ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. pangbualun

    pangbualun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2010
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +285
    เชียงใหม่ไม่มีแดดมาหลายวันแล้ว อากาศเย็นลงรวดเร็ว บางวันก็มีฝนตก
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    แกนพลังงานโลกใหม่อยู่ที่เท้าหน้าขวาของสฟิงซ์

    [​IMG]

    [​IMG]

    สโตนเฮนจ์ (StoneHenge)

    สโตนเฮนจ์ (StoneHenge) แห่งเมืองซาลเบอรี่ (Salisbury) ประเทศอังกฤษ มีอายุนานประมาณ 5,000-6,000 ปีผู้สนใจสามารถหาข้อมูลละเอียดมากเท่าที่ต้องการได้จากแหล่งข้อมูลอื่นๆ หากเป็นความรู้ที่ได้มาจากวิทยาศาสตร์ทางจิต จำเป็นต้องให้เครดิตกับ “ชาวแอตแลนตีส” ก่อนเมื่อประมาณ 13,000 ปี ล่วงมาแล้ว มหาอาณาจักรแอตแลนตีส เป็นศูนย์รวมของสรรพวิทยาการและอารยธรรมในยุคนั้น เรียกกันว่า “ยุคพีระมิด” เนื่องจากใช้พลังของพีระมิดเป็นพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ทางจิต พลังจิต การสื่อสาร การเดินทาง การรักษาโรค การคำนวณบอกเวลาทางดวงดาวและกาแลคซี่ทั้ง 3 (ปฏิทินดาราศาสตร์) วิวัฒนาการด้านพลังงาน พลังจิต ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากชาวดาวอังคาร จนสามารถก้าวไปถึงลำดับสุดท้าย คือการเปลี่ยนวัตถุเป็นแสง และการเปลี่ยนแสงเป็นวัตถุ วิวัฒนาการด้านพลังงานมีด้วยกัน 7 ระดับ คือ 1. ความร้อน 2. แสง 3. เสียง 4. แม่เหล็กไฟฟ้า 5. ปรมาณู 6. เส้นแสง 7. การเปลี่ยนวัตถุเป็นแสงและการเปลี่ยนแสงเป็นวัตถุ

    1 เดือนล่วงหน้าก่อนการล่มสลายของมหาอาณาจักร มีนักบวชรูปหนึ่ง เป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา ยุคที่เหลือแต่พระธรรมคำสอน ของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ก่อนพระสมณโคดมของยุคนี้) นักบวชเป็นผู้มีความสามารถมาก มีพลังจิตสูง รู้อดีต อนาคต จึงได้รู้ถึงเวลาของการล่มสลายและยุบตัวจมลงในมหาสมุทรของมหาอาณาจักร ที่จะเกิดขึ้นภายใน 1 เดือน จากสาเหตุการใช้ “อาวุธแสง” ทำสงครามทำลายล้างแผ่นดินคู่อริ นักบวชได้ชักชวนและอพยพบุคคลที่เชื่อพาลงเรือ เดินทางร่วม 1 เดือนพ้นออกมาจากการยุบตัวของทวีปขึ้นฝั่งที่แถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ประเทศอียิปต์ในปัจจุบันนี้ นักบวชได้บอกไว้อีกว่า “แผ่นดินมหาอาณาจักรแอตแลนตีสนี้จะคืนกลับอีกครั้งในรอบ 13,000 ปีข้างหน้า จะเป็นแผ่นดินที่สมบูรณ์ด้วยทรัพยากรและจิตวิญญาณของมนุษย์” พร้อมทั้งยืนยันสัจจวาจาในครั้งนั้น

    โดยใช้พลังจิตและความช่วยเหลือจากชาวดาวอังคาร สร้างสัญลักษณ์ สฟิงซ์ (Sphinx) ขึ้น ด้วยวิธีของการเปลี่ยนวัตถุเป็นแสงและการเปลี่ยนแสงเป็นวัตถุ เพื่อเคลื่อนย้ายหินขนาดใหญ่ทำเป็นรูปสิงห์หมอบ มีใบหน้าเป็นชาวดาวอังคาร จัดวางไว้ในแนวทิศตะวันออก ตะวันตก มีพลังมโนธาตุสำหรับสร้างเป็นแกนพลังงานโลกใหม่อยู่ที่เท้าหน้าขวาของสฟิงซ์

    การสร้างสฟิงซ์มีจุดมุ่งหมายสำคัญ 3 อย่าง

    1. เป็นสัญลักษณ์แทนคำมั่นสัญญาของนักบวชที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดเพื่อกลับมาแก้ไขเหตุที่ได้สร้างไว้ในอดีต

    2. จมูกสฟิงซ์เป็นแหล่งของพลังกระแสลมปราณ เพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการหายใจของชาวดาวอังคารในยามที่แวะเวียนมาเยือนโลกของเรา แต่ในที่สุดจมูกถูกอาวุธสงครามทำลายแตกหักจนจมูกตัน ชาวดาวอังคารจึงค่อนข้างลำบากเมื่อมาท่องโลก

    3. เมื่อถึงเวลาครบรอบของการเปลี่ยนแปลงแรงดึงดูดเข้าสู่อิทธิพลของอีกกาแลคซี่ ผู้กลับมาทำหน้าที่จะใช้เท้าขวาเหยียบลงบนเท้าหน้าขวาของสฟิงซ์ เกิดการขับเคลื่อนของพลังมโนธาตุและกระแสลมปราณม้วนหมุนเป็นเกลียวเข้าสู่ศูนย์กลาง สร้างเป็นแกนพลังงานโลกใหม่ มีขั้วโลกอยู่ในแนวทิศตะวันออกและตะวันตก นักบวชรูปนั้น มีนามว่า รต (อ่านว่า ระตะ)

    นับเป็นเวลาหลายพันปีที่อารยธรรมแอตแลนตีสได้ถ่ายทอดสู่อนุชนรุ่นหลัง แตกแยกออกเป็นหลายเผ่าพันธุ์ เชื้อชาติ แยกกระจัดกระจายออกจากลุ่มแม่น้ำไนล์ไปทั่วทุกส่วนของโลก พร้อมกับนำความรู้ของแอตแลนตีสเผยแพร่อย่างกว้างขวาง เช่นการทำมัมมี่ เคล็ดลับของการมีอายุยืน พลังพีระมิด รวมทั้งหลักการคำนวณของดวงดาวและกาแลคซี่ทั้ง 3 เป็นปฏิทินดาราศาสตร์ที่อธิบายถึงการสับเปลี่ยนแรงดึงดูดที่มีอิทธิพลต่อโลกและระบบสุริยจักรวาลในช่วง 26,000 ปี

    [​IMG]

    ชาวมายา (มายัน) เป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งที่สืบเชื้อสายและมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการเผยแพร่อารยธรรมแอตแลนตีสสู่สายตาชาวโลกเป็นหลักฐานที่มีชีวิต บ่งบอกยืนยันว่า “แอตแลนตีส” มีอยู่จริง มิใช่เป็นเพียงตำนานเล่าขาน ชาวมายาจึงได้สร้างปฏิทินดาราศาสตร์ขึ้นด้วยเสาหิน แท่งหินขนาดใหญ่จำนวนหลายร้อยแท่งจัดวางเป็นวงกลมซ้อนกันอยู่ 3 วง และวิธีการสร้างเป็นวิธีเดียวกับการสร้างสฟิงซ์ คือเป็นผลงานของมนุษย์ผู้มีพลังจิตสูงร่วมมือกับชาวดาวอังคารในการเปลี่ยนหินแท่งใหญ่ที่มีน้ำหนักมากกว่า 1 ตัน ให้เป็นพลังงานแสงก่อนแล้วเคลื่อนย้ายนำไปจัดวางในที่ที่ต้องการ และใช้พลังจิต เปลี่ยนพลังงานแสงคืนเป็นแท่งหินแท่งใหญ่อีกครั้งสโตนเฮนจ์ เป็นสัญลักษณ์ที่มีอายุประมาณ 5,000-6,000 ปี ใกล้เคียงกับยุคมหาพีระมิดของประเทศอียิปต์ ศาสตร์พีระมิดของชาวอียิปต์ เป็นตัวแทนของชาวแอตแลนตีสในการถ่ายทอดพลังของพีระมิดในศาสตร์การทำมัมมี่ทำสถานที่เก็บศพ เคล็ดลับการมีอายุยืน ยารักษาโรค ฯลฯ ตลอดจนปลูกฝังความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายที่แสนงดงาม ในขณะที่สโตนเฮนจ์ของชาวมายาสร้างขึ้นเพื่อเตือนภัยแก่ชาวโลก เมื่อถึงวาระการเปลี่ยนแปลงแรงดึงดูดของแต่ละกาแลคซี่ ในรอบ 13,000 ปี

    [​IMG] [​IMG]
    [​IMG]

    พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ไขปริศนาและอ่านความลับจากการจัดวางเสาหินเป็นวงกลม 3 วงไว้ดังนี้

    เสาหินวงนอก เป็นวงกลมขนาดใหญ่ มีเส้นรอบวงกว้างโอบล้อมครอบคลุมวงกลมเล็กอีก 2 วงหมายถึง กาแลคซี่อันโดรเมดา (Andromeda Galaxy) พระอาจารย์เรียกกาแลคซี่นี้ว่า กาแลคซี่สะเทิน เพราะมีทั้งพลังงานเบา ดี และพลังงานหนัก มีขนาดใหญ่มาก เหมือนแผ่อาณาเขตปกป้องควบคุมไว้ทั้งกาแลคซี่ทางช้างเผือกและกาแลคซี่ไตรแองกุลัม

    เสาหินวงกลาง หมายถึง กาแลคซี่ทางช้างเผือก (Milky Way Galaxy) เป็นกาแลคซี่ที่ดึงดูดระบบสุริยจักรวาลของเราไว้ในขณะนี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ พระอาจารย์เรียกกาแลคซี่นี้ว่า กาแลคซี่หนัก เพราะพลังงานแรงดึงดูดที่เรียกว่าพลังงานแม่เหล็กโลกกำลังให้โทษอย่างรุนแรง และจะนำไปสู่การพลิกเพื่อเปลี่ยนแกนพลังงานโลกใหม่เข้าสู่อิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัมอีกครั้ง เมื่อครบวาระ 13,000 ปี

    เสาหินวงใน หมายถึงกาแลคซี่ไตรแองกุลัม (Triangulum Galaxy) มีขนาดเล็กกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือกพระอาจารย์เรียกกาแลคซี่นี้ว่า กาแลคซี่เบา เพราะเต็มไปด้วยพลังงานดี เบา ขาวนวล เหลืองสบาย เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์ และกำลังส่งอิทธิพลค่อยๆดึงโลก และระบบสุริยจักรวาลไปทางทิศตะวันออกทีละน้อยๆจนกว่าจะถึงวาระแกนโลกพลิกอีกครั้ง โลกและระบบสุริยจักรวาลจะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัมอย่างสมบูรณ์ไปอีกประมาณ 13,000 ปี

    ฉะนั้นในช่วงระยะเวลา 26,000 ปี สุริยจักรวาลจะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก 13,000 ปี และอีก 13,000 ปีจะสลับมาอยู่ในอิทธิพลของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม ดังนั้นเราคงพอจะรู้เหตุผลอย่างชัดเจนแล้วว่าการที่ขั้วโลกเหนือไม่ชี้ตรงไปทางทิศเหนือเสียทีเดียว ตามอิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือกแต่กลับตั้งเอียงไปทางทิศตะวันออก องศาเพราะต้านแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัมไม่ได้ การมีแรงดึงดูดระหว่าง 2 แรงที่แตกต่างคือมากกว่าและน้อยกว่าทำให้กาแลคซี่ทางช้างเผือกส่งแรงดึงดูดมายังโลกเราในลักษณะดึงเข้าและผลักออกเข้าหาศูนย์กลาง เป็นแรงยืดและแรงหด ในขณะที่กาแลคซี่ไตรแองกุลัม

    ตั้งอยู่ทางขวามือตรงกับทิศตะวันออก แรงดึงดูดที่ส่งมาจึงเกิดขึ้นเป็นแรงรับและแรงเหวี่ยง คือเหวี่ยงซ้าย-ขวา ผลจากการรับแรงกระทบแรงดึงดูดจากทั้งสองกาแลคซี่เป็นสาเหตุทำให้โลกของเรากำเนิดสิ่งมีชีวิตที่มีขันธ์ ครบ 5 ขันธ์ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) และตั้งชื่อเรียกว่า “มนุษย์” ซึ่งมีความแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่นที่อาจจะมีขันธ์เพียง 4 ขันธ์ เพราะขาดตัว “รูป” พวกเขาจึงมีลักษณะเป็นเพียงพลังงานท่องเที่ยวไปได้ทั่วจักรวาลและใช้พลังจิตเพื่อสร้าง “รูป” ขึ้นมาบ้างในบางครั้ง

    ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา ทั้งแรงดึงเข้า-แรงผลักออก และแรงรับ-แรงเหวี่ยง จากทั้งสองกาแลคซี่เริ่มผิดปกติ คือมนุษย์แทบจะไม่รู้สึกถึงการกระทบของแรงเนื่องจากความหนาแน่นของพลังงานแม่เหล็กโลกที่ถมลงในโลกได้มาถึงจุดอันตราย ทำให้เกิดสภาพนิ่งเหมือนหยุดหมุน เป็นเหตุให้เชื้อไวรัสแบคทีเรีย ธรรมดาๆ กลับมาระบาดอีกครั้งพร้อมกับการกลายพันธุ์ ซึ่งภาวะนิ่งแบบนี้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2552

    สฟิงซ์ สื่อความหมายบอกสถานที่ที่ถูกกำหนดให้เป็นจุดสร้างแกนพลังงานโลกใหม่

    สโตนเฮนจ์ บอกถึงกำหนดเวลาการเปลี่ยนขั้วอำนาจของแรงดึงดูดที่มีต่อโลกและระบบสุริยจักรวาล

    ระบบวงโคจรของโลกและสุริยจักรวาลจะยังคงเคลื่อนที่ผิดปกติต่อไปอีก ถูกพลังงานแม่เหล็กโลกดึงเข้าใกล้ขอบกาแลคซี่ทางช้างเผือกทางทิศตะวันออกมากยิ่งขึ้น (ในอดีตเคยถูกดึงเข้าใกล้ทางทิศเหนือมาก่อน) เป็นสิ่งบ่งชี้ว่า พลังงานแม่เหล็กโลกกำลังอัดแน่นเพิ่มมากขึ้นๆ ทางทิศตะวันออก และเมื่อความหนาแน่นทวีขึ้นจนถึงอัตราสูงสุดจะเกิดการรีดตัวเป็นเส้นตรง พุ่งออกจากกาแลคซี่ทางช้างเผือกไปทางทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตรงเข้าหากาแลคซี่อันโดรเมดา

    แต่เนื่องจากกาแลคซี่อันโดรเมดามีขนาดใหญ่กว่ามาก จึงมีพลังแรงดึงดูดมากกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือกเป็นหลายพันเท่า พลังงานแม่เหล็กโลกจึงถูกอัด เด้งกลับคืนเข้าสู่ระบบสุริยจักรวาลและกาแลคซี่ทางช้างเผือก ซึ่งการเสียดสีของพลังงานจากทั้ง 2 กาแลคซี่ในครั้งนี้ จะทำให้แสงสว่างวาบขึ้น มองเห็นได้ทั่วจักรวาล ทั้งดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ต่างได้รับแสงสว่างนี้ถ้วนทั่วกัน มนุษย์ในโลกจะเห็นแสงนี้ปรากฏขึ้นทันทีทันใด แบบที่ไม่ต้องตั้งตาคอย เป็น “แสงที่วาบ” อย่างรวดเร็ว เหมือนละครปิดฉากและผ้าม่านเวทีถูกดึงปิดทันที

    จากนั้นจะเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและพลังงานของโลก สุริยจักรวาลครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งเหมือนกับที่มหาอาณาจักรแอตแลนตีสเคยประสบมาแล้วเมื่อ 13,000 ปีที่ผ่านมา แต่ในครั้งนี้เป็นการวนครบรอบเปลี่ยนเข้าสู่อิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม เป็นเวลาอีกประมาณ 13,000 ปี และถ้าหากปรากฏการณ์เหล่านี้ได้เกิดขึ้นจริง โลกของเราจะมีทั้งแกนสสารและแกนพลังงานโลกใหม่

    โดยมีขั้วโลกตั้งอยู่ ณ จุดที่ตั้งของสฟิงซ์ มีการเปลี่ยนที่กันระหว่างพื้นดิน 1 ส่วน กับพื้นน้ำ 3 ส่วนทั่วโลก มหาสมุทรแอตแลนติกคงมีโอกาสคืนกลับมาเป็นผืนแผ่นดินกว้างใหญ่อีกครั้ง เทือกเขาหิมาลัยอาจจะลดต่ำลงมาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ของทวีปเอเชีย (เปลี่ยนแผนที่โลกใหม่) กล่าวโดยรวมคือช่วงเวลา 13,000 ปีครั้งนี้จะเป็นยุคทองของทรัพยากรธรรมชาติและจิตวิญญาณของมนุษย์ นักบวชรูปนั้น ได้ทำหน้าที่ของท่านเรียบร้อยแล้ว

    ภาพแสดงถึงกาแลคซี่ทั้ง 3 ที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ เป็นภาพที่ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ใช้ “จิต” ศึกษา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ข่าวดี ในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2554 นี้.....

    สำหรับท่านที่ไม่ได้เข้าร่วมฟังการบรรยายของพระอาจารย์รัตน์ ในงานสัมนาครั้งนี้ ท่านพระอาจารย์รัตน์ได้ฝากบอกข่าวดีมาว่าในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2554 ที่กำลังจะถึงนี้

    ให้ทุกท่านหันหน้าไปทางทิศตะวันออก กำหนดจิตไปที่สฟิงซ์ที่ประเทศอียิป พลังงานจากจักรวาลจากตัวสฟิงซ์ จะหมุนเข้ามาสู่ตัวท่าน เพื่อชำระล้างสารพิษ และมลพิษต่างๆ ในร่างกายของท่านลงสู่พื้นดิน ทำให้ร่างกายของท่านฟื้นคืนสภาพกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงอีกครั้ง และจะเป็นการไปช่วยสกัดกั้นความรุนแรงของภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงพลังงานของจักรวาลให้บรรเทาเบาบางลงตามไปด้วยครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  4. jaaee

    jaaee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +19
    ข่าวดี ในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2554 นี้.....สำหรับท่านที่ไม่ได้เข้าร่วมฟังการบรรยายของพระอาจารย์รัตน์ ในงานสัมนาครั้งนี้ ท่านพระอาจารย์รัตน์ได้ฝากบอกข่าวดีมาว่าในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2554 ที่กำลังจะถึงนี้ ให้ทุกท่านหันหน้าไปทางทิศตะวันออก กำหนดจิตไปที่สฟิงซ์ที่ประเทศอียิป พลังงานจากจักรวาลจากตัวสฟิงซ์ จะหมุนเข้ามาสู่ตัวท่าน เพื่อชำระล้างสารพิษ และมลพิษต่างๆ ในร่างกายของท่านลงสู่พื้นดิน ทำให้ร่างกายของท่านฟื้นคืนสภาพกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงอีกครั้ง และจะเป็นการไปช่วยสกัดกั้นความรุนแรงของภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงพลังงานของจักรวาลให้บรรเทาเบาบางลงตามไปด้วยครับ ขอบคุณนะคะคุณเษม ได้ความรู้จากคุณมากมายเลยคะ
     
  5. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ขอบพระคุณมากค่ะ ที่นำข่าวมาบอก
     
  6. Khundeaw

    Khundeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +706
    มีเวลาหรือเปล่าหรือได้ทั้งวันในวันที่ 2 ม.ค. 54 นี้
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]


    ได้ทั้งวัน ในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2554 นี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Aura_Chakra.jpg
      Aura_Chakra.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.9 KB
      เปิดดู:
      3,891
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    หิมะตกหนักทำผู้เดินทางในอังกฤษตกค้างตามสนามบิน ถนนและรถไฟ

    [​IMG]

    ลอนดอน 20 ธ.ค.- ผู้เดินทางช่วงคริสต์มาสซึ่งตกค้างที่ท่าอากาศยานฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอนต้องค้างคืนที่ท่าอากาศยานอีกคืนเพราะสภาพอากาศหนาวจัดและหิมะตกหนักต่อเนื่องมาถึงวันจันทร์ ขณะที่การจราจรทางถนนและรถไฟก็โกลาหลไม่ต่างกัน

    ท่าอากาศยานฮีทโธรว์ซึ่งเป็นท่าอากาศยานระหว่างประเทศพลุกพล่านที่สุดในโลกประกาศว่า ต้องเลื่อนและยกเลิกเที่ยวบินต่อเนื่องอีกในวันนี้ ผู้โดยสารจำนวนมากค้างคืนที่ท่าอากาศยานมาตั้งแต่วันเสาร์ หลายคนต้องจำใจค้างแม้เที่ยวบินถูกยกเลิกไปแล้วเพราะไม่สามารถเดินทางออกจากท่าอากาศยานได้และโรงแรมถูกจองเต็มหมด ขณะที่บางคนเริ่มมีปัญหาเงินที่ติดตัวมาร่อยหรอไม่พอใช้

    ส่วนที่ท่าอากาศยานแกตวิคของกรุงลอนดอน ผู้โดยสารค้างคืนมาตั้งแต่วันเสาร์ แต่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นเมื่อวานนี้ ขณะที่ท่าอากาศยานอื่น ๆ ก็เลื่อนและยกเลิกเที่ยวบินเช่นกัน ด้านผู้โดยสารรถไฟเดือดร้อนไม่แพ้กัน หลายคนต้องลงจากขบวนรถที่เสียกลางทางและลงเดินบนชานชาลาที่หนาวเหน็บ ขณะที่สภาพการจราจรบนท้องถนนก็อันตรายเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ บริษัทซ่อมรถแห่งหนึ่งคาดว่า วันนี้จะได้รับโทรศัพท์แจ้งรถเสียมากถึง 1,400 ราย เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานสองเท่า.-สำนักข่าวไทย

    วันจันทร์ ที่ 20 ธ.ค. 2553

    ฝนกระหน่ำท่วมรัฐแคลิฟอร์เนีย

    [​IMG]

    สหรัฐ 20 ธ.ค. - พายุฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอย่างหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมและโคลนถล่มในหลายพื้นที่

    พายุฝนที่โหมกระหน่ำลงมาอย่างหนักในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ ส่งผลให้เกิดโคลนถล่มหลายพื้นที่ในแถบฮอลลีวูดฮิลล์ เนื่องจากดินบนไหล่เขาชุ่มไปด้วยน้ำ คนงานในนครลอสแองเจลิสช่วยกันนำอุปกรณ์ต่าง ๆ มาป้องกันหินและโคลนไม่ให้ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหาย ขณะที่ถนนหลายสายมีน้ำท่วมสูง หลังจากมีพายุฝนโหมกระหน่ำลงมาเป็นปริมาณถึง 7 นิ้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าพายุฝนจะเบาบางลงภายในวันนี้. - สำนักข่าวไทย

    วันจันทร์ ที่ 20 ธ.ค. 2553

    ผู้นำออสเตรเลียเชื่อมีผู้เสียชีวิต 48 คนจากเหตุโศกนาฏกรรมเรือล่ม

    [​IMG]

    ซิดนีย์ 20 ธ.ค. – นายกรัฐมนตรีจูเลีย กิลลาร์ด ของออสเตรเลีย แถลงวันนี้ว่า น่าจะมีผู้เสียชีวิตราว 48 คน จากเหตุเรือผู้อพยพล่มลงนอกชายฝั่งเกาะคริสต์มาสของออสเตรเลียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

    นายกรัฐมนตรีกิลลาร์ด เปิดเผยว่า ไม่สามารถทราบยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด แต่การคาดการณ์ที่ดีที่สุดในขณะนี้คือการคำนวณจากจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดที่อยู่บนเรือขณะเกิดเหตุ ซึ่งมีอยู่ราว 90 คน ดังนั้น ในขณะนี้จึงมีผู้สูญหายราว 18 คน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบศพผู้อพยพชาวอิหร่าน เคอร์ดิสถาน และอิรักแล้ว 30 คน หลังเกิดเหตุเรือผู้อพยพชนกับก้อนหินล่มลงนอกชายฝั่งเกาะคริสต์มาส ซึ่งเป็นศูนย์ผู้อพยพของประเทศ ขณะที่พบผู้รอดชีวิต 42 คน. -สำนักข่าวไทย

    วันจันทร์ ที่ 20 ธ.ค. 2553

    เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยประชาชนออกจากพื้นที่น้ำท่วมในออสเตรเลีย

    [​IMG]

    ออสเตรเลีย 20 ธ.ค. - เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยเหลือประชาชนหลายสิบคนออกจากพื้นที่หลังเกิดน้ำท่วมอย่างหนักในรัฐออสเตรเลียตะวันตก

    เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือประชาชนหลายสิบคนออกจากบ้านเรือนหลังเกิดน้ำท่วมอย่างหนัก ในเมืองคาร์นาร์วอน ห่างจากเมืองเพิร์ธ ในรัฐออสเตรเลียตะวันตก ราว 900 กิโลเมตร อุทกภัยในรัฐออสเตรเลียตะวันตกครั้งนี้นับว่ารุนแรงที่สุด ในรอบกว่า 50 ปี

    ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องช่วยอพยพประชาชนที่ต้องหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้าน โดยอพยพชาวบ้านไปอาศัยอยู่ในที่พักฉุกเฉิน คาดว่าจะยังคงมีฝนตกลงมาอีก และสภาพน้ำท่วมจะยังคงส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ของภูมิภาคนี้.-สำนักข่าวไทย

    วันจันทร์ ที่ 20 ธ.ค. 2553

    ยอดตายอหิวาต์ในเฮติพุ่งขึ้นเกิน 2,500 คน

    [​IMG]

    เฮติ 20 ธ.ค.-ยอดผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์ในประเทศเฮติเพิ่มขึ้นเกินกว่า 2,500 คนแล้ว

    แถลงการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขเฮติเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคอหิวาต์ในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 2,535 คน นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ขณะที่มีผู้ติดเชื้ออีกกว่า 114,000 คน ในจำนวนนี้มีอยู่ราว 57,000 คนที่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

    ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า สหประชาชาติจะตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญอิสระให้ดำเนินการสอบสวนหาแหล่งที่มาของการระบาดของโรคอหิวาต์ในเฮติ หลังจากชาวเฮติบางส่วนกล่าวโทษทหารรักษาสันติภาพของสหประชาชาติว่านำโรคอหิวาต์มาแพร่ระบาดในประเทศ จนเกิดการเดินขบวนและโจมตีฐานทัพของกองกำลังรักษาสันติภาพสหประชาชาติ.-สำนักข่าวไทย

    วันจันทร์ ที่ 20 ธ.ค. 2553

    ที่มา http://www.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    เมื่อวานได้ดูเรื่อง 2012 ตอนต้นเรื่อง เหมือนหนังจะสื่อนะ ว่าพายุสุริยะมีผลกับโลก นึกๆ ไปก็เหมือนเรื่อง knowing

    [​IMG]

    แต่เรื่อง 2012 รัฐบวมสหรัฐ ไม่รู้เหมือนรัฐบวมสารขัณฑ์ประเทศที่ไหน เอะอะก็จะปิดหูปิดตาประชาชน อมพะนำจนหยดสุดท้าย รอจนคนตายไปค่อนโลก
     
  10. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    กระทู้คุณ nattapong0925 สะกิดสะเกาชวนคิดดีมาก ขอเอามาโพสให้สมาชิกได้อ่านกัน


    http://palungjit.org/threads/ดูข่าว...าติ-แจ้งว่ากรุงเทพมีโอกาสจมน้ำใน-5-ปี.272428/

    ดูข่าวตอนเย็นวันนี้...สหประชาชาติ แจ้งว่า กรุงเทพมีโอกาสจมน้ำใน 5 ปี

    ดูข่าวตอนเย็นวันนี้...สหประชาชาติ แจ้งว่ากรุงเทพมีโอกาสจมน้ำใน 5 ปี และองค์กรณ์ใหญ่ๆก้อบอกว่า น่าจะจมน้ำ 5 - 10 ปี คุณเชื่อกันบ้างไหม หรือต้องรอให้มันจม จนเดือดร้อนกันทั้งประเทศก่อนค่อยเชื่อ ...

    ทุกวันนี้ยังไม่เห็นว่าจะมีใครออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที

    อย่างว่า ประเทศเรา คนในประเทศไม่ค่อยยอมรับฟังความเห็นคนอื่น และไม่กล้าเรียกร้องสิทธิ์ต่างๆ กลัวไปหมด ในทุกๆเรื่อง กลัวว่าจะเดือดร้อน

    ทั้งๆ ที่ ถ้าไม่จัดการอะไร ก้อเดือดร้อนอยู่ดี แต่คงคิดว่า เดือดร้อนกันทั้งหมด ไม่เป็นไรมั๊ง เราคงต้องรอให้มันเกิดก่อนแล้วค่อยแก้ไข เหมือนคำพูดที่ว่า "วัวหายล้อมคอก"

    และปัญหาหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น เราก้อคิดกันแบบ "ไฟไหม้ฟาง" พวกเราลองเป็นกระบอกเสียง แจ้งข่าวให้ เราตื่นตัวกันแบบจริงจังเพื่อหาทางป้องกันกันดีกว่าไหม


    <!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-2576485761337625";/* 300x250, created 21/07/09 */google_ad_slot = "6922411748";google_ad_width = 300;google_ad_height = 250;//--> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20101214/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 300px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 250px; VISIBILITY: visible; BORDER-RIGHT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px"></INS>



    <TABLE id=post4169905 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right></TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4169905", true); </SCRIPT>

    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4169905 class=alt1><CENTER><!-- google_ad_section_start --><!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-2576485761337625";/* 300x250, created 21/07/09 */google_ad_slot = "6922411748";google_ad_width = 300;google_ad_height = 250;//--> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20101214/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 300px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 250px; VISIBILITY: visible; BORDER-RIGHT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 300px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 250px; VISIBILITY: visible; BORDER-RIGHT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px" id=google_ads_frame1_anchor></INS></INS>


    <!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE id=post4169905 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right></TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4169905", true); </SCRIPT>

    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4169905 class=alt1><CENTER><!-- google_ad_section_start --><!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2010
  11. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    นี่ก็ภัยธรรมชาติอย่างหนึ่ง มีมากทางภาคใต้ น่าสนใจดีเหมือนกัน ที่มีบางคนบอกว่า จริงๆ ภัยมันไม่ได้มากอะไร ยังเท่าเดิม แต่คนไปสนใจทำข่าว บวกกับเทคโนโลยีสื่อสารเจริญ เลยดูเหมือนมีเรื่องทำนองนี้เยอะขึ้น


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หินภูเขาถล่ม!! ทับสวนยาง-สวนผลไม้พัทลุง เสียหายกว่า 4 ไร่</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>20 ธันวาคม 2553 19:06 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> หลังฝนตกหนักติดต่อกันกว่า 2 วัน ในพื้นที่ จ.พัทลุง ล่าสุดได้เกิดหินภูเขาล้อมโป๊ะ เขตอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า ท้องที่หมู่ 7 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา ได้พังถล่มลงมาทับสวนยางพารา ของ นายธีระวุฒิ เส็มหมาด และสวนไม้ผลของ นายคล้อย โสผอม ที่อยู่บริเวณใกล้ ได้รับความเสียหาย กว่า 4 ไร่

    โดยขณะเกิดเหตุ นายอนุชา เอียดขาว ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง กล่าวว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอด 2 วันที่ผ่านมา ทำให้หินอุ้มน้ำไม่ไหว ได้พังลงมาเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ชาวบ้านตกใจ

    พอสิ้นเสียงออกไปดูพบหินพังลงมาทับสวนยางพาราสวนไม้ผลดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นได้ออกเสียงตามสายแจ้งเตือนชาวบ้านในพื้นที่ ห้ามเข้าใกล้ภูเขา ในระยะนี้ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ พร้อมรายงานไปทางจังหวัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบต่อไป


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=hkTEvzIPzXQ"]http://www.youtube.com/watch?v=hkTEvzIPzXQ[/ame]


    รายการเจาะข่าวเด่น เรื่อง อีก 10 ปี น้ำท่วมกรุงเทพ...? ดอนเมือง บางนาอ่วม

    วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2553 / ช่อง 3


    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------



    โลกจะอยู่รอดจากสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงหรือไม่?

    ปากีสถานโมเดลจากน้ำท่วมใหญ่ แลัวเมืองไทยล่ะ?

    Can the world ‘cope’ with climate change?


    [​IMG]



    ในการไปเยืยนปากีสถานช่วงสั้นๆ ของผม ผมสังเกตเห็นว่าน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงนโยบายของประเทศและความเป็นผู้นำของนักการเมือง

    นักการเมืองทั้งหลายต่างก็ออกมาพูดถึงขนาดของสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาอธิบายว่าผู้คนต้องทนทุกข์แค่ไหน และอย่างไร

    รวมถึงความท้าทายใหญ่หลวงที่รออยู่ในการฟื้นฟูผลกระทบที่เกิดจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ พวกเขายังกล่าวย้ำในความเห็นของพวกเขาว่า น้ำท่วมเกี่ยวเนื่องมาจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงของอากาศ

    การโต้แย้งอย่างนี้สามารถดำเนินไปได้เป็น 2 ทาง :


    ทางแรก : สามารถเถียงกันได้อย่างไม่สิ้นสุด เกี่ยวกับข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องความเกี่ยวเนื่องของการที่มนุษย์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ กับ การเกิดน้ำท่วมใหญ่ในปากีสถาน …


    ฝ่ายหนึ่งอาจจะพูดได้ว่าสภาวะที่อากาศเปลี่ยนแปลงต้องการวิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์ว่ามันมีส่วนเกี่ยวเนื่องกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่ามันได้เกิดขึ้นในโลกนี้แล้วจริงๆ แนวโน้มในอดีตใช่ว่าจะเป็นเครื่องบ่งชี้สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ของโลก …

    ดังนั้น หากพูดเช่นนี้ ก็จะสามารถเขี่ยผลกระทบทิ้งไปได้อย่างง่ายดาย และนี่เป็นเหตุผลที่ว่าด้วยเหตุผลทางด้านวิทยาศาสตร์ยังไม่หนักแน่นแน่นอน และผลกระทบก็ยิ่งไม่ไม่แน่นอนขึ้นไปอีก จึงเป็นเกมส์ที่คนที่ก่อมลภาวะใช้มาตลอด มันยากลำบากในการที่จะบ่งชี้ลงไปให้แน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุ และอะไรเป็นผลกระทบที่จะตามมา และมันง่ายมากที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบ


    ทางที่ 2 : โลกทั้งโลกเห็นพ้องต้องกันว่า แม้แต่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว(ดังเช่นเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปากีสถานในปี 2010 ที่ทำให้พื้นที่ 1 ใน 5 ของประเทศจมอยู่ใต้น้ำ)ไม่สามารถเป็นเหตุมาจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงของอากาศ แต่แน่นอนว่ามันมีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่


    [​IMG]

    วิทยาศาสตร์อธิบายอย่างชัดเจนว่า สภาวะการเปลี่ยนแปลงของอากาศของโลกมีความหมายที่ลึกซึ้งและมากกว่าการเปลี่ยนแปลงธรรมดาๆของอากาศ --- จากเรื่องฝนตก ถึง การเกิดพายุหมุน จนถึงความร้อนหรือความเย็นที่สูง


    สิ่งที่เกิดขึ้นในปากีสถานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของห่วงโซ่แห่งความเปลี่ยนแปลงของอากาศเท่านั้น ในกรณีนี้ ข้อมูลจาก กรมอุตุนิยมของปากีสถาน แสดงให้เห็นว่า ประเทศนี้มีฝนตก 200 – 700 % มากกว่าสถิติฝนตกโดยเฉลี่ย … ฝนที่มาจากกลุ่มก้อนเมฆหนาทึบในบริเวณภูเขาในภูมิประเทศที่เปราะบาง อันนำไปสู่การแตกของเขื่อนกั้นน้ำ น้ำไหลหลากลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้น้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างและทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางทาง


    หลังจากที่ผมฟังการอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วมในปากีสถานมามากมาย มันทำให้ผมมีคำถามที่แตกต่างผุดขึ้นมาในใจ ผมสงสัยว่าหน่วยงานของรัฐบาลมีข้อมูลในการที่จะเตือนให้ประชาชนรู้เกี่ยวกับหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่?

    หน่วยงานของรัฐมีความสามารถในการเข้าถึงประชาชนที่ประสบภัยและช่วยเหลือพวกเขาในการต่อสู้กับการทำลายล้างหรือเปล่า? ผมยังสงสัยต่อไปอีกว่า ประเทศนี้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับขนาดของน้ำท่วมเพื่อหาทาง หาวิธี และหากลยุทธ์ในการบริหารจัดการเรื่องน้ำด้วยไม๊? ผมสงสัยว่า ปากีสถาน และประเทศอื่นๆ(รวมถึงประเทศไทยด้วย – ผู้แปล) สามารถยืนหยัดได้จริงๆในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศหรือเปล่า?


    การอภิปรายเสนอวิธีการดังต่อไปนี้ : สิ่งแรก กรมอุตุนิยมวิทยา ต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ฝนอาจจะตก และต้องบอกให้ผู้นำที่ตัดสินใจได้ของประเทศ เพื่อประกาศเป็นข่าวด่วนด้านอากาศ แต่คำถามก็คือ จะมีระบบที่สามารถบอกถึงขนาดของหายนะที่จะเกิดหรือไม่?

    จำไว้อย่างหนึ่งว่า มันไม่มีข้อกำหนดอย่างเป็นทางการในการเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนนี้

    คำถามเปิดอีกอย่างก็คือ ถึงแม้กรมอุตุนิยมวิทยาจะมีข้อมูลที่รู้ๆกันอยู่ว่ามีความไม่แน่นอนอยู่ด้วย จะสามารถสื่อสารอย่างชัดเจนให้กับผู้คนที่อยู่ในข่ายที่จะพบเจอกับเหตุการณ์พายุฝน แผ่นดินถล่ม หรือน้ำท่วมได้หรือเปล่า?


    ประเด็นที่ 3 ก็คือ ตัวประชาชนเอง ที่ถึงแม้จะได้รับข่าวสารและทราบว่าต้องอพยพหนีเนื่องจากน้ำที่กำลังทะลักเข้ามา พวกเขาจะยอมหนีจากบ้านและทรัพย์สินของพวกเขาหรือไม่? จำไว้ว่า มีชุมชนที่ต้องเผชิญกับเคราะห์กรรมเช่นนี้อยู่ทุกๆวัน และจำไว้อีกอย่างหนึ่งว่า พวกเขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับขนาดของหายนะที่กำลังจะมาถึง มันไม่ใช่เรื่องของการเกิดน้ำท่วมประจำปี มันเป็นอุทกภัย


    [​IMG]


    ดังนั้น ประเทศนี้จะจัดการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้คนนับล้านๆคน ผู้ซึ่งปราศจากบ้านเรือนจะอาศัย และไม่มีทรัพย์สินนี้อย่างไร? ทุกครั้งที่เกิดน้ำท่วม และภัยแล้ง เราต่างรู้กันดีว่า จะเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ในเรื่องของความยากจน ความแร้นแค้น ด้วยเหตุที่คนเหล่านี้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบากอยู่แล้ว สูญเสียพืชผล และความหายนะแต่ละครั้งต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานหลายปี


    ปากีสถานก็ไม่แตกต่าง สื่อต่างๆทุกรูปแบบของประเทศรายงานข่าวเต็มเหยียด ถึงเรื่องที่รัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในการสร้างสิ่งต่างๆขึ้นมาใหม่ รัฐบาลวางแผนในการผันเงินให้กับ 7 ล้านครัวเรือน ครอบครัวละ Rs 1 lakh (เท่าไหร่ก็ไม่รู้ – ผู้แปล) โดยแบ่งจ่ายเป็น 2 งวด โดยหวังว่าจะดำเนินการผ่านบัตรสมาร์ทการ์ดของธนาคาร อันจะทำให้สามารถระบุตัวผู้ได้รับผลกระทบได้ และช่วยให้พวกเขาสร้างชีวิตขึ้นมาใหม่


    แต่แค่นี้ก็แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ได้รับประโยชน์นั้นมีการระบุตัวอย่างแย่มากๆ เงินช่วยเหลือไม่เพียงพอ และเงินนี้ไม่ถึงมือผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ


    แต่นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ความหายนะที่เกิดขึ้นทุกครั้งเป็นความหายนะของระบบราชการเช่นกัน ในเรื่องของธรรมมาภิบาล และการไม่สามารถแก้ไขระบบการส่งมอบความช่วยเหลือ


    คำถามก็คือ เราจะทำอย่างไรให้ระบบเก่าๆเต่าล้านปีของการบรรเทาความเดือดร้อนจากหายนะได้รับการออกแบบใหม่ให้เหมาะสมกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ระบบใหม่จะใช้ได้กับเหตุการณ์ไม่ปกตินี้หรือไม่ ในเมื่อมันใช้ไม่ได้กับเหตุการณ์ปกติ?


    นอกจากนี้ยังมีประเด็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำท่วมให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ผมเคยเขียนบทความเรื่องนี้มาก่อนในเรื่องของหายนะแบบเดียวกันที่เกิดขึ้นในประเทศอินเดีย มันชัดเจนว่าเราต้องเรียนรู้กันใหม่ในเรื่องของการบริหารแผ่นดินและน้ำ รวมถึงกลยุทธ์ในการจัดการกับน้ำท่วม


    ปากีสถานก็เหมือนๆกับอินเดีย มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องแก้ไข --- จากการที่ต้องไม่สร้างที่อยู่อาศัยในบริเวณที่มีแนวโน้มจะเกิดน้ำท่วม ไปจนถึงวิธีการผันน้ำ รวมถึงการไม่กีดขวางปากแม่น้ำ

    แต่คำถามทีเกิดขึ้นก็คือ เราจะมีการเรียนรู้หรือไม่? และถึงแม้จะเรียนรู้แล้ว เราจะเรียนรู้ได้เร็วพอในโลกที่สภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้หรือไม่? เราจะมีความสามารถในหารเรียนรู้อย่างเร็วได้หรือเปล่า?


    คำถามเหล่านี้จริงจัง ในโลกของความเป็นจริงที่เราต้องต่อสู่กับโลกในอนาคต และคำตอบที่ได้จะเป็นสิ่งที่กำหนดอนาคตของเรากันเอง

    Source: Business Standard


     
  13. gentenaar

    gentenaar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +2,320
    ขอบคุณมากค่ะคุณเกษม แต่ว่าหากตัวเราอยู่ประเทศเบลเยี่ยมต้องหันไปทางใหนหละค่ะ วานผู้รู้บอกด้วยค่ะ ขอบพระคุณล่วงหน้า

    บุญรักษาค่ะ
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เข็มทิศเหนือกำลังเปลี่ยนไปชี้ที่ทิศตะวันออก

    [​IMG]

    จะอยู่ที่ประเทศไหนก็หันหน้าไปที่ทิศตะวันออกเหมือนกันครับ เพราะแกนโลกที่เป็นขั้วโลกเหนือจะเปลี่ยนไปอยู่ที่ทิศตะวันออกครับ

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->sriwanna<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4169750", true); </SCRIPT> สมาชิก

    วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2554 พระอาจารย์รัตน์ ท่านจะเป็นผู้กำหนดพลังจิตของท่านไปที่เท้าขวาของสฟิงค์ค่ะ ส่วนพวกเราสามารถรับพลังงาน เพื่อผลักดันพลังงานเสียและเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่แกนกลางของโลกได้ หลังจากนั้นคือในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554 พวกเราจะกำหนดจิตนึกถึงสฟิงซ์เวลาใดก็ได้

    ที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เพราะแกนโลกที่เป็นขั้วโลกเหนือ จะเบี่ยงเบนออกมาเป็นทิศตะวันออก(เคลื่อนทิศจากเดิมไปประมาณ 90 องศา ถ้าท่านไม่ทำเช่นนี้มันจะเคลื่อนทิศไป 180 องศา คือจากเหนือกลายเป็นใต้ ซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มากมายกว่าค่ะ) ปัจจุบันนี้ขั้วโลกเหนือก็เบี่ยงออกจากตำแหน่งเดิมไปเกือบ 23 องศาแล้วค่ะ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/แกนพลังงานโลกใหม่อยู่ที่เท้าหน้าขวาของสฟิงซ์.272337/page-2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2010
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE id=post class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175>zz [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Apr 2005
    ข้อความ: 2,216
    พลังการให้คะแนน: 3195 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_ class=alt1><CENTER>MP3 ของพระอาจารย์รัตน์

    </CENTER><HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>MP3 ของ DVD3

    - พระอาจารย์รัตน์
    - ดร.อาจอง

    http://palungjit.org/attachmen...5&d=1292894437

    http://palungjit.org/attachmen...6&d=1292894437

    http://palungjit.org/attachmen...7&d=1292894437

    http://palungjit.org/attachmen...8&d=1292894437

    MP3 ของ DVD5 (แผ่นสุดท้าย)

    - อภิปรายหมู่

    http://palungjit.org/attachmen...2&d=1292897023

    http://palungjit.org/attachmen...3&d=1292897023

    http://palungjit.org/attachmen...4&d=1292897023

    http://palungjit.org/attachmen...5&d=1292897023

    __________________
    ปรียนันท์ธรรมสถานเพื่อปฏิบัติและหลบภัย ...สร้างสถานปฏิบัติธรรม...กันเถอะ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2010
  16. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    เข็มทิศไม่ได้ชี้ไปทางทิศเหนือจริงๆแล้วหรือครับ
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อ่านรายละเอียดดูได้ที่ลิิ้งค์ข้างล่างนี้นะครับ

    http://www.vcharkarn.com/vcafe/33116/1

    [​IMG]
    ภาพแกนแม่เหล็กโลก

    เกร็ดความรู้: ทิศเหนือที่อ่านได้จากเข็มทิศแม่เหล็ก อาจจะไม่ตรงกับทิศเหนือจริง ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ ขั้วแม่เหล็กโลกและขั้วโลก มิใช่จุดเดียวกัน

    ในบางพื้นที่ของโลก เส้นแรงแม่เหล็กมีความเบี่ยงเบน (Magnetic deviation) มิได้ขนานกับเส้นลองจิจูด ทางภูมิศาสตร์ แต่โชคดีที่บริเวณประเทศไทยมีค่าความเบี่ยงเบน = 0 ดังนั้นจึงถือว่า ทิศเหนือแม่เหล็กเป็นทิศเหนือจริงได้

    ภาพและข้อมูล : ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2010
  18. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ขอบคุณ คุณ"เกษม" มากๆครับผม

    ถ้าอย่างนั้น อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สัตว์หลายๆชนิดหลงทางเป็นประจำ เช่น ที่ออกข่าวบ่อยก็วาฬ , โลมา
     
  19. Baramee

    Baramee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +1,032
    ไปกันใหญ่แล้ว
    เข็มทิศบ้านใครที่ชี้ทิศเหนือไปทางตะวันออก ช่วยบอกหน่อย
    บ้านผมมันยังชี้ไปที่ทิศเหนือเหมือนเดิมอยู่เลย

    คุณเกษมแก้ข่าวด้วย หรือที่บ้านคุณทิศมันเปลี่ยนไปแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ธันวาคม 2010
  20. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    พร้อมต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพ ไฟฟ้า รถไฟ รถเมล์ฟรี ออกไปอีก 2 เดือน
    21 ธ.ค. ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติในการปรับขึ้นอัตราเงินเดือนองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต. จากเดิม 9,000 บาทเป็น 18,000 บาท หรือขึ้นเท่าตัวกว่า 100% ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอมา โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มค. 2554 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่ารัฐบาลจะใช้งบประมาณ ในส่วนนี้อยู่ที่ 1,055 ล้านบาท
    ขณะเดียวกัน นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ต่ออายุมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ ประกอบด้วย ค่าไฟฟรี รถเมล์ฟรี และรถไฟฟรีออกไปอีก 2 เดือน สิ้นสุดที่ก.พ.54 จาก เดิมจะต้องสิ้นสุดที่ ธ.ค.53 ซึ่งการต่ออายุดังกล่าวเป็นเพียงนโยบายชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีมีนโยบายจะหามาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพแบบยั่งยืนให้กับประชาชน โดยจะเป็นผู้แถลงด้วยตัวเองในวันที่ 9 มกราคม 2554
    ในการต่อออายุมาตรการดังกล่าวออกไปอีก 2 เดือน รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณทั้งหมด 3,085 ล้านบาท แบ่งเป็นงบในส่วนของค่าไฟ รวม 2,488บาท เป็นส่วนที่ต้องจ่ายให้กับกฟผ.261บาท ส่วนภูมิภาค 2,226บาท งบในส่วนของรถไฟฟรี 177 ล้านบาท และงบในส่วนของรถเมล์ฟรีที่ต้องจ่ายให้กับขสมก. 420 ล้านบาท
    อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่มีการใช้มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ จำนวนผู้ได้รับประโยชน์ ประกอบด้วย ค่าไฟ สำหรับ 9.16 ล้านครัวเรือน รถเมล์ มีผู้โดยสารใช้ 604 ล้านเที่ยว และรถไฟ 54 ล้านคน จึงปฎิเสธไม่ได้ว่านโยบายดังกล่าวมีส่วนช่วยดูแลค่าครองชีพของประชาชนอย่างแท้จริง
    เรียบเรียงข่าวโดยMthainews
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
    MThai SMS News : ข่าวด่วนถึงมือคุณ ทันทุกเหตุการณ์
    ฟ้าหญิง ทรงหกล้ม กระดูกพระอุรุหัก ประทับรักษาพระอาการรพ.จุฬาฯ
    วันนี้ (21 ธ.ค.) สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ เรื่องสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จไปประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ฉบับที่ 1
    โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 20 ธ.ค. 2553 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงประสบอุบัติเหตุลื่นหกล้ม ขณะทรงพระดำเนินไปบรรยายทางวิชาการที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะแพทย์ได้ตรวจถวายพบว่า กระดูกพระอูรุ (กระดูกต้นขา) ข้างซ้ายหัก จึงกราบทูลให้เสด็จไปประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อถวายการรักษา คณะแพทย์ได้ถวายการผ่าตัด เมื่อเวลา 19.00 น. และผลการผ่าตัดเป็นที่พอใจของคณะแพทย์ ไม่มีภาวะแทรกซ้อน แต่ประการใต
    เวลาค่ำวันเดียวกันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยม ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในการนี้ คณะแพทย์ได้กราบทูล สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ให้ประทับรักษาพระอาการ และทรงรับการรักษา ทางกายภาพต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง
    จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
    สำนักพระราชวัง
    21 ธันวาคม 2553
    [​IMG]
    Mthainews : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.53 หน่วยบินหมู่เรือปราบปรามโจรสลัด กองทัพเรือ นำเฮลิคอปเตอร์ แบบ BELL 212 จากเรือหลวงสิมิลันไปลงจอดดาดฟ้าบินเรือรบอังกฤษชื่อ HMS. CORNWALL เป็นครั้งแรก
    เพื่อรับ พลเรือจัตวา Abdul Aleem ผบ.กองกำลังเฉพาะกิจผสมทางเรือที่ 151 (CCTF151) และคณะฯจากกองทัพเรือปากีสถาน ที่เพิ่งมารับหน้าที่ CCTF151 ท่านใหม่ เมื่อ 29 พ.ย.53 ที่ผ่านมา เดินทางมาเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของหมู่เรือปราบปรามโจรสลัด กองทัพเรือ,เรือหลวงสิมิลันและเรือหลวงปัตตานี โดย พลเรือตรี ไชยยศ สุนทรนาค ผู้บังคับหมู่เรือปราบปรามโจรสลัด กองทัพเรือ (ผบ.มปจ.) ให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปผลงานของหมู่เรือปราบปรามโจรสลัด กองทัพเรือ ในการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่อ่าวเอเดนและชายฝั่งโซมาเลีย รวมทั้งคำแนะนำในการปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และนำคณะเยี่ยมชมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ และชมการรับ-ส่ง น้ำมันเชี้อเพลิงในทะเลระหว่างเรือหลวงสิมิลันและเรือหลวงปัตตานี
    จากนั้น พลเรือจัตวา Abdul Aleem ผบ.กองกำลังเฉพาะกิจผสมทางเรือที่151(CCTF151) และคณะฯได้เดินทางต่อไปโดยเฮลิคอปเตอร์ แบบ BELL 212 จากเรือหลวงปัตตานี เพื่อเยี่ยมเรือหลวงปัตตานีโดยมี นาวาเอก ทิวา ดาราเมือง รองผู้บังคับหมู่เรือปราบปรามโจรสลัด กองทัพเรือ และนาวาโท สาทิพ จิตนาวา ผู้บังคับการเรือหลวงปัตตานี ให้การต้อนรับและได้บรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของเรือหลวงปัตตานี หลังจากนั้นอากาศยานของเรือหลวงปัตตานี ได้มีโอกาสไปลงที่เรือรบอังกฤษ HMS. CORNWALL เพื่อส่งพลเรือจัตวา Abdul Aleem ผบ.กองกำลังเฉพาะกิจผสมทางเรือที่151 (CCTF151)และคณะฯ ทำให้ หน่วยบินของเรือหลวงทั้ง ๒ ลำได้มีโอกาสนำอากาศยานลงจอดดาดฟ้าบินเรือรบอังกฤษ แสดงให้เห็นถึง การได้รับการยอมรับในศักยภาพของกองทัพเรือไทยที่มีขีดความสามารถเป็นสากลเทียบเท่ากองทัพเรือนานาชาติ
    ขณะเดียวกัน ผลงานของหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการสกัดกั้นไม่ให้โจรสลัดขึ้นยึดเรือสินค้าได้ถึง 2 ครั้ง อีกทั้งยังสามารถค้นหาและช่วยชีวิตลูกเรือ อ.ศิริชัยนาวา 11 ได้เกือบทั้งหมด และล่าสุดได้รับลูกเรือชาวตูนีเซีย จากเรือสินค้าชื่อ HARNIBALL 2 สัญชาติปานามา ที่เกิดอาการไส้ติ่งอักเสบ ในพื้นที่น่านน้ำโซมาเลีย ไปส่งตัวเพื่อรับการผ่าตัดบนเรือรบเยอรมันชื่อ HUMBURG
    รวมทั้งได้นำอากาศยานลงจอดดาดฟ้าบินเรือรบเยอรมัน ซึ่งผลงานทั้งหมดนี้ถือเป็นความสำเร็จของกองทัพเรือไทย ที่ทำให้ ผบ.กองกำลังเฉพาะกิจผสมทางเรือที่ 151(CCTF151)ให้ความสนใจและ ขอรับทราบประสบการณ์ในการปฏิบัติงานร่วมกับกองกำลังผสมทางเรือนานาชาติ (CMF) รวมทั้งแนวทางในการปฏิบัติการในพื้นที่อ่าวเอเดนและชายฝั่งโซมาเลีย จากหมู่เรือปราบปรามโจรสลัด กองทัพเรือ
    โดยMthainews
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    <LI class=news_src_item>[​IMG]
    MThai SMS News : ข่าวด่วนถึงมือคุณ ทันทุกเหตุการณ์ ไม่พลาดทุกข่าวร้อน
    สนใจรับข่าวกด *48259080066 แล้วโทรออก ทดลองใช้ฟรี 15 วัน
    สอบถามเพิ่มเติมโทร 02-1007000

     

แชร์หน้านี้

Loading...