 552 คดี ค่าปรับ 39.62 ล้านบาท โดยมีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันเป็นของกลาง 1,186,924.000 ลิตร

▪น้ำหอม 45 คดี ค่าปรับ 1.95 ล้านบาท โดยมีน้ำหอมเป็นของกลาง 87,972 ขวด

▪รถจักรยานยนต์ 610 คดี ค่าปรับ 17.37 ล้านบาท โดยมีรถจักรยานยนต์เป็นของกลาง 1,108 คัน

▪สินค้าอื่นๆ 268 คดี ค่าปรับ 24.02 ล้านบาท.

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว หนุนขึ้นภาษี!!! สสส.ชวนคนไทยบริโภคหวานน้อยลง หลังแพทย์เตือน-คนไทยป่วยโรค NCDs โดยรัฐต้องจ่ายค่ารักษาไม่ต่ำกว่า 4-5 แสนล้านบาท/ปี ด้าน WHO หนุนปรับขึ้นภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลตามกรอบเวลาเดิม กระตุ้นให้ภาคธุรกิจปรับสูตรลดน้ำตาล

โดยเรื่องนี้ ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี นิธิยานันท์ ประธานเครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในทางการแพทย์พบว่า การบริโภคน้ำตาลในปริมาณมากเสี่ยงเป็นโรคไขมันพอกตับสูง เพราะน้ำตาลที่ค้างในร่างกายจะแปรสภาพเป็นไขมันเกาะตามกล้ามเนื้อและตับทำให้อ้วนลงพุง หากปล่อยไว้นานจะทำให้อวัยวะต่างๆ อักเสบเรื้อรัง ซึ่งสาเหตุอันดับ 1 ที่ทำให้เกิดโรค คือ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอันดับ 2 คือ บริโภคน้ำตาลมากเกินความจำเป็น

** น้ำตาลมีส่วนทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (โรค NCDs) เช่น มะเร็งตับ ไขมันเกาะตับ โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน ไขมันอุดตันในหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต เบาหวาน และโรคอ้วน ปัจจุบันมีคนเสียชีวิตจากกลุ่มโรค NCDs คิดเป็นร้อยละ 70 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมดในประเทศไทย รัฐบาลต้องใช้งบประมาณดูแลผู้ป่วยไม่ต่ำกว่า 4-5 แสนล้านบาทต่อปี จึงเป็นที่มาของการผลักดันให้ปรับขึ้นภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทุกๆ 2 ปี

ด้าน ทพญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ผู้จัดการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน ผู้ทรงคุณวุฒิและรักษาการผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กล่าวว่า พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ภายใต้พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.2560 โดยกำหนดให้จัดเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาล เครื่องดื่มผง (3in1) และเครื่องดื่มเข้มข้นตามปริมาณน้ำตาล โดยจัดเก็บเป็นระบบขั้นบันไดและปรับเพิ่มขึ้นทุกๆ 2 ปีให้ได้ตามเกณฑ์แนะนำที่ 6% ในปี 2566 เพื่อให้ผู้ประกอบเครื่องดื่มในภาคอุตสาหกรรมปรับสูตรผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป

จากการศึกษาปริมาณเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลที่ดื่มเฉลี่ยต่อวันในกลุ่มประชากรไทยอายุ 6 ปีขึ้นไป โดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล พบกลุ่มตัวอย่างมีการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลลดลงจาก 283.6 มิลลิลิตร ในปี 2561 เป็น 275.8 มิลลิลิตรในปี 2562 หรือลดลงร้อยละ 2.8 โดยกลุ่มตัวอย่างอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปมีการบริโภคลดลงสูงสุด ร้อยละ 7.2 ขณะที่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล กระทรวงอุตสาหกรรม พบปริมาณการบริโภคน้ำตาลของคนไทยในปี 2555-2562 ว่าระหว่างปี พ.ศ.2551-2560 คนไทยบริโภคน้ำตาลจากเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น แต่หลังการบังคับใช้เรื่องภาษี พบคนไทยบริโภคน้ำตาลจากเครื่องดื่มลดลงร้อยละ 15.3 ในปี 2561 และร้อยละ 14 ในปี 2562.
---------------------------------------
อ่านต่อ : https://news.thaipbs.or.th/content/...Rv64hhCDcwhvP78F6QnJzoG5GUvGn4ca19OfukSsA_TO4

 

09.03.21

***10.38 น : ❌❌รัฐบาล ตัดสินใจเลื่อนการประกาศมาตรการระดับชาติฉบับใหม่ โดยยังไม่ประกาศในวันนี้ค่ะ เนื่องจาก Helsedirektoratet และ FHI ไม่แนะนำให้รัฐบาลออกมาตรการที่เข้มงวดกว่านี้ และ ต้องการให้มาตรการท้องถิ่นทำงานอีก 2- 3 วันก่อนที่จะมีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ถ้ามี รายละเอียดเรื่องนี้ แอด จะนำมาอัพเดทเพิ่มเติมค่ะ แต่การแถลงข่าวยังมีอยู่ตามเวลาเดิมค่ะ ❌❌****

วันนี้จะมีการแถลงข่าวเรื่อง มาตรการระดับชาติฉบับใหม่ เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 น ณ รัฐสภา และ การแถลงข่าวในเวลา 11.15 น. ตามมา ใครสนใจติดตามรับชมกันได้ค่ะ

ส่วนในเวลา 13.00 น จะมีการแถลงข่าวจาก เมืองออสโล ค่ะ

------------------------

ผู้ป่วยรายใหม่ 828 รายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

1.จำนวนผู้ติดเชื้อ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าใน เมืองออสโล มากกว่าในวันเดียวกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 137 ราย ค่าเฉลี่ยในสัปดาห์ที่แล้วมีผู้ติดเชื้อ 192 รายต่อวัน

2.ทั่วประเทศมีการลงทะเบียนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 828 ราย เมื่อวันที่ 08.03 นั่นคือ มากกว่าเมื่อวันอาทิตย์ 459 ราย และ มากกว่าวันที่ 01.03 - 99 ราย ตั้งแต่เดือนมีนาคม เมื่อปีที่แล้ว ชาวออสโลทั้งหมด 21,762 คน ได้รับการลงทะเบียนเป็น ผู้ติดเชื้อ

⭕เขตที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดใน เมืองออสโล คือ

Grorud โดยมีอัตราผู้ติดเชื้อ 765 : 100,000 ราย
Stovner มีอัตราผู้ติดเชื้อ 690 : 100000 ราย
Alna มีอัตราผู้ติดเชื้อ 670 : 100,000 ราย
Ullern มีอัตราผู้ติดเชื้อ 149 : 100,000 ราย

3.หนึ่งใน 4 ของผู้ป่วยมากกว่า 5,100 ราย อยู่ในกลุ่มอายุ 20 - 29 ปี สำหรับกลุ่มที่มีอายุไม่เกิน 29 ปี มีสัดส่วนเกือบ 44 % ของการติดเชื้อในเมืองหลวง

4.ในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีการลงทะเบียนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมด 4,035 ราย มีผู้ป่วย ที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล 147 ราย และ มีผู้เสียชีวิต 632 ราย

.............................

อ่านรวมข่าว & มาตรการโคโรนา ของ ประเทศนอร์เวย์
http://norgetiltak.blogspot.com

อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
https://www.blockdit.com/norwaystyle

อ่าน คำคมข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/norgeutrykk

#นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

ผู้ทำข่าวต้นฉบับ :
Andreas Krantz : Journalist
Helge Carlsen : Journalist

ข่าวต้นฉบับ NRK :
https://www.nrk.no/norge/828-nye-koronasmittede-siste-dogn-1.15408496

 

งานวิจัยใหม่ในวารสาร Current Biology วานนี้เป็นงานของนักวิจัยชาวญี่ปุ่น พบว่าทากทะเลสกุล Elysia สามารถถอดหัวออกจากตัวได้ แล้วส่วนหัวนั้นก็ยังมีชีวิตรอด แถมยังงอกส่วนอื่นของร่างกายกลับมาได้หมดไม่ตาย ถอดหัวแล้วส่วนร่างกายยังหาอาหารได้ปกติ
หลังจากถอดหัว แผลที่บริเวณคอจะหายดีภายใน 1 วัน แถมยังงอกร่างกายส่วนที่เหลือกลับมาได้หมด โดยจะรักษาหัวใจกลับมาได้ใน 1 สัปดาห์ และฟื้นฟูทั้งตัวกลับมาใน 3 สัปดาห์ นักวิจัยระบุว่าทากเหล่านี้มีร่องพิเศษ ล้อมรอบบริเวณคอ

: Sayaka mitoh

 

จบสิ้นเสรีภาพสื่อ! “กองทัพเมียนมา” สั่งปิด สำนักข่าวอิสระเสนอข่าวการประท้วง
.
.
.
.
.
เอเจนซีส์/รอยเตอร์ – รัฐบาลรัฐประหารเมียนมาสั่งยกเลิกใบอนุญาตสื่ออิสระ 5 สำนักและปิดสำนักข่าวเหล่านี้ในความพยายามเพื่อไม่ให้เสนอข่าวการประท้วงในพม่า เป็นการกวาดล้างเสรีภาพสื่อครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
.
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(9 มี.ค) อ้างอิงจากแถลงการณ์สำนักข่าวทางการพม่า MRTV รายชื่อสำนักข่าว สำนักที่ถูกสั่งถอนใบอนุญาตและปิดลงได้แก่ สำนักข่าวมิซซิมา (Mizzima) สำนักข่าวเสียงประชาธิปไตยเพื่อพม่า(Democratic Voice of Burma) สำนักข่าวขิต ทิต มีเดีย (Khit Thit Media) เมียนมาร์ นาว (Myanmar Now) และสำนักข่าว7เดย์นิวส์ (7Day News)
.
ในการแถลงยังระบุว่า สำนักข่าวที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเหล่านี้จะไม่สามารถเสนอข่าวหรือการเขียนข่าวเผยแพร่ในรูปแบบใดๆบนทุกแพลตฟอร์ม หรือการใช้เทคโนโลยีด้านการสื่อสารเด็ดขาด
.
สำนักข่าวทั้ง 5 ที่ผ่านมาได้เสนอข่าวการประท้วงต่อต่านการรัฐประหารพม่าอย่างครอบคลุมในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งในเวลานี้มีผู้เสียชีวิตจากการประท้วงต่อต้านไปแล้วมากกว่า 50 คน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนออกมาเตือนว่า กองทัพเมียนมากำลังใช้วิธี “ยิงเพื่อสังหาร” ต่อการประท้วง
.
ซึ่งค่ำวันจันทร์(8)ก่อนที่จะมีแถลงการณ์สั่งถอนใบอนุญาตสื่อออกมาพบว่า มีกองกำลังทหารและตำรวจพม่าบุกเข้าค้นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ “เอชคิวสำนักข่าวเมียนมาร์ นาว” สามารถยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ บางส่วนของเซิร์ฟเวอร์กองบรรณาธิการและอุปกรณ์อื่นๆ
.
อย่างไรก็ตามได้มีการสั่งอพยพสำนักงานก่อนหน้าเพื่อความปลอดภัยมาตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค ระหว่างที่มีข่าวหนาหูเรื่องการทำรัฐประหารคุกรุ่นในช่วงนั้น สำนักข่าวเมียนมาร์ นาวเป็นสื่อที่คอยตรวจสอบทัตมาดอว์ (Tatmadaw) หรือ กองทัพเมียนมาอย่างต่อเนื่อง
.
สื่ออังกฤษชี้ว่า ระหว่างการประท้วงที่เกิดขึ้นมีคนถูกจับไปแล้วเกือบ 1,800 คน นักข่าว 6 คนรวมถึงช่างภาพสำนักข่าวเอพี เทียน ซอว(Thein Zaw) ถูกตั้งข้อหาละเมิดกฎหมายความคุมสาธารณะที่ออกมาในช่วงรัฐประหาร ส่งผลทำให้คนเหล่านี้อาจต้องถูกลงโทษจำคุกหนัก 3 ปีในเรือนจำ
.
กองทัพพม่าพยายามปิดกั้นโซเชียลมีเดียมาตั้งแต่ต้นกุมภาพันธ์แต่ประชาชนจำนวนมากสามารถใช้ VPNs แทนสำหรับการเข้าถึง กองทัพพม่ายังคงบุกค้นบ้านเรือนเสมอ และออกคำสั่งแบนอินเตอร์เนตทั่วประเทศเป็นระยะๆ อย่างไรก็ตามประชาชนยังสามารถเผยแพร่ภาพการประท้วงผ่านทางโซเชียลมีเดียได้
.
การยึดในย่างกุ้งเกิดขึ้นหลังผู้ประท้วง 3 คนถูกยิงเสียชีวิตในวันจันทร์(8) ที่เมืองมิตจีนา (Myitkyina)ทางเหนือพบกองกำลังใช้แก๊สน้ำตาและเปิดฉากยิงระหว่างการปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วง มีชาย 2 คนถูกยิงคาที่ ในขณะที่มีอีก 3 คนรวมผู้หญิง 1 คนถูกบิงที่แขน แหล่งข่าวกู้ภัยให้ข้อมูลกับเอเอฟพี
.
ส่วนผู้ประท้วงคนที่ 3 ถูกยิงเสียชีวิตที่พยาโบน(Pyapon) พื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำของแม่น้ำอิรวดี ด้านเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำอังกฤษ คยอว ซวาร์ มินน์ (Kyaw Zwar Minn) ออกมาสนับสนุนผู้ประท้วง พร้อมกับเรียกร้องให้ปล่อยตัวอองซานซูจีเป็นอิสระ
.
ซึ่งกองทัพรัฐประหารพม่าได้ออกมาข่มขู่บรรดาข้าราชการว่า คนเหล่านี้จะถูกไล่ออกทันทีหากจะยังคงเดินหน้าการสไตรค์ต่อไป

 

กัมพูชาเปลี่ยนโรงแรมหรูกลางกรุงเป็นโรงพยาบาลรักษาโควิด หลังยอดผู้ติดเชื้อยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง
.
.
.
เอพี - ทางการกัมพูชาได้เข้าปรับเปลี่ยนโรงแรมหรูแห่งหนึ่งที่ไม่ได้ใช้งานในเมืองหลวง ให้กลายเป็นโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ขนาด 500 ห้อง ซึ่งเสร็จสิ้นลงวานนี้ (8) ขณะที่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายใหม่ที่กำหนดบทลงโทษทางอาญาต่อผู้ที่ละเมิดกฎระเบียบด้านสาธารณสุข และการติดเชื้อยังคงเพิ่มสูงในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้
.
โรงแรมเกรท ดุค พนมเปญ (Great Duke Phnom Pehn) ที่ปิดทำการมานาน 2 ปี เวลานี้ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นที่รักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ท่ามกลางการระบาดระลอก 3 ในกัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้มอบหมายให้ พล.อ.ฮุน มาเนต บุตรชายคนโตของเขาเป็นผู้นำในการเปลี่ยนโรงแรมแห่งนี้ให้กลายเป็นโรงพยาบาลชั่วคราว
.
อสังหาริมทรัพย์แห่งนี้ปัจจุบันเป็นของนักธุรกิจชาวจีน ที่ซื้อมากจากนักธุรกิจเขมร ซึ่งยังคงไม่ชัดเจนว่าเหตุใดโรงแรมหรูแห่งนี้ถึงปิดตัวลง
.
โรงแรมตั้งอยู่ใจกลางกรุงพนมเปญ และยังคงอยู่ในสภาพดี เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมสำหรับสถานทูตต่างชาติ เอ็นจีโอ และกลุ่มอื่นๆ ระหว่างการประชุมหรือการประชุมสุดยอดที่รัฐบาลกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ
.
เมื่อวันศุกร์ (5) รัฐบาลกัมพูชาได้ผ่านร่างกฎหมายที่อนุญาตให้มีการลงโทษทางอาญา ที่รวมถึงโทษปรับและจำคุกจากการละเมิดมาตรการด้านสุขภาพที่มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส
.
ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ การแพร่กระจายเชื้อไวรัสอย่างตั้งใจมีบทลงโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี หรือหากความผิดกระทำโดยกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นจะมีโทษจำคุกสูงถึง 20 ปี นอกจากนี้ กฎหมายฉบับใหม่ยังรวมถึงมาตรการต่างๆ เช่น การห้ามเดินทาง ห้ามการรวมกลุ่ม การล็อกดาวน์พื้นที่ที่มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสูง และมาตรการที่จำเป็นต่างๆ เพื่อตอบสนองและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19
.
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์ระบุว่า บทบัญญัติที่คลุมเครือในกฎหมายจะทำให้เจ้าหน้าที่มุ่งเป้าไปที่บุคคลหรือกลุ่มต่างๆ ได้ตามอำเภอใจ เช่น ผู้ที่ประท้วงต่อต้านนโยบายของรัฐบาล
.
กัมพูชามียอดผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสม 1,011 คน และไม่มีผู้เสียชีวิตตั้งแต่เริ่มการระบาด และกระทรวงสาธารณสุขประกาศพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 24 คน เมื่อวันจันทร์ (8)
.
คำแถลงของกระทรวงกล่าวว่า ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่มาจากการระบาดในชุมชน ที่ติดตามสืบย้อนว่ามาจากผู้อยู่อาศัยชาวต่างชาติที่ละเมิดการกักตัวในโรงแรมและออกไปไนต์คลับในช่วงต้นเดือน ก.พ. จนเป็นเหตุให้เกิดการติดเชื้อ และทำให้รัฐบาลต้องประกาศปิดโรงเรียน โรงภาพยนตร์ บาร์ และสถานบันเทิงทั้งหมดในกรุงพนมเปญ เป็นเวลา 2 สัปดาห์
.
หลังจากนั้น รัฐบาลยังได้ขยายเวลาการปิดโรงเรียน ยิม คอนเสิร์ตฮอลล์ พิพิธภัณฑ์ และสถานบันเทิงอื่นๆ ในกรุงพนมเปญ จ.กันดาล และ จ.สีหนุวิลล์ เพิ่มอีก 2 สัปดาห์.
.
.
https://mgronline.com/indochina/detail/9640000022811

 

ผู้พิพากษาบราซิลคว่ำคำตัดสินช่วย ‘ลูลา’ พ้นข้อหาทุจริต เปิดทางชิง ปธน.ในปี 2022
.
ผู้พิพากษาศาลสูงสุดบราซิลคว่ำคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่ให้อดีตประธานาธิบดี ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา มีความผิดฐานทุจริตรับสินบน ซึ่งถือเป็นใบเบิกทางให้อดีตผู้นำซึ่งยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงสามารถลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้อีกครั้งในปี 2022
.
ผู้พิพากษา เอ็ดสัน ฟาชิน มีคำวินิจฉัยคัดค้านคำพิพากษาเอาผิด ลูลา ในทุกข้อหา ซึ่งมีต้นตอมาจากการสืบสวนคดีคอร์รัปชันปล้นรัฐวิสาหกิจน้ำมันเปโตรบราส (Petrobras)
.
ผู้พิพากษาท่านนี้ระบุว่า ศาลในเมืองกูริตีบาที่ตัดสินลงโทษอดีตประธานาธิบดีลูลา “ไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดี” และให้ส่งคดีอาญาทั้ง 4 คดีที่เขาตกเป็นจำเลยเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลส่วนกลางในกรุงบราซิเลียแทน
.
ลูลา วัย 75 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีบราซิลระหว่างปี 2003-2010 จะมีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีกครั้ง เว้นเสียแต่ศาลจะสั่งให้คำพิพากษาเดิมกลับมามีผลใหม่
.
สำนักงานอัยการสูงสุดบราซิลแถลงว่าจะมีการอุทธรณ์คำตัดสินล่าสุดนี้ และคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดก็อาจลงความเห็นคัดค้านคำตัดสินของ ฟาชิน ก็เป็นได้ ทว่าผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นไปได้ยาก
.
คดีความของ ลูลา นั้นเริ่มมาจากที่บราซิลทำภารกิจกวาดล้างคอรัปชันครั้งใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า “ปฏิบัติการล้างรถ” (Operation Car Wash) ซึ่งทำให้นักการเมืองและนักธุรกิจผู้มีอิทธิพลหลายรายถูกจับกุม, ดำเนินคดี และจำคุก ฐานร่วมกันยักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์ออกไปจากรัฐวิสาหกิจน้ำมันเปโตรบราส
.
ตัว ลูลา เองเคยถูกส่งตัวเข้าเรือนจำนานกว่า 18 เดือน ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในปี 2019 เพื่อรอการอุทธรณ์
.
ลูลา ถูกอัยการกล่าวหาว่านำเงินทุนผิดกฎหมายไปสนับสนุนมูลนิธิของตัวเอง และยังมีพฤติกรรมรับสินบน โดยหนึ่งในนั้นคือการให้บริษัทก่อสร้างเข้าไปปรับปรุงบ้านพักชายทะเล
.
ข้อหาเหล่านี้ทำให้ ลูลา เสื่อมเสียชื่อเสียง และนำไปสู่คำพิพากษาจำคุกรวมกันเป็นเวลาถึง 26 ปี
.
กระนั้นก็ตาม ผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (7) พบว่า ลูลา ยังเป็นผู้ที่มีโอกาสจะได้รับคะแนนโหวตสูงที่สุด หากสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน ต.ค.ปี 2022 และเป็นนักการเมืองเพียงคนเดียวที่มีคะแนนนิยมแซงหน้าประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู ผู้นำบราซิลคนปัจจุบัน
.
โบลโซนารู ได้ออกมาวิจารณ์คำตัดสินของผู้พิพากษาศาลสูงสุด โดยบอกว่า “เอ็ดสัน ฟาชิน มีความสนิทสนมกับพรรค PT ของ ลูลา อยู่แล้ว ที่ตัดสินออกมาอย่างนี้ก็ไม่น่าแปลกใจ”
.
“แต่ทุกคนก็ได้เห็นชัดเจนแล้วว่า รัฐบาล ลูลา มีพฤติกรรมปล้นเงินแผ่นดิน ดังนั้น อย่าว่าแต่ตัวเขาเลย แม้แต่ผู้สมัคร PT คนอื่นๆ ผมก็เชื่อว่าคนบราซิลไม่เลือกหรอก”
.
(ที่มา : เอเอฟพี)

 

‘มาลาลา ยูซาฟไซ’ เซ็นสัญญา Apple TV+ ร่วมผลิตสื่อเพื่อเด็กและสตรี
.
มาลาลา ยูซาฟไซ เด็กสาวชาวปากีสถานผู้คว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพหลังรอดชีวิตจากคมกระสุนของนักรบตอลิบาน ได้เซ็นสัญญากับแอปเปิลทีวีพลัส (Apple TV+) เพื่อร่วมผลิตละครและสารคดีที่มุ่งส่งเสริมสิทธิเด็กและสตรี
.
แอปเปิลทีวีพลัส แถลงว่า การเซ็นสัญญาเป็นหุ้นส่วนครั้งนี้ “จะช่วยให้ มาลาลา ได้มีโอกาสใช้ศักยภาพที่เธอมีสร้างแรงบันดาลใจแก่คนทั้งโลก” โดยคอนเทนต์ที่เธอจะร่วมผลิตนั้นยังรวมถึงการ์ตูนแอนิเมชั่นและละครซีรีส์สำหรับเด็ก
.
ด้าน มาลาลา วัย 23 ปี ยอมรับว่า “รู้สึกดีใจที่ได้จะมีโอกาสสนับสนุนผู้หญิง, คนหนุ่มสาว, นักเขียน และศิลปินหลายคนในการสะท้อนมุมมองโลกในแบบที่พวกเขาเห็น”
.
เด็กสาวคนนี้เริ่มเขียนบทความและบล็อกเกี่ยวกับชีวิตประจำวันและความหวังที่จะมีชีวิตที่ดีกว่าตั้งแต่อายุประมาณ 10 ขวบ แต่ชื่อเสียงที่เธอได้รับกลับทำให้เธอถูกพวกตอลิบานหมายหัว
.
เมื่อปี 2012 มาลาลา ถูกมือปืนตอลิบานบุกยิงศีรษะจนบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากไม่พอใจที่เธอออกมาเรียกร้องสิทธิด้านการศึกษาสำหรับเด็กผู้หญิงในชุมชนที่หุบเขาสวัต (Swat) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน ซึ่งตอนนั้นพวกตอลิบานพยายามจะนำหลักศาสนาอิสลามที่ตีความแบบสุดโต่งมาบังคับใช้กับประชาชน รวมถึงการห้ามไม่ให้เด็กผู้หญิงเรียนหนังสือ และไม่ให้ใครจ้างผู้หญิงทำงาน
.
มาลาลา ถูกส่งไปรักษาตัวในต่างประเทศ และมีอาการดีขึ้นตามลำดับ กระทั่งเธอได้ร่วมเขียนหนังสือบันทึกความทรงจำที่ชื่อ ‘I am Malala’ ซึ่งทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักเธอมากขึ้นไปอีก
.
คณะกรรมการรางวัลโนเบลมีมติมอบรางวัลสาขาสันติภาพให้แก่ มาลาลา ในปี 2014 โดยเธอแชร์รางวัลนี้ร่วมกับ ไกลาส สัตยาร์ธี นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเด็กชาวอินเดีย
.
หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดเมื่อปีที่แล้ว มาลาลาได้เริ่มผลิตสื่อดิจิทัลสำหรับเด็กผู้หญิงและสตรี รวมถึงเปิดบริษัทผลิตรายการทีวีของตนเองด้วย
.
“ฉันเชื่อในพลังของเรื่องราวต่างๆ ที่จะช่วยสร้างสัมพันธ์ในครอบครัว, ผูกมิตรภาพ, ขับเคลื่อนขบวนการ และเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ กล้าที่จะฝัน” มาลาลา ระบุวานนี้ (8)
.
ที่มา: เอเอฟพี

 

‘วินฟาสต์’ ค่ายรถเวียดนามเซ็น MOU บ.ไต้หวันผลิตแบตเตอรี่ป้อนรถยนต์ไฟฟ้า
.
.
.
MGR ออนไลน์ - วินฟาสต์ (VinFast) ค่ายรถยนต์เวียดนามลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัท ProLogium Technology Co.. Ltd. ของไต้หวัน เพื่อผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในเวียดนาม
.
ทั้งสองบริษัทจะตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นเพื่อผลิตแบตเตอรี่โซลิดสเตตสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยบริษัทร่วมทุนนี้จะได้รับอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีการประกอบชุดแบตเตอรี่โซลิดสเตตที่เป็นสิทธิบัตรของบริษัท ProLogium Technology
.
ความเคลื่อนไหวของวินฟาสต์ครั้งนี้ ถือเป็นขั้นตอนเชิงกลยุทธ์ในการสร้างความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้า ที่จะเป็นรากฐานสำหรับการวิจัยและพัฒนารถไฟฟ้าอัจฉริยะในอนาคต
.
บริษัท ProLogium Technology ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2549 เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่โซลิดสเตตชั้นนำของโลก และในปี 2560 บริษัท ProLogium กลายเป็นบริษัทแรกในโลกที่มีสายทดสอบเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิดสเตตสำหรับการใช้งานยานยนต์ โดยแบตเตอรี่โซลิดสเตตของบริษัทผ่านการทดสอบความปลอดภัยในยุโรปและจีน ที่เป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก
.
นอกจากนี้ บริษัทกำลังร่วมมือกับผู้ผลิตรถไฟฟ้ารายใหญ่เพื่อทดสอบเทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบใหม่ และคาดว่าจะสามารถเริ่มการผลิตจำนวนมากได้ในปี 2566-2567
.
และจากการใช้แบตเตอรี่โซลิดสเตต รถยนต์ไฟฟ้าของวินฟาสต์จะสามารถเดินทางได้ไกลขึ้น ลดเวลาที่ใช้ในการชาร์จลง และเพิ่มจำนวนครั้งที่แบตเตอรี่สามารถชาร์จได้
.
การร่วมมือของวินฟาสต์และ ProLogium เป็นส่วนหนึ่งในแผนของบริษัทที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับโลก
.
ในเดือนม.ค. วินฟาสต์ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่นใหม่ 3 รุ่น และวางแผนที่จะตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าจุดชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้าที่ 40,000 จุด ภายในสิ้นปี 2564
.
วินฟาสต์ขายรถยนต์ได้ 31,500 คันในเวียดนามเมื่อปีที่ผ่านมา และนับตั้งแต่เข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์เมื่อ 3 ปีก่อน เวลานี้บริษัทมีโรงงานที่เมืองหายฟ่อง และศูนย์วิจัยและการพัฒนาที่ออสเตรเลีย เยอรมนี และสหรัฐฯ.
.
.
https://mgronline.com/indochina/detail/9640000022867

 

เคนยาเปิดคอร์สสอนทักษะป้องกันตัวพิเศษสำหรับคุณป้า-คุณยายที่ตกเป็นเป้าหมายของการข่มขืน เนื่องจากความเชื่อที่ว่า "หากมีเพศสัมพันธ์กับหญิงชรา จะหายจากเชื้อเอชไอวี"

 

เร่งขุดเจาะหาแหล่งน้ำบาดาลเพิ่มใน ต.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ที่ความลึก 650 เมตร โดยระหว่างนี้ได้ตรวจสอบชั้นเห็นพบความเป็นไปได้ว่ามีน้ำบาดาล

แต่จะมีโอกาสเกิดเป็นน้ำพุโซดาหรือไม่ ต้องรอเจาะถึงชั้นความลึกกว่า 300 เมตรก่อน #น้ำพุโซดา #ThaiPBS #วันใหม่ไทยพีบีเอส

 

❗️ #โควิดฮ่องกงวันนี้ (9 มี.ค.)
ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด +21, ติดในฮ่องกง +8
.
#ไฮไลท์
- พบ cluster ในร้านอาหารแห่งใหม่ คือ Coast Seafood & Grill (Causeway Bay)
โดยพบผู้ติดเชื้อแล้ว 4 คน ทั้งหมดเป็นลูกค้าที่เคยทานกลางวัน วันที่ 22 กพ (ใน 2 คนนี้ เชื่อมโยงกับ cluster ร้าน Mr Ming’s)
สธ เตรียมให้พนักงานตรวจหาเชื้ออีกครั้ง เตรียมเข้าเก็บตัวอย่างในร้าน และให้ผู้ที่ไปทานวันที่ 22 กพ เที่ยง-บ่าย3 ติดต่อ สธ ด่วน
.
#เคสต่างประเทศ (13 คน)
ปากีสถาน(4)
ฟิลิปปินส์(3)
สหรัฐอเมริกาและเนเธอร์แลนด์(1)
แคนาดา(1)
สิงคโปร์(1)
ไนจีเรีย(1)
.
5 คน พบตอนกักตัววันที่ 12, 3 คน พบตอนกักตัววันที่ 19, 13 คน พบเชื้อกลายพันธุ์
.
รวมพบเชื้อโควิดกลายพันธุ์ในฮ่องกงทั้งสิ้น 67 คน
.
#เคสในฮ่องกง (8 คน)
เชื่อมโยงเคสเก่า 5 คน, ไม่ทราบต้นตอ 3 คน
.
#ตัวอย่างผู้ติดเชื้อ
- น้อยกว่า 10 คน ติดแบบรอผลยืนยัน (preliminary)
- 1 คน พนักงานร้าน Mr. Ming’s Chinese Dining (K11 MUSEA) (รวม 52 คน คือ ลูกค้า 22 คน, พนักงาน 10 คน, คนใกล้ชิด 20 คน)
- 1 คน ทำงานห้องแล็บใน Tai Po
- 1 คน ทำงานชั้น 35 Windsor House (Causeway Bay) บ้านอยู่ที่ Coastal Skyline Tower (Tung Chung) เริ่มมีอาการวันที่ 1 มีค เคยไปทานอาหารร้าน Coast Seafood & Grill (Causeway Bay) วันที่ 22 กพ ช่วงกลางวัน พบผู้ติดเชื้อก่อนนี้ 3 คน ที่เคยไปทานร้านนี้ในวันและเวลาเดียวกัน
- 1 คน ไม่ได้ทำงาน อาศัยอยู่ในตึก Sing Fai Building (Sai Ying Pun)
.
อื่นๆ
- รักษาหาย 25 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต
.
=================
#สถิติภาพรวม
.
#ฮ่องกง
ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 11,121 (+21)
เสียชีวิต 202 (1.82%)
รักษาหาย 10,661 (95.86%)
.
#ไทย
ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 26,501 (+60)
เสียชีวิต 85 (0.32%)
รักษาหาย 25,851 (97.55%)
.
#ทั่วโลก
ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 117,799,925 (+305,834)
เสียชีวิต 2,613,387 (2.22%)
รักษาหาย 93,482,245 (79.36%)
.
#eatlike852 #covid19hongkong

 

ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์วัคซีนโควิด-19 ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

อย่าลืมสวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง หมั่นล้างมือ เช็คชื่อใน “ไทยชนะ” และ “หมอชนะ”นะคะ

#สถานการณ์โควิด19
#กรมควบคุมโรค #COVID19
#กระทรวงสาธารณสุข
#ศูนย์ข้อมูลCOVID19
#ไทยรู้สู้โควิด

 

สถานการณ์ไฟป่า และ หมอกควันภาคเหนือ ตอนบนเริ่มมีผลกระทบกับประชาชน 6 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง แม่ฮ่องสอน ตาก และจังหวัดพะเยา พบผู้ป่วยจากผลกระทบดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 31,788 คน
.
อ่านข่าวเต็มคลิก: https://bit.ly/2PP8zkT

 

คนที่กล้าหาญที่สุดในโลกคือคนที่รู้จักแพ้ และผู้ที่ประเสริฐที่สุดคือผู้ที่ถูกทำร้ายและถูกเหยียบย่ำโดยผู้อื่น

ดังนั้นเราควรคิดว่าการดูถูกและด่าทอเป็นความปราโมทย์ที่พาเราไปสู่ความสุขชั่วนิรันดร์

การยอมรับความโปรดปรานคือการเชิญชวนให้พินาศ ผู้ที่สรรเสริญเรา บูชาเรา และติดตามเราไปทั่วคือมารและขโมยที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับวัตรปฏิบัติของเรา

ไม่มีผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าผู้ที่รบกวนเรา ใส่ร้ายเรา ดูถูกเรา และวางแผนต่อต้านคุณ เราจะดูถูกพวกเขาได้อย่างไรในเมื่อเราไม่สามารถแม้แต่จะตอบแทนความเมตตากรุณาของพวกเขาได้ แม้ว่าเราจะบดกระดูกของเราให้ป่นเป็นผงเพื่อพวกเขาก็ตาม

-คำสอนของพระเถระ ทเว-อง ซองชอล พระเถระผู้มีชื่อเสียงหนึ่งในปรมาจารย์นิกายเซน (ในเกาหลีเรียกนิกายซอน) ที่ยิ่งใหญ่ของเกาหลีในศตวรรษที่ผ่านมา
-ภาพเหมือนของพระเถระ ยองวอลดัง อึงจิน ชาวเกาหลี ภาพวาดสมัยราชวงศ์โชซอน อยู่ที่ CMA

 

ความร้อนและความชื้นที่เพิ่มสูงขึ้นกำลังคุกคามประชากรโลกจำนวนมากให้ตกอยู่ในสภาวะที่อาจถึงตายได้ และในไม่กี่ทศวรรษข้างหน้าจะมีผู้คนจำนวนมากถึง 3,000 ล้านคน อาจต้องพลัดถิ่นฐานและอพยพหนีอากาศร้อน
.
หากรัฐบาลหรือกลุ่มผู้นำไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิโลกให้ไม่สูงกว่า1.5 ⁰C ของยุคก่อนอุตสาหกรรมได้ พื้นที่ในแถบเขตร้อนที่ทอดยาวทั้งสองข้างของเส้นศูนย์สูตรจะเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ที่จะเข้าสู่ “ขีดจำกัดการปรับตัวของมนุษย์”
.
ความสามารถของมนุษย์ในการควบคุมความร้อนในร่างกายขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและความชื้นของอากาศโดยรอบ ปกติเรามีอุณหภูมิร่างกายค่อนข้างคงที่ที่ 37 ⁰C ในขณะที่ผิวหนังของเราจะเย็นลงเพื่อให้ความร้อนไหลจากร่างกายชั้นในออกมา
.
แต่หากถึงจุดอุณหภูมิกระเปาะเปียก (Wet bulb temperature) คืออุณหภูมิของอากาศที่วัดได้จากเทอร์โมมิเตอร์ที่กระเปาะถูกหุ้มด้วยผ้าเปียกซึ่งใช้วัดอุณหภูมิและความชี้นของอากาศแตะที่ 35⁰C ร่างกายอาจไม่สามารถระบายความร้อนได้เองซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตได้
.
“ถ้ามันชื้นเกินไปร่างกายของเราก็จะไม่สามารถระบายความร้อนออกไปได้โดยการระเหยออกของเหงื่อ...นี่คือเหตุผลว่าทำไมความชื้นจึงมีความสำคัญสำหรับการอาศัยอยู่ในพื้นที่เขตร้อน” ยีจาง นักวิจัยของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันซึ่งเป็นผู้นำในการศึกษาใหม่ครั้งนี้ที่ได้ตีพิมพ์ในวารสาร Nature ระบุ
.
ทีมวิจัยได้ตรวจสอบข้อมูลทางประวัติศาสตร์และทำการจำลองสถานการณ์เพื่อพิจารณาว่าอุณหภูมิของกระเปาะเปียกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อโลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ โดยพบว่าอุณหภูมิของกระเปาะเปียกในพื้นที่เขตร้อนจะเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับอุณหภูมิเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นในเขตร้อนเช่นกัน
.
นั่นหมายความว่าการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิของโลกจะต้องจำกัดไว้ไม่ให้เกิน 1.5⁰C เพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิกระเปาะเปียกเกิน 35⁰C พื้นที่ในเขตร้อน และในขณะเดียวกันสภาพเสี่ยงอันตรายในเขตร้อนจะคลี่คลายก่อนถึงเกณฑ์ 1.5⁰C
.
นอกจากนี้งานวิจัยยังเตือนว่าอุณหภูมิกระเปาะเปียกที่เพิ่มขึ้นเพียง 1⁰C อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพเมื่อเทียบกับความร้อนที่เพิ่มขึ้นหลายองศา
.
จากการรายงานขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ระบุว่าอุณหภูมิโลกในทศวรรษนี้ร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสูงกว่าช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม 1.1⁰C ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิน 1.5⁰C ภายในหนึ่งทศวรรษ และสิ่งนี้อาจส่งผลกระทบที่เลวร้ายต่อมนุษยชาติเป็นจำนวนมาก
.
ปัจจุบันประมาณ 40% ของประชากรโลกอาศัยอยู่ในประเทศเขตร้อน โดยสัดส่วนนี้จะขยายเป็น 50% ของประชากรทั่วโลกภายในปี 2593 เนื่องจากมีคนหนุ่มสาวจำนวนมากในภูมิภาค
มอจทาบา ซาเดจฮ์ ผู้เชี่ยวชาญความเสี่ยงด้านสภาพอากาศของมหาวิทยาลัย Boise State กล่าวชื่นชมการศึกษาวิจัยชิ้นนี้ เพราะสามารถทำให้เกิดการเตียมตัวลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์
.
“หากสิ่งนี้เกิดขึ้นโครงสร้างพื้นฐาน เช่นที่พักพิงที่มีอากาศเย็นจะเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการอยู่รอดของมนุษย์” มอจทาบา กล่าว แต่เนื่องจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีรายได้ต่ำ ดังนั้นการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นจึงเป็นสิ่งท้าทาย
.
“ในทางทฤษฎีแล้วไม่มีมนุษย์คนใดสามารถทนต่ออุณหภูมิกระเปาะเปียกที่สูงกว่า 35 องศาเซลเซียสได้ไม่ว่าพวกเขาจะต้องดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ตาม” มอจทาบากล่าวเสริม
.
การศึกษานี้เป็นเพียงคำเตือนทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดเกี่ยวกับอันตรายร้ายแรงที่เกิดจากความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้การดำรงอยู่ของมนุษย์ถึงขีดจำกัด โดยเฉพาะพื้นที่บางส่วนในตะวันออกกลาง จีน และอินเดีย
.
การศึกษานี้พบว่าระดับความชื้นและความร้อนที่อาจส่งผลถึงแก่ชีวิตเพิ่มเป็นขึ้นเป็นสองเท่าตั้งแต่ระหว่างปี 2522 ถึง 2560 และในไม่กี่ทศวรรษข้างหน้าจะมีผู้คนจำนวนมากถึง 3,000 ล้านคน อาจต้องพลัดถิ่นฐานและอพยพหนีอากาศร้อน

อ้างอิง:
Mar 8, 2021 "Global heating pushes tropical regions towards limits of human livability". The Guardian

 

‘วินฟาสต์’ ค่ายรถเวียดนามเซ็น MOU บ.ไต้หวันผลิตแบตเตอรี่ป้อนรถยนต์ไฟฟ้า
.
เวียดนาม 9 มี.ค. - วินฟาสต์ (VinFast) ค่ายรถยนต์เวียดนามลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัท ProLogium Technology Co.Ltd. ของไต้หวัน เพื่อผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในเวียดนาม
.
ทั้ง 2 บริษัทจะตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นเพื่อผลิตแบตเตอรี่โซลิดสเตตสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยบริษัทร่วมทุนนี้จะได้รับอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีการประกอบชุดแบตเตอรี่โซลิดสเตตที่เป็นสิทธิบัตรของบริษัท ProLogium Technology
.
ความเคลื่อนไหวของวินฟาสต์ครั้งนี้ ถือเป็นขั้นตอนเชิงกลยุทธ์ในการสร้างความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้า ที่จะเป็นรากฐานสำหรับการวิจัยและพัฒนารถไฟฟ้าอัจฉริยะในอนาคต
.
บริษัท ProLogium Technology ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2549 เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่โซลิดสเตตชั้นนำของโลก และในปี 2560 บริษัท ProLogium กลายเป็นบริษัทแรกในโลกที่มีสายทดสอบเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิดสเตตสำหรับการใช้งานยานยนต์ โดยแบตเตอรี่โซลิดสเตตของบริษัทผ่านการทดสอบความปลอดภัยในยุโรปและจีน ที่เป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก
.
นอกจากนี้ บริษัทกำลังร่วมมือกับผู้ผลิตรถไฟฟ้ารายใหญ่เพื่อทดสอบเทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบใหม่ และคาดว่าจะสามารถเริ่มการผลิตจำนวนมากได้ในปี 2566-2567
.
และจากการใช้แบตเตอรี่โซลิดสเตต รถยนต์ไฟฟ้าของวินฟาสต์จะสามารถเดินทางได้ไกลขึ้น ลดเวลาที่ใช้ในการชาร์จลง และเพิ่มจำนวนครั้งที่แบตเตอรี่สามารถชาร์จได้
.
การร่วมมือของวินฟาสต์ และ ProLogium เป็นส่วนหนึ่งในแผนของบริษัทที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับโลก
.
ในเดือน ม.ค. วินฟาสต์ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่นใหม่ 3 รุ่น และวางแผนที่จะตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าจุดชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้าที่ 40,000 จุด ภายในสิ้นปี 2564
.
วินฟาสต์ขายรถยนต์ได้ 31,500 คันในเวียดนามเมื่อปีที่ผ่านมา และนับตั้งแต่เข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์เมื่อ 3 ปีก่อน เวลานี้บริษัทมีโรงงานที่เมืองหายฟ่อง และศูนย์วิจัยและการพัฒนาที่ออสเตรเลีย เยอรมนี และสหรัฐฯ.