น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. noone

    noone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +392
    อืม ผมว่าท่านคงต้องลองปรึกษาคุณเว็บสโนว์ดู เพื่อพิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างที่ท่านว่า ผมว่าคนในเว็บนี้หลายคนที่ประสบพบเจอเหตุการณ์แบบนี้ จึงมารวมตัวกันเพื่อเหตุผลคือ เราไม่ได้คิดไปเอง

    เรื่องพวกนี้ผมว่าเป็นเรื่องทางโลกนะ ท่านอาจจะยังไม่เคยประสบ ทางเราถามท่านไปเยอะแล้ว และมีข้อมูลแย้งท่านแล้ว ขอนมัสการท่านแย้งกลับ ว่าเหตุการณ์ต่างๆ ของคุณเว็บสโนว์เหล่านี้ จะอธิบายอย่างไร

    ผมก็ไม่สามารถยืนยันได้ 100% หรอกว่าหลังความตายเป็นอย่างไร แต่ผมเชื่อว่า มีภูมิปัญญาที่ไม่ได้อาศัยร่างกายมนุษย์ในการกระทำกิจกรรมหรือนึกคิด
    ผมเคยเล่าประสบการณ์ผมให้ในเว็บนี้อ่านแล้ว การมองเห็นด้วยตาเนื้อล้วนๆ ไม่มีจิตมาเกี่ยวข้อง และมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน

    ครั้งแรกผมพบที่บ้านผมเองเป็นตึกแถว ผมนอนคว่ำหน้ามองเหลือบขึ้นไปที่บันได ผมเห็นคนใส่ชุดขาวเดินลงมาเป็นหมอกเรืองแสง เพ่งยังไงก็ไม่เห็นรายละเอียดของหน้า ผมนึกว่าพี่ชาย ยังถามว่าจะไปไหน แต่งตัวซะหล่อ แกหยุดยืนมองผมตรงชานพักบันได และเดินลงมาต่อ ผมยกตัวหันมามอง แต่ก็หายไปแล้ว (แสดงว่า lifeform นั้น มีพิจารณาดูผมใช่มั๊ยครับ ต้องมีความรู้สึกนึกคิดใช่มั๊ยครับ เหมือนกับว่า เฮ้ย เห็นตูได้ไง ซวยแล้วเว้ย)

    ครั้งที่สอง ช่วงการบวช ผมบวชบนเขา กุฎิยกพื้นไม้ บ้านไม้โบราณ เป็นพื้นไม้แผ่นว่างเรียงแนวยาว เก่าโทรม ไม่มีใครกล้านอนในห้อง ผมจึงมานอนเรียงกันที่ระเบียง มองไปด้านขวาคือบันไดไม้ มองหงายไปข้างบนคือหลอดไฟนีออน ผมพยายามข่มตานอน ได้ยินเสียงคนขึ้นบันได้ไม้เอี๊ยดอ้าดมาด้านขวา ผมหันไปมอง เห็นไม้ยวบตามรอยเท้า ระยะทางประมาณ 4-5 เมตร ยวบตามทางตลอด แต่ไม่สามารถเห็นตัวตนได้ และเดินมาหยุดยืนข้างหน้า ผมแกล้งหลับตา แต่เงาท่านมาพาดทำให้ผมยังรู้ว่าท่านยังยืนอยู่หน้าผม (เวลาเราหลับตามองไฟ ถ้ามีวัตถุทึบแสงจะเป็นเงาดำมาพาด ใช่มั๊ยครับ) และท่านเดินตรวจไปทางซ้าย และกลับมายืนหน้าผมอีกครั้ง ผมท่องนโม ท่านเดินกลับลงบันไดไป ขณะท่านเดินกลับ ผมกล้าลืมตามองเต็มเนื่องจากคิดว่าท่านหันหลังคงมองไม่เห็น และผมเห็นไม้ยวบไป ตามทาง อ้อ ผมลืมบอกไปว่ามีเสียงไม้เอี๊ยดอ้าดไปตลอดทางด้วย ผมคะเนแล้วท่านสูงประมาณ 2 เมตร และน้ำหนักค่อนข้างมาก เพราะไม้ยวบลงไปลึกพอสมควร ตอนเช้าผมถามพระประจำวัด ท่านบอกว่า เป็นพระที่นี่แหละ และนั่งกรรมฐานในห้องจนสำเร็จอรหันต์ ท่านมาเดินตรวจลูกวัด (แสดงว่า lifeform นั้นมีความห่วงหา หวังดี ใช่มั๊ยครับ)

    ครั้งที่สาม ผมอยู่ต่างประเทศในอพาร์ทเม้นต์ ลงมาซื้อเหล้ากับเพื่อน เป็นอพาร์ทเม้นต์เก่า เดินแล้วเสียงเอี้ยดอ้าด เสียงดังมาก ขณะซื้อเหล้าเสร็จเดินกลับเข้าอพาร์ทเม้นต์ เห็นแหม่มฝรั่ง ใส่เสื้อขาว กางเกงชมพู รองเท้าผ้าใบเดินอยู่ข้างหน้า ระยะห่างประมาณ 2 เมตร กับเพื่อนเอะใจว่าเราเดินเสียงดัง แต่ฝรั่งทำไมเดินไม่มีเสียง เดินตามขึ้นบันได เสียงก็มีแต่เสียงเท้าของเรา พอลับมุมบันได อ้าว หายไปไหนแล้ว ระยะห่างแค่ 2 เมตร แกจะวิ่งหายไปไหนได้ แล้ววิ่งทำไมไม่มีเสียง ทั้งที่แหม่มแกตัวใหญ่ท้วม ไม่มีเสียงประตูเปิด (แสดงว่า lifeform นั้นมีชีวิตประจำวันเหมือนตอนอยู่ในร่างกายมนุษย์ใช่มั๊ยครับ เพราะถือถุงเหมือนซื้อของมาด้วย)

    อื่นๆ ที่ไม่ได้เห็นด้วยตาที่มีสติอยู่ตลอดเวลา ผมคงไม่กล้าเล่าให้ฟังครับ แต่คนอื่นนี่ยังไง ผมไม่รู้ แต่ผมก็เป็นคนดื้อและเชื่อยากจริง อันไหนที่ผมไม่เห็นด้วยตา และด้วยสติที่ครบ ผมไม่กล้าบอก
     
  2. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    เฮ้อ...อ่านแล้วน่ากลุ้มใจนะค่ะ

    แม้แต่ตัวเองก็ยังถือเพศห่มเหลือง แต่กลับไม่เชื่อในคำสั่งสอนของบรมครูของตนเอง นับประสาอะไรกับพวกท่านยังเป็น ฆราวาสอยู่จะทัดทานเขาได้

    อยากจะเสนอทางเลือกให้ตั้งกระทู้โหวต ปิดกระทู้นี้เสียค่ะ ลูกหลานใครของใครย่อมมีกรรมของตนเป็นที่ไปทั้งสิ้น

    หวังแต่ให้เขาเหล่านั้น ผู้มีบุญอุ้มชูมาตั้งแต่เกิดมาเป็นคนจงอย่าได้หลงผิด
    จงเกิดมาเพื่อสืบต่อ ทาน ศีล ภาวนาของเขาให้บรรลุสู่ความเป็น มนุษย์ผู้ประเสริฐด้วยเถิด เพื่อช่วยกันสืบทอดศาสนาขององค์สมเด็จฯ ท่านให้อยู่รอดครบ 5000 ปีเถิด

    ยิ้มรู้แล้วว่า ทำไม ครูบาอาจารย์ท่านถึงไม่เสียเวลา เสวนากับท่านเหล่านี้เป็นการสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ทุกประการ
     
  3. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่านที่เข้ามาอ่านข้อความในกระทู้นี้<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ขอตอบปัญหานี้สักนิด<o:p></o:p>
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ yellow <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" o:preferrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><v:path o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></v:path><o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock></v:shapetype><v:shape id=_x0000_i1025 style="WIDTH: 9pt; HEIGHT: 9pt" alt="อ่านข้อความ" o:button="t" href="http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=373680#post373680" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\mong1234\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif" o:href="http://www.palungjit.org/board/images/buttons/viewpost.gif"></v:imagedata></v:shape><o:p></o:p>
    ถ้าจะสอนโดยไม่เชื่อพระไตรปิฎก ไม่ควรอ้างพระพุทธเจ้า ไม่ควรอ้างว่าเป็นพระธรรม และไม่ควรอ้างตัวว่าหลวงพี่เป็นพระสงฆ์ด้วย
    (
    หลวงพี่ก็บวชโดยพระไตรปิฎกไม่ใช่หรือ พระวินัยที่ปฎิบัติก็มาจากพระไตรปิฎกไม่ใช่หรือ)
    ควรจะเรียกว่าเป็น หลักจริยธรรม หลักการดำเนินชีวิต ปรัชญา อะไรก็ว่าไป คราวนี้หลวงพี่จะเผยแพร่ไปทั่วโลกก็ไม่มีใครค้านหรอกครับ
    (
    หรือกลัวว่าหนังสือจะขายไม่ดี ถ้าไม่ได้อ้าง)<o:p></o:p>


    สงสัยอีกนิดนึงครับ ว่าหลวงพี่บอกว่าพระไตรปิฎกถูกแก้ไปเยอะมากไม่คิดว่าพระวินัยถูกแก้ไปด้วยหรือ แล้วหลวงพี่เลือกปฏิบัติพระวินัย เฉพาะข้อที่เห็นด้วยเท่านั้นรึเปล่า<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    จากปัญหานี้อาตมาได้เคยบรรยายไปหลายครั้งแล้วว่า พระไตรปิฎกนั้นอาตมาไม่ได้เชื่อหรือไม่เชื่อไปเสียทั้งหมด พระไตรปิฎกก็เปรียบเหมือนกองสิ่งของกองใหญ่ๆกองหนึ่งที่เราจะต้องรู้จักเลือกเอาแต่สิ่งที่เราได้พิจารณาตรวจสอบดีแล้วว่ามันเป็นประโยชน์ต่อเราอย่างแท้จริงมาใช้ ถ้าหลงไปคว้าเอามาหมดเราก็จะได้อะไรก็ไม่รู้ที่ทั้งอาจไม่เป็นประโยชน์และเป็นประโยชน์มั่วไปหมด การรู้จักคัดเลือกย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่ามีใช่หรือ?<o:p></o:p>
    การอ้างพระพุทธเจ้า อ้างพระธรรมนั้นก็เหมือนกัน ก็ต้องเป็นจากที่อาตมาได้พิจารณาแล้วว่านั่นเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าจริง ถ้าอาตมาพบว่าคำสอนใดไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าจริง แม้จากพระไตรปิฏกก็ตาม อาตมาก็ไม่ยอมรับ <o:p></o:p>
    ดังนั้นอาตมาจึงกล้าที่จะใช้คำว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า หรือพระธรรม เพื่อแบ่งแยกให้ผู้อ่านรู้ว่า คำสอนใดเป็นของแท้ คำสอนใดเป็นของเทียม โดยผู้อ่านก็สามารถใช้เหตุผลพิจารณาตามได้ และที่สำคัญก็เพื่อให้คำสอนเทียมเดือดร้อนและถูกกำจัดไปในที่สุด <o:p></o:p>
    ป.ล. ถ้าเราเชื่อมันว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วก็อย่ากลัวการตรวจสอบ หรือการด่า แม้แต่การถูกทำร้ายจนตายก็ตาม นี่คือพุทธบุตรที่แท้จริง<o:p></o:p>
    เตชปญฺโญ ภิกขุ whatami@thai.com<o:p></o:p>
    http://members.thai.net/whatami/
     
  4. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
  5. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่คิดว่าอยาก เราไม่รู้ว่าเราทำอะไรมา แต่เรารู้ว่าเราทำเต็มที่ของเราแน่ ไม่มีใคร
    มาโกงบุญเราได้แน่ แล้วเรามาได้ร่างมนุษย์พบพระพุทธศาสานาถือว่าบุญมีอยู่ มีสิทธิ์ใช้ได้เต็มที่ บุญ่

    ก็มีสิทธิ์เพิ่มพูนขึ้น แต่ว่าประมาทว่า เออ...ร่างกายนี้คงจะอยู่ได้ตั้งทันอายุขัย ๗๕ ปี นี่เราเพิ่ง ๔๐
    เพิ่ง ๒๐ เหลือตั้ง ๔๐ ปี ถ้ามันตายใน ๔๐ วินาทีก็เป็นอันว่าไม่หล่อพระต่อ ดีไม่ดีก่อนจะตายนี่ไป
    เอาอุปประทานเดินเหนียวหรือดินอะไรมาใส่เข้าในใจ อิจฉาริษยาพอกพูน เนื้อพระก็มีมลทินแต่ทอง
    คำก็เป็นทองคำแต่จะมีของเคลือบ เข้าใจไหมลูก?เชื้อที่มานี่นะมันจะเคลือบเข้ามา
    ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    เพราะฉะนั้นคนฉลาดน่ะเขาไม่ทำความเลวหลอกลูกมันทำร้ายตัวเอง...... อย่างโกรธคนอื่น คิดจะด่าคน
    อื่น อีโน่น แม่มึงชื่อไรพ่อมึงชื่อไร เคยมีชู้หรือเปล่าววะ?” หาข่าวหาข้อมูลเพื่อที่จะไปจู้จี้ ๆ ด่าด้วยตัวเอง
    ก็ดีนินทากระทบกันก็ดี คนที่เริ่มหาความเลวคนอื่นและสั่งสมความโกรธความพยาบาทหรือความโลภเนี่ย
    ก็คือสั่งสมมลทินเข้ามาในดวงจิตของตัว ถูกไหมลูก? แล้วจิตมีหน้าที่ปรุงขยำขยี้ มันไปนึกถึงเท่ากับไป
    ออกแบบคอมพิวเตอร์น่ะ มึงจงเป็นหมา 500 ชาติ เหี้ย 700 ชาติ ขอให้มึงตายโหง อะไรต่ออะไรนี่
    เราชำนาญในการอธิษฐานเชื้อต่าง ๆ มันมาอยู่ในใจเราเอง ถูกมั้ยลูก ?
    <O:p></O:p>
    เปรียบความเหมือนว่า ใครสักคนเกลียดหนู... เกลียดหนู.. เกลียดท่าน (หลวงตายกตัวอย่างโดยชี้ไป
    ที่ฆราวาสและพระที่นั่งฟัง) ต้องการจะเอาไฟหรือเอาขี้ไปป้ายเขา มันต้องเอามือป้าย ถูกไหม? พูดถึง
    รูปธรรมนี่นะ ถ้าจะเอาไฟไปจุดเขา ต้องเอาไฟไปชุบน้ำมันยาง เดี๋ยวจะเอาให้ติดไฟที มือกุมความ
    พยาบาทไว้นะ ก็เอามือนี่ไปจี้ไฟ เพื่อให้เอามือที่ติดไฟไปตบหัวคนอื่นหรือจะไปจี้คน ถามว่าใครร้อนก่อน
    ลูก? … นี่คือ โทสะ!
    <O:p></O:p>
    ส่วนมลทินในเรื่องความโลภ หรือกามราคะก็ตาม เหมือนคนที่เอามือจะเอาขี้ไปลูบหน้าเขานี่นะ เหมือน
    เอาน้ำหนองของหมาไปลูบหน้าคน มึงก็เอามือไปบีบน้ำหนองให้ชุ่ม เดี๋ยวกูจะป้ายมึงให้ ระหว่างที่คิดอยู่
    นี่นะ ถามว่าใครมีมลทินก่อน? ถ้าเกิดไปป้ายแล้วเขาวิ่งหนี ป้ายไม่ถูก มึงก็เปื้อนอยู่นั่นแหละ ถึงเอาไปป้าย
    ยังไงก็ตามมันก็เหลือเศษค้างอยุ่
    <O:p></O:p>
    จะเห็นว่าคนที่ปรุงกิเลสโลภ โกรธ หลง จับผิดคนอื่นก็ดีนี่นะ... ทำร้ายตัวเองก่อนแล้ว นี่ไงลูก! เพราะคิดว่า
    วันนี้ยังไม่ตายไง ทำมันซะก่อนเดี๋ยวปลงอาบัติเดี๋ยวต่อศีลใหม่สมาทานเข้าพรรษาหน้าเอาให้เต็มที่ แล้วมึงจะ
    อยู่ทันหรือเปล่าเล่า? แค่ ๒ วัน ก็ประมาทไปวันแล้วใช่ไหมลูก? ถ้า ๓ วัน ประมาท ๒ วันถูกไหมลูก? ถ้าวันต่อมาประมาทเป็นรายชั่วโมงอีก
    <O:p></O:p>
    พระคุณเจ้าพระสารีบุตรแม้เป็นเอกอรหันต์รองจากพระคุณเจ้าองค์เดียวเนี่ย ท่านยังบอกเลยว่าหายใจเข้า
    อาจจะตาย ตอนหายใจเข้าก็ได้... ไม่ได้ออก หายใจออกแต่ไม่ได้หายใจเข้าอาจจะตายเสียก็ได้ ท่านบอกว่าเรา
    คิดถึงความตายประหนึ่งว่า เขียนว่า ตายแน่ อยู่บนหน้าผาก ส่องดูกระจกหรือส่องดูอะไรต้องเห็นว่าร่างนี้นะ
    ตายแล้วเหมือนศพซึ่งตายแล้ว แล้วมีผ้าดิบผูกเป็นตัวศพที่เขาเก็บไว้เตรียมเอามาผ่า...นั่นแหละ ๆ เรานุ่งขาว
    นุ่งเหลือง นุ่งกางเกงอยู่นี่ ถ้าแน่จริงนะนักกรรมฐานจริง ๆนะ เขาต้องมองเห็นว่า...(เขาจะชี้หน้าตัวเองว่า)
    อ้าว...วันนี้เธอตายแน่อ้าว! แล้วใจกูจะไปจับมือไปทำร้ายเขาทำไม เดี๋ยวร่างกายเรานี่มันตายแล้วก็เผาไป
    แต่จิตที่ไปจับตกนรกแทนตัวเนี้ยะ!! (ร่างกาย)
    <O:p></O:p>
    เพราะฉะนั้นลูกเอ้ย...ถ้าเป็นสัมมาทิฐิแล้วไม่คิดร้ายใครเลยลูก แค่คิดแล้วก็แต่งใจเรา แล้วพูดร้ายก็แต่งปาก
    เข้าไปด้วย แรงขึ้นไปอีก แล้วเอากายไปทำร้าย ลงมือเดินไปด่า เดินไปให้ร้ายนินทาเขาเนี่ย...ก็ทำทั้ง ๓ กรรมด้วยลูก แล้วมันก็เข้าไปในใจเรา ชำนาญนักหนาเป็นวสีเป็นอมตะในเรื่องสั่งสมความเลวเชียวเนาะลูกเนาะ(หัวเราะ)
    <O:p></O:p>
    ถ้าไปเจอครูบาอาจารย์ที่เคยสอนกันบอกว่า โง่นะลูกนะ จะไปทำ ทำไมทำร้ายเราเองทำไม? คน ๆ นั้น
    ถ้าเขาเลวไม่ต้องไปด่าเขาหรอก เดี๋ยวเขาตายเขาก็ลงนรกไปเอง อนาคตสัตว์นรกตัวหนึ่ง จะตายในวันรุ่งขึ้น
    เหมือนกันเนี่ย ร่างนั้นเขาก็ต้องลงเป็น ดินน้ำลมไฟ แต่ใจเขาต้องลงไปเป็นสัตว์นรก ถ้าเราอยู่เฉย ๆ
    หันมาทำความดีแล้วชำระความเลวด้วย เขาก็ตายเขาก็ลงนรกเดี๋ยวร่างเราวันนี้ก็ตายลงไปในดินเป็นเถ้า แต่ใจเราจะเป็นพรหมหรือเทวดาหรือเข้านิพพาน หรือเป็นพระอริยะลงมาบวชต่อบารมี
    <O:p></O:p>
    ทำไมจะต้องไปร้อยรัดหรือไปแก้ไข จงดีอย่างโน้น จงดีอย่างนี้ เข้าไปขัดข้อง จงอย่าเลวอย่างนี้ จงอย่าเลวอย่างนี้ ทั้งไปร้อยรัดทั้งไปขัดข้องจริยาคนอื่น นั่นก็คือเอาใจเราไปผูกไว้กับกระแส ถ้าเขาจะเป็นสัตว์นรกเราก็ไปแก้ไขความประพฤติสัตว์นรก จงอย่าเป็นอย่างนี้ ใช่มั้ยลูก ? ถ้าแก้ไม่จบแล้วตายก่อนมึงไปไหนลูก? ตอบคำถามได้ใช่ไหมลูก?
    <O:p></O:p>
    ถ้าหากเราเก่งกว่าพระพุทธเจ้า กูเป็นคนที่เก่งกว่าพระพุทธเจ้าสามารถด่าให้คนเป็นพระอรหันต์ได้ อีนี่มึง..
    .ทำอย่างนี้มันไม่ดี ต้องทำอย่างนี้ซิ....บวชมาเรียนมาอย่างงี้ ๆ เป็นพระอรหันต์...เพี้ยง!!” แล้วมันเป็นพระ
    อรหันต์ใสไปต่อหน้าเนี่ย ถามว่าใครได้เปรียบไปด่าให้เขาเป็นพระอรหันต์ แล้วมึงเองปากจัดอยู่งั้นน่ะ ใช่ไหมลูก?(เอากันตรง ๆ อย่างนี้เลยนะ ไอ้หนูนะ....ไม่หนักไปนะลูก..ฟังเหตุผลดู)
    <O:p></O:p>
    โง่หรือฉลาดถ้ามันเป็นจริงนะไอ้หนูนา มึงก็นั่งหน้ากระจกเลยนา ไอ้เนี่ย...กูเห็นมึงหล่อ มึงเฟะมานานแล้วเนี่ย มึงตาย! มึงเน่า! มึงเป็นพระอรหันต์ซะ....ปิ้ว!...เป็นพระอรหันต์ แหม...อันแรกต้องด่าตัวเราใช่ไหมลูก?
    แต่มันได้ไหม? กูก็เพียรด่าตัวเองมา ๒๔ พรรษาแล้ว ไอ้หนูเอ๊ย! กูก็ยังเต๊าะแต๊ะ ๆ อยู่นี่ลูก ยังไงลูก?....แล้ว
    นับย้อนชาติไปกี่ล้านชาติ ก็ยังด่าตัวเองเพื่อจะเอาความเลวออก...มันยังไม่จบ เพื่อจะเสียเวลาเอามลทินเราออกไปเขี่ยมลทินให้คนอื่นมันเรื่องอะราย...ย...
    <O:p></O:p>
    หรือว่าจะไปบอกเขา บารมี ๑๐ อย่างนี้ทำให้หมด คือไปร้อยรัดเขา อยากจะแต่งเติมให้ดีนะ สงสารเขา
    หรืออะไรก็ตามหรือด่าด้วยความอะไรก็ตาม ต้องทำอย่างนี้ถึงจะเต็ม.... เธออย่าโง่อย่างนี้ ๆ ถ้าเกิดไปชี้ให้เขาแล้วเขาก็เป็นพระอรหันต์เต็มองค์ไปเนี่ย ก็ใครได้ประโยชน์ก่อน ถูกมั้ยลูก? แต่มันไม่ด้าย...ย...<!-- / message --><!-- edit note -->
     
  6. nrcl

    nrcl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +4,318
    ต้องอุเบกขาแล้วครับ เอาเวลาไปสนับสนุนคนมีศรัทธามีประโยชน์กว่าเยอะ

    หลวงพี่ล่ะครับ ไม่หนักหรือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 พฤศจิกายน 2006
  7. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่านที่เข้ามาอ่านข้อความในกระทู้นี้<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ขอตอบปัญหาของเวบมาสเตอร์วีระชัยสักนิด<o:p></o:p>
    การที่เราจะสอนคนที่มีปัญญา มีเหตุผล และมีใจเป็นกลางนั้น เราจะเอาเรื่องเล่าปรัมปรา หรือเรื่องส่วนตัวไปเล่าให้เขาฟังนั้นจะทำให้เขาเชื่อเราได้หรือ? มีแต่คนไม่มีความคิดเท่านั้นที่เชื่อ<o:p></o:p>
    สมมติว่าพระพุทธองค์จะทรงสอนเรื่องนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า แล้วก็อ้างว่าพระองค์ทรงเห็นเอง ด้วยญาณอันวิเศษของพระองค์เอง แล้วคนอื่นที่เขาไม่มีญาณวิเศษ แล้วเขาจะรู้เห็นด้วยหรือ แล้วเขาจะเห็นธรรมในทันทีที่ฟังได้อย่างไร? <o:p></o:p>
    เรื่องสมาธิมีอะไรที่พิเศษๆนั้นสรุปแล้วมันเป็นเพียงอำนาจจิตที่จะสร้างมโนภาพ หรือเสียง หรือกลิ่น อะไรก็ได้ แม้แต่ความรู้บางอย่าง ขึ้นมาหลอกตนเองโดยไม่รู้ตัวเท่านั้นเท่านั้น เราอย่ามองอะไรแคบๆ ขอให้มองโลกกว้างๆ ถ้าอำนาจนี้มีจริงคือนำมาแสดงให้ดูได้จริง ป่านนี้โลกคนสนใจและมีสันติภาพแล้ว เพราะถ้ามีผู้มีอำนาจวิเศษอย่างที่ว่าจริง ทั้งปัญหาภาคใต้ ปัญหานิวเคลียร์ ปัญหาอาชญากรสงครามของโลกอยู่ที่ไหน? คนทำผิดคดีอาญาร้ายแรงระดับประเทศอยู่ที่ไหน? เป็นต้น เหล่านี้ คงจะหมดสิ้นไปแล้วเพราะอำนาจวิเศษเหล่านี้ <o:p></o:p>
    ทำไมอาตมาถึงไม่อยากโต้ตอบในเรื่องอื่นๆที่สูงขึ้น? ก็เพราะเรื่องระดับประถม(หลักกาลามสูตร)ก็ยังสอบไม่ผ่านกันแล้ว (นำมาใช้ไม่เป็น) แล้วจะไปคุยเรื่องระดับมัธยมหรืออุดมศึกษากันได้อย่างไร? <o:p></o:p>
    อย่ากลัวที่จะต้องพบกับความจริงที่อาจจะเจ็บปวด ถ้าใครคิดว่าอยากจะกำจัดคำสอนจอมปลอมก็ช่วยกันนำเรื่องนี้มาตีแผ่ให้ชาวพุทธในปัจจุบันได้รับรู้ B]<o:p></o:p>
    เตชปญฺโญ ภิกขุ whatami_1@yahoo.com<o:p></o:p>
    http://www.whatami.net<o:p></o:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2013
  8. noone

    noone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +392
    ไม่ใช่นะครับ ท่าน ผมว่าคุณเว็บสโนว์ต้องการให้ท่านอธิบาย สิ่งที่ท่านคิดว่าเป็นเรื่องของจิตปรุงแต่ง ให้ท่านลองแย้งว่าแต่ละเหตุการณ์นั้นหน่ะ มันเกิดจากอะไร เชื่อได้แค่ไหน ทำไมเชื่อไม่ได้ ถือกันว่าเป็นการถกกันด้วยเหตุผล
     
  9. noone

    noone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +392
    เพราะท่านก็ใช้ประสบการณ์ส่วนตนว่าไม่เคยพบประสบไม่เคยเจอ มาสอนพวกผมเหมือนกัน ถูกมั๊ยครับ ท่านอย่าเพิ่งนึกอะไรผิดสิครับ การนึกคิดก็เป็นอนัตตาไม่ใช่เหรอ ความดีก็คงเป็นอนัตตาด้วยเช่นกัน ฉะนั้นแคร์ทำไม
     
  10. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่านที่เข้ามาอ่านข้อความในกระทู้นี้<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ขอตอบปัญหาของคุณ <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:smarttags" /><st1:time Hour="12" Minute="0">noon</st1:time><o:p></o:p>
    สิ่งที่คนอื่นพูดมานั้น เราไม่อาจจะไปล่วงรู้ได้ ว่าเขาพูดจริงหรือไม่ หรือถ้าเป็นจริงมันอาจจะมีอะไรที่ซับซ้อนหรือหลอกลวงตัวเองจนเจ้าตัวไม่รู้ก็ได้ ดังนั้นมันจึงยังเป็นปรัชญาสำหรับคนอื่น ไม่ใช่สัจจะ(ความจริง)สำหรับคนอื่น แม้ว่ามันจะเป็นสัจจะสำหรับคนพูดก็ตาม <o:p></o:p>
    นี่เองพระพุทธเจ้าจึงทรงสอนว่า อย่าเพิ่งเชื่อจากคนอื่นเขาว่ามา ใครจะอ้างอย่างไรว่าปฏิบัติมามากน้อยเท่าใดก็ได้ แต่ใครล่ะจะรู้จริงเท่าตัวผู้พูดเอง การอวดอ้างว่ามีคุณวิเศษนั้น ฆราวาสก็ทำได้ จะอวดอย่างไรก็ได้ แต่สำหรับพระสงฆ์นั้นจะมีวินัยห้ามเอาไว้ ถ้าพระสงฆ์อวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตัวเอง มีโทษถึงปราชิก(ขาดจากความเป็นพระทางด้านจิตใจ)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เตชปญฺโญ ภิกขุ whatami@thai.com<o:p></o:p>
    http://members.thai.net/whatami/<o:p></o:p>
     
  11. noone

    noone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +392
    ฉะนั้นเอง อย่าไปเชื่อที่คนอื่นว่ามา
    อย่างนี้ทุกท่านก็จะมีความคิดของตัวเอง โดยไม่มีแม่บทการศึกษาเป็นพื้นฐาน ฉะนั้นผมจะเชื่อท่านก็ได้ไม่เชื่อท่านก็ได้ อย่างนั้นถ้าท่านไม่ต้องการให้เชื่อจากการสอน ท่านออกหนังสือพุทธศาสนาเพื่ออะไร สู้เก็บความลับไว้ในใจไม่ดีกว่าหรือ เพราะยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากหมู่คณะ

    หรือเริ่มต้นเก็บข้อมูลเพิ่มเติมโดยถามหรือพิสูจน์จากผู้อื่นก่อนไม่ดีกว่าหรือ การศึกษาต้องมาจากความรู้ที่อาจถูกต้องหรือไม่ก็ตาม แต่มาจากการบันทึกของคณะบุคคลที่มีความรู้ไม่ใช่หรือ

    จุดประสงค์ของหนังสือเล่มนี้
    เพื่อให้ทุกคนเข้าใจหลักสัจจธรรมที่ถูกต้อง
    หรือ ให้ทุกคนเข้าใจหลักสัจจธรรมของท่านให้ถูกต้อง

    ที่ท่านกล่าวมาทั้งหมด คนเราไม่ควรเชื่อโดยไม่มีการพิสูจน์ หลักการพิสูจน์อยู่ที่ไหน แต่ละคนผ่านประสบการณ์ที่ต่างกัน ไม่ได้แย้งว่าของผมถูกและท่านผิด ถูกและผิดเป็นอนัตตา ผมอาจเข้าใจผิดไปเองมาตลอดชีวิต

    แต่การโน้มน้าวหรือสั่งสอนโดยผ่านวิชาพุทธศาสนา มิผ่านความเห็นชอบของคณะสงฆ์ ความเห็นอย่างหนึ่ง

    กับการที่ผมโน้มน้าวความคิดแค่เพียงท่านคนเดียว ไม่ผ่านคณะสงฆ์เช่นกัน ผ่านทางเว็บบอร์ด อีกความเห็นหนึ่ง

    ซึ่งอาจไม่มีฝ่ายใดถูกทั้งคู่ เป็นแค่เพียงความเห็นที่ไม่ตรงกัน จึงต้องเปิดใจรับฟังฝ่ายตรงข้ามเพื่อหาข้อสรุปที่ใกล้เคียง ทางท่านอาจจะต้องลองเปิดใจรับฟังฝ่ายทางฆราวาสบ้าง เพื่อเก็บข้อมูล อันใดเห็นเป็นเรื่องงมงายสามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ก็แย้ง แค่นั้นเอง ก่อนที่จะรีบด่วนสรุปเพื่อออกเป็นหนังสือพุทธศาสนา ท่านเห็นด้วยหรือไม่
     
  12. ฟุฑธทาส

    ฟุฑธทาส สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +6
    ท่าน เตชปญฺโญ ภิกขุ ก็บอกเขาไปสิครับ ว่าท่านไม่เชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่เชื่อเฉพาะคำสอนของพุทธทาส เท่านี้ก็จบแล้ว ตกนรกด้วยกันก็แล้วกัน อาตมา อยู่โลกันต์ แต่ท่านไม่ถึงขั้นโลกันต์นะ แค่อเวจี เพราะเป็นลูกศิษย์อาตมา โลกันต์ต้องคนเป็นหัวหน้าที่สอนบิดเบือนย่ำยีลบหลู่ดูถูกดูหมิ่นปรามาสพระพุทธเจ้าเท่านั้น นอกนั้นแค่อวเจีมหานรกเท่านั้น

    พุทธทาส:-พระพุทธเจ้าโกหกประชาชน โกหกพระสงฆ์ เพราะต้องเอออวยไปตามคำพูดของชาวบ้านตาดำๆ หุหุหุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2006
  13. noone

    noone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +392
    อ่า อย่าปรามาสกันเลยครับ อย่างน้อยท่านก็มีเหตุผล ถกกันด้วยเหตุผลที่ละข้อดีกว่า เราควรกลับไปจุดเริ่มต้นที่ว่า มีจิตวิญญาณหรือ life form ในรูปอื่นหลังจากตายหรือไม่ ผมว่าเรื่องนรกสวรรค์ภพภูมิต่างๆ ว่ากันอีกที ท่านคงจะเต็มใจตอบคำถามที่ปราศจากอคติ
     
  14. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    (๔) หมวดพูดซัดส่ายไม่ตายตัวแบบปลาไหล ( อมราวิกเขปิกะ) ๔
    ๑. เกรงว่าจะพูดปด จึงพูดปฏิเสธว่า อย่างนี้ก็ไม่ใช่, อย่างนั้นก็ไม่ใช่ , อย่างอื่นก็ไม่ใช่ , มิใช่ ( อะไร) ก็ไม่ใช่.
    ๔. เพราะโง่เขลา จึงพูดปฏิเสธแบบข้อ ๑ และไม่ยอมรับหรือยืนยันอะไรเลย.
    ไม่ตอบผม ผมก็ว่าเป็นเช่นดังนี้

    อ้างถึงในบทท้ายพระธรรม ทิฎฐิ๖๒
    ในที่สุดได้ตรัสสรูปว่า สมณพราหมณ์ทุกพวกที่ทิฏฐิความเห็นความเห็นต่าง ๆ รวม ๖๒ ประการเหล่านี้ ย่อมได้เสวยอารมณ์ เพราะอาศัยอายตนะสำหรับถูกต้อง ๖ อย่าง ( คือตา, หู , จมูก, ลิ้น, กาย, ใจ,), เพราะเหตุที่เสวยอารมณ์จึงเกิดตัณหาความทะยานอยาก, เพราะเหตุที่มีความทะยานอยาก จึงมีความยึดมั่นถือมั่น, เพราะเหตุที่มีความยึดมั่นถือมั่น จึงมีภพ คือความมีความเป็น, เพราะเหตุที่มีความมีความเป็น ( ภพ) จึงมีชาติ คือความเกิด , เพราะเหตุที่มีความเกิด จึงมีความแก่ ความตาย ความเศร้าโศก คร่ำครวญ ความไม่สบายกายไม่สบายใจ และความคับแค้นใจ. สมณพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมติดอยู่ในข่ายแห่งความเห็นทั้งหกสิบสองนี้เหมือนปลาติดข่ายฉะนั้น.
    ส่วนตถาคตเป็นผู้ถอนตัญหาอันจะนำให้เวียนอยู่ในภพได้แล้ว กายยังดำรงอยู่ตราบใด ก็มีผู้แลเห็นเมื่อกายทำลายไปแล้ว ก็ไม่มีผู้แลเห็น.

    ปุจฉา>>>เมื่อมีสูตรนี้พึงให้เห็นว่าพวกที่เห็นผิดนี้มีมานานตั้งแต่สมัยพุทธกาล
    ตถาคตใช้ธรรมใดให้ทิฏฐินั้นคลายหนอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤศจิกายน 2006
  15. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +1,295
    ขอสนทนากับท่านเว็บโสนว์และสาธุชนที่ไม่ใช่มิจฉาฑิฐิ
    แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะครับ
    ............................................................


    ตอนเด็กๆ ความทรงจำแรกของข้าพเจ้าคือ "เกิดมาทำไม
    ข้าพเจ้าไม่อยากเกิดเลย อยู่ดีแล้ว" นี่คือ ความทรงจำแรก
    ที่ยังคงจำได้ถึงวันนี้ จากนั้น แม่ก็เล่าว่า ข้าพเจ้าป่วยแล้วป่วย
    อีกเหมือนจะไม่รอด จวบจนโตมาก็ป่วยไปเรื่อยๆ


    ข้าพเจ้าเป็นเด็กพูดไม่เป็นตั้งแต่เด็ก ไม่รู้จะพูดอะไร จะขออะไร
    เพราะรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรสักอย่างที่ "ใช่" แม่เคยซื้อของเล่น
    มาให้ เล่น แล้วเบื่อ เด็กน้อยอย่างข้าพเจ้าก็คิดว่า อย่าเลยของ
    ไม่จริง เดี๋ยวก็เบื่อ แล้วก็ไม่เอาของเล่นอีกเลย

    เป็นเด็กหัวเราะไม่เป็น ร้องไห้ไม่เป็น จนหลังๆ กลัวว่าตนเองจะ
    ผิดปกติ จึงได้ลองทำตามเพื่อนๆ ดู แต่กลับรู้สึกเหมือนมัน "ไม่จริง"

    เคยคิดตั้งแต่เด็กว่า แม่เป็นแม่ของเราจริงหรือ? ทำไมเขารักเรา
    เพราะเราเป็นลูกของเขาน่ะหรือ? อย่างนี้ก็เรียกว่า "ไม่จริง"


    แต่ข้าพเจ้าชอบไปวัด และหนีโรงเรียนตอนเช้าไปวัดเสมอ
    เพราะชอบฟังเสียงสวดมนต์พร้อมๆ กัน แต่ไม่ชอบคนไป
    คุยเสียงดังบนวัด ไปกินเหล้า ไปเล่นมโหรสพบนวัดเลย
    เวลาอธิษฐาน เคยถามคนอื่นว่า อธิษฐานอะไร เขาก็ว่า
    อยากได้อะไรก็ขอเอา ก็ข้าพเจ้าไม่อยากได้นี่ มันคิดไม่ออก
    เลยทำบุญทิ้งไปเฉยๆ ไม่สนใจจะเอาอะไร

    ช่วงเวลาที่ยังไม่ขึ้นอนุบาลนี้ ข้าพเจ้ามีจิตบริสุทธิ์ไร้กิเลสและ
    ไม่มีโกรธไม่มีร้องไห้โยเยเลย วันหนึ่งข้าพเจ้านึกสนุกหลังฝน
    หยุดตก ข้าพเจ้ายืนริมระเบียง แล้วท่อง "ฝนตกๆๆๆ" มือก็ไหว้
    ฟ้าไป



    ฝนที่หยุดตกไปหมาดๆ ก็ตกลงมา ประมาณ 7-8 เม็ด ได้มั่ง
    ตรงหน้าข้าพเจ้า เฉพาะตรงหน้าเท่านั้น ที่อื่นไม่มี แต่ไม่ใช่
    ฉี่อะไรแน่นอน ข้าพเจ้าตรวจดูว่าอาจเป็นน้ำค้างบนยอดไม้
    หรือไม่ ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีไม้สูงให้แถวนั้นเลย


    ข้าพจ้าตกใจมาก คิดว่าเราคงทำผิดแน่แล้ว ไปรบกวนเทวดา
    ทีนี่จะเอาฝนคืนเขาก็ทำไม่ได้ จากนั้น เลยไม่กล้าทำอีก


    เอาไว้เล่าแลกเปลี่ยนกันอีก
    .........................................................
     
  16. บรรพต อ.

    บรรพต อ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +306
    ไม่เข้าใจว่าทำไม ท่านเตชปญฺโญ ภิกขุ อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี ประเทศไทย จึงเชื่อ พุมธทาส มากกว่า พระพุทธเจ้า ถ้าไม่มีอะไรๆในกอไผ่นั้น

    ผมเคยรู้จักพระสงฆ์เป็นพระครูคนหนึ่ง เป็นลูกศิษย์ พุทธทาส แต่ตอนหลังรู้ว่าท่านเป็นคอมมิวนิสต์สายพระ หมายเลขที่ 331 ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเอาศาสนาไปเล่นการเมืองทำไม

    พุทธทาส:-สังคมนิยมธัมมาธิปไตย ดีที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2006
  17. ทิดหนึ่ง

    ทิดหนึ่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +768
    การไม่ทำบาปทั้งปวง
    การทำกุศลให้ถึงพร้อม
    การทำจิตของตนให้ผ่องแผ้ว
    นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
    การสอนเรื่องกรรม การสอนเรื่องการกำเนิดให้ภพภูมิแห่งอบายภูมิ
    โอปปาติกะ ชลาพุชะ อัณฑชะ เปรต อสุรกาย ฯ มิใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าหรอกหรือ
    การตู่พระธรรมวินัย การตู่พุทธพจน์ การตู่พระไตรปิฎก มันเป็นโทษนะท่านนะ
    ไม่สบายใจนะครับ ไม่สบายใจ
    แต่ก็ไม่เสื่อมถอยไปจากศรัทธาที่กระผมตั้งมั่นไว้ดีแล้วนะ
    การแก้ไขในสิ่งผิดที่เป็นอยู่ในชาตินี้ ให้หมดไปจากชาตินี้ ยังพอจะมีประโยชน์นะครับ ดีกว่านึกเสียใจในยมโลก ในสิ่งที่เป็นปัญหาที่ยังมิได้แก้ไข
     
  18. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่านที่เข้ามาอ่านข้อความในกระทู้นี้<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ขอตอบปัญหาของเวบมาสเตอร์วีระชัย<o:p></o:p>
    หลักฐานอ้างอิงเรื่องพระมาลุงกยบุตร ที่ไปถามปัญหาเรื่องทิฏฐิ ๑๐ ประการกับพระพุทธเจ้านั้นอาตมาไปดูมาจากพระไตรปิฏกฉบับสำหรับประชานหน้า ๔๒๖ (หรือจากพระไตรปิฎก สุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ มัชฌินิกาย มัชฌิปัณณาสก์ จูฬมาลุงยโยวาทสูตร )<o:p></o:p>
    ทำไมเราไม่สนใจคำสอนที่พระพุทธองค์ทรงเน้นมากที่สุดคือเรื่องการนำขันธ์ ๕ มาพิจารณาถึงความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพื่อให้เข้าใจถึงว่ามันไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล เรา เขา ถ้าเข้าใจจุดนี้แล้วปัญหาทั้งหลายก็จะสิ้นสุดไปโดยปริยาย ซึ่งก็ไม่เห็นจะมีใครที่โพสข้อความมาในกระทู้นี้จะมาอธิบายเรื่องขันธ์ ๕ ว่ามันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างไร? และเมื่อตายไปมันจะเอาอะไรไปเกิด? เป็นต้นให้เข้าใจได้เลย นี่ก็แสดงว่าไม่มีคนที่แตกฉานจริง มีแต่คนที่เชื่อจากคนอื่น โดยตนเองก็ไม่รู้จริง ยังจมอยู่ในความลังเลสงสัยที่ไม่มีสิ้นสุด<o:p></o:p>
    เมื่อพื้นฐานเรื่องชีวิตตนเองยังไม่เข้าใจ แล้วจะไปเข้าใจในเรื่องที่ตนเองพบเห็นได้อย่างไร? คือแม้ในร่างกายและจิตใจของตนเองก็ยังไม่มีอะไรมาเป็นของตนเองจริงแล้วจะมาเอาอะไรกับแค่สิ่งที่จิตมันพบเห็นนั้นว่ามันเป็นของจริง<o:p></o:p>
    คำสอนในพระไตรปิฎกนั้นก็มีทั้งที่เป็น<o:p></o:p>
    ๑. บุคคลาธิฐาน คือยกเอาธรรมะมาสมมติเป็นบุคคล ตัวตนหรือสถานที่เพื่อแสดงธรรมแก่คนธรรมดาเช่นชาวบ้านทั่วๆไปที่ไม่รู้ธรรมะระดับสูงเช่นเรื่องนรก สวรรค์ เทวดา นางฟ้า พระอินทร์ พระพรหม เปรต อสุรกาย เป็นต้น(ระดับศีลธรรม)<o:p></o:p>
    ๒. ธรรมาธิฐาน คือยกธรรมะล้วนๆมาสอน สำหรับคนที่พอจะรู้ธรรมะแล้ว เช่นเรื่อง ธาตุ, ขันธ์, ไตรลักษณ์, อายตนะ, อริยสัจ ๔เป็นต้นเพื่อให้เข้าใจว่าแท้จริงมันไม่มีสัตว์ ตัวตน บุคคล เรา เขา ทุกอย่างเป็นเพียงธาตุที่ปรุงแต่งกันขึ้นมาตามธรรมขาติเท่านั้น เพื่อให้บังเกิดความเห็นแจ้งในชีวิตหรือมีดวงตาเห็นธรรม(ระดับปรมัตถธรรม) <o:p></o:p>
    สรุปว่าธรรมะมี ๒ ระดับ ที่เราจะต้องแยกแยะให้ออกว่าเป็นระดับใด อย่าสับสนหลงไปคว้าเอาสิ่งที่เป็นระดับศีลธรรมที่เป็นบุคคลาธิฐานว่าเป็นเรื่องจริงจัง คือเราจะต้องตีความเสียก่อน อย่าหลงคว้าเอามาโดยไม่ตีความ จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ อย่างเช่น นรก ก็หมายถึง สภาวะจิตที่เร่าร้อนใจเพราะทำชั่วเอาไว้มาก ส่วนสวรรค์ก็หมายถึงสภาวะจิตที่สุขใจ อิ่มเอมใจเพราะทำความดีไว้ เป็นต้น<o:p></o:p>
    เตชปญฺโญ ภิกขุ whatami@thai.com<o:p></o:p>
    www.whatami.8m.com<o:p></o:p>
    http://members.thai.net/whatami/<o:p></o:p>
     
  19. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่านที่เข้ามาอ่านข้อความในกระทู้นี้<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ขอตอบปัญหาของเวบมาสเตอร์วีระชัยสักนิด <o:p></o:p>
    จากพระไตรปิฎกสำหรับประชาชนหน้า ๙๙ เรื่องนรก สวรรค์ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจของทุกคน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  20. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เจริญพรมายังทุกท่านที่เข้ามาอ่านข้อความในกระทู้นี้<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ขอตอบปัญหาของคุณโยมเวบมาสเตอร์วีระชัย <o:p></o:p>
    มีอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องวิญญาณล่องลอยจากพระไตรปิฎก(จำไม่ได้ว่าดูมาจากไหน)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...