ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ฝนตกกระจายและหนักบางพื้นที่ ทั่วทุกภาคมีฝน 60-70% ของพื้นที่ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจายกับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ พยากรณ์อากาศ

สำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครราชสีมา อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีษะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาอุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรีประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัด ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.




</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ไทยฉาวซ้ำ สื่อตปท.ตีข่าวทลายจับสุนัขเป็นนับพันขายข้ามชาติ เผยชื่อ 11 ปท.เปิบ"เนื้อเก้งเอ๋ง" </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>สำนักข่าว"เดลี่ เมล์"รายงานว่า เกิดเหตุสลดตำรวจไทยได้จับกุมผู้ต้องหาขบวนการค้าสุนัขข้ามชาติของไทย

ขณะเตรียมนำสุนัขจำนวนเกือบ 2 พันตัว ส่งลงท่าเรือในพื้นที่บ้านแพง จังหวัดนครพนม เพื่อข้ามแม่นำโขง ส่งขายที่ประเทศเวียดนาม โดยจะนำไปทำเป็นอาหารเปิบพิศดาร โดยภาพสุนัขนับพันเป็นๆ ที่ถูกขังในกรงต่างๆ บนรถบรรทุกถือเป็นภาพชวนสลดยิ่งแต่เคราะห์ดีที่ตำรวจสามารถช่วยชีวิตสุนัขเหล่านี้ได้ แต่มีสุนัขนับร้อยต้องเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ

"เดลี่ เมล์"ระบุว่า สุนัขนับพันเหล่านี้กำลังถูกส่งไปยังเวียดนาม ก่อนที่ตำรวจจังหวัดนครพนมจะบุกเข้าปฎิบัติการจับกุมสองครั้งในจังหวัดดังกล่าวซึ่งติดกับประเทศลาว

โดยเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์นครพนมยืนยันว่า สุนัขจำนวน 1,011 ขณะนี้ได้รับการดูแลในสถานที่พักพิงของราชการแล้ว แต่มีสุนัขจำนวน 119 ต้องเสียชีวิตเพราะขาดอากาศขณะที่กรงที่อัดแน่นด้วยเหล่าสุนัข หรือตายเพราะถุูกโยนขึ้นรถ โดยขณะที่ชาวไทย 2 ราย และชาวเวียดนาม 1 ราย ถูกตั้งข้อหว่าลักลอบนำสุนัขออกนอกประเทศ และขนส่งสัตว์อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งหากถูกตัดสินว่าผิดจริง จะต้องเผชิญโทษจำคุก 1 ปี และปรับเงินเป็นจำนวน 20,000 บาท

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

MThai News :สำนักข่าวต่างประเทศเผยแพร่ภาพ การก่อสร้างโครงการเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ และอนุสรณ์สถานอาคารทวิน ทาวเวอร์ส ในกรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินพุ่งเข้าชนตึกแฝดทวินทาวเวอร์ส จนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,700 ราย เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะมีการสร้างตึกถึง 4 แห่งด้วยกัน โดยในขณะนี้ตึกทาวเวอร์วัน ซึ่งเป็นอาคารหลักของโครงการ ได้สร้างเสร็จไปแล้ว 76 ชั้นจากทั้งหมด 104 ชั้น และคาดว่าจะเป็น 80 ชั้นในโอกาสครบรอบ 10 ปีเหตุวินาศกรรม 911
ขณะที่อนุสรณ์สถาน ซึ่งเป็นหลุมแกรนิตขนาดใหญ่ 2 แห่ง อันเป็นที่ตั้งเดิมของตึกแฝดที่ถล่มลงมานั้น น่าจะเปิดได้ทันเวลาในพิธีรำลึกถึงวันครบรอบวินาศกรรม 911 ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ซึ่งประธานาธิบดีบารัค โอบามา และอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช จะเข้าร่วมงานด้วย
Mthai News

แท็ก : 911, วินาศกรรม, อเมริกา, เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์



14 ส.ค. 54 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ได้เกิดเหตุเวทีคอนเสิร์ตดนตรีแนวคันทรีในเมืองอินเดียนาโปลิส รัฐอินเดียนา พังถล่มลงมาทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย และผู้บาดเจ็บกว่า 40 ราย
ส่วนสาเหตุนั้น น่าจะเกิดจากลมที่พัดอย่างรุนแรงจนเวทีพร้อมด้วยโครงเหล็กที่ติดตั้งอุปกรณ์ไฟสปอร์ตไลต์ต่างๆได้พังถล่มลงมาใส่แฟนเพลงที่กำลังรอชมคอนเสิร์ตอยู่
อย่างไรก็ตามช่วงที่เกิดเหตุนั้นยังไม่มีศิลปินขึ้นแสดงบนเวทีแต่อย่างใด เนื่องจากอยู่ระหว่างพักหลังการแสดงเปิดคอนเสิร์ตจบลง
ขณะที่วงซูการ์แลนด์ วงคันทรีที่เตรียมจะขึ้นเวทีก่อนเกิดเหตุโศกนาฏกรรมก็ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้







<OBJECT id=mthai_player codeBase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0" classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000 width=480 height=372>
























<embedid="mthai_player" width="480" height="372" type="application/x-shockwave-flash" src="http://video.mthai.com/Flash_player/flowplayer/flowplayer-3.1.5.swf" allowFullScreen="true" flashvars="config=http://video.mthai.com/get_config_event.php?id=1313330518" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" /></OBJECT></P>

แท็ก : ซูการ์แลนด์, เวทีคอนเสิร์ต, เวทีคอนเสิร์ตถล่ม

 

ต่อไปชุมชนเมืองจะอยู่อาศัยไม่ได้ ไม่ปลอดภัย !!!​

ภาพการเกิดจลาจลในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ฤษีแปลงสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_437660", true); </SCRIPT> สมาชิก

ชุมชนเมืองจะอยู่อาศัยไม่ได้ ไม่ปลอดภัย คนจนในเมืองกลายเป็นอาชญากรรม คนรวยมีเงินมากมายแต่ไร้ค่า ไม่มีใครยอมขายอาหารให้ ต้องหลบซ่อนตัวในที่พัก ปกป้องทรัพย์สินของตน ชุมชนชนบท ไม่มีข้าวกินเพราะขายข้าวไปหมดแล้ว ได้เงินมาก็ใช้หมดแล้ว ลงทุนเพาะปลูกไปแล้ว ยังไม่ได้ดอกผล อาหารจะรวมกันที่โรงสี และศูนย์อาหารในเมือง การกระจายอาหารที่ไม่ดี ทำให้คนจนก่ออาชญากรรม คนรวยถูกฆ่าง่ายๆ คนดีไม่มีข้าวกิน แม้นแต่น้ำก็ขาดแคลน

กลยุทธ์การกัน, แก้ และก้าว ในคราวเดียว
(ก่อนเกิดกันได้, หากเกิดเหตุแก้ได้, ไม่เกิดก็ก้าวหน้าได้)​

ประกาศโครงการ "ชุมชนพอเพียงเพื่ออนาคต" โดยรณรงค์ว่า จะให้ชนบทเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำรายได้เข้าชุมชนโดยตรง ตามโครงการพัฒนาชุมชน เป็นการปิดข่าวสงคราม คนไม่แตกตื่น และการทำแบบนี้คือการเตรียมตัวรับสถานการณ์อย่างแนบเนียน ชุมชนชนบทจะมีเต้นท์สำรอง, น้ำสำรอง, อาหารสำรอง, ที่พักเครื่องกันหนาวสำรอง โดยบอกว่าเตรียมไว้เพื่อรับนักท่องเที่ยวในอนาคต ซึ่งจะทำเงินให้ประเทศ แต่แท้จริงแล้ว เตรียมไว้ช่วยคนเมือง ที่จะหนีภัยสงคราม และซึนามิที่ท่วมเกือบครึ่งประเทศมา เมื่อคนจากเมืองไร้บ้านมาสามารถเปิดบ้านต้อนรับได้ทันที

เตรียมสังคมเมตตาธรรม โดยการรณรงค์การต้อนรับประทับใจ โดยการให้ไปฝึกความเมตตา, พรหมวิหารสี่ โดยมีศูนย์กลางการฝึกที่วัด มีบุคลากรอาสาสมัครไปสอนงาน เช่น การเตรียมตัวป้องกันและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ได้รับภัย สร้างมาตรฐานความปลอดภัย เป็นต้น ฝึกซ้อมแบบนี้สามารถช่วยคนที่ตกยากมาได้ทันที แต่บอกว่าเป็นการฝึกการบริการที่ดี เพื่อเตรียมเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เราจะปิดไม่ให้เขารู้ตัวว่าเป็นการเตรียมตัวช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเมื่อยามสงครามและน้ำภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ฟื้นฟูวัฒนธรรมควาเมตตาอารีที่ถูกขายไปนาน ให้กลับมาสู่แดนดินไทย

เตรียมศูนย์กลางชุมชน ได้แก่ ศูนย์กลางเสบียง ซึ่งมียุ้งฉางกลาง เก็บเมล็ดพันธุ์พืช ต่างๆ ทั้งที่กินได้ทันที เช่น พวกถั่ว พวกที่ต้องนำไปเพาะแต่โตเร็ว เช่น ผัก และเมล็ดพันธุ์ข้าว ให้สามารถช่วยเหลือคนทั้งหมู่บ้านได้ นอกจากนี้ยังมีศูนย์กลางปฐมพยาบาล และศูนย์เก็บสมุนไพรประจำตำบล ที่สามารถรองรับการรักษาโรคได้อย่างทันท่วงทีและทั่วถึง ทั้งยังเตรียมบุคคลากรไว้ให้พร้อมด้วย ส่วนศูนย์กลางการสื่อสารนั้นก็จำเป็นเช่นกัน เพื่อประกาศข่าวต่างๆ ให้ความรู้ได้ทันที เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้าย ประชาชนจะรู้ได้ว่าควรทำอย่างไร อย่างไรก็ตาม ศูนย์กลางข่าวสารนี้ ควรคำนึงถึงเวลาขาดไฟฟ้าด้วย

เตรียมแหล่งน้ำจำนวนมาก ควรพิจารณาแหล่งน้ำสำรองจากใต้ดิน บ่อน้ำบาดาลควรมีจำนวนมาก เพราะจะปลอดภัยจากฝุ่นกำมันตรังสีและอาวุธเชื้อโรคที่อาจแพร่มาทางแม่น้ำโขง ดังนี้ จึงควรรณรงค์ให้แต่ละหย่อมมีบ่อน้ำบาดาลใช้ร่วมกัน กระจายอย่างทั่วถึง น้ำเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะเขตอีสาน หากน้ำทะเลท่วมหนุน น้ำใต้ดินมีเกลือมาก จะขุดกินน้ำบาดาลไม่ได้ แม่น้ำโขงก็มีอาวุธเชื้อโรคแพร่ระบาด แต่เราต้องไม่บอกประชาชนตรงๆ บอกว่าฟื้นฟูวัฒนธรรม บอกว่ารสนิยมฝรั่งเขาชอบมาดูแบบนี้ เป็นเอกลักษณ์ที่ประเทศอื่นไม่มี เราจะทำให้เป็นจุดขาย และใช้กินได้ทันทีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหน้าแล้งหรือหน้าในก็ตาม โดยเราจะสอนการกรองน้ำ, ต้มน้ำ และช่วยกันทำเครื่องกรองแจกให้ทั่ว

การลงทุนสร้างที่พักอาศัยใหม่จะใช้เวลานาน และไม่ทันการณ์ ต้องใช้ชุมชนเดิมเป็นรากฐาน โดยต้องอาศัยอาสาสมัครทำงานนี้ ให้ครอบคลุมทั่วไทย กระจายทั้งด้านยุทโธปกรณ์, บุคลากร ฯลฯ ซึ่งต้องลาออกจากงานมาทำงานรับใช้ชาติเต็มตัว งานนี้จึงจะสำเร็จได้ หาไม่แล้ว ก็ไม่มีผู้ใดลงมือช่วยเหลือ สังคมไทยถูกทอดทิ้ง คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตายไม่รู้ตัว คนที่รู้มากเห็นแก่ตัวก็ถูกอาชญากรปล้นฆ่าตาย บ้านเมืองไหน ไม่เตรียมสังคมพุทธไว้ บ้านเมืองนั้นเป็นอันต้องล่มสลายสิ้นชาติ

กลยุทธนี้เดินหมากเกมเดียว ใช้ได้ทั้ง กัน, แก้ และก้าว รับศึกได้ทุกแบบ ทุกทิศ ทุกสถานการณ์ มีสมดุลในตัว เติบโตได้ ยืดหยุ่นได้ พลิกแพลงต่อได้ และเหมาะสมสอดคล้องกับรากฐานความเป็นไทย ทุกประการ ซึ่งหากไม่เกิดอะไรขึ้น ชุมชนไทยจะเข้มแข็งเป็นชุมชนพึ่งพาตนเองได้ทันที พร้อมเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมได้ในอนาคตอย่างพอเพียงอีกด้วย วัฒนธรรมก็ถูกฟื้นฟู ความสามัคคีของคนในชาติก็กลับคืนมา แต่ถ้าเกิดเหตุขึ้นมา จะเป็นแหล่งพึ่งพาอาศัยและอยู่ร่วมกันได้ยามวิกฤติ

ฤษีแปลงสาร
02-01-2007, 02:10 PM

ภัยใดไม่เท่าภัยจากมนุษย์ด้วยกัน
ขาดน้ำและอาหารอยู่ได้หลายวัน
ขาดอากาศหายใจอยู่ได้ไม่เกินสี่นาที
แต่มนุษย์ด้วยกันนี้ฆ่ากันได้ในพริบตาเดียว​

ขอให้คนดีช่วยเหลือกัน เราเสียสละส่วนตน สองสามปี
สร้างชาติใหม่ ไทยพุทธจะครองโลก
สามัคคี, เมตตาธรรม, ขันติ, อุเบกขา และปัญญา
จะทำให้รอดพ้นภัยพิบัติสู่ยุค "ศรีวิไล" แฮ...​

ที่มา http://palungjit.org​

*** วัด และ หมู่บ้านในชนบท ***​

​

วัดและหมู่บ้านในชนบท คือทางรอดของชาวไทย และผู้พลัดถิ่นจากต่างแดน...ตั้งแต่นี้ต่อไป...พอมีเวลาค่อยๆ ลองไปสำรวจวัด และชนบทที่น่าจะปลอดภัย สามารถรับผู้อพยพได้...​

แล้วกลับมานำเสนอ เพื่อหาทางช่วยกันคิด ช่วยเหลือพัฒนาให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น...ต้องค่อย ๆ ทำอย่าให้ชาวบ้านแตกตื่นตกใจ....เข้าไปในฐานะคนใจบุญทั่วๆไป....งานนี้ จำเป็นต้องกระจายกันทำในพื้นที่ของตนเอง แล้วกลับมารายงานให้ "ผู้รวบรวมข้อมูล" รับทราบ....​

ขอให้ช่วยกันทำ ช่วยกันเสียสละออกทุนกันเอง...เจตนา "ช่วยชีวิตคน" ได้บุญมาก...ทุกคนจะมี "ตัวกระทำ" สะสมติดตัวไว้...หากไม่มั่นใจตนเอง ให้จุดธูป ๗ ดอก "ถวายสัจจะต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า จะช่วยสานต่อพระพุทธศาสนา ตลอดชีวิต" และขออำนาจของ "สัจจะ" ช่วยคุ้มครองให้ข้าพเจ้าทำงานสำเร็จทุกประการ... ​

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
10-01-2007, 07:13 AM ​

*** อาหารยังชีพ **** ​

​

เรื่องอาหารช่วงนั้นสำคัญมาก พยายามพึ่ง "เทคโนโลยีดั้งเดิม" ไว้ก่อน....ค้นหา "แม่บ้านทำอาหาร" เป็นชาวบ้านที่มีประสบการณ์ประกอบอาหารเลี้ยงคนจำนวนมาก จะเป็นแกนนำสำคัญในการช่วยผู้อพยพจำนวนมากได้...​

ส่วนใหญ่แล้ว ประเพณีตามชนบท มักร่วมกันทำอาหารจำนวนมากเวลามีงานเลี้ยงใหญ่....สิ่งสำคัญอุปกรณ์ด้านอาหาร เช่นเตา หม้อ ถ่าน จาน ชาม ช้อน ฯลฯ ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ตาม "วัด" เป็นของๆ วัด...ซึ่งพวกเรามักถูกสอนไว้ว่า "ไม่ให้นำของๆ วัดมาเป็นสมบัติส่วนตัว"....​

เมื่อถึงเวลาสรรพภัยทั้งปวงกึ่งพุทธกาลปรากฏ... "ของๆ วัดเหล่านี้จะช่วยชีวิตคนดีจำนวนมากได้".....ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ในอนาคต....พวกเราต้องช่วยกัน ช่วยประกาศให้ทำบุญเป็น "ถวายอุปกรณ์ทำและเลี้ยงอาหารให้กับวัด" ​

ยิ่งมีสะสมมาก ยิ่งมีผลดีในอนาคต....จะได้ไม่ต้องแย่งกัน เมื่อมีคนจำนวนมากอพยพขึ้นทางภาคเหนือ และภาคอีสาน...วัดทั้งสองภาคนี้จึงต้องช่วยกันเป็นพิเศษ ภาคกลาง และชายฝั่งทะเลจะมีภัยอันตรายอย่างยิ่ง...ฝากไว้ด้วย ท่านกาขาว ​

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
10-01-2007, 05:11 AM ​

​

*** น้ำ ***​

เรื่องน้ำกิน เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง...เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า "น้ำบนผิวดิน" จะไม่ปลอดภัย หลังมีการใช้ระเบิดปรมาณู ระเบิดนิวเคลียร์....การเตรียมการเกี่ยวกับน้ำ เท่าที่อ่านดู(ในเว็บพลังจิต) จะไม่สามารถรองรับผู้อพยพจำนวนมากในระดับมหภาคได้....​

ดังนั้น ให้หันหลังกลับไปมอง "เทคโนโลยี่ดั้งเดิม" ที่มีความมั่นคงสูง....ซึ่งก็คือ "บ่อน้ำบาดาล" ที่มีอยู่แล้วตามชนบท....แต่เมื่อคิดในเรื่องปริมาณ "จำนวนบ่อน้ำบาดาล" ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันทั้งภาคเหนือและอีสานแล้ว คงไม่สามารถรองรับได้แน่....เรื่อง "การขุดบ่อน้ำบาดาล" จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดไม่น้อยไปกว่าเรื่องทางด้านอาหาร...​

ต้องออกสำรวจเช่นกัน....แล้วกลับมารายงานข้อมูล เพื่อคิดวางแผนว่าจะต้องขุดเพิ่มตาม "วัด และ ชุมชน" แห่งใดบ้าง....ขอให้ผู้มีประสบการณ์และมีความรู้ด้านบ่อน้ำบาดาล....ลองคิดคำนวณว่า "น้ำ ๑ บ่อ จะสามารถรองรองการใช้งานดื่มกิน ได้กี่คน ต่อวัน"...​

เมื่อเราทราบก็จะคำนวณหา จำนวนที่เหมาะสมได้ เช่น มีวัดหนึ่ง ที่รองรับคนเข้ามาพักได้ ๑,๐๐๐ คน จำเป็นต้องมีบ่อน้ำ จำนวน ๑๐ บ่อ แต่วัดนั้น มีบ่อน้ำบาดาลเพียง ๑ บ่อ ดังนั้นจึงต้องขุดเพิ่ม อีก ๙ บ่อ....​

จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราอีก ที่จะต้องช่วยกันหาผู้ใจบุญขุดบ่อน้ำบาดาล ถวายวัด...เรื่องนี้ ต้องระวังประชาชนแตกตื่นเช่นกัน อาจจะบอกพวกชาวบ้านและพระว่า ปีนี้(2007)เขาว่าจะแห้งแล้งมาก จึงอยากทำบุญเรื่องน้ำกันมากๆ คาดว่าชาวบ้านในพื้นที่จะยินดี แล้วก็แบ่งไปขุดใจกลางชุมชนเพิ่ม...เป็นการทำบุญ บริจาค ช่วยเหลือกันไป..... ​

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
10-01-2007, 07:43 AM ​

ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=51726&page=15<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> ​

ภาระกิจเร่งด่วน...
ทำวัดให้เป็นที่พึ่งพิงจากภัยพิบัติ!!!​

​

​

​

kananun<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3293475", true); </SCRIPT>
หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ ​

บวร ทำ"วัด"ให้เป็นที่พึ่งพิงจากภัยพิบัติ​

หลายคนหลายกลุ่ม ต่างแสวงหาสถานที่ปลอดภัย ยามเกิดภัยพิบัติกัน โดยมองต่างมุม ต่างความคิด ตามพื้นฐานความศรัทธาความเชื่อความรู้ของตนเอง สำหรับ"พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ" เราเชื่อมั่นในพุทธคุณ แห่งพระพุทธศาสนา รวมทั้ง พระราชกะแสรับสั่งขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึง โครงการ "บวร"​

การทำ วัด เป็นจุดศูนย์กลาง ประสานกับ บ้าน เอกชน และ โครงการของพระราชา ศาสตร์ของพระราชา ผู้สนองพระราชกิจเพื่อบ้านเมือง คือข้าราชการที่ดี ซึ่งโครงการ ของพระองค์ท่านทรงมีความลุ่มลึกและปรีชาชาญอย่างที่สุด การนำโครงการบวรมาใช้นั้น ยังประโยชน์แห่งการพัฒนานำประโยชน์สุขได้ทั้ง ทางตรงและทางอ้อม เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน มั่นคงเป็นรากฐานของประเทศ​

เกิดการพัฒนาทั้งทางวัตถุสาธารณะประโยชน์ และการพัฒนาจิตใจ คุณธรรม ทั้ง ความสันโดษ ความพอเพียง สามัคคีธรรม ความเสียสละเพื่อส่วนรวม เกิดผลที่เป็นที่พึ่งพิงได้ทั้งในยามบ้านเมืองสงบ และัในยามบ้านเมืองเกิดภัยพิบัติ​

กิจการงานในโครงการ บวร ก็เกิดคุณประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นยิ่งเราลงมือทำได้เร็ว เท่าไร คุณประโยชน์ต่อ ชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็ยิ่งเกิดผล อานิสงค์ เร็วเมื่อนั้น เพียงนั้น ประเด็นสำคัญคือ ผู้ดำเนินการ ผู้เกี่ยวข้อง ผู้ประสานงาน มีวิสัยทัศน์ และญาณทัศนะ ที่ลึกซึ้งเพียงใด ยิ่งลึก ยิ่งกว้าง ยิ่งหลากมิติ ยิ่งเกิดผลอัศจรรย์มาก ​

ดังนั้นจึงจำเป็นต้อง อธิบาย เหตุ ผล การสืบต่อผล ให้ฟังอย่างละเอียด บางครั้ง บางท่านคิดว่าเราจะเตรียมที่ เตรียมทางของเราเองเพื่อตัวเรา ครอบครัวเรายามเกิดภัยพิบัติ บางท่านก้ตั้งใจว่าจะเตรียมสถานที่ของเราอยู่อาศัยด้วย และไว้ช่วยเหลือผู้อื่นด้วย ยามทุกข์เข็ญด้วยเมตตา แต่มีอีก หนทางหนึ่ง ที่เราทุกๆคนร่วมใจกันเตรียม ร่วมกันสร้างสถานที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติกันได้ ช่วยคนได้มากมายขึ้น เตรียมไม่ยาก ทำตามกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญาของแต่ละบุคคล​

มาร่วมกันทำให้ "วัด" เป็นร่มเงาพักพิงพึ่งพา ยามเกิดภัยพิบัติกันครับ เรื่องนี้นับแต่ที่ผมทราบเรื่อง ภัยพิบัติมาเมื่อ สิบกว่าปีก่อน ก็ได้ทราบว่า วัดหลายแห่งได้มีการจัดเตรียมพร้อมเพื่อช่วยญาติโยมสาธุชนคนดีจากภัยพิบัติกันมากมายหลายแห่้ง บางวัดเตรียมเก็บเทียน เก็บเครื่องสังฆทานของแห้งเอาไว้ บางวัดเตรียมที่พัก ที่อยู่อาศัยเอาไว้ให้ ทั้งที่เป็นศาลา และครูบาอาจารย์ที่ท่านสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ให้คนเข้าไปอยู่เข้าไปหลบภัยยามนั้น​

วัดและสถานที่ สถานธรรมดังกล่าว มีอยู่มากมายหลายแห่ง ทั่วประเทศไทย วัดมี 50,000 วัด ไม่นับสถานปฏิบัติธรรมอีกมากมาย หากวัดต่างเพิ่มการเป็นที่พึ่งพิงยามเกิดภัยพิบัติด้วยเมตตา จะช่วยสาธุชนคนดีให้รอด สร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้ได้มากขึ้นอีก มากเพียงใด​

หากเราช่วยกัน เสริม ช่วยกันสร้าง ช่วยกันรวมใจกัน โดยนำโครงการ บ ว ร มาสานความสามัคคี และสนับสนุนทรัพยากร ทั้งแรงกาย แรงใจ แรงปัญญาแล้ว ประโยชน์ที่ได้จะมากมายนักและสิ่งที่ทำเอาไว้ ก็เกิดเป็นบุญเป็นกุศลในพระพุทธศาสนาอีกด้วย เกิดคุณประโยชน์ทั้งทาง โลก และผลบุญทางธรรม​

เรามาลองดูว่า เราจะช่วยกันอย่างไร ให้ วัด เป็นที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติและเป็นศุนย์กลางแห่งการพัฒนาให้เกิดประโยชน์สุขต่อแผ่นดิน หากวัดแต่ละวัด มีศักยภาพสูงขึ้น ในหลากมิติขึ้น วัดจะเป็นจุดศูนย์กลางในการพัฒนาประเทศชาติ บ้านเมืองและเหนือสิ่งอื่นใดคือ การพัฒนาคนให้เป็นคนดีก่อนที่จะทำให้คนดีมีธรรมมะเป็นคนเก่งด้วย จิตที่พัฒนาแล้วจากสมาธิ​

วัด ในฐานะ สถานที่ขัดเกลาเพาะบ่มคุณธรรมความดี ความงดงามในสังคมชุมชนนั้นๆ ​

วัดในฐานะ สถานที่ปฏิบัติธรรม ขัดเกลากิเลส ฝึกฝนจิตใจเพื่อมรรคผลพระนิพพาน​

วัด ในฐานะ สถานที่รวบรวมศิลปะวิทยาการ องค์ความรู้ สรรพวิชา ทั้งทางศาสนา และทางโลก ของชุมชนนั้นๆ​

วัด ในฐานะ ที่พึ่งพิงยามยาก โรงทาน ยามอดอยาก ศาลายามไร้ที่ซุกหัวนอน ที่ขอพักอาศัยยามเกิดภัยพิบัติ​

วัด ในฐานะ สถานที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ แพปลาหน้าวัด ที่เพาะพักสัตว์น้ำให้ลำน้ำอุดมสมบูรณ์ สวนป่าในวัด เพื่อความร่มเย็น เพื่อรักษ์ป่า สวนสมุนไพรเพื่ออนุรักษ์พันธุ์ไม้ยาหายาก เพื่อ เยียวยา เขตอภัยทาน เพื่อรักษาคุ้มครองชีวิตสรรพสัตว์​

วัด ในฐานะสิ่งสะท้อนความเจริญรุ่งเรืองทางจิตใจ ความศรัทธาในพระศาสนาอย่างมั่นคงจนเกิด ศาสนสถาน ศาสนวัตถุ พระพุทธปฏิมาค่าควรเมืองหรือหาค่ามิได้ เกิดเป็นความมั่งคั่งบริบูรณ์ในชุมชนนั้น​

วัด ในฐานะ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงศิลปะวัฒนธรรม ที่อนุรักษ์วิถีชีวิต อนุรักษ์งานศิลป์ อย่างหมดจดลงตัว สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้คนในชุมชน​

หากเราเข้าใจในมิติ บทบาทของวัด และเสริมบทบาทของวัดให้กลับมาเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของชุมชน บ้าน ราชการ ให้ดำเนินไปจนเกิดผลเกิดอัตถะประโยชน์สูงสุด<!-- google_ad_section_end --> งานแรกที่ไปเริ่มลงพื้นที่ ดำเนินการ ที่วัดบึงศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ครับ​

04-06-2010, 03:29 PM ​

ที่มา http://palungjit.org/threads/บวร-ทำ-วัด-ให้เป็นที่พึ่งพิงจากภัยพิบัติ.239211/<!-- google_ad_section_end -->​

<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>

​

​

​

</FIELDSET>

<!-- google_ad_section_end -->

 

พุทธทำนาย ๑๖ ประการ ​

​

๑. โคอุสุภราช (เกิดทุกขภัยทุกทิศทาง)
๒. ดอกไม้ออกผลที่เยาว์ (เยาวชนมีเพศสัมพันธ์ มีครอบครัวแต่แรกรุ่น)
๓. แม่โคดูดนมลูกโค (คนไม่เคารพพ่อแม่ พ่อแม่ต้องอ้อนวอนลูกหลาน)
๔. โครุ่นเทียมแอก (เอาคนรุ่นใหม่มาปกครองประเทศ ทำให้ประเทศเสียหาย)
๕. ม้าสองปากคน (ผู้ตัดสินคดีความรับสินบนทั้ง สองทาง)
๖. ถาดทองรองฉี่สุนัข (คนชั่วเป็นใหญ่)
๗. สุนัขจิ้งจอกฝั่นเชือก (หญิงคบชู้นำเงินสามีไปบำเรอชู้โดยสามีไม่รู้)
๘. น้ำเต็มอยู่ตุ่มเดียว (คนรวย นายทุนได้เปรียบ ผู้ปกครอง รวยแต่ฝ่ายเดียว)
๙. สระน้ำใสริม กลางสระขุ่น (ในเมืองจะถูกขูดรีด คนอพยพไปอยู่ในชนบท)
๑๐. ข้าวไม่สุก (เทวดายังไม่เท่าเทียม ให้น้ำฝนไม่พอดีทำให้น้ำท่วม)
๑๑. แก่นจันทร์แลกเปรียง (ศาสนาเสื่อมภิกษุนำสิ่งที่มีค่า พระธรรม แลกกับปัจจัย)
๑๒. น้ำเต้าจม (คนโกหกจะมีคนเชื่อ คนพากันเชื่อพระผู้ทุศีล)
๑๓. ศิลาลอย (คนพูดความจริงคนจะไม่ฟัง พระผู้มีศีล ไม่ได้รับการเคารพ)
๑๔. เขียดขยองงู (เมียอ่อนวัยจะด่าว่าสามีด้วยอำนาจ ไม่ยำเกรง)
๑๕. หงส์ทองล้อมกา (คนชั่วได้รับอำนาจ ได้เป็นใหญ่ คนดีต้องยำเกรง)
๑๖. เสือกลัวแพะ (คนดี ถูกคนชั่วที่ได้รับอำนาจประทุษร้าย)​

อ้างอิง(ต้นฉบับ)อรรถกถา เอกกนิบาตชาดก วรุณวรรค ๗. มหาสุบินชาดก ว่าด้วยมหาสุบิน​

ที่มา http://84000.org/tip...a.php?b=27&i=77​

พุทธทำนายข้อที่ ๙
​

ข้อ ๙ สระโบกขรณีสระหนึ่ง เต็มไปด้วยดอกบัว ๕ สี ลึกมีท่าโดยรอบด้าน สัตว์ทั้งหลายพากันลงดื่มน้ำในสระนั้นโดยรอบ น้ำที่อยู่ในที่ลึกกลางสระนั้น ขุ่นมัว แต่น้ำในที่ซึ่งสัตว์ทั้งหลายพากันย่ำเหยียบกลับใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว ​

พุทธพยากรณ์ :- ในอนาคตกาล ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริหารบ้านเมือง ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ลุอำนาจด้วยอคติ วินิจฉัยคดีโดยไม่เป็นธรรม มุ่งหวังแต่สินบนขาดพรหมวิหารธรรมต่อประชาชนทั้งหลาย เป็นผู้หยาบคาย กักขฬะ เบียดเบียนขูดรีดทรัพย์ของประชาชนในเมืองทั้งหลาย จนประชาชนต้องพากันทิ้งเมืองไปอยู่ในชนบท สร้างถิ่นฐานในที่นั้น ในศูนย์กลางเมืองใหญ่ก็ว่างเปล่า แต่ชนบทกลับเป็นปึกแผ่นเป็นเหมือนน้ำกลางสระโบกขรณีขุ่น น้ำที่ฝั่งโดยรอบกลับใสฉะนั้น ​

ที่มา http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1457915​

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ขนหัวลุก..!..ครูถ่ายรูปติดวิญญาณ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>สาวใหญ่ครูโรงเรียนปราสาททองวิทยาผวาถ่ายรูปป้ายชื่อโรงเรียนติดวิญญาณยืนถือดาบ


วันนี้ (15 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายเพทาย บุญประคอง ผอ.โรงเรียนปราสาททองวิทยา ต.บ้านเลน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า มีอาจารย์ถ่ายภาพป้ายของโรงเรียนมีวิญญาณมาปรากฏอยู่ในภาพ จึงไปตรวจสอบพบอาจารย์และเจ้าหน้าที่มุงดูอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ กำลังวิพากษ์วิจารณ์ภาพที่ปรากฏอยู่ในจอ เป็นภาพมุมกว้างที่ถ่ายหน้าป้ายของโรงเรียน มีภาพเงาดำของชายรูปร่างกำยำสูงใหญ่ ยืนอยู่หลังไฟสปอทไลท์ที่ส่องแสงสว่างป้าย ทุกคนต่างตกใจว่าเป็นรูปใครทั้งที่ตอนถ่ายนั้นไม่มีคนอยู่หน้าโรงเรียน

นางบุญเรือน เกตุพันธ์ อายุ 49 ปี กล่าวว่า ตนได้รับคำสั่งจาก นายเพทาย ผอ.โรงเรียนปราสาททองวิทยา

ให้นำกล้องถ่ายรูปไปถ่ายภาพไฟ ที่ประดับเมื่อวันแม่แห่งชาติ 12.ส.ค.ที่ผ่านมา และเก็บภาพเพื่อไว้ใช้เสนอจังหวัดในโครงการ “หน้าโรงเรียนน่ามอง” ตามนโยบายของนายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา กระทั่งเมื่อวันที่ 14.ส.ค.ที่ผ่านมา เวลา 19.30 น ตนนำกล้องถ่ายรูปดิจิตอลไปถ่ายภาพ ขณะที่ถ่ายรูปยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ในโรงเรียน หรือมีคนยืนอยู่หน้าป้าย จึงได้ถ่ายภาพมุมต่างๆ ของหน้าโรงเรียน 15 ภาพ แล้วเดินทางกลับบ้านพัก

ต่อมาเมื่อตอนเช้าวันเดียวกันนี้ ตนนำกล้องมาให้เจ้าหน้าที่นำภาพออกมาเก็บเข้าคอมพิวเตอร์เพื่อนำเสนอ ผอ.

พบว่าภาพถ่ายภาพสุดท้าย มีภาพคนชรายืนถือมีดดาบ อยู่หน้าป้ายโรงเรียน ตนถึงกับตกใจจนขนลุกทั้งตัว ทำไมจึงมีภาพคนมาปรากฏขึ้นมาได้ ปกติตนไม่มีความเชื่อในเรื่องภูตผีหรือวิญญาณอะไรอยู่แล้ว แต่เมื่อมาดูภาพแล้วตกใจมาก ไม่มีเจตนาที่จะสร้างหรือทำภาพอะไรขึ้นมา ตนไม่มีความรู้เรื่องการทำภาพกราฟฟิกด้วย

ด้าน นายเพทาย กล่าวว่า โรงเรียนปราสาททองวิทยาได้ตั้งชื่อ ตามพระนามของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง แต่เดิมเป็นโรงเรียนจีน

แต่เนื่องจากโรงเรียนต้องการภาพหน้าโรงเรียนเพื่อใช้เข้าร่วมกิจกรรม “หน้าโรงเรียนน่ามอง” ตามนโยบายของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงมอบหมายให้ อาจารย์บุญเรือน ถ่ายภาพ เก็บข้อมูลเอาไว้ ตนเชื่อว่าบุคคลที่ปรากฎในภาพดังกล่าว น่าจะเป็นพระเจ้าปราสาททอง มาปรากฏให้เห็น เพราะโรงเรียนปราสาททอง มีแนวทางที่จะย้ายอาคารไปปลูกสร้างที่ใหม่ และโรงเรียนเองก็ไม่เคยมีรูปของพระเจ้าปราสาททองเลย จึงเป็นไปได้ว่าท่านจะมาปรากฎให้เห็น ซึ่งทางโรงเรียนและคณะผู้บริหารเตรียมที่จะนำเครื่องเส้นไหว้ มาสักการะบริเวณหน้าโรงเรียน ต่อไป.


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>พิษนกเตนถล่มแม่ฮ่องสอนเสียหาย20,285 ไร่ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
นายณัฎฐกิตติ์ ของทิพย์ เกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ในช่วงที่พายุ นกเตน พัดผ่านจังหวัดแม่ฮ่องสอนส่งผลให้พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย

อ.ปาย 5,500 ไร่ อ.ปางมะผ้า 110 ไร่ อ.เมือง 1,200 ไร่ อ.ขุนยวม 1,577 ไร่ อ.แม่ลาน้อย 8,850 ไร่ อ.แม่สะเรียง 1,588 ไร่ และ อ.สบเมย 1,460 ไร่ รวมพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย 20,285 ไร่

<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
เกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า การช่วยเหลือเกษตรกร จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติระดับอำเภอ เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ตามหลักเกณฑ์ระเบียบของกระทรวงเกษตร ฯ

นาข้าวช่วยเหลือไร่ละ 606 บาท

พืชไร่ช่วยเหลือไร่ละ 837 บาท

ผลไม้ พืชสวนไร่ละ 912 บาท

ทั้งนี้การช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบอยู่ในหลักเกณฑ์ของทางราชการ


</DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

ลิลลี่ คลาร์ก
MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ลิลลี่ คลาร์ก นักศึกษาสาววัย 21 ปี จากเมืองแฮสเลเมอร์ แขวงปกครองเซอร์รี่ ประเทศอังกฤษ ป่วยเป็นโรคเจ้าหญิงนิทรา (KLS- Kleine-Levin Syndrome) เธอใช้เวลานอนหลับถึงวันละ 23 ช.ม. และจะตื่นมา 1 ช.ม. เพื่อรับประทานอาหาร
ทั้งนี้ โรคเจ้าหญิงนิทรานี้ทำให้เธอพลาดโอกาสดีในชีวิตหลายครั้ง เช่น เธอหลับในระหว่างการสอบ การฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ หรือแม้กระทั่งในระหว่างงานฉลองวันเกิดครบรอบ 18 ปีของตัวเอง
แม่ของลิลลี่กล่าวว่า ลูกสาวเริ่มเป็นโรคนี้ตั้งแต่เมื่อปี 2007 หลังจากที่ครอบครัวได้เดินทางไปรับประทานอาหาร ก่อนที่อาหารจะมาเสิร์ฟ ลิลลี่ก็หลับไปกับเก้าอี้ ไม่ว่าจะปลุกยังไงเธอก็ไม่ยอมตื่น จนต้องให้คนแบกเธอกลับบ้าน
อย่างไรก็ตาม โรคนี้ยังไม่มีทางรักษา แต่หมอบอกว่าโรคนี้จะพบในคนที่อายุน้อย ซึ่งขณะนี้แม่ของลลิลลี่ได้จัดทำเว็บไซต์ KLS Support UK เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเจ้าหญิงนิทรา หรือKLS นี้ด้วย
Mthai News

 

=====================================


15 ส.ค. 54


กงกำกงเกวียน

เพราะไม่รู้ต้องเฝ้าเปลี่ยน
คอยหมุนเวียน คน สัตว์ เทพและภูตผี
จ้องทำลายชีวิตกันไม่รักดี
เกิดมาทีอย่าให้เสียที่เกิดมา

เมื่อเกิดมาคิดจะกินชีวิตเขา
ก็ต้องเศร้าที่เรากินคือพ่อแม่
อีกญาติมิตรเพื่อนฝูงสิ่งแน่แท้
จะผันแปรไปตามกรรมที่ทำมา

เขาจึงเปรียบท้องของคนโถงสุสาน
เป็นที่วางและรวบรวมสรรพสัตว์
เรากินเขา เขากินเราเพราะถูกจัด
ตามกำหนัดของคนเรากำหนดเอง




องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"

 

อิรัก..ระเบิด 12 เมือง เสียชีวิตกว่า 60 คน​

​

เกิดเหตุระเบิดโจมตีขึ้นในกว่า 12 เมืองทั่วอิรัก คร่าชีวิตประชาชนไปอย่างน้อย 63 คน ในการโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดของปีนี้

เหตุนองเลือดครั้งนี้มีขึ้นไม่ถึง 2 สัปดาห์หลังเจ้าหน้าที่อิรักกล่าวว่า พวกเขาอาจจะเปิดทางให้กองกำลังสหรัฐจำนวนเล็กน้อยอยู่ในอิรักต่อไป หลังเส้นตายการถอนตัวของกองกำลังสหรัฐในวันที่ 31 ธันวาคมนี้

เหตุระเบิดที่มีการประสานงานกันเกิดขึ้นช่วงเช้าวานนี้ โดยมีทั้งระเบิดรถยนต์ที่จอดอยู่ ระเบิดข้างทาง และมือระเบิดฆ่าตัวตายคนหนึ่งที่ขับรถพุ่งเข้าไปสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง หรือแม้แต่ระเบิดที่ผูกติดไว้กับเสาไฟ-ขอบเขตของความรุนแรง ซึ่งระเบิด 7 ครั้ง เกิดขึ้นในเมืองต่างๆ ในจังหวัดดียาล่า ทางตะวันออกเฉียงเหนือเพียงจังหวัดเดียว แสดงให้เห็นว่ากลุ่มก่อความไม่สงบยังคงสามารถลงมือโจมตีได้แม้จะมีการกวาดล้างซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากกองกำลังสหรัฐและอิรักก็ตาม

ชาวอิรักโกรธอย่างรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและนายกรัฐมนตรีนูรี อัลมาลีกี ที่ปล่อยให้มีการโจมตีเกิดขึ้นทั่วประเทศเช่นนี้ ระเบิด 2 ครั้งเกิดขึ้นที่ตลาดแห่งหนึ่งในเมืองกุต ห่างจากกรุงแบกแดดไปทางตะวันออกประมาณ 160 กิโลเมตร พันตำรวจโทดูร์กัม โมฮัมเหม็ด ฮัสซัน โฆษกตำรวจในเมืองกุต แถลงว่าระเบิดลูกแรกเกิดขึ้นในตู้แช่ที่ใช้แช่เครื่องดื่มให้เย็นตลอดเวลา ขณะหน่วยกู้ภัยและผู้คนที่มามุงดูมารวมตัวกันระเบิดรถยนต์ที่จอดอยู่คันหนึ่งก็ถูกจุดชนวน แรงระเบิดทำให้ประชาชน 35 คนเสียชีวิต และอีก 64 คนบาดเจ็บ

ในจังหวัดดียาลา ระเบิด 7 ลูกระเบิดขึ้นในเมืองบากูบ้า เมืองเอกของจังหวัด และเมืองต่าง ๆ ข้างเคียง ทำให้ทหาร 5 นายกับประชาชน 5 คนเสียชีวิต นอกเมืองศักดิ์สิทธิ์นาจาฟ ทางตอนใต้ มือระเบิดรถยนต์ฆ่าตัวตายขับรถพุ่งเข้าไปในจุดตรวจหน้าสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง ตำรวจยิงสกัดตอนที่คนขับรถปฏิเสธที่จะหยุดรถ แล้วจากนั้นก็เกิดระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน และบาดเจ็บอีก 32 คน นอกเมืองศักดิ์สิทธิ์คาร์บาลา ที่อยู่ข้างเคียง ระเบิดรถยนต์ที่จอดอยู่คันหนึ่งใกล้สถานีตำรวจ เกิดระเบิดขึ้น ทำให้ตำรวจ 3 นายเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บอีก 14 คน

ในเมืองตีกริต บ้านเกิดของอดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำอิรัก ทางภาคเหนือ ผู้ชายที่คาดเข็มขัดระเบิด 2 คน ขับรถเข้าไปในอาคารที่ทำการรัฐบาลที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ชายทั้ง 2 คน สวมเครื่องแบบทหาร ซึ่งช่วยไม่ให้พวกเขาเป็นที่สังเกตของตำรวจที่รักษาการณ์อยู่ เมื่อเข้าไปภายในได้ พวกเขาจอดรถและเดินไปยังอาคารหลังหนึ่งซึ่งเป็นที่ทำงานของตำรวจต่อต้านการก่อการร้าย เมื่อคนทั้งสองเข้าไปถึงตัวอาคาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสั่งให้พวกเขาหยุด และเปิดฉากยิงเข้าใส่ มือระเบิดคนหนึ่งเสียชีวิต แต่อีกคนเข้าไปในตัวอาคารได้ แล้วระเบิดตัวเองตายไปพร้อมกับคนอื่นๆอีก 3 คน

ในเมืองน้ำมันเคียร์คุก ทางภาคเหนือ ระเบิดรถยนต์ที่จอดอยู่ใกล้กับหน่วยลาดตระเวนของตำรวจเกิดระเบิดขึ้น ทำให้ตำรวจ 4 นาย ได้รับบาดเจ็บ และอีกประมาณ 30 นาทีต่อมา รถมอเตอร์ไซค์ที่มีระเบิดซุกซ่อนอยู่ภายมในก็เกิดระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน ในกรุงแบกแดด ระเบิดรถยนต์ที่จอดอยู่คันหนึ่งเกิดระเบิดขึ้นในขบวนรถยนต์ที่บรรทุกเจ้าหน้าที่จากกระทรวงอุดมศึกษาของอิรักทำให้มีผู้บาดเจ็บ 8 คน ขณะเกิดเหตุรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษาไม่ได้อยู่ในขบวนรถ นอกจากนี้ระเบิดรถยนต์ที่จอดอยู่ที่มุ่งเป้าขบวนลาดตระเวนของตำรวจในเมืองอีสกับดีรียาห์ก็เกิดระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน ในเมืองโมซุล ทางตอนเหนือ ประชาชน 1 คนเสียชีวิตเมื่อระเบิดที่ผูกติดกับเสาไฟเกิดระเบิดขึ้น ในเมืองทาจี ทางเหนือของกรุงแบกแดด ระเบิดรถยนต์ที่จอดอยู่ระเบิดขึ้นใกล้ขบวนลาดตระเวนของทหารอิรัก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน ในเมืองบาลัค ทางตอนเหนือ ประชาชน 16 คนบาดเจ็บ เมื่อระเบิดข้างทางเกิดระเบิดขึ้นใกล้กับรถบรรทุกเชื้อเพลิง

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สหรัฐฯ บัฟเฟตต์แนะขึ้นภาษีเศรษฐี​

​

วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนและมหาเศรษฐีที่รวยอันดับ 3 ของโลก ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขึ้นภาษีเศรษฐีเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

บัฟเฟตต์ให้ความเห็นในบทความหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส เมื่อวานนี้โดยระบุว่าเขาจะขึ้นภาษีครัวเรือนที่มีรายได้สุทธิเกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก สำหรับผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯขึ้นไป พร้อมกับแนะนำสมาชิกรัฐสภา 12 คน ที่มีหน้าที่หามาตรการตัดลดงบประมาณว่า อย่าขึ้นภาษีชาวอเมริกันส่วนใหญ่

บัฟเตต์เขียนว่า เขากับเพื่อนๆถูกประคบประหงมมานานพอแล้วจากรัฐสภา ซึ่งเป็นมิตรกับเศรษฐี และถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะจริงจังกับการให้เศรษฐีเหล่านี้ได้เสียสละบ้าง และเขารู้จักมหาเศรษฐีหลายคน ส่วนใหญ่ไม่ขัดข้องที่จะเสียภาษีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในยามที่เพื่อนร่วมชาติกำลังลำบาก และเชื่อว่าการขึ้นภาษีเศรษฐีจะไม่ส่งกระทบถึงขั้นทำให้คนไม่กล้าลงทุน

บัฟเฟตต์ระบุว่า เศรษฐีอเมริกันเสียภาษีในอัตราร้อยละ 15 จากรายได้ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลงทุน แต่แทบไม่ได้จ่ายภาษีเงินเดือนเลย (เพราะไม่ได้ทำงานประจำ) ขณะที่ชนชั้นกลางทั่วไปเสียภาษีอัตราร้อยละ 15 ถึง 25 และแซวสมาชิกสภานิติบัญญัติว่า รู้สึกอยากปกป้องบรรดาเศรษฐีมาก ราวกับเศรษฐีเหล่านี้เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ขโมยอาหารช่วยเหลือผู้อดอยากที่โซมาเลีย​

​

โซมาเลียที่กำลังเผชิญความอดอยากและภัยแล้งหนักสุดในรอบ 60 ปี ต้องเจอปัญหาใหม่ คือมีการขโมยอาหารที่ถูกส่งมาช่วยเหลือไปขายต่อ

สำนักข่าวเอพีได้ออกมาแฉว่า มีอาหารที่ประทับตราสัญลักษณ์โครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ และของรัฐบาลประเทศต่างๆ ไม่ว่าเป็นสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, คูเวต, ตุรกี หรืออิหร่าน ถูกขโมยมาขายในกรุงโมกาดิชู โดยมีทั้งแบบขายส่งตามจุดใหญ่ๆ 8 แห่ง และขายปลีกตามร้านค้า

เจ้าหน้าที่เชื่อว่า ความช่วยเหลือดังกล่าวถูกขโมยไปมากถึงครึ่งหนึ่ง และเรียกร้องให้มีการสอบสวนความสามารถขององค์การช่วยเหลือระหว่างประเทศ ในการส่งอาหารให้ถึงมือผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลโซมาเลีย แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเร่งด่วน ขณะที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแค๊มป์ของรัฐบาลก็ออกมาแฉว่า หลังจากได้รับแจกอาหารและมีนักข่าวถ่ายรูปเสร็จแล้ว ก็จะมีนักเลงมาแย่งเอาอาหารของพวกเขาไปขายต่อ โดยนักเลงเหล่านี้เป็นลูกสมุนของนักธุรกิจใหญ่ที่มีสายสัมพันธ์กับนักการเมือง

ด้านโครงการอาหารโลกยอมรับว่า ทราบเรื่องนี้แล้ว และได้เริ่มการสอบสวน โดยระบุว่า การขโมยอาจจะเกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนก่อน แต่ย้ำว่าหากมีการยุติการแจกจ่ายอาหาร ก็อาจจะนำไปสู่การเสียชีวิตของคนจำนวนมากได้ ขณะที่การเข้าไปแจกจ่ายอาหารให้ชาวบ้านก็ถือเป็นงานที่อันตรายมาก ทำให้ทางโครงการสูญเสียลูกจ้างไปแล้วถึง 14 คนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ด้านสหประชาชาติเผยว่ามีคนมากกว่า 12 ล้านคนต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ปัญหาความอดอยากนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดภัยแล้งอย่างหนัก และวิกฤตจากสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อในโซมาเลีย

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เจ้าของแห่ดู "หมา"ของกลาง </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>เจ้าของแห่พิสูจน์"สุนัข" ของกลางนับพันตัวที่นครพนม

พบเจ้าตูบตัวโปรดที่หายจากบ้านนอนบาดเจ็บรวมอยู่กับสุนัขในคอกนับพัน รวมยอดสุนัขเหลือ 1,100 ตัว ตาย 249 ตัว ประชา ชนแห่ซื้ออาหารบริจาคช่วยสุนัขเหยื่อเปิบจนอาหารเม็ดขาดตลาด เตรียมขยายคอก-ซ่อมแซมกรงรับเลี้ยงสุนัข ศาลเลื่อนตัดสินคดีเป็น 26 ส.ค.นี้ หลังต้องสอบขยายผล-หาข้อเท็จจริงเพิ่ม จนท.ปัดขอรับเลี้ยงสุนัข เหตุถือเป็นของกลาง-ต้องรอคดีสิ้นสุด

จากกรณีนายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผวจ. นครพนม นำกำลัง อส. - ตร.ล้อมจับแก๊งค้าสุนัขข้ามชาติส่งขายเวียดนาม

โดยซุกกรงลำเลียงร่วม 2,000 ตัวในรถบรรทุก 4 คัน หลบเลี่ยงผ่านถนนหมู่บ้าน ก่อน 2 คนร้ายช่วยถีบกรงขวางเจ้าหน้าที่ สุดท้ายถูกจับกุม 3 คน และหลบหนีไป 2 คน ลุยตรวจพบสุนัขตายเพียบ หลังขังยัดกรงแคบ ส่งกลิ่นแทบอาเจียน ก่อนเร่งขนย้ายรถบรรทุกสุนัข 3 คันไปที่ด่านกักสัตว์เยียวยา และมีตายเพิ่มอีก 16 ตัว ด่านกักสัตว์วอนบริจาคเงินและอาหาร ขณะ ด.ญ. วัย 14 ปี ชาวบึงกาฬบุกคอกพบ "ไวไว" สุนัขแสนรัก พร้อมมีเด็กและผู้ปกครองแห่ดูครึ่งพันหวังเจอ

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีข่าวประชาชนพบสุนัขที่สูญหายไปอยู่ในกลุ่มสุนัขที่ถูกจับตัวมาและถูกนำมาพักรักษาอยู่ที่ด่านกัดกันสัตว์

ทำให้มีประชา ชนใจบุญและรักสุนัข โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุและผู้ปกครองที่พาบุตรมาบริจาคอาหาร ขนม และเวชภัณฑ์ เพื่อช่วยเหลือสุนัขอย่างต่อเนื่องกว่า 500 คน ส่งผลทำให้อาหารเม็ดของสุนัขตามร้านค้าทั่วไปถูกขายจนหมดและขาดตลาด จนต้องสั่งซื้อในจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งยังทำให้เศรษฐกิจร้านอาหาร ที่พักและแหล่งขายของฝากคึกคักตามไปด้วย นอกจากนี้ที่ด่านกักกันสัตว์ยังมีเจ้าของสุนัขที่ถูกลักพาตัวหลายราย เดินทางมาตามหาสุนัขตัวโปรดที่สูญหาย โดยบางคนตะโกนเรียกชื่อสุนัขอยู่บริเวณนอกกรง ซึ่งบางรายก็สมหวังเจอสุนัขของตัวเองและบางรายก็ผิดหวังกลับไป

เจ้าของสุนัขรายหนึ่งที่มาติดตามสุนัข ชาว จ.สกลนคร กล่าวว่า ตนพักอาศัยอยู่แถว ม.เกษตร ศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ

และสุนัขตัวโปรด 2 ตัว ชื่อ "ส้ม" และ "เล็ก" พันธุ์เทร์เรีย และสปิตซ์สีน้ำตาลทั้งคู่ได้หายไปจากบ้าน ในช่วง เวลา 01.00 น.ของสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองนครพนม และนำภาพถ่ายออกตามหาตามสถานที่ต่างๆ จนรู้สึกเหนื่อยล้าและท้อใจ แต่หลังจากทราบข่าวว่า มีแก๊งขโมยสุนัขถูกจับกุมและมีสุนัขจำนวนมาก จึงรีบโทรศัพท์สอบถามปศุสัตว์นครพนม และเดินทางมาตรวจสอบเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะพบสุนัขตัวโปรด 2 ตัว นอนรวมกับสุนัขตัวอื่นภายในกรง

เจ้าของสุนัขรายหนึ่ง กล่าวอีกว่า เมื่อพบสุนัขของตัวเองจึงรีบเดินทางกลับบ้าน เพื่อไปนำภาพ ถ่ายของสุนัขมาเป็นหลักฐานยืนยัน

แต่ในตอนนั้นนึกได้ว่า มีเพื่อนนักศึกษาที่สุนัขสูญหายไป 4 ตัวเช่นกัน จึงนำภาพถ่ายสุนัขของเพื่อนที่สูญหายมาตามหาด้วย และพบสุนัขของเพื่อนนอนอยู่ในกรง โดยทั้งหมดเป็นสุนัขพันธุ์ชื่อดังและมีลักษณะ ซูบผอมลงไปมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพันธุ์ไซบีเรียผสมราคาตัวละ 4,000-5,000 บาทรวมอยู่ด้วย ก่อนจะพาสุนัข 4 ตัวที่พบไปคืนเพื่อน และพาสุนัขของตัวเองอีก 2 ตัวไปพบสัตวแพทย์ เพื่อรักษาบาดแผลตามลำตัวและขา ทั้งนี้การพบสุนัขที่หายไปทั้ง 2 ตัว ทำให้รู้สึกดีใจมากกว่าถูกหวยหรือลอตเตอรี่อีก
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>นายพัลลภ นุโพธิ์ สัตวแพทย์ชำนาญงาน สำนักงานปศุสัตว์ จ.นครพนม กล่าวว่า

ขณะนี้อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังขนและประชาชนที่พาเข้าออกด่านกักกันสัตว์ รวมทั้งต้องตรวจอาหารและยาที่นำมาให้สุนัข เพื่อป้องกันสุนัขที่บาดเจ็บติดเชื้อและอาจล้มตายมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนผู้ที่จะมาตรวจสอบและหาสุนัขที่สูญหายก็ควรนำหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหรือเอกสารการซื้อขายสุนัขมายืนยันกับเจ้าหน้าที่ และกรณีที่จะขอรับสุนัขไปเลี้ยงนั้น ขณะนี้สุนัขยังเป็นของกลางในคดีอยู่ ดังนั้นจึงต้องรอให้คดีสิ้นสุดก่อนถึงจะมาขอรับสุนัขไปเลี้ยงได้

ด้าน นายชูศักดิ์ พงษ์พานิช หัวหน้าด่านกัก กันสัตว์ จ.นครพนม กล่าวว่า ศาลจังหวัดนคร พนมได้เลื่อนการตัดสินคดีดังกล่าว ที่มีผู้ต้องหา 3 คน

คือ นายมนตรี พันกลาง นายตรั่น วันหาย และนายนภดล ชัยวังราช ออกไปเป็นวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยศาลขอเวลาตรวจสอบประวัติว่ามีผู้เกี่ยวข้องกับคดีนี้เพิ่มเติมหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบเจ้าของรถบรรทุกที่ใช้ขนสุนัขว่าใครเป็นเจ้าของ สำหรับการดูแลสุนัขทั้งหมดในด่านกัก กันสัตว์ สำนักควบคุมป้องกันบำบัดโรคสัตว์มอบ หมายให้ด่านกักสัตว์ จ.สระแก้ว นำอาหารและตาข่ายเหล็กมาซ่อมแซมกรงที่ชำรุด โดยอาจขยายคอกเพิ่มเติมในบางส่วน ส่วนยอดเงินบริจาคในบัญชี "กองทุนช่วยเหลือสุนัขจังหวัดนครพนม" ขณะนี้มียอดเงินกว่า 140,000 บาทแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับยอดสุนัขที่ถูกช่วยเหลือและพักรักษาตัวอยู่ที่ด่านกักกันสัตว์ จ.นคร พนม ขณะนี้มีทั้งสิ้น 1,100 ตัว และมียอดสุนัขตายขณะอยู่บนรถบรรทุก 249 ตัว รวมทั้งมีสุนัขที่อยู่ระหว่างการรักษาเยียวยาอีก 60 ตัว

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับสุนัขที่ถูกลักขโมยมา ส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์ชื่อดัง อาทิ พันธุ์พุดเดิ้ล ชิสุ และไซบีเรีย

โดยนายทุนชาวต่างชาติจะสั่งพันธุ์สุนัขมายังแก๊งลักสุนัขที่อยู่ในประเทศ แต่ในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ในจ.นครพนม และใกล้เคียงได้กวดขันตรวจสอบเรื่องนี้ ทำให้แก๊งลักสุนัขจึงเปลี่ยนวิธีการ จากเดิมที่จะจับหรือรับซื้อสุนัขทั่วไปตามท้องถนน มาเป็นขโมยสุนัขที่ถูกเลี้ยงตามบ้านเรือนของประชาชน เพื่อให้ทันกับใบสั่งของนายทุน นอกจากนี้ยังทราบว่า มีรถบรรทุกขนสุนัขในแก๊งเดียวกันหนีรอดการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้และได้นำสุนัขไปส่งให้กับนายทุนแล้ว

นายโรเจอร์ โลหนันทน์ เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าสลดใจ เพราะเป็นปัญหาที่แก้ได้

แต่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ให้ความสำคัญกระทั่งเรื่องบานปลาย เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2538 ขณะนั้นยังมีคนทำเพียงไม่กี่เจ้า แต่ต่อมาขยายถึงขั้นมีการข่มขู่เจ้าหน้าที่ ซึ่งทางสมาคมได้ประสานกับ ผวจ.นครพนมมาตั้งแต่ต้น จนกระทั่งมีการจับกุม โดยคนกลุ่มนี้จะอ้างว่าจับสุนัขไปกิน ซึ่งเรื่องปากท้องประชาชนเป็นข้ออ้างให้ราชการและนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังสามารถไม่บังคับใช้กฏหมายได้ แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการทำเพื่อส่งออก แม้จะอ้างว่า มีคนกลุ่มหนึ่งกิน แต่สาธารณสุขและปศุสัตว์ก็ต้องกลับไปดูกฎหมายว่า เนื้อที่จะนำมาบริโภคต้องผ่านการตรวจสอบรับรองจากกรมปศุสัตว์ สุนัขพวกนี้ไม่ได้เลี้ยงมาเหมือนหมู เหมือนวัว จะเอาไปให้คนกินได้อย่าง ไร ต้องเอากฎหมายมาบังคับว่า การเอามากินหรือ ส่งออกหนังก็ผิดกฎหมายทั้งนั้น ต้องห้ามรถประ เภทนี้วิ่งและปิดคอกกักทั้งหมด เสร็จแล้วค่อยมาดูเรื่องร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณสัตว์กันต่อไป

นายโรเจอร์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ทีมงานของสมาคม และปศุสัตว์ ซึ่งมีประสบการณ์เรื่องดูแลสุนัขกึ่งจรจัดอยู่แล้ว กำลังดูแลสุนัขที่ช่วยเหลือ มาได้อย่างเต็มที่

มั่นใจได้ว่า การบาดเจ็บล้มตายต้องลดลง เราจะอยู่ที่นี่เพื่อให้สังคมแน่ว่าใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดหวัง ช่วงแรกมีแนวคิดจะกระจายสุนัขที่จับได้ไปดูแลในที่อื่นๆ แต่ปัจจุบันมีสุนัขบางส่วนตาย เหลือเพียงพันกว่าตัว ถือว่าพื้นที่ที่มีอยู่ไม่คับแคบเกินไป ถ้าไม่มีการจับเพิ่มก็ไม่จำเป็นต้องย้ายไปไหนแล้ว เบื้องต้นจะแยก สุนัขดุกับสุนัขเชื่องออกจากกัน และขึ้นทะเบียนว่ามีตัวผู้ตัวเมียกี่ตัว ตัวเล็กตัวใหญ่กี่ตัว อาการแต่ละตัวเป็นอย่างไร จะได้รักษาดูแลตามนั้น ทุก ตัวต้องฉีดวัคซีน ตัวผู้ต้องทำหมัน ส่วนผู้ที่อยากช่วยเหลือเรื่องค่าอาหาร ขอให้บริจาคผ่านบัญชีกลางของจังหวัด เพราะตอนนี้มีกลุ่มที่ฉวยโอกาสจากภารกิจนี้ และผู้ที่ต้องการบริจาคเงินค่าเวชภัณฑ์สามารถติดต่อสมาคมได้โดยตรง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ฮือฮาถ่ายรูปติดวิญญาณกลางศาลาวัด </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>วันที่ 15 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากนายอภิวัฒน์ กุลคำ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69/12 ถ.อ่างทองป่าโมก ต.บ้านแห อ.เมือง จ.อ่างทอง

เจ้าหน้าที่กู้ภัยวีอาร์จังหวัดอ่างทอง ว่า เกิดเหตุประหลาดขึ้นเมื่อตนถ่ายภาพทำบุญในวันแม่ บนศาลาการเปรียญวัดจำปาหล่อ อ.เมือง แต่เกิดภาพที่ชวนขนลุก เมื่อพบว่าภาพดังกล่าวมีภาพลางๆ คล้ายวิญญาณติดอยู่ในภาพ ซึ่งนายมานพ นิรันดร นายกอบต.จำปาหล่อ เป็นคนเก็บภาพดังกล่าวไว้
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปดูภาพจากนายมานพ พบเป็นภาพถ่ายบนศาลาการเปรียญวัดจำปาหล่อ

ขณะที่พระ 2 รูป กำลังจะฉันอาหาร มีประชาชนที่ไปทำบุญนั่งอยู่ด้านล่าง แต่ตรงกลางภาพเป็นเงาลางๆ ของคนสวมเสื้อสีแดงส่วนล่างเป็นผ้าลาย กำลังเดิน และที่เห็นชัดเจนคือส่วนแขน

นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า วันที่ถ่ายภาพเป็นวันทำบุญวันแม่ในตอนเช้าของวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา ตนและครอบครัวไปทำบุญที่วัดจำปาหล่อเพราะเป็นการทำบุญใหญ่

เมื่อตนตักบาตรเสร็จ นายมานพ นำกล้องถ่ายรูปดิจิตอลมาส่งให้ตนช่วยถ่ายรูปในงานให้ด้วย พอถ่ายเสร็จก็ลองเปิดดูภาพ เห็นเงาเหมือนวิญญาณกำลังเดินอยู่หน้าพระ ที่กำลังจะฉันเพล จากนั้นคนที่ได้เห็นภาพถ่ายก็วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ว่าเป็นวิญญาณที่มาขอส่วนบุญ ยืนยันขณะที่ตนถ่ายภาพรูปดังกล่าวไม่มีใครเดินตัดหน้าแน่นอน ทำให้หลายคนต่างผวาไปตามๆ กัน

ด้านนายมานพ กล่าวว่า ภาพที่ออกมามีแขนคนก็แปลก แต่ก็คิดในสิ่งที่ดีว่าคงเป็นการหักเหของแสง แต่ก็มีเสียงลำลือกันหนาหูเกี่ยวกับการพบได้เห็นและได้ยินเกี่ยวกับวิญญาณในวัดแห่งนี้

พระอธิการพรหม เจ้าอาวาสวัดจำปาหล่อ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่ลี้ลับจริงและเกิดขึ้นหลายครั้งมาแล้วไม่ว่าคนที่มาทำบุญ มาเที่ยวที่วัดก็มักจะถ่ายภาพติดวิญญาณไปด้วย พระที่วัดก็ยังได้ยินเสียง ได้เห็นเงาเดินเลย ตอนแรกก็รู้สึกกลัวๆ แต่นอนนี้ชินแล้ว ซึ่งล่าสุดเมื่อวันสงกรานต์ที่ผ่านมามีการทำบุญใหญ่และมีการสวดกระดูกเพื่อบังสุกุล จู่ๆ ก็เกิดเสียงเปรตร้องขึ้นมาดังมากประชาชนที่มาทำบุญบางคนกลัวต้องวิ่งลงจากศาลา

พระอธิการพรหม กล่าวต่ออีกว่า วัดจำปาหล่อแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่สร้างมานานเป็นร้อยปี เป็นที่พักของกองทัพพระนเรศวร จึงมีคนตายมากมาย

เมื่อก่อนที่บริเวณหน้าวัดซึ่งเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาก็มีเรือมาล่มทำให้คนตายศพลอยมาติดที่หน้าวัดเป็นจำนวนมาก แต่ก็อย่าตกใจคิดในแง่ดีก็แค่มาขอส่วนบุญหรืออาจจะเกิดความผิดปกติของกล้อง ก็แล้วแต่จะคิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น่าสังเกตว่า เงาของคนที่ปรากฎในภาพ ใส่เสื้อแดงขณะที่เสื้อผ้าส่วนล่างเป็นลาย ซึ่งคนที่มาทำบุญ มีคนหนึ่งสวมชุดในลักษณะเดียวกันด้วย

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ชาวกีวีตื่นหิมะครั้งแรกในหลายสิบปี </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>

<OBJECT codeBase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0" classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000 width=514 height=382>
























<embed type="application/x-shockwave-flash" height="382" width="514" allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always" src="http://www.youtube.com/v/3DNAxAMxN4Y?version=3&hl=th_TH"></embed></OBJECT>​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ชาวนิวซีแลนด์เจอหิมะตกหนักครั้งแรกในหลายสิบปี ทั้งตื่นเต้นและโกลาหล ถนนหนทาง-หน่วยงานบริการเป็นอัมพาต เตือนประชาชนกักตุนสิ่งของจำเป็น อุตุชี้เป็นปรากฏการณ์ที่จะได้พบเห็นใน 50 ปี


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คลื่นความเย็นจากทวีปแอนตาร์กติกาได้แผ่ปกคลุมทั่วนิวซีแลนด์เมื่อวันจันทร์ ( 15 ส.ค) ทำให้หลายพื้นที่ของประเทศ เผชิญกับสภาพอากาศเลวร้าย ทั้งฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง และหิมะตกหนักเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี
<!-- inside news --><!-- Insidenews -->

รายงานระบุว่าที่เมืองออคแลนด์ เผชิญหิมะตกครั้งแรกนับจากปี 2519 โดยเฉพาะพื้นที่ใจกลางเมืองนั้น เป็นครั้งแรกใน 80 ปีที่มีหิมะตก นอกจากนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 คนจากต้นไม้ล้มใส่บ้านหลังหนึ่ง

ส่วนที่กรุงเวลลิงตัน วัดปริมาณหิมะได้มากที่สุดในรอบ 50 ปี

สร้างความตื่นเต้นให้กับประชาชนที่แห่ออกมาถ่ายรูปและเล่นหิมะกันอย่างสนุกสนานโดยเฉพาะเด็กๆ แต่สร้างความหงุดหงิดใจเป็นอย่างยิ่งแก่ผู้ขับขี่ยวดยาน ขณะเที่ยวบินจำนวนหนึ่ง บริการไปรษณีย์ต้องถูกระงับ ถนนหลายสาย ห้องสมุดและสระว่ายน้ำต้องปิดชั่วคราว

ที่เมืองไครสต์เชิร์ช พายุหิมะซ้ำเติมประชาชนหลายพันคนที่ยังไม่ฟื้นตัวดี หลังแผ่นดินไหวครั้งใหญ่สองระลอกใน 11 เดือน

นายปีเตอร์ เครฟต์ หัวหน้าสำนักอุตุนิยมวิทยาระบุว่า นี่เป็นปรากฎการณ์ที่จะได้พบเห็นครั้งหนึ่งในรอบ 50 ปี และคาดว่าจะมีหิมะตกหนักและลมแรงต่อไปอีก ก่อนฟ้าจะค่อยๆเปิดในปลายสัปดาห์

ทางการประกาศตือนประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนัก ให้เตรียมกักตุนสิ่งของจำเป็นไว้ เช่น อาหาร ยา ฟืน เทียน และถังก๊าซหุงต้ม หากสภาพอากาศเลวร้ายจนทำให้ไม่มีไฟฟ้าหรือน้ำประปาใช้ รวมถึงให้ช่วยสอดส่องดูแลเพื่อนบ้านโดยเฉพาะคนชรา

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สวนสัตว์เวลลิงตัน

ได้ใช้โอกาสที่อุณหภูมิลดต่ำเกือบจุดเยือกแข็ง พาเจ้า แฮปปี้ ฟี้ต เพนกวินจักรพรรดิ์ที่ว่ายน้ำหลงทางไกลกว่า 3,000 กิโลเมตรจากแอนตาร์คติกามาเกยหาดนิวซีแลนด์เมื่อเดือนมิถุนายน ลงว่ายน้ำในสระเพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนว่ายน้ำกลับบ้านสิ้นเดือนนี้ แต่มันลงว่ายไม่กี่นาทีก็กลับขึ้นมา กระนั้นก็แสดงให้เห็นว่า มันแข็งแรงดีและเกือบพร้อมแล้วสำหรับการว่ายน้ำกลับไปยังแหล่งอาศัยตามธรรมชาติ


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></P>

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ทั่วทุกภาคมีฝนตกชุกหนาแน่นตกหนักบางแห่ง เตือนระวังน้ำท่วมน้ำป่า </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมพยากรณ์อากาศประจำวันที่ 17 สิงหาคม 2554ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.

ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ทั่วประเทศยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ ราบลุ่มบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และ ภาคตะวันออก ให้ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในระยะนี้
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ แพร่ ตาก พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ บริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และ นครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>กรมชลเตือนสัปดาห์นี้น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น-กระทบจังหวัดภาคกลาง </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>นายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยสถานการณ์น้ำในปัจจุบันนี้ว่า น้ำในแม่น้ำยมและแม่น้ำน่าน ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น

จากฝนที่ตกหนักในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ทำให้มีปริมาณน้ำไหลต่อเนื่องไปยังจังหวัดนครสวรรค์มากถึง 1,998 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มากกว่าปริมาณน้ำไหลที่เคยสูงสุด 1,838 ลบ.ม.ต่อวินาทีในวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้เขื่อนเจ้าพระยาต้องรับน้ำต่อเนื่องจากภาคเหนือมากขึ้นจากปกติ และจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2554 เพิ่มสูงขึ้นวันละ 5-10 ซ.ม. เป็นเวลา 3-4 วัน ทำให้ตลอดสัปดาห์ระดับน้ำเจ้าพระยาจะสูงขึ้น 40-50 ซ.ม.ซึ่งจะกระทบกับพื้นที่ริมตลิ่งบางส่วนของ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา

นายวีระ ระบุว่า อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ข้างต้น เป็นสถานการณ์ล่าสุด (16 ส.ค.54)

ยังไม่นับรวมฝนระลอกใหม่ที่คาดว่าจะตกซ้ำในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง จากอิทธิพลของร่องมรสุมตามฤดูกาลที่เพิ่งพาดผ่าน ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมและแม่น้ำน่านเพิ่มขึ้นได้อีก และปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา จะสูงขึ้นอีกระลอก ส่วนเพิ่มเท่าใดขึ้นอยู่กับปริมาณมาณฝนที่ตก ซึ่งกรมชลประทาน ได้เตรียมออกประกาศแจ้งสถานการณ์น้ำและเตือนประชาชนที่อาศัยริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเตรียมรับสถานการณ์แล้ว ส่วนปริมาณน้ำในเขื่อนขณะนี้มีปริมาณร้อยละ 88 ของความจุเขื่อน ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณ 1,100 ล้าน ลบ.ม. ทำให้ต้องระบายน้ำออกจากเขื่อนปริมาณวันละ 57.40 ล้านลบ.ม. คาดว่าจะยังไม่ส่งผลกระทบกับ จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นที่แรกที่น้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ไหลผ่าน ส่วนในพื้นที่ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ยังไม่ต้องกังวลปัญหาน้ำท่วม เพราะแม่นำเจ้าพระยารองรับน้ำได้มากถึง 2,500 ลบ.ม.ต่อวินาที ขณะที่ปริมาณน้ำไหลผ่านล่าสุด 1,442 ลบ.ม.ต่อวินาทีเท่านั้น

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ค้าหมาโผล่ซ้ำ ขังคอก 50 ตัวขายศรีสะเกษเห่าลั่นรอช่วย </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>โผล่อีกแก๊งค้าสุนัขข้ามชาติ พบสุนัขรอถูกส่งขายที่ศรีสะเกษ

ส่งเสียงเห่าหอนรอความช่วยเหลืออีก 50 ตัว ปศุสัตว์นครพนมเรียกร้องให้เจ้าของแจ้งความเอาผิดกับขบวนการค้าสุนัข ในข้อหาลักทรัพย์-รับซื้อของโจร สลดมีเจ้าตูบเคราะห์ร้ายทยอยตายไปแล้ว 300 ตัว เหลืออีก 1,000 ตัว ต้องอยู่ในความดูแลจนกว่าคดีถึงที่สุด ขณะที่คนใจบุญแห่บริจาคช่วยเหลือค่าอาหารสุนัขอย่างต่อเนื่อง

จากกรณีเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ จ.นครพนม

ได้ตรวจยึดสุนัขที่เตรียมลักลอบนำส่งไปขายยังประเทศเวียดนาม ถูกเคลื่อนย้ายนำมาเก็บไว้ที่ด่านกักกันสัตว์ จ.นครพนม และศาลจะพิจารณาคดีในวันที่ 26 ก.ย.ที่จะถึงนี้ โดยทางนายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผวจ.นครพนม เปิดบัญชีกองทุนช่วยเหลือสุนัข เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนอาหารและพบว่ามียอดบริจาคช่วยเหลือสุนัขร่วม 2 ล้านบาท ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 16 ส.ค. นายไพรัช ประทุมสุวรรณ ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม กล่าวว่า

นอกจากมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมบริจาคอาหารช่วยเหลือสุนัขแล้วยังได้เดินทางมาติดตามหาสุนัขที่สูญหายไปด้วย โดยส่วนใหญ่ระบุว่า แก๊งค้าสุนัขจะใช้วิธีตระเวนขโมยสุนัขตามชุมชนหรือหมู่บ้านในช่วงกลางคืนแล้วนำมาส่งขายต่อให้กับพ่อค้าสุนัข เพื่อรวบรวมนำส่งไปขายยังประเทศเวียดนาม จึงประกาศเชิญชวนประชาชนเจ้าของสุนัข เดินทางมาตรวจสอบหากพบสุนัขที่ถูกขโมยมาให้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เพื่อหาทางเอาผิดเพิ่มกับขบวนการค้าสุนัข ในข้อหาลักทรัพย์ และรับซื้อของโจร

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>นอกจากนี้การเฝ้าดูแลสุนัข ได้ระดมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานปศุสัตว์ทั้งในพื้นที่ และส่วนกลางให้ลงมาช่วยดูแลสุขภาพสุนัขที่ได้รับบาดเจ็บ

เพื่อรักษาสุนัขให้มีชีวิตรอดมากที่สุด เนื่องจากสุนัขส่วนใหญ่บอบช้ำร่างกายเนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการขนย้าย ทำให้ทยอยตายไปเป็นจำนวนมาก ล่าสุดเหลือเพียง 1,000 ตัวตายโดยไปแล้วประมาณ 300 ตัวและเจ้าหน้าที่ต้องรักษาดูแลไปจนกว่าคดีจะสิ้นสุด เนื่องจากสุนัขเป็นของกลางที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี ส่วนเจ้าของสุนัขที่ติดตามมาดูพบว่าเป็นเจ้าของ ยังไม่สามารถนำกลับได้ เพราะต้องรอให้คดีสิ้นสุดก่อน จึงให้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน วันเดียวกัน ที่บริเวณด่านกักกันสัตว์ จ.นครพนม มีประชาชนจาก จ.ขอนแก่น ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ กาฬสินธุ์ สกลนครและบึงกาฬ พากันมาตามหาสุนัขในคอกกักกันสัตว์ ขณะเดียวกันคุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ ได้มอบเงินให้กับนายชูศักดิ์ พงษ์พานิช หัวหน้าด่านกักกันสัตว์นครพนม 15,000 บาท และนางพยุง ประคองทับทิมเทศ ชาวกรุงเทพมหานคร มอบเงิน 100,000 บาท เพื่อช่วยเหลือซื้ออาหารให้สุนัข โดยมีสัตวแพทย์จากสำนักควบคุมป้องกันบำบัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์ และสำนักงานสุขศาสตร์และสุขอนามัยที่ 4 กว่า 10 คน มาคอยให้ความช่วยเหลือรักษาพยาบาลสุนัขที่เจ็บป่วยด้วย

วันเดียวกัน เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านใน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า

มีหมู่บ้านในเขต อ.ขุขันธ์ ยึดอาชีพรับซื้อขายสุนัขส่งขายต่างประเทศ จึงเดินทางไปตรวจสอบ ที่บริเวณกลางทุ่งนาห่างจากหมู่บ้านสนามสามัคคีประมาณ 400 เมตร หมู่ 6 ต.โสน อ.ขุขันธ์ พบกรงสุนัขขนาดความกว้าง 3 เมตร ยาว 6 เมตร มีตาข่ายเหล็ก 2 ชั้นทำเป็นกรง หลังคามุงด้วยสังกะสี ภายในมีสุนัขถูกขังอยู่ประมาณ 50 ตัว ส่งเสียงหอนโหยหวนเหมือนขอความช่วยเหลืออย่างน่าเวทนา

จากการสอบถามชาวบ้านในหมู่บ้านทราบว่า

ตามปกติแล้วชาวบ้านในหมู่บ้านส่วนใหญ่ จะตื่นเช้านำรถเข็นที่ดัดแปลงเป็นกรงตระเวนรับซื้อสุนัขตามหมู่บ้านต่าง ๆ เป็นประจำตลอดทั้งปี ในราคา 300-500 บาทต่อตัว แล้วนำสุนัขมาจำหน่ายให้กับเอเย่นต์รายใหญ่ในหมู่บ้าน เพื่อนำสุนัขมาพักไว้รอส่งขายให้พ่อค้ารายใหญ่อีกทอดหนึ่ง ที่ จ.นครพนม และ จ.สกลนคร และยึดอาชีพนี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เพราะสร้างรายได้ให้ต่อครอบครัวถึงเดือนละ 25,000-30,000 บาท จนกระทั่งมีเงินสร้างบ้านหลังใหญ่ และซื้อรถราคาแพงได้อย่างสบายเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าหมู่บ้าน มีนายหน้ารับซื้อสุนัขอยู่ถึง 3 รายด้วยกัน

แต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางลำเลียง ที่ปล่อยให้มีการขนย้ายสุนัขจำนวนมากผ่านไปในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เพื่อนำไปส่งให้เอเย่นต์รายใหญ่ในต่างจังหวัด โดยไม่เคยถูกจับกุมได้แต่อย่างได ส่วนสุนัขที่รอการส่งต่อไปยังต่างประเทศนั้น ยังถูกจำหน่ายให้กับวัยรุ่น หรือลูกค้าทั่วไป เพื่อนำไปชำแหละเป็นอาหารอีกด้วย.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ตื่น!สื่อนอกตีข่าวปลาไหลพันธุ์ดึกดำบรรพ์ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ตื่น!สื่อนอกตีข่าว “ฟอสซิลมีชีวิต” ปลาไหลพันธุ์ดึกดำบรรพ์อายุกว่า 200 ล้านปี

วันนี้ (16 ส.ค.) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ว่า คณะนักชีววิทยาเปิดเผยการค้นพบปลาไหลสายพันธุ์ใหม่ของโลกในถ้ำใต้ทะเลนอกชายฝั่งประเทศปาเลา ทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันอย่างน่าประหลาดใจกับปลาไหลยุคดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงไดโนเสาร์ครองโลก เมื่อประมาณ 200 ล้านปีก่อน

สำหรับการค้นพบถูกเปิดเผยลงในวารสารโพซีดดิงฉบับล่าสุดของอังกฤษ ซึ่งจะออกวางจำหน่ายในวันพุธ

ซึ่งระบุว่าทีมนักชีวิวิทยานำโดยนายมาซากิ มิยะ แห่งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ และสถาบันชิบะ ประเทศญี่ปุ่น โดยค้นพบตั้งแต่เดือน มี.ค. ปีที่แล้ว แต่เพิ่งถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชน ปลาไหลสีน้ำตาลที่ถูกเรียกขานว่า “ฟอสซิลที่ยังมีชีวิต” นี้ถูกพบภายในถ้ำใต้ทะเลระดับความลึกประมาณ 35 เมตร ของแนวหินปะการัง นอกชายฝั่งเกาะประเทศปาเลา นับเป็นปลาไหลสายพันธุ์ใหม่ นอกเหนือจากปลาไหล 819 สายพันธุ์ของ 19 ตระกูล เท่าที่ค้นพบในโลกในปัจจุบัน.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

รายงานข่าวแจ้งว่า สันนี้ (16 ส.ค.) คณะทัวร์ป่าหน้าฝนของอุทยานภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เดินทางสำรวจท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ ได้พบกับรอยเท้าบนหินก้อนใหญ่ ตามเส้นทางไปลานหินปุ่ม ตรงข้ามกับสะพานมรณะ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจสอบ
ทั้งนี้ รอยเท้าดังกล่าวเป็นข้างขวาข้างเดียว มีนิ้วเท้าครบทั้ง 5 นิ้ว มีสภาพที่สมบูรณ์ คาดว่าเป็นรอยเท้าของผู้หญิง เพราะมีขนาดเล็กมาก เมื่อเทียบกับเท้าของเจ้าหน้าที่ผู้ชาย ฝังอยู่ในก้อนหินของป่าต้นน้ำขนาดใหญ่ความกว้างประมาณ 5 เมตร ที่มีลำธารสายเล็ก ๆ ไหลผ่านรอยเท้าโบราณ
ด้าน นายไพรัช มณีงาม หัวหน้าอุทยานภูหินร่องกล้า เปิดเผยว่า รอยเท้ามนุษย์ดังกล่าว ถือว่าแปลกประหลาด น่าจะเกิดโดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม นายศักดิ์ปรินทร์ สุรารักษ์ ผู้ช่วยอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า กล่าวว่าขณะนี้พบรอยเท้าคนเพียงจุดเดียวเท่านั้น กำลังรวบรวมข้อมูล ภาพถ่ายเพื่อแจ้งให้นักธรณีวิทยามาสำรวจ
Mthai News



หิมะตกหนักที่ชานเมืองย่านจอห์นสันวิล เมืองเวลลิงตัน
MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าว หิมะตกหนักมากที่สุดในรอบกว่าครึ่งศตวรรษในเมืองไครสต์เชิร์ช เวลลิงตัน และออคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ หิมะตกผิดฤดูที่แอฟริกาใต้ ขณะที่เกิดอากาศร้อนที่สุดในรอบ 20 ปีของกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย
ทั้งนี้ หิมะตกหนักสุดที่เมืองไครสต์เชิร์ช และออคแลนด์ทางหลวงหลาย10 สายใช้การไม่ได้เนื่องจากหิมะปกคลุมหนา ส่งผลมให้บ้านเรือนเกือบ 100 หลังคาเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ โรงเรียนต้องปิดเรียนชั่วคราว
ตรงข้ามกับชาวเมืองเวลลิงตันที่ตื่นตาตื่นใจกับหิมะที่โปรยปรายลงมาในรอบ 40 ปี แม้ว่า สนามบินของเมืองจะต้องผิดทำการชั่วคราว และต้องใช้รถบรรทุกตักหิมะออกจากถนน
สำนักอุตุนิยมวิทยานิวซีแลนด์ คาดการณ์ว่า คลื่นความเย็นจะปกคลุมนิวซีแลนด์ต่อไปจนถึงวันพุธ โดยอุณหภูมิของทั้งสามเมืองข้างต้น ลดลงต่ำถึง -4 องศาเซลเซียส ส่วนทางการได้ออกมาเตือนประชาชนให้เตรียมตัวรับมือ โดยเตรียมทั้งเสื้อผ้า อาหารและน้ำให้พร้อมต่อการอาศัยอยู่แต่ในบ้านอีกหลายวัน


ผู้คนออกมาอาบน้ำเพื่อคลายร้อนในเขื่อนของแม่น้ำมอสโก
ส่วนที่แอฟริกาใต้ ประชาชนต่างพากันแปลกใจที่หิมะตกผิดฤดูกาล เกิดหิมะตกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้การจราจรในเมืองประสบปัญหา ต้องปิดถนนไปหลายสายรวมทั้งถนนหลวงสาย N3 แต่ที่นครโจฮันเนสเบิร์ก ที่มีหิมะตกไม่หนักนัก ก็มีเด็กออกมาเล่่นหิมะกันอย่างสนุกสนาน
ทางด้านกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ก็ทุบสถิติร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 20ปี เมื่ออุณหภูมิสูงถึง 31.4 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้เมื่อปี พ.ศ.2533

Mthai News



<OBJECT codeBase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0" classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000 width=560 height=349>
























<embedwidth="560" height="349" type="application/x-shockwave-flash" src="http://www.youtube.com/v/qpMHJstJwD8?version=3&hl=th_TH" allowFullScreen="true" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" /></OBJECT>
สื่อนอกตีข่าว จีนสร้างเมืองเลียนแบบทั้งเมืองในยุโรป ไว้ในประเทศตัวเอง</P>16 ส.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประเทศจีน มีโครงการที่จะสร้างเมืองเลียนแบบ หมู่บ้าน ฮอลล์ชตัด Hallstatt หมู่บ้านเล็กๆริมทะเลสาบ ประเทศออสเตรีย ที่ยูเนสโก้ขึ้นทะเบียนหมู่บ้านแห่งนี้ให้เป็นมรดกโลกในปีพ.ศ. 2539 เนื่องจากความงามด้านสถาปัตยกรรมโบสถ์
ดังนั้น จีนจึงเตรียมสร้างเมืองนี้ขึ้นมาให้อยู่ในประเทศตัวเองเสียเลย โดย มินเมทัลส์ แลนด์ ทีมผู้สร้างที่ได้ส่งทีมงานตรงไปยังหมู่บ้านฮอลล์ชตัด เพื่อถ่ายรูปและรวบรวมข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับหมู่บ้านนั้น ก่อนจะมาสร้างหมู่บ้านโคลนนิ่งในเมืองฮุ้ยโจว มณฑลก่วงตง (กวางตุ้ง)
เมืองฮอลล์ชตัด (Hallstatt)

ทั้งนี้ รายงานข่าวอ้างว่า ชาวบ้านในฮอลล์ชตัดรู้เกี่ยวกับโครงการนี้และเห็นชอบด้วยเพราะเห็นว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ โดยไม่พอใจที่มีการถ่ายรูป รวมถึงเก็บข้อมูลหมู่บ้านไป ซึ่งการก่อสร้างเมืองก็อปปี้ดังกล่าวเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนเม.ย. ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ก็มีหลายเมืองในประเทศจีนที่ลอกเลียนแบบโครงการและสถาปัตยกรรมของเมืองในประเทศตะวันตกตะวันตก

Mthai News



รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้(15 สิงหาคม) น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้เสนอต่อนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเสนอขอเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการผลิตแท็บเล็ตตามนโยบายส่งเสริมให้นักเรียนมีคอมพิวเตอร์ใช้ หรือ One Tablet PC Per Child ของรัฐบาล ที่จะแจกให้กับนักเรียนชั้น ป.1 ทั่วประเทศ
โดย น.ส.ศศิธารา กล่าวว่า ในปัจจุบันทางอาชีวศึกษามีศักยภาพในการประกอบเครื่องแท็บเล็ต ซึ่งหากมีการจัดซื้อในส่วนของเครื่องมือและส่วนประกอบภายใน แล้วให้อาชีวศึกษาเป็นผู้ประกอบให้ จะมีค่าใช้จ่ายเครื่องละ 200 บาท และมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมดูแลรักษาเครื่องละ100 บาทต่อปี และยังมีการหารือต่อไปว่า นอกเหนือไปจากการประกอบแท็บเล็ตแล้ว สอศ.ยังสามารถผลิตสื่อการเรียนการสอนผ่านทางแท็บเล็ต หรือสื่อใหม่อื่นๆ ได้
Mthainews

 

=====================================


16 ส.ค. 54


พญานาคมีจริงหรือ?

สองวันนี้ผมต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบว่า อาการเวียนศีรษะเกิดจาก
สาเหตุอะไร? จึงกลับมาพักอยู่ที่บ้านโดยปกติจะพักที่ร้านค้าของลูกสาว ค่ำนี้
ผมได้เปิดทีวีจานดำของ พีเอสไอ มีรายการหนึ่งชื่อว่า มาดามทีวี จัดโดย
มดดำ พิธีกรกำลังสัมภาษณ์สดทางโทรฯ กับ พ.ต.อ. ชยรพ สายจินยนต์
(ขออภัยหากสะกดนามสกุลผิด) ที่ จ.บึงกาฬ ท่านได้เล่าให้คุณมดดำฟังถึง
เรื่อง พญานาคมาปรากฎให้เห็นที่ บึงโขงหลง สี่ครั้งด้วยกัน ในภาพทางทีวีก็
ฉายให้เห็นงูใหญ่ลำตัวสีดำว่ายน้ำในบึง มีความยาวประมาณ 10เมตรและจะ
มาให้เห็นครั้งที่ห้าในวันที่ 19 ส.ค. 54นี้ หลังจากนั้นหลังออกพรรษาแล้วถึง
จะมาให้เห็นอีกและจะมีบั้งไฟพญานาคด้วย

ประสบการเรื่องพญานาคผมได้สัมผัสทางนิมิต ทางตา ทางหูและทางร่างกาย
ตัวเองมาแล้วที่บนเขาภูควายเงิน(วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน อ.เชียงคาน
จ.เลย) ทางนิมิตถือว่าเป็นครั้งแรกที่ท่านเข้ามาทักทายผมในขณะที่ผมนอน
ครึ่งหลับครึ่งตื่น ท่านมาปลุกให้ผมลุกขึ้นมานั่งสมาธิ เนื่องจากกลางวันผมทำ
งานให้กับทางวัดมาทั้งวันและคงเหนื่อยจากการเดินทางด้วย ผมจึงปฏิเสธท่าน
ไป ในภาพจะซูมให้ผมได้เห็นท่านในเงามืด ท่านชูเศียรขึ้นแล้วเอี้ยวหันมามอง
ผม นัยตาสีแดง(ท่านอยู่ตรงหน้าพระประธาน) ทางหูมีอยู่สองครั้งด้วยกัน ครั้ง
แรกในเวลาบ่ายที่ผมอยู่บนศาลาคนเดียว ผมได้ยินเสียงท่านฟาดหางดังปั้งๆ
อยู่ตรงหน้าพระประธาน คงจะข่มขวัญผม ผมเองรู้สึกเฉยๆ อีกครั้งคือช่วงเข้า
นอนผมและเพื่อนอีกทั้งผู้แสวงบุญอื่นกำลังเข้านอนกัน ท่านเช้ามาใกล้ๆแล้ว
ส่งเสียงขู่ ฟ่อๆข้างหูผม เช้าตื่นขึ้นมาเพื่อนที่ตามผมไปช่วยทำรางน้ำก็พูดถึง
เสียงนี้เหมือนกัน

ส่วนทางร่างกาย วันทำงานเดินสายไฟฟ้าให้กับทางวัดวันสุดท้ายซึ่งผมก็อยู่คน
เดียวเช่นเคยเพราะลูกมือที่ตามผมไปช่วยคิดถึงบ้านขอตัวกลับกรุงเทพฯก่อน
เช้านั้นผมจะปีนขึ้นนั่งร้านเหล็กสองชั้น ตั้งแต่บ่าลงมาถึงขาเหมือนมีของหนัก
มาถ่วงเอาไว้ ผมปีนขึ้นนั่งร้านในสภาพเหมือนสวมเสื้อเกราะช่วงที่ปีนน้ำตาผม
ถึงกับเล็ดออกมา อีกวันในเวลาโพล้เพล้ผมได้เห็นชาวบ้านหญิงชายสองคน
คนผู้ชายจะยืนหลบอยู่ข้างเสาในมุมมืดส่วนผู้หญิงยืนอยู่ถัดออกไปห่างจาก
ผู้ชายพอสมควร ผมจึงเดินเข้าไปหาผู้ชายคนนี้เพื่อจะทักทาย การสนทนากัน
ผมฟังภาษาที่เขาพูดไม่รู้เรื่อง ผมสังเกตุที่ใบหน้า ตรงหน้าผากของชายคนนี้จะ
ยื่นออกมามากกว่าคนปกติ เบ้าตาลึก จมูกแหลม แถมหน้ายังเป็นตะปุ่มตะปั่ม




องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"

 

คุณ Lazaza กำลังอ่านสนุกเลย จบแค่นี้หรือคะ....ไม่มีต่อหรือคะ

 

ขอให้เปิดอ่านในบทความของ k_isara ที่ได้ลงบทความต่อเนื่องมามากกว่าสองปีแล้วมาฝากเขียนลงในบทความของ lazaza อีกสองปีถัดมา ในบทความที่เคยลงถ้าจำไม่ผิดน่าจะมีเรื่อง เปรตและผีหัวขาดที่วัดในตัวจังหวัดเลย ผีสาวมาร้องขอส่วนบุญแล้วขว้างก้อนอิฐไล่ ฯล

องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน

 

แรงสั่นสะเทือนที่โคลอมเบีย บ้านพังหลายร้อยหลัง​

​

ที่โคลอมเบียเมื่อวานนี้ ได้เกิดแรงสั่นสะเทือนใต้ดินที่เมืองคาร์ตาเกน่า ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนกว่า 300 หลังพังถล่ม

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเช้าวานนี้ แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นทำให้ท้องถนนและทางเท้าในเมืองซาน ฟรานซิสโกที่อยู่ใกล้เคียงเกิดรอยแยกเกือบ 96 เปอร์เซนต์ สถานีโทรทัศน์ RCN ของโคลอมเบียได้แพร่ภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นพบว่า บ้านเรือนประชาชนราว 350 หลังพังถล่ม และอีก 550 หลังได้รับความเสียหายอย่างหนัก

นายกเทศมนตรีเมืองคาร์ตาเกน่า ได้สั่งอพยพประชาชน 500 ครัวเรือน พร้อมทั้งร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางแล้ว

รายงานระบุว่า แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นเกิดจากรอยเลื่อนของเปลือกโลกบวกกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในปีนี้ซึ่งทำให้เกิดดินถล่มในหลายพื้นที่บริเวณเนินเขา และไม่เพียงแต่เมืองซาน ฟรานซิสโกเท่านั้น ซึ่งเป็นจุดอันตรายต่อการอยู่อาศัย ทั้งนี้มีประชาชนอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เป็นอันตรายประมาณ 3 หมื่นคน

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

หิมะตกหนักที่แอฟริกาใต้ น้ำท่วมที่สหรัฐ​

​

คลื่นความเย็นที่ผิดปกติ ทำให้เกิดหิมะตกในหลายพื้นที่ของแอฟริกาใต้ ส่งผลให้การจราจรในเมืองประสบปัญหา ขณะที่เด็กๆ ต่างออกมาเล่นหิมะกันอย่างสนุกสนาน ส่วนที่สหรัฐ เผชิญกับน้ำท่วมหนัก

ทางหลวงสายหลักที่เชื่อมระหว่างจังหวัด Guateng และ Kwazulu-Natalของแอฟริกาสใต้ ต้องปิดการสัญจรในหลายส่วน เมื่อเช้าวานนี้ หลังสภาพอากาศที่เย็นจัด ทำให้เกิดหิมะตกหนักปกคลุมทึบ ขณะเดียวกันพื้นที่บริเวณเชิงเขา ระหว่าง Johannesburg และ Durban นอกจากจะมีหิมะตกลงมาแล้ว ยังมีฝนตกลงมาอีกด้วย ทำให้ผู้ขับขี่ยวดยานต้องใช้ความระมัดระวัง

ขณะที่ชาวเมือง Mooiriver ในจังหวัด Kwazulu-Natal เผยว่าพวกเขาเคยเผชิญกับอากาศหนาว คล้ายเช่นนี้มาแล้วเมื่อปีก่อน แต่ปรากฎการณ์ที่อุณหภูมิที่ลดต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียสเช่นนี้ แทบจะไม่เคยเห็น ส่วนบรรดาเด็กๆ พากันเล่นหิมะทั้งปั้นตุ๊กตาหิมะและขว้างใส่กัน ที่บริเวณสวนหลังบ้านของตัวเองอย่างสนุกสนาน ทั้งนี้คดกันว่าอุณหภูมิจะลดต่ำลงต่อเนื่องจนถึงวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น

ส่วนที่สหรัฐ ที่เมือง Hempstead รัฐนิวยอร์ค จมอยู่ใต้น้ำ หลังเกิดฝนตกหนักในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ส่งผลให้ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมสูง และรถยนต์จอดตายกลางถนน และยังส่งผลต่อสนามบินในพื้นที่ด้วย อย่างไรก็ตามระบบการระบายน้ำเร่งทำงาน เพื่อคลี่คลายสถานการณ์น้ำท่วมโดยเร็ว

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เหตุรุนแรงอิรักตายเกือบ 100 คน​

​

เกิดเหตุรุนแรงขึ้นทั่วประเทศอิรัก ทั้งเหตุระเบิดและเหตุลอบโจมตี ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 90 คน

นายกรัฐมนตรีนูรี อัล-มัลิกี ของอิรัก ออกแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษรว่า นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ฆาตกร และอาชญากรได้ปฏิบัติการโจมตีพลเรือนผู้บริสุทธิ์เพื่อเพิ่มสถิติอาชญากรรมที่ก่อขึ้น พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงอิรักอย่าปล่อยให้พวกฆาตกรและอาชญากรเหล่านี้ได้พักหายใจ จงไล่ล่าจนกว่าจะจัดการคนเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มออกมาอ้างว่าเป็นผู้ลงมือ หรืออยู่เบื้องหลัง แต่มีกลุ่ม อะจิฮาดิสต์ ออกมาชื่นชมการโจมตีผ่านทางเว็บไซต์ของตัวเอง

รายงานระบุว่า เพียงแค่เมื่อวานนี้วันเดียวมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นทั่วอิรักถึง 21 ครั้ง และการลอบยิงพุ่งเป้าไปที่ตำรวจและกองกำลังฝ่ายความมั่นคง รวมทั้งพลเรือนผู้บริสุทธิ์อีกหลายครั้ง ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 92 คน บาดเจ็บ 200 คน นับเป็นปฏิบัติการโจมตีที่ร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในรอบหลายเดือนของอิรัก และเกิดขึ้นหลังการถือศีลอดในช่วงเดือนรอมาดอนผ่านไปได้ครึ่งทาง และมีความคล้ายกับเหตุการณ์โจมตีครั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ในช่วงรอมดอนเช่นกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นคนที่อยู่เบื้องหลัง คือกลุ่มอัลกออิดะห์ ที่ต้องการบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนอิรัก ในเรื่องศักยภาพของกองกำลังความมั่นคงอิรักในการป้องกันประเทศจากกลุ่มก่อการร้าย

ด้านกระทรวงมหาดไทยอิรัก ออกคำสั่งห้ามประชาชนจอดรถตามถนนหนทางในเมืองต่างๆที่เป็นเป้าหมายในการโจมตี โดยที่เมืองตีกริท ทางเหนือของกรุงแบกแดด ได้ประกาศเคอร์ฟิวรถยนต์จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเพื่อป้องกันเหตุระเบิดรถยนต์ฆ่าตัวตาย หลังจากเกิดเหตุระเบิดรถยนต์ฆ่าตัวตาย 2 ครั้งซ้อน พุ่งเป้าไปที่กองกำลังรักษาความมั่นคง ทำให้ตำรวจเสียชีวิตไปอย่างน้อย 4 นาย บาดเจ็บ 11 นาย ขณะที่เหตุโจมตีด้วยระเบิด 2 ครั้งซ้อนในย่านใจกลางกรุงแบกแดดนั้นพุ่งเป้าไปที่พลเรือน

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

ต่อไปชุมชนเมืองจะอยู่อาศัยไม่ได้ ไม่ปลอดภัย !!!​

​

จึงมีความจำเป็นต้องใช้ความรู้ เทคโนโลยีพลังงานทดแทนดังต่อไปนี้ ติดต่อขอความรู้ได้ที่ สำนักถ่ายทอดและเผยแพร่เทคโนโลยี​

หน้าที่ความรับผิดชอบ

• เผยแพร่ ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านพลังงาน
• รณรงค์ให้ความรู้และจัดแสดงการใช้พลังงาน
• พัฒนา ประยุกต์เทคโนโลยีพลังงานจากผลการ วิจัย และภูมิปัญญาท้องถิ่นให้เหมาะสม
• ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติ งานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมาย

หน่วยงานภายใน

• กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงาน
• กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน
• ฝ่ายบริหารงานทั่วไป
• ศูนย์บริการวิชาการที่ 1 - 10

ภารกิจหลักของศูนย์บริการวิชาการ

• ประสานงานเพื่อให้เกิดความร่วมมือทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ตลอดจนกลุ่มมวลชนในการสนับสนุนส่งเสริม เผยแพร่ ให้มีกิจกรรมการใช้ประโยชน์ด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ได้อย่างเหมาะสมและยั่งยืน
• ปฏิบัติการด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานในส่วนภูมิภาค อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เกิดผลกระทบด้านบวกต่อโครงการและองค์กร เป็นที่ยอมรับของประชาชน
• จัดทำฐานข้อมูลด้านพลังงานเพื่อใช้ประกอบการวางแผนสำรวจ ส่งเสริม เผยแพร่ และถ่ายทอดเทคโนโลยีตลอดจนการติดตามและประเมินผล
• จัดทำแผนงานประชาสัมพันธ์ด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ให้สอดคล้องกับแผนงานของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน

ที่มา http://www2.dede.go.th/bett/main.html​

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>กรมชลเตือนสัปดาห์นี้น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น-กระทบจังหวัดภาคกลาง </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>นายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยสถานการณ์น้ำในปัจจุบันนี้ว่า น้ำในแม่น้ำยมและแม่น้ำน่าน ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น

จากฝนที่ตกหนักในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ทำให้มีปริมาณน้ำไหลต่อเนื่องไปยังจังหวัดนครสวรรค์มากถึง 1,998 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มากกว่าปริมาณน้ำไหลที่เคยสูงสุด 1,838 ลบ.ม.ต่อวินาทีในวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้เขื่อนเจ้าพระยาต้องรับน้ำต่อเนื่องจากภาคเหนือมากขึ้นจากปกติ และจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2554 เพิ่มสูงขึ้นวันละ 5-10 ซ.ม. เป็นเวลา 3-4 วัน ทำให้ตลอดสัปดาห์ระดับน้ำเจ้าพระยาจะสูงขึ้น 40-50 ซ.ม.ซึ่งจะกระทบกับพื้นที่ริมตลิ่งบางส่วนของ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา

นายวีระ ระบุว่า อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ข้างต้น เป็นสถานการณ์ล่าสุด (16 ส.ค.54)

ยังไม่นับรวมฝนระลอกใหม่ที่คาดว่าจะตกซ้ำในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง จากอิทธิพลของร่องมรสุมตามฤดูกาลที่เพิ่งพาดผ่าน ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมและแม่น้ำน่านเพิ่มขึ้นได้อีก และปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา จะสูงขึ้นอีกระลอก ส่วนเพิ่มเท่าใดขึ้นอยู่กับปริมาณมาณฝนที่ตก ซึ่งกรมชลประทาน ได้เตรียมออกประกาศแจ้งสถานการณ์น้ำและเตือนประชาชนที่อาศัยริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเตรียมรับสถานการณ์แล้ว ส่วนปริมาณน้ำในเขื่อนขณะนี้มีปริมาณร้อยละ 88 ของความจุเขื่อน ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณ 1,100 ล้าน ลบ.ม. ทำให้ต้องระบายน้ำออกจากเขื่อนปริมาณวันละ 57.40 ล้านลบ.ม. คาดว่าจะยังไม่ส่งผลกระทบกับ จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นที่แรกที่น้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ไหลผ่าน ส่วนในพื้นที่ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ยังไม่ต้องกังวลปัญหาน้ำท่วม เพราะแม่นำเจ้าพระยารองรับน้ำได้มากถึง 2,500 ลบ.ม.ต่อวินาที ขณะที่ปริมาณน้ำไหลผ่านล่าสุด 1,442 ลบ.ม.ต่อวินาทีเท่านั้น

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>คืบหน้าไฟไหม้คอนโดหรูย่านสุขุมวิทช่วยเด็กที่ติดได้แล้ว </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
จากกรณีที่ เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ เลอรัฟฟิเน่ คอนโดมิเนียม บริเวณ ซ.สุขุมวิท 24 จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยรถดับเพลิงอีกจำนวนหลายคัน นั้น

<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
พบว่า ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดมิเนียมหรู สูงประมาณ 30 ชั้น เพลิงได้ลุกไหม้ที่บริเวณชั้น 18 ควันพวยพุ่งไปทั่วบริเวณ สำหรับคอนโดดังกล่าวส่วนใหญ่ผู้พักอาศัยเป็นชาวต่างชาติ เจ้าหน้าที่ได้เร่งระดมนำผู้ติดค้างอยู่ภายในอาคารออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยเจ้าหน้าที่ได้นำเฮลิคอปเตอร์ มาช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ภายใน นอกจากนี้ขณะเกิดเหตุได้มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะๆ เนื่องจากเกิดความร้อนขึ้นสูง ส่งผลทำให้ฝ้าเพดานด้านในอาคารหลุดร่วงออกมาเป็นจำนวนมาก ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้มีการใช้น้ำจากสระว่ายน้ำบริเวณชั้น 24 ของคอนโดฯดังกล่าว

<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต มีแต่เพียงผู้ได้รับบาดเจ็บ สำลักควันจำนวน 4 คน เจ้าหน้าที่ได้รีบนำตัวส่งรพ.อย่างเร่งด่วน พบเป็นชาวต่างชาติผู้หญิง1ราย ด.ช.3ขวบ1ราย ด.ญ.1ขวบ1ราย และชาวเกาหลี1ราย ขณะที่การจราจรบริเวณถ.สุขุมวิทได้ติดขัด เจ้าหน้าที่ปิดการจราจรบางส่วนแล้ว

<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
นายอัญวุฒิ โพธิอำไพ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู กล่าวว่า ล่าสุดสามารถคุมเพลิงได้อยู่ในวงจำกัดแล้ว แนะนำให้ออกไปสู่ที่โล่งแจ้งให้เร็วที่สุด ถ้าออกมาไมได้ให้อยู่ในห้องแล้วหาผ้าชุบน้ำปิดตามซอกประตู ไม่ให้ควันเข้าห้อง รอเจ้าหน้าที่มาช่วย จะปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง และขอเตือนเรือ่งการตรวจสอบอุปกรณ์ดับเพลิงขอให้ตรวจสอบให้ใช้งานได้จริงๆอยู่ตลอด ไม่ใช่ว่าทำเพื่อให้เจ้าหน้าที่มาตรวจแล้วผ่านๆไป




</DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศเผยแพร่ภาพ ดอกทานตะวันที่มีความสูงกว่า 23 ฟุต (6.90 เมตร) ที่สวนหลังบ้านของนางอีฟ ฟิลดิง วัย 48 ปี อาศัยอยู่ที่เมืองมาร์เก็ต มณฑลเคนต์
นางอีฟกล่าว่า เธอจึงตั้งชื่อดอกทานตะวันดอกนี้ว่า “ดอกไอเฟล” (Eiffel Flower) เธอดูแลเอาใจใส่มันเป็นอย่างดีมาหลายปี รดน้ำทุกวัน โดยไม่ได้เติมสารอะไรเป็นพิเศษ และคิดว่ามันน่าจะโตเต็มที่ด้วยความสูง 12 ฟุต (3.60 เมตร) แต่มันกลับมีความสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในปี 2009 เคยมีสถิติของกินเนส เวิล์ด เรคคอร์ด ดอกทานตะวันที่สูงที่สุดในโลก 29 ฟุด 4 นิ้ว (ประมาณ 8 เมตร) เป็นของหนุ่มชาวเยอรมนี
Mthai News
เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย

ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com

Photo :: bnps.co.uk

​

กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนชาวบ้าน หลายจังหวัดทางภาคเหนือ-อีสาน ในพื้นที่เสี่ยงภัยระวังเกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน รวมทั้ง น้ำล้นตลิ่ง ระยะ 1-3 วันนี้ ขณะที่กทม.ยังมีฝนตกหนักโดยทั่วไป
วันนี้ 18 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยารายงานลักษณะอากาศทั่วไปของประเทศไทยว่า ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่น โดยที่ในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และฝนตกหนักมาก บางแห่ง จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง ได้ในระยะ 1-3 วันนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยเวลา 06.00 น. วันนี้ จนถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ แพร่ ตาก พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศา
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศา
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา
อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดนครนายก ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานคร มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

 

ตำนานพระเจ้าจักรพรรดิ์(พระศรีอาริย์)โดยละเอียด...



​

ขอเชิญท่านที่สนใจเข้าไปอ่านได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ​

​

ที่มา http://palungjit.org/threads/พระศรีอาริย์เจ้าโลก-รหัสยญาณตอนที่8-ชีวประวัติตำหนิรูปพรรณพระศรีฯ.302217/​

 

"สึนามิ" ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะทำให้แหล่งน้ำจืดกลายเป็นน้ำเค็ม จึงจำเป็นต้องทำเครื่องกลั่นน้ำพลังงานแสงอาทิตย์...​

​

 

อีกไม่นานเจ็ดมหาสมุทร จะเหลือเพียงสองแห่ง!!!​

​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->The Third Eyes<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_636621", true); </SCRIPT> สมาชิก

ทั่วโลกกำลังกังวลกับ น้ำจืด ที่จะขาดแคลนในอนาคต อีกไม่นานมหาสมุทร ที่รู้กันว่ามีอยู่ เจ็ดมหาสมุทร ก็จะเหลือเพียงสองแห่ง เมื่อธรรมชาติปรับตัวมันเอง น้ำจืดจะไม่พอเพียง ....ผู้ที่มีจิตเห็นอนาคตได้ โดยเฉพาะกลุ่มพลังจักรวาล จึงเริ่มวิธีการเพ่ง น้ำเค็มให้เป็นน้ำจืด ทำกันมานานแล้ว

เท่าที่รู้มา..พวกเรียนวิชาพลังจักรวาล..ชั้นสูงๆๆ มีวิธีเพ่ง น้ำเค็มให้กลายเป็นน้ำจืด ขณะนี้ได้ข่าวว่า..มีการเรียนถึงระดับ 20 แล้ว อยากให้คนที่ เรียนวิธีเพ่งน้ำเค็มให้เป็นน้ำจืดได้ ช่วยมาไขข้อความและอธิบาย..เพื่อเป็นความรู้ด้วย<!-- google_ad_section_end -->

28-07-2007, 04:19 PM

ที่มา น้ำเค็มทะเลเป็นน้ำจืด - PaLungJit.com

 

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวานนี้(17 ส.ค.) เกิดเหตุนักเรียนจากโรงเรียนย่านสุขุมวิทขว้างก้อนหินใส่อริบนรถโดยสารประจำทางสาย 45 ทำให้กระจกรถแตกทั้งคัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 12 คน
จากการสอบถามนายกิตติโชค แบ่งส่วน คนขับรถ เล่าว่า ขับรถมาจากสำโรง ขณะจอดป้ายฝั่งตรงข้ามอุดมสุข ปากซอยสุขุมวิท101/1สุขุมวิทฝั่งขาเข้า มีนักเรียนประมาณ 10 คน พร้อมอาวุธมีดและปืนขึ้นมาบนรถ ผู้โดยสารเห็นท่าไม่ดี ทยอยลงไป ซึ่งนักเรียนบังคับให้ขับรถไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าสยามพาราไดซ์
จากนั้นมีนักเรียนอีกกว่า 100 คน กรูเข้ามาปิดถนนและล้อมรถ ตนเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนีลงจากรถ นักเรียนเหล่านั้นขว้างปาสิ่งของต่าง ๆ ขึ้นมา และยิงปืนขู่กัน ก่อนที่จะยกพวกตีกัน กระทั่งเวลาผ่านไปพอสมควรเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้ามาระงับเหตุ
ทั้งนี้ รถโดยสารสาย 45 วิ่งประจำสำโรงไปท่าน้ำสี่พระยา สภาพรถกระจกด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้างแตกหมด บนรถเต็มไปด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ ท่อนไม้ อิฐตัวหนอน และขอบท่อประปา มีเศษกระจกแตกละเอียดกระจายรอบคันรถ เบื้องต้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 12 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไทยนครินทร์
Mthai News
เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย

ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com



Photo :: ข่าวด่วน ข่าว ข่าวสด ข่าววันนี้ ข่าวการเมือง ข่าวอาชญากรรม สลากกินแบ่งรัฐบาล ข่าวสังคม ข

 

เอ.. น้ำกลั่นเนี่ยมันไม่มีแร่ธาตุอะไรเลย
ทานมากแล้วจะน้อคมั้ยคะ เคยได้ยินมาว่าอย่างนั้น