ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มิดหลังคา

    --------------------------------------

    วันนี้คุณแม่เล่าให้ฟังว่าสมัยน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพ 2485 คุณยายตัดเอาหยวกกล้วยทำเป็นแพ พายออกไป พอเจอ กอผักบุ้งแพหนึ่งก็ลากเข้ามาบ้านทำอาหารกินกัน

    ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนแบบสมัยนี้

    ไม่เชื่อลองดูรูปเก่าๆคนพายเรือไปทั่วลานพระรูปหน้าตายิ้มแย้ม

    ตอนนี้ไม่ต้องเกิดภัยพิบัติ คนเราสมัยนี้ นั่งรถไฟฟ้าสบายๆ ยังหน้าตูมทั้งขบวน หาคนร่าเริงเบิกบาน ยากเต็มที

    ไม่ต้องเกิดภัยพิบัติเราก็ทุกข์ มากอยู่แล้ววัตถุไม่ได้ช่วยให้เราสุขจริง

    ยิ่งเกิดภัยพิบัติรุนแรง หากปล่อยวางไม่ได้ คนเสียสติ มากมายแน่นอน

    จึงบอกทุกคนเสมอให้ ทำกุศล ทำความดี ฝึกจิต ฝึกสมาธิเข้าไว้
     
  2. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    คุณ Falkman แล้วตอนนี้น้ำลดหรือยังครับ
     
  3. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    คิดว่ายังนะ ได้รับเมลล์มาอันหลังเย็นๆ นี้เอง
    อย่างไรเดี่ยวพรุ่งนี้เช้าจะลองโทรไปเช็คดูจ้า
     
  4. pangbualun

    pangbualun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2010
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +285
    ต้องมีสติให้มากๆ ช่วยเหลือตัวเองก่อน ติดตามข่าวสารเพื่อการเตรียมตัวที่ดี
     
  5. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    22 ต.ค. 53



    อายังเป็นห่วงว่าช่วงสิ้นเดือนจะได้ขึ้นเชียงคานทำงานหรือเปล่า? เพราะ
    เส้นทางยังมีน้ำท่วมขังอยู่ ปีนี้ยังขนาดนี้ ปีหน้าจะหนักกว่านี้ ก็ขอให้หลานๆ
    เตรียมความพร้อมในเรื่องปัจจัยสี่ให้พร้อม

    อาเค



    เคยกล่าวไว้--------พื้นที่สูง---------นั้นก็เสี่ยง
    ให้หลีกเลี่ยง-------การซื้อหา--------ไว้ใช้สอย
    เพราะอยู่ใกล้------การเดินทาง------สะดวกคอย
    ทำให้พลอย-------เสียเงินตรา-------ราคาแพง

    ทั้งเมืองปัก(ธงชัย)-----เมืองปาก(ช่อง)------นั้นให้เห็น
    น้ำกระเด็น-------------เข้าท่วม-------------อ่วมทุกบ้าน
    ประชาชน-------------ต้องทุกข์ยาก---------ลำบากนาน
    ต้องช่วยกัน------------ส่งของไป-----------ให้ได้กิน

    ถ้าจะซื้อ------------ขอให้ซื้อ-------ใกล้พระบาท
    จะแคล้วคลาด-------เมื่อภัยมา-------หนีเข้าหา
    หรือจะเข้า----------กลุ่มต่างๆ-------ที่นำพา
    ช่วยพารา-----------ให้พ้นภัย--------เมื่อภัยมี






    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    สถานการณ์น้ำท่วมทางรถไฟที่ ลพบุรี,สระบุรี,นครราชสีมา ระดับน้ำยังทรงตัว

    [​IMG]

    นางนวลอนงค์ วงษ์จันทร์ หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์การรถไฟแห่งประเทศไทยแจ้งว่า วันนี้(22 ตุลาคม 2553 เวลา 08.00 น.) ผู้บริหารระดับสูงของการรถไฟฯได้เดินทางไปตรวจสอบสภาพน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัด ลพบุรี สระบุรีและ นครราชสีมา พบว่ามีน้ำท่วมทางรถไฟรวม 3 จุดประกอบด้วย

    สายตะวันออกเฉียงเหนือ

    ที่ กม.148 – 150 ระหว่างสถานีหินซ้อน– แก่งเสือเต้น รอยต่อระหว่างจังหวัดสระบุรีกับลพบุรี มีระดับน้ำท่วมทางรถไฟสูงกว่าสันรางถึง 1.40 เมตร ทั้งนี้การรถไฟฯได้ประกาศงดเดินขบวนรถผ่าน ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา

    ที่ กม.272 – 275 ระหว่างสถานีบ้านเกาะ– หนองแมว อ.เมือง จ.นครราชสีมา ระดับน้ำท่วมทางรถไฟสูงกว่าสันรางประมาณ 25 เซนติเมตร ประกาศงดเดินขบวนรถผ่านตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2553

    ที่ กม. 296296 - 300 ระหว่างสถานีโนนสูง–บ้านดงพลอง อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ระดับน้ำสูงกว่าสันราง 25 เซนติเมตร กระแสน้ำไหลแรงพัดหินโรยทางหายไป การรถไฟฯได้ประกาศปิดทางตั้งแต่ วันที่ 20 ตุลาคม 2553 เป็นต้นมา

    สายเหนือ

    ที่ กม.131/1-131/2 ระหว่างสถานีบ้านป่าหวาย– ลพบุรี อ.เมือง จ.ลพบุรี ระดับน้ำท่วมสูงกว่าสันราง 1.50 เมตร กระแสน้ำไหลหลากพัดหินโรยทางหายไปประมาณ 30 เมตร การรถไฟฯประกาศปิดทางตั้งแต่ วันที่ 20 ตุลาคม 2553
    ภายหลังจากการตรวจสภาพพื้นที่ทางรถไฟแล้ว ผู้บริหารรถไฟได้ประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่า ในวันที่ 22 ตุลาคม 2553 ยังคงต้องประกาศงดการเดินรถไฟต่อไปอีก คือสายหนองคายทั้งเที่ยวขึ้น-ล่อง งดเดินขบวนรถ 11 ขบวน ส่วนสายเหนืองดเดินขบวนรถ 16 ขบวน


    วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2553

    ที่มา http://www.railway.co.th/srt/pr/news/viewshownews.asp?idnews=678

    รฟท.ประกาศเดินรถไฟช่วยบรรเทาความเดือดร้อน

    [​IMG]

    [​IMG]

    นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการรถไฟฯ แจ้งว่า การรถไฟฯ ได้ประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมจัดเดินขบวนรถ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยระยะแรกนี้อนุญาตให้เดินขบวนรถในเส้นทางสายเหนือ ระหว่าง กรุงเทพ –เชียงใหม่ 2 ขบวน และกลับเข้ากรุงเทพ 1 ขบวนก่อน กำหนดให้ขบวนแรกเดินในวันนี้ (22 ตุลาคม 2553 ) คือ ขบวนรถเร็วที่ 109 ออกจากสถานีกรุงเทพเวลา 14.30 น.

    เมื่อเดินทางไปถึงสถานีรถไฟอยุธยาแล้ว จะขนถ่ายผู้โดยสารโดยทางรถยนต์ไปขึ้นขบวนรถไฟอีกครั้งหนึ่งที่สถานีรถไฟลพบุรี และเดินทางไปยังปลายทางสถานีเชียงใหม่ ส่วนขบวนที่ 2 ให้ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 ออกจากสถานีกรุงเทพ เวลา 19.35 น. เมื่อถึงสถานีอยุธยาก็ต้องขนถ่ายโดยทางรถยนต์เช่นกันแล้วเดินทางต่อไปยังสถานีเชียงใหม่ สำหรับขบวนที่ 3 จัดเดินขบวนรถด่วนพิเศษ ที่ 2 ออกจากเชียงใหม่ เวลา 17.55 น. และเมื่อขบวนรถถึงสถานีลพบุรีแล้ว จะขนถ่ายโดยรถยนต์เพื่อส่งผู้โดยสารปลายทางสถานีกรุงเทพโดยตรงต่อไป

    ผู้ว่าการรถไฟฯ แจ้งเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้รองผู้ว่าการรถไฟฯ ไปสำรวจความเสียหายและพิจารณาร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในการเตรียมวัสดุซ่อมบำรุงอย่างเต็มที่ เพื่อให้การซ่อมบำรุงทางได้เร็วที่สุด ซึ่งหากสถานการณ์น้ำลดหรือปริมาณน้ำป่าไม่รุนแรงไปกว่านี้ ก็จะสั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการซ่อมบำรุงทาง และตรวจสอบระบบอาณัติสัญญาณความปลอดภัย แล้วจะเปิดให้บริการเป็นปกติโดยเร็วต่อไป

    จึงแจ้งให้ประชาชนที่จะโดยสารรถไฟ ในเส้นทางสายเหนือได้รับทราบโดยทั่วกัน หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นายสถานีรถไฟทุกแห่ง หรือ ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ Call Center หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง

    วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2553

    ที่มา http://www.railway.co.th/srt/pr/news/viewshownews.asp?idnews=676
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0536.jpg
      IMG_0536.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.5 KB
      เปิดดู:
      832
    • untitled1.JPG
      untitled1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45.9 KB
      เปิดดู:
      682
    • untitled2.JPG
      untitled2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      44 KB
      เปิดดู:
      705
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2010
  7. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    เหตุการณ์นี้ ทั่วประเทศได้ซ้อมใหญ่ เป็นบทเรียนที่เราต้องคิดพิจารณาไว้ในวันชำระ
    ใหญ่ จะโดนกันถ้วนหน้าไม่รู้ใครจะช่วยใคร จะหวังพึ่งหน่วยต่างๆ มันไม่เพียงพอ
    คนที่ไม่เคยฉุกคิดเรื่องนี้ ไม่เคยคิดเตรียมเสบียงไว้เลยก็มีบทเรียนแล้ว

    ครั้งนี้ก็เกิดพลังบวกให้แก่โลกด้วย จากจิตสำนึกจริงใจที่ได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
    สละทัรพย์ แรงกายและเวลา โดยหวังช่วยบรรเทาทุกข์เท่าที่ทำได้กัน สาธุ..

    แต่อีกด้านกลับฉกฉวยโอกาส ทำความร่ำรวยบนความทุกข์ของผู้อื่น อย่าให้เหมือน
    เฮติเลย ที่ได้ข่าวมาว่าเงินบริจาคไม่ถึงมือผู้ประสพภัย งบประมาณที่รัฐได้อนุมัติไป
    เยียวยาเหตุการณ์ครั้งนี้ ขออย่ามีการ...เลย ละไว้เป็นที่รู้กัน

    วันที่ 23 ตุลา 53 นี้ อ.ปริญญา ตันสกุล มีบรรยายที่งานหนังสือ
    ห้อง Lotus เวลาบ่ายเป็นต้นไป ใครว่างๆ ไปฟังกันแล้วเก็บมาเล่าบ้าง
    เหตุการณ์มันเป็นอย่างที่อ.บอก จะถี่ขึ้น ใกล้ตัวมากขึ้น เหมือนตีกลองเพล

     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,703
    ค่าพลัง:
    +51,933
    ถ้าทุกบ้าน
    ปลูกผักต้นไม้ไว้กินได้เอง ก็ไม่อดตาย
    ถึงเวลาก็แบ่งกันกิน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ดร.สุเมธ เผย "ในหลวง" ทรงห่วงน้ำท่วม แนะรัฐตั้งศูนย์ประสานงานร่วม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>23 ตุลาคม 2553 10:46 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เผย "ในหลวง" ทรงห่วงปัญหาน้ำท่วม แนะรัฐบาลตั้งจุดศูนย์การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เชื่อหากวางแผนดีจะบริหารจัดการปัญหาได้

    วันนี้(23 ต.ค.) ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา แนะให้รัฐบาลตั้งจุดศูนย์การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการช่วยเหลือประชาชน และแก้ปัญหาน้ำท่วมในหลาย ๆ จังหวัด ขณะนี้ เพราะหากมีการวางแผนที่ดีในการบริหารจัดการ ก็จะสามารถแก้ปัญหาให้บรรเทาลงได้ พร้อมเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอุทิศตน ให้ความสนพระทัยในเรื่องน้ำ เพื่อแก้ปัญหาให้กับราษฎร แม้จะมีพระอาการประชวร ก็ได้มีการจัดให้หน่วยราชการ เข้าเสนอแนะการแก้ปัญหา ซึ่งกลไกต่าง ๆ ก็ขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี

    นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งหน้าที่ในการรับผิดชอบของมูลนิธิ ต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้ทางมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ได้เข้าช่วยแจกสิ่งของให้กับประชาชน ที่ประสบภัยจากน้ำท่วม แต่หลังจากน้ำลด ทางมูลนิธิชัยพัฒนา ก็จะเข้าช่วยเหลือฟื้นฟู ทั้งในส่วนของไร่นา ที่ได้รับความเสียหาย รวมทั้ง ให้ทุกฝ่ายช่วยกันสกัดกั้น ไม่ให้น้ำเข้าท่วมโรงพยาบาล เพื่อให้โรงพยาบาล สามารถเปิดให้บริการได้

    ทั้งนี้ เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ยังได้เน้นย้ำเรื่องการแก้ปัญหาน้ำว่า ทุกฝ่าย ไม่ควรจับจ้อง หรือ มอบเป็นภารกิจให้กับพระองค์ท่าน แต่ต้องมองย้อนไปที่ตัวเองว่า มีความเอาใจใส่ในปัญหานี้อย่างไร พร้อมย้ำเตือนให้ทุกฝ่าย หยุดทำร้ายธรรมชาติ นอกจากนี้ ดร.สุเมธ ยังกล่าวแนะนำอีกว่า สถานการณ์ความขัดแย้งของบ้านเมืองในขณะนี้ ทุกคนต้องใช้เหตุผล และสติปัญญาแก้ไข ปัญหาทุกอย่างก็จะทุเลาลงได้
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000149457
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“พระองค์โสม” พระราชทานถุงยังชีพผู้ประสบอุทกภัยชัยภูมิ - เดือดร้อน 1.8 ล้านคน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>22 ตุลาคม 2553 18:58 น</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ พระราชทานถุงยังชีพ จากมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ )ยามยากสภากาชาดไทย ช่วยเหลือราษฎรประสบอุทกภัยจ.ชัยภูมิ วันนี้ (22 ต.ค.)

    ชัยภูมิ - “พระองค์โสม” พระราชทานถุงยังชีพ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ ) ยามยาก สภากาชาดไทย 1,000 ถุง ช่วยเหลือราษฎรประสบอุทกภัย จ.ชัยภูมิ ผู้ว่าฯ เผยประสบน้ำท่วมทุกอำเภอทั้งจังหวัด เบื้องต้นพื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 3 แสนไร่ เดือดร้อน 1.8 ล้านคน ถนนพัง 857 สะพานขาด 25 แห่ง

    วันนี้ (22 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดชัยภูมิเริ่มลดลง ล่าสุด ปริมาณน้ำล้นสันเขื่อนลำปะทาว บนเทือกเขาภูแลนคา ลดระดับมาอยู่ที่ 85 เซนติเมตร (ซม.) ส่งผลให้ระดับน้ำท่วมในตัวเมืองชัยภูมิ และเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ ลดลงเป็นระยะๆ เนื่องจากตลอดทั้งคืนและวันนี้ไม่มีฝนตกลงมา

    ขณะที่บริเวณโรงพยาบาลชัยภูมิ รอบอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพระยา และ ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ,กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ น้ำลดระดับมาอยู่ที่ประมาณ 1 เมตร ยังต้องใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ขนส่งประชาชนในการสัญจรไปมา ถนนบางเส้นทางในเขตเทศบาลเริ่มมีรถยนต์ขนาดเล็กวิ่งสัญจรได้

    ทางด้านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดชัยภูมิได้เริ่มจ่ายไฟฟ้าในบางส่วนพื้นที่ที่ถูกตัดกระแสไฟฟ้าเนื่องน้ำท่วมสูงไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด เหลือเพียง 2 ชุมชน คือ ชุมชนกุดแคน และ ชุมชนโนนสมอ ไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าให้ได้ เกรงว่าจะได้รับอันตรายเพราะยังคงมีระดับน้ำท่วมสูงมาก

    นายวีระศักดิ์ ศรีกาวี หัวหน้ากองโรงไฟฟ้าเขื่อนจุฬาภรณ์ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เปิดเผยว่า ทางเขื่อนจุฬาภรณ์ และเขื่อนห้วยกุ่ม ได้ทำการปิดบานประตูทางระบายน้ำสนิททุกบานแล้ว ขณะที่ยังมีปริมาณน้ำเต็มทั้ง 2 เขื่อน และอยู่ในระดับปลอดภัย ซึ่งผลจากการปิดบานประตูระบายน้ำครั้งนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน อ.ภูเขียว, อ.เกษตรสมบูรณ์, อ.บ้านแท่น ได้ในระดับหนึ่ง

    ผู้สื่อข่าวรายงานงาน เพิ่มเติมว่า วันเดียวกันนี้ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้ระดมความช่วยเหลือเข้ามายัง จ.ชัยภูมิ อย่างไม่ขาดสาย และได้ลำเลียงถุงยังชีพจัดส่งให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างทั่วถึง ล่าสุด พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระราชทานถุงยังชีพจากมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดย นายอภัย จันทจุลกะ รองประธานมูลนิธิ ได้นำถุงยังชีพพระราชทานจำนวน 1,000 ถุง และถุงยังชีพพระราชทานแก่วัดที่ประสบอุทกภัยจำนวน 10 วัด มาส่งมอบให้ นายจรินทร์ จักกะพาก ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ต่อไป

    นายจรินทร์ จักกะพากผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ขณะนี้ จ.ชัยภูมิ มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมทั้ง 16 อำเภอแล้ว รวม 113 ตำบล 1,307 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 63,610 ครัวเรือน จำนวน 185,742 คน เนื้อที่การเกษตรโดยเฉพาะนาข้าวถูกน้ำท่วมเสียหายกว่า 309,981 ไร่ ถนนพัง 857 สะพานขาด 25 แห่ง ฝายเก็บน้ำขนาดกลางเล็ก 53 แห่ง วัด6 แห่ง สถานที่ราชการ1 แห่ง ประมง 7,609 บ่อ

    ด้าน นายหัสปฤ วงศ์ชัยภูมิ ชลประทานจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า คาดว่าในอีกไม่เกิน 4 วันนี้คาดว่าน้ำน่าจะลดลงและกลับเข้าสภาวะปกติ เพราะหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มในช่วงนี้ จะสามารถใช้เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 19 จุด สูบ เร่งระบายลงสู่ลำชีได้หมด

    ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000149322

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ฤทธิ์ไต้ฝุ่น'เมกี'คร่าแล้ว 7 ศพที่ไต้หวัน ติดอยู่ในรถเกือบครึ่งพัน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>23 ตุลาคม 2553 00:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ฝนที่ซัดกระหน่ำจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นเมกี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในไต้หวันแล้วอย่างน้อย 7 ศพ

    เอเอฟพี/ซีเอ็นเอ็น - มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 7 รายจากเหตุวัดแห่งหนึ่งในไต้หวันพังถล่มเมื่อวันศุกร์(22) ขณะที่ฝนที่ซัดกระหน่ำจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นเมกี จุดชนวนดินและหินถล่ม จนมีผู้สูญหายหลายสิบคน ตกค้างอีกหลายร้อย นอกจากนี้ยังมีอีกมากกว่า 400 คนที่ติดอยู่ในรถ

    เมกี พายุซึ่งรุนแรงที่สุดที่เล่นงานดินแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกในรอบ 2 ทศวรรษ ได้คร่าชีวิตพลเรือนในฟิลิปปินส์ไปแล้วอย่างต่ำ 36 รายและถูกคาดหมายว่าจะขึ้นฝั่งมณฑลฝูเจี้ยน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ในช่วงค่ำคืนวันศุกร์ (22) หรือช่วงเช้าวันเสาร์(23)

    มณฑลฝูเจี้ยน ได้สั่งให้มีการอพยพประชาชนกว่า 150,000 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว ขณะที่มณฑลกว่างตง ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองกว่างโจวที่เตรียมจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยน เกมส์ ในเดือนหน้า ก็มีการอพยพประชาชนกว่า 10,000 คน ไปยังสถานที่ปลอดภัยเช่นกัน

    ในไต้หวัน หน่วยกู้ภัยได้กู้ศพผู้เสียชีวิต 7 ราย โดย 2 คนเป็นแม่ชีถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังของวัดไบยุน เมืองซูอ้าว ในเขตอี๋หลัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงท้องถิ่นบอก "แต่ตอนนี้เรายังไม่แน่ใจว่ามีกี่คนที่อาจติดอยู่ภายในวัด เรากำลังขุดซากปรักหักพังเพื่อค้นหาคนอื่นๆ"

    สำนักข่าวแห่งรัฐรายงานว่าพบมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 คน แต่ทางเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยังไม่ยืนยันตัวเลขดังกล่าว ขณะที่สื่อมวลชนรายงานว่ามีประชาชนราว 10 คนสูญหายในพื้นที่ของซูอ้าว

    นอกจากนี้ยังไม่นับรวมกับนักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 20 ชีวิตที่อยู่บนรถบัสซึ่งติดค้างอยู่บนทางหลวงที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักในIlan หลังได้รับผลกระทบจากพายุฝน

    ขณะเดียวกันมีรายงานว่าประชาชนอีกราว 400 คน ต้องติดอยู่ภายในรถยนต์หลายสิบคัน หลังเกิดโคลนถล่มลงมาปิดกั้นถนน อย่างไรก็ตามต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์เข้าช่วยเหลือได้ 70 คน ส่วนที่เหลือคาดหมายว่าจะสามารถเดินเท้าออกมาหรือใช้รถบัสเข้าไปรับ หลังหน่วยกู้ภัยเข้าเคลียร์เส้นทางแล้ว

    "ภัยคุกคามของเมกียังคงมีอยู่ และเราขอเร่งเร้าให้ทุกคนเฝ้าระวังภัยฝนตกหนัก" นายเจียง อี้หัว รัฐมตตรีมหาดไทยไต้หวันกล่าว

    ณ เวลา 10.00 จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย 17.00 น.) พายุมีศูนย์กลางอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไต้หวัน และกำลังมุ่งหน้าไปยังศูนย์กลางที่มีประชากรหนาแน่นหลายแห่งตามฝั่งทะเลของจีน

    ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000149384

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    จนท.จีน สุดเหี้ยม เตะหญิงท้อง 8 เดือน ลากไปทำแท้ง
    22ต.ค.สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเกิดเหตุสลด หลังจากที่แม่รายหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายพร้อมบังคับให้ทำแท้ง
    โดยรายงานระบุว่า นางเซียว ไอ่หยิง หญิงซึ่งท้องได้ 8 เดือน ถูกเจ้าหน้าที่เข้มงวดเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการมีลูกคนเดียว โดยเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทั้ง 12 คน บุกเข้าบ้านพักของเธอ ในเมืองเซียเม็ง ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ จากนั้นจับมือไพล่หลัง และผลักศีรษะเธอเข้ากับกำแพง ก่อนจะเตะเธอเข้าที่ท้อง แล้วลากไปโรงพยาบาลเพื่อทำแท้ง
    [​IMG]
    นายเลา ยาน กวน สามี เล่าเหตุสลดทั้งน้ำตาว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ต้องการให้ภรรยาแท้งลูก ลูกสาววัย 10 ขวบกำลังดีใจที่จะได้มีน้อง แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่รู้จะอธิบายกับลูกสาวอย่างไร
    อย่างไรก็ตาม ประเทศจีน ถือได้ว่าเป็นประเทศที่เข้มงวดในเรื่องการคุมกำเนิดแก้ไขปัญหาประชากรล้นประเทศ โดยมีการประกาศว่าจะไม่มีการผ่อนปรนกับผู้ละเมิดตามนโยบายการมีลูกคนเดียว ส่งผลให้สถิติมีหญิงจีนต้องทำแท้งเป็นจำนวน 13 ล้านคนต่อปี ส่วนใหญ่มาจากคำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า มีการฆ่าทารกแรกเกิดในพื้นที่ชนบทของประเทศจีนเป็นจำนวนมาก
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai news
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
    MThai SMS News : ข่าวด่วนถึงมือคุณ ทันทุกเหตุการณ์ ไม่พลาดทุกข่าวร้อน
    สนใจรับข่าวกด *48259080066 แล้วโทรออก ทดลองใช้ฟรี 15 วัน
    สอบถามเพิ่มเติมโทร 02-1007000

    [​IMG]
    .

    [​IMG]

    .-
    ———————————————————————————————-
    เกาะติด น้ำท่วม 23 ตุลาคม 2553

    อยุธยา : 12.28น. สถานการณ์นํ้าท่วมยังน่าห่วง นํ้าจากแม่นํ้าป่าสักไหลบ่าเข้าทุ่งนาและไหลข้ามถนนสายโพธิ์พระยา-ท่าเรือ ท่วมนาข้าวเสียหายหมด
    กรมชลประทาน : 11.03 น. สั่ง กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี เสริมคันกั้นนํ้าสูง 3 เมตร-ปชช.ริมแม่นํ้าเจ้าพระยาขนของขึ้นที่สูง
    นครราชสีมา : 10.15 น. สถานการณ์นํ้าท่วมในอ.เมืองเริ่มคลี่คลาย เตรียมย้ายรถที่ถูกนํ้าท่วมเสียหายออกจากพื้นที่โรงพยาบาล แต่อ.พิมายยังน่าห่วง ระดับนํ้าสูงขึ้นท่วมโบราณสถานปราสาทหินพิมายแล้ว
    ลพบุรี : 09.53 น. หลายพื้นที่นํ้ายังท่วมสูง โดยเฉพาะอ.บ้านหมี่ นํ้าป่าไหลหลากซํ้า ทำให้พนังกั้นนํ้าพังทลาย
    ปทุมธานี : 09.18 น. ชาวปทุมธานีกว่าพันคนผวาคันกั้นน้ำพังระดมชาวบ้านสร้างแนวกั้นใหม่ หลังน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้เอ่อล้นข้ามแนวกระสอบทราย
    กรมอุตุนิยมวิทยา : 08.32 น. พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้ ทั่วทุกภาคยังมีฝน เหนือมากสุด 60% ของพื้นที่
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ !!!

    [​IMG]

    อภิมหาพายุไต้ฝุ่น "เมกี" หักเลี้ยวอย่างแรงขึ้นไปประเทศจีน(เหมือนมีใครเอามือมาปัด) แต่ก็ยังมีอิทธิพลทำให้เกิดพายุฝนดกอย่างรุนแรงพัดเข้าถล่มประเทศไต้หวันในขณะนี้ มองภาพเส้นทางการเดินทางแบบหักโค้ง 90 องศาของพายุ"เมกี"แล้ว ทำให้นึกถึงพายุ"นาร์กีส"ที่พัดเข้าถล่มประเทศพม่า ก็มีเส้นทางของพายุที่หักโค้ง ไม่เข้ามาประเทศไทยแบบเดียวกันนี้เลยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2010
  14. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>รำลึก 100 ปี พระปิยะมหาราช </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    วันที่ 23 ตุลาคม 2553 “วันปิยมหาราช” ปีนี้ เป็นปีที่พิเศษ เพราะเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตครบรอบ 100 ปี

    ซึ่งรัฐบาลได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อประเทศอย่างมากมาย พระองค์ท่านได้สร้างสรรค์ปฏิรูปประเทศไทยในทุก ๆ ด้าน ให้มีความเจริญทัดเทียมอารยประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเรื่องไฟฟ้า ประปา รถไฟ ไปรษณีย์ โทรศัพท์ การชลประทาน การเมืองการปกครอง และการก่อสร้างถนนต่าง ๆ เพื่อให้การคมนาคมมีความสะดวกสบายก็เกิดขึ้นในสมัยพระองค์ท่าน โดยเฉพาะเรื่องการเลิกทาส ที่ประชาชนจดจำรำลึกได้เป็นอย่างดี

    อีกเรื่องที่สำคัญที่ประชาชนคนไทยทุกคนรำลึกได้ตลอดเวลา ก็คือประเทศในแถบยุโรปหลายประเทศต่างล่าอาณานิคมประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประเทศรอบ ๆ ของไทยนั้นได้ถูกประเทศอังกฤษ และฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมของประเทศตน ยกเว้นประเทศไทยเพียงประเทศเดียวที่รอดพ้นจากการล่าอาณานิคมของชาติฝรั่งตะวันตก ก็ด้วยพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านในการใช้กุศโลบายทางการเมืองระหว่างประเทศ พระมหากรุณาธิคุณนานัปการ ของพระองค์ท่านนั้น ประชาชนรุ่นต่อรุ่นได้รำลึกถึงพระองค์ท่านอยู่ตลอดเวลาจนถึงปัจจุบันนี้ไม่เสื่อมคลายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    นอกจากทุก ๆ บ้านทั่วประเทศไทยจะมีพระบรมฉายาลักษณ์และพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันนี้แล้ว บางบ้านอีกจำนวนมากก็มีพระบรมฉายาลักษณ์ และพระบรมสาทิสลักษณ์ของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ติดบนผนังบ้าน หรืออยู่บนโต๊ะบูชา และอนุสาวรีย์ของพระองค์ท่านตามสถานที่ต่าง ๆ ก็มีประชาชนจำนวนมากมากราบไหว้บูชาขอพรกันอย่างเนืองแน่น ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ที่ทรงให้แก่ประชาชนและประเทศชาติอยู่ในหัวใจของทุกคน เพราะประชาชนที่รำลึกบูชาเป็นประจำเชื่อว่าบารมีของพระองค์ท่าน จะทำให้ชีวิตมีความสุขสมหวังตามที่คาดหวังไว้

    การปฏิรูปประเทศตามโลกในสมัยพระองค์ท่าน ก็เป็นรากฐานในการพัฒนาและปฏิรูปประเทศในปัจจุบันนี้ แต่การพัฒนาบางสิ่งบางอย่างของไทยเดินหน้าช้าไปกว่าประเทศในแถบเอเชียบางประเทศที่เริ่มปฏิรูปพร้อม ๆ กับประเทศไทย ซึ่งอุปสรรคที่ขวางการพัฒนาประเทศไม่ทัดเทียมประเทศอื่น ๆ นั้น พรรคการเมืองต่าง ๆ ที่อาสาประชาชนเข้ามาบริหารประเทศชาติจะต้องศึกษาบทเรียนที่ผ่านมาว่ามีปัญหาอุปสรรคที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างไรบ้าง เพื่อให้การพัฒนาประเทศเดินหน้าไปได้ถูกทิศทาง โดยให้วันรำลึก 100 ปีสวรรคตของพระองค์ท่านเป็นวันเริ่มต้นพัฒนาประเทศชาติอย่างจริงจังก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    “วันปิยมหาราช” 23 ตุลาคม
    ความเป็นมา

    ๒๓ ตุลาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทุกปีจะมีการวางพวงมาลาดอกไม้ที่พระบรมรูปทรงม้า เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

    เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงประชวรเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต ครั้นนั้นเป็นที่เศร้าสลดอย่างใหญ่หลวงของพระบรมวงศานุวงศ์และปวงชนทั่วประเทศ เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นกษัตริย์ที่เคารพรักของทวยราษฎร์ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอเนกประการทั้งในการปกครองบ้านเมืองและพระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่ชนทุกหมู่เหล่า ทวยราษฎร์ทั้งปวงจึงได้ถวายพระนามว่า พระปิยมหาราช หรือพระพุทธเจ้าหลวง เมื่อถวายพระเพลิงพระบรมศพตามราชประเพณีแล้ว ครั้งเมื่อบรรจบอภิลักขิตสมัยคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ผู้สืบราชสันตติวงศ์ ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานถวายตามราชประเพณี โดยเชิญพระโกศพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวออกประดิษฐานบนพระแท่นนพปฎลมหา-เศวตฉัตร และเชิญพระพุทธรูปปางประจำพระชนมวารประดิษฐาน ณ โต๊ะหมู่ในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท หรือพระที่นั่งอนันตสมาคมส่วนที่พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระลานพระราชวังดุสิต หน้าที่นั่งอนันตสมาคม ที่เรียกว่าพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ที่พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการ พ่อค้า คหบดี ปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าผู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณได้ร่วมใจกันรวบรวมเงินจัดสร้างประดิษฐานขึ้นน้อมเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะที่ทรงพระชนม์อยู่เนื่องในมหามงคลสมัยที่ทรงครองราชย์ยั่งยืนนานถึง ๔๐ ปี และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ด้วยพระองค์เอง เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายนพ.ศ. ๒๔๕๑ นั้น
    ต่อมาทางราชการได้ประกาศให้วันที่ ๒๓ ตุลาคมซึ่งเป็นวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นวันที่ระลึกสำคัญของชาติเรียกว่า วันปิยมหาราช และกำหนดให้หยุดราชการวันหนึ่งในวันปิยมหาราช เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยซึ่งต่อมาเป็น กรุงเทพมหานคร ร่วมด้วยกระทรวงวัง ซึ่งต่อมาเป็นสำนักพระราชวัง ได้จัดตกแต่งพระบรมราชานุสาวรีย์ ตั้งราชวัติ ฉัตร ๕ ชั้น ประดับโคม ไฟ ราวเทียม กระถางธูป ทอดเครื่องราชสักการะที่หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน
    พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวันปิยมหาราชครั้งแรก คือ ถัดจากปีที่ได้ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานถวายแล้ว ได้เสด็จฯไปถวายพวงมาลา ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะที่พระบรมราชานุสาวรีย์


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
    พระราชประวัติ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์


    พระบาทสมเด็จพระปริมทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระนามเดิมว่า "สมเด็จเจ้าฬ้าชายจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพมหากุฎ บุรุษยรัตนราชรวิวงศ์ วรุตมพงศ์บริพัตรสิริวัฒนราชกุมาร" เป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๙ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพศิรินทรา บรมราชินี พระบรมราชสมภพเมื่อวันอังคารที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๓๙๖
    ทรงได้รับการศึกษาขั้นแรกจากสำนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุตรี กรมหลวงวรเสรฐสุดา พระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ ๓ ผู้ทรงรอบรู้ด้านอักษรศาสตร์ และโบราณราชประเพณีอย่างดียิ่ง นอกจากนั้นทรงศึกษาภาษามคธกับพระปริยัติธรรมธาดา(เนียม) เมื่อเป็นหลวงราชาภิรมย์ กรมราชบัณฑิต ทรงศึกษาวิชาการยิ่งปืนไฟจากสำนัก พระยาอภัยศรเพลิง(ศรี) ทรงศึกษาวิชาคชกรรมกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ และวิชาอื่นๆ อันสมควรแก่บรมราชกุมาร
    นอกจากนี้ ได้ทรงศึกษาภาษาอังกฤษ จากชาวต่างประเทศโดยตรง คือ นางแอนนาเลียวโนแวนส์ ครูสตรีชาวอังกฤษ ต่อมาทรงศึกษากับหมอจันดเล ชาวอเมริกัน และ เมื่อเสวยราชสมบัติแล้ว พุทธศักราช ๒๔๑๖ ได้ทรงศึกษา ได้ทรงศึกษากับครูชาวอังกฤษ ชื่อฟรานซิส ยอร์จ แพตเตอสัน ต่อมาก็ทรงพระอุตสาหะศึกษาด้วยพระองค์เองจนมี ความรู้ภาษาอังกฤษอย่างแตกฉาน
    ในด้านวิชารัฐศาสตร์ ราชประเพณีและโบราณคดีนั้น สมเด็จพระบรมชนกนาถเป็นผู้พระราชทานการฝึกสอนด้วยพระองค์เองตลอดมา
    หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๑๑ เหล่าเสนาบดีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ พร้อมใจกันอัญเชิญสมเด็จ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ฯ ขึ้นเถลิงราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๕ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ครั้งที่ ๑


    พระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๑๑ ขณะนั้นทรงพระชนมายุเพียง ๑๔ พรรษา สมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งขณะมีบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ รับหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ระหว่างนั้นพระองค์ได้เสด็จประพาสต่างประเทศ คือ อินเดีย และชวา เพื่อทอดพระเนตรวิทยาการสมัยใหม่ที่ ประเทศทางตะวันตกนำมาเผยแพร่เพื่อนำเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศต่อไป
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ครั้งที่ ๒


    เมื่อพระชนมายุบรรลุพระราชนิติภาวะ ทรงผนวชเป็นพระภิกษุเป็นเวลา ๒ สัปดาห์ แล้วจึงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๑๖ และนับจากนั้นมาก็ทรงพระราชอำนาจเด็ดขาดในการบริหารราชการแผ่นดิน ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติ ทรงปกครองทำนุบำรุงพระราชอาณาจักรให้มั่นคั่งสมบูรณ์ ดัวยรัฐสมบัติ พิทักษ์พสกนิกรให้อยู่เย็นเป็นสุข บำบัดภัยอันตรายทั้งภายในภายนอกประเทศ ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่างๆ อันก่อให้เกิดคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์และสามารถธำรงเอกราชไว้ตราบจนทุกวันนี้

    ___________________________________

    อ้างอิง
    คณะกรรมการสวัสดิการ สำนักนายกรัฐมนตรี. ๒๕๔๖. เทิดพระเกียรติ ๑๕๐ ปี สมเด็จพระปิยมหาราช. กรุงเทพฯ. คณะกรรมการสวัสดิการ สำนักนายกรัฐมนตรี.
    สุภักดิ์ อนุกูล. 2530. วันสำคัญของไทย.กุรงเทพฯ. อักษรบัณฑิต.

    ภาพประกอบ
    คณะกรรมการสวัสดิการ สำนักนายกรัฐมนตรี. ๒๕๔๖. เทิดพระเกียรติ ๑๕๐ ปี สมเด็จพระปิยมหาราช. กรุงเทพฯ. คณะกรรมการสวัสดิการ สำนักนายกรัฐมนตรี.


    รวบรวมข้อมูลโดย : งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    พระราชกรณียกิจ
    • เลิกทาส
    • ด้านการปกครอง
    • การสาธารณูปโภค
    • การศึกษา
    • การปกป้องประเทศ
    • การเสด็จประพาส

    เลิกทาส

    โปรดเกล้าฯให้ประกาศเลิกทาสในเมืองไทย
    เลิกทาสพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชสมบัติทรงมีพระทัยแน่วแน่ว่าจะต้องเลิกทาสให้สำเร็จให้จงได้ แต่การที่พระองค์จะทรงทำการเลิกทาสถือว่าเป็นเรื่องยากลำบากด้วยทาสนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ อีกทั้งเจ้านายที่เป็นใหญ่ในสมัยนั้นมักมีข้ารับใช้เมื่อไม่มีทาสบุคคลเหล่านี้อาจจะไม่พอใจ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นเหมือนกับที่เกิดขึ้นในต่างประเทศมาแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตราพระราชบัญญัติทาส เรียกว่า พระราชบัญญัติทาส ร.ศ.124 ซึ่งเป็น พระราชบัญญัติที่ตราขึ้นเพื่อกำหนดเรื่องทาสในเรือนเบี้ยให้เป็นไปอย่างเด็ดขาด โดยกำหนดให้เด็กที่เกิดจากพ่อหรือแม่ที่เป็นทาส ไม่จำเป็นต้องเป็นทาสอีกต่อไป กฎหมายโบราณแบ่งทาสออกเป็น 7 ชนิด
    1. ทาสสินไถ่
    2. ทาสในเรือนเบี้ย
    3. ทาสได้มาแต่บิดามารดา
    4. ทาสท่านให้
    5. ทาสช่วยมาแต่ทัณฑ์โทษ
    6. ทาสที่เลี้ยงไว้เมื่อเกิดทุพภิกขภัย
    7. ทาสเชลยศึก
    ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่าน และได้ใช้เวลาเพียง 30 ปีเศษ ทาสในเมืองไทยก็หมดไปโดยมิเกิดการนองเลือด เหมือนกับประเทศอื่น ๆ เลย


    ด้านการปกครอง

    ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราระเบียบการปกครองขึ้นใหม่ แยกหน่วยราชการออกเป็นกรมกองต่าง ๆ มีหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะไม่ก้าวก่ายกัน ได้แก่
    1. กระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ดูแลบังคับบัญชาหัวเมืองฝ่ายเหนือและเมืองลาวซึ่งเป็นประเทศราช
    2. กระทรวงกลาโหม มีหน้าที่บังคับบัญชาหัวเมืองปักษ์ใต้ ฝ่ายตะวันออกและตะวันตก และเมืองมลายู
    3. กระทรวงวัง มีหน้าที่ดูแลรักษาการต่าง ๆ ในพระบรมมหาราชวัง
    4. กระทรวงการคลัง มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับการเก็บภาษีรายได้จากประชาชน
    5. กระทรวงเกษตราธิการ มีหน้าที่ในการดูแลควบคุมการเพาะปลูก ค้าขาย ป่าไม้
    6. กระทรวงนครบาล มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในพระนคร
    7. กระทรวงธรรมการ มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับกิจการของพระสงฆ์ และการศึกษา
    8. กระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับคดีความที่ต้องตัดสินต่าง ๆ
    9. กระทรวงโยธาธิการ มีหน้าที่ดูแลตรวจตราการก่อสร้าง การทำถนน ขุดลอกคูคลอง และงานที่เกี่ยวกับการก่อสร้าง
    10. กระทรวงการต่างประเทศ มีหน้าที่ดูแลงานที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศ


    การสาธารณูปโภค

    - การประปา ทรงให้กักเก็บน้ำจากแม่น้ำเชียงรากน้อย จ.ปทุมธานี และขุดคลองเพื่อส่งน้ำเข้ามายังสามเสน พร้อมทั้งฝังท่อเอกติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการทำน้ำประปาขึ้นในเดือน กรกฎาคม พ.ศ.2452
    - การคมนาคม วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2434 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปขุดดินก่อพระฤกษ์เพื่อประเดิมการสร้างทางรถไฟไปนครราชสีมา แต่ทรงเปิดทางรถไฟกรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยาก่อน จึงนับว่าเส้นทางรถไฟสายนี้เป็นทางรถไฟแห่งแรกของไทย
    - การสาธารณสุข เนื่องจากการรักษาแบบยากลางบ้านนี้ล้าสมัยไม่สามารถช่วยคนได้อย่างทันท่วงที จึงโปรดเกล้าฯให้สร้างโรงพยาบาล ณ บริเวณริมคลองบางกอกน้อย และพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 200 ชั่ง โรงพยาบาลแห่งนี้เปิดทำการรักษาประชาชนเป็นครั้งแรกเมื่อ 26 เมษายน พ.ศ.2431 และใช้ชื่อโรงพยาบาลว่า โรงพยาบาลวังหลัง ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "โรงพยาบาลศิริราช"
    - การไฟฟ้า พระองค์ทรงมอบหมายให้ กรมหมื่นไวยวรนาถ เป็นแม่งานในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า และสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับประชาชนครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2433


    การศึกษา


    การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้ขยายการศึกษา ในปี พ.ศ.2414 โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นภายในพระบรมมหาราชวังโดยมีท่านพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เป็นอาจารย์ใหญ่ และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงเรียนอีกแห่งซึ่งสอนภาษาอังกฤษมีนาย ยอซ แปตเตอร์สัน เป็นอาจารย์ใหญ่ และโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างโรงเรียนหลวงอีกหลายแห่ง โรงเรียนหลวงแห่งแรกที่สร้างขึ้นในวัดคือ โรงเรียนวัดมหรรณพาราม ในปี พ.ศ.2427 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาศรีสุนทรโวหาร เขียนตำราเรียนขึ้นมา เรียกว่า แบบเรียนหลวง 6 เล่ม คือ มูลบทบรรพกิจ วาห์นิติ์นิกร อักษรประโยค สังโยคพิธาน ไวพจน์พิจารณ์ พิศาลการันต์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าผู้หญิงก็สมควรที่จะได้รับความรู้เช่นเดียวกับผู้ชาย ในปี พ.ศ.2444 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนสตรีขึ้น โรงเรียนหลวงแห่งแรกที่ตั้งขึ้น คือ โรงเรียนบำรุงสตรีวิทยา การปกป้องประเทศ
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้ปรีชาสามารถอย่างสุดพระกำลังในการรักษาประเทศชาติให้รอดพ้นจากวิกฤติการณ์ ถึงแม้ว่าจะต้องสูญเสียดินแดนบางส่วนไปก็ตาม ดินแดนที่ต้องเสียให้กับต่างชาติ ได้แก่
    - พ.ศ.2431 เสียดินแดนในแคว้นสิบสอบจุไทย
    - พ.ศ.2436 เสียดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง
    - พ.ศ.2447 เสียดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง
    - พ.ศ.2449 เสียดินแดนที่เมืองพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภรณ


    การเสด็จประพาส

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดการเสด็จประพาสเป็นอย่างมาก แต่มิได้ไปเพื่อการสำราญพระราชหฤทัยส่วนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเสด็จประพาสภายในประเทศทรงปลอมพระองค์เป็นสามัญชนบ้าง ปลอมเป็นขุนนางบ้าง ทรงกระทำเช่นนี้เพื่อเสด็จดูแลทุกข์สุขของประชาชนในหัวเมืองต่าง ๆ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรปเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2440 โดยมีหมายกำหนดการเดินทางออกจากประเทศไทยในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2441 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเสด็จประพาสยุโรปเป็นเวลานาน 9 เดือน เพื่อเชื่อมความสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ในยุโรป และในปี พ.ศ.2449 พระองค์ได้เสด็จประพาสยุโรปอีกเป็นครั้งที่ 2 การเสด็จประพาสครั้งนี้ นำความเจริญมาสู่บ้านเมืองอย่างมากมาย
    ในปี พ.ศ.2413 ทรงเสด็จประพาสประเทศเพื่อบ้านเป็นครั้งกรำ คือ ประเทศสิงคโปร์ ประเทศชวา 2 ครั้ง การเสด็จพระราชดำเนินประเทศเพื่อนบ้านนั้นด้วยทรงต้องการที่จะเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อบ้านในแถบอินโดจีน รวมถึงทรงต้องการเรียนรู้ระเบียบการปกครอง
    ในปี พ.ศ.2415 เสด็จเยือนประเทศอินเดีย และประเทศพม่า และได้รับการถวายพระบรมสารีริกธาตุและพันธุ์พระศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยาอินเดียเพื่อนำกลับมาปลูกในประเทศไทย
    ในปี พ.ศ.2449 พระองค์ได้เสด็จประพาสยุโรปอีกเป็นครั้งที่ 2 การเสด็จประพาสครั้งนี้นำความเจริญมาสู่บ้านเมืองมากมาย ทั้งการสาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำประปา รถไฟ รถราง การแพทย์ การศึกษา รวมถึงระเบียบแบบแผนการปกครองประเทศ สวรรคต
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีชนมพรรษา 58 พรรษา ในบั้นปลายพระชนมชีพทรงพระประชวร เนื่องจากทรงพระชราภาพและเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2453 นับว่าประเทศไทยได้สูญเสียพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงปล่อยทาสให้เป็นไท ทรงพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาอารยประเทศจนเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติพระองค์ทรงอยู่ในราชสมบัติ 42 ปี ประชาชนชาวไทยต่างรักและอาลัยพระองค์มาก และพร้อมใจถวาย สมัญานามว่า "พระปิยมหาราช" ซึ่งมีความหมายว่า "พระราชาผู้ยิ่งใหญ่อันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย"


    ลำดับเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ

    • พ.ศ.2411 เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ
    • พ.ศ.2412 ทรงโปรดเกล้าให้สร้าง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
    • พ.ศ.2413 เสด็จประพาสสิงคโปร์และชวา โปรดฯ ให้ยกเลิกการไว้ผมทรงมหาดไทย
    • พ.ศ.2415 ทรงปรับปรุงการทหารครั้งใหญ่ โปรดให้ใช้เสื้อราชปะแตน โปรดให้สร้างโรงเรียนหลวงสอนภาษาอังกฤษแห่งแรกขึ้นในพระบรมหาราชวัง
    • พ.ศ.2416 ทรงออกผนวชตามโบราณราชประเพณี โปรดให้เลิกประเพณีหมอคลานในเวลาเข้าเฝ้า
    • พ.ศ.2417 โปรดให้สร้างสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ตั้งโรงเรียนกุลสตรีวังหลัง และให้ใช้อัฐกระดาษแทนเหรียญทองแดง
    • พ.ศ.2424 เริ่มทดลองใช้โทรศัพท์ครั้งแรก เป็นสายระหว่างกรุงเทพฯ - สมุทรปราการสมโภชพระนครครบ 100 ปี มีการฉลอง 7 คืน 7 วัน
    • พ.ศ.2426 โปรดให้ตั้งกรมไปรษณีย์ เริ่มบริการไปรษณีย์ในพระนครตั้งกรมโทรเลข และเกิดสงครามปราบฮ่อครั้งที่ 2
    • พ.ศ.2427 โปรดฯให้ตั้งโรงเรียนราษฎร์ทั่วไปตามวัด โรงเรียนแห่งแรกคือ โรงเรียนวัดมหรรณพาราม
    • พ.ศ.2429 โปรดฯ ให้เลิกตำแหน่งมหาอุปราช ทรงประกาศตั้งตำแหน่งมกุฏราชกุมารขึ้นแทน
    • พ.ศ.2431 เสียดินแดนแคว้นสิบสองจุไทให้แก่ฝรั่งเศส การทดลองปกครองส่วนกลางใหม่ เปิดโรงพยาบาลศิริราชโปรดฯให้เลิกรัตนโกสินทร์ศก โดยใช้พุทธศักราชแทน
    • พ.ศ.2434 ตั้งกระทรวงยุติธรรม ตั้งกรมรถไฟ เริ่มก่อสร้างทางรถไฟสายกรุงเทพ-นครราชสีมา
    • พ.ศ.2436 ทรงเปิดเดินรถไฟสายเอกชน ระหว่างกรุงเทพฯ-ปากน้ำ กำเนิดสภาอุนาโลมแดง (สภากาชาดไทย)
    • พ.ศ.2440 ทรงเสด็จประพาสยุโรปเป็นครั้งแรก
    • พ.ศ.2445 เสียดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส
    • พ.ศ.2448 ตราพระราชบัญญัติยกเลิกการมีทาสโดยสิ้นเชิง
    • พ.ศ.2451 เปิดพระบรมรูปทรงม้า
    • พ.ศ.2453 เสด็จสวรรคต
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขอบคุณข้อมูลจาก
    -สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง
    -หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    -วิกิพิเดีย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>จับตาพายุไซโคลน “กีรี”อาจทำฝนตก </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>


    จับตาพายุไซโคลน “กีรี” ขึ้นฝั่งพม่า อาจทำฝนตกภาคเหนือ – ตะวันตก-ภาคกลาง 1-2 วันนี้

    วันนี้ (23 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนบน และชายฝั่งภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนตกต่อไปอีกในระยะนี้


    สำหรับพายุไซโคลน “กีรี” (GIRI) ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเขตติดต่อประเทศพม่าและบังคลาเทศแล้ว และจะอ่อนกำลังลง พายุนี้จะไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อสภาวะอากาศของประเทศไทย แต่อาจทำให้มีฝนตกบริเวณภาคเหนือและด้านตะวันตกของภาคกลางในระยะ 1-2 วันนี้

    อนึ่ง ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศจีนตอนใต้ และเกาะไต้หวัน ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วย เนื่องจากมีพายุไต้ฝุ่น “เมกี” (MEGI) อยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    ปี 2010 ทั่วโลกเผชิญสภาวะน้ำท่วมใหญ่ครั้งรุนแรง

    [​IMG]
    ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงก่อนและหลังการเกิดอุทกภัยในเขต Nowshera ประเทศปากีสถาน​


    ปี 2010 ทั่วโลกเผชิญสภาวะน้ำท่วมใหญ่ครั้งรุนแรง (กรมอุตุนิยมวิทยา)

    ปี 2010 เป็นปีหนึ่งที่หลายประเทศทั่วโลกเผชิญกับฝนตกหนักและน้ำท่วมครั้งรุนแรงอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในอดีตที่ผ่านมา โดยปีนี้ไม่เพียงประเทศอินเดียเท่านั้น ที่มีฝนตกหนักรุนแรงและน้ำท่วม แต่อีกในหลายประเทศได้แก่ อียิปต์ จีน เกาหลีเหนือ ปากีสถาน โปรตุเกส โปแลนด์ ฮังการี ออสเตรีย เยอรมัน สโลวาเกีย เซอร์เบีย ยูเครน แลตเวีย เวียดนาม รวมถึงไทย ก็ประสบกับสภาวะอันเลวร้ายและได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมจนก่อให้เกิดการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินเช่นกัน

    สภาวะน้ำท่วมในปีนี้ได้ส่งผลกระทบหลายพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ประเทศปากีสถานมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องเสียชีวิต ประชาชนหลายพันคนและพื้นที่เป็นบริเวณกว้างได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยที่ Swat Valley ประชาชนกว่า 900,000 คนต้องย้ายถิ่นที่อยู่อาศัย พืชผลทางการเกษตรเช่น ข้าว ข้าวสาลี อ้อย และยาสูบเสียหาย อีกทั้งร้านค้ารวมถึงถนนหนทางและสะพานถูกกระแสน้ำพัดพาเสียหายทั้งสิ้น ประชาชนต้องการอาหารและที่พักชั่วคราวอย่างเร่งด่วนก่อนที่สภาพอากาศหนาวที่เลวร้ายจะมาเยือน

    ส่วนเกาหลีเหนือ จากฝนที่ตกหนักอย่างรุนแรงก่อให้เกิดดินถล่มปิดถนนหนทาง บ้านเรือน โรงเรียน และพืชผลการเกษตรต้องถูกฝังกลบอยู่ภายใต้กองโคลน นอกจากนี้ประเทศจีนก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ประสบกับสภาวะน้ำท่วมรุนแรงในรอบทศวรรษสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน พืชผลทางการเกษตร และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย

    สำหรับอินเดียซึ่งไม่เคยประสบกับปริมาณฝนที่สูงมากส่งผลกระทบต่อหลายรัฐในช่วงเวลาเดียวกันมาก่อน แต่ปีนี้ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็จะพบเห็นแต่ความเสียหายทีเกิดจากน้ำท่วม พืชผลการเกษตรเสียหาย บ้านเรือนถูกน้ำพัดพา ในเมืองเดลฮี แม่น้ำยมนาซึ่งปกติจะค่อนข้างแห้งขอด มีน้ำน้อย แต่ปรากฏว่าปีนี้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ประชาชนจำเป็นต้องย้ายถิ่นฐาน รวมถึงในอีกหลายรัฐของอินเดียก็ประสบกับปัญหาน้ำท่วมหนัก มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน ราษฎรถูกอพยพออกนอกพื้นที่เพื่อที่จะบูรณะฟื้นฟูจากความเสียหายที่เกิดขึ้น

    จากการที่หลายชีวิตต้องสูญเสีย บ้านเรือนถูกน้ำพัดพา ถนนหนทาง โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ไฟฟ้า โทรศัพท์ พืชผลและพื้นที่การเกษตรได้รับผลความเสียหายได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ได้มาซึ่งอาหารและที่พักอาศัย อีกทั้งเริ่มมีการระบาดของโรค

    สำหรับในทวีปยุโรปก็เช่นเดียวกัน ปี 2010 นับเป็นปีที่หลายประเทศในยุโรปทั้งออสเตรีย เยอรมัน ฮังการี โปแลนด์ แลตเวีย ยูเครน สโลวาเกีย ต้องเผชิญกับสภาวะน้ำท่วม เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเป็นช่วงจังหวะเวลาเดียวกันกับที่ทวีปยุโรปกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจ ซึ่งก็เป็นสิ่งท้าทายอย่างยิ่งต่อความพยายามที่จะหลุดพ้นจากวิกฤตการณ์เหล่านี้

    นอกจากนี้ประเทศออสเตรเลียซึ่งโดยปกติจะมีฝนน้อย แต่ปรากฏว่าปีนี้รัฐวิกตอเรียมีฝนมากผิดปกติทำให้เกิดน้ำท่วมจนก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ประเทศแมกซิโก แคนาดา และสหรัฐอเมริกาก็เช่นกันที่ประสบกับฝนตกหนัก น้ำท่วม และดินถล่มในปีนี้

    สำหรับประเทศไทยมีรายงานน้ำท่วมบางพื้นที่เป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม โดยในเดือนสิงหาคมทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนตกหนาแน่นจนก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ เรื่อยมาจนถึงเดือนตุลาคม บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนาแน่นเป็นช่วง ๆ และยังคงมีหลายพื้นที่ที่ยังคงประสบอุทกภัย

    หากถ้าจะกล่าวว่าปี 2010 เป็นปีแห่งอุทกภัยของศตวรรษนี้ก็ไม่เป็นการกล่าวเกินจริงนัก ส่วนสาเหตุที่ก่อให้เกิดฝนตกหนักและหลายพื้นที่ต้องประสบกับสภาวะน้ำท่วมนั้น นอกจากปัจจัยหลักทางอุตุนิยมวิทยาอันได้แก่ ร่องมรสุม หย่อมความกดอากาศต่ำ พายุ รวมถึงมรสุมที่พัดปกคลุมในแต่ละช่วงฤดูกาลแล้วนั้น เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสาเหตุหนึ่งที่สำคัญที่ก่อให้เกิดฝนตกหนักน้ำท่วมรุนแรงมากขึ้น ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของ IPCC ที่ระบุว่าหนึ่งปรากฏการณ์ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 21 คือการเกิดเหตุการณ์รุนแรงด้านภูมิอากาศเช่นฝนตกหนัก น้ำท่วม และดินถล่ม เพิ่มมากขึ้น

    ดังนั้น ปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงเป็นปัญหาสำคัญที่เราจะต้องร่วมมือกันป้องกันและเสริมสร้างความสามารถในการรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น





    <HR>

    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

    กรมอุตุนิยมวิทยา
     
  17. ธีรยุทธ

    ธีรยุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +750

    น้อยคนนักครับ ที่จะรู้ว่า ประเทศไทยนั้นมีดีอย่างไรครับ ลองดูเส้นทาง พายุหลายๆลูกที่พัดมาครับ คัดลอกมาจากกระทู้ ครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • nwp_all.gif
      nwp_all.gif
      ขนาดไฟล์:
      79.8 KB
      เปิดดู:
      1,345
  18. ตาลเดี่ยว

    ตาลเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +425
    ตราบใดที่ประเทศไทยยังมีผู้ปฏิบัติธรรม ตราบนั้นธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรมครับ
     
  19. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    ต.ค. 53


    ธนาคารกับปัญหา

    ในภาพผมเข้าไปทำธุรกรรมในธนาคาร มีผู้คนมากมาย ผมทำเสร็จอยู่คนเดียว
    นอกนั้นเดินออกมาด้วยความผิดหวัง





    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     
  20. หมูเล็ก

    หมูเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +2,144
    รายงานสถานการณ์น้ำท่วน จังหวัดนครราชสีมา เมื่อช่วง 8.00 น.ได้เดินทาง นำอาหาร(ข้าวเหนียวหน้าหมู)ไปบริจาคให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน อ.โนนสูง โดยได้รับการร่วมบริจาคปัจจัยจากสมาชิกในเวบ พลังจิต เเละพี่ๆในตลาดการเคหะนครราชสีมา จึงจัดทำอาหารที่สะดวกในการบริโภคไปมอบให้กับพี่น้องผู้ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ น้ำท่วม โดยได้เดินทางไปที่อ.โนนสูง ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งได้รับความเดือดร้อนไม่น้อยกว่าจุดอื่นในจังหวัด นครราชสีมาโดยได้พยายามขับรถเข้าไปในบริเวณซึ่งความช่วยเหลือเข้าไปไม่ค่อยถึง โดยชาวบ้านในเขตนั้นได้รับความเดือดร้อนหนักหลายครอบครัวน้ำท่วมบ้านจนมิดหลังคา ต้องอพยพมาอยู่ในจุดที่ น้ำไม่ท่วม ขาดแคลน ทั้งอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภค หลายคนไม่ได้ทานอะไรเลยมาตั้งแต่เมื่อวาน
    [​IMG]

    ข้างทางบนถนนบายพาส ทางไป ขอนแก่น<TABLE><TBODY><TR><TD width="100%" align=center></TD><TD vAlign=middle><LABEL id=done_tagging class="caption_save uiButton uiButtonDefault uiButtonMedium"></LABEL></TD></TR></TBODY></TABLE>


    [​IMG]

    [​IMG]
    คุณตำรวจท่านนี้ อำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชนตั้งแต่เช้า จนขากลับ 12.00 น. ยังไม่ยอมหยุดพักเลยครับ
    :cool::cool::cool:

    [​IMG]

    <TABLE><TBODY><TR><TD width="100%" align=center></TD><TD vAlign=middle><LABEL id=done_tagging class="caption_save uiButton uiButtonDefault uiButtonMedium"></LABEL></TD></TR></TBODY></TABLE>


    [​IMG]
    เริ่มเข้าเขต อ.โนนสูง:'(

    [​IMG]
    พื้นที่ ทำการเกษตร จมหมดเลยครับ เสียหายมาก:':)'(

    [​IMG]
    ความเป็นอยู่ยากลำบาก :'(

    [​IMG]
    ปริมาณน้ำมาก และไหลเชี่ยว

    [​IMG]

    พบชาวบ้าน จึงช่วยกันนำอารหารไปแจกจ่ายให้ ผู้ประสบภัย


    [​IMG]
    เลยจากโค้งข้างหน้านี้ เจ้าหน้าที่และชาวบ้าน เตือนว่าห้ามผ่านนะครับ เพราะระดับน้ำสูงมากระดับหน้าอก และกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาก

    [​IMG]

    [​IMG]

    จุดนี้มีเพียงเรือลำนี้ลำเดียวที่คอยนำอาหาร,ยา และของที่มีผู้มาบริจาคไปมอบให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน และยังติดอยู่ในพื้นที่ ประสบภัย
    [​IMG]
    รั้วของโรงเรียนเริ่มเอียงแล้วครับเพราะแรงปะทะจากกระแสน้ำท่ไหลเชี่ยวเป็นเวลานาน

    [​IMG]
    ยิ่งเดินทางเข้าไปจะพบว่าระดับน้ำนั้นสูงมากขึ้น
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    ทางชาวบ้านและเจ้าหน้าที่บอกว่าด้านในที่รถไม่สามารถเข้าไปได้มี สภาพแบบนี้อีกหลายหลังเลยครับ :':)':)'(
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    หากท่านใดมีความเป็นอยู่ที่ไม่เดือดร้อน ขอให้ช่วยกันช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่าง ตามความ สะดวกนะครับเนื่องจาก พี่น้องชาวไทย จำนวนมากหลายจังหวัดได้รับความเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติครั้งนี้อย่างมากเลยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...