น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ****ต้นตอของปัญหาทั้งหมดมันอยู่ที่ ความจริงว่า "มีเรา" หรือ "ไม่มีเรา" ***
    ***ถ้ามันมีเรา แน่นอว่ามันก็ต้องมีนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า และเรื่องเวรกรรมจากชาติปางก่อน เป็นต้น อย่างที่พวกคุณโยมเชื่อกันอยู่***
    ***แต่ถ้ามันไม่มีเราอยู่จริง ก็แน่อนว่าเรื่องเหล่านี้ก็ย่อมที่จะไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นไปได้***
    ***ฉะนั้นอย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องอื่น มาค้นหาสิ่งที่เป็นเรา หรือตัวเรา ให้เจอ แล้วปัญหาทั้งหลายก็จะยุติ***
    ***ถ้ามัวแต่ไปยุ่งเรื่องอื่น ก็ไม่มีวันยุติ***
    ***แต่คุณโยมทั้งหลายก็พยายามที่จะโยงไปเรื่องอื่น เพื่อกลบเกลื่อนความจริงที่มันเจ็บปวดใช่หรือไม่?(กลัวจะไม่มีตนเอง)***
    ***ถ้าเป็นคนจริงก็ตอบคำถามนี้มาก่อน ว่า "ยอมรับหรือไม่ว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและตั้งอยู่ต้องมาจากเหตุปัจจัย?" ***
    ***และสิ่งที่เป็นเรา หรือตัวเรานั้น มันมีเหตุปัจจัยอะไรมาปรุงแต่งให้เกิดขึ้นและตั้งอยู่?***
    ***รู้สึกพวกคุณโยมทุกท่าน จะกลัวคำถามนี้กันมาก จึงไม่มีใครเลยที่จะกล้าตอบ ทั้งๆที่มันก็เป็นคำถามพื้นฐานง่ายๆ ที่ใครๆก็ต้องยอมรับอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง***
    ***แต่คุณโยมทุกท่านก็พยายามที่จะบ่ายเบี่ยงหนีความจริง ด้วยการเอาเรื่องไร้สาระมาเสนออย่างมากมาย เพื่อบ่ายเบี่ยงเนื้อหาสำคัญให้หมดความสำคัญลงไป***
    ***แล้วอย่างนี้จะพบความจริงได้อย่างไร?***
    ***ความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ ไม่ว่าใครจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม***
    ***ระวังอย่าให้โทสะครอบงำ มันจะทำให้จิตมืดบอด ไร้สติปัญญา และจะไม่ได้พบความจริง***
    (ฉันคืออะไร? เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
  2. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    (ท่านเตชะปัญโญครับ...ถ้าท่านยึดถือคำกล่าวนั้น100%โดยไม่มีข้อยกเว้น
    ------------------

    ****ถ้าเรายกเว้นสัจจะ(ความจริง)นี้ แล้วสัจจะก็จะไม่เป็นสัจจะ แสดงว่าเราจะยกเว้นอะไรก็ได้ตามใจเรา โดยไม่คำนึงถึงความจริง***

    ***สัจจะนี้เองที่เป็นต้นตอของการค้นพบที่ยิ่งใหญ่(หรือการตรัสรู้)***

    ***เพราะมันเป็นสัจจะที่ไม่มีทางผิดพลาด และจะนำไปสู่สัจจะอื่นๆอีกมากมาย(อย่างที่กล่าวกันว่ามากมายถึง๘๔,๐๐๐พระธรรมขันธ์)


    ----------------------
    ถ้าเช่นนั้น จิตเดิมแท้คืออะไร?มาจากไหน?อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดจิตเดิมแท้?)
    ---------------------------
    ***คำว่า จิตเดิมแท้ หมายถึง จิตที่บริสุทธิ์ ยังไม่กิเลสครอบงำ ก็เป็นจิตของเด็กที่เพิ่งเกิดมาใหม่ๆ (หรือจิตพระอรหันต์ที่หมดกิเลสแล้ว) โดยจิตเดิมแท้นี้ก็คือ วิญญาณ ที่เกิดขึ้นตามอายตนะภายในทั้งหลาย( เช่น ตา หู จมูก)ขณะที่เกิดการกระทบกับอายตนะภายนอก(เช่น รูป เสียง กลิ่น) และยังไม่มีการปรุงแต่งให้เกิดกิเลสหรือความยึดถือว่ามีตนเอง***

    ***มันก็เหมือนแผงโซล่าเซลล์ ที่เมื่อกระทบแสงแดด มันก็เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้นมา ตามกฏที่ว่า "ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มาจากเหตุปัจจัย" ***

    ***และเมื่อไม่มีเหตุปัจจัย มันก็ไม่เกิด***

    ***มันจะเกิดขึ้นมาได้เองลอยๆไม่ได้***
    ---------------------------------
    (เอกภพที่ประกอบด้วยหลายแสนล้านกาแลกซีเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดเอกภพ?)
    -------------------------------
    ***เราไม่จำเป็นที่จะไปรู้สิ่งต่างๆทั้งหมดก็ได้ เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่การดับทุกข์***

    ***ขอใหรู้เพียงว่า เราและทุกชีวิตคืออะไร? เกิดขึ้นมาได้อย่างไร? เท่านี้ก็พอแล้ว เพราะมันดับทุกข์ได้***

    ***พระพุทธเจ้าตรัสอยู่ชัดเจนว่า สัพเพ ธัมมา อนัตตา - สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ใช่ตัวตน (ไม่ใช่อัตตา) แล้วเรายังจะดื้อดึงไม่เชื่อหรืออย่างไร?***

    ***ถามปัญหา มีสาระ ค่อยน่าตอบหน่อย***

    (ฉันคืออะไร? เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2008
  3. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    แต่ เอ?แล้วSoftwareล่ะ มันมาจากไหน?เช่นBios,Operating system,Applicationsต่าง ๆ ?ใครเป็นผู้Install Softwareเหล่านั้นให้สมองมนุษย์ บิดามารดาอย่างนั้นหรือ?
    ----------------


    ***สมองของเด็กที่เพิ่มเกิดมาใหม่ๆจะยังไม่ข้อมูลอะไรทั้งนั้น เราก็เห็นๆกันอยู่***

    ***มันจะมีก็เพียง สัญชาติญาณ(ความรู้ที่เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติพร้อมชีวิตโดยไม่มีใครสอน)ว่ามีตนเองอยู่เพียงเบางบางเท่านั้น**

    ***แต่มันสามารถจดจำได้ และมันก็ค่อยๆเรียนรู้ทีละนิดๆ จนรู้มากขึ้น จึงค่อยจำ และคิดได้มากขึ้น ก็เห็นๆกันอยู่ ***

    ***มันน่าอัศจรรย์ตรงที่มันเรียนรู้ด้วยตัวของมันเองได้ และพัฒนาความคิดได้จนเกิดความยึดถือว่ามีตนเองขึ้นมา(แล้วก็เป็นทุกข์เพราะความคิดที่โง่เขลา)***

    ***ถ้ามองเห็นว่าชีวิตคือหุ่นยนต์ มันก็เข้าหลัก สัพเพ ธัมมา อนัตตา และดับทุกข์ได้เมื่อมองเห็นอนัตตาจริง***

    ***ถ้ามองว่ายังมีตัวตนมาเกิด หรือไปเกิด มันก็ผิดหลักนี้แน่นอน และดับทุกข์ไมใด้ เพะราะมองไม่เห็นอนัตตา***


    (ฉันคืออะไร? เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
  4. นาคเสน55

    นาคเสน55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +682
    <TABLE class=tborder id=post1431604 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_1431604 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">พูดมาจากใจเลยนะ

    คำพูด เเละข้อความที่เเสดงออกมาของท่านนั้น

    มันมากไปด้วยความถือตัวถือตนจริงๆ

    อุส่าต์บวชมา ยังจะอยากมาเอาชนะฆราวาสอยู่อีก

    น่าจะเอาเวลาขณะนี้ เดี๋ยวนี้

    ไปเจริญวิปัสสนาสติปัฏฐาน 4 ดีกว่ามานั่งโต้เถียง

    ฆราวาสเพื่ออยากเอาชนะเลย

    ถ้าเป็นพระจริงๆล่ะก็ น่าจะคิดได้นะว่า

    เราจะมาโต้เถียงให้เกิดอกุศลกรรมแก่ตัวเรา เเก่ผู้อื่น

    ทำไม น่าจะจบๆกันไป เพื่อเขาจะได้ไม่บาป

    แต่ท่านไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย

    ที่พูดมาไม่ได้มีเจตนาร้ายเลยนะ เเค่อยากจะเตือน

    สติว่า ปลงซะบ้าง ละซะบ้าง ว่าเราถูก เราดี

    ใครจะเข้าใจยังไง เราก็ห้ามไม่ได้ เเต่เราควรกระทำ

    ตนเพื่อความละกิเลสของตัวเราให้ได้ก่อน

    ดีกว่ามานั่งหน้าคอม มาพูดว่าตัวเองดี ตัวเองรู้ ตัวเองถูก

    เวลามีค่า บวชเเล้ว ถือว่าโชคดี

    ได้กระทำกิจเพื่อความหลุดพ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่

    สุดสำหรับผู้บวช


    หากทั้งหมดที่ข้าพเจ้าเขียนมา ท่านเข้าใจ ก็น่าหยุด

    การต่อล้อต่อเถียงกับทุกคนในกระทู้


    เเละก็ไปทำหน้าที่ของท่าน ที่มีประโยชน์กว่านี้ต่อไป

    เเต่หากท่านยังดื้อดึงอยู่ ก็พึงรู้เถิดว่า เรายังคงยึดมั่นถือมั่นในตัวเราอยู่

    เพราะพระที่เเท้จริงเขาย่อมไม่สนใจต่อคำว่า คำด่า หรอก

    เขาสนในเพียงเเต่ว่า ทำอะไรที่ไม่ให้คนอื่นบาป


    ไม่ให้คนอื่นเกิดอกุศลในจิตเพราะเรา

    และทำยังไงเราถึงจะละสังโยชน์ทั้ง 10 ให้ได้

    เพื่อความหลุดพ้น


    ด้วยความปราถนาดี
    <!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"></TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls -->[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    (ชีวิตนิรันดร เป็นตัวธรรมะ ไม่ใช่เป็นสัตว์ที่มีกิเลส<O:p</O:p
    แต่เป็นตัวธรรมะที่รู้สึกได้ด้วยจิตที่ปราศจากกิเลส)
    ----------------------

    ***ชีวิตนิรันด์ หมายถึง มันกลับคืนสู่ธรรมชาติเดิมของมัน (คือไม่มีตัวตนใดๆ) ที่ไม่มีเหตุปัจจัยอะไรมาปรุงแต่ง ซึ่งมันก็คือความว่างเปล่า(สุญญตา)****

    ***แต่ถ้ายังมีตัวตนใดๆอยู่(เช่นตัวตนที่เที่ยงแท้ถาวรและไม่มีกิเลส) มันก็เท่ากับยังมีการปรุงแต่งอยู่ มันก็ไม่เป็นนิรันด์ได้***

    ***กรุณาไปศึกษามาใหม่ให้มากกว่านี้ ที่ท่านสอนเรื่องอนัตตา สุญญตาไว้มากมาย ไม่เอามาอ้าง ไปเอาจุดเล็กๆที่ท่านสอนแบบศีลธรรมมาอ้าง จะไม่มีทางเข้าใจ****

    (ฉันคืออะไร? เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
  6. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    (เดี๋ยวท่านเตชปัญโญ ก็ยกเอาหลักกาลามสูตรขึ้นมาอีกล่ะครับ
    เพราะท่านนั้นไม่เชื่อใครทั้งสิ้นครับ พระไตรปิฏกก็ไม่เชื่อ, คำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านก็ไม่เชื่อ ก็ไม่รู้จะยังไงกับท่าน

    เกิดมาพึ่งเคยพบเคยเห็นคนที่ดื้อหัวแข็ง, อัตตาสูงสุดโต่งและเข้าใจอะไรยากๆ แบบนี้นะเนี่ย สุดยอดมากๆ
    )
    --------------------------------------

    ***แหมตรงนี้ขอบใจมาก ที่ตอบแทน ไม่ต้องเหนื่อยพิมพ์*****

    ***แต่เอ.... อาตมาสอนว่า อย่าเชื่อใคร แม้แต่ตัวเอง แล้วอาตมาสอนว่าให้เชื่อตัวเองหรือ? เพราะอาตมาก็ไม่เชื่อตัวเองเหมือนกัน(ถ้าอยากรู้ว่าให้เชื่ออะไรก็ถามมาได้)***

    ***ถ้าพระพุทธเจ้าเชื่อครูอาจารย์ ป่านนี้คงไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาในโลกเป็นแน่ จริงหรีอไม่?( เพราะถ้ามัวไปทรมานตัวเองตามคำยอของปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ป่านนี้คงสิ้นพระชนชีพไปแล้วเป็นแน่ ยอมรับความจริงบ้างซิ จะได้ตาสว่างบ้าง)***

    (ฉันคืออะไร? เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )

    ****
     
  7. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    หากทั้งหมดที่ข้าพเจ้าเขียนมา ท่านเข้าใจ ก็น่าหยุด

    การต่อล้อต่อเถียงกับทุกคนในกระทู้



    เเละก็ไปทำหน้าที่ของท่าน ที่มีประโยชน์กว่านี้ต่อไป
    ------------------------------

    ****อาตมาเห็นว่า สิ่งที่อาตมาทำอยู่นี้ก็คือ การทำประโยชน์แก่มวลมนุษย์อยู่แล้วมิใช่หรือ?***

    ***เพราะเป็นการทำให้มนุษย์ตาสว่าง และดับทุกข์ได้****

    ***ถ้าพระไม่ทำ แล้วใครจะทำ จะปล่อยให้ความโง่ครอบงำมนุษย์อยู่ต่อไปหรือ?****

    ***อาตมาสอนให้เกิดสติปัญญาทั้งนั้น ตรงไหนที่สอนให้โง่เขลาบ้าง?***

    ***แต่สติปัญญาที่สอนนั้น มันสูงเกินกว่าที่คนโง่ทั้งหลายจะรับได้***

    ***ใจเย็นๆ เอาเหตุผลและความจริงมาว่ากัน อย่าเอาแต่อารมณ์***

    (ฉันคืออะไร? เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
  8. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ***อาตมายังไม่ได้รับคำตอบตรงๆเลยว่า "คุณโยมยอมรับหรือไม่ว่า ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัย?"***
    --------------------
    ***นี่เป็นกฎอิทัปปัจจยตา ที่เป็นกฎสากล หรือกฏสูงสุดของจัรกวาล ที่ครอบงำทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ และนำมาใช้พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างได้ ทำให้เกิดดวงตาเห็นธรรมได้***

    ***ส่วนปฏิจจสมุปปาทนั้นเป็นกระแสการปรุงแต่งของจิต ที่ทำให้เกิดทุกข์ และดับทุกข์ ซึ่งเป็นสาขาของกฏอิทัปปัจจยตาอีกที โปรดใช้ให้ถูกต้อง***

    -----------------------------

    ***และ จิต หรือวิญญาณธาตุที่คุณโยมเชื่อว่ามีอยู่จริงและไม่ใช่วิญญาณขันธ์นั้น มีเหตุปัจจัยอะไรมาปรุงแต่งให้กิดขึ้นและต้งอยู่?***

    ที่ทำให้มันเป็นไปคืออวิชชา หรือความไม่เข้าใจความเป็นจริงของนามรูปเป็นเบื้องต้น
    --------------------------

    ***จิต หรือ วิญญาณธาตุ ที่กล่าวนี้ หมายถึง จิตที่บริสุทธิ์ หรือจิตเดิมแท้ ที่ไม่มีกิเลสหรือความยึดถือใดๆครอบงำ****

    ****ถ้าจิต หรือวิญญาณธาตุนี้มีเหกตุปัจจัยอะไมปรุงแต่งให้เกิดขึ้นมา มันก็ไม่ใช่ตัวตนใดๆ หรอืไม่มีตัวตนที่แท้จริงเลย ตามกฏอิทัปปัจจยตา***

    (ฉันคืออะไร? เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
  9. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,256
    หายไปตั้งหลายวัน ตกลงยังพูดเรื่องเดิมอยู่อีก
    วนเวียนแต่เรื่อง"แท้จริงมันไม่มีเรา หรือใครๆเลย"

    อันนี้คุณนอกรีตอธิบายไว้เป็นอย่างนี้ค่ะ
     
  10. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,256
  11. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,256
    (ต่อ)
    ลักษณะของอนิจจัง ทุกขังและอนัตตาของวัตถุนั้นเป็นสิ่งที่เราอาจเห็นได้ง่าย และใครๆก็ยอมรับ...(โดย...เตชปญฺโญ)
    ^
    ในเมื่อคุณนอกรีตต้องการสื่อให้เห็นว่า
     
  12. นาคเสน55

    นาคเสน55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +682
    เด็กที่เพิ่งจะเกิด ไม่ได้บริสุทธิ์อย่างที่ท่านคิดหรอกนะ โปรดเข้าใจไว้ด้วย

    เเค่กิเลสมันยังไม่เผย ไม่เเสดงออกมา มันอยู่ข้างในจิตของเด็กนั่นเเหละ

    (ซึ่งก็เกิดเเละติดตามมาด้วยกรรมของตัวเองที่ได้ทำ ได้สะสมไว้)

    เเค่เพียงยังไม่สามารถเเสดงออกมาได้เต็มที่

    เพราะร่างกาย สังขารขันธ์ยังไม่พร้อมเท่านั้น


    ส่วนเรื่องของท่าน

    ข้าพเจ้าก็เตือนได้เเค่นี้ บอกได้เเค่นี้

     
  13. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,256
    (ต่อ)
    เมื่อจิตก็เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยเหตุเกิดขึ้น ดังนั้นมันจึงต้องตกอยู่ในสภาวะที่ไม่เที่ยง<O:p</O:p
    (คือมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและต้องดับไปในที่สุดไม่ช้าก็เร็วที่เรียกว่าไม่ถาวร)<O:p</O:p
    ด้วยเหมือนกัน(อนิจจัง)
    เมื่อจิตเกิดขึ้นและตั้งอยู่มันก็ยังต้องทนต่อสภาพความเปลี่ยนแปลงภายในตัวเองด้วย(ทุกขัง)
    เมื่อจิตก็เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยเหตุเกิดขึ้น แล้วก็ตั้งอยู่อย่างถาวรไม่ได้ รวมทั้งยังต้องทนอยู่ด้วย<O:p</O:p
    นี่แสดงว่าจิตนี้ไม่มีตัวตนที่เป็นตัวตนของมันเอง ชนิดที่ไม่มีวันดับหายไปได้(อนัตตา)
    เมื่อพิจารณาตามเหตุผลมาทั้งหมดนี้แล้วก็สรุปได้ว่า ทุกสิ่งเป็นอนัตตา<O:p</O:p
    คือไม่มีอะไรที่จะมาเป็นอัตตาหรือตัวตนที่เที่ยงแท้ถาวรได้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมานั้น<O:p</O:p
    จะเป็นเพียงสิ่งที่ถูกปรุงแต่งหรือสร้างขึ้นมา(สังขาร)ตามธรรมชาติเท่านั้น<O:p</O:p
    คือเรียกง่ายๆว่าเป็นสิ่งชั่วคราว หรือมายา. (โดย เตชปญฺโญ)
    ^
    <O:p</O:p
    คุณนอกรีตเขียนว่าเมื่อพิจารณาตามเหตุผลมาทั้งหมดนี้แล้วก็สรุปได้ว่า<O:p</O:p
    &agrave;ใครเป็นผู้พิจารณาตามเหตุผลมาทั้งหมดนี้??? ใครเป็นผู้สรุปได้ว่า???<O:p</O:p
    ในเมื่อ
     
  14. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,256
    (ต่อ)
    ทุกตัวอักษรและข้อความจะจัดลำดับไว้ชัดเจน<O:p</O:p
    และจะมีเหตุผลที่บังคับเอาไว้ให้ดิ้นไม่ได้ หรือคัดง้างไม่ได้เลย<O:p</O:p
    ถ้าใครคัดง้างก็แสดงว่าดื้อด้านหรือพาลไม่ยอมรับเหตุผลและความจริงที่ปรากฏ<O:p</O:p
    ก็จะทำให้ไม่สามารถเข้าใจความจริงสูงสุดนี้ได้ (โดย เตชปญฺโญ)

    ^
    บทความนี้ ชัดเจนว่าผู้เขียนไม่มีความเข้าใจในพระพุทธศาสนาเลย<O:p</O:p
    ไม่ตั้งอยู่บนหลักเหตุผล มีข้อให้คัดง้างได้มากมาย

    พิจารณาง่ายๆ ที่บอกว่า
     
  15. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,256
    (ต่อ)
    จึงขอฝากให้ทุกคนได้โปรดช่วยกรุณานำเอาหลักการนี้ไปพิจารณา<O:p</O:p
    อย่าเพิ่งเชื่อหรือไม่เชื่อ ขอให้เชื่อสติปัญญาของตนเอง ที่ได้พิจารณามาอย่างดีแล้วด้วยเหตุด้วยผล<O:p</O:p
    อย่างที่สุด ถ้าไม่เชื่อก็ไม่เสียหาย แต่ถึงจะเชื่อก็ยังชื่อว่าเชื่อตนเอง ไม่ได้เชื่อใคร<O:p</O:p
    ซึ่งเท่ากับเป็นการปลดปล่อยสติปัญญาของเราให้เป็นอิสระได้อย่างแท้จริง. (โดย.เตชปญฺโญ)

    ^
    จึงขอฝากให้ทุกคนได้โปรดช่วยกรุณานำเอาหลักการนี้ไปพิจารณา
    ทุกคนจะมีมาได้ยังไง??? และใครจะเป็นผู้พิจารณาดีล่ะ???
    ในเมื่อ
     
  16. dearestguardian

    dearestguardian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +1,418
    คุณเตชเอ๊ย คุณเตชที่น่าสงสาร

    ปัญหาอีกอย่างของคุณคืออ่านจับประเด็นไม่เป็น ไปอ่านคำตอบหน้า 65 อีกครั้งนะคุณจะเห็นว่าข้าพเจ้าตอบหมดแล้วทุกคำถาม

    ข้าพเจ้า บอกแล้วว่า คุณจับประเด็น "ไม่เป็น" ข้าพเจ้าพูดว่า ที่เราโต้กับคุณเพราะคุณเชื่อผิด คุณเชื่อ "ตายแล้วสูญ และ กรรมวิบากไม่มี" นั่นเป็นประเด็นสำคัญที่เราโต้กับคุณ แค่ เรื่อง กรรม สวรรค์ นรก มีจริง คุณยังมองไม่เห็น จะไปจับธรรมที่สูงกว่าได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีสัมมาทิฎฐิเป็นตัวตั้ง

    ที่ข้าพเจ้าแนะคุณว่าให้ไปกินนอนในป่าช้า แล้วท่อง "สุปินานัง" คุณทำหรือยัง

    จริงๆท่านว่า ผีมีอยู่ทุกที่ แต่ที่ ข้าพเจ้าอยากให้คุณไปนอนในป่าช้าทุกวันเพราะอยากรู้เหหมือนกันว่าคุณจะรู้สึกถึงกระแสรุนแรงของสิ่งที่อยู่รอบๆหรือไม่ เพราะ ในบ้านในวัดอาจมีพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธ์ เยอะ ที่ปกป้องคุณได้

    ****แต่ถ้าท่องบ่นเจริญคาถานี้แล้วยังไม่เห็นก็ เอ้อ สงสัยจะเกินเยียวยาจริงๆๆค่ะ
     
  17. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,256
    ****อาตมาเห็นว่า สิ่งที่อาตมาทำอยู่นี้ก็คือ การทำประโยชน์แก่มวลมนุษย์อยู่แล้วมิใช่หรือ?***
    แน่ใจหรอว่าทำประโยชน์แก่มวลมนุษย์ เราว่าสร้างบาปกรรมอย่างมหันต์ให้กับตนเอง
    และเยาวชนของชาติที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มากกว่า

    ***เพราะเป็นการทำให้มนุษย์ตาสว่าง และดับทุกข์ได้****
    พูดผิด พูดใหม่ได้นะ ทำให้มนุษย์มีจักษุมืดบอดลงไปอีก ทุกข์ยิ่งทับถมทวีคูณ
    สอนไปได้ ไม่มีชาติหน้า ตายแล้วสูญ ไม่ต้องใช้กรรมที่ทำไว้

    ***ถ้าพระไม่ทำ แล้วใครจะทำ จะปล่อยให้ความโง่ครอบงำมนุษย์อยู่ต่อไปหรือ?****
    พระน่ะทำ ทำตามพุทธองค์ที่ทรงสอนให้ชำระจิตที่มีเหตุปัจจัยมาปรุงแต่งจนเศร้าหมอง
    จะได้หลุดพ้นจากความโง่ที่พระนักบวชนอกรีตสอนไว้

    ***อาตมาสอนให้เกิดสติปัญญาทั้งนั้น ตรงไหนที่สอนให้โง่เขลาบ้าง?***
    ตรงที่ว่าตายแล้วสูญ และอะไรๆก็ไม่มี แล้วประชาชีที่ไหนจะทำความดี
    อย่างนี้คนไม่ยิ่งโง่ใหญ่หรือ?

    ***แต่สติปัญญาที่สอนนั้น มันสูงเกินกว่าที่คนโง่ทั้งหลายจะรับได้***
    สติปัญญาของคนโง่ที่สอน โง่ยิ่งกว่าคนที่โง่อยู่แล้วทั้งหลาย...ที่จะรับได้

    ***ใจเย็นๆ เอาเหตุผลและความจริงมาว่ากัน อย่าเอาแต่อารมณ์***
    เย็นสนิท ใช้เหตุผลมาตลอด เจอคนไม่มีเหตุผลยังเย็นได้ขนาดนี้
    ก็ถือว่าดีกว่าคุณนักบวชนอกรีตที่ชอบมาทำเป็นกร่าง

    ^_^
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณเตชะ โง่จริงๆหรือแกล้งโง่ให้ผ่านๆไปที ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ว่ากัน พูดมาได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ***ชีวิตนิรันดร์ หมายถึง มันกลับคืนสู่ธรรมชาติเดิมของมัน (คือไม่มีตัวตนใดๆ)
    ที่ไม่มีเหตุปัจจัยอะไรมาปรุงแต่ง ซึ่งมันก็คือความว่างเปล่า(สุญญตา)****<O:p</O:p
    <O:p
    มันกลับคืนสู่ธรรมชาติเดิมของมัน (ร่างกายเน่าเหม็นกลับคืนสู่ธรรมชาติแน่นอน)<O:p</O:p
    ซึ่งมันก็คือความว่างเปล่า(ว่างเปล่าจากอะไร???) เด็กมันจะงงเอา เจออะไรว่างเปล่า<O:p</O:p
    เช่น บ้านว่างเปล่า ขวดว่างเปล่า กระเป๋านักเรียนว่างเปล่า อ้อนั่นแหละชีวิตนิรันดร์ (จะบ้าไปใหญ่แล้ว)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ท่านพุทธทาสก็พูดไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า<O:p</O:p
    จิตประภัสสรถาวร คือจิตพระอรหันต์ ที่ไม่มีเหตุปัจจัยอะไรมาปรุงแต่ง<O:p</O:p
    ซึ่งมันก็คือจิตประภัสสรถาวร ว่างเปล่าจากกิเลสที่เป็นแขกจร แบบถาวร<O:p</O:p
    <O:p
    คนเราประกอบด้วยกายและจิต<O:p
    กายนี้มันตายเน่าเหม็นใครก็รู้<O:p</O:p
    ถ้าจิตพลอยตายไปด้วยก็เท่ากับตายสูญสิ จะได้ไง<O:p</O:p
    <O:p
    คนตายลงไป ชีโวก็ไม่ได้ตายด้วย มันไปหาที่เกิดใหม่deeja<O:p
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ***แต่ถ้ายังมีตัวตนใดๆอยู่(เช่นตัวตนที่เที่ยงแท้ถาวรและไม่มีกิเลส) มันก็เท่ากับยังมีการปรุงแต่งอยู่<O:p</O:p
    มันก็ไม่เป็นนิรันด์ได้***<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เถียงครูบาอาจารย์เข้าไปได้ สงสัยไม่ได้นับถือท่านเป็นครูบาอาจารย์แน่เลย

    <O:p</O:pถ้าไม่มีสิ่งที่เที่ยงแท้ถาวร จะเป็นนิรันดร์ได้อย่างไร<O:p</O:p
    เพราะโลกนี้ทั้งใบ มีแต่ความเปลี่ยนแปลง จะหาสิ่งที่เป็นนิรันดร์ได้จากไหน<O:p</O:p
    พระพุทธองค์ทรงสอนโลกุตตรธรรม ธรรมที่เหนือโลก<O:p</O:p
    เมื่อเหนือโลก ก็เหนือความเปลี่ยนแปลง<O:p</O:p
    เมื่อเหนือความเปลี่ยนแปลง ก็ต้องเป็นนิรันดร์สิ<O:p</O:p
    deeja<O:p</O:p
     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ***กรุณาไปศึกษามาใหม่ให้มากกว่านี้ ที่ท่านสอนเรื่องอนัตตา สุญญตาไว้มากมาย ไม่เอามาอ้าง ไปเอาจุดเล็กๆที่ท่านสอนแบบศีลธรรมมาอ้าง จะไม่มีทางเข้าใจ****

    คุณเตชะ กรุณาไปศึกษามาใหม่ให้ดีกว่านี้<O:p</O:p
    ท่านสอนหลายเรื่อง อนัตตา สุญญตา อิทัปปัจจยตา ตถตา อตัมยตา รู้แค่นี้พอมั๊ย?<O:p</O:p
    คุณเองน่ะ ไม่เคยศึกษาธรรมะที่ท่านพุทธทาสได้ต่อยอดจากเพื่อนสหธรรมิก<O:p</O:p
    ในช่วงปลายของชีวิตท่าน (จากหลวงปู่ชา หลวงปู่บุดดา)<O:p</O:p
    ฉะนั้น อย่าเอาของครูบาอาจารย์มามั่วจนท่านเสียหาย<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...