ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

สลาย​

 

มันจะเกิดขึ้นตามที่ฝันเห็น...​

​

​

​

​

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">
<TABLE class=tborder id=post567126 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ปกรณ์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_567126", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 12:01 PM
วันที่สมัคร: Nov 2004
ข้อความ: 210 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 455 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 1,631 ครั้ง ใน 157 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 216



</TD><TD class=alt1 id=td_post_567126 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ผมมีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟัง เมื่อเช้าวันที่ 7 พค.2550 เวลาประมาณ03.50น. ผมฝันว่า

"ตัวเองกำลังยืนอยู่บนสะพานลอยเชื่อมระหว่างอาคาร (ไม่แน่ใจว่าเป็นห้างสรรพสินค้า โรงแรม หรือมหาวิทยาลัย) ตอนนั้นคิดว่าสะพานก็สูงเราก็เจ็บเข่าจะลงได้อย่างไร ระหว่างนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวทำให้สะพานลอยเอียงเทไปยังอาคารฝั่งตรงข้าม ผมตัดสินใจวิ่งและกระโดดไปยังอาคารนั้น โชคดีที่รอด พร้อมกับช่วยฉุดผู้หญิงอีกสองคนขึ้นมาจากสะพานได้ จากนั้นสะพานก็หล่นลงพื้นเบื้องล่าง ไม่เห็นผู้เสียชีวิต แต่รู้สึกได้ว่าคงตายกันมาก

จากนั้น ภาพก็ตัดมาที่ ผมกับครอบครัวทานอาหารกลางแจ้ง ใกล้ๆกันมีคนจับกลุ่มคุยกันถือเรื่องดังกล่าว แล้วภาพก็ตัดมาที่ พวกเรากับกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังนั่งอยู่กลางลานซึ่งมีอาคารอยู่ใกล้ๆประมาณสองอาคาร ในฝันก็คิดอยู่ว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ทำไมจึงมีคนกล้าที่จะอาศัยบนอาคารดังกล่าวอีก
สักพักก็เกิดแผ่นดินไหวอีก คราวนี้เห็นเศษกระจก เศษอาคาร ร่วงลงมาแต่อาคารไม่ถล่ม ส่วนบริเวณลานที่ผมอยู่ ต้นไม้ใหญ่ก็ล้มลง ต่างคนต่างหลบกันจ้าละหวั่น พร้อมๆ กันนั้นบนท้องฟ้าเกิดพายุและเมฆก่อตัวสีดำคล้ายกับที่เกิดพายุเมื่อเย็นวันที่ เมษายน 2550 แต่ในฝันเกิดขึ้นเร็วและรุนแรงกว่ามาก เท่านั้นไม่พอ ผมเห็นน้ำไม่ทราบมาจากไหนไหลบ่าเข้ามาเหมือนซึนามิ เต็มไปหนด พวกเราวิ่งขึ้นบนอาคารที่อยู่บริเวณนั้น มองจากอาคารลงมาน้ำเวิ้งว้างเต็มไปหมด โชคดีที่รอดอีกครั้ง

จากนั้นภาพตัดมาที่ ผมกับผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังอยู่บนยานพาหนะที่ใหญ่แต่เก่าวิ่งไปบนน้ำ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นเรือหรือรถโดยสารขนาดใหญ่ที่วิ่งบนถนนที่น้ำท่วม ความรู้สึกขณะนั้นคือรู้สึกว่ามีความอัตคัดมาก ลำบากมาก แต่ละคนนุ่งห่มเสื้อผ้าที่เก่าและไม่ได้ซักกันเลย ความรู้สึกในขณะนั้นบอกว่ากำลังอยู่ในท้องที่อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น (เป็นความฝันที่ละเอียดมาก)

จากนั้นภาพตัดมาที่ อาคารแห่งหนึ่งน่าจะเป็นอาคารสนามบินในต่างจังหวัด ผู้คนวุ่นวายไปหมด ผมก็โทรศัพท์หาเพื่อนคนหนึ่งเพื่อสอบถามและเตือน ปรากฎว่าในฝันเพื่อนไม่เชื่อแถมพูดทำนองเราตื่นตูมเกินเหตุ ช่วงนั้นก็มีเสียงของเด็กหนุ่มสองคน(นั่งตรงพื้นพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าหนึ่งใบ)พูดกับผมว่า นี่แม่กับน้องชายผม พร้อมกับยื่นหนังมือมนุษย์ที่น่าจะลอกจากคนตายส่งให้ผม เป็นนัยว่าเค้าคือผู้สูญเสียและเหตุการณ์ที่เกิดนี้ของจริง แล้วเค้าก็พูดว่า ใครที่ไม่เชื่อก็ต้องปล่อยเค้าไป
ผมก็ถามเค้าว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อใช่มั้ย เค้าทำหน้างง และพยักหน้าสรุปคือใช่ "

จากนั้นผมก็ตื่นทันที ความฝันนี้มีรายละเอียดเยอะมาก ชัดเจน และมีลำดับขั้นตอน ผมก็นึกทบทวนว่าเป็นเพราะเราคิดอะไรมากไปหรือเปล่า ทำไมฝันอย่างนี้ และคิดว่าหากเกิดเหตุจริงจะทำอย่างไร ซึ่งผมก็ได้จดบันทึกไว้สามหน้ากระดาษ(กระดาษโน๊ต)

ก็ถือว่าเป็นเรื่องเล่าให้ฟังเล่นๆ และขออย่าให้เกิดจริงเลย มันน่ากลัวมากครับและตอนนี้รู้สึกสบายใจแล้วที่ได้เล่าให้คนอื่นฟัง

<!-- / edit note -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

</B></TD></TR></TBODY></TABLE>
มันจะเกิดขึ้นตามที่ฝันเห็น...
นี่คือ ผลจาก "ความตั้งใจ และทำได้จริง" ...คือ สัจจะ.... คือ สัญญาใจตนเอง
"สัจจะ" จะบอก...จะเตือนเราก่อนเสมอ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
<!-- / message -->

ที่มา http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=79471&page=5​

</B>

 

** สัจจะ เตือนสึนามิ ทางอ่าวไทย **​

​

เมื่อ...เปลือกโลกขยับรุนแรง...เกาะบางเกาะ จะจมหายลงไปในทะเล...
เกาะ ที่อยู่ตามหน้าผา ที่ขอบเปลือกโลก...ทางตะวันออก ถึงตะวันออกเฉียงใต้ของไทย จะเกิดคลื่นใหญ่พุ่งเข้า...อ่าวไทย ​

แต่...ความตื้นของอ่าวไทย (ดูในแผนที่) จะส่งผลรุนแรง
คลื่น...จะสูงขึ้นอย่างมาก...
กลายเป็น "คลื่นสึนามิยักษ์"​

"สัจจะ" มาเตือนแล้ว !!!!!!!
จะเชื่อสัจจะ ...หรือ....จะเชื่อนักวิชาการ !!!!!!!​

- " หนุมาน ผู้นำสาร "​

ที่มา http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=78718&page=3<!-- / message -->​

 

*** สัจจะ ไม่ใช่ลัทธิ ****

เพื่อมิให้เราเข้าใจผิดกันว่า...."สัจจะ คือ ลัทธิ" !!!!!!!
ขอให้ศึกษา...ข้อมูล
ข้อความที่ข้าพระพุทธเจ้า....ได้นำมาบันทึกไว้ใน Website แห่งนี้
ที่เป็นเรื่องราว...แก่นสาร แก่นคำสอน....ของพระพทธเจ้า ครั้งสมัยพุทธกาล

"สัจจะ" คือ ผู้นำเที่ยง....คือ การปฏิบัติตาม "หลักสัจจะธรรม"
"หลักสัจจะธรรม"... คือ หลักที่สูงสุด....
กฎแห่งกรรม จะอยู่เหนือ หลักสัจจะธรรมไม่ได้ !!!!!!!

-" หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เข้าใจดีครับ คุณหนุมาน ผู้นำสาร เพราะพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ล้วนเคารพใน"หลักสัจจะธรรม"ทั้งสิ้น

๑. บาลี ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๓๗/๙๙. ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย

ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคตแสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย ก็แสดงด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่หละหลวม. เมื่อแสดงแก่ภิกษุณีทั้งหลาย ก็แสดงด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่หละหลวม. เมื่อแสดงแก่อุบาสกทั้งหลาย ก็แสดงด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่หละหลวม. เมื่อแสดงแก่อุบาสิกาทั้งหลาย ก็แสดงด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่หละหลวม. แม้ที่สุดแต่เมื่อแสดงแก่ปุถุชนชั้นต่ำทั่วไปเช่นแก่คนขอทานหรือพวกพรานทั้งหลาย ก็ย่อมแสดงด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งไม่หละหลวมเลย.

เพราะเหตุไรเล่า? ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุว่า ตถาคตเป็นผู้หนักในธรรม เป็นผู้เคารพต่อธรรม ดังนี้.

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=10 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD height=70>

คำทำนายของ อ.ปริญญา ตันสกุล

รายละเอียดของมหันตภัยที่จะเกิดขึ้น​

สถานที่แห่งแรกในประเทศไทย
ที่จะได้เผชิญกับลาวาร้อนจากไฟใต้โลก
จะเกิดขึ้นจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดแรกในภาคอีสาน
ตามรอยต่อของจังหวัดที่ติดกันเป็นแนวยาว
เริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นแนวแยกของแผ่นดินคดเคี้ยว
ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ธารโลหะร้อนจะไหลลามแผ่ออกไปเป็นบริเวณกว้าง
ข้ามวันข้ามคืนติดต่อกัน
จากนั้นพายุที่รุนแรงจะนำน้ำมาดับไฟ
ก่อให้เกิดนำท่วมและโรคร้ายที่จะระบาดอย่างรุนแรง
จนสุดที่จะเยียวยาได้
โดยเฉพาะอหิวาตกโรคสายพันธุ์ใหม่
ที่มนุษย์เชื่อว่าได้กำจัดมันจนหมดไปจากโลกนี้แล้ว
แต่หารู้ไม่ว่ามันกำลังฟักตัว
และจะมีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าตอนที่ถูกมนุษย์ปราบมันไปตอนนั้นเสียอีก
ซึ่งมันสามารถคร่าชีวิตผู้รับเชื้อได้ในระยะเวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น​

ที่มา http://www.talaythai.com/webboard/archive/index.php/t-691.html​

​

ชาวบ้านบุรีรัมย์พบเปลวไฟเชื่อลาวาภูเขาไฟปะทุกลางละหานทราย ​

</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ededed>13 เม.ย 2550 เวลา21:00 น. พ.ต.อ.เปรื่อง นาคะพงษ์ ผกก.สภอ.เมืองบุรีรัมย์ รับแจ้งจากนายวิทยา บุญเต็ม อายุ 20 ปี ชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งนำก้อนหินคล้ายลาวามอบให้และเล่าว่า เมื่อคืนขี่รถจักรยานยนต์ผ่านบริเวณป่าข้างทาง กม.1-2 ถ.ละหานทราย - เฉลิมพระเกียรติ บ.โนนสง่า ม.2 ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ พบว่าข้างทางมีเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นจากพื้นดินเป็นสีเขียวแดง รุ่งเช้าขี่กลับมาและได้แวะดูพบเป็นก้อนหินไหลเป็นทางลงแอ่งน้ำข้างทาง จึงเรียกเพื่อนบ้านมาดูและพากันเชื่อว่าน่าจะเป็นหินลาวาพุ่งขึ้นจากใต้ดินและอาจจะนำโชคมาให้ก่อนมาแจ้งตำรวจ ด้าน ดต.สมเกียรติ ปาประโคน ผบ.หมู่งานสืบสวน สภอ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่งที่เห็นเล่าว่า ตนขี่จักรยานยนต์มาเข้าเวรฯ พบเห็นเปลวไฟพุ่งขึ้นมาเกรงจะเป็นพวกรังสีที่เป็นอันตรายจึงได้เตือนชาวบ้านอย่าเข้าใกล้จนรุ่งเช้าได้แจ้งให้ผู้กำกับทราบ ด้าน พ.ต.อ.เปรื่อง นาคะพงษ์ ผกก.สภอ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ นำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมากพากันลงขุดเอาดินและหินลาวา จึงให้เจ้าหน้าที่นำเชือกมาล้อมรอบเพราะเกรงจะเป็นอันตรายและห้ามชาวบ้านไม่ให้ขุดโดยเด็ดขาด ได้รายงานให้ พล.ต.ต.ชินทัต มีศุข ผบก.ภ.จ.บุรีรัมย์ทราบ และได้แจ้งไปที่สำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เขต 2 จ.นครราชสีมา และกองธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี กรุงเทพฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้กันฝูงชนไว้เชื่อว่าน่าจะเป็นลาวาใต้พื้นโลกที่เริ่มระอุและอาจจะปะทุขึ้นมาเมื่อใดก็ได้เพราะเขตอ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ อยู่ห่างจากอุทยานปราสาทเขาพนมรุ้งเพียง 20 กิโลเมตร และเขาอังคารซึ่งเป็นปล่องภูเขาไฟในอดีต เพียง 10 กิโลเมตร พื้นที่โดยทั่วไปในจ.บุรีรัมย์จะมีภูเขาไฟอยู่จำนวนมาก แต่ชาวบ้านต่างพากันแอบนำหินลาวาไปเชื่อว่าจะให้โชคลาภ ทางเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพย์ฯจะได้เร่งเข้ามาตรวจสอบทั้งขอร้องชาวบ้านอย่าเข้าไปใกล้และอย่านำหินที่พบกลับไปเพราะเกรงจะเกิดอันตราย

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ที่มา http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=79805​

 

หลวงปู่เทพโลกอุดรเตือนภัย
โดยพุทธญาณ​

​

**หลวงปู่เทพโลกอุดร-เตือนภัย**....บ้านเมืองวุ่นวายหนัก !!..ถึงขั้นนองเลือด เพราะวิบากกรรมฆ่า"ไก่"......

หลวงปู่เทพโลกอุดร-เตือน ระวังนองเลือดหลังเลือกตั้ง...( 6 ก.พ.48)

ชี้วิบากกรรมหนัก ต้องชดใช้กรรม ที่ฆ่าไก่หลายสิบล้านตัว แรงอาฆาตส่งความรุนแรงทั่วประเทศ ต้องแก้เคล็ด ภาคใต้เจอกรรมตามซ้ำ ซัดเศรษฐกิจร่วม เหนือแผ่นดินไหว โจรก่อการร้ายมีอำนาจ สร้างเครือข่ายคลุมทั่วโลก !!!

จากเหตุการณ์สึนามิ ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ที่ประสบภัยธรรมชาติ เป็นจำนวนมาก จน ณ เวลานี้ ก็ยังไม่มีใครลืมภาพอันโหดร้ายนั้นได้ และมีการเตือนเหตุการณ์ที่จะเกิดต่อจากสึนามิมากมาย ทั้งจากญาณวิเศษของพรหม เทพ และการปรากฏกายให้เห็นของพระเถระ ผู้บรรลุอรหันต์ แต่ยังคอยปกปักดูแลประเทศชาติ เมื่อเกิดภัยพิบัติ อันจะทำลายเผ่าพันธุ์มวลมนุษยชาติ เมื่อถึงเวลานั้น ท่านจะออกมาเตือน โดยผ่านลูกศิษย์ที่สั่งสมบุญบารมีมาร่วมกับท่าน.....

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2548 อาจารย์บุญหนา ได้รับคำบัญชาจากหลวงพ่อปู่เทพโลกอุดร ให้แจ้งข่าวไปยังสานุศิษย์ว่า หลังจากการเลือกตั้งแล้ว (6 ก.พ.48) จะเกิดความวุ่นวายทางการเมืองถึงขั้นนองเลือด เพราะเหตุจากวิบากกรรม ที่ทางราชการสั่งการที่ฆ่าเป็ดไก่ เป็นจำนวนมาก วิญญาณเป็ดไก่เหล่านั้น จึงอาฆาตพยาบาทอย่างยิ่ง เพราะถูกมนุษย์เหยียดหยาม ฆ่าทั้งเป็น ฝังทั้งเป็น แรงพยาบาททำให้เกิดเหตุการณ์ทวีความรุนแรง ขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นทางการเมือง เศรษฐกิจ จนไม่สามารถหยุดยั้งได้ ถ้าไม่ทำพิธีแก้เคล็ด.....อาจารย์บุญหนา แนะวิธีแก้เคล็ดว่า ให้ผู้บริหารประเทศหล่อรูปไก่แจ้ ด้วยทองสำริด จากนั้นประกอบพิธีพราหมณ์บวงสรวงขออโหสิกรรมแก่วิญญาณไก่เป็ด ที่ถูกฆ่าตายและเลี้ยงพระ 9 รูป อุทิศส่วนกุศลให้ด้วย ทั้งให้สานุศิษย์ของหลวงปู่เทพโลกอุดร ร่วมใจทำกุศลร่วมครั้งนี้โดยด่วน เพื่อความปลอดภัยของประเทศชาติ.....

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 31 ธัวาคม 2547 หลวงพ่อปู่เทพโลกอุดร ได้เตือนผ่านทางหมอโสรัจจะ นวลอยู่ ว่าในเดือนมีนาคม 2548 จะสูญเสียคนสำคัญของประเทศ ข้าราชการต้องถูกปลดออกจากงานเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่ เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงทางภาคเหนือ เหล่ามิจฉาชีพ อันธพาลก่อเหตุไม่เว้นแต่ละวัน โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย บ้านเมืองเกิดคดีข่มขืน จี้ ปล้น ลักพาตัว ระบาดไปทั่วประเทศ ส่วนทางภาคใต้ ทหารไทยและทหารมาเลเซีย จะร่วมมือกันโจมตีผู้ก่อการร้ายโดยวิธีรุนแรง ใช้การบุกหนักและรบกันอย่างยืดเยื้อ.....จากคำเตือนนี้ แม้ว่าผู้ที่เตือน จะปรากฏกายให้เห็นในร่างที่ไม่ซ้ำกัน แต่ท่านก็เป็นพระเถระ ที่ชนรุ่นหลังนับถือเรื่อยมา หากใครเชื่อก็ปฏิบัติตามพร้อมทั้งระวังภัยที่ท่านเตือน หากใครไม่เชื่อ ก็ให้นำคำเตือนของท่านมาคิดควบรวมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน.......

ผู้แสดงความคิดเห็น พุทธญาณ ( buddhayan@hotmail.com ) วันที่ 15-07-2005 16:12:03
ที่มา http://www.buddha-dhamma.com/index.p...age=1&No=67655

หมายเหตุ

เหตุการณ์ที่หลวงปู่เทพโลกอุดร ได้เตือนเอาไว้ในปี 2548 ยังไม่เกิดขึ้นเพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยชลอ วิบากกรรมของประเทศเอาไว้ แต่จากการที่คุณคณานันท์ได้รับข่าวสารมาใหม่ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้เริ่มถอนการคุ้มครองประเทศออกไปมากแล้ว และทางพระใหญ่ก็ได้เตือนมาอีกว่าหมดเวลาของคนชั่วที่จะกลับตัว กลับใจแล้ว ทุกอย่างจะต้องดำเนินไปตามวิบากกรรมของประเทศ เหตุการณ์ที่หลวงปู่เทพโลกอุดรได้เตือนเอาไว้ จึงมีโอกาสที่จะกลับมาเกิดขึ้นอีกได้ในอนาคตอันใกล้นี้​

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom background=images/brkn_red_midtop.gif>ประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2550

<!----></TD><TD width=8></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=1 bgColor=#000000></TD><TD bgColor=#dddddd><!-- CONTENT --><TABLE height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width="85%">
<!--<TABLE width=501 cellpadding=0 cellspacing=0 align=center border=0>--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><!--<TD width=1 bgcolor="#000000"></TD>--><TD width=468 bgColor=#dddddd>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=10 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD height=70>ผู้นำอิหร่านเผยจะตอบโต้ถ้าถูกสหรัฐเล่นงานก่อน </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ededed>22:37 น. ประธานาธิบดีมาห์มุด อาห์มาดีเนจ๊าด ของอิหร่าน ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นเวลา 2 วัน กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า อิหร่านจะตอบโต้สหรัฐ ถ้าเปิดฉากโจมตีอิหร่านก่อน อันเป็นการตอบโต้ความเห็นที่แข็งกร้าวเมื่อไม่นานมานี้ ของรองประธานาธิบดีดิ๊ก เชนีย์ของสหรัฐ ที่ว่า สหรัฐจะขัดขวางไม่ให้อิหร่านเข้าไปมีอิทธิพลครอบงำตะวันออกกลาง ผู้นำอิหร่าน ยังกล่าวด้วยว่า อิหร่านยอมเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนชาวอิรัก ที่จะพบสหรัฐในกรุงแบกแดด เพื่อหารือด้านความมั่นคงในอิรัก รองประธานาธิบดีเชนีย์ ได้กล่าวบนเครื่องบินขณะเดินทางไปยังอ่าวเปอร์เซียว่า สหรัฐและชาติพันธมิตรจะขัดขวางอิหร่าน ไม่ให้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ หรือมีอิทธิพลในภูมิภาค แต่แม้ว่าจะใช้วาจาแข็งกร้าวเข้าใส่กัน แต่ทั้งสหรัฐและอิหร่าน ต่างก็ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า ได้เห็นชอบร่วมกันที่จะร่วมหารือกันที่กรุงแบกแดด ในด้านความมั่นคงและเสถียรภาพของอิรัก
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD align=right width="65%" bgColor=#ededed></TD><TD align=right width="35%"> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=10 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>เนชั่นทันข่าว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">ผู้นำอิหร่านบุกเอมิเรตส์ ปลุกระดมต้านอเมริกา [15 พ.ค. 50 - 04:13]
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>เมื่อ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา นายมาห์มูด อาห์มาดิเนจาด ประธานาธิบดีอิหร่าน เดินทางเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยได้พบปะกับระดับผู้นำที่กรุงอาบูดาบี ก่อนเดินทางต่อไปยังเมืองดูไบ เพื่อกล่าวปราศรัยที่สนามกีฬาดูไบ ทั้งนี้ มีชาวอิหร่านราว 3,000 คน ทั้งชายและหญิงจากทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 400,000 คน ที่อาศัยอยู่ในเอมิเรตส์มาต้อนรับและให้กำลังใจนายอาห์มาดิเนจาด โดยเขาได้กล่าวโจมตีสหรัฐฯว่าเป็นจอมลวงโลกและหวังปล้นความมั่งคั่งจากตะวันออกกลาง
การเยือนเอมิเรตส์ของนายอาห์มาดิเนจาดครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำอิหร่านเยือนประเทศอาหรับที่แผ่อิทธิพลโดยมุสลิมสุหนี่ เป้าหมายของนายอาห์มาดิเนจาดคือต้องการให้เอมิเรตส์ โอมาน และประเทศอาหรับอื่นในอ่าวเปอร์เซียยุติการเป็นพันธมิตรทางทหารกับสหรัฐฯ และร่วมกับอิหร่านรักษาเสถียรภาพด้านพลังงานในภูมิภาค รายงานระบุ ก่อนหน้านั้นเพียงวันเดียว รองประธานาธิบดี ดิ๊ก เชนีย์ ของสหรัฐฯ ก็เพิ่งเดินทางมาเยือนเอมิเรตส์.


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

*** ไก่ ****

ไก่...คือ ชัญษาวัน....ของ โลกุตตระ
ที่อุบัติบนโลก....ในช่วงกึ่งกลางพุทธกาล...
เพื่อสานต่อ พุทธศาสนา ที่หักกลาง....ให้สืบทอดต่อไปจนครบห้าพันปี

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

รบกวนทุกท่านช่วยโทรไปที่คณะวิศว จุฬา ติดต่อท่านศ.ดร ปณิธาน ผู้คิดคลิปติดต้นเสากันตึกถล่มจากแผ่นดินไหว หรือโทร1111 ให้มีนโยบายติดทุกตึกคอนโดตั้งแต่สามชั้นขึ้นทั่วไทยครับ โทรวิศวะถาม1133 ครับสาธุ

 

พอทราบเรื่องก็แจ้งให้เพื่อนๆทราบ แต่ดูเหมือนว่าทุกคนไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งบอกเหตุนี้เลย ผมเลยต้องเงียบและจะไม่พูดเป็นการสาธารณะอีก เพราะถือว่าได้บอกแล้ว

เพื่อทราบข้อเท็จจริงที่ชัดขึ้นผมได้ติดต่อไปยังกรมทรัพยากรธรณี เจอเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งซึ่งไม่ยอมตอบคำถามและไม่ยอมบอกรายละเอียดใดๆ ตอบแต่เพียงว่าทราบข่าวดังกล่าวมาก่อนแล้ว
ผมเชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกรงว่าจะเกิดความแตกตื่นหรืออยู่ในระหว่างตรวจสอบจึงไม่สามารถชี้ชัดได้ (ในทางกลับกันหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นจะแก้ไม่ทัน และอพยพคนไม่ทัน)

หากพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ชาวบ้านให้ไว้(ตามหัวข้อข่าว)ที่เห็นเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นจากพื้นดินเป็นสีเขียวแดงนั้น ผมค้นข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวข้องว่า ธาตุใดบ้างก่อให้เกิดเปลวไฟสีเขียวและสีแดง บ้างเจอบางส่วนครับ
Red = Lithium chloride , strontium chloride
Green = Copper sulfate , Borax (Sodium borate)
อ้างอิงจาก http://www.sciencecompany.com/sci-exper/flamecolors.htm

ซึ่งหากเราทราบว่าธาตุที่ปนออกมากับลาวาส่วนใหญ่เป็นธาตุอะไร ตรงกับธาตุที่ผมค้นมาหรือไม่ ก็น่าจะเช็คได้ว่าเปลวไฟสีเขียวและแดงที่ชาวบ้านและดาบตำรวจท่านนั้นเห็นเป็นไฟจากลาวาหรือไม่ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ หากวิเคราะห์สีของเปลวไฟออก ก็น่าจะนำไปสู่คำตอบบางอย่างได้

 

โครงสร้างอาคาร ที่ปลอดภัยจากแผ่นดินไหว

+อะไรเกิดขึ้นที่เกาะสุมาตรา

นายสมศักดิ์ โพธิสัตย์ อธิบดี กรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่าการเกิด แผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตราเกิดขึ้น จากการที่แนวพื้นมหาสมุทรอินเดีย มุดลงใต้แกนทวีปเอเชียใต้ และมี แนวการมุดมาทางตะวันออกเฉียงเหนือ ทางเกาะสุมาตรา อันนี้เองทำให้ มีการสะสมของ พลังงาน เพราะ แผ่นดินของมหา สมุทรอินเดีย มุดลงใต้เกาะ สุมาตรา ในอัตรา ปีละ 3 ซม. ขึ้นอยู่ ว่าจะเป็นลักษณะ ไหน ถ้ามีการขยับไหลลงไปอย่าง ราบลื่น ก็ไม่เกิดการสะสมพลังงาน มากนัก แต่ถ้าขยับไหลลงไปไม่ค่อยได้ ก็จะมีการสะสมของพลังงาน และ ปล่อยออกมาในรูปของ Traveling wave สิ่งนี้แหละจะทำให้เกิดแผ่นดินไหว

+ กรุงเทพฯ มีโอกาสเกิดแผ่นดิน ไหวรุนแรงอย่างนี้หรือเปล่า?

นายสมศักดิ์ กล่าวว่าใต้พื้น กรุงเทพฯ เคยเป็นทะเลมาก่อน คือเมื่อ ประมาณ 6,000 ปีที่แล้ว กรุงเทพฯ เป็นทะเลยาวไปจนถึงสระบุรี นคร นายก และอยุธยา ซึ่งถ้าเคยไปเขาพระ พุทธฉาย จะมีพระพุทธรูปนอนอยู่ในถ้ำ และถ้ำนี้แหละเป็นถ้ำหินปูน ซึ่งถ้ำ หินปูนนี้จะเป็นหลักฐานได้อย่างดี ใน กรณีที่สันนิฐานว่าบริเวณนี้คือทะเล ดังนั้นชั้นดินของกรุงเทพฯ จึงเป็นดิน โคลนสีดำที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม ซึ่งก็คือดินโคลนที่เกิดใต้ท้องทะเล นั่นเอง ดังจะเห็นได้จากเวลาที่เจาะเสา เข็มสำหรับการก่อสร้างในเขตกรุงเทพฯ จะมีดินโคลนเละๆ สีดำขึ้นมาด้วย ซึ่งชั้นดินโคลนจะมีความหนาบางไม่ เท่ากัน บริเวณใกล้ๆ กับปากอ่าวจะมี ความหนาถึง 23 เมตร สิ่งนี้แหละจะ เป็นความเสี่ยงของการสร้างอาคาร หรือโครงสร้างขนาด ใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพ ในกรณีนี้จะมีความ สำคัญมากในทาง “ธรณีวิศวกรรม” เพราะเมื่อคลื่นแผ่นดิน ไหลวิ่งผ่านบริเวณชั้น ดินอ่อนมันจะขยายตัว ประมาณ 2–3 เท่า และ การขยายตัวของคลื่น แผ่นดินไหวนี้ จะต้องนำมาใช้ในการ ออกแบบในการก่อสร้าง ซึ่งจะเป็น การนำไปเพิ่มสัมประสิทธิ์ในการก่อสร้าง “แต่ขอเตือนไว้นิดหนึ่งนะครับ ว่าอย่า เพิ่งตื่นตระหนกจนเกินเหตุนัก เพราะ นักวิชาการเรารู้ว่าอะไรเป็นอะไร และ อีกอย่างก็คือ แผ่นดินไหวมันพยากรณ์ ไม่ได้ เพราะมันเป็นปรากฏการณ์ธรรม ชาติ ไม่มีรอบการเกิดที่แน่ชัด”

+ จะเกิดอะไรขึ้นกับตึกสูงใน กรุงเทพฯ (พังหรือไม่พัง) ?

ศ.ดร.ปณิธาน ลักคุณ ประสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดิน ไหว กล่าวว่า ตามความเห็นของ ผม ผมคิดว่าไม่มีใครตอบได้ว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหวนั้น ตึกจะพัง ลงมาหรือไม่ ส่วนคนที่ตอบได้ว่า ตึกจะพังหรือไม่พังนั้น ส่วนใหญ่จะเป็น การคาดเดากันเสียมากกว่า และถ้า มองลงไปในอดีตแล้วจะเห็นว่า มีอาคาร หลายแห่ง fail ต่อแผ่นดินไหวเร็วกว่า ที่คาดการณ์ไว้ และหลายแห่งก็ สามารถยืนอยู่ได้เมื่อเกิดแผ่นดินไหว ทั้งๆ ที่มีการออกแบบที่ไม่เพียงพอ ฉะนั้นสิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่วิศวกรต้องเอา ไปศึกษาและนำเอาไปใช้ประโยชน์ต่อไป ฉะนั้น ผมจึงตอบไม่ได้ว่ามันจะพัง หรือไม่พัง เพราะเราไม่ทราบแน่นอนว่า ลักษณะของการเกิดแผ่นดินไหวจะเกิด ขึ้นอย่างไร มีความรุนแรงเพียงใด? อย่างเช่น เหตุการณ์การเกิดแผ่นดิน ไหวที่ประเทศเม็กซิโก เมื่อปี ค.ศ.1985 เกิดแผ่นดินไหวในระดับ 8.1 หน่วยริค เตอร์ ซึ่งห่างจากกรุงเม็กซิโกซิตี้ 400 กิโลเมตร และศูนย์กลางของแผ่นดิน ไหวอยู่ห่างจากกรุงเม็กซิโกซิตี้ ขนาด นั้นจึงมีนักวิชาการกล่าวว่าน่าจะไม่มี ปัญหาต่อกรุงเม็กซิโกซิตี้ แต่ปรากฏว่า ผิดความคาดหมายไปหมด อาคารพัง ทะลายไปหมด มีคนตายนับหมื่นคน ด้วยเหตุที่ว่าพื้นดินของกรุงเม็กซิโกซิตี้ เป็นดินอ่อน ซึ่งคล้ายกับพื้นดินของ กรุงเทพ!

+ กรุงเทพฯ จะเกิดปัญหาอย่าง เม็กซิโกไหม !

ศ.ดร.ปณิธาน กล่าวอีกว่า ถ้าถามว่ากรุงเทพฯ จะเกิดปัญหา อย่างเม็กซิโกไหม ขอตอบว่ามี ถ้ามี แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ใกล้ๆ กรุงเทพ คือประมาณ 300-500 กม. เช่น แถวจังหวัดกาญจนบุรี และปัจจัยของ ดินที่อยู่ใต้พื้นกรุงเทพฯ ที่เป็นดินอ่อน และเมื่อนำ 2 องค์ประกอบมารวมกัน จะทำให้การก่อสร้างในกรุงเทพฯ ต้องคำนึงถึงเรื่องแผ่นดินไหวด้วย ถึงแม้ว่ากรุงเทพฯ จะไม่ใช่พื้นที่เสี่ยงภัย จากแผ่นดินไหวก็ตาม และอยากฝากให้ วิศวกรนำข้อคิดของ Prof.T.Y Lin ที่เขียน อุทิศไว้ในตำราของท่านไปเป็นแง่คิด ในการออก แบบสิ่งก่อสร้างต่างๆ ดังนี้
“To engineers who, rather than blindly following the codes of practice, seek to apply the laws of nature”

+ ส่วนไหนของอาคารที่แข็งแรงที่สุด เมื่อเกิดแผ่นดินไหว !!!

ผศ.ดร. สุรฉัตร สัมพันธารักษ์ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา จุฬาฯ กล่าวว่า ความแข็งแรงปลอดภัยของ อาคารต้องดูที่ฐานราก และถ้าพูดถึง ความแข็งแรงปลอดภัยของอาคาร เมื่อเกิดแผ่นดินไหวแล้ว จะเห็นว่า ส่วนที่ปลอดภัยและมีความเสียหาย น้อยที่สุด จะเป็นส่วนฐานรากของ อาคาร และส่วนที่ได้รับผลกระทบ จากแผ่นดินไหวมากที่สุดคือ ส่วนโครง สร้างของอาคารครับ แต่ถ้าจะให้พูด ถึงการสร้างแบบจำลองฐานรากขึ้น มาเพื่ออธิบายผลกระทบจากแผ่นดิน ไหวนี้ จะมีพารามิเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้อง มาก ที่เรายังไม่ทราบและไม่สามารถ คาดเดาได้ แต่ถ้าพูดถึงผลกระทบของ แผ่นดินไหวต่อกรุงเทพฯ นั้น ผมว่าไม่ ต้องกลัว เพราะความน่าจะเป็นที่จะ เกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงมีน้อยมาก และ ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างแน่นอน

+ จุดไหนของประเทศไทยที่เสี่ยงที่สุด และมีมาตรการทางกฎหมายรองรับ อย่างไร!!!

นายวัลลพ สุวรรณสุนทร ผอ.กองควบคุมอาคาร กทม. กล่าวว่า สำหรับกฎหมายตอนนี้ก็มี กฎกระทรวง ฉบับที่ 49 (พ.ศ. 2522) ซึ่งเป็นการ กำหนดแนวทางในการออกแบบอาคาร ต้านแผ่นดินไหว ว่าจะต้อง ใช้ Code อะไร อย่างไร ซึ่งออกโดยกรมโยธาธิ การ กระทรวงมหาดไทย แต่ในกฎกระ ทรวง ก็ไม่ได้บังคับว่า จะต้องมีการออก แบบตามกฎกระทรวงเท่านั้น โดยจะ เปิดโอกาสให้วิศวกร ผู้ปฏิบัติงาน สามารถใช้วิธีการอื่นก็ได้ ถ้ามีสถาบัน ที่น่าเชื่อถือรับรอง ซึ่งสถาบันที่น่า เชื่อถือนี้อาจจะเป็นหน่วยงานของทาง ราชการ, วสท., หรือนิติบุคคลที่มีวุฒิ วิศวกรเป็นที่ปรึกษา เป็นต้น กฎกระ ทรวงฉบับนี้ไม่ได้ครอบคลุมทั้งประเทศ ซึ่งกฎกระทรวงจะมีผล บังคับเฉพาะ 10 จังหวัดเท่านั้น คือ กาญจนบุรี เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน ซึ่งกฎกระทรวงฉบับนี้จะไม่รวม กรุงเทพฯ เพราะกรุงเทพฯ ยังไม่ได้ ประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย อันเนื่อง มาจากแผ่นดินไหวครับ แต่กฎ กระทรวงฉบับนี้ก็บังคับเจ้าพนักงาน ท้องถิ่นด้วยว่า เจ้าพนักงานท้องถิ่น มีสิทธิตรวจได้เฉพาะแบบเท่านั้น ไม่สามารถตรวจลึกลงไปในราย ละเอียดของหลักวิชาทางวิศวกรรมได้ ดังนั้นความรับผิดชอบทั้งหมด ต้องตก อยู่ที่วิศวกรผู้ออกแบบเท่านั้น!! และ ถ้าพูดถึงจุดที่มีความเสี่ยงต่อแผ่นดิน ไหวมากที่สุด น่าจะเป็นพื้นที่ภาคเหนือ และภาค ตะวันตก ซึ่ง กฎกระทรวงฯ จะเป็นวิธีการ อย่างหนึ่งที่จะ ทำให้ประชา ชนสามารถ อุ่นใจได้ว่า อาคารที่ออก แบบอย่างถูก ต้องตามกฎ กระทรวงจะสามารถทนต่อแผ่นดิน ไหวได้

+ ทางด่วนในกรุงเทพจะเป็นอย่างไร ถ้าเกิดแผ่นดินไหว !!

รศ.ดร.วันชัย กล่าวว่า สำหรับ ทางด่วนในกรุงเทพโดยเฉพาะระบบ ทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ค่อนข้างที่จะได้เปรียบเชิงกายภาพมากที่สุด เพราะสร้างบนถนนวิภาวดี-รังสิต ซึ่งเป็นบริเวณที่มีชั้นดินอ่อนบางที่สุด และใน Phase แรกของการสร้างทาง ด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ได้ใช้เข็มตอก ในขณะที่ Phase 2 ใช้เสาเข็มเจาะ ขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับระบบทางด่วน อื่นๆ ในกรุงเทพฯ ดังนั้นระบบฐานราก จึงค่อนข้างที่จะปลอดภัยมาก ส่วน ระบบทางด่วนที่มีความเสี่ยงที่สุด น่าจะ เป็นระบบทางด่วนสายบางนา–บาง ประกง โดยเฉพาะช่วยบริเวณ กม.ที่ 27–30 ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ที่มีชั้นดินอ่อน หนาที่สุดประมาณ 23 เมตร และที่ว่า น่ากลัวที่สุด เพราะว่า “คลื่นแผ่นดิน ไหวจะมีความรุนแรงหรือขยายตัว เพิ่มขึ้นประมาณ 2 – 3 เท่า ในชั้นดิน อ่อนนี้”แต่อย่างไรก็ตามระบบฐานราก ของระบบทางด่วนทุกสายในเขต กรุงเทพฯ ได้ออกแบบให้ต้านรับแผ่นดิน ไหวไว้ถึง 0.06 g. ซึ่งปลอดภัยเพียงพอ

+ ระบบอุโมงค์รถไฟฟ้าไต้ดินปลอดภัย แค่ไหน !!!.

รศ.ดร.วันชัย กล่าวต่ออีกว่า สำหรับอุโมงค์ รฟม. จะไม่ได้รับผล กระทบจากแผ่นดินไหวเลย เนื่องจาก อุโมงค์สร้างอยู่ในชั้นดินเหนียวแข็ง และ ระบบสาธารณูปโภคที่ได้รับผลกระทบ จากแผ่นดินไหว ส่วนใหญ่จะเป็นส่วน โครงสร้างบนดินมากกว่า เช่น ท่อ ระบายน้ำในส่วนอุโมงค์รถไฟฟ้าจะได้รับ ผลกระทบน้อยมาก อุโมงค์รถไฟฟ้า ใต้ดินจะมีส่วนที่ต้องระวังคือ ส่วนของรอยต่อระหว่างสถานี กับอุโมงค์รถไฟฟ้า ซึ่งค่าความ แข็งของระบบไม่เท่ากัน แต่ได้มี การออกแบบป้องกันการขยับ ตัวไว้แล้ว ดังนั้น “ระบบอุโมงค์ รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ จะเป็น จุดปลอดภัยที่สุด เมื่อเกิด แผ่นดินไหว”

+ บทบาทของวิศวกรต่อความปลอดภัย ของอาคาร จากแผ่นดินไหวอยู่ที่ “จิตสำนึกทางวิศวกรรม”

ศ.ดร.เอกสิทธิ์ ลิ้มสุวรรณ เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวว่า สำหรับ ภาพรวมของประเทศไทย โดยเฉพาะ ในกรุงเทพฯ ในปัจจุบันคิดว่าปลอดภัย จากการเกิดแผ่นดินไหว แต่พอเกิด แผ่นดินไหวขึ้นมา ทำให้เรากลัวกันไป จนเกินเหตุ จึงอยากจะให้ทุกท่าน ได้ใช้สติในการแก้ปัญหา และในส่วน ของวิศวกร ก็ควรที่จะมีการวิจัยและ พัฒนา แลกเปลี่ยนความรู้ และประสบ การณ์ในเรื่องแผ่นดินไหวแก่กันและกัน และวิศวกรทุกคนควรจะมี “จิตสำนึกทางวิศวกรรม” ซึ่งจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ต่อการออกแบบทางวิศวกรรม เพื่อต้านภัยจากแผ่นดินไหว หรือภัยพิบัติต่าง ๆ

จะเห็นว่า “ภัยจาก แผ่นดินไหวในเมืองไทย” ไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวอีกต่อไป เพราะฉะนั้นเจ้าของโครงการ วิศวกร และผู้ที่เกี่ยวข้อง กับการก่อสร้างควรที่จะมี จิตสำนึกและมโนธรรม ในการรับผิดชอบต่อสังคม โดยต้องคำนึงถึงความ ปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สินของ ประชาชนเป็นสำคัญ หรือต้องมี “จิตสำนึกทางวิศวกรรม” เป็นสำคัญ และในสภาวะที่มีวิศวกร เรายังไม่มี ข้อมูลที่แน่ชัดว่าจะเกิดแผ่นดินไหว ในเมืองไทยหรือไม่นั้น จึงอยากจะให้ ผู้ที่เกี่ยวข้องหรือประชาชน อย่าเพิ่งตื่น ตระหนกจนเกินไปนัก ส่วนวิศวกรที่ทำ การออกแบบก่อสร้างอยู่ตลอดเวลา นั้นน่าจะมีการคิดเรื่องแผ่นดินไหว เพราะปัญหาของแผ่นดินไหว ไม่ใช่ ปัญหาทางวิศวกรรมเพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อ “เศรษฐกิจและสังคม” ....

http://www.eitjournal.org/search/view.asp?id=202

 

คิดว่า 'ลาวา' ภูเขาไฟ ที่จริงหินบะซอลต์ [15 พ.ค. 50 - 11:33] เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 พ.ค. พ.ต.อ.เปรื่อง นาคะพงษ์ ผกก.สภ.อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งจากนายวิทยา บุญเต็ม อายุ 20 ปี อยู่ บ้านเลขที่ 91 หมู่ 17 ต.ตาจง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ พร้อมนำก้อนหินคล้ายลาวามอบให้เป็นหลักฐาน พร้อมให้การว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ขี่รถ จยย.ผ่านบริเวณป่าริมถนนสายละหานทราย-เฉลิมพระเกียรติ ระหว่าง กม.1-2 บ้านโนนสง่า ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย พบข้างทางมีเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นจากพื้นดินเป็นสีเขียวแดง แต่ไม่กล้าหยุดรถดู เร่งขี่รถกลับบ้านไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง กระทั่งรุ่งเช้าขี่กลับมาที่เดิมและแวะดูพบก้อนหินแข็งไหลเป็นทางลงแอ่งน้ำข้างทาง เลยเรียกเพื่อนบ้านมาดูโดยเชื่อว่าน่าจะเป็นหินลาวาพุ่งขึ้นจากใต้ดินจึงนำตัวอย่างหินมาแจ้งความให้ช่วยตรวจสอบ ขณะเดียวกัน ด.ต.สมเกียรติ ปาประโคน ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.อ.ละหานทราย ซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ขณะขี่รถ จยย.มาเข้าเวร เห็นเปลวไฟพุ่งขึ้นมาเกรงจะเป็นพวกรังสีที่เป็นอันตราย รีบเตือนชาวบ้านที่จอดรถดูอย่าเข้าใกล้อย่างเด็ดขาด หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.เปรื่อง นาคะพงษ์ ผกก.สภ.อ.ละหานทราย นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมากพากันลงขุดเอาวัตถุที่เข้าใจว่าเป็นลาวาเพื่อนำไปบูชาหวังโชคลาภ รีบสั่งให้ชาวบ้านหยุดขุดอย่างเด็ดขาด เนื่องจากยังไม่ทราบว่าเป็นวัตถุที่เกิดจากอะไร อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่นำเชือกมากั้นล้อมรอบ จากนั้นได้รายงานให้ พล.ต.ต.ชินทัต มีศุข ผบก.ภ.จ. บุรีรัมย์ รับทราบพร้อมแจ้งไปยังสำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 2 จ.นครราชสีมา และกองธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี กรุงเทพฯ ทราบเพื่อส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ พ.ต.อ.เปรื่องกล่าวว่า หลังประสานไปยัง 2 หน่วยงาน และบอกลักษณะของดินที่พบ ทางเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณีสันนิษฐานว่า อาจจะเป็นลาวาใต้พื้นโลกที่เริ่มระอุและอาจจะปะทุขึ้นมา เพราะเขตพื้นที่ อ.ละหานทราย อยู่ห่างจากภูเขาอังคารซึ่งเป็นปล่องภูเขาไฟในอดีต เพียง 10 กม. โดยทางเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณีรับปากจะรีบมาตรวจสอบโดยเร็ว พร้อมฝากขอร้องชาวบ้านอย่าเข้าไปใกล้และอย่านำหินที่พบกลับบ้านอย่างเด็ดขาดเพราะเกรงจะเกิดอันตราย ด้านนายอดิชาติ สุรินทร์คำ ผอ.กองธรณีเทคนิค กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หินลาวาที่ชาวบ้านเห็นนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะภูเขาไฟในประเทศไทย เป็นภูเขาไฟที่ตายแล้ว เหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดเคยเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย แต่เมื่อประมาณ 6 แสนล้านปีมาแล้ว สำหรับพื้นที่ที่เป็นแนวภูเขาไฟ คือ ลพบุรี เพชรบูรณ์ และเลย ส่วน จ.บุรีรัมย์ ในอดีตเคยมีภูเขาไฟจริงแต่มีเป็นจุดๆเท่านั้นไม่ใช่ทั้งหมด ผอ.กองธรณีเทคนิค กรมทรัพยากรธรณี กล่าวอีกว่า ดังนั้นคนที่เจอหินดังกล่าวน่าจะเป็นการนำจินตนาการมาผูกโยงกับสารคดีการเกิดภูเขาไฟแล้วอุปโลกน์ ขึ้นมาและหลอกลวงขายหินกันมากกว่า ส่วนหินลาวาที่ถูกนำมาอ้างนั้นน่าจะเป็นหินบะซอลต์ซึ่งมีลักษณะสีดำ ซึ่งเป็นลาวาที่ปะทุและไหลขึ้นมาจากใต้พื้นดินแล้วเย็นตัวลงมากกว่า ไม่ใช่หินลาวาที่อ้างว่าเพิ่งปะทุขึ้นมาจากใต้ดินแล้วมีแสงสีแดงสีเขียว เพราะถ้าเกิดขึ้นจริงชาวบ้านแถวนั้นคงอยู่ไม่ได้ เพราะจะมีความร้อนมาก http://www.thairath.com/offline.php?section=hotnews&content=47117เผยอีก 40 ปี พันล้านคนต้องพลัดถิ่น เอี่ยวโลก ร้อน [15 พ.ค. 50 - 04:11] ในปี 2593 ผู้คนกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกจะต้องระเห็จเร่ร่อนอพยพ เนื่องจากความขัดแย้งและภัยพิบัติธรรมชาติ รวมทั้งสภาวะโลกร้อนก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง จากการเปิดเผยในรายงานฉบับล่าสุด 52 หน้า เมื่อ 14 พ.ค. โดยกลุ่มคริสเตียน เอด กลุ่ม ก่อตั้งในอังกฤษ เพื่อช่วยเหลือผู้อพยพตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 รายงานระบุปัจจุบันประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศยากจนกำลังเผชิญกับการอพยพครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดยิ่งกว่าเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีประชากรกว่า 66 ล้านคนทั่วยุโรปต้องพลัดจากที่อยู่ในเดือน พ.ค. ปี 2488 รวมถึงประชากรนับล้านคนในจีน ขณะที่ในปัจจุบันประ-ชากรกว่า 163 ล้านคนทั่วโลกต้องอพยพ เนื่องมาจากเหตุ ขัดแย้ง เหตุรุนแรง ภัยพิบัติอย่างความแห้งแล้ง น้ำท่วม รวมทั้งโครงการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เช่น การสร้างเขื่อน การตัดไม้ การเพิ่มพื้นที่ปลูกพืช รายงานยังระบุตัวเลขการอพยพทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น และยังเตือนว่าในอนาคตอันใกล้ราว 4 ทศวรรษนี้ ปัญหาสภาวะโลกร้อนจะยิ่งทำให้ตัวเลขการอพยพพุ่งสูงขึ้นอีก ซึ่งทางกลุ่มคาดการณ์ว่า เมื่อถึงปี 2593 จะมีผู้จำต้องพลัดถิ่นถึง 1 พันล้านคน ในจำนวนนั้น 645 ล้านคนต้องอพยพจากโครงการพัฒนาทางเศรษฐกิจใหม่ๆ และอีก 250 ล้านคน ต้องอพยพจากปรากฏการณ์ที่เกี่ยวเนื่องสภาวะโลกร้อน อาทิ ความอดอยาก ความแห้งแล้งและอุทกภัย รายงานยังยกตัวอย่างปัญหาสงครามกลางเมืองและความขาดแคลนน้ำและอาหารเลี้ยงสัตว์ในภูมิภาคดาร์ฟูร์ของซูดาน ที่ทำให้ประชาชนกว่า 2 ล้านคน ต้องอพยพหนี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญวิตกว่าการอพยพครั้งใหม่นี้จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งปะทุและจะสร้างกลุ่มคนยากแค้นกลุ่มใหญ่ขึ้นในโลก ขณะที่กรณีศึกษาในโคลอมเบีย มาลี และพม่า ก็ยังเป็นที่น่าวิตกเช่นกัน ด้านสภาวะโลกร้อนจะทำให้ประเทศร่ำรวยเพิ่มความต้องการพื้นที่ปลูกวัตถุดิบในการผลิตเชื้อเพลิง ชีวภาพ ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือกที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าการใช้น้ำมันดิบ อันจะทำให้ ประชากรจำนวนมากต้องย้ายถิ่นที่อยู่ ซึ่งในประเทศมาลีเผชิญปัญหาผลผลิตลดลง ขณะที่ปริมาณน้ำฝนลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวไร่ชาวนาต้องอพยพจากพื้นที่ทำกิน ทั้งนี้ องค์กรคริสเตียน เอด ตีพิมพ์รายงานเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ที่กลุ่มขอรับบริจาคตามบ้านทั่วเกาะอังกฤษ ซึ่งตั้งเป้ายอดบริจาคไว้ที่ 15.5 ล้านปอนด์ หรือราว 1,060 ล้านบาท ขณะเดียวกันการศึกษาของบรรดาผู้เชี่ยวชาญโครงการโกลบอล คาร์บอน โปรเจกต์ และเดอะ ซีเอสไอ-อาร์โอ ของคณะวิจัยทางน้ำและชั้นบรรยากาศ ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลออสเตรเลียเผยว่า หากในปี 2593 มนุษย์สามารถลดการทำลายป่าได้ร้อยละ 50 จากปัจจุบัน จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการต่อสู้กับปัญหาสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงได้อย่างดี ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่บรรยากาศ ได้ถึง 50,000 ล้านตัน. http://www.thairath.com/news.php?section=international&content=47085

 

ขอย้อนไปสมัยแอตแลนติสหน่อยครับ

อาณาจักรแอตแลนตีส ซึ่งตั้งอยู่บนทวีปแอตแลนตีส ที่เคยเป็นศูนย์กลางของคาวามเจริญในแทบทุกด้าน ได้ถึงกาลอวสานล่มสลาย พื้นทวีปทรุดตัวลงไปอย่างรวดเร็วกลายสภาพเป็นพื้นน้ำในชั่วพริบตา ประชาชนที่กำลังสนุกสนานร่าเริง หรือขลุกอยู่กับภารกิจประจำวันต้องจบชีวิตลงอย่างเอน็จอนาจโดยที่ไม่ทันจะรู้ตัว หมดโอกาสที่จะช่วยเหลือตนเองให้พ้นจากอันตรายได้ มนุษย์ สัตว์ อาคารบ้านเรือ พีระมิดคริสตัลและเค้าโครงของอารยธรรมทั้งหลาย ยังคงฝังซากของอดีตอยู่ใต้ก้นมหาสมุทร เพื่อรอจังหวะเวลาของการวนรอบของเหตุการณ์ที่จะเวียนมาบรรจบอีกครั้ง และถ้าหากคู่อริทั้ง 2 กลุ่มในอดีต ไม่สามารถก้าวพ้นไปจากวิบากหรือเหตุที่ได้สร้างไว้ได้การย้อนรอยของกรรมหรือพลังงานคงจะต้องเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อถึงเวลา<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O> </O>
<O></O>
<O>ตอนนี้ก็เหมือนสมัยแอตแลนติสครับ ไม่มีใครเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์แกนโลกพลิกขึ้น</O>
<O>คนส่วนใหญ่ ก็สนุกสนานร่าเริงอยู่ในโลกแห่งทเทคโนโลยี คลุกอยู่กับชีวิตประจำวันแสวงหาแต่เงินทอง จนลืมไปว่าเหตุการณ์นี้จะกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า </O>
<O>เมื่อตุลาที่ผ่านมาพระอาจารย์รัตน บอกว่าไม่เกินสองปีครึ่ง ตอนนี้ก็คงไม่ถึงสองปีแล้วครับ ดังนั้น ขอให้ทุกคนตระหนักเรื่องนี้ไว้ อย่าเปนแบบคนส่วนใหญ่ในแอตแลนติสเลย</O>
<O></O>
<O>http://www.geocities.com/healthmedit...esire/ds03.htm</O>

 

อ่านของคุณเทวตาแล้วนึกถึงคลิปวิดีโออันนึง คนร่ายรำสนุกสนาน ต่างคนต่างเสพสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นความสุข แต่แล้วพื้นก็ถล่มนำพาร่างคนทั้งหมดร่วงลงไป โอว...
<!-- / message --><!-- sig -->

 

<TABLE class=tborder id=post574028 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date --> วันนี้, 08:20 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #3 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>The Third Eyes<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_574028", true); </SCRIPT>
สมาชิก GOLD



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:22 AM
วันที่สมัคร: Mar 2005
ข้อความ: 524 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 36 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 5,251 ครั้ง ใน 490 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 854



</TD><TD class=alt1 id=td_post_574028 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->คำเตือนนี้มีประโยชน์
เมื่อเช้านี้ (เวลาตีหนึ่ง 16 พค. 50) ข่าวทีวี
บอกว่า เกิดแผ่นดินไหวอย่าง แรงที่ เกาะ ฟิลลิปปินส์

เป็นการเตือนว่า อีกไม่นาน จะเกิดภูเขาไฟระเบิด 8-10 ลูก ในทะเล และเกาะ ที่ยาวตาม ประเทศ อินโดนีเซีย ในแนว รอยแยก ภูเขาไฟ
Ring of Fire

แผ่นดินไหวที่ผ่านมา เกิด ในแนวหลังเกาะ มีตัวเกาะป้องกัน อ่าวไทย และทะเลจีนใต้จึงปลอดภัย
แต่คราวนี้ มาทางด้านหน้า คลื่น ซึนามิ
จึง ดาหน้า เข้าอ่าวไทย เต็มหน้า

ส่วนใดที่ขวางในแนวต้าน เช่น กัมพูชา เวียตนามใต้
ไทยที่ ระยอง เกาะสมุย คงจะโดนหนัก
แผ่นดินที่อยู่ในแนว ตามยาว เช่นสองฝั่งรอบอ่าว จะกระทบน้อย เพราะแนวคลื่นจะ เฉียด ยาว
เหตุการณ์ที่ว่า คาดว่า จะเกิดได้ตั้งแต่ วันที่ 26 พค 2550 เป็นต้นไป ลากยาวไปถึง กรกฎาคม สิงหาคม
ระวังกันไว้บ้างก็จะดี
ชายทะเลแถบไหน น้ำทะเลลดลง ฮวบฮาบ
ขนาด ปลา ยังว่ายลงหนีไม่ทัน
คนอย่าตามลงไปจับปลา
เดี๋ยวก็จะกลายเป็นปลาโดยไม่จำเป็น
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

*** โอ้...เมืองมหินทราเกษมสุข

*** เพลงยาวพยากรณ์ ตอน เมืองอมร มหินทรา ****

จะกล่าวถึงกรุงมหานคร.......
เป็นกรุงรัตนราชพระศาสนา.......มหาดิเรกอันเลิศล้น
เป็นที่ปรากฏรจนา.......สรรเสริญเมืองอมรทุกแห่งหน
ทุกบุรีสีมามณฑล.......จบสกลลูกค้าวาณิช
ทุกประเทศสิบสองภาษา.......ย่อมมาพึ่งกรุงมหินทราเป็นอกนิฐษ์
ประชาราษฏ์ปราศจากภัยพิษ.......ทั้งความวิกลจริตแลความทุกข์
ฝ่ายองค์พระบรมราชา.......ครองขัณฑสีมาเป็นสุข
ด้วยพระกฤษฏีกาทํานุก.......จึงอยู่เย็นเป็นสุขสวัสดี
เป็นที่อาศัยแก่มนุษย์ในใต้หล้า.......เป็นที่อาศัยแก่เทวดาทุกราศี
ทุกนิกรนรชนมนตรี.......คหบดีชีพราหมณ์พฤฒา
ประดุจดังศาลาอาศัย.......ประหนึ่งร่มพระไทรอันสาขา
ประดุจหนึ่งแม่นํ้าพระคงคา.......เป็นที่สิเนหาเมื่อกันดาร
ด้วยพระเดชเดชาอานุภาพ.......อาจปราบไพรีทุกทิศานต์
ทุกประเทศเขตขัณฑ์บันดาล.......แต่งเครื่องบรรณาการมานอบนบ
เมืองอมรนั้นสมบูรณ์.......เพิ่มพูนด้วยพระเกียรติขจรจบ
อุดมบรมสุขทุกแผ่นภพ.......จนคํารบศักราชเกินสองพัน

คราทีนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลาย .......จะเกิดความอันตรายเป็นแม่นมั่น
ด้วยพระผู้นำมิทรงสัจจะธรรม.......จึงเกิดเข็ญมหัศจรรย์สิบหกประการ
คือเดือนดาวดินฟ้าจะอาเพศ.......อุบัติเหตุเกิดทั่วทุกทิศานต์
มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาล.......เกิดนิมิตพิสดารทุกทั่วเมือง
พระคงคาจะแดงเดือดดังเลือดนก.......อกแผ่นดินเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง
ผีป่าจะวิ่งเข้าสิงเมือง.......ผีเมืองนั้นจะออกไปอยู่ไพร
พระเสื้อเมืองจะเอาตัวหนี.......พระกาลกุรีจะเข้ามาเป็นไส้
พระธรณีจะตีอกไห้.......อกพระกาฬจะไหม้อยู่เกรียมกรม

ทุกลักษณ์ทํานายไว้บ่ห่อนผิด.......เมื่อวินิศพิศดูก็เห็นสม
มิใช่เทศกาลร้อนก็ร้อนระงม.......มิใช่เทศกาลลมลมก็พัด
มิใช่เทศกาลหนาว ก็หนาวพ้น.......มิใช่เทศกาลฝน ฝนก็อุบัติ
ทุกต้นไม้หย่อมหญ้าสารพัด.......เกิดวิบัตินานาทั่วสากล
เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา.......จะรักษาแต่คนฝ่ายอกุศล
สัปปุรุษจะแพ้แก่ทรชน.......มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรัก
ภรรยาจะฆ่าซึ่งคุณผัว.......คนชั่วจะมล้างผู้มีศักดิ์
ลูกศิษย์จะสู้ครูพัก.......จะหาญหักผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย
ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอํานาจ.......นักปราชญ์จะตกตํ่าต้อย
กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย.......นํ้าเต้าอันน้อยจะถอยจม

ผู้มีตระกูลจะสูญเผ่า