ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    แจ้งข่าวเตือนภัยจากคุณ k_97

    [​IMG]

    ๔-๕ ม.ค. ๕๗

    เคยเล่านิมิตถึงภาพคนสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งใช้เหล็กแป๊ปไล่ตีอีกกลุ่มที่ปีนหนีข้ามกำแพง ภาพเช้านี้เกี่ยวกับทหารต่างชาติเข้ามาดูแลความสงบ ถ้ามีเหตุการณ์ตามนี้จริง แสดงว่าจะเกิดสงครามกลางเมือง ในภาพยังคงเห็นทหารต่างชาติยืนเรียงรายอยู่ริมถนน ประชาชนกลุ่มหนึ่งก็เดินไปตามถนนเช่นเดียวกัน เมื่อเดินมาถึงที่แห่งหนึ่งและได้เข้าไป ได้ยินชื่อคุณวิกรม เจ้าของอมตะนครสองครั้งว่า เป็นผู้นำของที่นี่

    เพื่อความไม่ประมาทต้องหาทางหนีทีไล่ให้ดีว่า จะอยู่ตั้งรับหรือจะพาครอบครัวไปพักผ่อนตามต่างจังหวัด ถ้าตั้งรับต้องมีอาหาร น้ำ ไฟ ยารักษาโรคให้พร้อมไว้ ส่วนตัวเองจะเร่งทำต่อเติมตู้คอนเทนเนอร์ให้แล้วเสร็จโดยไว แล้วนำขึ้นไปตั้งวางไว้ก่อน (เช้านี้ เพื่อนบ้านทางเชียงคานได้โทรฯ บอกว่าได้ทำฐานรับตู้และขุดบ่อเสร็จแล้ว)

    เคอิสรา

    ๗ ม.ค. ๕๗

    นิมิตภาพแรก ตัวเองและครอบครัวได้ไปสำรวจรางรถไฟและได้ขึ้นรถไฟไปเส้นทางที่ได้สำรวจไว้ ภาพจะสื่อถึง จะมีการเดินทางไกลของคนกลุ่มใหญ่ ภาพที่สอง เห็นผู้คนยืนอยู่บนเรือนแพที่สร้างบ้านไว้ตรงกลาง จากนั้นเกิดการกระตุกจากแผ่นดินไหว ผู้คนที่อยู่บนแพต่างกระโดดลงน้ำว่ายเข้าหาฝั่ง ภาพจะสื่อถึงพื้นที่เกิดเหตุที่มีแพให้เขาเช่า

    มหาประชาบดี ๙๗

    ผมได้ติดตามกระทู้ของท่านมานาน และได้ติดตามสถานการณ์มหันตภัยพิบัติเรื่อยมา จนมาขอรับข่าวสารภัยพิบัติสายตรง ดีกว่าการไปรู้เรื่องราวคนที่มีกรรมหนัก ตามราวีวิจารณ์ปั่นกระทู้ไปทุกเรื่องที่ไม่เห็นด้วย ตามที่ได้ศึกษาข้อมูลหลายแห่งและบางครั้งได้ฝันถึงเหตุการณ์มหันตภัยที่จะเกิดขึ้นเหมือนจริง จนคิดว่าเราเพี้ยนไปขนาดนี้หรือ ผมมีความฝันที่น่าสยองพองเกล้าจนขนลุก อดหรั่นพรั่นพรึงไม่ได้มันจำติดตาขอภาวนาอย่าให้เกิดขึ้นเลย..........ในความฝันวันเวลาที่แตกต่าง ในปีที่ผ่านมา 2556 และตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไป

    เหตุการณ์ที่ 1 ได้ไปยืนริมฝั่งแม่น้ำโขง เห็นน้ำไหลมาอย่างรวดเร็วท่วมสูงใหญ่เหมือนภูเขาแบบฉับพลันได้หนีขึ้นไปอยู่บนยอดต้นไม้ใหญ่ได้ทัน

    เหตุการณ์ที่ 2 ได้ไปยืนริมฝั่งแม่น้ำชี เห็นน้ำไหลแรงเช่นกันท่วมหมู่บ้านตามแนวแม่น้ำ (ทั้งสองเหตุการณ์ข้างต้นอาจเกี่ยวกับพญานาค ทวงเส้นทางสายน้ำที่มีเขื่อนกั้นมานาน)

    เหตุการณ์ที่ 3 เห็นอุกกาบาตสะเก็ตดาวหางที่มีลูกไฟดวงใหญ่พุ่งมาจากทางทิศตะวันตก ถล่มลงกลางตัวเมืองของจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานที่มีบึงพลาญชัย

    แต่ก็ไม่ได้ประมาทและทำจิตให้สามารถรับสภาวะการณ์ได้ทัน แต่หากเหตุการณ์อันหวาดหวั่นพรั่นพรึงที่คาดไว้เกิดมาถึงจริงไม่รู้ว่าจิตที่หลอกตัวเองว่าไม่หวั่นไหวเมื่อถึงวันนั้นยังเดาไม่ออกว่าอาการจะเป็นเช่นไรด้วยความฝันที่ไม่เป็นเรื่องเป็นราวของผม แต่ความอยากรู้ ความสงสัยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงของมนุษย์คนเราหาได้สิ้นสุดไม่ และสำหรับประเทศไทยเราการชำระกฏแห่งกรรมครั้งใหญ่นี้มีกำหนดใกล้เข้ามาหรือยัง

    ขอท่านอาจารย์เคอิสรา ช่วยตรวจทางนิมิตอีกทางหนึ่งให้ด้วยครับ หากมีเค้ารางการเกิดเหตุก็พิจารณาเตือนในกลุ่มที่รับข่าวตามความเหมาะสม หากไม่มีอะไรก็สบายใจได้ เพื่อความไม่ประมาทที่อาจมาแบบฉับพลัน

    nakajak01

    ๘ ม.ค. ๕๗

    ต้องขออภัยกรุณาอย่าเรียกผมว่าอาจารย์ ขอให้เรียกลุงหรืออาเคแทน ปีนี้ผมอายุเข้า ๖o ปีเต็มอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า การเตือนภัยสัญญาณจะได้จากหน่วยเหนือ ที่ท่านกรุณาส่งภาพมาทางความฝันให้รับรู้ ส่วนวันเวลาคงฟันธงไม่ได้ คนที่จะมีความฝันเรื่องภัยพิบัติ คงต้องมีบุญสัมพันธ์กับเบื้องบน ท่านถึงคอยเตือนให้อย่าประมาทมิใช่เสียจริตอย่างที่เข้าใจ

    เรื่องน้ำท่วมริมโขงหรือแม่น้ำชีก็เป็นการเตือนล่วงหน้า เรื่องอุกาบาตมีการเตือนมาเป็นระยะๆว่าจะเกิดจริง การแจ้งเตือนล่วงหน้าหน่วยเหนือคงแจ้งให้ทราบ อยู่ที่เราจะแปลหรือจะเชื่อมากน้อยเพียงไร แล้วจัดหาที่หลบภัยหรือไม่? ทุกอย่างถ้าเชื่อว่าจะเกิดจริง ก็ต้องเตรียมตัวเสียแต่เนิ่นๆ ทางผมเองได้แจ้งเตือนและเตรียมความพร้อมเผื่อผู้มีบุญมา ๖ ปีแล้ว คนไม่เชื่อก็ไม่ต้องใส่ใจ มีหน้าที่เตือนก็เตือนไปให้รับรู้เท่านั้น

    มหาประชาบดี ๙๗

    ที่มา แจ้งข่าวเตือนภัยทางอีเมล์จากคุณ k_97
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2014
  2. ◎◎

    ◎◎ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +185

    ขอโทษเถอะครับใครๆก็รู้ใครๆก็พูดได้ เพราะผู้นำสารจิตตกจักรวาลที่ว่านั้นเพิ่งโพสต์เมื่อวันที่ 8 ม.ค.57 เวลา 06.53AM ก็วันนี้นี่เอง มันจับแพะชนแกะชนวัวชนควายสุดๆอย่างหน้าไม่อาย

    แถมคุณเกษมก็ยังอุตส่าห์นำมาขยายความใส่ภาพให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันของสหรัฐอีกด้วยน่ะ ช่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยทีเดียว

    เรื่องบ้าบอคอแตกอย่างนี้ยังจะสนับสนุนไปได้มีการขู่ว่าใครต่อต้านจิตจักรวาลให้เตรียมตัวรับคำพิพากษาด้วยต่างหาก ผมว่าไปรับยาก่อนดีกว่ามั้งก่อนที่จะพิพากษาคนอื่น

    หากภัยภิบัติมันเกิดก็คือเกิดไม่เกี่ยวกับจิตบ้าข้ามจักกะวานหรอกคุณ ไม่เกี่ยวกับเชื่อไม่เชื่อ
    <a href="http://pic.free.in.th/id/1b48343d5c81de2db1f68652f1e7695c" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ih/140108050223.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มกราคม 2014
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    นักวิทย์รัสเซียชี้โลกอาจเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง ในปี 2014 !!!

    [​IMG]

    ในขณะที่ทั่วโลกมีการรณรงค์ลดพฤติกรรมอันก่อให้เกิดปัญหาโลกร้อนกันอย่างต่อเนื่อง และเริ่มเอาจริงเอาจังกันมากขึ้นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ดูเหมือนว่า มันไม่อาจยับยั้งการเปลี่ยนแปลงตามวัฏจักรของโลกไปได้ เมื่อสภาพอากาศทั่วโลกกำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงไป คล้ายจะเป็นสัญญาณว่าโลกทั้งโลกกำลังจะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในอีกไม่ช้า ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า โลกอาจกำลังเข้าสู่ยุคน้ำแข็งในไม่ช้า และเป็นไปได้ว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจจะเกิดขึ้นในปี 2014 ก็เป็นได้

    โดยในการประชุมภาวะโลกร้อนนานาชาติ ที่จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมปีก่อน ดร.ฮาบิบูลโล แอ๊บดัซซามาโทฟ หัวหน้าทีมวิจัยอวกาศแห่งหอดูดาวและอวกาศ เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ได้คาดการณ์ว่า โลกอาจจะเข้าสู่ยุค "Little Ice Age" หรือยุคน้ำแข็งเล็ก ๆ รอบใหม่ ในปี 2014 หรืออีกเพียงไม่ถึง 4 ปีข้างหน้า หลังจากคาดว่า จุดดับบนดวงอาทิตย์มีจำนวนลดลง และจะลดลงถึงขีดสุดในปี 2042 ส่งผลให้โลกมีอุณหภูมิลดลงถึงจุดที่เย็นที่สุดในปี 2055-2060

    นอกจากนี้ ดร.ฮาบิบูลโล แอ๊บดัซซามาโทฟ ได้เปิดเผยข้อมูลแสดงจุดดับของดวงอาทิตย์ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เพื่อโต้แย้งงานวิจัยอื่น ๆ ว่า แท้จริงแล้วสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศบนโลกนั้น ไม่ได้เกิดจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนโลกแต่อย่างใด แต่เกิดจากรังสีจากดวงอาทิตย์ต่างหาก โดย ดร.ฮาบิบูลโล ได้แสดงข้อมูลการสำรวจดวงอาทิตย์ในที่ประชุม พร้อมกับระบุว่า มีนักวิทยาศาสตร์กว่า 700 คนทั่วโลก ที่ไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีที่ว่าภาวะโลกร้อนเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ บนโลก

    และเพื่อสนับสนุนทฤษฎีที่ว่า ดวงอาทิตย์เป็นสาเหตุให้อุณหภูมิโลกเปลี่ยนแปลง ดร.ฮาบิบูลโล ได้นำเสนอข้อมูลการสำรวจในปี 1893 ที่บันทึกโดย วอลเตอร์ มอนเดอร์ นักดาราศาสตร์ที่สรุปข้อมูลจุดดับของดวงอาทิตย์ตั้งแต่ปี 1645 - 1715 พบว่า จุดดับของดวงอาทิตย์มีจำนวนเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว และมันก็ทำให้โลกมีอุณหภูมิลดลง ซึ่งในแวดวงวิทยาศาสตร์เรียกช่วงเวลานี้ว่า "ยุคน้ำแข็งเล็ก ๆ" และหลังจากช่วงนั้น ดวงอาทิตย์ก็ได้แผ่รังสีออกมาในระดับสูง และพลังงานดวงอาทิตย์ก็ไหลเวียนอย่างรุนแรงมาก โดยปฏิกิริยาดังกล่าวนี้เริ่มต้นขึ้นในช่วงปี 1990 และกินเวลายาวนาน ก่อนการไหลเวียนพลังงานของดวงอาทิตย์จะอยู่ในระดับคงที่ ซึ่งมันก็ทำให้อุณหภูมิของโลกคงที่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แต่จากการสำรวจล่าสุด พบว่า ดวงอาทิตย์มีการไหลเวียนพลังงานน้อยลง และส่งผลให้โลกมีอุณหภูมิลดลงอีกครั้ง แม้ว่าจะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศอย่างต่อเนื่องก็ตาม

    สำหรับ จุดดับบนดวงอาทิตย์ ที่ ดร.ฮาบิบูลโล กล่าวถึงนี้ หมายถึง พื้นที่ส่วนหนึ่งบนดวงอาทิตย์ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณโดยรอบ ซึ่งหากมีจำนวนมากมันจะทำให้รังสีจากดวงอาทิตย์มีปริมาณลดลง ซึ่งจำนวนของจุดมืดนี้จะเพิ่มขึ้นและลดลงไม่เท่ากันตลอดเวลา และจุดมืดแต่ละจุดจะมีอายุตั้งแต่ 1 สัปดาห์ ไปถึงหลายเดือน มีขนาดตั้งแต่ 3,600 กิโลเมตรไปจนถึง 50,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554

    ที่มา www.hilight.kapook.com/view/56036
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ice1.jpg
      ice1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      151.5 KB
      เปิดดู:
      1,445
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2014
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สาส์นเตือนภัยพิบัติในปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ จากวัดถ้ำเมืองนะ !!!

    [​IMG]

    ภัยพิบัติปี ๕๖-๕๗ นี้จะมาจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่จากฝั่งอ่าวไทย มีผลทำให้เกิดมวลน้ำมหาศาลพุ่งเข้ามาที่ประเทศไทยของเรา เกิดภัยน้ำท่วมทั่วกรุงเทพ บริเวณริมเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง มีกำหนดสองระยะคือ กลางเดือนกุมภาพันธ์ และกลางเดือนพฤษภาคมครับ

    หลวงปู่ดำท่านเอ่ยมาว่า ให้ระวังน้ำจากทางอ่าวไทยเป็นหลัก หลังฝนครามลั่นครืนจะยืนได้ เข้าสู่ยุคมหาชนคนพาไป ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน

    สำหรับอาณาเขตประเทศไทย จะเสียหายจากภัยพิบัติประจำปี ๕๖-๕๗ นี้ประมาณหนึ่งถึงสิบเปอร์เซ็น และไม่มากกว่านี้ ความเสียหายส่วนใหญ่เอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวไทยทั้งสองฝั่ง และที่ราบลุ่มริมแม่น้ำทั่วประเทศและตามเมืองหลวงทั่วไป จะเกิดผลกระทบจากอุทกภัยที่มาจากแผ่นดินไหวขนาดหนัก

    ส่วนทั่วโลกจะเสียหายประมาณสามสิบเปอร์เซ็นตลอดทั้งปี อันเป็นเหตุให้เกิดสงครามความอดอยาก แย่งชิงปัจจัยสี่ในปีสุดท้ายแห่งวิกฤติคือปี ๕๗ ตลอดทั้งปีอีกด้วย

    ส่วนคำทำนายจากผู้วิเศษเกือบทั้งหมด ถูกเปลี่ยนแปลงแล้วเพราะปัจจุบัน พระโพธิสัตว์มากบารมีได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทยเรา คำทำนายแรงๆเช่นเขื่อนแตก ลูกเห็บยักษ์ ซอมบี้ผีดิบจากโรครังสีดวงอาทิตย์ โรคระบาดไวรัส วันฟ้าดับ แผ่นดินแยก ภูเขาไฟระเบิด มหาวายุ และซุปเปอร์ซึนามิ จะไม่เกิดขึ้นในประเทศไทยของพวกเราอีกต่อไป

    คงเหลือแต่ภัยน้ำท่วม ทางภาคกลางและภาคใต้ แผ่นดินสไลด์ตัว ทุกจังหวัดและความแห้งแล้ง ร้อนอบอ้าว จนเกิดภาวะขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ และปัจจัยสี่ไม่พอเพียงตลอดทั้งปี ๕๖-๕๗ นับเป็นภัยพิบัติตามธรรมดาๆของธรรมชาติทั่วๆไปของเรานั่นเอง ทั้งหมดนี้ คือคำตอบจากพระอริยะเจ้าผู้ที่สาธุชนคนดีทั่วไปยอมรับ หลวงตาม้าแห่งถ้ำเมืองนะ ศิษย์ใกล้ชิดที่สุดของหลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวดครับ

    ปล ท่านที่รักจงอย่าลืมภาวะการขาดแคลนน้ำดื่ม และอาหารตลอดทั้งสองปีนี้ เกิดจากภาวะข้าวยากหมากแพง ขาดแคลนน้ำมัน ราคาค่าเงินตกต่ำและราคาข้าวสาร กับทองคำจะมีค่าสูงมากนะครับ จึงเรียนมาเพื่อเตือนใจสาธุชนทุกๆท่านอีกครั้งหนึ่งก่อนจากกันหลายเพลา

    เตือนภัยพิบัติ ภาค 2 จากหลวงพ่อฤาษีลิงกัง วัชระธรรมปราณี โพส เฟสบุ๊ค 4 ม.ค. 2556 สาส์นเตือนภัยฉบับถาวรไม่อิงนิทานจากวัดถ้ำเมืองนะ สายหลวงปุ่ดู่ หลวงปู่ทวดครับ

    ฤๅษีลิงกังและคณะลิงป่าดอยแม่วาง

    ที่มา www.108dee.tht.in/paiv2.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2014
  5. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    Polar Vortex คืออะไร ? แช่แข็งอเมริกาเหนือ-50องศา

    วันนี้(9ม.ค.) จากกรณีที่ ศูนย์พยากรณ์อากาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาได้มีการ ประกาศเตือนภัยฤดูหนาว ในหลายพื้นที่ทวีปอเมริกาเหนือ เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น อาจส่งผลทำให้การขับขี่ของประชาชนบนท้องถนนอยู่ในขั้นวิกฤติ ไม่สามารถมองเห็นเส้นทางได้ อันนำไปสู่อุบัติเหตุได้ง่ายนั่นเอง
    article-2534477-1A742C2F00000578-629_964x631
    โดยนักพยากรณ์ เปิดงว่า สามารถวัดอุณหภูมิได้ ราว -40 และอาจพุ่งสูงสุด -50 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นความเลวร้ายอย่างรุนแรง สำหรับประชาชนและสิ่งมีชีวิตในประเทศ โดยสาเหตุที่ทำให้อเมริกาเหนือหนาวได้ขนาดนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าเกิดมาจากปรากฎการณ์ Polar Vortex หรือ ลมวนขั้วโลก
    ‘Polar Vortex’ คืออะไร ?
    Polar Vortex หรือ ลมวนขั้วโลก เป็นปรากฎการณ์ที่ลมหมุนวนในลักษณะทวนเข็มนาฬิกาด้วยความเร็วสูง บริเวณขั้วโลกเหนือ ซึ่งจะส่งผลทำให้อากาศหนาวเย็นไปทั่วบริเวณรอบของมหาสมุทรอาร์กติก ซึ่ง Polar Vortex ไม่ใช่เพียงพายุแค่ลูกเดียวเท่านั้น แต่เกิดขึ้นหลายลูกพร้อมกันและสามารถวนผิดทิศทางและเคลื่อนตัวไปได้ไกลมาก
    แต่ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นความผิดปกติ เพราะ กระแสลมวน ของขั้วโลกเหนือ (Polar Vortex) ซึ่งปกติก็จะอยู่ที่ขั้วโลกเหนือในฤดูหนาว เกิดการเคลื่อนตัวลงมาที่ทางใต้และเหมือนจะเดินทางผิดทิศ ผิดตำแหน่งทำให้อเมริกาเหนือหนาวเย็นกว่าดาวอังคาร
    article-2534477-1A747E8100000578-800_964x679
    ด้านเจนิเฟอร์ ฟรานซิส อาจารย์สถาบันวิทยาศาสตร์สมุทรศาสตร์และชายฝั่งแห่งมหาวิทยาลัยรัตเจอร์ เผยว่าสาเหตุที่ทำให้ Polar Vortex เดินทางผิดตำแหน่งมาจากการที่ขั้วโลกเหนืออุ่นขึ้นและน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ซึ่งก็เป็นผลส่วนหนึ่งจากภาวะโกลร้อนที่เกิดจากมนุษย์ ทำให้สมดุลย์ความร้อนระหว่างขั้วโลกเหนือและเส้นศูนย์สูตรเปลี่ยนแปลงไป จึงผลักดันให้กระแสลมกรด มีการเคลื่อนที่ผิดปกติในลักษณะแบบคลื่น
    article-2534477-1A7609D000000578-872_964x551
    ซึ่งอาจส่งผลให้อากาศหนาวของขั้วโลกเหนือเคลื่อนลงมายังแคนาดาและอเมริกา ทำให้อากาศในขั้วโลกเหนือและอลาสกาตอนนี้อุ่นกว่าปกติ (ในฤดูหนาว) ในขณะเดียวกันอังกฤษก็กำลังเจอกับอากาศหนาวมากในขณะที่สแกนดิเนเวียกลับอุ่นขึ้นกว่าปกติ
    MThai news
    article-2534477-1A76033D00000578-64_964x627
    article-2534477-1A76376000000578-377_964x622
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ภาวะเยือกแข็งในสหรัฐคร่าชีวิตผู้คนแล้ว 22 ราย

    [​IMG]

    สหรัฐ 9 ม.ค. - ภูมิภาคอเมริกาเหนือตกอยู่ในสภาพแช่แข็งไปทั่วทุกหนแห่ง จากกระแสลมวนที่มาจากขั้วโลกเหนือ ไม่เว้นแม้กระทั่งภาคใต้ของสหรัฐ ซึ่งปกติจะมีอากาศค่อนข้างร้อน

    ภูมิภาคตะวันตกกลางของสหรัฐ ส่วนใหญ่มีสภาพอากาศที่เย็นกว่าในช่องแช่แข็งของตู้เย็น โดยอุณหภูมิวัดโดยเฉลี่ยได้ถึง -26 องศาเซลเซียส หลายรัฐ เช่น แอละแบมา จอร์เจีย เทนเนสซี อาร์คันซอ มิชิแกน แมริแลนด์ โอไฮโอ เพนซิลเวเนีย และนิวยอร์ก ล้วนอุณหภูมิติดลบต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เช่น ที่เมืองเฮลล์ ในรัฐมิชิแกน อุณหภูมิลดเหลือ -17 องศาเซลเซียส และเมืองเอมบาราสส์ ในรัฐมินเนโซตา อุณหภูมิลดต่ำกว่าที่ใดๆ ในสหรัฐ คือ -37 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่าอุณหภูมิบนพื้นผิวดาวอังคารเสียด้วยซ้ำ ขณะที่รัฐวิสคอนซิน มีการทดลองสาดน้ำเดือดๆ ออกไปในอากาศ น้ำเดือดนั้นจะกลายเป็นหิมะทันที

    นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า ภาวะเยือกแข็งและพายุหิมะในสหรัฐได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 22 ราย ใน 5 รัฐ โดยรัฐมิสซูรี 2 ราย จากอุบัติเหตุจราจร รัฐมิชิแกน 4 ราย รัฐอินดีแอนา 6 ราย รัฐวิสคอนซิน 3 ราย และรัฐอิลลินอยส์ 7 ราย ขณะที่ผู้คนอีกราว 190 ล้านคนในสหรัฐ กำลังได้รับความเดือดร้อนจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดเป็นประวัติการณ์

    สำนักข่าวไทย TNA News | 9 ม.ค. 2557 07:33 |

    การกัดเซาะชายฝั่งอย่างรวดเร็วเป็นอันตรายต่อบ้านเรือนบนชายฝั่งรัฐฮาวาย

    [​IMG]

    ฮาเลอิวา 8 ม.ค.- คลื่นขนาดใหญ่ที่ซัดชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะโอวาฮูเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา สร้างความเสียหายให้กับอาคารบ้านเรือนที่อยู่ติดกับมหาสมุทรอย่างน้อย 5 แห่ง จุดกระแสการถกเถียงเกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดที่เจ้าหน้าที่รัฐฮาวายและเจ้าของบ้านจะรับมือกับปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก

    รายงานระบุว่า เจ้าของบ้านบางคนต้องการสร้างกำแพงป้องกันคลื่นหรืออุปกรณ์อื่นที่คล้ายกันนี้เพื่อปกป้องทรัพย์สินของตน แต่นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า การสร้างกำแพงป้องกันคลื่นอาจทำให้ทรายบนแนวชายฝั่งที่อยู่ใกล้เคียงหายไป รวมถึงบริเวณชายหาดซันเซ็ท ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแข่งขันกระดานโต้คลื่นชั้นนำของโลก

    ทั้งนี้ การขออนุญาตสร้างกำแพงป้องกันคลื่นเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน ปัจจุบันบรรดาเจ้าของบ้านที่อยู่บริเวณชายฝั่งต่างพยายามบรรจุกระสอบทรายเพื่อนำไปใช้ป้องกันความเสียหายจากการกัดเซาะชายฝั่ง และหากกระสอบป่านหมดพวกเขาก็จะไปซื้อปลอกหมอนมาทำเป็นกระสอบทรายแทน

    สำนักข่าวไทย TNA News | 8 ม.ค. 2557 17:03 |

    ภูเขาไฟซินาบุงปะทุเถ้าถ่านรุนแรง

    [​IMG]

    อินโดนีเซีย 9 ม.ค. - ภูเขาไฟซินาบุงของอินโดนีเซียยังคงปะทุพ่นเถ้าถ่านและก๊าซออกมาอย่างรุนแรง ทำให้ชาวบ้านที่อพยพหนีภัยไปอยู่ในศูนย์พักพิงยังไม่อาจกลับบ้านได้ในขณะนี้

    เมฆหมอกอันเกิดจากแก๊สร้อนที่พวยพุ่งออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟซินาบุง แผ่รัศมีกว้างไกลถึงเกือบ 5 กิโลเมตร ส่งผลให้ชาวบ้านหลายหมื่นคนที่อาศัยอยู่โดยรอบเชิงเขา ต้องอพยพหนีภัยไปอยู่ในศูนย์พักพิง 33 แห่ง เป็นการชั่วคราว และยังไม่มีวี่แววว่าจะได้กลับไปยังบ้าน ขณะที่ศูนย์อพยพเริ่มเกิดปัญหาขาดแคลนสิ่งจำเป็นในการยังชีพแล้ว

    ภูเขาไฟซินาบุง มีความสูง 2,460 เมตร อยู่ในจังหวัดสุมาตรา เริ่มปะทุเมื่อปี 2553 หลังจากสงบนิ่งมานานถึงกว่า 400 ปี และเริ่มปะทุรุนแรงขึ้นอย่างผิดสังเกตเมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้วเป็นต้นมา ส่งผลให้พื้นที่เกษตรโดยรอบภูเขาไฟและใกล้เคียงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งนี้ ภูเขาไฟซินาบุง เป็นหนึ่งในภูเขาไฟจำนวน 130 ลูก ที่ยังไม่สงบนิ่งในอินโดนีเซีย

    สำหรับภูเขาไฟในอินโดนีเซียที่ระเบิดรุนแรงที่สุดในระยะไม่นานมานี้ ได้แก่ ภูเขาไฟเมราปี ที่ระเบิดขึ้นเมื่อปี 2553 คร่าชีวิตชาวเมืองยอกยาการ์ตา ในจังหวัดชวากลาง ไปถึงกว่า 350 คน

    สำนักข่าวไทย TNA News | 9 ม.ค. 2557 08:11 |

    ที่มา MCOT.net - Site | MCOT.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกิดแผ่นดินไหว 5.1 ริกเตอร์ ส่งผลอาคารในนครหลวงคิวบาสั่นไหว

    [​IMG]

    ฮาวานา 10 ม.ค.- เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 ริกเตอร์ในบริเวณช่องแคบฟลอริดานอกชายฝั่งคิวบาเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้อาคารสูงในกรุงฮาวานาของคิวบาสั่นไหว สร้างความตกใจให้แก่ผู้คน แต่ไม่มีรายงานความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

    สำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐรายงานว่า แผ่นดินไหวมีขนาด 5.1 ริกเตอร์ เกิดขึ้นก่อนเวลา 16.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น มีศูนย์กลางห่างจากกรุงฮาวานาไปทางตะวันออก 172 กม. และลึกลงไป 10 กม.

    รายงานระบุว่า พนักงานบนอาคารสูง 6 ชั้น 2 แห่งในย่านโอล ฮาวานา สามารถรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวครั้งนี้ และมีการสั่งอพยพผู้คนออกจากอาคาร แต่สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติสหรัฐระบุ ไม่มีอันตรายจากสึนามิแต่อย่างใด

    สำนักข่าวไทย TNA News | 10 ม.ค. 2557 09:46 |

    นายกฯ ออสเตรเลียตำหนิกระแสเมาอาละวาดในซิดนีย์

    [​IMG]

    ซิดนีย์ 10 ม.ค.- นายกรัฐมนตรีโทนี แอบบอตต์ของออสเตรเลียตำหนิกระแสเมาอาละวาดที่กำลังแพร่ระบาดในนครซิดนีย์ว่า ทำให้เมืองนี้วุ่นวายจนใกล้เป็นพื้นที่สงครามเข้าไปทุกที

    ช่วงหลายสัปดาห์มานี้มีการถกเถียงกันอย่างหนักในนครซิดนีย์เรื่องเหตุรุนแรงที่เกิดจากการเมาสุราในช่วงที่ผู้คนกำลังฉลองฤดูร้อน และเกิดเหตุวัยรุ่นชายบาดเจ็บสาหัสเพราะถูกต่อยแบบไม่ทันตั้งตัวช่วงออกไปเที่ยวกลางคืน แพทย์ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลหลายแห่งเตือนว่า สถานการณ์เลวร้ายหนักขึ้น ห้องฉุกเฉินเต็มไปด้วยคนเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการเมาสุรา ขอให้นักการเมืองเร่งแก้ไขปัญหานี้

    นายกรัฐมนตรีแอบบอตต์ ซึ่งมีบุตรสาววัยรุ่น 3 คน กล่าวว่า ที่น่าเสียใจคือสถานที่ที่ควรเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจเกือบจะกลายเป็นเขตสงครามเพราะเต็มไปด้วยเหตุรุนแรงจากการเมาสุรา ขณะนี้กำลังเกิดกระแสน่ากลัวว่ามีคนที่ชอบก่อเหตุและมักมีประวัติก่อความรุนแรงมาก่อนตระเวนหาเหยื่อที่อ่อนแอเพื่อทำร้ายแบบไม่ทันตั้งตัว บางครั้งรุนแรงถึงชีวิต ผู้นำออสเตรเลียยอมรับว่า การดื่มสุราเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตในออสเตรเลีย แต่สิ่งสำคัญคือผู้ดื่มจะต้องรู้ตัว และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องหาทางแก้ปัญหานี้.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 10 ม.ค. 2557 13:39 |

    ควันจากไฟไหม้ป่าปกคลุมเมืองหลวงชิลี

    [​IMG]

    ซานเตียโก 9 ม.ค.–ควันไฟจากไฟไหม้ป่าหลายสิบจุดในพื้นที่ใกล้เคียงลอยเข้าปกคลุมเมืองหลวงของชิลีเมื่อวันพุธ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องประกาศเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงออกนอกอาคารที่พัก

    ไฟไหม้ป่าลุกลามอย่างรวดเร็วและโหมกระพือรุนแรงเมื่อสุดสัปดาห์ จนถึงขณะนี้กินพื้นที่ไปกว่า 250,000 ไร่ ทรัพย์สินเสียหายคิดเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ (3,200 ล้านบาท) ทำให้ประชาชน 7 ล้านคนในกรุงซานเตียโกต้องเผชิญคุณภาพอากาศย่ำแย่ที่สุดในรอบ 15 ปี เมื่อวานนี้กระแสลมแรงหอบควันไฟทึบเข้าปกคลุมเหนือท้องฟ้าเมืองหลวงชิลี เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังประสบความยากลำบากในการดับไฟเนื่องจากลมทำให้ไฟโหมกระพือขึ้นมาอีกหลายจุด ทางการกรุงซานเตียโกประกาศเตือนประชาชนจากคุณภาพอากาศไม่ดีและให้หลีกเลี่ยงการออกนอกตัวอาคาร.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 9 ม.ค. 2557 10:25 |

    ที่มา MCOT.net - Site | MCOT.net
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สื่อสารความเสี่ยง-ข้อเท็จจริงภัยพิบัติ
    บทเรียนจาก“แคทรินา”ถึงไทย

    [​IMG]

    วิกฤตอุทกภัยปี 2554 เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่จะอยู่ในความทรงจำของคนไทยไปอีกนานแสนนาน เพราะนอกเหนือจากความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งชีวิตประชาชน ทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้าง เทือกสวนไร่นา จนถึงนิคมอุตสาหกรรมสำคัญๆ ในอยุธยาและปทุมธานี ล้วนต้านรับมวลน้ำก้อนมหึมาที่เชี่ยวกรากไม่ได้ ได้รับความเสียหายอย่างถ้วนทั่ว

    มองฝ่าความเสียหายยับเยินของประเทศเพื่อหาต้นรากของความผิดพลาด ใครจะเชื่อว่า ไทยในฐานะประตูสู่อาเซียน ซึ่งมีสาธารณูปโภคพื้นฐานและระบบการสื่อสารที่ดี มีระบบเตือนภัยและศูนย์พยากรณ์ดิน ฟ้า อากาศ ไม่น้อยหน้าใคร กลับตกม้าตายเพราะการจัดการน้ำผิดพลาด และพอปัญหาบานปลายก็ไม่สื่อสารข้อเท็จจริงทั้งหมดให้ประชาชนรับรู้

    ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ต้องการปกปิดหรือหวังดีไม่อยากให้เกิดความแตกตื่นอลหม่าน แต่ที่สุดแล้ว อุทกภัย 2554 คือ บทเรียนราคาแพงอีกครั้งหนึ่งของประเทศ โดยเฉพาะบทเรียนด้านการสื่อสารความเสี่ยงในภาวะวิกฤต

    อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เห็นภาพว่า การสื่อสารซ้ำเติมวิกฤติครั้งนี้ให้รุนแรงกว่าที่ควรเป็นอย่างไร ไทยพับลิก้าขอหยิบยกบทเรียนมหันตภัยทางธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา มาทบทวนความทรงจำและเปรียบเทียบภัยพิบัติที่ประเทศไทยเผชิญหน้าอยู่

    ถอดบทเรียน “แคทรีนา”

    วันที่ 23 สิงหาคม ปี 2548 พายุโซนร้อน “แคทรีนา” ก่อขึ้นกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ห่างจากแนสซอ เมืองหลวงของบาฮามาราว 280 กิโลเมตร แล้วค่อย ๆ สะสมพลังเป็นเฮอริเคนที่พัดเข้าสู่ฝั่งครั้งแรกที่มลรัฐฟลอริดาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมซึ่งในช่วงเวลานั้น แคทรีน่ามีความรุนแรงเพียงระดับ 1 เท่านั้น

    เหนือความคาดหมาย แคทรีนาได้เคลื่อนตัวลงสู่อ่าวเม็กซิโกสะสมพลังรอบใหม่จนทวีความรุนแรงเป็นเฮอริเคนระดับ 5 ซึ่งมีความเร็วลมสูงสุด 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก่อนจะขึ้นฝั่งที่มลรัฐลุยเซียนาเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม โดยมีความรุนแรงระดับ 4 ขณะเคลื่อนตัวผ่านเมืองนิวออร์ลีนส์ไปทางตะวันออก ผ่านมิสซิสซิปปี เทนเนสซี และต่อเนื่องไปทางเหนือถึงแคนาดา

    แคทรีนาถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ กินบริเวณกว้าง 92,000 ตารางไมล์ ทำลายทรัพย์สิน สิ่งปลูกสร้างและสาธารณูปโภคต่างๆ ของเมืองขนาดใหญ่อย่างนิว ออร์ลีนส์ไปเกือบทั้งหมด สูญเสียชีวิตประชาชนไปมากกว่า 1,800 คนและทำให้ชาวอเมริกันหลายหมื่นครัวเรือนไร้ที่อยู่อาศัยและปราศจากอาหารและสิ่งประทังชีวิตขั้นพื้นฐานเป็นเวลานาน

    วิเคราะห์ในเชิงวิกฤตการณ์ ภัยพิบัติครั้งร้ายแรงนี้มีสาเหตุมาจาก 2 ส่วน โดยส่วนแรกมาจากพลังทำลายล้างของแคทรินา เฮอริเคนระดับ 4-5 ขณะพัดถล่มฝั่ง สาเหตุส่วนที่สองที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีกคือ การพังทลายของเขื่อนกั้นน้ำ ทำให้พื้นที่ต่างๆ กว่า 80% ของนิว ออร์ลีนส์ ซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลจมอยู่ใต้น้ำนับตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม โดยบางแห่งมีระดับน้ำสูงถึง 7 เมตร
    แม้คำสั่งอพยพของทางการได้ช่วยให้ประชาชนกว่า 1 ล้านคนรอดพ้นจากภัยพิบัติ แต่มีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ยังปักหลักอยู่ในบ้านเรือนของตัวเองต้องถูกตัดขาดเป็นเวลานานกว่าความช่วยเหลือจะเข้าไปถึง

    ความเสียหายทางกายภาพและชีวิตประชาชนนำไปสู่การสอบสวนหาข้อเท็จจริง ทั้งที่ดำเนินการโดยรัฐสภาอเมริกันและจากองค์กรต่างๆ อาทิ รายงานเรื่อง A Failure of Initiative : Final Report of the Select Bipartisan Committee to Investigate จัดทำโดยคณะกรรมาธิการร่วม 2 สภาขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องการเตรียมความพร้อมและสนองตอบต่อภัยพิบัติดังกล่าวและรายงานเรื่อง The Federal Response to Hurricane Katrina: Lessons Learned จัดทำโดยฟราน ทาวน์เซนด์ ที่ปรึกษาประธานาธิบดีด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลบู บุช จูเนียร์และรายงานพิเศษรื่อง Hurricane Katrina: A Nation Still Unprepared จัดทำโดยคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและกิจการรัฐบาล วุฒิสภาสหรัฐ

    ในแวดวงสถาบันการศึกษา กรณีภัยพิบัติที่นิว ออร์ลีนส์กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญในเรื่องการสื่อสารความเสี่ยงที่มีการตีพิมพ์และเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ดังปรากฎในบทความวิชาการเรื่อง Risk Communication Failure: A Case Study of New Orleans and Hurricane Katrina วิเคราะห์และเรียบเรียงโดยเทอร์รี ดับเบิลยู โคล ภาควิชาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยอัพพาเลเชียน สเตทและเคลลี แอล เฟลโลว์ส ภาควิชาการสื่อสารศึกษา มหาวิทยาลัยนอร์ธ คาโรไลนา วิลมิงตัน และบทความวิชาการเรื่อง Hurricane Katrina: Risk Communication in Response to a Natural Disaster วิเคราะห์และเรียบเรียงโดย วิลเลียม ไวติง ผู้ช่วยผู้อำนวยฝ่ายธุรกิจและมูลนิธิสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยอาร์คันซอว์

    ผลการศึกษาของฝ่ายภาครัฐสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงระบบในการเตรียมความพร้อมและการสนองตอบต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน ตลอดจนการแสวงหาทางออกในการรับมือกับวิกฤตที่ดีที่สุดของส่วนกลาง
    โดยเฉพาะในรายงานพิเศษของกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิฯ ให้ข้อสรุปว่า มีปัจจัยครอบคลุมและเชื่อมโยงกันอยู่ 4 ประการที่นำไปสู่ความล้มเหลวในกรณีของแคทรีนา ประกอบด้วย 1.การไม่ใส่ใจกับคำเตือนภัยในระยะยาว ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐละเลยหน้าที่ของตัวเองในการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติที่มีการเตือนล่วงหน้ามาก่อนแล้ว 2.เจ้าหน้าที่รัฐไม่ดำเนินการอย่างเพียงพอหรือมีการตัดสินใจที่ไม่ดีในช่วงเวลาก่อนและหลังเฮอริเคนเข้าถล่มพื้นที่แล้ว 3.ระบบซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐนำมาใช้ในการสนับสนุนความพยายามในการรับมือกับภัยพิบัติล้มเหลว และ 4.เจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับชั้นล้มเหลวที่จะแสดงภาวะผู้นำ

    อีก 2 ประเด็นสำคัญจากข้อสรุปของรายงานฉบับนี้ คือ ในช่วงเกิดภัยพิบัติ ซึ่งมีความรุนแรงเกินกว่าที่ทรัพยากรของท้องถิ่นและมลรัฐจะรับมือได้ จนเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติการและการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน บทบาทของรัฐบาลกลางมีความสำคัญมาก แต่จากรายงานของหลายฉบับพบว่า สำนักงานจัดการภาวะฉุกเฉินกลางแห่งสหรัฐ (Federal Emergency Management Agency : FEMA) ใช้เวลานานหลายวันกว่าจะนำทีมเข้าไปยังพื้นที่ประสบภัย อาทิ ใช้เวลา 5 วันกว่าจะเข้าไปในพื้นที่ประสบภัยเมืองเกรทนา รัฐหลุยเซียนา

    ประเด็นถัดมา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลในทุกระดับชั้นไม่สามารถเข้าใจหรือประเมินอานุภาพทำลายล้างของพายุร้ายก่อนที่มันจะเข้าถล่ม ทั้งๆ ที่ได้รับคำแนะนำที่ดีและน่าเชื่อถือมากมายมาแล้ว

    [​IMG]
    เขื่อนกั้นน้ำที่เคยช่วยปกป้องพื้นที่ี่ี่ที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลในเมืองนิว ออร์ลีนส์ ได้พังทะลาย เปิดช่องให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนซ้ำเตือนภัยพิบัตที่เลวร้ายอยู่ให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น ที่มา : http://upload.wikimedia.org/

    จุดบอดสื่อสารความเสี่ยง ต้นรากหายนะนิวออร์ลีนส์

    บทเรียนอีกมิติหนึ่งจากกรณีแคทรีนาคือ ความล้มเหลวในการสื่อสารความเสี่ยงไปยังประชาชนในพื้นที่เป้าหมายก่อนที่แคทรีนาจะเกิด ในบทความวิชาการ Hurricane Katrina: Risk Communication in Response to a Natural Disaster ไวติงค้นพบว่า ในช่วงก่อนเกิดแคทรินา 9 เดือนได้มีการแจกจ่าย National Response Plan ซึ่งเป็นเสมือนแนวทางในการรับมือภัยฉุเฉินทุกรูปแบบ หนา 426 หน้า ครอบคลุมบทเรียนการจัดการกับวิกฤตต่างๆ นำมารวบรวมให้อยู่ในเอกสารฉบับเดียวกันเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิใช้รับมือและจัดการกับวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

    ที่สำคัญ นอกเหนือจากการจัดทำคู่มือรับมือกับวิกฤตฉุกเฉินแล้ว ยังพบว่า ก่อนหน้านี้มีงานวิจัยของผู้เชี่ยวชาญหลายรายได้ข้อสรุปคล้ายๆ กันว่า มีโอกาสที่จะเกิดเฮอริเคนที่มีพลังความรุนแรงสูงและเป้าหมายของภัยพิบัติอยู่ที่นิว ออร์ลีนส์ ประกอบกับในช่วงที่แคทรินาก่อตัว สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติและศูนย์วิจัยเฮอริเคนได้พยากรณ์เส้นทางของพายุและหายนะที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา อย่างไรก็ตาม จากรายงานการสอบสวนของหลายหน่วยงานพบว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินแคทรินาว่า เป็นเพียงมรสุมลูกหนึ่งที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลเท่านั้น

    การประเมินสถานการณ์ที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงนำไปสู่ความล้มเหลวในการสื่อสารความเสี่ยงไปยังประชาชนในพื้นที่ให้รับรู้ถึงวิกฤตการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นและการประเมินภัยคุกคาม เพื่อนำไปสู่การเตรียมความพร้อมในการรับมือและการอพยพ

    เทอร์รี ดับเบิลยู โคล และเคลลี แอล เฟลโลว์ส สรุปบทเรียนความล้มเหลวของการสื่อสารความเสี่ยงในกรณีเฮอริเคน แคทรินาไว้ 4 ประการ ได้แก่ การสื่อสารให้ประชาชนตระหนักหรือใส่ใจกับความเสี่ยงมีน้อยเกินไปและขาดความชัดเจน อาทิ ในช่วงที่แคทรินากำลังเคลื่อนตัวเข้าถล่มนิว ออร์ลีนส์ มีรายงานว่าได้พบรอยปริแตกของเขื่อนกันน้ำ แต่เจ้าหน้าที่จากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิกลับคลางแคลงใจกับรายข่าวเหล่านั้นว่าเป็นจริงหรือไม่ ทำให้ไม่มีการสั่งการให้หน่วยลาดตระเวณชายฝั่งเข้าไปกู้สถานการณ์ก่อนเขื่อนพังและทำให้เกิดน้ำท่วมตามมา

    ประการที่สอง ขาดความเตรียมความพร้อมด้านข้อมูลที่จะสื่อสาร ในกรณีของแคทรีนาพบว่า ไม่มีการเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการประเมินความเป็นไปได้ของเฮอริเคน ตั้งแต่ระดับความเสี่ยงน้อยสุดไปจนถึงกรณีเลวร้ายสุด อยู่ในแผนจัดการภัยพิบัติแต่อย่างใด

    บทเรียนประการที่สาม ข้อมูลที่สื่อสารขาดความน่าเชื่อถือ ในกรณีของแคทรีนาพบว่า การที่ข้อมูลข่าวสารขาดความน่าเชื่อถือส่วนหนึ่งมาจากโฆษกของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชนและขาดการประสานงานกับผู้นำชุมชน ทำให้ประชาชนในพื้นทีที่รัฐบาลต้องการอพยพซึ่งไม่ไว้วางใจอยู่ก่อนแล้ว ไม่ยอมอพยพออกมา

    บทเรียนประการสุดท้าย การสื่อสารความเสี่ยงต้องไม่เลือกปฏิบัติ ในกรณีของแคทรีนาพบปัญหาในเรื่องการเหยียดผิว จนนำไปสู่มุมมองที่ว่า การอพยพจะให้ความสำคัญกับคนรวยผิวขาวมากกว่าเพื่อนบ้านผิวสีที่ยากจน

    สู่บทเรียนประเทศไทย

    บทเรียนจากแคทรีนาเป็นกรณีศึกษาที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องของการสื่อสารความเสี่ยงเช่นปัจจุบัน โดยเฉพาะข้อมูลเท็จจริงที่ประชาชนควรรับทราบ

    ผลสำรวจของสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญที่ชี้ชัดว่า ประชาชนจำนวนเริ่มไม่เชื่อถือข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) อันเป็นหน่วยงานที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแต่งตั้งขึ้นมาเพื่อรับผิดชอบในการช่วยเหลือประชาชนและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนับเป็นสัญญาณเตือนที่เริ่มดังขึ้นแล้ว

    [​IMG]
    ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือศปภ. ภายใต้การนำของ พลตำรวจเอกประชา พรหมนอก ขณะแถลงข่าวสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่า น้ำจะไม่ท่วมกรุงเทพมหานครและจะทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกัน
    ที่มา : http://media.thaigov.go.th/Sitedirectory/471/1779/61333_18991230123523.jpg

    “ภาพรวมประชาชนพอใจการให้ข้อมูลข่าวน้ำท่วมของ ศปภ. เพียงแค่ร้อยละ 3.36 จาก 10 คะแนน และขณะที่มีเพียงร้อยละ 3.08 ที่พอใจระบบการแจ้งเตือนให้ประชาชนได้รับทราบ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80 ขึ้นไป ระบุว่า ข้อมูลที่ได้รับไม่ชัดเจนว่าพื้นที่ของตนจะถูกน้ำท่วมหรือไม่ รวมถึงสับสนกับข้อมูลที่ได้รับจาก ศปภ. ขณะที่มีเพียงแค่ร้อยละ 12.8 ที่เห็นว่าข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับน้ำท่วมของภาครัฐมีความน่าเชื่อถือ”

    ความไม่เชื่อถือข้อมูลของศปภ. ยังนำไปสู่ปรากฏการณ์กระจายข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในโซเชียล มีเดีย อย่าง เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ บล็อกต่างๆ และเว็บพันทิพ ดังตัวอย่างของการเผยแพร่ภาพถ่ายผ่านดาวเทียมแสดงให้เห็นมวลน้ำก้อนใหญ่ 2 ก้อนที่ล้อมรอบกรุงเทพมหานครเอาไว้ ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นภาพถ่ายดาวเทียมที่เผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) หรือ GISTDA หน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

    ข่าวสารข้อมูลที่ไหลผ่านโลกไซเบอร์ยากต่อการควบคุมและคัดกรองย่อมให้ผลตามมาทั้งบวกและลบ ในด้านบวก ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ขาดหายหรือไม่มีการเปิดเผยทำให้สามารถประเมินสถานการณ์และเตรียมความพร้อมในการรับมือได้ดีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในด้านลบ เมื่อยากต่อการควบคุมและคัดกรองก็มีความเสี่ยงในแง่ที่ข้อมูลบางส่วนอาจจะคลาดเคลื่อนหรือเป็นช่องทางแพร่กระจายข่าวลือที่ปราศจากมูลความจริง

    นอกจากนี้ ความสับสนจากการให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกันของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในศปภ. ด้วยกัน และหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งในหลายๆ ครั้งก่อให้เกิดภาวะตื่นตระหนกในหมู่ประชาชน อาจผลักให้ประเทศไทยเดินซ้ำรอยกรณีของแคทรีนาได้ คือ ประชาชนไม่เชื่อถือและไม่ปฏิบัติตามข้อมูลข่าวที่ออกมาจากหน่วยงาน จนทำให้ปัญหาน้ำท่วมบานปลายและรุนแรงเกินกว่าที่ประเมินไว้

    “ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.4 อยากฟังข้อมูลสถานการณ์น้ำท่วมจากกลุ่มคนหรือหน่วยงานที่ทำงานในพื้นที่มากกว่าทีมงานโฆษกของศปภ. และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.1 ต้องการฟังข้อมูลจากคนทำงานที่ศูนย์พักพิงมากกว่าทีมงานโฆษกของศปภ.” ผลสำรวจของเอแบคโพลได้สะท้อนความในใจของประชาชนออกมาอย่างชัดเจน แม้ข้อสรุปที่ได้มาจากกลุ่มตัวอย่างก็ตาม

    ไม่เพียงแค่นี้ การเคลื่อนไหวขององค์การสหประชาชนที่แสดงความกังวลผ่านโนเอลีน เฮย์เซอร์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติประจำเอเชียแปซิฟิกหรือ UNESCAP โดยเฉพาะประเด็นวิกฤตการณ์น้ำท่วมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาจก่อให้วิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมตามมา

    แต่นั่นยังไม่น่าห่วงเท่ากับคำวิจารณ์ของเจอร์รี เวลาสเควซ เจ้าหน้าที่อาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำหน้าทีประสานงานตรงกับศูนย์ยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติของสหประชาชน ที่ระบุว่า ประเทศไทยมีหน่วยงาน 8 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการปัญหาน้ำในประเทศ แต่กลับไม่มีกรอบการดำเนินการที่ครอบคลุมครบถ้วนในการจัดการเรื่องน้ำ ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญและไม่ใช่ปัญหาเฉพาะแค่ไทย แต่เป็นปัญหาที่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในขณะนี้เผชิญอยู่เช่นเดียวกัน

    “ในระยะยาว ไทยจำเป็นต้องจัดทำกรอบการดำเนินการที่ครอบคลุมและครบถ้วน เพื่อจัดการกับภัยพิบัติต่างๆ โดยเฉพาะอุทกภัย” นี่เป็นข้อเสนอแนะของเขาที่ฝากถึงรัฐบาลไทย พัฒนาการเหล่านี้กำลังตีแผ่มุมมองของคนไทยด้วยกันและองค์การระหว่างประเทศต่อการจัดการน้ำท่วมครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของไทย ซึ่งอาจพัฒนาเป็นความเสี่ยงที่มีผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศได้ หากรัฐบาลไม่เร่งแก้ไขสถานการณ์และปรับแนวทางบริหารจัดการวิกฤติให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ที่มา http://thaipublica.org/2011/10/risk-communication-katrina-lessons/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2014
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ต่อไปชุมชนเมืองจะอยู่อาศัยไม่ได้ ไม่ปลอดภัย !!!
    [​IMG]

    ฤษีแปลงสาร สมาชิก

    ชุมชนเมืองจะอยู่อาศัยไม่ได้ ไม่ปลอดภัย คนจนในเมืองกลายเป็นอาชญากรรม คนรวยมีเงินมากมายแต่ไร้ค่า ไม่มีใครยอมขายอาหารให้ ต้องหลบซ่อนตัวในที่พัก ปกป้องทรัพย์สินของตน ชุมชนชนบท ไม่มีข้าวกินเพราะขายข้าวไปหมดแล้ว ได้เงินมาก็ใช้หมดแล้ว ลงทุนเพาะปลูกไปแล้ว ยังไม่ได้ดอกผล อาหารจะรวมกันที่โรงสี และศูนย์อาหารในเมือง การกระจายอาหารที่ไม่ดี ทำให้คนจนก่ออาชญากรรม คนรวยถูกฆ่าง่ายๆ คนดีไม่มีข้าวกิน แม้นแต่น้ำก็ขาดแคลน

    กลยุทธ์การกัน, แก้ และก้าว ในคราวเดียว
    (ก่อนเกิดกันได้, หากเกิดเหตุแก้ได้, ไม่เกิดก็ก้าวหน้าได้)

    ประกาศโครงการ "ชุมชนพอเพียงเพื่ออนาคต" โดยรณรงค์ว่า จะให้ชนบทเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำรายได้เข้าชุมชนโดยตรง ตามโครงการพัฒนาชุมชน เป็นการปิดข่าวสงคราม คนไม่แตกตื่น และการทำแบบนี้คือการเตรียมตัวรับสถานการณ์อย่างแนบเนียน ชุมชนชนบทจะมีเต้นท์สำรอง, น้ำสำรอง, อาหารสำรอง, ที่พักเครื่องกันหนาวสำรอง โดยบอกว่าเตรียมไว้เพื่อรับนักท่องเที่ยวในอนาคต ซึ่งจะทำเงินให้ประเทศ แต่แท้จริงแล้ว เตรียมไว้ช่วยคนเมือง ที่จะหนีภัยสงคราม และซึนามิที่ท่วมเกือบครึ่งประเทศมา เมื่อคนจากเมืองไร้บ้านมาสามารถเปิดบ้านต้อนรับได้ทันที

    เตรียมสังคมเมตตาธรรม โดยการรณรงค์การต้อนรับประทับใจ โดยการให้ไปฝึกความเมตตา, พรหมวิหารสี่ โดยมีศูนย์กลางการฝึกที่วัด มีบุคลากรอาสาสมัครไปสอนงาน เช่น การเตรียมตัวป้องกันและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ได้รับภัย สร้างมาตรฐานความปลอดภัย เป็นต้น ฝึกซ้อมแบบนี้สามารถช่วยคนที่ตกยากมาได้ทันที แต่บอกว่าเป็นการฝึกการบริการที่ดี เพื่อเตรียมเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เราจะปิดไม่ให้เขารู้ตัวว่าเป็นการเตรียมตัวช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเมื่อยามสงครามและน้ำภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ฟื้นฟูวัฒนธรรมควาเมตตาอารีที่ถูกขายไปนาน ให้กลับมาสู่แดนดินไทย

    เตรียมศูนย์กลางชุมชน ได้แก่ ศูนย์กลางเสบียง ซึ่งมียุ้งฉางกลาง เก็บเมล็ดพันธุ์พืช ต่างๆ ทั้งที่กินได้ทันที เช่น พวกถั่ว พวกที่ต้องนำไปเพาะแต่โตเร็ว เช่น ผัก และเมล็ดพันธุ์ข้าว ให้สามารถช่วยเหลือคนทั้งหมู่บ้านได้ นอกจากนี้ยังมีศูนย์กลางปฐมพยาบาล และศูนย์เก็บสมุนไพรประจำตำบล ที่สามารถรองรับการรักษาโรคได้อย่างทันท่วงทีและทั่วถึง ทั้งยังเตรียมบุคคลากรไว้ให้พร้อมด้วย ส่วนศูนย์กลางการสื่อสารนั้นก็จำเป็นเช่นกัน เพื่อประกาศข่าวต่างๆ ให้ความรู้ได้ทันที เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้าย ประชาชนจะรู้ได้ว่าควรทำอย่างไร อย่างไรก็ตาม ศูนย์กลางข่าวสารนี้ ควรคำนึงถึงเวลาขาดไฟฟ้าด้วย

    เตรียมแหล่งน้ำจำนวนมาก ควรพิจารณาแหล่งน้ำสำรองจากใต้ดิน บ่อน้ำบาดาลควรมีจำนวนมาก เพราะจะปลอดภัยจากฝุ่นกำมันตรังสีและอาวุธเชื้อโรคที่อาจแพร่มาทางแม่น้ำโขง ดังนี้ จึงควรรณรงค์ให้แต่ละหย่อมมีบ่อน้ำบาดาลใช้ร่วมกัน กระจายอย่างทั่วถึง น้ำเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะเขตอีสาน หากน้ำทะเลท่วมหนุน น้ำใต้ดินมีเกลือมาก จะขุดกินน้ำบาดาลไม่ได้ แม่น้ำโขงก็มีอาวุธเชื้อโรคแพร่ระบาด แต่เราต้องไม่บอกประชาชนตรงๆ บอกว่าฟื้นฟูวัฒนธรรม บอกว่ารสนิยมฝรั่งเขาชอบมาดูแบบนี้ เป็นเอกลักษณ์ที่ประเทศอื่นไม่มี เราจะทำให้เป็นจุดขาย และใช้กินได้ทันทีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหน้าแล้งหรือหน้าในก็ตาม โดยเราจะสอนการกรองน้ำ, ต้มน้ำ และช่วยกันทำเครื่องกรองแจกให้ทั่ว

    การลงทุนสร้างที่พักอาศัยใหม่จะใช้เวลานาน และไม่ทันการณ์ ต้องใช้ชุมชนเดิมเป็นรากฐาน โดยต้องอาศัยอาสาสมัครทำงานนี้ ให้ครอบคลุมทั่วไทย กระจายทั้งด้านยุทโธปกรณ์, บุคลากร ฯลฯ ซึ่งต้องลาออกจากงานมาทำงานรับใช้ชาติเต็มตัว งานนี้จึงจะสำเร็จได้ (เรื่องนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของคุณฤษี แปลงสาร เท่านั้นนะครับ) หาไม่แล้ว ก็ไม่มีผู้ใดลงมือช่วยเหลือ สังคมไทยถูกทอดทิ้ง คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตายไม่รู้ตัว คนที่รู้มากเห็นแก่ตัวก็ถูกอาชญากรปล้นฆ่าตาย บ้านเมืองไหน ไม่เตรียมสังคมพุทธไว้ บ้านเมืองนั้นเป็นอันต้องล่มสลายสิ้นชาติ

    กลยุทธนี้เดินหมากเกมเดียว ใช้ได้ทั้ง กัน, แก้ และก้าว รับศึกได้ทุกแบบ ทุกทิศ ทุกสถานการณ์ มีสมดุลในตัว เติบโตได้ ยืดหยุ่นได้ พลิกแพลงต่อได้ และเหมาะสมสอดคล้องกับรากฐานความเป็นไทย ทุกประการ ซึ่งหากไม่เกิดอะไรขึ้น ชุมชนไทยจะเข้มแข็งเป็นชุมชนพึ่งพาตนเองได้ทันที พร้อมเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมได้ในอนาคตอย่างพอเพียงอีกด้วย วัฒนธรรมก็ถูกฟื้นฟู ความสามัคคีของคนในชาติก็กลับคืนมา แต่ถ้าเกิดเหตุขึ้นมา จะเป็นแหล่งพึ่งพาอาศัยและอยู่ร่วมกันได้ยามวิกฤติ

    ฤษีแปลงสาร
    02-01-2007, 02:10 PM

    ภัยใดไม่เท่าภัยจากมนุษย์ด้วยกัน ขาดน้ำและอาหารอยู่ได้หลายวัน ขาดอากาศหายใจอยู่ได้ไม่เกินสี่นาที แต่มนุษย์ด้วยกันนี้ฆ่ากันได้ในพริบตาเดียว ขอให้คนดีช่วยเหลือกัน เราเสียสละส่วนตน สองสามปี สร้างชาติใหม่ ไทยพุทธจะครองโลก สามัคคี, เมตตาธรรม, ขันติ, อุเบกขา และปัญญา จะทำให้รอดพ้นภัยพิบัติสู่ยุค "ศรีวิไล" แฮ...

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ประเทศ...ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1431?langid=34
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2014
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในเจดีย์บูโรพุทโธขึ้นไปไว้ทางเหนือของไทย !!!

    [​IMG]

    เด็กผู้ชาย สมาชิก

    ขอบคุณครับ... ผมเองก็พยายามจะใช้ภาษาเขียนให้เหมือนภาษาพูด
    เพื่อให้ความรู้สึกสบายๆ เหมือนเรากำลังนั่งล้อมวงคุยกันอยู่น่ะครับผม..

    ไปครับ.. ไปอินโดนีเซียกัน..

    พี่โดม.. รุ่นพี่วิศวไฟฟ้าห้องข้างๆกัน
    พี่เค้าก็มีครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถืออยู่ทางภาคเหนือ
    และรุ่นพี่ที่มีญาณสมาธิสูงๆ..พบปะพูดคุยเป็นระยะๆ

    ตอนนั้นก็ช่วงต้นปี 55
    พี่โดมเล่าให้ฟังว่า.. อาจารย์ได้อัญเชิญสิ่งศักสิทธิ์ที่อยู่ในเจดีย์บูโรพุทโธขึ้นไปไว้ทางเหนือแล้วนะ !!!

    " อ้าว!!... ทำไมล่ะพี่ ???"....... ผมถาม

    " ก็อีกหน่อยแถวนั้น.. มันจะจมทะเลงัย !!! " ...... พี่โดมตอบกลับมา

    ว่าแล้วพี่โดมก็เล่าให้ฟังต่อ..
    " ทางใต้เราก็เหมือนกัน.. สิ่งศักสิทธิ์ต่างๆทางใต้
    อาจารย์ก็ไปอัญเชิญขึ้นมาเก็บรักษาเอาไว้ที่ทางเหนือแล้วเช่นกัน!!! "

    "พวกรุกขเทวดา.. พวกยักษ์.. พวกคนธรรพ์
    พวกนี้... ก็อพยบขึ้นมากันก็หลายปีแล้วนะ..!!! "

    ไอ้ผมเองนั้น.. โดยส่วนตัวที่เคยได้ศึกษามาบ้าง ก็พอจะเข้าใจอยู่บ้างว่า
    สเกลเวลาของคนแต่ละกลุ่มมันไม่เท่ากัน..!!!

    ดังนั้น.. สเกลเวลาของกลุ่มผู้อพยบเหล่านั้น คงจะเหลือเวลาอีกไม่นานมากเท่าไร
    พื้นที่ที่พวกตนใช้อยู่อาศัยอยู่นั้น ก็จะจมลงทะเลจนแทบไม่เหลืออะไร
    แต่ถ้าเทียบเป็นสเกลเวลาของมนุษย์แล้ว...มันหลายๆปีมากเลยยังไม่เห็นมันเกิดอะไรขึ้นซะที ???

    .... เจดีย์ บูโรพุทโธ ( Borobudur )
    ผมเองจำได้ว่าตั้งอยู่บนเกาะชวากลาง ก็เกาะเดียวกันกับ จากาตาร์ เมืองหลวงของอินโดนีเซียนั่นแหละครับ !!!

    ตอนนั้น.. นั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะทำงานของพี่เค้านี่ computer ก็มี!!
    ว่าแล้ว... ผมก็ชวนให้พี่เค้าเปิด Google map ลองเช็คดูว่าอยู่ที่เกาะชวากลางใช่มั๊ย ???

    ...... ใช่ครับ.. เจดีย์บูโรพุทโะ ตั้งอยู่ที่เกาะชวากลาง

    ว่าแล้วพี่โดมก็ปรับ mode google map ไปที่ตำแหน่ง.. "ภาพจากดาวเทียม"

    ก็ดูภาพมุมสูงของโบราณสถานทางพุทธศาสนาไปเรื่อยๆ..
    ว่าแล้ว.. ก็ Zoom out ออกมาดูเรื่อยๆ..เรื่อยๆ...

    " เอ้ย !!!" ...... พี่โดมอุทานขึ้นมา

    " อะไรเหรอพี่ ??? " ....... ผมถาม

    " ก็ดูซิ!!.... แถวๆรอบๆที่ตั้งบูโรพุโธ มีแต่ภูเขาที่เป็นภูเขาไฟที่ดับไปแล้วทั้งนั้นเลย !!! "

    " ดูซิ!!... เพียบเลย
    ตรงโน้นก็มี... ตรงด้านนี้ก็มี...
    โอ้โห !!!.... เกาะนี้ทำไมมันมีแต่ภูเขาไฟเต็มไปหมด ทั่วทั้งเกาะเยอะขนาดนี้นี่ ??? "

    ...... " ผมเข้าใจแหละ!!.... ที่คนโบราณเขาสร้างเจดีย์บูโรพุทโธขึ้น
    ก็เพื่ออาศัยอำนาจของพุทธคุณ มาสยบพวกภูเขาไฟพวกนี้นั่นเอง..!!! "

    พี่โดม..สรุปจากความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมา..
    ผมเอง.. ฟังพี่เค้าแล้วก็มองเรื่องของเหตุผลและปัจจัยแวดล้อมก็โอเคเลยล่ะครับ..!!!

    เลยเอามาเล่าสู่กันฟังครับ...
    ถ้าคุณได้ลองเปิด google map เข้าไปดูสภาพโดยรอบของ Borobudur..

    คุณคิดว่าอย่างไรล่ะครับ..... ???

    07-01-2014, 10:28 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/บันทึกของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ถึงหลานๆ-เรื่องภัยพิบัติ.311084/page-109
     
  11. หมึกย่าง

    หมึกย่าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +155
  12. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    พอดีผมก็ได้อ่านเจอข่าวนี้ในเฟซบุ๊ค ข่าวนี้อาจจะใช้ภาพทีผ่านการตัดแต่ง
    ลองพิจารณาดูครับว่าจริงหรือปลอม
    [​IMG]
    [​IMG]
    ส่วนเนื้อหาข่าวมีที่เว็บนี้
    The 4th Media » Whale found dead in Chile
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2014
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ดวงเมืองดวงคน 2557 กับ ฟองสนาน จามรจันทร์ !!!

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=fPwsvQZdJnA#t=275]ดวงเมืองดวงคน 2557 กับ ฟองสนาน จามรจันทร์ ThailandOnly 30/12/56 (1/3) - YouTube[/ame]
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=4mXPkHQDUPY]ดวงเมืองดวงคน 2557 กับ ฟองสนาน จามรจันทร์ ThailandOnly 30/12/56 (2/3) - YouTube[/ame]
    เผยแพร่เมื่อ 30 ธ.ค. 2013​
     
  14. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    ขออาราธนาพระบารมี แห่งองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระโพธิสัตว์เจ้าทุกๆพระองค์ พระอรหันตเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยเจ้าทั้งหลาย เทพเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ขอบารมีแห่งองค์สมเด็จพระพุทธเจ้า พระกกุสันโธพุทธเจ้า พระโกนาคมพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า พระโคตมพุทธเจ้า พระศรีอาริยเมตไตรย์

    ขอบารมีแห่งองค์พระอรหันตสาวก พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระมหากัสสป พระอานนท์ พระอนุรุทธ พระมหากัจจายนะ พระอุบาลี พระราหุล พระอุปคุต พระนาคเสน พระครูเทพโลกอุดร หลวงปู่ทวด หลวงปู่โต หลวงปู่มั่น หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤษีลิงดำ หลวงปู่ศุข ครูบาศรีวิชัย หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ขาว หลวงปู่สิงห์ หลวงปู่แหวน หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่เหรียญ หลวงปู่สิม หลวงปู่หลุย หลวงพ่อชา หลวงพ่อพุธ หลวงพ่อสด หลวงตามหาบัว

    ขอบารมีองค์พระแก้วมรกต พระพุทธชินราช พระพุทธสิหิงค์ หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดไร่ขิง หลวงพ่อวัดเขาตะเครา หลวงพ่อวัดบ้านแหลม พระแก้วเชียงแสน พระเจ้าเก้าตื้อวัดสวนดอก พระเจ้าทองทิพย์ พระเจ้าทันใจ พระพุทธตรีโลกเชษฐ์วัดสุทัศนเทพวราราม พระพุทธไตรรัตนนายกวัดพนัญเชิง พระพุทธไตรรัตนนายกวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร พระพุทธเทวปฏิมากรวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พระพุทธธรรมมิศราชโลกธาตุดิลกวัดอรุณราชวราราม พระศรีศากยมุนีวัดสุทัศนเทพวราราม พระศรีศาสดาวัดบวรนิเวศวิหาร พระสิทธารถวัดพิชัยญาติการาม พระร่วงโรจนฤทธิ์วัดพระปฐมเจดีย์ พระพุทธอังคีรสวัดราชบพิธ

    โปรดช่วยดลบันดาล ให้เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง มีความยุติ สงบสุข ให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ให้ประเทศชาติมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่างแท้จริง อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ยึดมั่นในระบบรัฐสภา การตัดสินพิพากษาคดีความเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ยึดในตามหลักตัวบทกฏหมาย ประเทศชาติมีการพัฒนาเจริญก้าวหน้า

    ขอให้พระภูมิเจ้าที่ เจ้ากรุงพาลี นางพระธรณี นางพระคงคา พญามัจจุราช นายนิติยบาล ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ พระสยามเทวาธิราช วีรกษัตริย์ไทยทุก ๆ พระองค์ จงปกป้องคุ้มครอง มวลมนุษย์แห่งประเทศสยามของเรา ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งหลาย ผลร้ายที่จะเกิดแก่ประเทศไทย จงกลายเป็นผลดี ขอให้ผู้ไม่ปรารถนาดี ต่อประเทศชาติ ต่อพระพุทธศาสนา ต่อพระมหากษัตริย์ คิดแย่งชิงความเป็นใหญ่ในแผ่นดิน จงมีสติ มีธรรมะ พิจารณาอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ เพื่อให้บังเกิดสันติสุขและสันติภาพอันแท้จริงในประเทศไทย และในโลกมนุษย์

    อนึ่ง ด้วยบารมี แห่งพระเจ้าเบื้องบนทุกๆ พระองค์ ท่านผู้สำเร็จทั้งหลาย และด้วยพลังแห่งธรรมะ การปฏิบัติบูชา บำเพ็ญจิตภาวนาของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงเป็นพลังแห่งความบริสุทธิ์ แปรสภาพพลังแห่งอภิญญาฝ่ายดำ พลังแห่งมหันตภัย ภัยพิบัติทางธรรมชาติ จงบรรเทาและยุติไปในที่สุด ขอให้เกิดพลังแห่งสันติสุข และสันติภาพอันถาวร ในประเทศไทย และในโลกมนุษย์ ตลอดไปด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  15. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยค่ะ ที่เข้ามาสื่อสาร ด้วยความหวังดี กับเพื่อนร่วมชาติร่วมโลกทุกๆคน ไม่ได้เข้ามาซะนานค่ะ ขอสวัสดีคุณเกษมด้วยค่ะที่ยังทำหน้าที่อยู่อย่างต่อเนื่อง ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ ตอนนี้ประเทศของเราก็ยุ่งวุ่นวาย ไม่รู้จะออกหัวออกก้อยอย่างไร เราเองเป็นคนไทย เป็นคนทำมาหากินคนนึง ที่หาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวอย่างสุจริตจะได้น้อยหน่อยก็ไม่เป็นไร เป็นห่วงประเทศชาติเหมือนกัน อยากให้ทุกฝ่ายเห็นแก่ชาติบ้านเมืองจริงๆ อยากเห็นคนไทยรักกันสามัคคีกันมากกว่า อยากให้ประเทศเจริญก้าวหน้า มาช่วยกันพัฒนาประเทศกันเถอะค่ะ ประเทศเราบอบช้ำมามากพอแล้ว เมื่อไหร่จะได้สงบสุข จะได้เจริญกับเขาสักที เห็นแก่เด็กๆลูกหลานตาดำๆด้วย ต่างฝ่ายต่างอ้างประชาชน(ขอให้จริง) ต่างฝ่ายก็อ้างว่าตัวเองถูกต้อง ไม่ว่าฝ่ายใดจะชนะ ขอร้องให้เห็นชาติบ้านเมืองเป็นหลัก ไม่รู้เป็นเวรกรรมอะไรของประเทศไทยนะคะ เมื่อไหร่จะได้คนเก่งคนดีมาปกครองประเทศซักทีก็ไม่รู้
     
  16. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    พอได้ฟังแล้วขนลุกมากๆค่ะ :cool:
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ชาวอิเหนาอย่างน้อย 25,000 ชีวิต หนีตายจ้าละหวั่นหลังจาก “ภูเขาไฟซินาบัง” เกิดระเบิดขึ้นหลายระลอก

    [​IMG]

    เอเอฟพี - ชาวอินโดนีเซียจำนวนอย่างน้อย 25,000 ราย ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยหลังจากภูเขาไฟซินาบัง ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ได้เกิดปะทุขึ้นมาหลายรอบและพ่นลาวาร้อนออกมา เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียเผยในวันนี้ (12)

    ภูเขาไฟซินาบังที่อยู่บนเกาะสุมาตราทางตะวันตกของอินโดนีเซียได้พ่นลาวา ที่เป็นหินร้อนและเถ้าถ่านออกมาไกลถึง 5 กม.หลายครั้งในวันเสาร์ (11) ไตร บูดิอาร์โต ผู้อำนวยการหน่วยจัดการภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซีย เผยกับเอเอฟพี

    “ในขณะนี้มียอดชาวอินโดนีเซียจำนวน 25,516 คน ได้อพยพออกไปจากบ้านเรือนแล้ว ไม่มีใครอยู่ภายในรัศมี 5 กม.ห่างจากภูเขาไฟซินาบัง นอกจากนี้ทางอินโดนีเซียยังได้กระตุ้นให้ชาวเมืองที่อยู่ภายในรัศมี 7 กม.ทางตะวันออกเฉียงใต้ห่างภูเขาไฟซินาบังให้อพยพออกไปด้วย” บูดิอาร์โตเผยต่อ

    ลาวาร้อนที่ไหลออกมาจากภูเขาไฟเมื่อ2สัปดาห์ก่อนหน้านั้นได้ไหลลงสู่แม่น้ำ และกรวดและเถ้าภูเขาไฟ หรือ Pyroclassic ได้ไหลลงมาท่วนหุบเขา บูดิอาร์โตเสริม

    “ซึ่งมีการระเบิดเล็กน้อยในครั้งที่ 2 ในขณะที่ลาวาได้ไหลลงมาผสมกับน้ำ และที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับแจงถึงผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด นอกจากนี้ทางหน่วยงานได้ประกาศเตือนไม่ให้ใครเข้าใกล้แหล่งน้ำที่เกิดเหตุ”

    ภูเขาไฟซินาบังถือเป็นหนึ่งในภูเขาไฟจำนวน 129 ลูกที่ยังคงคุกกรุ่นอยู่ในอินโดนีเซีย และตั้งอยู่บน “วงแหวนแห่งไฟ” ซึ่งภูเขาไฟลูกนี้ได้นอนหลับมาเป็นเวลา 400 ปีแล้วจนกระทั่งได้เกิดระเบิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2010 และปะทุซ้ำอีกครั้งในเดือนกันยายน ปีที่ผ่านมา

    นอกจากนี้ ในเดือนสิงหาคม 2013 มีชาวอินโดนีเซียจำนวน 5 รายต้องจบชีวิต และทำให้มีผู้อพยพอีกหลายร้อยคนเมื่อภูเขาไฟบนเกาะเล็กๆ ในจังหวัดนูซา เต็งการาได้เกิดระเบิดขึ้น

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มกราคม 2557 11:47 น.

    ที่มา www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000003965

    “ไฟป่า” ในเมืองเพิร์ทเผาบ้านเรือนวอดแล้ว 40 หลัง-ลุงออสซี่ดับ 1 ศพ

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ – ไฟป่าซึ่งปะทุขึ้นที่เมืองเพิร์ทในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ลุกลามเผาบ้านเรือนประชาชนวอดไปแล้วอย่างน้อย 40 หลัง และมีรายงานผู้เสียชีวิต 1 คน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายงานวันนี้(13)

    ต้นเหตุของไฟคาดว่าเกิดจากเสาไฟฟ้าต้นหนึ่งที่ล้มลงในป่าชานเมืองเพิร์ทเมื่อวานนี้(12) โดยไฟที่ถูกโหมกระพือด้วยกระแสลมร้อนได้ลุกโชติช่วงสูงเกือบ 20 เมตร และลามไปติดตามบ้านเรือนในละแวกดังกล่าว

    “ขณะนี้ยืนยันได้ว่ามีบ้านเรือนถูกเผาไปแล้วราวๆ 40 หลัง แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก หลังจากที่เราได้ประเมินสถานการณ์ตลอดทั้งวันนี้” สำนักงานบริการอัคคีภัยและเหตุฉุกเฉินออสเตรเลีย ระบุในถ้อยแถลง

    สื่อท้องถิ่นรายงานจำนวนบ้านเรือนที่เสียหาย 44 หลัง โดย 40 หลังอยู่ในเมืองสโตนวิลล์ และอีก 4 หลังในเมืองปาร์กเกอร์วิลล์ ทว่าเจ้าหน้าที่ยังไม่ยืนยันตัวเลขดังกล่าว

    หน่วยรถพยาบาลระบุว่า พบชายวัย 62 ปีเสียชีวิตอยู่บนหลังคาบ้าน ขณะพยายามป้องกันบ้านจากไฟป่าที่กำลังลุกลามมาถึง

    ประชาชนหลายร้อยคนต้องละทิ้งบ้านเรือนไปอาศัยอยู่ตามศูนย์พักพิงชั่วคราว และกำลังรอฟังสถานการณ์อย่างใจจดใจจ่อในวันนี้(13) บางคนยอมรับว่ามีเวลาเก็บข้าวของหนีไฟเพียงไม่กี่วินาที

    นักผจญเพลิง 275 นายถูกส่งเข้าไปควบคุมไฟป่าที่เวลานี้เผาผลาญพื้นที่ป่าไปแล้วราวๆ 650 เฮกตาร์ โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าสามารถสกัดกั้นเพลิงได้แล้วบางส่วน แต่ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด พร้อมเตือนว่าความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอาจจะเพิ่มขึ้นในกรณีที่สถานการณ์พลิกผัน

    “หากท่านไม่ได้อยู่ที่บ้าน กรุณาอย่ากลับเข้าไปเด็ดขาด เพราะสถานการณ์ในพื้นที่ค่อนข้างอันตรายมาก” สำนักงานดับเพลิงแถลง

    เพิร์ทซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียเผชิญอากาศที่ร้อนจัดถึง 44 องศาเซลเซียสในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่คลื่นความร้อนกำลังมุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันออกของทวีป และคาดว่าอุณหภูมิที่เมืองแอดิเลดและเมลเบิร์นอาจจะพุ่งสูงถึง 40 องศาเซลเซียสในสัปดาห์นี้

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 มกราคม 2557 10:18 น.

    ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000004253

    “เกาหลีใต้” ตกลงจ่าย “สหรัฐฯ” 866.6 ล้านดอลลาร์ - รักษาฐานทัพมะกันไว้ต่อกรกับเกาหลีเหนือ

    [​IMG]

    เอเอฟพี - เกาหลีใต้เผยในวันนี้ (12) ว่า ได้ทำข้อตกลงจ่ายสหรัฐฯจำนวน 866.6 ล้านดอลลาร์ในปี 2014 เพื่อรักษาฐานทัพสหรัฐฯให้ยังอยู่ในเกาหลีใต้ในการช่วยป้องกันการรุกรานจากเกาหลีเหนือ

    หลังจากที่ได้มีการเจรจามาเป็นเวลาหลายเดือนกับทางวอชิงตัน ในวันนี้ (12) ได้ประกาศถึงจำนวนเงินราว 920 ล้านวอน หรือ 866.6 ล้านดอลลาร์ให้กับสหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่า 5.8% จากในปีที่ผ่านมา ทั้งเกาหลีใต้และสหรัฐฯได้ตกลงเพิ่มสูงสุดในจำนวน 4% ต่อปีจนกระทั่งถึงปี 2018 โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ โช แตยังแถลง

    ทั้งเกาหลีใต้และสหรัฐฯได้ร่วมกันแบ่งภาระในค่าใช้จ่ายการยังคงทหารสหรัฐฯไว้ในเกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 1991 ซึ่งปัจจุบันนี้มีทหารสหรัฐฯประจำอยู่ในเกาหลีใต้ประมาณ 28,000 คน ที่เป็นผลมาจากสงครามเกาหลีในปี 1950-1953 ซึ่งข้อตกลงที่เป็นครั้งที่ 9 ตั้งแต่ปี 1991 นั้นต้องได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภาเกาหลีใต้ต่อไป

    “เราพยายามที่จะหาข้อสรุปที่เหตุผลเพื่อโน้มน้าวประชาชนเกาหลีใต้และสมาชิกรัฐสภาเกาหลีในขณะที่ต้องรับผิดชอบถึงตัวเลขภาระทางการคลังที่มีมาก ตลอดจนถึงเสถียรภาพการคงอยู่ของกองทัพสหรัฐฯ” โชแถลงต่อ

    ข้อตกลงในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเกาหลีเหนือได้เล็งถึงความเป็นไปได้ในการยั่วยุทางทหารของคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือหลังจากการประหารของ จาง ซอง แท็ก วัย 67 ลุงของผู้นำเกาหลีเหนือ

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มกราคม 2557 15:12 น.

    ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000004033
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2014
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อธิบายความเรื่องโลกหนาวจัดผิดปกติ !!!

    [​IMG]

    <<นักเรียนที่รัก ยุวจิตทุกคน>>

    1.ที่ฝรั่งเรียกว่าลมเจ็ทสตรีม(Jet Stream) แท้แล้วเป็นพายุแม่เหล็กที่เกิดจากการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองของโลก ไม่ใช่ลมอย่างที่เขาเดาเอา ซึ่งมันจะมีลักษณะหมุนวนรอบๆแกนหมุนรอบตัวเองของโลก บริเวณหนือบรรยากาศของขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้อย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลามานานแล้ว มีลักษณะเหมือน "ปากแตร" หงายขึ้นสู่ท้องฟ้า

    เธอจะสังเกตว่ามีคลื่นพลังงานนี้อยู่แถบๆขั้วโลกจริง ได้จาก การเห็นมายาที่เป็นลำแสงออโรร่า อันเกิดจากพลังเย็นที่แผ่ผ่านเข้ามาจากดาวศุกร์และดวงจันทร์โดยการขับเคลื่อนของคลื่นวิทยุจากดวงอาทิตย์ (Radio Activity Ray) จากจุดดับหรือจุดระเบิดบนดวงอาทิตย์ ซึ่งมันจะม 6 จุดในภาวะปกติเสมอ เมื่อพลังเย็นจากดวงอาทิตย์ที่ว่านี้ถูกขับเคลื่อนเข้ามากระทบกับพายุแม่เหล็กขั้วโลกเหนือใต้เข้า หากพลังเย็นมีมากกว่า การปฏิสัมพันธ์ (การผสมผสานกันทางพลังงานแม่เหล็กทั้งสองชนิด) ก็จะก่อให้เกิดมายาเป็นลำแสงออโรร่าสวยๆงามๆให้เธอเห็นเสมอ นี่เป็นพลังงานความรักที่สมดุล ที่ปกติแล้วชาวโลกจักต้องแลเห็นได้ประจำ มิใช่นานๆแลเห็นทีหนึ่งหรอกนะ

    2.ที่ผ่านมาจนถึงปี 2014 นี้ เราบอกพวกเธอแล้วว่าดาวเคราะห์โลกเสียสมดุลไปในทางต่ำลงอย่างรวดเร็วน่าใจหาย เพราะมนุษย์โลกโดยรวมมีจิตสำนึกตกต่ำไปสู่ความเป็นสัตว์โลกที่ไร้จิตสำนึกทั้งหลายมากขึ้นทุกที พฤติกรรมที่แสดงออกต่อกันส่วนใหญ่จะคล้ายๆสัญชาติญาณของสัตว์เข้าไปทุกที ดาวเคราะห์โลกจึงเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองในอัตราช้าลงและไม่คงที่ ยังผลให้แกนโลกแกว่ง ความเข้มสนามแม่เหล็กโลกวิปริตแปรปรวน จนยังผลให้สนามพลังงานหมุนวนบริเวณเหนือขั้วโลกทั้งสองด้านอ่อนแอตามไปด้วย

    3.ขณะที่พระบิดาโดยพี่ๆช่างเท็คนิก ท่านได้กระทำให้เกิดจุดดับหรือจุดระเบิดบนดวงอาทิตย์แต่เดิม 6 จุด ระเบิดถี่ขึ้นซ้ำๆกัน และมีจุดดับที่เกิดใหม่สร้างใหม่เพิ่มจากเดิมและขยันระเบิดมาขึ้นเรื่อยๆ นอกจากคลื่นพลังร้อนจะถูกส่งมายังโลกเพ่ิมขึ้นแล้ว พายุสุริยะนี้ก็จะหอบหุ้มอุ้มชูเอาพลังงานความเย็นจากดาวศุกร์พุ่งตรงมาฝากดาวโลกและมนุษย์ทั้งหลายด้วยในปริมาณเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

    4.เมื่อพลังงานความเย็นที่เข้มข้นถูกส่งเข้ามาในระบบโลกมากกว่าปกติ ซึ่งฝรั่งเรียกว่า Polar Vortex เช้ามากระทบกับคลื่นพลังงานที่หมุนวนเป็นรูปปากแตรหงายขึ้นฟ้า ที่พวกเธอเรียกว่า "ลมเจ็ทสตรีม" ที่มันกำลังอ่อนแอลง มันจะยังผลให้ปากแตรบานออกเพราะถูกกดดันจนเหมือนดอกทานตะวันที่บานจนแบนตะแล๊ดแต๊ดแต๋....คลื่นพลังงานเย็นที่มากกว่าปกติหรือเสียสมดุลที่ลดตัวต่ำลงมานี้ จะมีลักษณะเสมือนตกท้องช้าง พอตกต่ำลงมาเจอกับสนามพลังงานแม่เหล็กโลกที่ห่อหุ้มโลกไว้ในลักษณะของการเต้นยกตัวขึ้นลง ในลักษณะคล้ายการพองยุบของปอดเมื่อกำลังหายใจเข้าออก หรือลักษณะการเต้นตุบๆขึ้นลงของก้อนหัวใจของพวกเธอนั่นแหละ

    โครงข่ายสนามแม่เหล็กที่ว่านี้ก็ดันอ่อนแอไม่แข็งแรงเข้าให้อีก เพราะจิตสำนึกมนุษย์ต่ำทรามลงเป็นเหตุนี่แหละ เนื่องจากรักกันไม่ได้ ให้กันไม่เป็น ก่อแต่กรรมด้านลบตามอำนาจกิเลส ตัณหา ราคะ และอุปาทานหนักหนามากขึ้นเนี่ยแหละ มันจึงต้องยอมให้คลื่นพลังเย็นที่หนาแน่นกว่าและแข็งแรงกว่า พุ่งผ่านเข้ามาในระดับแม็กนิโตสเฟียร์ และต่ำลงมาในระดับเมฆที่จะมีอิทธิพลในการสร้างภาวะที่เรียกว่า "ยุคน้ำแข็งใหม่" ชั่วคราว ภายใน 1-10ปีที่กำลังชำระโลกนี้ได้ อย่างที่มนุษย์จะต้องระทึกกันอีกเป็นครั้งที่ 4 ตั้งแต่โลกนี้มีมนุษย์มาเกิดล่ะ.....

    หมายเหตุ:
    เราเผยความลับเรื่อง "แตรทั้งเจ็ด" ที่คุณสมกิจ รวยเต็มหัตถ์ ถามไว้นานมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ลี้ลับไปสักหน่อย วันนี้เรามาเฉลยให้ตามที่ มรุต ถามมา เรื่อง "ปากแตรหงาย" บริเวณขั้วโลกเหนือใต้ในแนวอภิปรัชญา (Meta Physics) ให้พวกเธอได้เรียนรู้กันอีกรอบ จะได้รู้ที่มาที่ไปกันชัดๆ ไม่ต้องดูแล้วเดาแบบฝรั่งเขาอีก...ไทยเราโดยชาวจิตจักรวาลเลือกจะเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของมนุษย์ยุคพลังงานใหม่กันแล้วมิใช่หรือ?

    ทั้งหมดคือสาส์นจากเราที่เคยกล่าวเรื่อง "แตรทั้งเจ็ด" เอาไว้ในนามของศาสนาคริสต์ว่า ปฏิบัติการชำระโลกจะมีเทพหรือช่างเท็คนิก เป่าแตรดังขึ้นจนครบ 7 ครั้งเมื่อไหร่...คาบสุดท้าย 56 วัน 8 ราตรีจะมาเยือนทันที พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย

    โลกดวงนี้มันจะกระจายหนาว ไปทั่วทุกที่ ไม่สนว่าจะเป็นเขตร้อน เขตแล้ง หรือว่าเขตหนาวแต่เดิมก็ตาม เพราะโลกแกว่งหรือส่าย และพลังงานเย็นตกท้องช้างลงมาต่ำมากเรื่อยๆแล้ว....นี่ยังไม่นับพายุแม่เหล็กที่จะก่อให้เกิดพายุหมุน อุทกภัยแรงๆ และแผ่นดินไหว แผ่นดินยุบแยก และโลกรั่วอีกนะ เราจะอธิบายเบื้องหลังให้เรียนรู้ในครั้งต่อๆไป

    ป.วิสุทธิปัญญา
    8-01-2014

    ที่มา http://palungjit.org/threads/การันตีว่า-ภัยพิบัติจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ-ครับ.504300/page-4
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ปี 2014 มหาวิกฤติเศรษฐกิจโลก ?

    [​IMG]

    โสรัจจะ ทำนายดวงเมืองปี 2557 ตอนหนึ่งว่า เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม ดาวอังคาร ดาวเสาร์ และราหูเดินเกาะกุมกันเล็งลัคนาประเทศ เช่นนี้ด้วยเป็นตัวเร่งเร้า ผลก็คือทำให้ประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลง มีการเรียกร้องประชาธิปไตย มีการจลาจลและเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ยังจะมีการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงอยู่ต่อไปตราบเท่าที่ดาวเดิน ใครมีอำนาจวาสนาอย่าดูถูกพลังประชาชน อย่าอวดอำนาจหรืออวดมีกำลัง ด้วยว่าอำนาจวาสนานั้นเมื่อมีโอกาสรุ่งโรจน์ก็ดีอยู่ แต่บทดวงชะตาทุกอย่างก็จะหกคะเมนเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

    "ผลของการโคจรของดวงดาวในภาวะวิสมคติกาลเช่นนี้ บ่งว่าบ้านเมืองยังคงอยู่ในระยะหน้าสิ่วหน้าขวานคับขัน และมีความแตกแยก ความยากแค้น ความไม่กลมเกลียวกันระหว่างพรรค หมู่คณะ และบุคคลในทุกสาขาอาชีพ วงการสงฆ์ไม่สู้ดีนัก มีเรื่องมัวหมอง บุคคลสำคัญจะเจ็บป่วย ขุนนางกังฉินหรือฝ่ายอันเป็นปรปักษ์กับบ้านเมืองจะกำเริบเสิบสาน ไทยจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกับเพื่อนบ้านและจะได้รับความเดือดร้อนจากประเทศใกล้เคียงที่เป็นหอกข้างแคร่ที่แสนขื่นขม"

    และยังระบุอีกว่า ปี 2557 เป็นปีสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทยแลนด์อีกปีหนึ่ง ที่ต้องเกิดการนองเลือดคนไทยรบราฆ่าฟันกันเอง เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ประชาชนปิดบ้าน ปิดร้านค้า นำอาวุธปืนออกมายิงกันพร้อมปาระเบิดชนิดรุนแรงเข้าหากัน เผาสถานที่สำคัญทางราชการ กับเผารถ เผาบ้านเมืองยับเยิน

    "พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีปัญหาใหญ่ การต่อสู้จะทวีความรุนแรงเป็นสงครามขนาดใหญ่ จะมีคนเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก อาจต้องสหประชาชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง

    "ในเรื่องเศรษฐกิจเกิดภาวะเงินเฟ้อและปัญหาทางเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันปิโตรเลียมถีบตัวสูงอย่างรวดเร็ว ภาวะเศรษฐกิจโลกชะงัก

    ชี้ชัดจะมีความขัดแย้งทางการเมืองที่นำไปสู่การจลาจลต่อสู้บาดเจ็บเสียชีวิต เศรษฐกิจเมืองไทยเข้าขั้นวิกฤต ภัยพิบัติทางธรรมชาติโดยเฉพาะแผ่นดินไหว พายุ และน้ำท่วมใหญ่ จะสร้างหายนะได้อีก"

    และ "ดวงโลก" ในอีกตอนหนึ่งว่า...

    "ส่วนดวงโลก ปี 2014 ประเทศสหรัฐอเมริกาจะอยู่ในช่วงวิกฤต เศรษฐกิจทรุดตัว เกิดสงครามในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ประเทศพม่าอาจเกิดเหตุสู้รบฆ่าฟันในประเทศ ประเทศฟิลิปปินส์อาจเกิดกลุ่มก่อการรัฐประหาร ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศแถบยุโรปจะมีอุบัติเหตุทางเครื่องบินครั้งใหญ่ สงครามนิวเคลียร์ที่จะเขม็งเกลียวให้เกิดสงครามครั้งที่ 3 มีเชื้อไฟปะทุได้อยู่เสมอ"

    ที่มา ศาสตร์แห่งโหร 2557 ทำนายปี′มะเมีย′ รู้ทัน′ดวงตน- ดวงเมือง-ดวงโลก′ : มติชนออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    นิมิตเห็นน้ำท่วม ๑.๓๐ เมตร ที่งามวงค์วาน !!!

    [​IMG]

    ๑๓ ม.ค. ๕๗

    เช้าออกจากบ้านเพื่อไปเปิดร้านค้า หลังสะพายเป้มีสายผูกคาดอกไว้ เมื่อเดินผ่านรถกระบะที่จอดอยู่ริมทางข้างถนน ก็เดินเข้าไปวัดความสูงของประตูรถได้ ๑.๓๐ เมตร จากนั้นเดินผ่านตลาดก็บอกกับคนขายอาหารมังสวิรัตและแนวร่วมดอนเมืองว่า ถ้าน้ำเที่ยวนี้มาจะอยู่ประมาณ ๑.๓๐ เมตรและจะมาเร็ว

    ที่มา... เช้านี้ได้นิมิตเห็นตัวเองขับรถกระบะอยู่ปากซอย ชินเขต ถนนงามวงศ์วาน ทันใดนั้นรถได้ขับฝ่าก้อนน้ำที่ไหลสวนมาเห็นความสูงของน้ำท่วมเลยประตูรถกระบะ

    มหาประชาบดี ๙๗

    เมื่อคืนได้จ่ายเงินค่าตู้คอนเทนเนอร์ให้กับลูกเขย ๑๑๓,๐๐๐ บาท( ราคารวมแอร์หนึ่งชุด) ตู้กว้างยาว ๓ คูณ ๖ เมตรสูง ๒.๒๐ เมตร มองดูด้วยสายตานอนได้ประมาณ ๖ ถึง ๘ คน ได้พาหลานสาวไปดูที่เคยไปถามจากราคาเมื่อปีที่ผ่านมา ๑๕๐,๐๐๐ บาท ปีนี้ ๑๘๕,๐๐๐ บาท (ไม่รวมแอร์)

    ตู้ที่ได้ซื้อไว้ยังวางอยู่ที่ท่าทรายปทุม ลูกเขยบอกขอเวลาหนึ่งสัปดาห์จะย้ายมาที่ๆดินที่กำลังปลูกสร้างสำนักงานของลูกเขยเอง เมื่อย้ายมาก็จะทำการต่อเติมเหล็กดัด มุ้งลวดต่อไป

    จากภาพสัญญาณน้ำท่วมอย่างฉับพลัน คงต้องบอกลูกเขยขอวางตู้ไว้ที่เดิมเพราะมีแทนปูนวางสูงกว่าเมตร และจะรีบทำการต่อเติม ณ.ที่ตรงนั้นแล้วย้ายขึ้นฐานผาแบ่นเลย

    เคอิสรา

    ที่มา แจ้งข่าวเตือนภัยทางอีเมล์จากคุณ k_97
     

แชร์หน้านี้

Loading...