ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ตายทำงานย่านนี้เสียด้วยจุดไหนล่ะ แต่บางเขน มีซอยนาคนิวาส บ้านของพญานาคไม่น่าจะเป็นนะ เค้าน่าจะดูแลให้ ไม่รู้จริงหรือเปล่า อิ อิ

บ้านของโชตนาก็อยู่ที่หัวกระบือ ริมทะเลบางขุนเทียน ใกล้อ่าวไทยอีก มีแต่มรณานุสตินะที่เป็นที่พึ่ง

 

​

รหัสลับแห่งพุทธทำนาย
โดย อ.ปริญญา ตันสกุล​

ความสำคัญในพุทธทำนายแยกได้เป็นประเด็นสำคัญ 13 ประการ ซึ่งทรงทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเอาไว้ล่วงหน้า วันเวลาที่ตรัสถึงคือช่วงเวลาแห่งยุคสมัยปัจจุบันนี่เอง..

1. " ไฟจะลุกลามมาทางตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม นักบวช และพระจะอดอยากยากเข็ญ " ไฟในที่นี้คือ ภัยจากการคลั่งวัตถุนิยม อันเกิดจากมนุษย์อีกซีกโลกหนึ่งที่มีสมองซีกซ้ายนำขวา เป็นผู้สร้างเพื่อชักจูงจิตวิญญาณของผู้คนที่ไม่สมดุลให้ลุ่มหลงมัวเมาไปกับมัน จนกลายเป็นทาสของวัตถุ และถูกผู้สร้างมันขึ้นมาชักจูงจิตวิญญาณไปในทางต่ำ จนทำให้เกิดความขาดสมดุลจิตวิญญาณไป จิตสำนึกคลั่งตะวันตกเป็นไปอย่างรุนแรง ตั้งแต่ระดับผู้นำลงมาถึงระดับล่างแทบทุกชนชั้น

มนุษย์ซีกตะวันออกมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่ยังคงใกล้ชิดกับศาสนาถือปฎิบัติธรรมะอย่างเข้าใจและซึ้งในรสพระธรรม ผู้ประพฤติดีประพฤติชอบมักไม่ได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ นอกจากมีอำนาจเหนือ ศีลธรรมเสื่อมทรามมีผู้คนที่ศรัทธาในพระศาสนาเข้าวัดทำบุญน้อยลง เนื่องจากจิตใจไม่ฝักใฝ่และมีทัศนคติไม่ถูกต้องต่อผู้สืบทอดศาสนา ทีมีพฤติกรรมนอกรีตให้เห็นอยู่กลาดเกลื่อนเหมือนเป็นเรื่องปกติ มองเห็นใครที่พูดถึงเรื่องศาสนาและธรรมมะเป็นหัวโปราณคร่ำครึ และความเสือมโทรมในจิตใจของผู้คนที่แสดงพฤติกรรมโหดร้ายก้าวร้าวต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเหมือนไม่ไช่มนุษย์ หนักขึ้นทุกวัน

นักบวชและพระมีโอกาสเยียวยาจิตใจมนุษย์ในสังคมน้อยลงกว่าเดิม เนื่องจากมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่เข้าวัดเพราะเสื่อมศรัทธา ไม่ไส่ใจ และใฝ่การทำมาหากินเพื่อชีวิต ไม่ได้ทำอะไรเพื่อจิตวิญญาณของตนเลย บทบาทของพระในการเผยแพร่พระธรรมจึงถูกปิดกั้น มนุษย์มีพระไว้เพื่อการประกอบพิธีกรรมในการสวดที่ศักดิ์สิทธิ์และใฝ่หาแต่พระที่มีอิทธิฤทธิ์ไว้เป็นที่พึ่งเท่านั้น การอดอยากยากเข็ญของพระ จึงหมายถึง การที่พระไม่มีโอกาสได้กระทำหน้าที่ของตนในการเผยแพร่ธรรมมะนั่นเอง..

2." ลูกไฟจะตกจากฟากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ " พุทธทำนายบทนี้ กล่าวถึงการทำศึกสงความระหว่างเผ่าพันธ์มนุษย์ด้วยกันเอง ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎเกณฑ์ทางกายภาพของจักรวาล ว่าด้วยเรื่องความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกสรรพสิ่งในระบบโลก ไม่เว้นแม้แต่มนุษย์ การขัดแย้งรบราฆ่าฟันกัน ทั้งชนในชาติเดียวกัน ไปจนถึงระหว่างประเทศ พล่าผลาญชีวิตกันอย่างไร้จิตสำนึกแห่งเมตาธรรมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ค้นคิดขึ้นจนนับวันอาวุธที่ผลิตขึ้นจะมีพลังอำนาจในการทำลายล้างอย่างน่ากล้วมากขึ้น

อาวุธนิวเคลียร์ ขีปนาวุธ และอาวุธเชื้อโรค คือความร้ายแรงและเป็นภัยมหันต์ แต่ละชนชาติที่ก้าวร้าวเหล่านั้นเคยรู้บ้างหรือไม่ว่า ศาสตราวุธทันสมัยที่แต่ละรายสะสมกันไว้นั้น หากกดปุ่มพร้อมกันมันสามารถทำลายโลกใบนี้ได้แค่เพียงนาทีเดียว สำหรับมนุษย์ที่กำลังหวั่นกลัวจากสงครามโลกครั้งที่ 3 ตามคำพยากรณ์ในยุคพลังงานเก่า จงรับรู้ไว้ด้วยว่า โรงเรียนโลกใบนี้มิได้โดดเดี่ยว โดยปราศจากผู้ดูแลอย่างการคิดแบบจิตมนุษย์เลย จิตจักรวาลและรูปธรรมชั้นสูงในมิติคู่ขนาน จะไม่มีวันปล่อยให้ผู้มีจิตวิญญาณอธรรมกระทำการเช่นนั้นได้อีกต่อไป

3." มหาสมุทรจะชอกช้ำ " พุทธทำนายบทนี้ทรงเน้นความเน่าเสียของน้ำจากปฎิกูลเคมีสังเคราะห์ ที่มนุษย์สร้างขึ้นทำลายความสมดุลของระบบโลก ทำให้น้ำทะเลเป็นพิษ น้ำเน่าเสีย สัตว์ทะเลต้องจบชีวิตลงเพราะสารพิษและขาดออกซิเจน เนื่องจากกากปฎิกูลต่างๆ จะมีมากเกินกว่ากายภาพของแผ่นดินจะซึมซับโอบอุ้มเอาไว้ได้ มันจะค่อยๆเคลื่อนไหลสู่ท้องทะเล อำนาจเงิน ผลประโยชน์ ความบ้าคลั่งทางปัญญาอุตสาหกรรมหนัก คือตัวการก่อมลภาวะทางน้ำของมนุษย์ซึ่งปัจุปันนี้กำลังเป็นปัญหาระบบนิเวศน์เสียสมดุลจาก มลพิษ สถานะการณ์โลกในขณะนี้ปัญหามลภาวะมันหนักหนาจนสุดเยียวยาได้ มหันตภัยกำลังคืบคลานสู่มวลมนุษย์ชาติแล้ว จงเตรียมตัวกันไว้ให้ดี.

4." ศึกจะติดเมือง " พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึง ความขัดแย้งระหว่างประเทศต่างๆทั่วโลก มันจะก่อตัวขึ้นแทบทุกแห่งที่ชนชั้นผู้นำขาดความสมดุลในจิตใจ การต่อสู้รบพุ่งกันกระทบกระทั่งกันมีให้เห็นไม่ว่างเว้น โดยมองเห็นความมีอำนาจเหนือเปรียบดั่งขนมหวาน ศึกสงความบนโลกจะไม่มีวันสงบทั่วแผ่นดินใด้ หากยังมีการคิดค้นมีการผลิตเพื่อขายกันอยู่ เหยื่อแห่งสงครามแม้ไม่ไช่สงครามโลก ก็ยังจะคงมีอยู่บนแผ่นดินโลกตลอดไป.

5." ข้าวจะขาดแคลน " พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึงการทำลายระบบนิเวศน์อย่างไม่บันยะบันยัง เพื่อดูดซับพลังงานและการเก็บเกี่ยวทรัพยากรธรรมชาติ บนแผ่นดินจะทำให้ความอุดมสมบูรณ์ที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกธัญญาหารเสื่อมสลายเสียสมดุลไป มนุษย์ใช้ผืนแผ่นดินรองรับความเจริญทางวัตถุ จนแทบไม่มีที่ใดเหมาะสมต่อการเพราะปลูกและเกษตรกรรม เพื่อการยังชีพอีกต่อไป ในที่สุดความขาดแดลนอาหารบริโภคจะเป็นปัญหาของมนุษย์โลกที่ทุกคนต้องเผชิญ แม้ในยามที่ยังไม่มีศึกสงความให้เกิดข้าวยากหมากแพงเลยก็ตาม.

6." ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง " พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึง ภูมิอากาศโลกแปรเปลี่ยนไป จะก่อให้เกิดเชื้อโรคร้ายชนิดใหม่ๆ ที่เป็นภัยต่อสุขภาพร่างกายมนุษย์ จนถึงขั้นเสียชีวิต โดยไม่อาจเยียวยารักษาได้มากมายหลายโรค มีทั้งโรคร้ายชนิดใหม่ที่มนุษย์ไม่เคยรู้จัก และโรคร้ายชนิดเก่าๆ ที่มนุษย์เอาชนะมันได้จนทำให้มันเสียสมดุลไปในอดีตแล้ว มันจะแอบซุ่มวิวัฒนาการสายพันธ์ของตัวมันเองตามกฎทางกายภาพของจักรวาล ยกระดับตัวมันเองสู่ความสมดุลกับมนุษย์ได้อีกครั้ง ที่มันสามารถจะมีอำนาจต้านทานฤทธิ์ยาตัวเก่าได้เป็นอย่างดียิ่งกว่าเดิม.

7." พระเสื้อเมืองพระทรงเมืองจะหนีเข้าไพร " พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึง ความสับสนเสียสมดุลในจิตใจของผู้คนในสังคมถึงจุดที่ยากจะแก้ไขเยียวยาได้ จะทำไห้ผู้มีความสมดุลทางจิตวิญญาณต่างๆ เกิดความท้อแท้ในการทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ของตนให้ลุล่วงได้อีกต่อไป เพราะไม่มีผู้ฝักไฝ่ศาสนา ไม่มีใครใฝ่หาการรู้แจ้ง บนเส้นทางของนักรบแห่งแสงสว่างตามแนวทางของพระศาสดา พวกเขาจึงจะพากันละไปจากสังคมเมือง แสวงหาความวิเวกและสุขสงบกันแต่เพียงลำพัง เหมือนอยากไปสวรรค์คนเดียว จนทำให้สังคมเสือมทรามลงอย่างรวดเร็ว เพราะต่างล้วนขาดจิตสำนึกที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิต.

8." ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจจะเรียกผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ " พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึง การกระทำต่อกันของมนุษย์โลก ทั้งทางกายภาพและในมิติคู่ขนาน ก่อให้เกิดมลภาวะทางพลังงานด้านลบและปฎิกูลทางกายภาพในระบบโลกเป็นจำนวนมากมาย มนุษย์ส่วนใหญ่จะมีจิตสำนึกที่สั่นสะเทือนต่อกันทางด้านลบ เกิดพลังงานกรรมคุณสมบัติด้านลบในมิติคู่ขนานอย่างมากมาย และทำให้ระบบโลกเสียสมดุลทางพลังงานที่จำเป็นไปมาก จนอาจทำลายความสมดุลของระบบโลกเองและจักรวาลทั้งระบบได้

9." ยักษ์หินที่ถูกสาปให้หลับใหลมาเป็นนาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก " พุทธทำนายบทนี้ ตรัสถึงการสั่นสะเทือนของกายภาพโลกคือผืนแผ่นดิน จะเกิดความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จะทำให้มนุษย์โลกได้รับเคราะห์ภัยรุนแรงอย่างไม่คาดคิด ปรากฏการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงนี้ จะเกิดจากแท่งแม่เหล็กในใจกลางโลก ซึ่งเป็นแท่งโลหะร้อนระดับ 4,000 องศาเซลเซียสซึ่งเคยแน่นิ่งอยู่ จะถูกกระทำให้มันเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งเดิมเพื่อการปรับเปลี่ยนระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกสู่ระบบใหม่ ดังได้กล่าวไว้แล้วนั้น เมื่อเกิดการเคลื่อนตัวด้วยแรงขับเคลื่อนอันมหาศาล มันจะทำให้แผ่นพื้นทวีปและท้องมหาสมุทรเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จนพื้นโลกเกิดการบิดตัวอย่างรุนแรงตามไปด้วย

มันจะทำให้แผ่นดินบางทวีปแยกตัวออกจากกัน น้ำทะเลจะไหลบ่าเข้าไปแทนที่ ตึกรามสูงใหญ่และเทคโนโลยีอันสูงส่ง พร้อมด้วยสารเคมีพิษร้ายต่าง ๆ จะถูกทับถมกันไว้ใต้พื้นโลกและแผ่นน้ำตราบนิรันดร์ พร้อมกับชีวิตของผู้สร้างมันขึ้นมา ด้วยจิตไร้สำนึกจำนวนนับล้านคนจะถูกกลืนหายไปเช่นกัน มันเป็นการดับอหังการ์ของมนุษย์ผู้มีจิตวิญญาณไม่บริสุทธิ์ ที่ฝ่าฝืนกฎทางกายภาพของจักรวาล คิดสร้างลัทธิซาตานขึ้นในระบบโลก ชักจูงจิตวิญญาณมนุษยชาติไปในเส้นทางที่ผิดพลาดโดยแท้ และเป็นการหยุดยั้งการทำลายโลกใบนี้ของพวกเขา ในอันที่จะก้าวไปสู่การทำลายความสมดุลของจักรวาลอื่นต่อไปในเวลาเดียวกัน.

10." ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน " ปรากฏการณ์นี้มนุษย์สามารถสำเหนียกรู้ได้โดยไม่ต้องตีความ เพราะปรากฏการณ์ธรรมชาติของคลื่นความร้อนคลื่นความเย็นที่ผ่านมา และพายุแม่เหล็กรุนแรงในบรรยากาศ ทำให้ผู้คนทุกข์ยากล้มตาย พืชพันธุ์เสียหายและอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่เกิดขึ้นไปแล้วและที่กำลังจะเกิดต่อไป เมื่อฝ่าเข้าไปท่ามกลางพายุแม่เหล็กที่รุนแรงนั้น หรือหิมะตกหนักและพายุลูกเห็บขนาดยักษ์ต่าง ๆ ล้วนเป็นความวิปริตแปรปรวนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมนุษย์จะไม่มีวันเอาชนะได้ หลังการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคพลังงานใหม่ เมื่อแผ่นดินและจิตวิญญาณมนุษย์ถูกชำระให้บริสุทธิ์เรียบร้อยแล้วฤดูกาลต่างๆ บนโลกจะเปลี่ยนไป แผนที่โลกจะต้องได้รับการแก้ไขใหม่หลายส่วน.

11." ตลิ่งจะพัง " จากการสั่นสะเทือนที่รุนแรงของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่มันจะเกิดต่อเนื่องกันนานนับชั่วโมง ผู้คนทั้งโลกจะรับรู้มันได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องจ้องดูทางทีวีอีกต่อไป แผ่นดินใหม่จะปรากฏตัวขึ้นกลางมหาสมุทร ซึ่งเป็นอาณาจักรที่เคยต้องคำสาป ให้จมอยู่ใต้มหาสมุทรมานานนับหมื่นปี จากเหตุการณ์ที่จักรวาลชำระโลกเป็นครั้งที่สาม ตั้งแต่เกิดมีมนุษย์บนดาวเคราะห์โลก โดยอาศัยอำนาจแรงดึงดูดของดวงจันทร์ช่วยเหลือ นอกจากจุดศูนย์กลางอันเป็นเป้าหมายของแผ่นดินไหว ที่จะถล่มทลายลงไปใต้แผ่นน้ำแล้ว บริเวณสองทวีปที่เป็นชายฝั่งมหาสมุทร และเกาะบางเกาะจะจมหายไปใต้ท้องทะเลเช่นเดียวกัน.

12." แผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล " โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ ประเทศที่คลั่งวัตถุนิยม คลั่งไคล้เทคโนโลยี ทั้งผู้สร้างมันขึ้นมา ผู้งมงายกับการใช้มัน และประเทศที่ผู้นำมีจิตสำนึกบกพร่อง บ้าอำนาจและกระทำการก้าวร้าวต่อจิตวิญญาณผู้คนที่บริสุทธิ์ ให้ต้องจบชีวิตลงเพราะศึกสงคราม นั่นคือดินแดนหายนะอันเป็นเป้าหมายของจักรวาลด้วยเช่นกัน ทุกอย่างจะถูกกลบฝังไว้ใต้โลกท่ามกลางผงฝุ่นและเปลวเพลิง อันเกิดจากแผ่นดินแยกยุบตัวและภูเขาไฟระเบิดซ้ำ ความหายนะจะเกิดขึ้นแทบทั่วแผนดินนี้ ทั้งผู้ได้รับเคราะห์กรรมโดยตรงและโดยอ้อม จนแทบจะมองหาใครมาคอยช่วยเหลือใครไม่ได้เลย.

13." นักปราชญ์จะถูกทำลายให้สิ้นสูญ " มนุษย์จะเห็นได้ว่า ยุคปัจจุบันนั้นสังคมเต็มไปด้วยการอยู่ร่วมกันด้วยผลประโยชน์ มากกว่าความรักที่มีต่อกันเพื่อร้อยเรียงกันไว้เป็นหนึ่งเดียว ต่างต้องคอยระแวงกันตลอดเวลาด้วยการคอยมองหาว่า ใครชั่วน้อยกว่าใคร แทนที่จะมองหาความดีงามของกันและกัน มนุษย์โลกส่วนใหญ่พากันเร่งพัฒนาภูมิปัญญาของตนโดยไม่ใส่ใจพัฒนาสติกับปัญญา คิดสร้างขยะพลังงานกรรมด้านลบและขยะเทคโนโลยีที่เน้นวัตถุขึ้นมามากมาย เพื่อสร้างโอกาสและอำนาจ เอาไว้บงการจิตวิญญาณมนุษย์คนอื่นที่ด้อยกว่า

โดยไม่ได้ใช้พลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ในตนเอง อันเกิดจากจิตสำนึกแท้จริงและสติทางวิญญาณที่มีพลังงานความรักเป็นตัวขับเคลื่อนพฤติกรรม ให้ผู้อื่นยอมรับ เชื่อมั่นและศรัทธาเลยนอกจากนั้น กลับใช้พลังอำนาจจากจิตไร้สำนึก ผลักไสคนดี ๆ ออกไปไกลจากเส้นทางของตัว ทำลายคนดีด้วยจิตสำนึกที่ผิดพลาดโดยไม่รู้ว่าความดีงามแท้จริงคืออย่างไร สังคมมนุษย์ คลั่งอำนาจ ลาภยศ สินทรัพย์และวัตถุนิยมมากยิ่งกว่าแสวงหาความดีงาม กิเลสตัณหา อบายมุข สารพิษ ยาเสพติดหาได้กลาดเกลื่อน มนุษย์เพาะบ่มสำนึกแห่งความชั่วร้ายไว้ในจิตใจ ที่พร้อมจะนำมันออกมาแสดงได้ง่ายกว่า การจะมองหาความดีงามคือความรักบริสุทธิ์ หยิบยื่นให้แก่ใคร ๆ

มนุษย์ที่สมดุลและคนดี ๆ กลับไม่ได้การยอมรับจากผู้คนเพราะมนุษย์ใช้ตนเองที่จิตสำนึกขาดความสมดุลตัดสินมนุษย์ผู้อื่น ที่มีความสมดุลกว่าผิดพลาดไปหมด ความเป็นธรรมในสังคมจึงหายากยิ่ง แม้แต่นักบวชมากรายก็ยังทุศีลของพระพุทธองค์หนักขึ้นทุกวัน ยุคพลังงานเก่าที่ผ่านมา มันจึงเป็นสังคมที่ไม่ได้ส่งเสริมคนดีที่เหลือน้อย ทำให้คนดีเกิดความท้อแท้สงบงันเหมือนการเห็นแก่ตัวเพราะต้องระมัดระวังตน โดยหยุดบทบาทตนเองไว้ การที่มนุษย์จะแสดงความดีงามสู่สังคมสักครั้งสักคน จะต้องใช้ความกล้าหาญและการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เกินจริง จึงจะพอฟันฝ่าอำนาจด้านลบที่เกาะกุมจิตใจผู้คนส่วนใหญ่ได้.

ที่พุทธทำนายพอสังเขปทั้ง 13 บทที่เผยนัยมานี้ ล้วนเป็นภาพของความบอบช้ำภายในระบบโลก ซึ่งองค์พระศาสดาได้ทรงทำนายไว้ล่วงหน้านับพันปีมาแล้ว เพื่อเตือนสติมนุษย์ให้เกิดจิตสำนึกใหม่ ซึ่งมนุษย์เองสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ เลวร้ายใด ๆ ได้ หากลงมือกระทำที่จิตสำนึกของตนเอง แต่มนุษย์ กลับละเลยกันมาตลอด มหันตภัยจึงไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

ดาวเคราะห์โลกเป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี มีกฏแห่งกรรมเป็นรางวัลการกระทำทางจิตสำนึกมนุษย์ไว้รองรับ ทั้งในทางกายภาพของมนุษย์เองและในมิติคู่ขนาน การพยากรณ์ใด ๆ ไว้ล่วงหน้านั่นคือสิ่งที่จิตจักรวาลทุกรูปธรรมย่อมรู้แต่การที่เหตุการณ์ใดๆ เหล่านั้นมันจะเกิดขึ้น หรือไม่เกิดขึ้น มันอยู่ที่การตัดสินใจของมนุษย์เองทั้งสิ้น เมื่อมนุษย์ละเลยไม่แก้ไขตั้งแต่ต้น ก็เท่ากับว่ามนุษย์เป็นผู้เลือกสถานการณ์เลวร้าย ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ด้วยตนเองโดยแท้

ที่มา http://mamaconagua.hi5.com

 

ตอนนี้ 20.58 น. เมฆแผ่นดินไหวเพียบเลยค่ะ เต็มท้องฟ้าไปหมด น่าเป็นห่วงจริง ๆ

 

:boo:มาบ่อยๆ ก็ดีนะ หายไปนานแล้วคิดถึง
บางทีเค้าก็ช่วยกระตุกได้เหมือนกัน ไม่ให้เราเชื่อเต็มร้อย
บางทีมาแนวก่อกวนบ้างก็ธรรมดา ของเด็กแดงๆบ้านนอก
อาจจะออกแนวฮาร์ดคอร์บ้าง

 

เกิดเป็นคน อย่าฝืนชะตาฟ้า

นปกรณัมเรื่องสามก๊ก มีอยู่ตอนหนึ่งที่ผู้คนอาจจะลืมเลือนไป นั่นคือท่านนักปราชญ์ "ซุยเป๋ง"

ในเรื่องนี้สรุปได้อย่างย่อๆว่า ... ในสำนักแห่งสุมาเต็กโช มีศิษย์มือหนึ่งที่อ่านขาดเกมส์ได้ชนิดที่เรียกว่าหลับตาเห็นภาพในดวงจิตที่แจ่มจรัสหลายท่าน แต่ที่เราคุ้นเคยและรู้จักคือ "ขงเบ้ง" แต่มีอีกหนึ่งที่ไม่เป็นรองนั่นคือ "ซุยเป๋ง" แต่ไม่ใคร่มีคนรู้จักมากนักมาฟังผมเล่าเรื่องราวย่อๆให้ฟัง เพื่อที่จะได้พานพบว่า "เกิดเป็นคน อย่าฝืนชะตาฟ้า" นะครับท่าน เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อตอนที่พระปิตุลา (เล่าปี่) มาตามหาเจ้ามังกรเร้นกาย (ขงเบ้ง) เพราะติดใจในอรรรสของเพลงพื้นบ้านที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตในฤดูกาลนั้น นี่คือที่มาของ "สามเยือนกระท่อมหญ้า" อันลือลั่นในวรรณกรรมชิ้นนี้

เล่าปี่มาหาขงเบ้ง (พร้อมพี่น้องสาบานสวนดอกท้อ) หลายครั้งแต่ไม่พบตัวขงเบ้งเลย หากแต่ไปพบกับพรรคพวกของขงเบ้งที่กำลังปั่นสุรา ร้องรำทำเพลง ในกระท่อมน้อยที่อบอุ่นท่ามกลางแสงไฟที่ชะโลมให้ร่างกายได้รับเตโชธาตุ ท่ามกลางหิมะที่หนาวเย็นยะเยือกที่หยาดหยดลงมาสู่ดินในภายนอกกระท่อมน้อยหลังนั้น สองพี่น้องร่วมสาบานแห่งสวนดอกท้อที่มาด้วยก็เกิดอาการไม่พอใจอย่างมากมาย แต่เล่าปี่กลับนิ่ง สงบเงียบ (ก็เค้ามีแผนในใจอยู่แล้วนิ) เพราะมาพบขงเบ้ง (แต่ไม่ได้พบ) กลายเป็นว่ามาพบซุยเป๋งแทน ด้วยที่มีกิริยาท่าทางน่าเลื่อมใสราวกับอาจารย์ผู้ใหญ่ เล่าปี่จึงได้เข้าไปโค้งคำนับถามไถ่ซุยเป๋งอย่างสุภาพ แต่ซุยเป๋งบอกว่าตนเองไม่ใช่ขงเบ้ง แต่ที่มานี่ก็คือต้องการพบกับคนเดียวกันกับท่านนั่นแล

ซุยเป๋งถามเล่าปี่กลับว่า "ท่านมาหาขงเบ้งมีธุระอันใด?"
เล่าปี่ตอบปราชญ์เต๋าผู้ทรงภูมว่า "ที่หวังมา เพื่อชวนยอดคนแซ่จูกัด ไปช่วยทำราชการกู้ชาติกู้แผ่นดิน"
ซุยเป๋งหัวเราะและชี้ว่า "ท่านไม่เคยได้ยินหรือ น้อมฟ้าเป็นสุข ใครฝืนฟ้าก็เป็นทุกข์ ชะตาฟ้าดินกำหนด ใครขัดขืนมิได้"

และในเวลาเวลาต่อมาราชวงศ์ของเล่าปี่ก็ต้องสูญสิ้นเพียงเวลาไม่กี่สิบปีเท่านั้นเอง โดยคนที่ทำให้สิ้นก็คืออาเต๊าซึ่งเป็นลูกในไส้ของเล่าปี่นั่นแหล่ะ เหตุนี้ทำให้เอะใจว่า

ซุยเป๋งรู้ ทำไมขงเบ้งไม่รู้?

ช้าก่อน โปรดฟ้งทางนี้ ..... ซึ่งแท้จริงแล้ว ทั้งซุยเป๋งและขงเบ้งรู้เหมือนกัน แต่ขงเบ้งพยายามฝืนฟ้า เพราะด้วยความรัก ศรัทธา และผูกพัน ต่อเล่าปี่ และสุดท้ายก็ต้องก็ต้องยอมจำนนด้วยลิขิตแห่งฟ้า อันเป็นการปิดฉากของจูกัดเหลียงที่จะต้องพังพาบ ในตอนท้ายนั่นเอง

สรุป เกิดเป็นคน อย่าฝืนชะตาฟ้าลิขิต (เดี๋ยวว่างๆ ผมจะเล่าเรื่องเทวดาเกเร พรหมเกเรให้ฟังเพื่อเปิดวิสัยทัศน์ของกระต่าย ให้มองโลกกว้างๆ ไม่ใช่แค่ลูกตาลที่หล่น อาจจะมีบ้างในเรื่องฮาร์คอร์ดั่งเช่นท่าน เครื่องคิดเลข12 กล่าวไว้บ้าง .. แค่นั้น? เพียงนั้นเองหรือ? )

 

*** สัตว์โลกนานาชนิด ****

มีสัตว์โลกชนิดดียว ที่ปลดนิสัยตนเองได้...คือ มนุษย์
ขอให้ทุกท่านโชคดี

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>

อนุโมทนาบุญ-อนุโมทนาบาป​

</TD></TR><TR><TD>อนุโมทนาบุญ หมายถึง ยินดีกับการทำความดีของคนอื่น เราก็จะพลอยได้บุญไปด้วย เพราะว่าใจเราจะใส และทำให้ผู้ที่ได้ยินนั้นมีกำลังใจในการทำความดีด้วย ดังนั้นก็จะทำให้เค้าได้ทำความดียิ่งๆขึ้นไป

อนุโมทนาบาป หมายถึง ยินดีกับการกระทำความชั่วของผู้อื่น เราก็จะพลอยได้บาปไปด้วย เพราะว่าใจจะขุ่นมัว อยากให้เค้าได้รับความทุกข์อย่างสาสม ผู้ที่กำลังจะทำบาปก็พลอยมีกำลังใจในการกระทำความชั่วของตน ก็ยิ่งทำความชั่วยิ่งๆขึ้น

ถึงแม้การทำบาปนั้นจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เช่นการประหารชีวิตผู้อื่น ทุกคนพากันแซ่ซ้องว่าถูกต้อง ดีแล้วตายๆไปเถอะคนเลวๆอย่างนั้น ทางโลกอาจจะถูกต้อง แต่มันไม่ถูกกฎแห่งกรรม แต่ละคนไม่มีสิทธิที่จะตัดสินประหารชีวิตใครได้ ทุกคนเกิดมาอยากเป็นคนดีทั้งนั้น เพียงแต่เค้าไม่รู้ว่าความดีควรจะต้องทำอย่างไร ทำชั่วแล้วจะไปเป็นอะไร เค้าขาดปัญญาตรงนี้

ถึงจะประหารชีวิตเค้าไป มันก็ไม่ได้แก้ไขที่ตรงจุด ภพชาติต่อไปอาจมีการแก้แค้นเกิดขึ้น ไม่รู้จบสิ้น และเค้าก็ยังคงเป็นผู้ไม่รู้อยู่ดี ทางแก้ที่ถูกต้องและถาวรก็คือต้องใช้ธรรมะสอนให้เค้ารู้ว่าเราเกิดมาทำไม กฎแห่งกรรมเป็นอย่างไร หยุดการจองล้างจองผลาญกัน อโหสิให้แกกันและกัน มันก็จะไปตัดวงจรการจองล้าง ห้ำหั่นกันได้ในที่สุด

เมื่อได้ยินว่ามีการประหารชีวิตเกิดขึ้นก็ต้องอุเบกขา และคิดว่ามันเป็นกรรมของสัตว์โลก อย่าไปพลอยยินดีด้วย เทียบได้กับการที่คนที่เราไม่ชอบหน้า เกิดพลาดพลั้งเสียชีวิตหรือได้รับความทุกข์ยาก ก็อย่าไปสมน้ำหน้าเค้า เช่นกัน
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ที่มา http://leewern.diaryclub.com/20050709/0/0/blog.html

 

มันกวนส้นมากก่วาครับ
เดี๋ยวมันก็ตาย
คนเลวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

ตอนนี้ 23.30 น.แหงนดูท้องฟ้าเหนือ สนามบินสุวรรณภูมิเห็นเมฆกระจัดกระจายเป็นหยักๆ แปลกๆครับเป็นทั่วกว้างมากครับ

 

วิธี "หนีนรก" ของนายพลโตโจ​

​

หลวงพ่อ(พระราชพรหมยาน) เล่าเรื่องนายพลโตโจทำไมไม่ตกนรก นายพลโตโจอดีตแม่ทัพใหญ่ของญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่สองมาบอกหลวงพ่อว่า "ท่านไม่ตกนรก"

"..วันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๓๒อาตมาเดินทางไปสอนพระกรรมฐานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่อยู่บนเครื่องบินเวลาในประเทศไทยประมาณตี ๒ มีอาการเคลิ้มเหมือนกับคนครึ่งหลับครึ่งตื่น เห็นภาพคนมากมายรอบๆ เครื่องบิน ห่างออกไปก็หนาแน่นมากเหมือนกับเป็นการห้อมล้อมเครื่องบินทั้งข้างล่าง ข้างบน ทุกคนสวยหมด หน้าตาก็ยิ้มแย้มแจ่มใส มีอาการสดชื่น เห็นชัดเจนมาก หลังจากนั้นก็มีภาพคน ๒ คนโผล่ขึ้นใกล้ๆ คนที่นั่งข้างหน้ารูปร่างลักษณะทรวดทรงดี หน้าตาดี แต่คนข้างหลังยืน ลักษณะเป็นคนสูงเพรียว ถามว่า "คุณชื่ออะไร" คนหลังตอบว่า "ผมคือนายพลโตโจครับ เป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น" ท่านคนหน้าก็ตอบว่า "ผมคือเจ้าชายโกโนเย"
<O</O
อันนี้ถ้าไม่ตรงกับประวัติศาสตร์ก็ขออภัยด้วย เพราะไม่ได้อ่านประวัติศาสตร์ตอนนี้ <O</Oสำหรับเจ้าชายโกโนเยไม่ได้สงสัยเพราะท่านไม่ได้ประกาศสงครามและไม่ได้เข้าสงคราม ส่วนท่านนายพลโตโจท่านสั่งทหารรบ ทหารของท่านก็ต้องตาย และทหารของคนอื่นก็ต้องตาย การรบของญี่ปุ่นเวลานั้นบุกหนักจริงๆ บุกแบบสายฟ้าแลบคล้ายเยอรมัน ทุ่มเทกำลังมาก ในเมื่อคนตายมากๆ อย่างนั้นก็แสดงว่าท่านนายพลโตโจก็ต้องบาป
<O</O
จึงถามท่านว่า "ในเมื่อท่านเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสั่งทหารให้รบ ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่ ทหารฆ่าใครกี่คนท่านก็ต้องบาปด้วย และทหารทุกคนที่ตายไปท่านก็ต้องบาปด้วย เขาต้องพลัดพรากจากพ่อ จากแม่ จากลูก จากเมีย จากบ้าน จากช่วงที่เขามีความสุข ท่านก็ต้องบาป แล้วเวลานี้ท่านมายืนอยู่ที่นี่ ท่านไม่ได้ลงนรกหรือ"
<O</O
สาเหตุที่ไม่ตกนรก

ท่านนายพลโตโจก็ยิ้มแล้วบอกว่า "ท่านขอรับ เมื่อท่านพูดถึงบาปผมก็ยอมรับ เพราะประเทศญี่ปุ่นก็นับถือพระพุทธศาสนา ถึงแม้จะมีนิกายต่างกันเป็นมหายานก็ตาม แต่ก็มีบุญมีบาป มีสวรรค์มีนรกเหมือนกันหมด แต่ฝ่ายมหายานหนักไปทางด้านพระโพธิสัตว์หวังเป็นครูสอนศาสนาการสั่งให้คนไปตายก็บาป การสั่งให้คนไปฆ่าคนก็บาป แต่ที่ผมไม่ตกนรกก็เพราะผมรู้วันตายครับ" ก็เลยตกใจ เพราะคนที่รู้วันตายต้องเป็นคนที่มีกำลังฌานเข้มแข็งมาก มีความกล้าเป็นพิเศษจึงรู้วันตายได้ จึงถามท่านต่อไปว่า "ท่านรู้วันตายหมายความว่าอย่างไร"

ท่านตอบว่า "ในเมื่อผมเป็นอาชญากรสงคราม สหประชาชาติเขาสั่งให้ผมตาย ผมก็ต้องตาย แต่ว่าผมจะไม่ตายด้วยการทำฮาราคีรี คือไม่ได้ฆ่าตัวตาย วันที่เขาจะฆ่าผม ผมรู้คำสั่งของเขาล่วงหน้าว่าผมจะต้องตายวันนั้น ในเมื่อผมจะต้องตายจริงๆ ที่พึ่งของผมไม่มี บิดามารดาก็ช่วยผมไม่ได้ บุตรภรรยาก็ช่วยไม่ได้ ญาติพี่น้องมิตรสหายก็ช่วยไม่ได้ ทรัพย์สินต่างๆ ก็ช่วยไม่ได้ ตำแหน่งหน้าที่การงานก็ช่วยไม่ได้ ไม่มีอะไรจะคุ้มครองความตายได้ ผมต้องตายแน่ ฉะนั้นสิ่งที่จะเป็นที่พึ่งของผมก็คือพระ

ผมนึกถึงพระคือพระพุทธเจ้า กับพระที่เคยเป็นครูบาอาจารย์ผม ผมก็นั่งนึกว่าผมต้องตายแน่ ร่างกายนี้มันต้องตาย พระญี่ปุ่นก็สอนกันว่า ตายแล้วมีสวรรค์เป็นที่ไป มีนรกเป็นที่ไป สำหรับคนทำดีหรือทำไม่ดี เวลานี้ผมนึกถึงพระ ผมมีความเคารพพระ การที่ผมต้องรบก็มีความจำเป็นต้องรบ ถ้าผมไม่รบ ผมเหลือนํ้ามันที่จะต้องใช้อีก ๒ เดือนก็หมด ประเทศญี่ปุ่นถ้าขาดนํ้ามันก็ไปไม่รอดเพราะเป็นประเทศอุตสาหกรรม จึงมีความจำเป็นต้องรบเพื่อทรงตัวรอด

จึงสั่งประกาศสงครามกับฝ่ายข้าศึกและก็ลงมือรบกัน ขณะที่ผมจะตาย ผมนึกถึงพระ นึกถึงพ่อถึงแม่ นึกถึงใครต่อใครเสร็จ ก็รวบรวมกำลังใจว่า ขอให้พระช่วยไปสวรรค์ แล้วเขาก็ลงมือฆ่าผม ผมก็ตาย เมื่อตายแล้วผมก็ไปตามใจผมนึก ผมจึงไม่ตกนรก" แกก็ไม่ได้บอกว่าไปสวรรค์ บอกแต่ว่า "เป็นไปตามใจผมนึกแต่ผมก็ไม่ตกนรก" เป็นสำนวนของผี เมื่อพูดเท่านี้ ๒ ผีคือเจ้าชายโกโนเยกับท่านนายพลโตโจก็หายไป.."

ที่มา http://palungjit.org

หมายเหตุ

พลเอกฮิเดกิ โตโจ เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงทหารบกในรัฐบาลของเจ้าชายโคโนเอะ เมื่อที่ประชุมร่วมกับสมเด็จพระจักรพรรดิของรัฐบาลโน้มเอียงไปในทางการทำสงคราม เข้าชายโคโนเอะได้กราบถวายบังคมลาออกจากนายกรัฐมนตรี และ โตโจ ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสืบต่อมา อันเป็นการเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยการถล่มเพิร์ลฮาเบอร์ พร้อม ๆ บุกเข้าสู่อินโดจีน สยาม มลายู ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ในเวลาต่อ ๆ มา ด้วยชัยชนะติดต่อกันมาระยะหนึ่ง ก่อนจะเริ่มพ่ายแพ้และกลายเป็นฝ่ายรับ หลังยุทธนาวีที่มิดเวย์ โตโจ ต้องลาออกเมื่อชัดเจนว่าญี่ปุ่นกำลังเพลี่ยงพล้ำในสงคราม ที่ยุติลงด้วยการทิ้งระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกาลงในเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นและสมเด็จพระจักรพรรดิ ทรงประกาศยุติสงครามด้วยการยอมแพ้ต่อสัมพันธมิตรอย่างไม่มีเงื่อนไข

 

น้ำท่วมฉับพลัน คร่าชีวิตคนฝรั่งเศสอย่างน้อย 19 ศพ​

​

ฝนตกหนักน้ำท่วมฉับพลัน ที่แคว้นโกต์ ดาซูร์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 คน สูญหายราว 4 คน ส่งผลกระทบถึงการคมนาคมในหลายพื้นที่ด้วยเช่นกัน...

สำนักข่าวยูโรนิวส์รายงานเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ว่า ประชาชนอย่างน้อย 19 คน เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมฉับพลัน เนื่องจากฝนตกหนักบริเวณแคว้น โกต์ ดาซูร์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส และยังมีผู้สูญหายอีก 4 คน ขณะที่บ้านเรือน 175,000 หลังคา ในพื้นที่ประสบภัยไม่มีไฟฟ้าใช้

เหตุน้ำท่วมฉับพลัน ส่งผลกระทบถึงสนามบินตูลง และไอเยเรส ต้องปิดบริการ เนื่องจากมีน้ำท่วมขังบริเวณรันเวย์สูง 18 เมตร นอกจากนี้ยังทำให้การเดินทางของรถไฟความเร็วสูง จากเมืองนีซ ไปยังเมืองลีลล์ ต้องหยุดชะงักที่เมืองลุค พร้อมกับผู้โดยสาร 300 ชีวิต

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัย เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่แล้วกว่า 1,000 คน รวมถึงประชาชนอีกจำนวนหนึ่งในแคว้นใกล้เคียงด้วย

ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2553

โคลนถล่มพม่า ดับอย่างน้อย 46 ศพ​

​

ฝนตกหนักต่อเนื่อง 4 วัน เป็นเหตุให้ดินโคลนถล่ม เมืองมองตอ รัฐยะไข่ ภาคตะวันตกของพม่า ชาวบ้านเสียชีวิตอย่างน้อย 46 ศพ บ้านเรือนพังเสียหาย การคมนาคมและการสื่อสารบางพื้นที่ถูกตัดขาด...

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ว่า ชาวเมืองมองตอ รัฐยะไข่ ภาคตะวันตกของประเทศพม่า เสียชีวิตอย่างน้อย 46 คน บาดเจ็บ 4 คน จากเหตุดินถล่ม เนื่องจากฝนตกหนักต่อเนื่องนาน 4 วัน ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา

พายุฝนกระหน่ำยังครอบคลุมอีก 4 รัฐในพม่า ส่งผลกระทบถึงบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย หลังคาถูกพัดปลิว สะพาน และถนนเชื่อมระหว่างเมืองถูกตัดขาด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่แล้ว

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เมืองโมนยวา ก็ได้รับผลพวงพายุพายุฝนตกหนักด้วยเช่นกัน บ้านเรือนพังเสียหาย 3 หลัง สายโทรศัพท์ถูกตัดขาดในบางพื้นที่ อีกทั้งอุณหภูมิยังพุ่งสูงขึ้นถึง 45.8 องศาเซลเซียส

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 55 คน จากอุทกภัยน้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่ม บริเวณชายแดนติดกับบังคลาเทศ และเมื่อเดือนที่ผ่านมา เกิดพายุลมแรงในพม่า คร่า 2 ชีวิต อาคารบ้านเรือนพังเสียหายกว่า 112 หลัง รวมถึงโรงเรียน 2 แห่ง และวัด ในชุมชนสินธุกับขันตีด้วยเช่นกัน

ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2553

บีพียอมจ่ายเงิน 6 แสนล้าน ชดเชยน้ำมันรั่ว​

ตัวอย่างคราบน้ำมันจากอ่าวเม็กซิโก​

บ.บีพี ตกลงจ่ายค่าชดเชยผลกระทบจากเหตุน้ำมันรั่วไหลสู่อ่าวเม็กซิโก หลังแท่นขุดเจาะระเบิด จนส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศน์ครั้งเลวร้ายสุดในประวัติศาสตร์ เป็นเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ..

สำนักข่าวบีบีซีรายงานเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ว่า บริษัทน้ำมัน บีพี สัญชาติอังกฤษ ตกลงจ่ายค่าชดเชยผลกระทบจากเหตุน้ำมันรั่วไหลสู่อ่าวเม็กซิโก หลังแท่นขุดเจาะระเบิดและจมลง จนส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศน์ครั้งเลวร้ายสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ เป็นเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 648,221 ล้านบาท โดยจะนำเงินทั้งหมดเข้ากองทุนพิเศษเพื่อผู้ประสบภัย และจะระงับจ่ายเงินปันผลให้กับบรรดาผู้ถือหุ้นในปีนี้

สำหรับผู้ดูแลจัดการค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้ เป็นหน้าที่ของ เคนเนตธ์ ไฟน์เบิร์ก นักกฎหมายมืออาชีพ ผู้เคยทำหน้าที่จัดการกองทุนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุวินาศกรรม 9/11 เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ปี 2544 มาแล้ว

นอกจากนี้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ยังระบุว่า จะตั้งกองทุนพิเศษช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำมันรั่ว เป็นเงิน 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3,891 ล้านบาท ด้วยเช่นกัน

ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2553

ห้ามกินเกลือขุดจากแหลมฉบัง ชี้อันตรายถึงตาย​

นพ.ไพจิตร์ วราชิต​

สธ.เตือนอันตรายถึงตาย ห้ามชาวบ้านกินเกลือขุดจากบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง เหตุมีสารไซยาไนด์เจือปน แนะใครกินแล้วหัวใจเต้นผิดปกติให้รีบหาหมอ...

จากกรณีมีชาวบ้านเขตเทศบาลแหลมฉบัง จ.ชลบุรี พบเกลือทะเลสีขาวใสจำนวนมาก บริเวณพื้นที่การท่าเรือแหลมฉบังดูดน้ำทะเลขึ้นมาเพื่อขยายพื้นที่ โดยเกลือที่พบนี้จะจมอยู่โคลนลึก ต้องใช้มือหรือภาชนะโกยขึ้นมา และใช้ตะแกรงร่อนให้โคลนหลุดจึงเห็นเกลือสีขาวใส มีประชาชนแห่ไปขุดเป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปขายหรือบริโภคนั้น

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า จากผลการตรวจวิเคราะห์ในห้องแล็บพบสารไซยาไนด์ จึงได้ห้ามประชาชนเข้าไปขุด ห้ามนำไปขายหรือบริโภคเพราะจะเกิดอันตราย และส่งข้อมูลให้กรมอนามัยเข้าไปตรวจสอบแล้ว

ทั้งนี้ สารคล้ายเกลือที่พบมีสารไซยาไนด์ปนเปื้อนมีอันตรายมากหากนำไปบริโภค เนื่องจากสารไซยาไนด์เมื่อกินเข้าไปจะไปจับกับเม็ดฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง จะทำให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายขาดออกซิเจน โดยเฉพาะสมอง ซึ่งไวต่อการขาดออกซิเจนอยู่แล้ว ทำให้เสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม สั่งให้กรมอนามัยและสำนักงานสาธารณสุข จ.ชลบุรี เข้าไปตรวจสอบให้ชัดเจน และเร่งประชาสัมพันธ์เตือนประชาชนไม่ให้นำสารที่คล้ายเกลือแกงไปบริโภคอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งส่งตัวอย่างเกลือตรวจการปนเปื้อนของโลหะหนักอื่นเพิ่มเติมอีก คาดจะทราบผลภายใน 10 วัน

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่า สำหรับประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ และได้บริโภคเกลือนี้เข้าไปแล้ว หากมีอาการผิดปกติ เช่น หัวใจเต้นผิดปกติ มีอาการมึนงง อ่อนเพลีย หน้ามืด วิงเวียน ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที และแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยว่ากินเกลือที่พบบริเวณชายหาดบางละมุงเข้าไป และเพื่อความปลอดภัยให้ใช้เกลือแกงปรุงอาหาร

ด้าน นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ นายแพทย์สาธารณสุข จ.ชลบุรี กล่าวว่า ผลจากการตรวจสอบสารคล้ายเกลือที่พบครั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้งดบริโภคอย่างเด็ดขาด โดยสำนักงานสาธารณสุข จ.ชลบุรีได้นำตัวอย่างเกลือดังกล่าวส่งตรวจที่กรมอนามัย ผลการตรวจเบื้องต้นพบไซยาไนด์ปริมาณ 0.021 มิลลิกรัม/ลิตร หากบริโภคเข้าไปสารดังกล่าวจะเข้าไปสะสมในกระแสเลือดโดยหากพบสารไซยาไนด์ในปริมาณ 0.05 มิลลิกรัม/ลิตร ถือว่าเป็นอันตรายต่อร่างกาย ได้ประสานกับเทศบาลและกรมควบคุมมลพิษเก็บเกลือดังกล่าวนำไปทำลายแล้ว และห้ามไม่ให้ประชาชนนำมาใช้ประกอบอาหาร หรือใช้แช่ปลาหรือใช้แช่ในถังไอศครีมเพื่อรักษาความเย็นอย่างเด็ดขาด

ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2553

ที่มาhttp://www.thairath.co.th

 

แมลงเต็มร่างสาว ไชออกจากตัว กลัวผัวกับลูกเป็น​

​

​

​

พบอีกคนมีแมลงไชออกจากตัว คราวนี้เป็นสาวชาวชุมพร ที่ผ่านมาคิดว่าเป็นโรคคันมีตุ่มพองทั่วร่าง แต่กลายเป็นพบไข่ตัวแมลงก่อนไชออกจากผิวหนังบินออกมาจำนวนมากในเวลากลางคืนจนเจ็บทรมานนอนไม่หลับ ไปพบแพทย์ที่คลินิกบอกว่าเป็นตัวโลน กินยาก็ไม่หาย วอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ ขณะที่ผัวกับลูกเริ่มมีอาการคัน...

เหตุการณ์สาวมีแมลงอยู่ในตัวรายนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 7 ต.วังใหม่ อ.เมืองชุมพร หลังทราบว่ามีคนป่วยเป็นโรคประหลาด เมื่อไปถึงพบนางสุดใจ บุตรพรม อายุ 31 ปี มีตุ่มผุพองทั่วร่างกาย และมีไข่แตกเป็นตัวแมลงบินออกมา นางสุดใจกล่าวว่า ตนและ นายสุพรรณ สัญญา อายุ 25 ปี สามี ประกอบอาชีพทำสวน และพบความผิดปกติตามแขน ขา และศีรษะ มีตุ่มแดงเล็กๆ และแผลพุพองแตกผุดขึ้นจำนวนมาก พร้อมกับนำตัวอย่างของไข่และตัวแมลงเล็กๆ ที่เก็บใส่ถุงไว้ให้ผู้สื่อข่าวดู

นางสุดใจเล่าต่อว่า อาการของโรคประหลาดเพิ่งจะเป็นได้ 1 สัปดาห์ ตอนแรกคิดว่าเป็นตุ่มคัน แต่ต่อมาแดงนูนขึ้นและมีไข่เล็กๆผุดขึ้นมาจนเห็นชัดจากนั้นก็จะแตกกลายเป็นตัวแมลงเล็ก ๆ คล้ายตัวพยาธิ แมลงหวี่ เห็บ ตัวไร บินออกไปจากตุ่มที่แตกเป็นแผล โดยไข่ที่ผุดออกมาจากตุ่มแล้วกลายเป็นแมลงมักจะเกิดขึ้นช่วงตอนกลางคืน ทำให้ทรมานมาก ไม่สามารถนอนหลับได้สนิท

สาวชาวชุมพร กล่าวต่อไปว่า ได้เก็บตัวอย่างแมลงที่แตกออกจากไข่ไปรักษาที่คลินิกแห่งหนึ่ง หมอตรวจดูอาการและดูตัวแมลงแล้วบอกว่า น่าจะเป็นตัวโลน พร้อมกับฉีดยาและให้ยาฆ่าเชื้อทั้งชนิดทาและรับประทาน แต่อาการไม่ดีขึ้นยังมีไข่และตัวแมลงบินออกมาจากตุ่มตามผิวหนังอยู่ตลอด

ตัวแมลงดังกล่าวอาจจะเกิดจากที่นอนใยมะพร้าวที่ตนซื้อมานอนกว่า 7 ปีแล้ว จึงไปซื้อยาฆ่าเห็บมาใช้ทาตามร่างกายและฉีดพ่นไปทั่วบ้านและเอาที่นอนไปทิ้ง แต่ก็ยังมีไข่และแมลงบินออกมากตุ่มที่ผิวหนังมากกว่าเดิม และยังพบว่า นายสุพรรณสามีและลูกสาวอีกคนก็เริ่มมีอาการเป็นโรคประหลาดด้วย กระทั่งมาเห็นในข่าวมีคนเป็นโรคประหลาดเหมือนกัน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ

นางมะลิวัลย์ นิลสังข์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132 / 3 หมู่ 5 ต.วังใหม่ อ.เมืองชุมพร เพื่อนบ้านของนางสุดใจ กล่าวว่า เมื่อทราบข่าวในช่วงแรกๆ ก็ไปดูและเห็นกับตาว่าตามผิวหนังของนางสุดใจมีตุ่มเล็กๆ ผุดขึ้นมาและมีตัวแมลงตัวเล็กบินออกมาจริงๆ เกิดมายังไม่เคยเห็นโรคประหลาดเช่นนี้มาก่อน ในขณะที่เพื่อนบ้านจำนวนมากเมื่อทราบข่าวต่างก็พากันเดินทางไปดูและให้กำลังใจนางสุดใจตลอดเวลา

ไทยรัฐออนไลน์ วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

<table id="post3436841" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> วันนี้, 10:41 AM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #5 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->k.kwan<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_3436841", true); </script>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Nov 2007
ข้อความ: 7,547
Groans: 29
Groaned at 132 Times in 121 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 49,467
ได้รับอนุโมทนา 17,304 ครั้ง ใน 5,609 โพส
พลังการให้คะแนน: 1431


</td> <td class="alt1" id="td_post_3436841" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->ฝูงปลาลอยตาย เกลื่อนทะเลที่ระนอง
21 พ.ค. 2553, 13:50:42
- RT @bkk001 15 พ.ค.ข่าวไม่เป็นทางการ ปลาตายจำนวนมากที่ทะเลระนอง นัีกทดสอบสมุทรศาสตร์ตรวจสอบอุณหภูมิน้ำเพิ่ม อาจมีภูเขาไฟใต้ทะเล
- RT @news1005fm ชาวมอแกนพบกระแสน้ำด้านล่างมีอุณหภูมิสูงขึ้นจนลงดำน้ำไม่ได้ เชื่อเป็นลางบอกเหตุร้ายว่าอาจเกิดพิบัติภัยเร็วนี้
- รอยเลื่อนระนอง+คลองมะรุ่ย// @pomramida >คอนเฟิร์มข่าวค่ะส่วนเรื่องน้ำร้อนขึ้นและมีฟองอากาศผุดรอผลตรวจสอบค่ะ แนวนั้นมีรอยเลื่อน
- ขอบคุณครับ // RT @ExcitedKrub เห็นจากพันธุ์ทิพย์อ่ะคับ PANTIP.COM : X9256231 ทะเลระนองปลาตายเกลื่อน
- ดร.อานนท์ ปี49บอกว่ามีภูเขาไฟใต้ทะเล4ลูกเกาะภูเก็ต แต่อธิบดีกรมทรัพย์เถียงว่าแค่ภูเขาโคลน --ปี53 เชื่อมอแกนดีกว่า^-^
- หมู่เกาะสุรินทร์ครับ สังเกตคนมอแกน - ทะเลระนอง สังเกตปลา //@AQUABIZMAG ที่ ระนอง? ชาวมอแกนดำน้ำไม่ได้
ที่มา...top10thai
ต่อท้าย #1 21 พ.ค. 2553, 12:51:43
15 พค. 2553 15:57 น.

นายการิม วิชัย ชาวประมงพื้นบ้าน ม. 3 บ้านหินช้าง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง เปิดเผยว่า ชาวประมงพื้นบ้านได้พบเห็นเหตุปรากฏการณ์ฟองอากาศที่ผุดขึ้นมาเป็นแนว ยาวกลางทะเลอันดามัน พร้อมกับปรากฏการณ์ปลาลอยตายเกลื่อนกลางทะเล เป็นจำนวนมาก และตายต่อเนื่องมานับ 10 วัน รวมถึงคำบอกเล่าเหตุการณ์จากชาวมอแกนที่หาปลาด้วยการดำน้ำลึก พบว่ากระแสน้ำด้านล่างมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นจนไม่สามารถลงไปดำน้ำได้ในขณะนี้ จนเกิดความเชื่อว่า จะเป็นลางบอกเหตุร้ายเกี่ยวกับพิบัติภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
“ปลาที่ตายพบว่ามีหลายชนิดลอยตายขึ้นมาเหนือผิวน้ำตลอดเวลา อาทิปลาจวด ปลาเขี้ยวแดง ปลาดุกทะเล ปลากดทะเล ปลากะพง ปลาทราย ซึ่งผมเองเคยเจอด้วยตัวเองเมื่อ 4-5 วัน ที่ผ่านมาขณะนำเรืออกหาปลา พบมีก๊าซลอยพุ่งขึ้นมาเหนือผิวน้ำ พร้อมกับมีเสียงดังคล้ายกับใครโยนหินร้อนลงไปในน้ำ ซึ่งจุดที่เกิดเหตุจะเป็นแนวยาวกว่า 500 เมตร โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นประมาณ 5 นาที หลังจากฟองก๊าซหายไปปรากฏว่ามีฝูงปลาขนาดใหญ่โผล่ลอยตายขึ้นมา เมื่อเห็นดังนั้นก็รีบนำเรือกลับเข้าฝั่งทันที เพราะกลัวว่าจะเกิดแผ่นดินไหว หรือสึนามิ ”
นายการิม กล่าวว่า ทำอาชีพประมงมากกว่า 40 ปี ไม่เคยเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ผิดปกติอย่างมาก และอยากจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบอย่างเร่งด่วน

อ้างอิง...http://www.pantip.com/cafe/wahkor/to.../X9256231.html

<table id="wpcpric" width="100%"><tbody><tr><td style="white-space: nowrap;">
</td><td width="100%" align="right">
</td></tr></tbody></table>


จุ๋ง 21 พ.ค. 2553, 12:55:26

เห็นมากับตาครับ เพราะทำงานอยู่แถวนั้น
ทุกวันมีปลาตายลอยน้ำมามากผิดปกติ
ตอนแรกคิดว่ามีใครระเบิดปลา หรือปล่อยน้ำเสีย
ตอนนี้คิดว่าเป็นลอยแยกใต้ทะเลครับ
เพราะระนองมีรอยแยกของชั้นหินลึก มีบ่อน้ำร้อนมากมาย และมีภูเขาไฟที่ดับไปแล้วด้วย








http://guru.google.co.th/guru/thread...84537e15b63892
</td></tr></tbody></table>

 

ยืมเขามาใช้ครับสวยดี

 

ขนาดยังไม่ตาย แมลงยังไชออกมาจากร่างกาย ร่างกายนี่มันซากศพเดินได้จิงๆนะเอย