นามขันธ์กับจิตเดิมแท้นั้นต่างกันอย่างไร...

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Tboon, 12 กรกฎาคม 2009.

  1. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    อนุโมทนาครับ
    ความบังเอิญที่เคยเห็นที่หูจะเป็นแบบ เดินผ่านคนที่เขาพูด แล้วเสียงเข้ามากระทบหูนะครับ สติมันไประลึกที่ใบหู เห็นความสั่นสะเทือนยิบๆเข้าไปข้างในนะครับ มันเกิดขึ้นตั้งอยู่สลายไป
    เสียงมันสลายตัวไปจริงๆด้วยครับ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2009
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    สรรพสิ่ง เดิมทีมีอยู่ เป็นอยู่ในแบบฉบับของมัน และมันจะไม่มีความหมายอะไร

    ถ้า ใจของเราไม่เกิดความต้องการ เช่น ต้องการมีเงิน

    ต้องการให้สิ่งนั้นเป็นแบบนี้ ต้องการให้สิ่งนี้เป็นแบบนั้น

    ใจของเราก็เหมือนกันนะ ทั้งหมดเป็นอยู่อย่างนั้น มีแต่ใจคนเท่านั้นที่ขวักไขว่เป็นกิริยา เพราะว่า จิตนี้วิ่งออกไปรับรู้ใน สิ่งภายนอกแล้ว เกิดความไม่เท่าทัน อันเป็นพ่อแม่ ให้เกิด ความต้องการ


    สิ่งหนึ่งอยู่เฉยๆ เมื่อเข้ามาผนวกกับสิ่งหนึ่ง อาจจะเกิดความขัดแย้งกันได้ เช่น ความตายของคน เมื่อมาผนวกกับ ความเป็นคนที่เรารัก ก็เกิดความขัดแย้ง เกิดกิเลสเกิดตัณหา

    สรรพสิ่งโยงใยกัน ในลักษณะนี้ จึงก่อให้เกิด ทุกข์ เกิดกรรม ไม่มีสิ้นสุด

    แยกสิ่งต่างๆ ออกตามความเป็นจริง เป็นส่วนๆ แล้วเราจะเห็นธรรม เห็นตามความเป็นจริง

    เช่น คนเราเหนื่อเพราะทำงานหนัก เมื่อไปผนวกกับเรื่องของงาน ก็กลายเป็นไม่อยากทำงาน แต่จริงๆแล้ว เหนื่อยส่วนเหนื่อย งานหนักส่วนงานหนัก

    ตายส่วนตาย คนรักส่วนคนรัก อะไรก็ตามอย่าให้มันมายุ่งกัน

    เมื่อพิจารณาเห็นภายนอกตามความจริง แล้วจะเห็นธรรมในใจ ออกเป็นส่วนๆ สังขารส่วนสังขาร สัญญาส่วนสัญญา วิญญาณส่วนวิญญาณ รูปส่วนรูป เวทนาส่วนเวทนา

    ใจจะไม่เกิดอุปาทาน แล้ววิ่งหาทางแก้แบบผิดๆ เพราะจะดับได้เป็นส่วนๆ ไป

    ขอให้โชคดี เห็นธรรม เข้าสู่ใจ
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ทุกข์ อะไรเกิดในใจ ให้เราพิจารณา ตีให้แตก ให้เห็น ตัณหา อันเป็นตัวหลัก

    ตัณหานี้เกิดจาก สรรพสิ่งสองอย่างเข้าสู่ใจเรา นั่นแหละ อวิชชา สังขาร นามรูป ผัสสะ

    ตัวความรู้ตามความเป็นจริง( วิชชา) จะเห็น แต่ละส่วน เป็นจริงเท่ากับส่วนของมันที่มันเป็น ไม่เอาไปโยงใยให้เกิด สังขาร ปรุงแต่ง

    ดูให้เห็น เอาให้ประจักษ์ใจ เมื่อแยกสิ่งต่างๆ ตามที่มันเป็นอยู่ได้ เราจะดับอุปาทาน
    รูป รสกลิ่นเสียง เอาเท่านั้น
    จำได้ส่วนจำได้
    ชอบไม่ชอบ เอาเท่าที่นี่คือ ทุกข์หรือสุข เอาเท่านั้น
    รู้ไม่รู้ ว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างนั้น สิ่งนี้เป็นอย่างนี้ เอาเท่านั้น
    สรรพสิ่งปรุงขึ้นมา เอาเท่านั้น

    อย่าเอา ความอยากหรือไม่อยากไปแทรก ด้วยการหลงปรุง สิ่งที่เรารู้สึกเอาขึ้นมา

    นี่ พยายามพูดด้วย คำพูด พ ศ 2552 แล้วนะครับ สำหรับ ปัจจยาการ ให้อ่านแล้วทบทวนให้ดี จาก ภายนอก สู่ภายในใจ เป็นแบบนี้หมด
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    สำหรับ คนที่ ไม่เข้าใจ ก็ให้พิจารณาลงสู่ว่า เราต้องตาย แล้วปลงได้

    สรรพกิเลส จะแตกสลายไป ถ้าเราปลงได้ว่า เราต้องตาย ไม่ต้องกังวลอะไร

    ไม่มีอะไรต้องผูกพัน สิ่งนั้นสิ่งนี้

    นี่ก็เรียกว่า มรณานุสติ คือ ไม่ประมาท ปลงใจไปสู่ความตาย แล้วทำให้ความร้อนรนเพื่อตนนั่นดับลง

    ก็ดับกิเลส อย่างง่าย

    ก็แล้วแต่จะถนัด
     
  5. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    รูปเท่ห็ดีคับ ...

    สังเกตุ ต่อไปอีกนะ หากเห็นมันทัน สังเกตุ ยินดียินร้ายที่ละเอียดขึ้น เวลาเราทันสภาวะ มันจะเล็กลงเรื่อยๆ
     
  6. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ถามคุณ ทีบูน

    ในการปฏิบัตินั้น มีมือใหม่
    มือ โปร
    จริง ๆ เหรอ
    ใหม่กับเก่าวัดกันที่อะไร แต่ที่เราเข้าใจ น่าจะเป็นมือหนึ่งมากกว่านะ
     
  7. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    สมมตินะสมมติ

    สมมติว่าคุณเดินทางฝึกฟังเสียงต่อ หากจิตส่งในเข้าไปแล้ว แล้วเป็นสมาธิดีอยู่
    ไม่ใช่สมาธิที่ทำให้หูอื้ออึง แต่จะมีบ้างที่ดังวี้ วี้ เมื่อฟังเสียงวี้ วี้สักพัหหนึ่งก็จะ
    เริ่มพบว่า เสียงไม่ได้เกิดจากการกระทบผัสสะตามธรรมชาติก็มี

    ก็เรียกว่า เสียงเริ่มไม่ใช่เสียงตามอนุภาคคลื่นแล้ว แต่เป็น เวทนา ซึ่งนอกเหนือ
    จากผัสสะก็จะเกิดได้อีกสามเหตุคือ อวิชชา ตัณหา กรรม

    เสียงที่เกิดจากตัณหา จะเป็นการน้อมนึกไปที่เสียงที่เราชอบใจ ตอนนั้นเกิดอยาก
    ได้ยิน ตัณหาเกิดขึ้น เจ้าสังขารขันธ์จะทำหน้าที่ดังขึ้นมาทันที ให้ได้ยินแล้วอย่า
    เพลินฟัง ให้วางอารมณ์ตรวจสอบเสียงนั้นว่ามาจากสิ่งแวดล้อมจริงหรือ โดยการ
    น้อมออกมาจากสมาธิ กลับมาอยู่ข้างนอก แล้วเข้าไปใหม่ ก็จะพบว่า เสียงบางเสียง
    อยู่ดีๆก็ได้ยินเพราะ ตัณหา พาไป -- ตรงนี้บางครั้งเสียงก็มาจากสิ่งแวดล้อม แต่ด้วย
    สติสัมปชัญญะจะพอรู้ว่าไม่ได้มาจากระยะใกล้ๆปรกติ แบบนี้ก็มีด้วย

    เมื่อฝึกไปเรื่อยๆ ก็จะมีเสียงแปลกๆอีกหลายเสียง อยู่ดีๆก็ดังขึ้น และมักให้สุข หรือทุกข์
    เวทนาที่ได้ยินด้วย ให้ดูความยินดียินร้าย แล้วมีสติพิจารณา ตรวจสอบ ก็น้อมออกมาจาก
    สมาธิอีก ก็จะพบว่าเสียงบางอย่างมาจากกรรมที่เราเคยทำไว้

    เสียงที่นอกเหนือจากสามเหตุข้างบน ไม่ได้มาจากผัสสะ มาจากตัณหา มาจากรรม แต่ก็
    ได้ยิน มักจะมาในรูปของภาษา ก็มีทั้งไทย เทศ และ เหนือกว่าไทย เทศ ก็ให้รู้สักแต่ว่า
    รู้ไป อย่าไปยึดมั่นถือมั่น ได้ยินแล้วให้จบลงที่การได้ยิน ไม่เอาออกมาเป็นอุปทานเพื่อ
    สืบต่อการรู้ ก็จะทำให้ไม่เผลอจมอวิชชา

    ลองดูนะครับ ....

    * * * **

    อันนี้ไม่แน่ใจนะ คลับคล้ายคลับคราว่า ผู้ที่สอนกรรมฐานฟังเสียงนี่
    มีพระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ หากฝึกทางนี้แล้วถูกจริต ก็ลองหา
    ฟังดู เท่าที่จำได้จะเป็น mp3 และเป็นภาษาอีสานนิดๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2009
  8. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ทาง ธิเบตก็ใช้เสียงนะ ครูผมที่เป็นฆราวาส ท่านฝึกมาทางสาย
    ท่านมิราเรปะ ผมเรียนกรรมฐานเสียงจากท่านนิดหน่อย แต่ใช้สังเกตุได้ดีนะ

    อย่างที่นิวรณ์กล่าวก็ตรงนะครับ บางทีเสียงไม่ได้เกิดจากภายนอกแต่เกิดจากภายใน มันจะ ดัง วี้ๆ ข้างในเลย ช่วงทำจิตสงบละเอียดๆ มันจะวี้ๆชัดเลยที่เกิดจากภายใน เอามาเป็นตัวถูกรู้ถูกดูได้
     
  9. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ดีนะครับ ไปอยู่เงียบๆมืดๆแบบนั้น ความคิดจรจะเยอะมาก ถ้าเอาเป็นสังเกตเป็นมีโชะเชะเหมือนกันนะ แต่อาทิตย์นี้ผมขึ้นขอนแก่นทั้งอาทิตย์ พาหมู่คณะมาฝึกเดินป่า(ช้า) ค้นหาความกลัวกันครับ ตอนนี้ก็เพียงแค่ฝึกให้เขามีสติรู้จักหน้าตาของความกลัวแบบตรงไปตรงมาก่อน ให้เขาเห็นอาการชัดๆว่าผีมันหลอกยังไง ก็ค่อยๆว่ากันไปน่ะครับ
     
  10. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    วัดกันที่ระดับของความเข้าใจครับ
    ถ้ายังแยกจิต สติ ความคิด ไม่เป็น ปฏิบัติมา 20 ปีก็ยังเป็นมือใหม่อยู่นั่นเอง...
     
  11. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เจริญธรรมครับ จินนี่
     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    น่าสนๆ เดินป่าช้านี่ [​IMG] เอาแบบจะจะเลยเนอะ
     
  13. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    จะไปเดินจริง ๆ เหรอ แน่ใจแล้วนะ
     
  14. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ไม่รู้เหมือนกัน มันรู้สึุกแปลกๆ กับคำสองคำนี้
    แต่ในการปฏิบัติของเรานั้นไม่เคยคิดส่วนประกอบ รวม ๆ รวบ ๆ แล้วตัดเลย
    เอาแบบว่า ทำแบบนี้แล้วไ่ม่ทุกข์ จนกว่าจะไม่มีทุกข์เลยจริง ๆ นั้น
    เฮ้อ ...
     
  15. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ก็วัดใจกันดู
     
  16. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    อนุโมทนาครับ
     
  17. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ
    วัดนิพเพธพลาราม ต.แพด อ.คำตากล้า จ.สกลนคร
    ?§?Ã?Ò - ?Ð͒?҃¬ʁ? ⪵Իѭ⭠:: ?Ã?ѡælt;/a>



    อนุโมทนาครับ
    ถ้าสภาวะที่เห็นผ่านพ้นไปแล้ว แล้วเรานำมานึกคิดพิจารณาแยกแยะ
    เอาภายหลังจากเกิดแล้ว เหมือนมาทำความเข้าใจเอาภายหลังว่าเห็นตัว
    อะไรบ้างตัวนี้มีส่วนช่วยบ้างมัยครับ
     
  18. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    สำหรับผม เวลาตัวไหนที่มันทันโดยอัตโนมัติแล้ว เราเอาจากความจำได้ มาดูอีกที ทำความเข้าใจ มันก็ยังมีตัวที่มัน ตามมาอีก เป็นความอยากขึ้นมาเรื่อยๆ แต่มันจะละเอียดลงไปอีกซึ่งก็ตามรู้ ที่มันละเอียด ยิ่งๆขึ้นไป

    ถ้าถามว่า มีส่วนช่วยไหม ก็ทำให้เราเข้าใจได้มากขึ้น แต่ก็ต้องตามดูตามรู้ต่อไปเรื่อยๆด้วย

    การที่นำมานึกคิดนั้น ตัวนี้เกิดจาก อายตนะที่เรียกว่าธรรมมารมณ์รับรู้ด้วยใจ ก้เป็นตัวถูกดูถูกรู้ที่ละเอียดขึ้น ก็อาศัยดูอย่างนี้ไปอีก ก็จะเริ่มดูอนุสัย ที่นอนอยู่เนืองๆ
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ได้ครับ เพราะ เป็นเรื่องของ นามรูปปริเฉทญาณ จนถึง สัมมสนญาณ

    รวมๆก็คือ เป็นการทบทวนความเข้าใจเรื่อง รูปนาม แต่เป็นการเห็นแบบรวม
    เนื้อรวมรูป พร้อมที่จะเห็นแยกแตกฆนสัญญาภายหลัง

    เมื่อไหร่ แยก รูป กับ นาม ได้ขาดจากกัน ก็จะเป็น อุทัพยญาณ ขึ้นไปตามลำดับ

    ทีนี้ตอนขึ้น อุทัพยญาณได้นี่ จะเกิด อธิโมกข์ เกิด วิปัสสนูกิเลส 10 ก็ให้ทำความ
    เข้าใจเผือ วางใจเผื่อไว้ เพราะมักจะติดกัน ติดกันทุกคน อย่างน้อยคนละ 3 อย่าง
    [ ท่านว่าอย่างนั้น ]

    ก็ต้องเฟ้นไปเรื่อยๆ ครับ เรื่องการทบทวนการเห็น โดยส่วนตัวตรงนี้คือการค้นหา
    จริตของตน ที่จะทำให้เห็นความเป็นจริงของโลก ใครเฟ้นตรงนี้ได้เหมาะเหม็งก็พุ่ง
    พรวดไปเลย ใครเฟ้นไม่เก่งก็ต้องวนหากันไป ดีไม่ดีพาไปเห็นวิธีปฏิบัติใหม่ๆอีก

    การเห็นตรงนี้ให้ระวังสภาวะ "การควานมาดู" ให้ดู มโนสัญเจตนาหาร ตรงนี้ เรา
    อย่าเผลอไปป้อนอาหารอร่อยๆให้ตัวเจตนา"ในการดู" "ในการทำ" ต้องให้มันเห็นค้นคว้า
    ของมันเอง ตามผัสสะกระทบตามความเป็นจริง จะดีที่สุด หากเราไปเผลอเติม
    มโนสัญญเจตนาหาร เราจะพลาดเจริญกรรมฐานเสริมอัตตา ติดนิมิต ติดสัญญา
    สำคัญผิดคิดว่าคือทาง แล้วอ้างเรื่อง จริต เรื่องฟาดฟันกิเลส เรื่องการเห็นวิเศษ
    เกิดการยึดมั่นถือมั่นว่าต้องเห็นถึงจะผ่าน แบบนี้ก็มี(ชนิด100ละ100) จะเสียเวลา
    ข้ามภพข้ามชาติกันเลย แต่ถ้าเห็นแล้วก็งั้นๆ "รู้ๆแล้วก็วางไป" แบบหลังนี้เห็นอะไรก็ดีทั้งนั้น

    บางคนพอมาถึงตรงนี้ ไม่ได้จงใจควาน แต่ก็ไปเจออะไรบางอย่างเข้า เห็นเป็นจริง
    เป็นจังขึ้นมาก็ติด อธิโมกข์ ไปตามระเบียบ จะว่าไป ติดอธิโมกข์ ดีกว่าไปติดการ
    เติมอาหารให้มโนสัญเจตนา เพราะติดอธิโมกข์โดนสอนแบบแรงๆ ก็อาจจะหลุด
    ออกมาได้ แต่ถ้าติดแบบมโนสัญญเจตนา จะสาระวนอยู่กับการทำให้จิตเที่ยง โลกเที่ยง
    พระพุทธเจ้าองค์ไหนๆก็แก้ให้ไม่ได้

    ก็ดูๆไปครับ

    อนุโมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2009
  20. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    กลัวตั้งแต่คิดแล้วเหรอ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...