ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ยอดฉัตรพระธาตุจอมกิติ อายุกว่า 1,067 ปี ใน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย หักตกลงมาเสียหาย จากเหตุการร์แผ่นดินไหว เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา

WARNING SIGN !!!!

 

*** สัญญาณเตือนกรรม ****

โลก...พยายามเตือนมนุษย์
ผ่านทางรูปแบบต่างๆ
แผ่นดิน แผ่นหิน พายุ สายฟ้า ลม
เพื่อ...ให้มนุษย์ รีบหาสิ่งป้องกันตนเอง
นั่นคือ...."สัจจะ" การกระทำที่ต้องพูดจริง ทำจริง

แผ่นดินไหวครั้งนี้ ๑๖ พ.ค.๒๕๕๐
คือ ...การเตือนกรรมใหญ่ ภัยะรรมชาติที่กำลังมา
พื้นที่แห่งใด...ที่ผู้คนได้รับความรู้สึก หวั่นไหว !!!!!!!
พื้นที่เหล่านั้น....จะเกิดภัยต่อไปในอนาคตอันใกล้

ยอดฉัตรพระธาตุจอมกิติ...หักตกลงมาเสียหาย
คือ...สัญญาณเตือนกรรมครั้งใหญ่ต่อไป
ระวัง...ภัยจากแผ่นดินไหว
ฝนตกหนัก น้ำป่า น้ำท่วม แผ่นดินถล่ม
เขื่อนพัง...
น้ำทะลัก ...จากแม่น้ำโขง....จะเข้าที่เชียงแสน เชียงของ
เกิดเป็นน้ำวน...ขนาดใหญ่
กระแสน้ำ...จะพัดทุกสิ่งที่ขวางน้ำ
หินดินหลุดจากพื้นผิว จากภูเขา...จะกลิ้งลงมาถึง กำแพงเพชร ถึงตาก
น้ำ...จะท่วมกรุงเทพ ต่อไป

แต่หนทางป้องกัน...สามารถทำได้ จากหนักเป็นเบา

 

สัญญานภัยเริ่มนับถอยหลังแล้วนะครับ
จะคิดหาทางจัดการกันอย่างไรก็พิจารณากันได้แล้ว

 

15 พฤษภาคม เกิดแผ่นไหวบริเวณพรมแดนลาว-พม่า จากเชียงราย 97 กิโลเมตร ขนาด 5.1 ริกเตอร์ ประมาณสามทุ่ม

16 พฤษภาคม เกิดแผ่นไหวบริเวณพรมแดนลาว-พม่า จากเชียงราย 60กิโลเมตร ขนาด 6.1 ริกเตอร์ เวลาประมาณ สี่โมงเยน

17 พค อาจจะเกิดอีกก็ได้ ระวังตัวไว้ด้วยนะครับ<!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->

 

เกิดสู้อย่างไร้สมอง ทหารแลมองอ่อนกำลัง
ข้างบ้านวาจาดัง ทลายรั้วทวงที่ดิน
ขวานทองดั่งมะพร้าว ชนกลุ่มพาลแบ่งแยกกิน
ด้ามขวานสูญเสียสิ้น จากนั้นกินรอบทิศทาง

เป็นเรื่องดินแดน...ไม่ใช่น้ำท่วม....ไม่ใช่ยุบสูญหาย

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** เตือน ****
แผ่นดินไหว เปลือกโลกขยับ...ต่อๆไป....จะหนักขึ้นเลย

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom background=images/brkn_red_midtop.gif>เขื่อนแม่สรวย ร้าว

ประจำวันที่ 17 พฤษภาคม 2550

<!---->
</TD><TD width=8></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=1 bgColor=#000000></TD><TD bgColor=#dddddd><!-- CONTENT --><TABLE height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width="85%">
<!--<TABLE width=501 cellpadding=0 cellspacing=0 align=center border=0>--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><!--<TD width=1 bgcolor="#000000"></TD>--><TD width=468 bgColor=#dddddd>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=10 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD height=70>พบรอยร้าวบ้านเรือน ที่ อ.เชียงของ กว่า 60 หลังคาเรือน </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ededed>10:49 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงในวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถวัดแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 5.7 - 6.1 ริกเตอร์ โดยมีศูนย์กลางมาจาก ชายแดนไทยพม่า-ลาว ที่ห่างจาก จ.เชียงราย เพียง 95 กิโลเมตร พบว่าแผ่นดินไหวในครั้งนี้ได้สร้างผลกระทบให้กับบ้านเรือนประชาชนและสิ่งปลูกสร้างใน จ.เชียงรายเป็นอย่างมาก ล่าสุดนายอมรพันธ์ นิมานันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ 16 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ ได้ออกสำรวจความเสียหายแล้ว
นายอมรพันธ์ กล่าว จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นพบว่ามาจากสาเหตุการเคลื่อนตัวของรอยร้าวแม่จันได้มีการเคลื่อนตัว โดยรอยร้าวดังกล่าวเป็นรอยร้าวของเปลือกโลกที่อยู่ลึกจากพื้นดินเพียง 30 กิโลเมตร และมีความยาวถึง 130 กิโลเมตร เปรียบเหมือนว่าธรรมชาติได้มีการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างออกมานั้น
จากสังเกตุจะพบว่าขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และพื้นที่ใกล้เคียง ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นบ่อยครั้ง เช่นวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านได้เกิดแผ่นไหวขึ้นในช่วงกลางคืนที่มีความรุนแรงถึง 5.1 ริกเตอร์ และในวันที่ 16 พ.ค.ก็ยังเกิดขึ้นอีก พร้อมกันนี้ยังได้เกิดอาฟเตอร์ช๊อกขึ้นเป็นระยะกว่า 20 ครั้งนั้น ได้สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก
เบื้องต้นจากการสำรวจความเสียหายพบว่า ยอดเจดีย์ของพระธาตุจอมกิตติ ต.เวียง อ.เชียงแสน ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี ได้หักลงมา และเกิดรอยร้าวรอบเจดีย์ จำนวนมาก พร้อมกันนี้ที่อาคารของด่านศุลกากรท่าเรือเชียงแสนยังเกิดรอยร้าวตามตัวอาคารเป็นจำนวนมาก
ส่วนที่ อ.เชียงของ ยังพบว่าบ้านเรือนของประชาชน ในเขต ต.เวียง อ.เชียงของ ที่เป็นตึกแถว เกิดรอยร้าวและกระเบื้องหลังคาได้หล่นและแตกหัก กว่า 60 หลังคาเรือน ที่อ.เทิง ยังพบอีกว่าบริเวณพระธาตุจอมจ้อ ตัวเจดีย์ ได้เกิดรอยร้าวขึ้น ส่วนที่ กิ่ง อ.ดอยหลวง บ้านเรือนของประชาชน วัด วิหารตามสถานที่ต่างๆ ได้รับผลกระทบเกิดรอยร้าว เสียหายไป ประมาณ 100,000 กว่าบาท ผู้ว่าฯเชียงราย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมรอบพระธาตุเจดีย์จอมกิตติ เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมาได้ทำให้ยอดฉัตรของพระธาตุจอมกิตติหัก ลงมานั้น ได้ทำให้อัญมณีแก้ว 7 สี ที่มีจำนวน 7 ชิ้นบนปลายยอดพระธาตุ ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระราชินีฯ ในปี 2517 ได้หล่นลงมาด้วย แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังคงหาพบเพียงแค่ 3 ชิ้น และยังคงสูญหายไปอีกจำนวน 4 ชิ้น ส่วนปลายยอดเจดีย์ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธพันธ์เชียงแสน พร้อมกับประสานไปยังเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรเข้ามา สำรวจและบูรณะโบราณสถานต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากการตรวจสอบเบื้องต้น ได้รับรายงานจากชาวบ้าน ในเขต อ.แม่สรวย ว่าเขื่อนแม่สรวยที่กักเก็บน้ำแม่น้ำลาวตอนบนที่ใช้ในฤดูแล้ง ได้เกิดรอยร้าวตามตัวสันเขื่อนนั้น ขณะนี้ได้มี การแจ้งให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว พร้อมกันนี้ทางเจ้าหน้าที่ทหารจะได้มีการนำเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจในเขตพื้นที่ จ.เชียงรายและรอยร้าว แม่จันเพื่อหากป้องกันต่อไป
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เริ่มมีการนำอาวุธแสง มาใช้กันแล้ว

ข่าวเทคโนโลยี
​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>ญี่ปุ่นพัฒนาอาวุธเลเซอร์รับมือขีปนาวุธเกาหลีเหนือ</TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>

โตเกียว 13 พ.ค.- ญี่ปุ่นเตรียมพัฒนาระบบต่อต้านขีปนาวุธด้วยอาวุธเลเซอร์พลังสูง หวังป้องกันภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ​

หนังสือพิมพ์ไมนิจิ ของญี่ปุ่น รายงานวันนี้ว่า กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นเตรียมตั้งงบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนาอาวุธเลเซอร์ชนิดติดตั้งภาคพื้นดินในการเสนอของบประมาณประจำปี 2551 และในระยะยาวยังมีโครงการพัฒนาอาวุธเลเซอร์ชนิดติดตั้งกับอากาศยาน (เอบีแอล) ด้วย และว่าสหรัฐได้เสนอที่จะร่วมกับญี่ปุ่นพัฒนาอาวุธเลเซอร์เอบีแอล ในการหารือระหว่าง รมว.ต่างประเทศ กับ รมว.กลาโหม ของทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา​

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางการญี่ปุ่นได้ติดตั้งระบบขีปนาวุธต้านขีปนาวุธในบริเวณกรุงโตเกียว เร็วกว่ากำหนดการเดิม 1 ปี หลังเกาหลีเหนือดำเนินการทดสอบขีปนาวุธ และระเบิดนิวเคลียร์เมื่อเดือนกรกฎาคม และตุลาคม ปีก่อน ขณะเดียวกัน ก็หันมากระชับความร่วมมือทางทหารกับสหรัฐ และประกาศผลักดันพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธร่วมกัน​

อนึ่ง การพัฒนาอาวุธเลเซอร์เอบีแอล อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันของญี่ปุ่น เนื่องจากอาวุธเลเซอร์เอบีแอล จะทำงานทันทีที่ขีปนาวุธของศัตรูปล่อยออกจากฐาน และบางครั้งอาจล่วงล้ำเข้าไปในน่านฟ้าต่างชาติ อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น เตรียมแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปรับบทบาทของกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันกำหนดให้มีหน้าที่เพียงการป้องกันประเทศเท่านั้น.- สำนักข่าวไทย​

[ 2007-05-13 : 15:30:46 ] ​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

ที่มา http://tna.mcot.net/#

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นักวิชาการ AIT ห่วงมาตรฐานตึกสูงในไทยไม่รับสภาพแผ่นดินไหว</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 พฤษภาคม 2550 13:04 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>

แฟลตดินแดง
</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle>

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=left border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> นายเป็นหนึ่ง วานิชชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย หรือ เอไอที ชี้แจงเหตุแผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศลาวเมื่อวานนี้ วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.1 ตามมาตราริกเตอร์ เป็นแผ่นดินไหวขนาดกลาง รูปแบบการเคลื่อนจะเป็นลักษณะกระจายเป็นวงกว้าง ไม่ได้มาตามรอยเลื่อน ส่วนสาเหตุที่กรุงเทพฯ รับรู้ถึงการสั่นสะเทือนมาก เนื่องจากมีตึกสูง และดินของกรุงเทพฯ เป็นดินอ่อน จึงรับรู้ได้มากกว่าพื้นที่อื่น 3-4 เท่า โดยลักษณะการส่ายตัวของตึกจะเป็นแนวราบอย่างช้าๆ

นายเป็นหนึ่ง แสดงความเป็นห่วงมาตรฐานของตึกสูงในประเทศไทย โดยเฉพาะตึกเก่า เพราะไม่ได้มีการคำนวณเพื่อรับสภาพแผ่นดินไหวชนิดรุนแรง และขอให้เร่งผลักดันพระราชบัญญัติควบคุมอาคารสูง ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว

นอกจากนี้ เตือนให้จับตามองรอยเลื่อนสะแกง ฝั่งทะเลอันคามัน ด้านประเทศพม่า ที่เคยเคลื่อนไหวรุนแรงเมื่อ 70 กว่าปีที่แล้ว เพราะมีการเคลื่อนไหวและสะสมพลังงานไว้สูง ที่สำคัญอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 400 กิโลเมตรเท่านั้น และมีโอกาสที่จะสั่นสะเทือนได้ถึง 8 ริกเตอร์ และลัษณะรอยเลื่อนในทะเลยังเสี่ยงต่อการเกิดคลื่นสึนามิ แต่ลักษณะของพื้นที่นี้เป็นแนวราบ จึงมีความเสี่ยงน้อยกว่ามุมตัด ส่วนรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และเจดีย์สามองค์ ยังเป็นรอยเลื่อนที่มีพลังอยู่ แต่สะสมพลังงานไว้น้อยกว่ารอยเลื่อนสะแกงถึง 10 เท่า

นายเป็นหนึ่ง ยอมรับว่า ไทยยังขาดองค์ความรู้เรื่องแผ่นดินไหว เพราะไม่มีทุนเพียงพอเจาะสำรวจสภาพทางธรณีวิทยา เท่าที่ดำเนินการไปคือเจาะสำรวจรอยเลื่อนศรีสัวสดิ์เพียง 3 จุด

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000056629

 

น้ำปิงจะกลายเป็นสันดอย เมื่อกายภาพแผ่นเปลือกโลกเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

แผ่นดินไหวและภูเขาไฟมีความสัมพันธ์

รอยเลื่อนและเขื่อนโยงใยถึงกัน

อาคารสูงในเมืองหลวงระวังทรุดพังทลาย ทั้งที่ภายนอกดูแกร่ง

เช่นเดียวกับภัยโรคร้ายระบาดและการก่อเหตุไม่สงบลุกลาม ล้วนประเดประดัง

เร่งสะสมเถิดเสบียงบุญ ท่านจวนจะได้ใช้ต้นทุนนั้นแล้ว

 

ขออนุญาตย้อนกลับไปข่าวที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ทราบมาว่าเหตุการณ์นั้นเกิดจริง (แต่ผู้เกี่ยวข้องแจ้งว่าไม่สามารถยืนยันได้ว่าจริงหรือไม่) ได้แต่ยอมรับเพียงมีของแข็ง(ที่เย็นตัวแล้ว)ในลักษณะไหลเป็นทางจากจุดเกิดเหตุจริง และเชื่อว่าเรื่องคงเงียบหายไป

ก็ขอให้รับทราบกันไว้ว่า เหตุการณ์นี้คงไม่ธรรมดา และจะทราบเรื่องอีกครั้งก็ตอนที่มันพุ่งขึ้นมาเองโดยไม่อาจปกปิดได้อีกต่อไป

เรื่องนี้คงให้ใช้ได้เป็นข้อมูลในแวดวงชาวพลังจิตเท่านั้น

 

กฏเเห่งกรรม ยังไงคงเลี่ยงไม่พ้น เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อน ถึงเวลาจะได้ไม่ขาดสติครับ โมทนากับพระ พรหม เทพ พี่ๆน้องที่ช่วยกันประคองโลก ช่วยคนอื่นกัน สาธุครับ

 

ข่าวจากหลานคุณลุงครับ หายไปนานพอควร ส่งข่าวมาแล้วครับผม


"<TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">เหตุแผ่นดินไหว
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->เรียนพี่คนานันท์
ต้องขอโทษที่ผ่านมาไม่ได้ติดต่อใครเลย
เพราะพอคุณลุงไปบวช ผมก็ต้องรีบเร่งพัฒนาระดับจิตของตนเอง
หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่เข้าไปในโลกแห่งจิตนั้น
มีหลายอย่างที่เปลี่ยนเปลงไปมากมาย
สถานที่ๆผมเคยไป นั้นบางที่ไม่สามารถเข้าถึงได้
(อาจเป็นเพราะเคยไปกับคุณลุง เลยไม่ค่อยพบกับอุปสรรค
แต่พอไปเองแล้วกลับยากมากและไม่ค่อยพบกับร่างจิตระดับสูงมากเหมือนที่ผ่านมา หรืออาจเป็นเพราะระดับจิตผมต่ำกว่า)
**********************************
ก่อนเกิดเผ่นดินไหว เกือบทุกครั้งที่ผมได้ไปในร่างของจิตก่อนวัดเกิดแผ่นดินไหว มีแสงสีแดงจ้าในทิศที่เกิด จะเห็นการแตกตื่นของสัมภเวสี
ยิ่งที่เพิ่งตายใหม่จะว่งไปร้องไห้ไปด้วยความกลัว
ฃ เห็นการยินดีโห่ร้องอสูรเล็ก
เห็นภาพการเศร้าหมองของเทพในพื้นที่
ผมเองไม่สามารถอธิฐานจิต ให้เข้าถึงที่เกิดได้ เพราะ
ที่ผ่านมาผมถูกดึงเกือบกลับไม่ได้หลับไป 3 วันเต็ม
ต้องอธิฐานขอบารมีหลวงปู่ชอบ หลวงปู่แหวน ถึงได้มีพลังกลับมาได้
ต้องใช้เวลาอีกร่วมเดือนฟื้นฟูดวงจิตตัวเอง
กว่าจะเริ่ม เข้าสู่โลกแห่งจิตได้
ที่ผ่านมาจึงได้แยกตัวเองไปฝึกสมาธิในสถานที่ไกลจากคนพอสมควร
เพิ่งกลับมาได้ประมาณ 3 อาทิตย์
เมื่อวานเกิดแผ่นดินไหว แต่ไม่ได้ถอดจิตจึงไม่ได้ทราบ
ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
************************************
ฝากความคิดถึงทุกคนด้วยครับ ผมยังไม่สะดวกที่จะติดต่อ
โดยตรงกับทุกคน เพราะต้องรีบทำงานที่พระคุณลุงฝากผมไว้ครับ
"เมื่อเชียงใหม่ ล่ม น้ำปิงกลายเป็นสันดอย
ควรเริ่มอพยพ " ที่พระคุณลุงเคยฝากไว้
ฝากพี่ๆได้เตรียมการให้พร้อมนะครับ
วันวิสาขบูชา ผมไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าหมู่ใหม่
ใครว่างไปปฏิบัติธรรมด้วยกันนะครับ
(หรือถ้าในโลกจิต แล้วผมมักจะเริ่มจากการไปกราบพระที่
วัดป่าดาราภิรมย์ก่อนที่จะอธิฐานจิตไปที่อื่น
ใครอยากเจอก็ไปเริ่มต้นที่นั่นโดยตรงกับผมได้
พระคุณลุง บอกผมเสมอครับว่า แสงประจำตัวผม
มองไกลๆ จะเป็นดวงสีทับทิมครับ
แต่ผมมองตัวเองเป็นสีขาวทุกที)
ขอทุกคนตั้งมั่นอยู่ในความดีครับ
************************************
หลานพระคุณลุงครับ
<!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: 0px; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: 0px; BORDER-LEFT: 0px; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">เจอ45หน อาฟเตอร์ช็อก เผ่นจากตึก [18 พ.ค. 50 - 02:48]
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=15 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=15 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>จากเหตุการณ์ระทึกขวัญแผ่นดินไหวรุนแรง วัดแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 6.1 ริกเตอร์ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณชายแดนพม่า-ลาว ห่างจาก จ.เชียงราย ราว 95 กม. รับความสั่นสะเทือนได้ในหลายจังหวัดของภาคเหนือ รวมทั้งตามตึกสูงหลายแห่งทั่วกรุงเทพมหานคร สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในตึกสูงต่างเผ่นหนีเอาตัวรอดออกจากตัวอาคารโกลาหล นอกจากนี้ อิทธิพลของแผ่นดินไหวยังทำให้ยอดฉัตรพระธาตุ จอมกิตติ โบราณสถานเก่าแก่ใน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย หักโค่นลงมา และยังเกิดรอยแตกร้าวทั่วองค์พระธาตุ รวม ทั้งตัวอาคารหลายแห่งแล้วนั้น ล่าสุดได้เกิดคลื่นยักษ์พัดถล่มเกาะภูเก็ตอีกรอบ
คลื่นยักษ์ซัดเกาะภูเก็ต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 พ.ค. ภายหลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ได้เกิดคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ สูงราว 6 เมตร ซัดถล่มเข้าใส่บ้านเรือนและร้านอาหารนับสิบแห่ง ตลอดริมหาดทรายแก้ว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พังพินาศเป็นหน้ากลอง นักท่องเที่ยวและชาวบ้านวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่นขึ้นไปบนถนนใหญ่ห่างจากฝั˜งราว 20 เมตร รอดตายอย่างหวุดหวิด ก่อนที่เกลียวคลื่นจะหอบเอาสิ่ง ของต่างๆที่วางเกลื่อนกลาดลงสู่ท้องทะเล ท่ามกลางความตื่นตกใจของนักท่องเที่ยวและชาวบ้าน เช่นเดียวกันกับบริเวณชายฝั่งตะวันตกของเกาะภูเก็ต เช่น สะพานสารสิน หาดไม้ขาว ต.ไม้ขาว หาดในยาง และบ้านสาคู ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต น้ำทะเลเอ่อล้นขึ้นมาบนฝั่งอย่างรวดเร็ว ท่วมสะพานสารสิน ก่อนที่จะไหลกลับลงสู่ทะเล สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับชาวบ้านจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีการพูดต่อๆกันถึงความผิดปกติของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น โดยชาวบ้านหลายรายหวั่นวิตกกันว่าอาจจะเกิดคลื่นยักษ์ “สึนามิ” รอบ 2 ขึ้นมาอีก บางครอบครัวที่มีบ้านอยู่ริมทะเลถึงขั้นขนข้าวของทรัพย์สินมีค่าออกจากบ้านไปอยู่กับญาติใน ตัวเมืองภูเก็ต เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
เสี่ยร้านอาหารเผยนาทีรอดตาย
นายศรีภูมิ อริยะอุดมกิจ อายุ 48 ปี เจ้าของร้านอาหาร “จักจั่นซีฟู้ด” ริมหาดทรายแก้ว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เปิดเผยนาทีระทึกใจว่า เปิดร้านอาหารมานานกว่า 30 ปีแล้ว คลื่นยักษ์ที่ซัดครั้งนี้ยอมรับว่าขนาดน้องๆคลื่นยักษ์สึนามิที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปลายปี 47 ที่ผ่านมา ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะไม่มีหน่วยงานใดออกมาชี้แจง หรือบอกกล่าวว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวคืออะไร ก่อนเกิดเหตุ กำลังจัดเตรียมอาหารอยู่ภายในครัว จู่ๆได้ยินเสียงคล้ายคลื่นขนาดใหญ่ซัดถล่มเข้าใส่ร้านอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว ตนพร้อมภรรยาและลูกจ้างอีก 3 คน พากันเผ่นหนีออกจากร้านเอาตัวรอดแบบไม่คิดชีวิตไปบนถนนที่อยู่ห่างออกไปราว 20 เมตร โดยมีเกลียวคลื่นไล่ตามไปติดๆ โชคดีความแรงของคลื่นลดลงทำให้รอดตาย หลังคลื่นสงบและแน่ใจว่าปลอดภัยแล้วจึงกลับลงไปดู พบว่าศาลาเรือนไม้ขนาดใหญ่ที่ปลูกอยู่ริมหาดถูกคลื่นซัดจนพัง โต๊ะม้าหินอ่อนพังหัก ต่อมามีเจ้าหน้าที่ อบต.ไม้ขาวเข้ามาสำรวจความเสียหาย แต่ก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร หรือแจ้งให้ทราบว่ามันเป็นเหตุการณ์อะไร
อุตุฯบอกไม่เกี่ยวแผ่นดินไหว
ทั้งนี้จากการตรวจสอบไปยังศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ชายฝั่งตะวันตกได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า ตั้งแต่ เวลา 06.00 น.วันที่ 17 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต ลมตะวันตกเฉียงใต้ความเร็ว 20-40 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร นอกจากนี้ ในเวลาประมาณ 10.40 น. มีระดับความสูงของคลื่นจากระดับน้ำทะเลปานกลางถึง 1.24 เมตร อันเป็นผลมาจากมีคลื่นลมในทะเลแรงและมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ประกอบกับอยู่ในช่วงของน้ำขึ้นน้ำลง ซึ่งเป็นวันขึ้น 1 ค่ำทำให้ระดับน้ำทะเลยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการเกิดแผ่นดินไหวแต่อย่างใด ซึ่งจากการตรวจสอบการเกิดแผ่นดินไหวประจำวันในฝั่งทะเลอันดามันและประเทศใกล้เคียงในแนวฝั่งทะเลอันดามัน พบว่ามีการเกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศอินโดนีเซีย มีขนาด 5.2 ริกเตอร์ ในฝั่งตะวันออกของเกาะสุมาตรา ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฝั่˜งทะเลอันดามันในประเทศไทยแต่อย่างใด
เตือนชาวบ้านอย่าตื่นตระหนก
ด้านนายอรุณ เกิดสม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบกับกรมอุทกศาสตร์ทหารเรือและศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติแล้ว ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด นอกจากนี้ได้สอบถามไปยังหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.ไม้ขาวอ.ถลาง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่มีชาวบ้านแตกตื่น ได้รับแจ้งว่าระดับน้ำสูงขึ้นจริง แต่เป็นเรื่องของน้ำขึ้นน้ำลง ประกอบกับเป็นวันขึ้น 1 ค่ำ ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงมากกว่าปกติ ขณะเดียวกันมีปริมาณฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นตามระดับ จึงขอให้ประชาชนอย่าได้แตกตื่น เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเกิดแผ่นดินไหวได้ตรวจสอบและเฝ้าติดตามสถานการณ์ อย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อเกิดข้อสงสัยขอให้ สอบถามไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ
สั่งล่ามือฉกแก้วมณียอดฉัตร
สำหรับความคืบหน้าเหตุการณ์แผ่นดินไหวในจังหวัดภาคเหนือ เมื่อตอนสายวันเดียวกันนายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผวจ.เชียงราย ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมพร้อมรับมือแผ่นดินไหว โดยกำชับให้ทุกอำเภอเร่งสำรวจความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านเรือนประชาชน สถานศึกษา อาคารสำนักงาน วัดวาอาราม รวมทั้งพระธาตุ 9 จอม ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดเพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป ต่อมานายอมรพันธุ์เดินทางไปที่วัดพระธาตุจอมกิตติเพื่อตรวจดูความเสียหายพบรอยร้าวหลายแห่ง พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ค้นหาแก้วมณี 5 เม็ด ที่หลุดหายไปจากยอดฉัตรกลับคืนมา เพราะถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง รวมทั้งประกาศปิดทางขึ้นพระธาตุชั่วคราวเพื่อซ่อมแซมบูรณะองค์พระธาตุ คาดว่าอาจจะใช้งบสูงถึง 7 ล้านบาท
พระธาตุจอมจ้อเสียหายไม่แพ้กัน
ขณะเดียวกันจากการสำรวจของเจ้าหน้าที่พบว่านอกจากองค์พระธาตุจอมกิตติที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวแล้ว ยังมีพระธาตุจอมจ้อ หมู่ 20 ต.เวียง อ.เทิง จ.เชียงราย โบราณสถานสำคัญและเป็น 1 ใน 9 จอมของเชียงราย ได้รับความเสียหายเกิดรอยแตกร้าวหลายจุด นอกจากนี้อาคารบ้านเรือนและสถานที่สำคัญหลายแห่งในตัวเมืองเชียงรายได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยเฉาะเรือนจำกลางเชียงรายหลังเก่า ซึ่งปัจจุบันดัดแปลงเป็นสวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ พบว่าตัวอาคารซึ่งมีสภาพ เก่าแก่อายุร่วมร้อยปีเกิดการแตกร้าว ผนังปูนกะเทาะออกมาหลายจุด โดยนายวันชัย จงสุทธนามณี นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงราย กล่าวว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นถือเป็นความรุนแรงในรอบ 20 ปี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งออกสำรวจความเสียหายแล้ว โดยเฉพาะโรงเรียนในสังกัดทั้ง 7 แห่ง เพื่อจะได้เร่งซ่อมแซมให้อยู่ในความปลอดภัย สำหรับอาคารในสวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติที่ได้รับผลกระทบนั้นจะเร่งซ่อมแซมต่อไป
สั่งปิดอาคารเรียน 2 แห่ง
นางจันทร์สวย เจริญศัสตรารักษ์ ผอ.โรงเรียนเทศบาล 2 (หนองบัว) กล่าวว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ทำให้อาคารเรียน 4 และอาคารเรียน 5 ซึ่งมีความสูง 4 ชั้น เกิดรอยแตกร้าวบริเวณเสาของอาคารหลายจุด นอกจากนี้ อาคารเก่า 2 ชั้น ใช้เป็นที่เรียนของนักเรียนระดับชั้นอนุบาล ระเบียงเกิดรอยร้าวหลายจุดเช่นกัน ได้สั่งให้ภารโรงนำเศษปูนออก เกรงจะตกใส่ศีรษะนักเรียน พร้อมกันนี้ ระหว่างเข้าแถวเคารพธงชาติ ยังได้ให้ความรู้ กับเด็กเรื่องแผ่นดินไหว และการช่วยเหลือตัวเองเบื้องต้น ในขณะที่นายสุทัศน์ พัทธยากร ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาเชียงราย เขต 2 กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบพบว่าโรงเรียนในสังกัดเสียหาย 2 แห่ง คือโรงเรียนบ้านโป่งพระบาท และโรงเรียนเม็งรายมหาราช สภาพอาคารแตกร้าว ต้องสั่งปิดการใช้อาคารชั่วคราว พร้อมกั้นเชือกเป็นเขตอันตราย ห้ามเข้าใกล้จนกว่าจะซ่อมแซมแล้วเสร็จ
เชียงใหม่รอดมือแผ่นดินไหว
เช่นเดียวกับที่ จ.เชียงใหม่ นายสหวัฒน์ แน่นหนา ผอ.สำนักงานศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจโบราณสถานกว่า 50 แห่ง ไม่พบความเสียหายแต่อย่างใด โดยนายสหวัฒน์กล่าวว่า สำหรับโบราณสถานของเชียงใหม่มีการเฝ้าระวังมาตลอด หลังเกิดแผ่นดินไหวส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจ พบว่ายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่ที่น่าห่วงคือโบราณสถานใน จ.เชียงราย พบว่ามีความเสียหายหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า วันเดียวกัน นายบุญเสริม จิตเจนสุวรรณ นายอำเภอแม่ริม ได้สั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ออกชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนบ้านน้ำหลง หมู่ 8 ต.สันโป่ง หลังชาวบ้านส่วนใหญ่แตกตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากอยู่ใกล้จุดแผ่นดินไหว พร้อมกับให้เร่งสำรวจความเสียหายด้วย
ยันไม่กระทบเขื่อนภูมิพล
ในขณะที่นายชุมพร พลรักษ์ ผวจ.ตาก กล่าวว่า ในส่วนของ จ.ตาก ไม่ได้รับรายงานเหตุแผ่นดินไหว แต่ก็ไม่ประมาท เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ตลอดเวลา เพื่อรับมืออพยพผู้คนในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะราษฎรที่อาศัยอยู่บริเวณภูเขาสูง เสี่ยงอันตรายต่อดินถล่ม สำหรับเขื่อนภูมิพลนั้น มีการติดตั้งเครื่องวัดแรงสั่นสะเทือน ขณะเกิดแผ่นดินไหวเครื่องวัดไม่สามารถตรวจจับแรงสั่นสะเทือนได้ เนื่องจากอยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว รวมทั้งอยู่นอกแนวรอยเลื่อน แต่เพื่อความไม่ประมาท ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบอุปกรณ์วัดแรงสั่นสะเทือนทุกวัน เพราะอาจมีแผ่นดินไหวอีกระลอก ซึ่งเขื่อนภูมิพบมีความแข็งแรง สามารถรับแรงสั้นสะเทือนได้ถึง 7.1 ริกเตอร์ และมีการตรวจสอบโครงสร้างของเขื่อนมาโดยตลอด
คนกรุงขวัญหนีดีฝ่ออีกรอบ
ที่อาคารศรีจุลทรัพย์ ถนนพระราม 1 เขตปทุมวัน กทม. เป็นอาคารสูง 22 ชั้น มีสำนักงานเอกชนเช่าพื้นที่รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต) รวมอยู่ด้วย ภายหลังผ่านเหตุการณ์ระทึกใจ ในช่วงเช้า พนักงานบริษัทต่างๆเข้าไปทำงานตามปกติ จนกระทั่งเวลา 15.45 น. วันเดียวกัน ปรากฏว่าผู้ดูแลอาคารได้ ประกาศเตือนให้ผู้คนที่อยู่ในตัวอาคาร ออกนอกตัวอาคารโดยด่วน เนื่องจากได้รับแจ้งจากกรมอุตุฯว่าจะเกิด “อาฟเตอร์ช็อก” ตามมาอีก ทำให้ผู้คนที่นั่งทำงานอยู่ในอาคารตื่นตกใจ หยิบฉวยข้าวของเท่าที่จะเก็บได้เผ่นหนีออกจากตัวอาคารกันโกลาหล
มท.ทำคู่มือแจกประชาชน
นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า กระทรวง มีขั้นตอนในการดูแลและให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้น เชื่อว่าไม่มีพื้นที่ใดต้องระวังเป็นพิเศษ เรื่องแผ่นดินไหวคงบอกไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร ต้องให้กรมที่รับผิดชอบแจ้งเตือนมา ทั้งนี้เชื่อว่าแต่ละจังหวัดมีความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัย ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องมีการจัดทำคู่มือป้องกันและเตือนเหมือนประเทศญี่ปุ่นหรือไม่ นายอารีย์กล่าวว่า อาจจะต้องทำ ซึ่งคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.) ดูแลการจัดทำคู่มือให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับเรื่องการป้องกันตัว และรับมือกับภัยธรรมชาติ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม แผ่นดินไหว เห็นว่าควรจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง
เชิญญี่ปุ่นร่วมวางแผน
ด้านนายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ขณะนี้ทางกรมป้องกันฯ ได้ร่วมมือกับศูนย์เตรียมพร้อมลดภัยพิบัติแห่งเอเชีย หรือ ADPC ในการจัดทำคู่มือเตือนภัยแผ่นดินไหว เพื่อนำแจกจ่ายให้กับประชาชนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ ยังได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่น มาร่วมมือทำแนวทางป้องกันเหตุแผ่นดินไหว เพื่อปรับปรุงคู่มือเตือนภัยแผ่นดินไหวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ เมื่อเกิดแผ่นดินไหว ประชาชนก็ควรหมอบราบลงกับพื้น และหาที่หลบภัยที่แข็งแรงไว้เพื่อป้องกัน ซึ่งอาจเป็นใต้โต๊ะ หรือใต้เตียง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เกิดเหตุขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. จนถึง เวลา 10.30 น.ของวันที่ 17 พ.ค. สามารถวัดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีก 45 ครั้ง ขนาดความแรงประมาณ 3-4 ริกเตอร์
ยืนแค่ 6.3 ริกเตอร์
นายอภิชัย ชวเจริญพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงกรณีการเกิดแผ่นดินไหวว่า การเกิดแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ข้อมูลที่ได้รับล่าสุดจากกรมทรัพยากรธรณี ประเทศสหรัฐอเมริกา (USGS) คือ แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นคือ 6.3 ริกเตอร์ ถือว่ารุนแรงระดับปานกลาง และห่างจาก อ.เชียงของ จ.เชียงราย เพียง 60 กิโลเมตร และห่างจาก กทม. ประมาณ 750 กิโลเมตร ทั้งนี้ ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้นั้น ได้ตรวจพบการเกิดแผ่นดินไหวมาก่อนหน้านี้แล้วประมาณ 3-4 ครั้ง สามารถวัดแรงสั่นสะเทือนได้ ตั้งแต่ 2.7-4.5 ริกเตอร์ ส่วนหลังเกิดเหตุได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีก 29 ครั้ง ซึ่งในบางพื้นที่อาจรู้สึกได้ ขณะที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะอยู่ ที่ จ.เชียงราย และ เชียงใหม่ เช่น อาคารร้าว กระจกแตก เป็นต้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก แต่มีความรู้สึกถึงความสั่นไหวได้มาก
จับตาพื้นที่เมืองกาญจนบุรี
นายอภิชัยกล่าวอีกว่า ที่น่าห่วงมากที่สุด หลังเกิดแผ่นดิน คือ ที่ จ.กาญจนบุรี โดยเฉพาะรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ รอยเลื่อนด่านเจดีย์สามองค์ และรอยเลื่อนสะแกง ซึ่งเป็นรอยเลื่อนที่มีขนาดใหญ่ และมีพลังค่อนข้างมาก ซึ่งหากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7 ริกเตอร์และห่างจากไทยประมาณ 400 กม. ก็จะเกิดผลกระทบกับไทยมากกว่านี้ ทั้งนี้รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์เป็นรอยเลื่อนแขนงของรอยเลื่อนสะแกงซึ่งเคยเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปี 2526 ขนาด 5.9 ริกเตอร์ บริเวณปากห้วยแม่พลู ห่างจากเขื่อนศรีนครินทร์ 60 กม. แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขื่อนแต่อย่างใด แต่ก็ควรที่จะมีการป้องกัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องรื้อเขื่อนทิ้ง นอกจากนั้นยังมีอีก 13 รอยเลื่อนที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งกำลังจับตามองและเฝ้าระวัง เกรงว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหวซ้ำขึ้นอีกครั้ง จะสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นได้ สิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนขณะนี้คือต้องออกกฎหมายควบคุมอาคารที่มีความสูงเกิน 15 เมตร ใน 10 จังหวัด คือ กทม. เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน ทั้งนี้ ในส่วนของ กทม.และปริมณฑลจะประกาศในเร็วๆ นี้
ทุ่มงบ 10 ล้านซ่อมแซม
นายอารักษ์ สังหิตกุล อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงกรณีแผ่นดินไหวจนทำให้ยอดฉัตรพระธาตุจอมกิตติ จ.เชียงราย โค่นหักลงมาว่า ขณะนี้กระทรวงวัฒนธรรม ได้ตั้งงบประมาณในการสำรวจและบูรณะโบราณสถานที่เสียหายประมาณ 10 ล้านบาท โดยเฉพาะพระธาตุจอมกิตติ ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวจนทำให้ยอดฉัตรหักลงมา รวมทั้งฐานและองค์พระธาตุมีรอยร้าวเป็นจำนวนมาก โดยได้สั่งการให้สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ เข้าไปสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นให้เก็บชิ้นส่วนยอดฉัตรทองคำ เพชร พลอย ไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสนแล้ว ทั้งนี้ ตนจะเดินทางไปสำรวจความเสียหายในวันที่ 19 พ.ค.นี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง คือพระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง องค์พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม และพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุฯ จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากเป็นเจดีย์องค์ใหญ่มีอายุเก่าแก่และตั้งอยู่บนดินอ่อน เกรงว่าเมื่อเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงอาจะทำให้เกิดอันตรายต่อองค์พระธาตุได้ ดังนั้นกรมศิลปากรจึงได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อทำการสำรวจโบราณสถานที่มีความเสี่ยงต่อไป
เตรียมพร้อมแพทย์ 24 ชม.
นพ.มรกต กรเกษม รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลในพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมรองรับบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขอย่างเต็มที่ ทั้งทีมแพทย์ พยาบาลที่จะให้ บริการ เวชภัณฑ์ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ ระบบติดต่อสื่อสาร ตลอดจนระบบการส่งต่อผู้ป่วย ขอให้ประชาชนมั่นใจ หากประสบอุบัติเหตุฉุกเฉิน สามารถติดต่อได้ทางหมายเลข 1669 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนั้น ขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูฝนมีลมพายุพัดผ่านประเทศไทยตลอด หลายพื้นที่มีฝนตกหนักต่อเนื่อง เสี่ยงต่อภัยธรรมชาติอื่นๆ อาทิ โคลนถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก จึงให้สถานพยาบาลทุกแห่ง โดยเฉพาะสถานพยาบาลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงได้เตรียมการรองรับภาวะวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นด้วย
แผ่นดินไหวไม่กระทบต่อ รพ.
ด้าน นพ.สมปรารถน์ หมั่นจิตต์ ผอ.รพ.เชียงของ กล่าวว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ นับว่ามีแรงสั่นสะเทือนมากที่สุด แต่อาคารโรงพยาบาลไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 30 ราย รู้สึกตื่นตกใจเล็กน้อย ทั้งนี้ โรงพยาบาลเพิ่งจัดซ้อมแผนรับอุบัติเหตุ อุบัติภัยไปเมื่อเดือน มี.ค.2550 โดยมีการประสานกับโรงพยาบาลรอบนอกด้วย หากเกิดเหตุฉุกเฉินและต้องมีการขนย้ายผู้ป่วย จะส่งไปรับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลขุนตาล ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 40 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที และหากเป็นผู้ป่วยหนัก จะส่งไปที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ระยะทาง 110 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ตลาดหลักทรัพย์ฯยันไม่กระทบ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแจ้งว่า การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ตลาดตราสารหนี้ ตลาดตราสารอนุพันธ์ รวมทั้งระบบการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ของวันพุธที่ 16 พ.ค.2550 ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด สำหรับแรงสั่นสะเทือนจากเหตุแผ่นดินไหวที่อาคารสูงในกรุงเทพฯหลายแห่งนั้น ได้ส่งผลให้บริษัทสมาชิกที่มีสำนักงานในอาคารสูงเพียงบางรายไม่สามารถให้บริการได้ในช่วงเวลาดังกล่าวเพียงชั่วคราวเท่านั้น และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวมและการคำนวณดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์ฯแต่อย่างใด ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยในวันพุธที่ 16 พ.ค.2550 ปิดที่ 721.66 (เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 8.39 จุด) มูลค่าการซื้อขายรวม 16,200.66 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 6,545.99 ล้านบาท) สำหรับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ปิดที่ 209.93 (ลดลง 1.60 จุด) มูลค่าการซื้อขายรวม 248.07 ล้านบาท (ลดลงจากวันก่อน 54.29 ล้านบาท)
อาฟเตอร์ช็อกตามมาอีก 12 ครั้ง
วันเดียวกัน นางสุมาลี ประจวบ ผอ.สำนักแผ่นดินไหวกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า หลังเกิดแผ่นดินไหวบริเวณพรมแดนลาว-พม่า ขนาด 6.3 ริกเตอร์ เมื่อเวลา 15.57 น. ของวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดแผ่นดินไหวตามมาหรือ “อาฟเตอร์ช็อก” ที่มีขนาดมากกว่า 4.0 ริกเตอร์ ใกล้บริเวณศูนย์กลางที่เกิดแผ่นดินไหว 12 ครั้ง โดยในวันที่ 16 พ.ค. เกิดขึ้น 9 ครั้ง ส่วนวันที่ 17 พ.ค. เกิด 3 ครั้ง ทั้งนี้ ลักษณะอาฟเตอร์ช็อกที่เกิดขึ้น เป็นการปรับสมดุลทางธรรมชาติ ทุกครั้งที่เกิดแผ่นดินไหว ภายใน 12 ชั่วโมงแรกพื้นผิวโลกจะมีการปลดปล่อยพลังงานออกมาเป็นระยะๆ หลังจากนั้นภายใน 1-2 วัน จึงค่อยๆ ลดน้อยลงไป ซึ่งหลังการเกิดอาฟเตอร์ช็อกยังไม่มีรายงานว่ารู้สึกบริเวณจังหวัดใดบ้าง

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

*** เตือนสติ ... เดินทางตรง ****

*** หลักตนพึ่งตน ****

ต้องพึ่งการกระทำของตนเอง
ไม่ควรไปพึ่งผู้อื่น
พระพุทธเจ้า...สอนให้พึ่งตนเอง พึ่งการกระทำ

จะเป็นโสดาบัน...ต้องพึ่ง "สัจจะ"
จะเป็น อรหัน...ก็ต้องพึ่ง "สัจจะ"
จะเป็นพระพุทธเจ้า...ก็ต้องพึ่ง "สัจจะ"
เพราะ...โลกุตตระ ส่งมอบ "สัจจะ" มาให้พิจารณา

"สัจจะ" คือ ทางตรง นำพาให้สัตว์หลุดพ้น
นี้คือ...ความจริง ไม่ผิดเพี้ยน พิสูจน์ได้ด้วยตนเอง !!!!!!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ฤา โลกจะแตกในปีค.ศ. 2019
Asteriod and Comet Impact Hazards

ดิฉันเพิ่งกลับมาจากงาน INET 2007 เมื่อสักครู่ใหญ่นี่เอง กลับมาก็ต้องตรวจอีเมลตามปกตินิสัย จึงพบว่าได้รับอีเมลจากเพื่อนชาวมาเลเซีย ที่ส่งข่าวมาเตือนให้ทราบเกี่ยวกับเรื่อง วันสิ้นโลก
อีเมลถูกส่งมาให้ลักษณะของ forwarding email ยังดีนะ ที่ปกปิดรายชื่ออีเมลปลายทางอื่นๆ ไว้ ไม่งั้นล่ะก็ คงจะได้เห็น spam กันให้มั่วอีกตามเคย
เนื้อหาของอีเมล เป็นภาษาอังกฤษไม่กี่ประโยคเลย ง่ายๆ ดังนี้

Subject: Fw: NASA predicts Worldwide Holiday on Feb 1, 2019​

[SIZE=+0]FEBRUARY 1 st 2019 IS FRIDAY ...!! IS IT TRUE OF THE [SIZE=+0]END OF[/SIZE][SIZE=+0] THIS WORLD..??!!![/SIZE][/SIZE]​

[SIZE=+0]BE PREPARED IF ITS TRUE[/SIZE]​

[SIZE=+0]NASA predicts Worldwide Holiday on Feb 1, 2019 as the​

[SIZE=+0] world is scheduled to end[/SIZE][/SIZE]​

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะสงสัยเต็มกำลังว่าจะเป็นข่าวมั่ว จำพวก hoax อีก จึงเข้าไปลองค้นหาข้อมูล ผ่าน keyword ง่ายๆ ว่า "2002+NT7" เพื่อพิสูจน์ขั้นต้นก่อนว่า code ของวัตถุนี้มีใน list ของ NASA จริง
ผลของการค้นหา พบว่า วัตถุที่ว่านี้มีจริง แถมมีข่าวเกี่ยวกับการทำนายช่วงเวลาที่วัตถุนี้ น่าจะพุ่งชนโลกในปี 2019 จริง เพียงแต่ว่า!!!!!! ข้อมูลเหล่านั้น ถูกประกาศออกมาเป็นระยะๆ ตามลำดับดังนี้

• [SIZE=+0]วันที่ July 23, 2002 [/SIZE]
  Two new NEAs and a Proposed Survey Telescope
  
  
  <TABLE height=397 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=449 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top height=35></TD></TR><TR><TD class=body vAlign=top>Article Posted: July 23, 2002 Asteroid 2002 NT7 could hit in two decades; 2002 NY40 passes by August 17; and a large NEA search telescope is proposed.

  <HR width="70%" noShade SIZE=1>​

  </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=top>(1) NEAR-EARTH ASTEROID (NEA) 2002 NT7

  A small NEA called 2002 NT7 currently under observation has a remote possibility of hitting the Earth in 2019. The possibility will most likely be resolved within the next few days as new observations come in. It is reported here as an example of the sort of “detective work” associated with some of the newly discovered NEAs. (Assuming that you see nothing more posted here, you can assume that subsequent observations showed this object not to be a problem). ​

  Asteroid 2002 NT7, a relatively large (H=16) Apollo asteroid with a still rather poorly determined orbit, has been on the Risk Pages of both NEODyS and JPL since July 18. The asteroid is easily observable; in fact it is observed practically every night, and its visibility will remain very good for the coming two months. As new observations come in, the situation will evolve in the next days and, as usual, either the probability associated with this object will go up somewhat, or, more probably, it will disappear. ​

  The probability of impact is so small that this asteroid remains at a risk level on the Torino scale of 0 – meaning that the chances of impact from another unknown NEA of the same size or larger is greater than the chances of being hit by 2002 NT7. However, the impact probablity is not zero, and additional observations are needed to ensure that this object will not hit the Earth in 17 years. ​

  </TD></TR></TBODY></TABLE>​

• วันที่ July 24, 2002 [ข้อสังเกต - วันถัดมา]
  Asteroid 2002 NT7: Low-Probability of Earth Impact in 2019
  Asteroid 2002 NT7 currently heads the list on our IMPACT RISKS Page because of a low-probability Earth impact prediction for February 1, 2019. While this prediction is of scientific interest, the probability of impact is not large enough to warrant public concern.
  </PRE>​
• วันที่ July 26, 2002 [เริ่มมีการเขียนเกี่ยวกับเรื่อง NT7 จะพุ่งชนโลกแล้วจริงๆ]Caveat Impactor
  
  An asteroid with almost no chance of hitting Earth made big headlines this week.
  
  
• และแล้วเหตุการณ์ก็พลิกผันค่ะ ในวันที่ July 28, 2002 NASA ก็ประกาศว่า โอกาสพุ่งชนมีน้อยลง และเนื่องจากยังยืนยันการพุ่งชนไม่ได้ จึงขอนำ NT7 ออกจาก IMPACT RISK table ไปก่อน
  Asteroid 2002 NT7: Potential Earth Impact In 2019 Ruled Out
• จนที่สุด วันที่ August 12, 2002 NASA จึงประกาศเป็นทางการว่า NT7 ไม่มีอันตรายใดๆ อีกต่อไป
  Risk from Asteroid 2002 NT7 Eliminated
  
  
  <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=516 border=0><TBODY><TR height=20><TD vAlign=bottom colSpan=2 height=20><!-- Page Title Image starts -->

  
  </PRE><!-- Page Title Image ends -->​

  </TD></TR><TR height=1><TD bgColor=#cccccc colSpan=2 height=1>

  
  </PRE>​

  </TD></TR><TR height=10><TD colSpan=2 height=10>

  
  </PRE>​

  </TD></TR></TBODY></TABLE>​
  [SIZE=-2]2002-08-02 | SCIENCE [/SIZE]​
  [SIZE=+0]Risk from Asteroid 2002 NT7 Eliminated[/SIZE]
  </PRE>​
  New calculations based on fresh data reveal that asteroid 2002 ​
  
  
  NT7​
  will not strike Earth during the foreseeable future. Last week, preliminary ​
  computations showed a miniscule chance the asteroid would collide with Earth in ​
  the year 2019. The announcement grabbed ​
  
  
  world headlines.​
  However, the odds of impact were never higher than one in ​
  260,000. ​
  
  </PRE>​
  It's common for estimates of asteroid danger to start out small, get even smaller, ​
  then disappear entirely. ​
  When astronomers first spot a near-Earth object (NEO), ​
  they have little information to go on about its movements. As they project the ​
  object's path ​
  into the future, they allow ​
  
  
  for a great deal of uncertainty.​
  The object could pass anywhere within a ​
  large region of the inner solar system, and that region sometimes includes Earth. ​
  On following nights, astronomers can further observe the NEO's movements and ​
  plot its course more precisely. The zone where they think the object might pass ​
  begins to shrink, usually until it no longer includes Earth.
  </PRE>​
  Asteroid and comet impacts are a ​
  critical factor in astrobiology. Paradoxically, they can apparently both ​
  
  
  make a planet uninhabitable and hasten the evolution of life.​
  Understanding ​
  what ​
  
  
  makes a planet habitable​
  and how ​
  
  
  life evolves​
  are among astrobiology's ​
  
  
  top goals.​
  
  </PRE>​
• และประกาศไว้อีกครั้งว่า ไม่เป็นอันตรายจริงๆ
  2002 NT7: Media Splash but No Threat
  
  <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top height=35><HR noShade SIZE=1></TD></TR><TR><TD vAlign=top>Article Posted: August 12, 2002 NEA 2002 NT7 is quickly declared no danger, but leaves a debate concerning media coverage.

  <HR width="70%" noShade SIZE=1>​

  </TD></TR><TR><TD vAlign=top>On July 18, initial orbital calculations for newly discovered asteroid 2002 NT7 indicated a remote possibility of impact in 2019 (see News Archive for June 22, 2002). On July 24 this remote chance of impact became an international media story based on initial published reports that the asteroid was “on a collision course with Earth”. As expected, however, additional observations quickly eliminated the possibility of an impact. The “all clear” for any impact in 2019 was released on July 26, and by August 1 continuing orbital improvements also eliminated a lower-probability impact in 2060. This progression of events reflects the normal working of the Spaceguard system. There is always an initial large uncertainty in the orbit of a newly discovered NEA, which is resolved as new observations are made.

  So why all the media fuss about NT7? There is a wide divergence of opinion about what happened, much of it related to an apparent difference in press practices (and public expectations) in the USA and UK, the two countries in which most of the media stories originated. Simply put, the British Press seems to be more prone to exaggerated headlines and lead-ins, sometimes combined with a dose of humor – and the British public understands this and does not expect a high level of technical accuracy from their press. Americans generally hold science reporters to a higher standard, although alternatively, the Brits might say that Americans lack a sense of perspective and perhaps also a sense of humor. ​

  One of the first to break the story on NT7 was David Whitehouse, senior science reporter on the BBC and holder of a doctorate in astronomy. His story began: “An asteroid discovered just weeks ago has become the most threatening object yet detected in space. A preliminary orbit suggests that 2002 NT7 is on an impact course with Earth and could strike the planet on 1 February, 2019 - although the uncertainties are large.” ​

  In July 27 letter send to Benny Peiser, Whitehouse defends himself as follows: “Most reports said, quite rightly, that, based on the limited data available, it had an impact solution in 2019, but that more observations would almost certainly rule out any collision. I cannot agree that the vast majority of the reports give "no hint of the true situation," as one astronomer has commented… This is a subject of mixed messages as far as the media are concerned. I have seen many comments from astronomers and Nasa saying (after they had criticised the media) that NT7 will not hit us but then adding such phrases as ‘ALMOST no chance’ and ‘the impact probability is NOT ZERO’ and ‘there is a GOOD chance that this particular object won't hit us’ - actual quotes. Journalists can drive a cart and horses between ALMOST and NOT-ZERO. Ask the politicians about it.” ​

  Whitehead feels that his lead statement that “2002 NT7 is on an impact course with Earth and could strike the planet on 1 February, 2019” was correct – but to my knowledge no astronomer who studies NEAs agrees. To say that the orbit is highly uncertain but allows the very low probability (of order 1 in 100,000) of an impact in 2019 is not equivalent to saying that the asteroid is “on an impact course with Earth” – at least the way I use the English language. Maybe this is an example of the difference between British and American usage. ​

  The following article from Space.com explores these differences between US and UK press in much greater detail. ​

  David Morrison ​

  </TD></TR></TBODY></TABLE>​

• ข้อสรุปสำหรับความหวังดีจากเพื่อนคือ 2002-NT7 มีอยู่จริง, มีการประกาศเตือนจริงว่า มันอาจจะพุ่งชนโลก, และมีประกาศในระยะต่อมาว่า มันถูกตัดออกจากรายการวัตถุที่ถูกจับตามองไปเรียบร้อยแล้ว - - ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 แหน่ะ ห่างจากปัจจุบันถึง 5 ปี (ปีปัจจุบันคือ 2007)
  
  ดังนั้น การ forward email ความปรารถนาดีใดๆ (- ขอแอบเรียก "ปาติหาน 80 บาท") อาจจะไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในปัจจุบันได้ จึงพึงระวังในการ forward email ต่อๆ ออกไปด้วย
  
  สุดท้าย ดิฉันคงต้องไปตอบอีเมลความปรารถนาดีของเพื่อน ให้เธอหายกังวลว่า 2019 โลกเราจะไม่โดน NT7 ถล่มแน่นอน ปาติหานนี้ไม่เป็นผล ....

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

• ตารางรายการวัตถุที่ถูกจับตามอง update วันต่อวัน
• 2007 FT3 สิ ที่อาจจะชนโลกในปี 2013
• และอย่าตื่นตกใจไป ยังไงๆ มนุษย์ก็ต้องมีวันตาย

คำหลัก: 2002 nt7 2007 ft3 asteriod nasa วันสิ้นโลก อุกาบาต
โดย [ minisiam ] ลิงค์ที่อยู่ถาวร ความคิดเห็น (2)
สร้าง: ศ. 18 พฤษภาคม 2550 @ 01:00 แก้ไข: ศ. 18 พฤษภาคม 2550 @ 01:00

จาก... http://gotoknow.org/blog/disaster/96938

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>คลื่นยักษ์กระหน่ำชายฝั่งอินโดฯ เสียหายหลายพื้นที่-สูญหาย 1 ราย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 พฤษภาคม 2550 19:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> สำนักข่าวอันตาราของทางการอินโดนีเซีย รายงานว่า คลื่นขนาดใหญ่กระหน่ำพื้นที่บริเวณชายฝั่งอินโดนีเซียในภาคตะวันตกและภาคกลาง เป็นวงกว้างตลอดวันนี้ สร้างความเสียหายให้แก่หมู่บ้านและรีสอร์ตริมทะเลหลายแห่ง โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นขนาดใหญ่ รวมถึงชายฝั่งทิศใต้ของเกาะบาหลีไปจนจรดตะวันตกของเกาะชวา และเลยไปจนถึงจังหวัดอาเจะห์ทางตอนเหนือสุดของเกาะสุมาตรา โดยเฉพาะที่อาเจะห์ ชาวบ้านต้องช่วยกันค้นหาชายวัย 17 ปีรายหนึ่ง ที่ถูกคลื่นซัดหายไปในทะเล
สำนักงานพยากรณ์อากาศและธรณีวิทยาอินโดนีเซีย ออกแถลงการณ์เตือนประชาชนในแถบชายฝั่งให้อยู่ห่างจากริมทะเล เนื่องจากคลื่นขนาดใหญ่ที่เกิดจากอิทธิพลแรงลมในมหาสมุทรอินเดีย จะยังคงซัดกระหน่ำพื้นที่ชายฝั่งไปอีกหลายวัน และคลื่นอาจมีความสูงถึง 16 เมตร
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>