ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

วันนี้ ราคาทองแท่ง เกือบแตะ 24,000 บาทแล้ว ทองรูปพรรณ ทะลุ 24,000 บาท ไปแล้วครับ

มีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว
นับทองให้ถี่ถ้วน แล้วมาม้วนลงปี๊บไง

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>สลดดินถล่มมาเลเซียยอดตายพุ่ง </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center>ภาพข่าวจาก เดลินิวส์</TD></TR></TBODY></TABLE>
ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดินถล่มใกล้คาเมรอน ไฮแลนด์ สถานที่ท่องเที่ยวของมาเลเซีย พุ่ง 7 ศพ ขณะยังมีผู้สูญหายอีก 4 ราย

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดินถล่มใกล้คาเมรอน ไฮแลนด์ สถานที่ท่องเที่ยวของมาเลเซีย ได้เพิ่มขึ้นเป็น 7 ศพแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตของเหยื่อดินถล่มที่สูญหายไปอีก 4 ราย

ทั้งนี้ เหตุดินถล่มเกิดขึ้นเมื่อเย็นวันอาทิตย์ฝังบ้านหลายหลังในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่อยู่ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปทางเหนือราว 300 กิโลเมตร

นอกจากนี้ สำนักข่าวเบอร์นามาของทางการมาเลเซียรายงานว่า เหตุดินถล่มดังกล่าวยังทำให้คนบาดเจ็บสาหัส 2 ราย ภายหลังมีฝนตกลงมาอย่างหนัก สำหรับคาเมรอน ไฮแลนด์ เป็นแหล่งปลูกใบชา และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ

ขณะที่ มาเลเซียเผชิญภัยพิบัติจากดินถล่มหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมทั้งเหตุการณ์เมื่อเดือนพ.ค. ดินถล่มสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าในแถบชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ คร่าชีวิตคน 16 ศพ ส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>น้ำโขงสูงเกินระยะวิกฤตเอ่อท่วมมุกดาหาร </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
พิษน้ำป่าไหลหลาก แม่น้ำโขงสูงเกินระยะวิกฤต เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนราษฎรในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหารแล้ว
วันนี้(8 ส.ค.)ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองมุกดาหาร รายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง เมื่อเวลา 07.00 น. ว่า มีน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนราษฎรในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร บริเวณชุมชนศรีประเสริฐ หมู่บ้านทรายทิพย์ ซอยรังสรรค์ และชุมชนใกล้เคียง

ขณะเดียวกันโรงเรียนท่านพระสารีบุตรที่อยู่ในชุมชนดังกล่าว ก็ได้ประกาศหยุดเรียน เนื่องจากมีน้ำท่วมขังบริเวณอาคารอนุบาล ในขณะนี้งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองมุกดาหาร ได้จัดเรือท้องแบน กระสอบทราย เพื่อเข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชน ในการขนย้ายสิ่งของ พร้อมประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนบริเวณใกล้เคียง อพยพ เคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นไว้บนที่สูง

ขณะที่น้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มระดับสูงขึ้นถึง 12.54 เมตร เกินเกณฑ์ค่าเฉลี่ยในระยะวิกฤต เริ่มเอ่อล้นเข้าท่วมบริเวณชั้นใต้ดิน ตลาดอินโดจีน ตลอดจนบริเวณบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้ริมตลิ่งแม่น้ำโขงแล้วเช่นกัน.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>อำนาจเจริญเล็งเปิดจุดผ่านแดนถาวรไทย-ลาว </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center>ภาพจากอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
จังหวัดอำนาจเจริญ เตรียมเปิดจุดผ่านแดนถาวรไทย-ลาว ที่อำเภอชานุมาน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและให้ประชาชนทั้งสองประเทศเข้าออกได้ตามหลักสากล

นายนพวัชร สิงห์ศักดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เปิดเผยว่า จ.อำนาจเจริญได้ เตรียมเปิดด่านถาวรที่ อ.ชานุมาน ชายแดนไทย-ลาว โดยเชิญฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายการค้า ประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรม หอการค้าจังหวัดเข้าหารือ เป็นด่านเข้าหารือ เพื่อการค้าระหว่างไทย-ลาว ที่มีแม่น้ำโขงเป็นทางผ่าน

ซึ่งปัจจุบันการค้าระดับประเพณีท้องถิ่น มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นทุกปี เพื่อให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ เข้า-ออก ถูกต้องตามหลักสากล

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

8ส.ค.54 ประมวลภาพเหตุการณ์จลาจลในเมืองท็อตแฮม ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ ภายหลังกลุ่มผู้ประท้วงไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงผู้ประท้วงรายหนึ่งเสียชีวิต
จึงเรียกร้องขอความเป็นธรรมด้วยการจุดไฟเผารถตำรวจ รถบัส และร้านค้าบริเวณนั้น จนเป็นเหตุให้ตำรวจ 8 นายได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังเกิดการปล้นสะดมขึ้นด้วย

Mthai News
เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย

ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com


























Photo/ dailymail.co.uk

<OBJECT codeBase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0" classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000 width=560 height=349>
























<embed width="560" height="349" type="application/x-shockwave-flash" src="http://www.youtube.com/v/fOlGkC2kTSo?version=3&hl=th_TH" allowFullScreen="true" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"/></OBJECT></P>
<OBJECT id=TelegraphPlayer-8686954 codeBase="http://fpdownload.macromedia.com/get/flashplayer/current/swflash.cab" classid=clsid27CDB6E-AE6D-11cf-96B8-444553540000 width=560 height=315>
























<embed type='application/x-shockwave-flash' src='http://www.telegraph.co.uk/telegraph/template/utils/ooyala/telegraph_player.swf' pluginspage='http://www.adobe.com/go/getflashplayer' menu='false' quality='high' play='false' name='TelegraphPlayer-8686954' height='315' width='560' allowFullScreen='true' bgcolor='#000000' allowScriptAccess='always' salign='LT' wmode='window' scale='noscale' flashvars='embedCode=luOHNwMjonaXWasCwUkOOtJWync-gq0Z&autoplay=1&offSite=true&showTD=true&thruParamDartEnterprise=site%3Dnews%26section%3Dnews/newsvideo%26pt%3Dvid%26pg%3D/news/newsvideo/8686954/Violent-riots-over-Tottenham-shooting.html%26spaceid%3Dvid%26ls%3Df%26transactionID%3D1108080721480404%26psize%3D620x415%26view%3Dviral'></embed></OBJECT></P>

แท็ก : จลาจล, ประท้วงที่อังกฤษ, เผารถ

 

วันที่ 08 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7557 ข่าวสดรายวัน


'สนามหลวง'วันนี้-ปิดตำนาน'สวรรค์คนจน'

รายงานพิเศษ
คัคนานต์ ดลประสิทธิ์


<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ภายหลังจากที่กรุงเทพมหานคร สั่งปิดปรับปรุงท้องสนามหลวงมาเป็นเวลานานกว่า 1 ปี

วันที่ 9 ส.ค.นี้ สนามหลวง จะเปิดใช้อย่างเป็นทางการ หลังจากที่พ่อค้าแม่ค้า ผู้ชุมนุมทางการเมือง และกลุ่มคนเร่รอน ต่างครอบครองสนามหลวงมานานหลายปี จนกลายเป็นแหล่งอาชญากร กทม.จึงมีคำสั่งปิดท้องสนามหลวงสวนสาธารณะ และโบราณสถานใจ กลางเมือง เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2553

เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ให้มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ตามนโยบายกทม.น่าอยู่ของม.ร.ว.สุขุม พันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ที่ต้องการให้สนามหลวงเป็นที่จัดพิธีกรรมสำคัญต่างๆ ของประเทศ

รวมทั้งเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมและกิจกรรมต่างๆ ให้กับคนเมืองกรุง เพื่อจะทำให้บรรยากาศในวันวานกลับฟื้นคืนมาอีกครั้งโดยมอบหมายให้หน่วยทหารพัฒนา เข้ามาดำเนินการ รวมเวลา 300 วันใช้งบประมาณทั้งหมด 180 ล้านบาท

ในโอกาสเปิดใช้สนามหลวงอย่างเป็นทาง การนี้ กทม.ได้กำหนดจัดพิธีทำบุญสนามหลวง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค. 2554

โดยวันที่ 9 ส.ค. ช่วงเช้าจะมีพิธีทำบุญตัก บาตร พระสงฆ์ 1,985 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคล มี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธาน จากนั้นเวลา 08.09 น. มีพิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราช และสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า

นอกจากนี้ กทม. จะจัดกิจกรรมต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 13 ส.ค. เนื่องในงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 12 ส.ค. ซึ่งถือว่าเป็นงานแรกของการเปิดใช้พื้นที่สนามหลวง <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=right border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ทั้งนี้ เพื่อให้การใช้สนามหลวงรูปแบบใหม่นี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกทม.และกรมศิลปากร สำนักงานเขตพระนคร จึงกำหนดหลักเกณฑ์การใช้พื้นที่สำหรับประชาชนทั่วไปดังนี้ 1.อนุญาตให้ใช้พื้นที่ได้ในช่วงเวลา 05.00-22.00 น. และตั้งแต่เวลา 22.00-05.00 น. อนุญาตให้ใช้เฉพาะพื้นที่บริเวณถนนผ่ากลางเพื่อใช้ในการสัญจรของประชาชนเท่านั้น

2. การใช้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจและการออกกำลังกายตามปกติ การพักผ่อนหย่อนใจ หมายถึง การใช้พื้นที่สำหรับการนั่ง ยืน เดิน โดยไม่มีการติดตั้งเต็นท์ ร่ม หรือกระทำสิ่งใดที่มีลักษณะเป็นการยึด ขุด เจาะในบริเวณพื้นที่ท้องสนามหลวง

การออกกำลังกาย หมายถึง การเดิน วิ่ง หรือการเคลื่อนที่เพื่อการบริหารร่างกายตามเทคนิคเฉพาะ เช่น การรำมวยจีน การรำกระบี่กระบอง การรำไท้เก๊ก หรือกิจกรรมเข้าจังหวะใดๆ ที่ไม่เป็นเหตุให้บริเวณพื้นที่ท้องสนามหลวงเสียหาย อย่างไรก็ตามสำหรับกีฬาประเพณีไทยอย่างเล่นว่าวยังอนุญาตให้เข้าไปเล่นได้

3. ข้อห้ามในการใช้พื้นที่ อาทิ ห้ามขายหรือจำหน่ายสินค้า หรือให้เช่าหรือบริการใดๆ ทุกชนิด ห้ามนอน หรือประกอบกิจการนวด ห้ามทิ้งสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย ห้ามถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ ห้ามอาบน้ำหรือซักล้างสิ่งใดๆ

ห้ามขูด กะเทาะ ขีด เขียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฏซึ่งข้อความหรือรูปรอยใดๆ บนรั้วกำแพง ต้นไม้หรือสิ่งค้ำยันต้นไม้ หรือทรัพย์สินของทางราชการ ห้ามโค่นต้นไม้ ตัด เด็ด หรือทำให้เกิดความเสียหาย

ห้ามปีนป่าย นั่ง หรือขึ้นไปบนรั้ว กำแพง ต้นไม้หรือสิ่งค้ำยันต้นไม้ ห้ามเล่นฟุตบอล ตะกร้อ หรือจัดการแข่งขันกีฬาใดๆ ยกเว้นได้รับอนุญาต ห้ามเล่นการพนันทุกชนิด ห้ามดื่มสุรา น้ำเมา หรือใช้สารเสพติด ห้ามจอดรถทุกชนิด

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. ให้เหตุผลถึงการกำหนดกฎระเบียบการใช้พื้นที่อย่างเคร่งครัดว่า เพื่อให้สนามหลวงมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ให้เหมือนที่ผ่านมา

เบื้องต้นกทม.ได้หารือกับกรมศิลปากร ในการออกระเบียบต่างๆ โดยการขึ้นทะเบียนสนามหลวงเป็นโบราณสถาน หากมีผู้บุกรุกจะมีโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นไปตามพ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504

นอกจากนี้ ได้ติดตั้งรั้วชั่วคราว เพื่อป้องกันผู้บุกรุกและกำหนดเวลาเปิด-ปิดสนามหลวงตั้งแต่เวลา 05.00 - 22.00 น. รวมทั้งตั้งศูนย์อำนวยการชั่วคราวและหอกระจายเสียง ไฟส่องสว่าง ม้านั่งสาธารณะ พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) โดยรอบ

ส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงภูมิทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนใช้ชีวิตในที่สาธารณะคนไร้บ้านนั้น กทม.ได้จัดพื้นที่บริเวณสำนักงานประปานครหลวง สาขาแม้นศรี ซึ่งรองรับได้มากกว่า 300 คน โดยต้องลงทะเบียนเข้าพักเป็นรายวัน ขณะเดียวกันได้ประสานขอความร่วมมือกับภาคเอกชน องค์กร และมูลนิธิต่างๆ เพื่อดูแลให้ความช่วยเหลือ ส่วนคนเร่ร่อนต่างด้าวจะประ สานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันออกไป

สำหรับผู้ค้าหาบเร่-แผงลอยโดยรอบ ได้จัดพื้นที่บริเวณคลองหลอดให้ค้าขายชั่วคราว และจะขอเป็นจุดผ่อนผันต่อไป รวมทั้งผลักดันให้พื้นที่บริเวณถนนราชินี ถนนอัษฎางค์ และริมคลองคูเมืองเดิม เป็นถนนคนเดินในเวลากลางคืนด้วย ส่วนปัญหานกพิราบ ได้จับนกพิราบกว่า 20,000 ตัว ใส่กรง โดยแยกตัวผู้และตัวเมียออกจากกันเพื่อป้องกันการผสมพันธุ์

นอกจากนี้ กรมศิลปากรยังได้ปูหญ้าทางด้านทิศเหนือ เพื่อไม่ให้มีการจอดรถ โดยจะเปิดให้จอดได้ในบริเวณรอบสนามหลวงและถนนผ่ากลาง

ขณะที่ปัญหาโสเภณีผมรู้สึกกังวลมากที่สุด ต้องยอม รับว่าแก้ไขยาก ควรแก้ปัญหาในระยะยาว โดยใช้การศึกษาเข้ามาช่วย ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

ด้าน นายสุวพร เจิมรังสี ผอ.เขตพระนคร กล่าวว่า ทางสำนักงานเขตได้เตรียมมาตรการดูแลพื้นที่สนามหลวงหลังจากเปิดใช้อย่างเป็นทางการ โดยมีเจ้าหน้าที่เทศกิจเฝ้าพื้นที่ 100 นาย แบ่งเป็น 3 กะ ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้ง ผู้บริหารกทม.ได้อนุมัติงบในการจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจากบริษัทเอกชน 98 นาย เป็นจำนวนเงินปีละ 10 ล้านบาท แต่คาดว่าคงไม่เพียงพอ ผมจะของบเพิ่มเป็น 14 ล้านบาท

พ.ต.ท.เอกรัตน์ เปาอินทร์ รองผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม กล่าวว่า การแก้ปัญหาโสเภณีวิธีที่ดีที่สุดคือให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้ามาดำเนินการ เพราะเกี่ยวข้องโดยตรง

เมื่อสนามหลวงปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประชาชนทุกคนควรใช้พื้นที่อย่าง ทะนุถนอม

ไม่ให้เละเทะเหมือนในอดีต

 

ไม่มีอะไรแค่จะมาเปรียบเทียบกันเฉย ๆ


---------------------------------------------------------

9 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> คิกขุ
สมาชิก

วันที่สมัคร: Feb 2010
ข้อความ: 15
พลังการให้คะแนน: 0


</td> <td class="alt1" id="td_post_4850335" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> แต่เรื่องไพ่ combined disaters มีหออยู่หอ

นึงที่มีลักษณะใกล้เคียงกว่าบิ๊กเบน

นั่นคือ ginza wako clock tower ที่

โตเกียว





และ 5 ห้าคนข้างหน้าก็มีลักษณะเป็นชาว

เอเชีย เรื่องอาจจะเกิดที่โตเกียว ซึ่งอาจจะไม่

ใช่ปี 2012 อาจจะเป็นปีที่จัดโอลิมปิกที่

โตเกียวก็เป็นได้

หรืออาจจะเกิดมันหลายที่บนโลก เพราะ

combined disasters แปลว่า หายนะรวมกัน

อาจเป็นหายนะร่วมกันของโลกใบนี้
</td></tr></tbody></table>

 

สอดคล้องกับข่าวที่ได้ทราบมาว่า ตอนนี้ไข้หวัดเริ่มระบาดหนักอีกแล้วครับ แต่ไม่มีมาตราการรับมือหรือประกาศเตือน
เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน มีการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในไทยไปอีก 2หมื่นกว่าโดส เน้น เด็กคนชราที่ร่างกายอ่อนแอโดยตรง
รักษาสุขภาพกันเอาไว้ครับ ผมเองฉีดวิตตามินซี ออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพกันเอาไว้ก่อนดีกว่า

และอีกมรสุมที่มีความสำคัญรุนแรงคือ เรื่องการเงิน เศรษฐกิจ เนื่องจาก หาก โดมิโนตัวแม่ล้ม รุนแรงแน่นอนครับ

พื้นฐานที่สำคัญที่สุดคือ อาหาร ดังนั้น การเร่งสร้างแหล่งอาหาร เร่งสร้างความอุดมสมบูรณ์ สำคัญมากๆครับ ต้นไม้กินได้ โตเร็ว

และยิ่งหากพื้นที่ หน่วยงานใดมีกิจกรรมปลูกต้นไม้ พยายามปลูกต้นไม้กินได้ให้มากๆครับ

 

ช่วยกันเพิ่มพื้นที่สีเขียว และควรเน้นผักสวนครัว ที่อังกฤษ เขาเริ่มมาส่งเสริมการปลูกพืชสวนครัว ตามหน้าบ้าน ระเบียง พวกมะเขือเทศ มันฝรั่ง แครอท เพราะค่าครองชีพสูง ฟื้นฟูจากที่เขาเคยทำกันตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่บ้านเราคนเมืองนิยมพืชสวยงาม เช่น ต้นไม้เศรษฐีเงินล้าน (คนขายเงินล้าน คนซื้อเหมือนเดิม) ที่เกาหลีใต้ เขาปลูกพืชทุกพื้นที่ที่ว่าง แม้แต่โสมที่ขึ้นชื่อมีราคาแพง เขาปลูกริมถนนพื้นที่กว้างไม่เกิน 50 เมตร ผมซื้อสบู่โสมจากศูนย์โสมของเขา ราคาก้อนละประมาณ 300 บาท

 

Natcha Rak
ขอแรงพี่น้องที่อยากทำงานอาสาทุ<wbr>​กคน ที่สะดวกช่วง 8.00-20.00 วันจันทร์ที่ 8 - พฤหัสที่ 11 นี้ ขอแรงช่วยยกลัง (ผู้ชาย) และแพ็คของแยกเสื้อบริจาค (ผู้หญิง)
ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่สภากาชาดไทย กองบรรเทาทุกข์ สถานเสาวภา ใกล้สวนงู
สี่แยกอังรีดูนังต์ ถ้ามาใต้ดินขึ้นที่สามย่าน ตึกจามจุรีย์สแควร์แล้วเดินมาป้<wbr>​ายรถเมล์ก่อนแยกอังรีเลี้ยวซ้าย<wbr>​เข้าประตูได้เลย ใครว่างช่วงไหนไปได้เลย กลับก่อนได้ตามสะดวก
ติดต่อ รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คุณตี<wbr>​๋ 0868074224 นะครับ

-Thanit Sotawong-

 

<OBJECT codeBase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0" classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000 width=560 height=349>
























<embed width="560" height="349" type="application/x-shockwave-flash" src="http://www.youtube-nocookie.com/v/fsRwwQJdKjE?version=3&hl=th_TH" allowFullScreen="true" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"/></OBJECT></P>คลิปชายอันธพาลอังกฤษ รุมปล้นกระเป๋าเหยื่อที่บาดเจ็บ ไร้หนทางสู้

Mthai news: ขณะที่ยังเกิดเหตุจลาจลในอังกฤษ ลุกลามไปยังเมือง เวสต์บรอมวิช,วูล์ฟแฮมป์ตัน ,เซลฟอร์ด และไปถึงเมืองแมนเชสเตอร์แล้ว มีวัยรุ่นหลายร้อยคน ขว้างปาก้อนหินสิ่งของใส่ตำรวจในชุดปราบจลาจล จุดไฟเผารถยนต์และทุบทำลายร้านค้าต่างๆ
ขณะที่ความรุนแรงยังไม่มีท่าทียุติ เว็บไซต์ข่าวเดลี่เมล์ของอังกฤษเผยแพร่คลิป การปล้นทรัพย์สินจากชายรายหนึ่งผู้ไร้หนทางสู้แบบซึ่งๆหน้า โดยชายอันธพาลกลุ่มหนึ่งยืนมุงดูคล้ายกับจะเข้าไปช่วยเหลือชายที่ถูกทำร้ายร่างกายเลือดหยดลงพื้น


แต่ภาพที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อมีชายอีกคนเดินเข้ามาเปิดซิบกระเป๋า พร้อมกับหยิบทรัพย์สินออกไปหน้าตาเฉย

ผู้ที่โพสวีดิโอ กล่าวขึ้นว่า พวกเขากำลังจะช่วยชายคนนั้นจริงๆหรือ? พระเจ้า พวกเขากำลังจะทำอะไรกับกระเป๋าของเขา ? เขากำลังหยิบอะไรออกมา ….

ขณะที่เหยื่อยังคงได้รับบาดเจ็บ ที่ใบหน้ามีเลือดไหลจากศีรษะ และปากต้องงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่า พวกเขาทำกันได้อย่างไร

ทั้งนี้ คลิปดังกล่าวอัพโหลดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ในชื่อคลิปว่า “London,Birmingham,Manchester Riots. Man getting robbed. Disgusting “ มียอดผู้ชมมากกว่า 2 แสนวิว และกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ หลายคนรับไม่ได้กับพฤติกรรมของกลุ่มชายกลุ่มนี้ ที่ไร้มนุษยธรรม ทำกับคนไม่มีทางสู้ได้อย่างเลือดเย็น
Mthai news


จลาจลอังกฤษ

ลามหลายเมืองคุมไม่ได้ ร้านค้าไทยโดนปล้นด้วย นายกฯ สั่ง จนท. จัดการเด็ดขาด
10 ส.ค. รายงานข่าวแจ้งว่า การจลาจลที่ประเทศอังกฤษยังคงลุกลามต่อไปเป็นวันที่ 4 ตำรวยังคงไม่สามารถควบคุมเหตุจลาจลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปีได้ และยังลามไปถึงเมืองอื่นๆอีก
ทั้งนี้ กลุ่มวัยรุ่นได้ก่อเหตุเป็นคืนที่ 4 มีการเผารถยนต์และปล้นสะดมในเมืองวูลฟ์แฮมป์ตัน ด้านเมืองแมนเชสเตอร์มีรายงานว่ากลุ่มวัยรุ่นราว 20 คนทุบทำลายรถตำรวจก่อนสลายตัวไปขณะที่กรุงลอนดอนยังไม่มีรายงานเหตุรุนแรง เนื่องมามีตำรวจกระจายกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยถึง 16,000 นาย
ขณะเดียวกัน ผลกระทบจากการก่อจลาจลดังกล่าวยังทำให้ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาลที่จะเริ่มในสุดสัปดาห์นี้ ที่อาจต้องเลื่อนการแข่งขันออกไป นอกจานี้ยังมีรายงานว่า ร้านค้า อาคารต่างๆที่ถูกปล้นและเผาเป็นจำนวนมาก มีร้านของคนไทยโดนปล้นในครั้งนี้ด้วย โดยมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 รายจากเหตุจลาจล 4 วัน
อย่างไรก็ตาม นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีของประเทศ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ใช้กฏหมายเด็ดขาดกับผู้ก่อเหตุจลาจล ซึ่งตำรวจเตรียมใช้กระสุนยางในการสลายชุมนุม
ส่วน นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง การติดตามและประสานงานกับคนไทย ที่อยู่ในกรุงลอนดอน ว่า ยังมีการประสานงานกันต่อเนื่อง และได้เตือนผู้ที่จะเดินทางไป ถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแล้ว โดยได้ประชาสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ เป็นช่องทางติดต่อไว้ให้แล้ว คือ 44-79-18-651720 และติดตามข่าวสารได้จากหน้าเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งความเสียหายนั้น มีร้านอาหารไทยร้านหนึ่ง ในกรุงลอนดอน ที่ได้รับความเสียหาย แต่พื้นที่ ที่เกิดปัญหา มีคนไทยไม่มาก
อนึ่ง เฉพาะในกรุงลอนดอน มีคนไทยประมาณ 10,000 คน จากทั้งหมด 50,000 คน ที่อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ เบื้องต้น อังกฤษ ประเมินปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่น่าจะมีวัตถุประสงค์ด้านการเมือง แต่อาจเป็นการสะท้อนปัญหาสังคมและเศรษฐกิจ ที่กลายพันธุ์ออกมาเป็นความรุนแรง
ขอบคุณภาพข่าวจาก reuters
Mthai News
เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย

ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com
จลาจลอังกฤษ


จลาจลอังกฤษ


จลาจลอังกฤษ


จลาจลอังกฤษ


จลาจลอังกฤษ

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เกือบทุกภาคมีฝนตก70-80% ของพื้นที่ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 10 สิงหาคม 2554 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีฝนตกเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.




</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>แม่ฮ่องสอนพบรอยแยกดินทรุดตัว </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center>ภาพข่าวจาก เดลินิวส์</TD></TR></TBODY></TABLE>
พบรอยแยก ดินทรุด บนภูเขาเหนือหมู่บ้านห้วยโผ เมืองแม่ฮ่องสอน ชาวบ้านผวาหวั่นดินถล่ม เจ้าหน้าที่สั่งจับตาสถานการณ์ใกล้ชิด

วันนี้ (9 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจาก นายพะแน สุดแดนไพร ผู้ใหญ่บ้านห้วยโผ ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ว่ามีรอยแยกของแผ่นดิน เกิดขึ้นที่ บ้านห้วยโผ ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบว่ารอยแยกดังกล่าว เกิดในพื้นที่ภูเขาเหนือหมู่บ้าน 2 จุด ลักษณะเป็นแนวยาวกว่า 300 เมตรคาดว่าลึกลงไปประมาณ 1 เมตร ห่างจากบ้านห้วยโผประมาณ 500 เมตร และ บริเวณโดยรอบของภูเขา 2 ลูกนอก

จากนี้ยังมีรอยร้าว ดินทรุดตัว กระจายตามสันเขาหลายจุด ซึ่งจุดพบอยู่บริเวณสวนข้าวโพด ไร่ถั่วเหลือง ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่ยวมฝั่งขวา เป็นบริเวณเขาพื้นที่ทำกิน 2 ลูกติดกันมีและมีลำห้วยไหลผ่าน 3 ลำห้วย ประกอบไปด้วย ลำห้วยทีโพโก๊ะ ลำห้วยหน่อโปโค๊ะโก๊ะ และ ลำห้วยยะพาราโก๊ะ ซึ่งลำห้วยทั้ง 3 จะไหลลงตรงเข้าหมู่บ้าน

ทั้งนี้มีรายงานว่า ภายหลังจากเกิดรอยแยกและ ดินทรุดตัว ทำให้ชาวบ้านจำนวน110 หลังคาเรือน หรือ ประมาณ 300 กว่าคน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มติดเชิงเขา เกิดความหวั่นเกรงอันตรายจากดินภูเขาถล่ม และน้ำป่าไหลทะลักพร้อมดินโคล

อย่างไรก็ตาม นายอนันตพล บุญชู นายอำเภอแม่สะเรียง เตรียมหารือท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาจัดสรรพื้นที่รองรับในการย้ายหมู่บ้านห้วยโผ ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย อย่างเร่งด่วน

ซึ่งในเบื้องต้นให้ชาวบ้านได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ฝนฟ้าอย่างใกล้ชิด หากเกิดฝนตกหนักให้อพยพออกมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ณ โรงเรียนบ้านห้วยโผ หรือ บ้านญาติพี่น้องบนพื้นที่สูง เพื่อความปลอดภัยในทันที.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ทองพุ่งไม่หยุดวันเดียวพรวด1,000บาท </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ทองพุ่งพรวดวันเดียวขึ้น 1,000 บาท หลังนักลงทุนผวาเอสแอนด์พีหั่นเครดิตความเชื่อถือมะกันลง
วันนี้(9 ส.ค.) นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำในประเทศ ได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (นิวไฮ) อีกครั้ง โดยปรับเพิ่มขึ้นถึง 7 ครั้งภายในวันเดียวหรือเพิ่มขึ้น 1,000 บาท โดยราคาทองคำแท่งรับซื้อ 25,050 บาท ขายออกบาทละ 25,150 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณไม่ประกาศราคารับซื้อ แต่ขายออกบาทละ 25,550 บาท และล่าสุดเมื่อเวลา 11.47 น.-13.00 น. ได้ปรับลดราคาลงมา 3 ครั้งติดต่อกันบาทละ 250 บาท ส่งผลให้ราคาทองคำทั้งวันปรับขึ้นสุทธิ 750 บาท โดยราคาทองคำแท่งรับซื้อคืนบาทละ 24,800 บาท ขายออกบาทละ 24,900 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อคืนบาทละ 24,437.92 บาท ขายออกบาทละ 25,300 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่มีราคาทองคำแท่งรับซื้อคืนบาทละ 24,050 บาท ขายออกบาทละ 24,150 บาท ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อคืนบาทละ 23,695.08 บาท ขายออกบาทละ 24,550 บาท เป็นผลจากนักลงทุนกังวลปัจจัยลบต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐลง 1 ขั้นจากทริปเปิ้ลเอ (เอเอเอ) ลงสู่ดับเบิ้ลเอ พลัส (เอเอบวก)

“เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา ทองคำทำลายสถิติหลายครั้งมาก จนปิดตลาดรวมเพิ่มขึ้นสุทธิ 650 โดยราคาทองคำแท่งรับซื้อคืนบาทละ 24,050 บาท ขายออกบาทละ 24,150 บาท ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อคืนบาทละ 23,695.08 บาท ขายออกบาทละ 24,550 บาท ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างเป็นห่วงว่าจะเป็นการปั่นราคามากกว่า เพราะผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐ และผลจากการปรับลดเครดิตเรตติ้ง ไม่น่าจะเกิดขึ้นมากขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”นายจิตติ กล่าว

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ทุ่ม1.8 ล้านล้านสร้างเมืองใหม่ แผน"เพื่อไทย" </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี </TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า นโยบายการถมทะเลสร้างเมืองใหม่ของพรรคเพื่อไทย

หนึ่งในโครงการการลงทุนขนาดใหญ่ หรือ เมกะโปรเจ็กต์ จะต้องถูกผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยให้ได้ ภายหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมาบริหารงานแล้ว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อศึกษาและจัดทำรายละเอียดการดำเนินงานนโยบายนี้อย่างเป็นทางการ ส่วนการลงทุนคาดว่าจะใช้รูปแบบพีพีพี หรือการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน เป็นหลัก


แหล่งข่าวกล่าวว่า ส่วนขั้นตอนการออกแบบเมืองใหม่ จะว่าจ้างบริษัทชื่อดังระดับโลกเข้ามาจัดทำให้ มองไว้แล้ว 2-3 แห่ง ยึดรูปแบบการดำเนินงานเหมือนเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อได้รายละเอียดนโยบายทั้งหมด จะเปิดประชาพิจารณ์ เพื่อรับฟังความเห็นจากประชาชนด้วย จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่า เมืองใหม่จะมีพื้นที่ประมาณ 2 แสนไร่ ใช้เงินลงทุนประมาณ 1.6-1.8 ล้านล้านบาท ต้นทุนไร่ละ 6-8 ล้านบาท แต่ประเทศไทยจะได้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการนำพื้นที่จำนวนนี้เปิดให้เอกชนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุน ใช้พื้นที่คืนกลับมาได้อีกเท่าตัวหนึ่ง หรือคิดเป็นเงินประมาณ 2 ล้านล้านบาทŽ


แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับรูปแบบเมืองใหม่จะเป็นกรีนซิตี้ มีความพร้อมด้วยระบบผังเมืองและสาธารณูปโภคทุกชนิด นำธุรกิจอนาคตของประเทศไทยย้ายเข้าไปสู่เมืองนี้ ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์กลางทางการเงิน การรักษาพยาบาล และเป็นศูนย์กลางสำนักงานใหญ่ของบริษัทข้ามชาติในภูมิภาคนี้ มีรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อกับกรุงเทพฯ ได้สะดวก ผลักดันให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง


อภิมหาภัยพิบัติของจริงของประเทศไทย จะเอาดินหรือทรายที่ไหนมาถม
แหล่งข่าวกล่าวว่า ส่วนกระแสการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่และกลุ่มเอ็นจีโอต่างๆ ยอมรับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจจะทำให้นโยบายนี้เกิดปัญหาได้ ดังนั้น เมื่อได้รายละเอียดนโยบายชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ก่อสร้าง รัฐบาลจะรีบทำความเข้าใจกับสังคม เพื่อให้เกิดการยอมรับ เพราะนโยบายนี้เป็นเรื่องสำคัญต่อประเทศ โดยเฉพาะการป้องกันปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ คาดว่าภายในช่วง 20-30 ปีข้างหน้าจะต้องประสบปัญหานี้แน่นอน



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>


นี่แหละ มหาภัยพิบัติของประเทศไทย สภาพแวดล้อมปากอ่าวไทยจะเกิดอะไรขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทิศทางการไหลของน้ำแม่น้ำ2สาย(ท่าจีน,แม่กลอง) จะเอาทรายหรือดินที่ไหนมาถม อย่าบอกนะว่าจะดูดเอาในทะเล ถ้าเอาจากในแผ่นดินเอาจากไหนแล้วกระทบจุดที่ไปเอามาหรือไม่
ตาพอนเห็นชาวเทศเขาทำมาพอสมควร ฟิลิปินส์ทำโครงการ ถมทะเลสร้างหมู่บ้าน+สนามกอล์ฟ ปั่นหุ้นรวยกระจุกผู้รับเหมาจากไทยเจ้งกระจายโครงการไม่รู้ไปถึงไหน ตะวันออกกลางเขาถมทะเลเขาเอาดินหินจากภูเขาโล้นๆ มาถมทะเล ภูเขาราบเรียบเอาพื้นที่มาทำอย่างอื่นต่อ แล้วโครงการของคุณปู(..)เอาภูเขาลูกไหนมาถมดีล่ะครับ อย่าอ้างเขื่อนกั้นน้ำท่วมก.ท.ม. มาบังหน้า ถามเจ้าของฟาร์มหอยหรือยังครับ

 

อ.ช้าง ชี้ดวงเมือง จับตาปลายปี 54 จุดเปลี่ยนเมืองไทย !!!​

อาจารย์ทศพร ศรีตุลา หรืออาจารย์ช้าง ​

“ปีต้องเรียกว่า ปีกระต่ายดุ จะแรงกว่าปีเสือ เหตุการณ์วุ่นวายจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 53 จะพีคเป็นช่วงๆ ให้ระวังปลายปี 54 ต่อเนื่องปี 2555 ถือเป็นช่วงเวลาของประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงหน้าใหม่ของประเทศไทย”

เป็นภาพรวม คำทำนายดวงเมืองของอาจารย์ทศพร ศรีตุลา หรืออาจารย์ช้าง หมอดูหนุ่มชื่อดังแห่งยุค 2010 บ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2554 เป็นปีที่มีความแรงมาก แรงกว่าปี 2553 ถึงแม้ว่าปีหน้าจะเป็นปีกระต่าย โดยทั่วไปคิดว่าน่าจะมีความแรงไม่สู้ปีเสือ แต่ความจริงแล้วปรากฏว่าเป็นปีที่ “กระต่ายดุ” ที่สุด โดยเป็นผลมาจากดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ ซึ่งเป็นดาวสุดขั้วของฝ่ายดีและฝ่ายร้าย โคจรมาเจอกัน เปรียบเหมือนน้ำและน้ำมันซึ่งผสมกันไม่ได้ ตามโหราศาสตร์ไทยทำนายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งดาวทั้งคู่เคยทำมุมกันในลักษณะนี้มาแล้ว ล่าสุด ปี 2000 ซึ่งช่วงนั้นจะเห็นว่าโลกของเราเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ หลายอย่าง

“ปีที่แล้วว่าหนักแล้ว ปี 2554 จะหนักกว่าแต่จะออกมาในแนวการเกิดเหตุการณ์แบบชุลมุนวุ่นวายมากกว่าที่จะมี ใครลุกขึ้นมาเผาบ้านเผาเมืองอีกรอบ แต่จะกลายไปเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาไม่ลงตัว ส่วนเรื่องเศรษฐกิจนักธุรกิจทุกส่วนจะต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น บางคนที่อยากจะขยายธุรกิจ หรือต้องการลงทุนเพิ่ม ควรจะดูปัญหาทางด้านการเมืองประกอบไปด้วยก็จะดี”

จับตาปลายปี 54 จุดเปลี่ยนเมืองไทย

จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของดวงเมืองที่เริ่มขึ้นปลายปี 54 และต่อเนื่องไปถึงปี 2555 ถือว่าไฮไลต์สำคัญ เป็นปีแห่งศตวรรตใหม่ดวงเมืองของไทยอย่างแท้จริง ถือเป็นช่วงดวงเมืองเปลี่ยนแรงที่สุด โดยเป็นผลมาจากดาวพฤหัสฯ กับดาวเสาร์โคจรมาทำมุมกัน ในทางทฤษฎีจะเกิดการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ เช่น ตำนานการประสูติของพระเยซู ก็เป็นจุดเริ่มต้นแนวคิดศาสนาใหม่ ก็เกิดจากเคลื่อนย้ายของดาวทั้งสอง

สำหรับเมืองไทย ถือเป็นช่วง Grand Opening เหตุการณ์ความวุ่นวาย จะมีลักษณะคล้ายกับกรุงศรีอยุธยาแตก (ปี 2310) ความหมายของกรุงแตก คือ ความขัดแย้ง ความแตกแยก เกิดการเผาเมือง ฟังดูอาจรุนแรง แต่ก็จะผ่านไปได้ หลังจากนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อาจจะออกมาในรูปของการเกิดการเมืองรูปแบบใหม่มาแทนของเดิมที่เคยเป็นมา

“ถือเป็นช่วงของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ดวงเมืองของไทย ที่จะต้องเจอกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง โดยเหตุการณ์สร้างความเซอร์ไพรส์ของดวงเมืองเยอะมาก และไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไล่มาตั้งแต่มกราคม ต่อเนื่องไปถึงปลายมีนาคม จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่โลกก็คาดไม่ถึง เจอกับเหตุการณ์ประหลาดมหัศจรรย์ เพราะถือเป็นช่วงพีคของดวงเมือง และเมื่อมาถึงจุดพีคมันจะต้องตูมตาม เราคงต้องวางแผนเตรียมตัวกัน สิ่งที่ต้องระวัง เป็นช่วงที่ดวงเมืองแรงมาก อาจเกิดการสูญเสียขึ้นได้หลายรูปแบบ ระบุไม่ได้ แต่เกิดแน่นอน จากนั้นแล้วเราจะเริ่มดีขึ้น”

อาจารย์ช้างแนะนำมา เมื่อดวงเมืองเป็นไปในลักษณะนี้ การทำบุญใหญ่ในลักษณะของการทำบุญประเทศ แม้ว่าจะเปลี่ยนดวงเมืองไม่ได้ แต่ก็เป็นการเตรียมพร้อม คนทั่วไปควรไปทำบุญช่วงปีใหม่ แทนที่จะเที่ยวอย่างเดียว ก็ควรสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับตัวเองด้วยการทำบุญที่วัด บริจาคทาน เพราะถือเป็นการเตรียมพร้อม แรงอนุโมทนาจะมีพลัง เป็นคลื่นความถี่ที่เป็นพลังบวก

ตลาดหุ้นติดลมบน ทะลุพันจุด

อย่างไรก็ตาม แม้ปัญหาทางการเมืองจะยังไม่นิ่ง มีเหตุการณ์วุ่นวาย แต่ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป ตลาดทุนจะมีความคึกคัก และน่ากลัวมากมากถึงขนาดที่เรียกว่า “ติดลมบน” ถึงขั้นที่ดัชนีราคาหุ้นจะพุ่งไปทะล 1,000 จุด ส่งผลให้นักลงทุนรายย่อยวิ่งตามกระแส จึงอยากเตือนว่าอย่าเพิ่งไว้ใจกับกระแสนี้ เพราะนักลงทุนเหล่านี้จะมีเวลาตักตวงเต็มทีเพียงแค่ 4 เดือน คือระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม เท่านั้น แต่หลังจากนั้นจะเกิดภาวะการหยุดชะงัก ใครที่เป็น “แมงเม่า” ช้อนซื้อหุ้นราคาถูกหวังจะขายในราคาสูง กัก เก็บไว้มากจะเจ็บตัว นักลงทุนควรจะท่องไว้ว่า “ความแน่นอนในปี 2553 จะกลายเป็นความไม่แน่นอนในปี 2554 อันเนื่องมาจากการก้าวเข้าสู่ช่วง “แกรนด์โอเพ่นนิ่ง” ของปี 2555

แนะลงทุนทองคำ-น้ำมัน

ส่วนธุรกิจที่น่าจะได้รับผลดีคือนักธุรกิจที่ลงทุนเกี่ยวกับธาตุดินและ ธาตุน้ำ ทองคำ แร่ น้ำมัน หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ “ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ” นั่นเอง ส่วนผู้ที่ต้องระวังคือผู้ที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธาตุไฟ ปีหน้าทองคำและน้ำมันราคาจะพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาทองคำมีโอกาสที่จะทะลุถึงบาทละ 25,000 บาท เช่นเดียวกันราคาน้ำมันก็จะพุ่งสูงอีกครั้ง เช่นเดียวกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธาตุดินจะมาแรง

ภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น

ในแง่ของภัยธรรมชาติจะทวีรุนแรงมากกว่าปี 2553 เป็นอิทธิพลของดาวเสาร์กับดาวพฤหัสฯ จะส่งโดยตรงต่อเรื่องของภัยธรรมชาติที่จะรุนแรงมาก ถ้าเกิดปัญหาภัยแล้งจะแล้งแบบสุดๆ ช่วงที่น้ำมาก็จะเกิดน้ำท่วม ไม่มีความพอดี จำเป็นต้องเตรียมตัวกันทั้งปี โดยจะมีผลต่อธุริจด้านการเกษตร ดูแลเลือกสวนไร่นาตัวเองดีๆ จะเป็นปีที่มีสิทธิ์รวย เพราะพืชราคาจะแพงขึ้น ส่วนนักลงทุนที่ชอบลงทุนในสินค้าเกษตรก็จะพบกับโอกาสดีๆ เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เฉพาะเมืองไทยแต่จะเกิดขึ้นในทั่วโลก

เคล็ดการลงทุน

นอกจากการใช้ตำราโหาราศาสตร์ไทยในการทำนายดวงเมืองแล้วอาจารย์ช้างยังถือ เป็นผู้หนึ่งที่มีความชำนาญในการดูฮวงจุ้ยด้วย โดยล่าสุดได้นำทั้งสองศาสตร์มาผสมผสานเพื่อการทำนายที่ให้ความแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะการแนะนำเคล็ดลับการลงทุนและการใช้ชีวิตประจำวัน

“ผมว่าการทำนายดวงเมืองเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราจะต้องให้ความสำคัญ เพราะ เป็นเรื่องของชะตาโดยรวม แต่สิ่งที่น่าจะให้ความสำคัญมากกว่านั้นน่าจะเป็นการแนะนำการใช้ชีวิตของผู้อ่านในบ้านเมืองนี้ เพื่อให้อยู่กันได้อย่างมีความสุข ซึ่งตัวผมเองมองว่า ถ้าประชาชนมีความสุขบ้านเมืองก็จะมีความสงบสุขด้วย”

วันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2554 เวลา 11.37 น.

ที่มา www.horoworld.com

 

เชื่อในทันที "งมงาย"
ปฏิเสธในทันที "ขาดปัญญา"​

​

ตุลาคม 2554 วิกฤติจีน ทหารเถลิงอำนาจคุมไทยเบ็ดเสร็จ​

เกิดพายุใต้ฝุ่นพัดถล่ม กทม. เกิดน้ำท่วมหนักสุดในรอบ 100 ปี เขมรเกิดจลาจลทั่วประเทศนักศึกษาฮือทุกมหาวิทยาลัย ถูกยิงตายไปเป็นร้อย เป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงมาก ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่แห้งแล้งที่สุดในรอบศตวรรษ กว่า 35 ล้านเอเคอร์เสียหายยับเยิน ขาดแคลนน้ำบริโภค ต้องถือว่าจีนแผ่นดินใหญ่เกิดวิกฤต เศรษฐกิจจากปีก่อน ๆ ที่รุ่งเรืองขึ้นมาปีนี้เกิดวิกฤตการณ์ภายในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจเริ่มตกต่ำอีก​

ในประเทศไทยชีวิตผู้คนต้องปลิดปลง เหมือนใบไม้ร่วง เศรษฐกิจถดถอย ชาวนา กรรมกรมีหนี้สินเป็นจำนวนมาก มีคนอดอยากล้มตาย บุคคลสำคัญของประเทศไทยสุขภาพจะทรุดโทรมอย่างหนัก เกิดโรคระบาดและภาวะขาดแคลนเครื่องอุปโภค บริโภค โจรผู้ร้ายชุกชุม อุบัติเหตุใหญ่ ๆ มีเกิดขึ้นตลอดแทบจะทั้งเดือน มีการตายหมู่ทางรถยนต์ ทางเรือ และทางเครื่องบินอีกครั้ง​

สำหรับทางด้านการเมืองอาจมี การปรับ ครม. ครั้งใหญ่ ส.ส. ร่วงหล่น บุคคลในเครื่องแบบจะมีบทบาทคึกคักขึ้น กลางเดือนมีการตายหมู่เป็นร้อย บ้านเมืองก็ยังประสบภาวะสงคราม เศรษฐกิจตกต่ำ หุ้นตกวินาศสันตะโร ธนาคารจะเข้าสู่จุดคับขัน ความลำบากยากแค้นจะมีไปทั่ว ศีลธรรมจะเสื่อมโทรม พระอลัชชีกับมนุษย์ลวงโลกจะกำเริบเสิบสาน ทำให้ประเทศชาติเสื่อมเสียชื่อเสียง​

เศรษฐกิจถดถอยเงินฝืดเคือง ชาวนา กรรมกร มีหนี้สินเป็นจำนวนมาก มีคนอดอยากล้มตายเขมรและพม่า ศัตรูภายนอกจะแสดงบทบาทระราน ยั่วยวนโทสะมากขึ้นโดยอาศัยสถานการณ์อันยุ่งเหยิงภายในเป็นเหตุรอบบ้านตาม ชายแดนจะเกิดความปั่นป่วน ทั่วโลกเกิดสงครามจลาจล อาจมีผลกระทบมาถึงเราบ้าง เราควรวางตัวเป็นกลาง ไม่ควรเข้าฝ่ายใด​

"ไข้หวัดหมู" จะระบาดหนักในประเทศไทยตอนใต้ จะระบาดจากหมูสู่คน มีคนตายเกลื่อนเมือง และระบาดจากมนุษย์สู่มนุษย์ในเวลาต่อมาอันรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง​

พฤศจิกายน 2554 ไข้หวัดนก 2011 กลืนเมือง ขัดแย้งกับเขมร พม่ารุนแรง​

"ไข้หวัดนก" เริ่มระบาดร้ายแรงและกลายพันธุ์เป็นโรคติดต่อไปทั่วโลก ทางภาคใต้เกิดมิคสัญญี เพื่อที่จะแบ่งแยกดินแดนตั้งแต่ต้นเดือนไทยจะคับขันและเผชิญหน้าต่อ วิกฤตการณ์ของโลกอย่างหนักหน่วงที่สุด จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่ของไทย ในกรุงเทพฯ ตึกสูงจะพังทลายฝังชีวิตนับพันคนถนนหนทางเสียหาย​

เกิดไฟไหม้ทั้งเมือง ผู้คนระส่ำระสาย มีแต่เสียงร้องโหยหวนเป็นโศกนาฏกรรมรุนแรงมากรัฐบาลจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหา สำคัญกับหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่ก่อหวอดขึ้น​

เกิดความวุ่นวายโกลาหล เป็นระยะที่นายกรัฐมนตรีจักเป็นอันตราย ควรจะเพิ่มการคุ้มครองให้มากเป็นพิเศษ รัฐบาลประกาศขึ้นภาษีทุกประเภท ส่วนด้านชายแดนไทยเรา จะมีการขัดแย้งกับเพื่อนบ้านเขมร และพม่ารุนแรงดินแดนตะวันออกกลางจะลุกเป็นไฟอีกครั้ง เปอร์เซียกับซีเรียจะเป็นผู้จุดชนวนสงครามเข่นพิฆาตยิว ดินแดนเอเซียอาคเนย์และประเทศตามเกาะชายเมืองมหาสมุทรแปซิฟิกด้านทิศตะวันตก คือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย จะถูกภัยธรรมชาติอย่างรุนแรง สำแดงความหฤโหดกลืนชีวิตผู้คนจำนวนมหาศาล​

อัฟกานิสถาน ปากีสถาน เป็นเดือนอันน่าเศร้า เป็นเดือนแห่งความขัดแย้ง มีการปะทะกันจนนองเลือด ทำให้ทั่วโลกวิกฤตเกิดเป็นสงครามย่อย ๆ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่จะนำไปสู่มหาสงคราม ในปี 2554 ทำให้มีผู้ล้มตายจำนวนมากเป็นสงครามล้างโลก สหรัฐจะพบกับสภาพอันวุ่นวายภายในประเทศ​

และในช่วงปลายเดือน ประเทศไทยจะเกิดปรากฏการณ์แผ่นดินทรุด แผ่นดินแยก แผ่นดินถล่มไปทั่วทุกจังหวัด บ้านเรือน ตึกรามบ้านช่องเสียหาย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ตึกทรุด ตึกสูงระฟ้า ถล่มลงมาจำนวนมาก มีผู้คนและสัตว์เลี้ยงเสียชีวิตจำนวนมาก ดูน่าอเนจอนาถเป็นที่สุด เกิดพายุครั้งรุนแรงเป็นภัยธรรมชาติสุดหฤโหด แหล่งน้ำทั้งเล็กทั้งใหญ่พังทลาย ทำให้ “เขื่อนยักษ์” ขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศรับน้ำไม่ไหว แตกและพังลงมาท่วมผู้คน สัตว์เลี้ยงเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ไหลลงมาถึงกรุงเทพฯ และกรุงเทพฯ จมใต้น้ำเป็นเวลานาน​

ธันวาคม 2554 อากาศร้อนที่สุดในรอบ 100 ปี หิมะตกทั่วไทย สงครามโลกครั้งที่ 3​

ทั่วโลกมีภูมิอากาศแปรปรวน ในยุโรปบางประเทศจะร้อนจัดเพราะเกิดคลื่นความร้อน ทำให้อากาศร้อนที่สุดในรอบ 100 ปี ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก และในบางประเทศก็หนาวจัดจนทนอยู่ไม่ไหว หิมะตกโปรยปรายลงมา ขาวโพลนไปทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลปัญหาเพื่อนบ้านจะก่อกวนและสร้างความขมขื่นใจให้แก่เราตลอดทั้ง เดือน หุ้นไทยตกต่ำสุดขีด ยังไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้วิกฤตกาลทางภาคใต้ไม่มีทีท่าว่าสงบลงได้ กลายเป็นเรื่องใหญ่ต้องให้องค์กรโลกมาช่วยเหลือ​

มีอุบัติภัยทางอากาศ หลายครั้งในต่างประเทศ ศีลธรรมของโลกจะตกต่ำอย่างหนัก ฝ่ายมิจฉาชีพจะคุกคามสวัสดิภาพของสุจริตชนอย่างรุนแรง หมายถึงความวิปริตของโลกยุโรปมีเค้าให้เห็นว่าองค์การตลาดร่วมจะวิปริต ถึงแก่การแตกแยกกันได้ อังกฤษจะต้องเผชิญกับปัญหาการขัดแย้งภายใน เจ้านายชั้นสูงได้รับอันตรายและมีการตายหมู่ จุดอันตรายจากแผ่นดินไหวหรือภัยร้ายแรงจะเกิดขึ้นที่ ปากีสถาน อาฟกานิสถาน และภาคกลางของรัสเซีย อาจมีการปฏิวัติรัฐประหารในดินแดนแถบนี้​

ประเทศญี่ปุ่น เคยเงียบสงบมานาน ระยะนี้จะเข้าสู่จุดตรึงอันสำคัญบ่งถึงความยุ่งยากภายใน รัฐบาลอาจจะต้องผันแปรไป มีการหยุดงาน นายกรัฐมนตรีลาออก​

ประเทศ อิหร่าน หรืออาณาจักรเปอร์เซียโบราณ โดนภัยบ่อนทำลายอย่างรุนแรง จากต่างประเทศที่มีอุดมการณ์ต่างกัน เข้าแทรกซึมอย่างเต็มที่ แม้จะใช้ทหารและอาวุธเข้าปราบปราบอย่างไรก็ยังไม่สงบลงได้ ฝ่ายแทรกแซงก็ยังไม่ลดละยังคุมคามต่อไปในช่วงนี้ อาจมีผลทำให้เกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์และโบราณ มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมหาศาล ถือได้ว่าแทบจะล้างแผ่นดินก็ว่าได้​

คำทำนายเหตุการณ์ปลายปี 2554 โดย โสรัจจะ นวลอยู่ ​

ที่มา http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2027698​

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ปภ.สรุปน้ำท่วมตายแล้ว 22 รายสูญหาย 1 </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center>ภาพข่าวจาก INN</TD></TR></TBODY></TABLE>
อธิบดี ปภ. สรุปความเสียหายจากพายุนกเตน ล่าสุด มี 22 จังหวัดพื้นที่ทางการเกษตรเสียหายกว่า 6.1 แสนไร่ มีผู้เสียชีวิต 22 ราย สูญหาย 1 ราย

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึง ภาวะฝนตกหนัก จากอิทธิพลของพายุโซนร้อนนกเตน ว่า ส่งผลให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยมีจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) รวม 22 จังหวัด 182 อำเภอ 1,122 ตำบล 8,646 หมู่บ้าน

ได้แก่ แพร่ เชียงใหม่ สุโขทัย น่าน ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก ตาก นครสวรรค์ นครพนม อุดรธานี หนองคาย มุกดาหาร บึงกาฬ สกลนคร เลย เพชรบูรณ์ ประจวบคีรีขันธ์ และพระนครศรีอยุธยา

ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 501,547 ครัวเรือน 1,371,137 คน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 217 หลัง พื้นที่การเกษตรคาดว่า จะได้รับความเสียหาย 619,723 ไร่ ถนน 1,085 สาย ท่อระบายน้ำ 115 แห่ง ฝาย ทำนบ 20 แห่ง สะพาน คอสะพาน 72 แห่ง บ่อปลา บ่อกุ้ง 558 บ่อ ปศุสัตว์ 474 ตัว มีผู้เสียชีวิต 22 ราย สูญหาย 1 คน

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ทหารเขมรแห่ซื้อทองคำเขาพระวิหารคึกคัก </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center>ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
เขมร แห่เข้ามาหาซื้อทองคำที่ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ขณะบริเวณปราสาทพระวิหาร นักท่องเที่ยว แห่ขึ้นชมปราสาทพระวิหาร คึกคัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวรัสเซียประมาณ 100 คน พากันมาเที่ยวชมความสวยงามตามธรรมชาติของผามออีแดง ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย จำนวน 4 คน ได้พากันเดินมาเที่ยวชม บริเวณประตูเหล็ก ตรงข้ามปราสาทพระวิหาร

ผู้สื่อข่าวรายงาน ด้วยว่า ขณะเดียยวกัน ที่จุดผ่านแดนถาวรไทย - กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ปรากฏว่า ได้มีบรรดานายทหารและนายตำรวจ ระดับชั้นสัญญาบัตรของประเทศกัมพูชา พากันเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาในเขตแดนไทย เพื่อเดินทางเข้าไปหาซื้อทองคำ บริเวณตลาดสด อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ เนื่องจาก การที่ ทองคำ มีราคาแพงมากยิ่งขึ้น บาทละกว่า 25,000 บาท

ทำให้ นายทหารและนายตำรวจของกัมพูชา พากันมาหาซื้อทองคำ เพื่อนำเอาไปกักตุนไว้ ซึ่งทองคำของประเทศไทย จะมีคุณภาพของเนื้อทองและราคาจะดีกว่าทองคำของประเทศกัมพูชา ทำให้บรรยากาศร้านค้าทองในเขต อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดผ่านแดนถาวรไทย - กัมพูชา ค่อนข้างคึกคักมากในขณะนี้

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

MThai Mews : สำนักข่าวต่างประเทศเผยภาพ วาฬฟินความยาวกว่า 55 ฟุต (16.5 เมตร) เกยตื้นอยู่บนหาดโขดหินในจุดที่เหมาะเจาะ กลายเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม ของหมู่บ้านลินเมาท์ ในเมืองเดวอน ประเทศอังกฤษ
ทั้งนี้ นายวิคเตอร์ ปีเตอร์ ออสบอเน่ เป็นคนแรกที่พบมันเกยตื้นอยู่ เขาจึงโทรตามเจ้าหน้าที่ของลินเมาท์ให้มาช่วย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็พบว่ามันตายแล้ว
นายแอดี้ เคลเวอร์ดัน เจ้าหน้าที่ชายฝั่งของหมู่บ้านลินเมาท์ กล่าวว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่มีวาฬมาเกยตื้นอยู่บนหาดของหมู่บ้านลินเมาท์นี้ ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ชายหาดกล่าวว่า เจ้าวาฬฟินตัวนี้น่าจะตายมาประมาณ 1-2 วัน แล้ว และทางเจ้าหน้าที่กำลังหารือถึงวิธีการที่จะเคลื่อนย้ายร่างไร้วิญญาณของวาฬฟินตัวนี้ออกจากหาด
อย่างไรก็ตาม วาฬฟินเป็นวาฬที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจากวาฬสีน้ำเงิน เมื่อโตเต็มที่มันจะมีความยาวประมาณ 85 ฟุต (25.5 เมตร) หนักประมาณ 80 ตัน พบมากทางขั้วโลกใต้ แต่ก็มีวาฬฟินจำนวนหนึ่งอาศัยอยู่ที่แอตแลนติกเหนือ



Photo:: Apex


โรคหูดับ สายพันธุ์ใหม่
รายงานข่าวแจ้งว่า น.พ.ศิริชัย ภัทรนุภาพร นายแพทย์สาธารณสุขลำปาง เปิดเผยว่าที่ จ.ลำปาง ได้พบผู้เสียชีวิตจำนวน 4 ราย เป็นชายอายุประมาณ 60-70 ปี
ทั้งนี้ผู้เสียชีวิตทั้งหมดนั้นเกิดจาก โรคหูดับสายพันธุ์ใหม่ โดยเชื้อโรค สเตป โต คอก อัทซู อิท อี ควายน์ ที่เพิ่งตรวจพบเจอเชื้อโรคชนิดนี้ครั้งแรกที่ จ.ลำปาง ส่วนเชื้อโรคใหม่นี้มีความคล้ายคลึงกับโรคหูดับแบบเก่า หรือ สเตรปโตคอคคัส ซูอิส
อาการของโรคหูดับ สายพันธุ์ใหม่
โดยเชื้อตัวใหม่นี้มักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ ระหว่าง 60-70 ปีขึ้นไป
โดยอาการเริ่มแรกจะมีไข้ขึ้นสูง ปวดหัวเข่าอย่างรุนแรง จากนั้นเชื้อโรคจะลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด จนทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในที่สุด
สาเหตุโรคหูดับ สายพันธุ์ใหม่
คาดว่าเกิดจากการบริโภคเนื้อหมูดิบ เลือดดิบ และเครื่องในหมูดิบ
Mthai News

 

เมื่อคืน(10/8/54)ในหลวงทรงตรัสแก่คณะรัฐมนตรีในตอนหนึ่งว่าตอนนี้ทั่วโลกวุ่นวายไปหมดอยากเห็นประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีความสงบ

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ทั่วทุกภาคฝนตก 60-80 %ของพื้นที่ เตือนพื้นที่เสี่ยงภัยระวังน้ำป่าไหลหลาก 1-3 วัน </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันที่ 11 สิงหาคม 2554 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.

ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะ 1-3 วันนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย
เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.




</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>อุตุฯ แจงพายุ 20 ลูก ไม่ได้พัดเข้าไทย </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา แจง ประชาชนอย่าตื่นกระหนกข่าว พายุ 20 ลูก พัดเข้าประเทศ ระบุ เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

นายสมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยผ่านรายการ "เปิดข่าวเด่นเจาะประเด็นดัง " ทางสถานีวิทยุ FM 102.75 ว่า สำหรับสภาพอากาศ ที่ส่งผลให้เกิดฝนตกกระจายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะทางตอนเหนือของประเทศ อาทิ นครพนม สุโขทัย เชียงราย นั้น

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากประเทศไทย เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝนตามปกติ โดย มีปัจจัยมาจากร่องมรสุมตะวันตกพาดผ่านตอนบนของประเทศ และรองมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และพายุหมุนโซนร้อน ซึ่งภายในเวลา 48 ชั่วโมง หลังจากนี้ พายุจะค่อยๆ อ่อนกำลังลง

นอกจากนี้ ยังชี้แจงด้วยว่า สำหรับการนำเสนอข่าวว่า จะมีพายุอีกจำนวนกว่า 20 ลูกพัด เข้าประเทศนั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจาก พายุ 20 ลูก เป็นเพียงค่าเฉลี่ยที่เกิดขึ้นทางด้านทิศตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์

โดยเฉลี่ยจะพัดเข้าประเทศเพียง 1-2 ลูกเท่านั้น โดยมีระดับความรุนแรงเท่ากับ "พายุนกเต็น" ที่อ่อนกำลังลงไป จึงไม่อยากให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก หรือหวาดกลัวกับกระแสข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด โดยขอให้ประชาชนติดตามการรายงานสภาพอากาศทางกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ชาวอังกฤษชี้มาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลไม่ใช่ชนวนจลาจล </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
ผลสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดยยูกอฟ และเผยแพร่ในแท็บลอยด์ เดอะซัน ของอังกฤษ ในวันนี้ระบุว่า มีชาวอังกฤษเพียง 8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่คิดว่า มาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล

ที่นำไปสู่การตัดลดงบประมาณด้านต่าง ๆ เป็นสาเหตุให้เกิดการจลาจลเผาบ้านเผาเมือง ที่ถือว่าเลวร้ายที่สุดแห่งยุค และส่วนใหญ่โทษว่าเป็นพฤติกรรมของพวกแก๊งและอาชญากร

<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
อังกฤษกำลังดำเนินการอย่างรีบเร่ง เพื่อค้นหาปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังการจลาจลอย่างไม่คาดฝัน ทำให้กรุงลอนดอน ลุกเป็นไฟเมื่อวันเสาร์ ก่อนจะลุกลามไปยังเมืองใหญ่อื่น ๆแต่ไม่ยอมรับข้ออ้างที่ว่า เกี่ยวข้องกับมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล

<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
ผลสำรวจระบุว่า ชาวอังกฤษ 42 เปอร์เซ็นต์ โทษว่าเป็นพฤติกรรมอาชญากรรม ที่ทำให้เกิดความไม่สงบในครั้งนี้ ส่วนอีก 26 เปอร์เซ็นต์ ชี้ไปที่พฤติกรรมของพวกแก๊ง นอกจากนี้ผู้ถูกสำรวจ 1 ใน 20 เชื่อว่า การว่างงานเป็นสาเหตุสำคัญของการก่อจลาจล ที่เริ่มต้นจากการที่ชายคนหนึ่งถูกตำรวจยิงเสียชีวิต ซึ่งเป็นจำนวนที่เท่ากับพวกที่โทษว่า เป็นเพราะความตึงเครียดด้านเชื้อชาติ

<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน กล่าวว่า การตอบโต้พวกก่อเหตุจลาจล ได้เริ่มเมื่อวันพุธจากการที่เขาไฟเขียวให้ใช้สายฉีดน้ำแรงดันสูงเป็นครั้งแรก นอกไอร์แลนด์เหนือ ขณะที่รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคอนุรักษ์นิยมของเขา กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบแผนการตัดลดงบประมาณของโครงการสาธารณะต่าง ๆ เพื่อรับมือกับการขาดดุลงบประมาณ

<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
ขาวอังกฤษส่วนใหญ่ ไม่ได้ตำหนิรัฐบาลเกี่ยวกับสาเหตุที่เกิดจลาจล แต่ตำหนิติเตียนเรื่องการรับมือสถานการณ์ โดย 57 เปอร์เซ็นต์ ของประชาชนที่ถูกสำรวจรวม 2,534 คนเมื่อวันจันทร์และวันอังคารที่ผ่านมา ระบุว่า ทางการรับมือได้แย่มาก

<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
นายกรัฐมนตรีคาเมรอน และนายบอริส จอห์นสัน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ต้องรีบกลับจากการไปพักร้อนเร็วกว่ากำหนด เพื่อรับมือกับเหตุจลาจล หลังจากปล่อยให้ยืดเยื้อในลอนดอนถึง 3 วัน ซึ่งพบว่า สาธารณชนไม่พอใจนายจอห์นสันอย่างรุนแรง และมีคนตำหนิเขาถึง 54 เปอร์เซ็นต์

<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
สาธารณชนส่วนใหญ่ยังแสดงความเห็นใจต่อตำรวจ ที่ต้องรับมือกับพวกวัยรุ่นป่วนเมืองหลายพันคน ซึ่งผลสำรวจระบุว่า คนส่วนใหญ่เห็นด้วยต่อการใช้แก๊สน้ำตา , ปืนไฟฟ้า ,ตำรวจบนหลังม้าและกระสุนพลาสติก จัดการกับพวกป่วนเมือง และมีถึง 1 ใน 3 ที่อยากให้ใช้กระสุนจริง

<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
แม้ว่าตำรวจจะใช้ความพยายามอย่างหนัก แต่ก็มีโอกาสน้อยที่พวกปล้นสะดมจะถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งผู้ถูกสำรวจ 85 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า เชื่อว่า พวกปล้นสะดมจะหายตัวไปหมดแล้ว




</DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>บุกพิสูจน์ควายยักษ์ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
ฮือฮาหนุ่มใหญ่เลี้ยงควายยักษ์หนัก1,500 ก.ก. ในฟาร์มดังกลางเมืองสองแคว ตั้งชื่อเจ้า "ทองสุข" เผยเลี้ยงตั้งแต่เล็กขุนจนอ้วนใหญ่ จับทำพ่อพันธุ์รีดน้ำเชื้อผสมพันธุ์จนได้ลูกควายอีก 3 ตัว น้ำหนักร่วมพันกิโลกรัมทั้งสิ้น

มีคนขอซื้อควายยักษ์ แต่เจ้าของไม่ขาย ขายให้เฉพาะน้ำเชื้อเพราะต้องการอนุรักษ์ให้เป็นควายไทยตัวใหญ่ไม่แคระเตี้ย

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายสมบัติ ทำละเอียด เจ้าของฟาร์มกระบือ บิ๊กไอส์ อยู่หมู่ 1 ต.ทับยายเชียง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ว่า
ในการพัฒนาสายพันธุ์กระบือหรือควายไทย เพื่อให้มีขนาดใหญ่โตและมีน้ำหนักตั้งแต่ 1,000 กิโลกรัมขึ้นไป ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันนี้กระบือไทยมีขนาดตัวเล็ก และมีน้ำหนักเพียง 300-400 กิโลกรัมเท่านั้น และที่สำคัญมีการกลายพันธุ์ผสมกันเอง ทำให้กระบือไทยไม่ได้รับมาตรฐาน ซึ่งจากการตรวจสอบฟาร์มกระบือดังกล่าว พบว่ามีกระบือที่เจ้าของฟาร์มเลี้ยงไว้จำนวนกว่า 50 ตัว

นายสมบัติกล่าวว่า เมื่อประมาณ 6 ปีที่ผ่านมา ตนเห็นว่าในจังหวัดพิษณุโลก ไม่มีผู้ที่เลี้ยงกระบือหรือควายเป็นรูปธรรม จึงได้หาซื้อกระบือมาเลี้ยง จำนวน 10 ตัว และหนึ่งในนั้นมีกระบือตัวใหญ่กว่ากระบือตัวอื่น ชื่อ "ทองสุข" ขณะนั้นมีน้ำหนัก เพียง 800 กิโลกรัม จากนั้นได้ให้อาหารและหญ้าอย่างใกล้ชิด ทำให้เจ้า "ทองสุข" มีน้ำหนักถึง 1,500 กิโลกรัมทีเดียว ถือว่ามีน้ำหนักมากที่สุดของกระบือไทย

ต่อมาได้นำเจ้า "ทองสุข" มารีดน้ำเชื้อผสมพันธุ์กับกระบือไทย ที่มีรูปร่างมาตรฐาน และเลี้ยงอย่างดี ไม่มีการผสมพันธุ์กันเอง เนื่องจากจะทำให้กลายพันธุ์ และแคระได้ ส่งผลให้ได้ลูกของเจ้า "ทองสุข" อีก 3 ตัว คือ เจ้าเสาร์ อายุ 6 ปี มีน้ำหนัก 1,300 กิโลกรัม เจ้าขุนทอง อายุ 7 ปี น้ำหนัก 770 กิโลกรัม และเจ้าดาวเหนือ อายุ 5 ปี น้ำหนัก 930 กิโลกรัม โดยเฉพาะเจ้าดาวเหนือนั้นยังโตและตัวใหญ่ขึ้นไปอีก เนื่องจากอายุยังน้อย คาดว่าจะใหญ่และมีน้ำหนักถึง 1,500 กิโลกรัม เหมือนเจ้าทองสุขอย่างแน่นอน และบรรดาเซียนกระบือนั้น ยกให้เป็นกระบือที่หล่อ และสัดส่วนดีที่สุดในเมืองไทย

นายสมบัติกล่าวอีกว่า ในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ ตนไม่เคยเห็นกระบือ ที่มีน้ำหนักมากถึง 1,000 กิโลกรัม หรือหนัก 1 ตันมาก่อน และหลังจากเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา ได้นำเอาเจ้าทองสุขไปเปิดตัวที่งานเกษตรรุ่งเรือง เมืองสองแคว ทำให้มีประชาชนมาดูกันจำนวนมาก และเป็นที่สนใจของผู้ที่เลี้ยงกระบือเป็นอย่างมาก มีบางคนต้องการซื้อและเสนอเงินมาในราคาไม่ต่ำกว่าล้านบาท แต่ตนไม่ยอมขาย เนื่องจากเลี้ยงเจ้าทองสุขมานาน และที่สำคัญคิดว่าต้องการขยายสายพันธุ์กระบือไทยแท้ ที่มีลักษณะใหญ่ และน้ำหนักมากถึง 1,000 กิโลกรัม เพื่อให้ลูกหลานและเยาวชนได้ชมกัน แต่ถ้าหากต้องการน้ำเชื้อของเจ้าทองสุข สามารถติดต่อมาได้จะขายให้ในราคาถูก โดยจำหน่ายโดสละ 2,000 บาท หากนำควายตัวเมียตัวมาผสมพันธุ์ที่ฟาร์มจะคิด 4,000 บาท แต่จะไม่มีการขายพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ตนต้องการให้กระบือไทยมีการพัฒนามีมาตรฐาน ไม่ใช่แคระเตี้ย เหมือนกระบือทั่วไป



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 11:07 น. ข่าวสดออนไลน์


วธ.ถกอธิบดีกรมศิลป์-ลือสนั่นเว็บเขมรขึ้นทะเบียนรำไทย-หนังใหญ่ไทย

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> จากกรณีมีกระแสข่าวลือเผยแพร่ผ่านฟอร์เวิร์ดเมล์ หรือ อีเมล์ลูกโซ่ รวมทั้งผ่านเว็บบอร์ดต่างๆ ระบุว่า กัมพูชาจดทะเบียนท่ารำไทย ท่าจีบไทย และหนังใหญ่ไทย ว่าเป็นศิลปวัฒนธรรมของกัมพูชากับทางองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) นอกจากนั้นยังมีแผนนำวรรณคดีไทยหลายเรื่อง สถาปัตยกรรมไทย และดนตรีไทยไปขึ้นทะเบียนกับยูเนสโกเพื่ออ้างสิทธิ์เป็นของตนด้วยนั้น


ความคืบหน้าวันที่11ส.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรมคนใหม่ ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าว ว่า ขณะนี้ตนได้รับทราบรายละเอียดแล้ว จากนี้จะหารือกับนางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร ในฐานะกรรมการมรดกโลก เพื่อลงในรายละเอียดอีกครั้ง ว่าสิ่งที่กัมพูชาจดทะเบียนนั้นเป็นการจดทะเบียนในลักษณะไหนอย่างไร ต้องขอเวลา นอกจากนั้นยังต้องหารือกับนายสุรพงษ์ โตวิจักรชัยกุล รมว.การต่างประเทศด้วยว่าขั้นตอนการจดทะเบียนศิลปวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างไร ปัญหานี้ถือเป็นภารกิจแรกที่ต้องเร่งดำเนินการเพราะประชาชนให้ความสนใจและเป็นวัฒนธรรมไทย หากต่างชาติจะนำไปขึ้นทะเบียนเราก็ต้องปรึกษาหารือ หาทางแก้ไขกันต่อไป


ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกหนักใจกับภารกิจแรกที่ต้องแก้ปัญหาระดับชาติอย่างนี้หรือไม่ นางสุกุมล กล่าวว่า ไม่หนักใจ เพราะมีหลายหน่วยงานที่จะทำงานและหารือร่วมกัน ไม่ได้ทำงานคนเดียว ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน

ศาลมะกันขังลืมเจ้าลัทธิมากเมีย



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>
</TD></TR></TBODY></TABLE>วันที่ 10 ส.ค. เอพีราย งานว่า ศาลรัฐเท็กซัสของสหรัฐตัดสินจำคุกตลอดชีวิตนายวอร์เรน เจฟส์ วัย 55 ปี เจ้าลัทธิมากเมีย จำเลยข้อหาทำร้ายทางเพศผู้เยาว์กับเด็กหญิง 2 คนซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ ศาลระบุว่าไม่อนุญาตให้การลดหย่อนโทษจนกว่าเจ้าลัทธิรายนี้จะมีอายุครบ 100 ปี นายเจฟส์ยืนรับฟังคำตัดสินโดยไม่ปริปากพูดอะไรทั้งสิ้น แต่ระบุเป็นบันทึกพันกว่าหน้าว่า พระเจ้าเป็นผู้สั่งให้ตนสมรสกับเด็กอายุ 12 ปี นอกจากนี้นายเจฟส์ยังขอร้องทนายไม่ให้เบิกตัวพยานคนใดมาเพื่อร่วมรับฟังคำตัดสินครั้งนี้ด้วย

ด้านอีเลน เจฟส์ น้องสาวของเจฟส์กล่าวว่า พี่ชายตนเป็นพวกหลงผิดชัดเจน และมันเป็นเรื่องบ้ามากๆ ที่นายเจฟส์ถึงกับตั้งลัทธิทางศาสนาขึ้นมาเป็นของตัวเอง

นายเจฟส์เคยตกเป็นข่าวดังในสหรัฐเมื่อปี 2551 หลังจากตำรวจบุกค้นที่ตั้งของลัทธิใกล้กับเมืองเอลโดราโดในรัฐเท็กซัส เพื่อช่วยเหลือเด็กชายหญิงได้กว่า 400 คน

 

ต่อไปจะไม่สามารถกินเนื้อสัตว์ได้ เพราะเนื้อสัตว์ทุกชนิดจะมีเชื้อโรคและสารพิษ !!!​

​

ชาวบ้านอ่วม! หมูแพงกิโลละ 160 บาท

นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า ปริมาณหมูทั่วประเทศในขณะนี้ออกสู่ตลาดลดลงประมาณ 30% จากปกติที่ออกสู่ตลาดวันละ 38,000 ตัว เหลือ 32,000 - 33,000 ตัว เนื่องจากประสบปัญหาโรคระบาด ทำให้แม่หมูและลูกหมูตายจากโรคพีอาร์อาร์เอส และบีอีบี ซึ่งเป็นไวรัสชนิดที่ร้ายแรงในจีนและเกาหลีใต้ลุกลามเข้ามายังไทยในช่วงปีนี้​

ที่มา http://www.dekying.com/2554-160-women4270.htm​

​

มาทำโปรตีนเกษตร กินแทนเนื้อสัตว์กันเถอะครับ​

โปรตีนเกษตรหรือเนื้อเทียม (Textured Vegetable Protein : TVP) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดย สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผลิตจากแป้งถั่วเหลืองพร่องไขมัน มีโปรตีนถึง 50% ซึ่งโปรตีนในถั่วเหลืองมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เนื่องจากมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบทุกตัว โดยเฉพาะมีไลซีน (Lysine) สูง นอกจากนี้ โปรตีนเกษตรยังมีราคาถูกเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์เครื่องจักรที่สำคัญในการผลิตโปรตีนเกษตร คือเครื่องเอ็กซ์ทรูดเดอร์ (Extruder) ​

โดยการใส่แป้งถั่วเหลืองพร่องไขมันเข้าเครื่องเอ็กซ์ทรูดเดอร์ ซึ่งมีความดันและอุณหภูมิสูง ในระยะเวลาสั้นๆ เรียกว่า กระบวนการอัดพอง หรือ extrusion process แป้งถั่วเหลืองพร่องไขมันได้รับความร้อนขณะเคลื่อนตัวไปตามร่องสกรูของ เครื่องเอ็กซ์ทรูดเดอร์ จนสภาพธรรมชาติเปลี่ยนไป (protein denatured) เป็นของเหลวข้น และถูกอัดผ่านรูเล็กๆ ที่มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมออกมา พร้อมกับถูกใบมีดที่ติดตั้งอยู่ที่ปลายเครื่อง ตัดออกเป็นชิ้นๆ หล่นลงสู่สายพาน นำเข้าอบเพื่อไล่ความชื่นให้เหลือต่ำกว่า 5% ก็จะได้ผลิตภัณฑ์โปรตีนที่มีลักษณะคล้ายเนื้อสัตว์ที่เรียกว่า "โปรตีนเกษตร"​

วิธีการใช้โปรตีนเกษตร

นำมาแช่ในน้ำเย็น โดยใช้โปรตีนเกษตร 1 ส่วนต่อน้ำ 2 ส่วน ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จะดูดน้ำจนพองนิ่ม (หรือแช่ในน้ำเดือดใช้เวลา 2 นาที) บีบน้ำออก นำไปประกอบอาหารได้

วิธีการเก็บรักษาโปรตีนเกษตร

เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ในภาชนะที่สะอาด แห้ง ปิดสนิท เก็บได้นาน 1 ปี

ที่มา http://www.keajon.com/protein-kaset/

การทำแป้งกลูเต็นหรือโปรตีนเกษตรทานเองง่ายๆ​

พักนี้กินเนื้อสัตว์ไม่ค่อยได้ค่ะ สาเหตุน่าจะมาจากเรากำลังท้อง เพราะก่อนท้อง ก็กินสารพัดจะกิน หมู เนื้อ ไก่ จะต้ม ตุ๋น ผัดย่าง อะไรๆก็อร่อย แต่ช่วงนี้ไม่ไหวเลยค่ะ ทำครัวได้กลิ่นเนื้อขึ้นมา พาลจะคายอาหารมื้อก่อนทิ้งเสียร่ำไป...​

ก็เลยคิดว่า น่าจะเปลี่ยนแนวการกินของตัวเองดู ลองค้นหาแหล่งอร่อยตามอินเตอร์เน็ต สิ่งแรกคือ ทำน้ำเต้าหู้ดื่มเอง แช่ถั่วเหลืองไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เดี๋ยวเช้าคงได้ลงมือ ทีนี้โจทย์ต่อมาคือ กากถั่วเหลือง จะเอาไปทำอะไรต่อดี ไม่อยากทิ้งเลย แต่จะทำเป็นขนม หรือทอดมันก็ยังรู้สึกไม่อยากกินตอนนี้ ก็เลยลองค้นๆอีกครั้ง ก็เจอสิ่งที่เห็นแล้วชวนน้ำลายสอ นั่นก็คือ"โปรตีนเกษตร"​

แต่วิธีทำจากถั่วเหลืองยากจัง เจอสูตรที่ทำจากแป้งถั่วเหลืองแทน บอกคำเดียวว่าน่าอร่อยมาก เลยอดไม่ได้ที่จะอุ๊บอิ๊บสูตรเค้ามา อิอิ... มาดูสูตรกันค่ะ ง่ายจัง เพียงแต่ต้องใช่เวลาหน่อย อยากกินของอร่อยก็ต้องอดทนเนาะ (ขออนุญาตยกมาทั้งดุ้นเลยละกันนะคะ จะได้ไม่ขาดตกบกพร่อง) ​

วิธีทำ​

1.ซื้อแป้งที่แถวตลาดเก่า ตราห่านบอกว่าจะเอาไปล้างทำหมี่กึง 2 กิโล​

2.เทแป้ง 2 กิโลเอามารวมกัน ค่อย ๆ เทน้ำครั้งละไม่ต้องมาก เทไปนวดไปเหมือนกับการผสมแป้งทั่วไป ห้ามเททีละมาก ๆ จนมีลักษณะเหมือนการทำขนมปัง น้ำที่ใช้เป็นน้ำประปาธรรมดา ปริมาณที่ใช้ประมาณขวดโพลาริส 1 ลิตร แต่ไม่ต้องใช้หมด ให้เหลือตามรูปที่มะหมี่ลงไว้ ก็จะพอดี ไม่แฉะหรือเละจนเกินไป ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มเทน้ำลงไปในแป้ง และค่อย ๆ นวดให้เข้ากันไม่เกิน 10 นาที​

3.เมื่อได้ที่ ให้เอาก้อนแป้งรวบเข้ามา จะเหมือนซาลาเปาลูกใหญ่ ๆ ให้ใช้น้ำประปาเทแช่ไว้ให้ท่วมก้อนแป้ง เคล็ดลับคือให้โรยเกลือลงไปในน้ำประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แช่ไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง​

4.เมื่อ ครบ 3 ชั่วโมงให้แบ่งก้อนแป้งเป็น 4 ส่วนแล้วเอาไปล้างในภาชนะที่ใส่น้ำไว้ให้มากพอสมควรประมาณ 1 กะละมังซักผ้า แล้วค่อย ๆ เอาก้อนแป้งลงไปล้างครั้งที่ 1 ในน้ำ คลี่และถูเบา ๆ ทำเช่นนี้เรื่อย ๆ จนครบ 4 ก้อนแล้วเปลี่ยนน้ำใหม่ ล้างเป็นน้ำ 2 และ น้ำ 3 จะเห็นว่าน้ำที่ล้างแป้งที่ออกมาจะน้อยลง ให้ดูว่าน้ำครั้งที่ 3 หากสีเหมือนน้ำซาวข้าว เป็นอันใช้ได้ จำไว้นะคะ อย่าประหยัดเรื่องน้ำ ทราบไหมคะ เวลาเราไปทานติ๋มซำ ฮะเก๋าที่ห่อกุ้ง แป้งจะละเอียดและบาง นั่นละค่ะ คือแป้งที่ตกตะกอนอยู่ในน้ำ เขาใช้แป้งนี้ไปทำแผ่นห่อฮะเก๋าถ้าจำไม่ผิด เขาเรียกแป้งนี้ว่า (แป้งตั้งหมี่)​

5.เมื่อล้างครบ 3 น้ำให้แช่น้ำประปาไว้อีกสักชั่วโมง หรือจะแช่ค้างคืนก็ได้ แต่ต้องใส่ตู้เย็น หากจะต้มและไม่ประสงค์จะเอาไปทอด ก็สามารถทำได้ จะมีความหอมของแป้ง หรือถ้าเอาไปทอด แล้วเอาไปต้มผัก ก็จะทำให้ผักต้มนั้น มีกลิ่นหอมขึ้น ถ้าทำพะโล้ ก็ไม่ต้องทอด ส่วนการทอด ให้เด็ดเป็นลูก ๆ ใหญ่เท่าลูกชิ้นปลาทั่วไป พอทอดแล้ว ก็จะใหญ่ขึ้นมาอีก 2 เท่า ทำเองไม่เหม็นน้ำมัน กลิ่นแป้งจะหอม ราคาก็ถูกกว่าที่ไปซื้อ ราคาแป้งกิโลละ 33 บาท ตอนที่ทอดขึ้นมาใหม่ ๆ ลองเอามาจิ้มซีอิ๊วทานซิคะ อร่อยอย่าบอกใครเชียว​

โดย: มะหมี่ลูกสอง [11 ต.ค. 50 21:40] ​

ที่มา การทำแป้งกลูเต็นหรือโปรตีนเกษตรทานเองง่ายๆ - PaLungJit.com

วิธีทำโปรตีนเกษตรให้อร่อย

วัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหารมังสวิรัติในปัจจุบัน มีมากมายหลากหลายดังที่ได้กล่าวมาแล้วไม่หายากลำบากเหมือนเมื่อสักยี่สิบปีก่อน ที่มีแต่เต้าหู้ เต้าเจี้ยว ในปัจจุบันมีการผลิตเนื้อเทียมหรือที่เรียกกันติดปากว่า โปรตีนเกษตร เพราะมหาวิทยาลัยเกษตรเป็นผู้เริ่มต้นทำมาเผยแพร่ก่อนใคร

ตัวโปรตีนเกษตรนี้ ทำมาจากแป้งถั่วเหลืองที่สกัดเอาไขมันออกจนเกือบไม่เหลือ ซึ่งเรียกเป็นภาษาวิชาการว่าแป้งดีแฝต (Defat flour) เขาเอามาใส่เครื่องฉีดอัด ให้เป็นรูปร่างต่างๆ เพื่อใช้ปรุงอาหารแทนเนื้อสัตว์ในรูปแบบต่างๆ มีตั้งแต่แบบป่นๆ ชิ้นเล็กๆ เป็นขี้หนู ใช้แทนเนื้อสัตว์บดหรือสับ แบบที่ชิ้นใหญ่ขึ้นมาหน่อย ขนาดสักประมาณเท่าปลายนิ้ว ใช้สำหรับทำอาหารแทนเนื้อสัตว์หั่น ที่ทำแบบเป็นแผ่นก็มีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเท่าหัวแม่มือจนไปถึงเกือบเท่าฝ่ามือ ก็เอาไว้ใช้แทนเนื้อสัตว์ที่หั่นเป็นแผ่นนั่นแหละ

ปัญหาที่คนเอาโปรตีนเกษตรมาใช้ทำอาหารเจอกันมากก็คือ กลิ่นไม่น่ากิน ทำแล้วมีกลิ่นถั่ว คนที่ไม่คุ้นก็กินไม่ค่อยลง เลยพาลทำให้ไม่ชอบอาหารมังสวิรัติไปเลยก็มี ที่จริงวิธีที่จะทำให้โปรตีนเกษตรไม่มีกลิ่นแบบนั้นมีอยู่หลายวิธี
วิธีที่นิยมกันอยู่ก็มีอยู่สองแบบคือ...


แบบที่ 1

1. ตั้งน้ำพอประมาณบนเตา
2. ใส่โปรตีนฯตามต้องการ
3. พอน้ำเดือดสักครู่ ดูว่าโปรตีนฯนิ่ม ก็ยกลง ใส่กระชอนไว้ให้สะเด็ดน้ำ

ถ้าจะเอาไปแกงก็ใช้ได้เลย แต่ถ้าจะเอาไปทำแกงจืดหรือเอาไปผัดกับผักก็ต้องเอามาทำอีกขั้นตอนหนึ่งก่อน โดยเอาไปผัดกับกระเทียม พริกไท ซ็อสปรุงรส ผัดให้นิ่มหอม ปรุงรสชาติตามชอบ จากนั้นค่อยเอาไปทำแกงจืดหรือผัดกับผัก

แบบที่ 2

1. ตั้งน้ำมันพืชบนเตา พอน้ำมันร้อนก็เอาโปรตีนฯลงทอด
2. พอเหลืองก็ตักขึ้น พักไว้จนเย็น
3. เอาไปแช่น้ำให้โปรตีนฯนิ่ม เอาไปใช้ได้เลย

การเอาโปรตีนแช่น้ำเฉยๆ โดยไม่ทำแบบใดแบบหนึ่งที่กล่าวมา จะทำให้โปรตีนเกษตรมีกลิ่น ทำอาหารแล้วไม่อร่อย

ที่มา http://scratchpad.wikia.com