ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

Bleakest climate report approved <!-- END HEADLINE -->
<!-- BEGIN STORY BODY -->By SETH BORENSTEIN, AP Science Writer 2 minutes ago 7/4/2007




BRUSSELS, Belgium - As the world gets hotter by degrees, millions of poor people will suffer from hunger, thirst, floods and disease unless drastic action is taken, scientists and diplomats warned Friday in their bleakest report ever on global warming.
All regions of the world will change, with the risk that nearly a third of the Earth's species will vanish if global temperatures rise just 3.6 degrees above the average temperature in the 1980s-90s, the new climate report says. Areas that now have too little rain will become drier.

Copyright ฉ 2007 The Associated Press. All rights reserved

 

ติดตาม....การเมือง

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD height=5></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>​

นับจากนี้เป็นต้นไปขอให้ทุกคนทุกฝ่ายและทุกหน่วยงาน เกาะติดสถานการณ์การเมืองให้ดี เพราะดีกรีความร้อนแรงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป ยิ่งถ้าหมดงานกาชาดไปแล้ว อุณหภูมิความร้อนแรงจะยิ่งขยายวงกว้างออกไป แต่โชคดีที่มีวันสงกรานต์มาคั่นเอาไว้ จึงทำให้ในช่วงดังกล่าวเบาบางลงได้ระยะหนึ่ง แต่การรวมตัวครั้งใหญ่ของฝูงชน จากหลายจังหวัดจะเริ่มขึ้นหลังสงกรานต์ และมีสิทธิ์ที่จะอยู่ยาว นับว่าน่าเป็นห่วงเพราะยิ่งนานเดือนประชาชนจะยิ่งมาชุมนุมมากขึ้น-มากขึ้น ในระยะเดือน เม.ย.-พ.ค.

หากผู้ชุมนุมอยู่ในกรอบในกติกาของหัวหน้าฝ่ายจัดการ ประสานนำคนมาชุมนุมพอถึงเวลา 22.30 น.หรือ 23.00 น. แล้วก็หยุดก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น แต่หากว่าการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงยังไม่มันส์สะใจ และมีการปลุกระดมคนมาที่ถนนราชดำเนิน หรือจะมีเป้าหมายที่ลานพระบรมรูปทรงม้าก็น่าจะเป็นเดือนพฤษาคมตอนปลายๆ ถึงเดือนมิถุนายนติดต่อถึงเดือนกรกฎาคม อันนี้น่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก เพราะถึงตอนนั้นผู้คนเรือนหมื่นเรือนแสนคงต้องมี และกำลังตำรวจคงไม่สามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ได้ เพราะอารมณ์ของผู้ที่มาร่วมชุมนุมส่วนมาก จะเป็น หมูไม่กลัวน้ำร้อนแล้ว

การยั่วยุ-การกระทบกระทั่งจะแรงขึ้น (ตามแผน) ขอให้เจ้าหน้าที่ๆ เกี่ยวข้องทบทวนและตรึกตรองให้ดี ในขณะเดียวกันก็อยากจะขอร้องให้พี่น้องประชาชน ทุกคนทุกฝ่ายใฝ่หาสันติวิธี เพราะบ้านเมืองในขณะนี้ ต้องการความสามัคคี แต่! คิดว่าคงจะยากหากเงินยังมี-บารมียังอยู่-นับว่าน่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก เพราะเขาคนนั้นจำเป็นต้องดิ้นสู้ทุกวิถีทางตามธรรมชาติ และหากชุมนุมยืดเยื้อนับว่าไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่ายโดยเฉพาะนักการเมือง ในระยะแรกๆนี้คิดว่าทาง ค.ม.ช. ยังคงนิ่งเพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้าม

 

โหร โสรัจจะ ก็ได้ทำนายไปในทำนองเดียวกัน
โดยเฉพาะช่วงหลังสงกรานต์ ไปจนสิ้นเดือน
ต้องระมัดระวังให้มาก

ไม่จำเป็นอย่าเข้าไปข้องแวะกับกลุ่มชนคนหมู่มาก
เพราะอันตรายสุดๆ

เศรษฐกิจ ของประเทศ จะเป็นอย่างไร คงไม่ต้องเดา

 

ทุกคนอย่าตั้งอยู่บนความประมาท ระวังให้มากๆโดยเฉพาะช่วงนี้
น้ำร้อนเริ่มมีฟองปุดๆ รอเวลาเดือด

โมทนากับทุกท่านครับ
19.04น

 

ABNORMAL !!!

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ตะลึง!! พบทวดปลาในอะแลสกา คาดอายุร่วม 100 ปี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 เมษายน 2550 11:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=379 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=379> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทวดปลาตัวดังกล่าว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอพี - เรือประมงพบปลาร็อกฟิชที่อาศัยตามโขดหินขนาดยักษ์ในอะแลสกา คาดว่าจะมีอายุประมาณ 100 ปี ซึ่งอาจจะเป็นปลาที่อายุมากที่สุดในอเมริกาทีเดียว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>STRANGE!!


ปลาค็อดยักษ์
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>6 เมษายน 2550 12:38 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ชายชาวจีนกำลังวัดเทียบขนาดปลาค็อดยักษ์กับปลาธรรมดาซึ่งชาวประมงจับได้บริเวณชายฝั่งของจั้นเจียง ทางตอนใต้ของมณฑลกว่างตง(กวางตุ้ง)และถูกขายให้ภัตตาคารแห่งหนึ่งเมื่อวันจันทร์(02) ด้วยราคาสูงเป็นประวัติการณ์คือ 850,000 หยวน-ไชน่าเดลี่
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

Unusual Animal Behavior Before Earthquakes:<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O></O> ​

A Review of Possible Sensory Mechanisms<O> </O>

RUTH E. BUSKIRK[1], CLIFF FROHLICH, AND GARY V. LATHAM<O> </O>​

University of Texas at Austin, Marine Science Institute, Galveston, Texas 77550

To determine whether reports of unusual animal behavior before earthquakes are plausible, we have compared these reports with recent laboratory studies of animal sensory thresholds. Our major conclusion is that some animals are much more capable than humans of perceiving certain kinds of geophysical stimuli which may precede earthquakes. These geophysical stimuli are seismic or acoustic waves at low frequency (below 50 Hz), electric field changes, and olfactory stimuli. For example, recent studies suggest that some birds and fish are more sensitive than humans to sounds with frequencies below 40 Hz, and many animals are exceptionally good at perceiving low-frequency vibrations through their skin. Certain fish are sensitive to electric field changes as small as 10<SUP>-5</SUP> V/m, and some laboratory mammals also respond to significantly weaker fields than humans.

 

สถานการณ์ใกล้จุดเดือด.....สัตว์น้ำจะรู้ก่อน เช่น วาฬและโลมา

เพราะสัตว์พวกนี้สื่อสารกันด้วยคลื่นเสียงที่ไปใต้น้ำได้เร็วและไกลกว่าในอากาศมาก แผ่นดินไหวเพียงนิดเดียว พวกนี้รู้หมด รู้ก่อน

การที่สัตว์แปลกๆออกมาให้ชาวโลกเห็นก็ถือว่าเป็นการแจ้งเหตุเตือนภัยแบบหนึ่ง เตรียมตัวเตรียมใจให้ดีๆก็แล้วกัน อีกไม่นานเกินรอ

 

• ความแปรปรวนจากภัยธรรมชาติที่มากับลมจะเริ่มมากขึ้น และเป็นสัญญาณว่าภัยธรรมชาติประการสุดท้าย กำลังจะเข้ามา คือ ภัยจากแผ่นดิน ระวังโรคระบาดจากสัตว์สู่คน
• อุณหภูมิ ของบรรยากาศผันแปร กระทันหัน ฤดูกาล ไม่เป็นฤดูกาล
• ให้ลองสังเกตตัวเองถ้าเกิดความอึดอัดในจิตใจอย่างไม่มีสาเหตุ ในช่วงนี้ แสดงว่า มีพลังเชิงลบสะสมอยู่เกินระดับ ให้แก้ไขด้วยการทำสมาธิ และแผ่เมตตา โดยเริ่มจากตนเองแล้วกระจายสู่ภายนอก
• เมืองไทยเริ่มพบภัยแผ่นดินไหว ปูชนียสถานสูงใหญ่อาจเกิดการทรุดตัว ทั้งภาคเหนือภาคกลาง
• ปรากฏการณ์เคลื่อนตัวของเปลือกโลกด้านใต้ จะทำให้เห็นเงาของพระบรมธาตุบางแห่ง ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน เป็นลางเกิดธรณีพิบัติ อาจเกิดน้ำท่วมอย่างไม่คาดคิด

ข่าวสารจาก คุณปาปิรุส (นิตยสารอุณมิลิต)9 เม.ย.2550

 

ศาสดาพยากรณ์

พุทธทำนาย
· พุทธทำนาย ถอดความจากศิลาจารึก เขตมหาวิหาร สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย
<BIG>·</BIG> พุทธทำนาย (คัดลอกจากพระไตรปิฎกอรรถกถา)
<BIG>·</BIG> พุทธทำนาย


คำทำนายของศาสนาคริสต์
· "วันพิพากษาโลก" (The Last of Judgement)


คำทำนายของศาสนาอิสลาม
· สัญญาณแห่งวันสิ้นโลก
· วันกิยามะห์ วันสุดท้าย วันกาลปวสานของมวลมนุษยชาติ

:: www.UFOThailand.org :: กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัยแห่งประเทศไทย:

 

*** แก้ปัญหา ... โลกร้อน ***

ทุกสิ่งบนโลก...เกิดจาก ...."จิตใจมนุษย์"
เพราะ.......มนุษย์ ขาดการพิจารณาตนเอง
หาก... มนุษย์ เริ่มรู้จัก....ฝึกพิจารณาตนเอง
การกระทำ....พฤติกรรม และ นิสัยมนุษย์...จะเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

เพื่อให้...มนุษย์ รู้จักพิจารณาตนเอง
มนุษย์ทั้งมวล....จึงต้องพึ่ง ..."สัจจะ"
การตั้งใจทำสิ่งที่ดี...ให้กับตนเองทุกวัน....อย่างน้อยวันละ ๑ ชั่วโมง

ผลการกระทำ...ของมนุษย์ทั้งมวล....จะไม่สูญสลาย
และ จะมีผลตอบแทน ต่อมนุษย์ และสภาพแวดล้อมของโลก
ที่มนุษย์ สัตว์ และต้นไม้ ....ต้องอาศัยพึ่งพากัน

การให้มนุษย์ประพฤติตน...โดยมี

 

*** ห่วงประชาชนคนไทย กับ ภัยแม่น้ำโขง ****

ถ้า...ประเทศไทยไม่มีการ ระเบิดสร้างทางน้ำใหม่ ที่เชียงแสน ไปเชียงของ
เราคนไทย ภาคเหนือ กลาง อีสาน...ต้องเตรียมพร้อมให้ดี....น้ำ จะมาเร็ว พัดกวาดทุกอย่างไปหมด เหลือที่เนินสูง ภูเขา เป็นที่ปลอดภัย

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

​

จีนวางแผนลุยโครงการแม่น้ำโขงต่อ

Bangkok Post 13 สค. 47 ( แปลเป็นภาษาไทยโดย searin)​

เจ้าหน้าที่หน่วยงานการขนส่งจีน กล่าวว่าจีนจะมีการขุดร่องน้ำ เพื่อการเดินเรือพานิชย์ เพิ่มเติมในแม่น้ำโขงตอนบนช่วงที่ต่อจากเมืองจิงฮองลงมาถึงเมืองก๊วนไหล ซึ่งอยู่ในเขต ซีฉวงปันนา มลฑลยูนาน (Yunnan )

นายมา ฮุย มิง ผู้อำนวยสำนักงานเพื่อความปลอดภัยทางทะเลแห่งประเทศจีน ประจำเมือง จิงฮอง กล่าวว่า แม่น้ำโขงช่วงดังกล่าวซึ่งยาวประมาณ 80 กิโลเมตร เต็มไปด้วยหาดทรายใต้น้ำตื้นๆ จำนวนมาก ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเดินเรือสินค้า

หาดทรายเหล่านี้จะถูกขุดลอกเพื่อที่จะให้เรือขนาด 400 ตันสามารถเดินทางได้ตลอดทั้งปี ในปี พศ. 2543 ประเทศจีนได้ลงนามข้อตกลงเรื่องร่องน้ำเพื่อการเดินเรือ กับประเทศพม่า ลาว และไทย เพื่อให้เรือสินค้าขนาด 100 ตันสามารถเดินทางได้ตลอดทั้งปี ในแม่น้ำโขงช่วงจากท่าเรือ ไซเหมาซึ่งอยู่เหนือขึ้นไปจากเมืองจิงฮอง ลงมาถึงเมืองหลวงพระบางซึ่งเป็นระยะทางประมาณ 800 กิโลเมตร

การดำเนินงานโครงการในช่วงเฟสแรกนั้นได้มีการทำลายแก่งและหาดทรายใต้น้ำไปแล้วถึง 21 แห่ง

แต่อย่างไรก็ตามเรือสินค้าก็ยังไม่สามารถที่จะเดินทางผ่านแม่น้ำช่วงเมืองจิงฮองลงมาถึงเมือง ก๊วนไหลได้เนื่องจากความตื้นของน้ำและ หาดทราย
เจ้าหน้าประทำท่าเรือจิงฮองกล่าวว่าในช่วงหน้าแล้งเรือสินค้าเหล่านี้จะขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือ ก๊วนไหล

นายมา กล่าวว่าโครงการนี้จะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 100 ล้านหยวน (500 ล้านบาท) โดยจะใช้เวลาทั้งหมด 2 ปี ซึ่งนานกว่าระยะเวลาที่ใช้ในการระเบิดแก่งและขุดลอกหาดทรายเกือบ 1 เท่าครึ่ง นอกจากนี้ นายมา กล่าวหลังจากการพบปะกับเจ้าหน้าที่การขนส่งของไทยที่ได้ไปที่เมือง จิงฮองเมื่อเร็วๆ นี้ ว่าโครงการนี้อยู่ในของเขตประเทศจีนและไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรึกษากับ ประเทศอื่นๆ

เรือตรีปรีชา เพชรวงษ์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้องและความปลอดภัยทางทะเล และเลขานุการของคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือในการเดินเรือพานิชย์ ในแม่น้ำลานซาง-แม่โขง กล่าวว่าประเทศจีนได้เริ่มดำเนินงานโครงการดังกล่าวในช่วงระยะเวลาเดียวกับที่การลงนามข้อตกลง โดยที่ไม่ได้บอกให้ใครทราบเลย

หลังจากที่ ระดับน้ำในแม่น้ำ ได้ลดลงในหน้าแล้งเมื่อปีที่แล้ว ประเทศไทยได้ขอให้ประเทศจีน ได้มีการรักษาระดับน้ำในแม่น้ำโขงให้คงที่ โดยรัฐบาลได้สงสัยว่าเขื่อนประเทศจีนอาจจะเป็น สาเหตุของการ ลดลงของ ระดับน้ำนี้

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=200>

​

</TD><TD vAlign=top width=290>แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 10 และเป็นหนึ่งในแม่น้ำที่มีความ อุดมสมบูรณ์ที่สุด ของโลก จากต้นกำเนิดในที่ราบสูงทิเบต จนไหลลงสู่ ทะเลที่ประเทศเวียตนาม รวมความยาวทั้งหมดกว่า 4,902 กิโลเมตร ทำหน้าที่หล่อเลี้ยง ประชาชนกว่า 60 ล้านคนใน 6 ประเทศ ตั้งแต่จีน พม่า ไทย ลาว เขมร และ เวียตนาม

</TD></TR></TBODY></TABLE>
แม่น้ำโขง ซึ่งเปรียบดังชีวิตและสายสัมพันธ์ของภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ถูกคุกคามมาโดยตลอด โดยกิจกรรมการพัฒนาที่ไม่ได้คำนึงถึงความยังยืน ของสังคม วัฒนธรรม และธรรมชาติ ที่ขึ้นอยู่กับชีวิตของแม่น้ำนานาชาติสายนี้

โครงการเขื่อนขนาดใหญ่ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ส่งผลกระทบอย่าง มหาศาลต่อแม่น้ำโขง ในปัจจุบันมี การวางแผนที่จะสร้างเขื่อนจำนวนมากตลอดลำน้ำ ในแม่น้ำโขงตอนบนรัฐบาลจีนได้ก่อสร้างเขื่อนมันวาน ปิดกั้นแม่น้ำโขงและมีอีกหลายเขื่อนที่กำลัง ถูกสร้างขึ้นและหลายเขื่อนอยู่ที่ในแผนงาน ทั้งนี้ยังไม่รวมแผนงาน ในส่วนของแม่น้ำโขงตอนล่าง แม่น้ำสาขาทั้งหมดได้ถูกวางแผนในสร้างเขื่อนกั้น แม่น้ำหลายสายได้ถูกปิดกั้น โดยเขื่อนโดยเฉพาะในประเทศลาวเพื่อการผลิตไฟฟ้า ซึ่งลูกค้ารายใหญ่ก็คือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทย

เขื่อนขนาดใหญ่เหล่านี้ได้ก่อให้เกิดผลกระทบตามมาอย่างมากมาย ทั้งเศรษกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม อาทิเช่น การลดลงและสูญพันธุ์ของปลาแม่น้ำโขง ดังจะเห็นได้ชัดเจนจาก กรณีเขื่อนปากมูล ซึ่งก่อผลกระทบอย่างมากมายต่อสังคมไทย

ที่มา http://www.searin.org/Th/Mekong/MekongRapid.htm

หมายเหตุ

การที่ประเทศจีนสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ ตลอดแนวลำน้ำโขง อาจทำให้เกิดภัยทางน้ำอย่างรุนแรงถ้าเขื่อนเหล่านี้มีปัญหา เมื่อมีปริมาณน้ำไหลหลาก มาจากเทือกเขาหิมาลัย มากจนเขื่อนเก็บกักน้ำเอาไว้ไม่อยู่จนเขื่อนอาจแตก หรือถ้าเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงก็จะส่งผลกระทบกับเขื่อนเหล่านี้ และประเทศไทยก็อยู่ใต้แนวทางไหลของแม่น้ำโขง ซึ่งอาจทำให้ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน

 

ช่วงสงกรานต์นี้ขอให้ทุกๆท่านเดินทางโดยปลอดภัย

อย่าได้ประมาทในตนเอง และอย่าได้ประมาทในผู้อื่น ระมัดระวังใจ อย่าได้ลุแก่โทสะ ช่วงนี้ใจของคนเปลี่ยนแปลงกันไปมากครับ ขอให้ใจเย็นๆเข้าไว้

ส่วนช่วงวันที่ 28-29 เมษายนนี้ มีเหตุการณ์อะไรก็ขออย่าได้ออกไป พึงสวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ แผ่เมตตา ให้กับชาติ พระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ครับ

เที่ยวสงกรานต์อย่าลืมทำบุญ ทำทานกันไว้ให้เป็นปกติของใจนะครับ

ขอให้ได้บุญได้กุศล สนุก ใจสบาย ปลอดภัยกันทุกๆคน ในเทศกาลสงกรานต์นี้ครับผม

 

จะเกิดอะไรขอรับท่าน ปรมาจารย์ คณานันท์

 

ขออนุโมทนาในน้ำใจอันดีงาม ของคุณคณานันท์ และขอสวัสดีปีใหม่ของไทยเรา กับ เพื่อนๆ ชาวเว็บพลังจิตทุกๆ ท่านด้วยครับ

​

 

รวมคำทำนายเรื่องภัยพิบัติจากครูบาอาจารย์ต่างๆ


12 punna
พระอาจารย์ผม ท่านเป็น พระอรหันต์ (ผมทราบเพราะ รู้ด้วยตนเองนะครับ)

พระอาจารย์ ท่านไม่ ค่อยมีใครรู้จัก ท่านจะอยู่เงียบๆๆ ท่านจะบอกกล่าว
คำทำนาย อนาคต เหตุการณ์ จะเกิดขึ้นจริงหมด แต่ ผมไม่สามารถเอามา
บอกได้ หรือ เขียนบันทึก ได้ เพราะเป็น กฎธรรมชาติบางอย่าง

พระอาจารย์ ท่าน ระบุ พ.ศ .ให้ผมเตรียมตัวเลย ว่า ให้เตรียมพร้อม
น้ำ จะมาอย่างรวดเร็ว คนไม่ดี จะ ตาย ปัจจุบันตอนนี้ ท่านบอก แกนโลก
มีปัญหา อย่างหนักมาก เมื่อ ถึง พ.ศ....... แกนโลกจะ คว่ำ ตอนนี้ บารมี
และ บุญเท่านั้น ที่ จะนำพาให้ รอด

เรื่องนี้ เกิดแน่ๆๆ ท่านไหน มีจิต พิเศษ ลองนั่ง ตรวจสอบ โลกเราดูสิ
ตอนนี้ โลกเรา น่าสงสารมาก สภาพเยิน อย่างบอกไม่ถูก น้ำแข็งขั่วโลก
ละลาย จนน่ากลัว เอลนิญโญ เกิดไป ทั่วโลก ซึนามิ เริ่มเกิดบ่อย โลกปัจจุบัน
เหมือน คนไข้ ที่ ใกล้จะแย่เต็มที โลกเขาคงไม่อดทน จนครบ พ.ศ 5000 ปี
หรอกครับ ใน พ.ศ หลัง 5000 เกิดเหตุการณ์อะไร ก็ จะเป็นเหตุการณ์ใหม่

ผมไม่กล้า ฟันธงเหตุการณ์ ภัยพิบัติ นะครับ ว่าเกิดเมื่อไร ? (ส่วนตัวเห็นแต่ไม่
สามารถ ระบุเวลาได้ )

แต่ พระอาจารย์ อรหันตร์เจ้า ของผม ท่านกล่าว แบบไม่โกหก อย่างแน่นอน
(เพราะ ทุกเรื่องที่ท่านกล่าวมา ตรงหมด)

โชคดีนะครับ
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

Nirvana

ครูอาจารย์ท่านให้กรอบเวลาไว้แล้วครับว่า ไม่เกิน 10 ปี แต่วันนี้เหลือไม่ถึงแล้วเรื่องนี้เราเชื่อว่าไม่ใช่กระต่ายตื่นตูม เพราะมีสิ่งบอกเหตุหลายอย่างตามมาเรื่อยๆเหมือนกับที่พุทธทำนายซึ่งมาเตือนให้มนุษย์ในโลกได้รู้กัน เพื่อหาทางแก้ไขตัวเองการตั้งรับแบบมีสติไม่ใช่สิ่งเหลวไหล เพราะหากไม่ทำอะไรเลยเมื่อมีภัยมาก็หนีไม่ทันอยู่ดีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้มาหลายครั้งในประวัติศาสตร์สาธุชนไปพิจารณากันเอาเอง

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

tossapornk

มีเพื่อนธรรมท่านหนึ่งได้บอกกับผมว่ามันไม่ใช่เกิดแค่ ปีหรือสองปีแล้วก็จบแล้วมาฟื้นฟูกันใหม่ มันโหดร้ายกว่าที่คาดคิดกันไว้มากเพราะมันใช้เวลาในการเกิดจนสงบประมาณ ๔ - ๕ ปีโดยจะเริ่มตั้งแต่สงกรานต์ปีนี้ไปจนถึงกลางปี ๒๕๕๔ จึงสงบแล้วเริ่มมาฟื้รฟูกันใหม่ ลองดูเหต์การณ์ทางสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าหนักขนาดไหน ช่วงปี ๒๕๕๑ - ๒๕๕๒ โหดกว่าเป็นพันๆ เท่า เพราะผู้คนต่างเอาตัวรอดโดยไม่มีการคำนึงถึงศีลธรรมใดๆทั้งสิ้นมีการฆ่ากันเพื่อแย่งชิงอาหารกันทุกวินาที ทางรอดมีทางเดียวคือฝึกสมาธิจิตจนหมดความกลัวทุกอย่างแม้แต่ความตายแล้วจิตจะรู้เองว่าไปที่ใดจึงปลอดภัยและช่วยพาคนอื่นๆ ที่เป็นคนดีไปด้วยได้อีกกี่คน

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

greatmans

สรุปคำทำนายของแต่ละสำนักนะครับ

1. สำนักท่านพระยายมราช บอกว่า 15 ค่ำ เดือน 6 ปี ชวด โดยคุณ อักขรสัญจร นำมาบอกกล่าว(วิสาขบูชา ปี 2551 เป็นต้นไป)
2.คำพยากรณ์หลวงปู่ครูบาชัยวงศ์ ฯ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม (ปีจอต่อปีกุน คาดว่าหลังสงกานต์ 2550 เป็นต้นไป)
3.หลวงปู่เกลี้ยง วัดโนนแกด จ.ศรีษะเกษ (เกิดภัยพิบัติ กลางปี 2550 เป็นต้นไป)
4.จำชื่อไม่ได้ (พ.ศ. 2550 - 2552 สงครามชีวภาพ)
5.ศาสตราจารย์ เทพนม เมืองแมน สงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดตอนปลายปี 2550 (บอกที่งานวิทยาศาสตร์ทางจิต ปี2549)
6.หมอนิด-กิจจา ทวีกุลกิจ (มีปฏิวัติซ้อน เมษา-พฤษภาคม 2550 นี้)
8.ท่านผู้เฒ่า (หลังเข้าพรรษานี้จะมีน้ำท่วมใหญ่และจะมีภัยพิบัติรุนแรงที่สุด ปลายปี 50 )
9.คำทำนายของนอสตาดามุสที่ถอดความ (สงครามโลกครั้งที่ 3 หลังสิงหาคม 2550)
10.หมอดู โสรัจจะ นวลอยู่ (ปลายปี 2550 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 )
11.มงคล กริชติทายาวุช (เกิดภัยพิบัติ กลางปี 2551 เป็นต้นไป)
12.จากอาจารย์คนเมืองบัว บอกว่า ปี 2555 ไทยจะเจอน้ำมันและภาษาไทยจะเป็นภาษาสากล(ดังนั้นเหตุการณ์ทั้งหมดน่าจะเกิดภายในปี 2554 เพราะหลังจากนี้ต้องมีการฟื้นฟูเพื่อรองรับให้ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจของโลกรวมทั้งศาสนาพุทธของเราด้วยครับในปี 2555 )
13.อาจารย์ สมเจตต์ แสนคำ ณ เวียงกำพู ผู้คิดค้นศาสตร์ฮวงจุ้ยไทย(ปี 2550 แผ่นดินประเทศไทยจะหายไปบางส่วน (ผมเดา..ภาคใต้เกิดสึนามิอีกรอบแต่รุนแรงกว่าเดิม) และจะเกิดภัยพิบัติต่างๆๆไปจนถึง ปี 2559 จะหนักปี 2553 )
14.พุทธทำนาย (หลังกึ่งพุทธกาล เป็นต้นไป ไม่ได้ระบุเวลาไว้)

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
<!-- / message --><!-- edit note -->
<!-- / message -->
<!-- / post 542764 popup menu --><!-- / message -->

 

ตำนานพระพุทธสิหิงค์​

​

​

เรื่องตำนานหรือประวัติของพระพุทธสิหิงค์ ได้มีท่านผู้เรียบเรียงไว้แล้วหลายท่าน เช่น พระโพธิรังสี ปราชญ์แห่งเมืองเชียงใหม่ ได้เขียนเป็นภาษามคธ ราว พ.ศ.๑๙๖๐ และบรรยายเรื่องราว จนมาถึง พ.ศ.๒๔๕๔ สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยา ดำรงราชานุภาพ ได้ทรงนิพนธ์ต่อจากพระโพธิรังสี มาจนถึงสมัย หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ ได้เรียบเรียงใหม่เป็นตำนานย่อ และกล่าวข้อวิจารณ์ในทางโบราณคดี

ส่วนที่ผู้เขียนได้นำกล่าวมานี้ได้อ้างถึงตำนานพระพุทธสิหิงค์ ของพลตรีหลวงวิจิตรวาทการ เขียนขึ้นเนื่องด้วยได้มีการรวบรวมข้อเท็จจริง ที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายเหล่านั้นได้ค้นคว้าแล้วมาเรียบเรียงไว้ให้เป็นตำนานที่อ่านง่าย เพื่อความสะดวกและเข้าใจแก่ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาทั่วไป

พระพุทธสิหิงค์ เป็นพระพุทธรูปที่กษัตริย์ลังกาได้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๗๐๐ ได้อัญเชิญเข้ามาสู่ประเทศสยาม ในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ฉะนั้น จึงต้องนับว่า พระพุทธสิหิงค์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศสยามอย่างแท้จริง แต่ในเมืองไทย พระพุทธรูปที่ทรงพระนามว่าพระพุทธสิหิงค์นั้นมีอยู่ ๓ องค์ ๓ แห่ง คือ

องค์ที่ ๑ ประดิษฐานในพระที่นั่งพุทไธศวรรย์ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร

องค์ที่ ๒ ประดิษฐานในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่

องค์ที่ ๓ ประดิษฐานในหอพระพุทธสิหิงค์ ข้างศาลากลาง จ.นครศรีธรรมราช

พระพุทธสิหิงค์ องค์ที่ ๑ เป็นพระพุทธรูปปางนั่งขัดสมาธิสูง ๙๖ ซม. หน้าตักกว้าง ๖๖ ซม. หล่อด้วยสัมฤทธิ์ ปิดทองคำเปลว พระสรีระได้สัดส่วนและงดงามที่สุดจะหา พระพุทธโบราณในเมืองไทยที่งดงาม และได้สัดส่วนเทียมพระพุทธสิหิงค์องค์นี้มิได้เลย ตามตำนานกล่าวว่าองค์นี้ศิลปะสุโขทัยประดิษฐานในพระที่นั่งพุทไธศวรรย์ กรุงเทพมหานคร

พระพุทธสิหิงค์ องค์ที่ ๒ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ มีความสำคัญคู่กับพระพุทธสิหิงค์ในกรุงเทพฯ และเมืองนครศรีธรรมราช เป็นพระพุทธรูปที่งดงามมาก องค์นี้ศิลปะเชียงแสน

พระพุทธสิหิงค์เชียงใหม่ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร หล่อด้วยสัมฤทธิ์ปิดทองคำเปลว หนักตักกว้าง ๔๐ นิ้ว ศิลปะเชียงแสนรุ่นแรก ปัจจุบันประดิษฐานในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่

พระพุทธสิหิงค์ องค์ที่ ๓ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองนครศรีธรรมราช มีความสำคัญคู่กับพระพุทธสิหิงค์เมืองเชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร แบบขนมต้ม มีพระพักตร์กลม อมยิ้ม พระอุระอวบอ้วน หล่อด้วยสัมฤทธ์ ปิดทอง หน้าตักกว้าง ๑๔ นิ้ว สูง ๑๖.๘ นิ้ว นับเป็นพระพุทธรูปสำคัญ คู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณกาล ประดิษฐานอยู่ในบุษบกไม้ ณ หอพระ ระหว่างศาลกับศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช องค์นี้ศิลปะศรีวิชัย

พระพุทธสิหิงค์ทั้ง ๓ องค์ ๓ สมัย ๓ ภาค สร้างในสมัยเดียวกัน ผู้สร้างคือ มหากษัตริย์ลังกา ๓ พระองค์ ทรงสร้างเมื่อ พ.ศ.๗๐๐
ตำนานของพระโพธิรังสีกล่าวว่าพระพุทธสิหิงค์ เป็นพระพุทธรูปที่ เจ้าลังกา ๓ พระองค์ ได้ร่วมพระทัยกันพร้อมด้วยพระอรหันต์ใน เกาะลังกาสร้างขึ้นราว พ.ศ.๗๐๐ โดยหมายจะให้ได้พระพุทธรูปเหมือนองค์พระพุทธเจ้าจริงๆ ถึงกับตำนานกล่าวว่า พญานาคซึ่งเคยเห็นองค์พระพุทธเจ้ามาแปลงกายให้ดูเป็นตัวอย่าง

มาถึงสมัยพ่อขุนรามคำแหง (พ.ศ.๑๘๒๐-๑๘๖๐) มีพระภิกษุลังการ เข้าสู่ประเทศสยาม พ่อขุนรามคำแหงได้ทรงทราบกิติศัพท์เลื่องชื่อ ว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มีพุทธลักษณะที่งดงาม พ่อขุนรามคำแหง จึงทรงขอให้พระเจ้าศรีธรรมโศกราช แต่งทูตเชิญพระสาส์นไปขอประทานพระพุทธสิหิงค์จากเจ้ากรุงลังกา

เนื่องด้วยว่าเป็นเมืองที่มีการติดต่อสัมพันธ์อยู่กับลังกาอย่างใกล้ชิด ซึ่งก็ได้ตามพระราชประสงค์ อัญเชิญมาประดิษฐานที่นครศรีธรรมราช จัดงานพิธีสมโภชใหญ่โตเป็นเวลา ๗ วัน พระเจ้าศรีธรรมโศกราชได้ให้ช่างท้องถิ่นจำลองไว้บูชา ๑ องค์ โดยกล่าวไว้ว่าพ่อขุนรามคำแหงเสด็จไปรับ พระพุทธสิหิงค์ถึงนครศรีธรรมราช ด้วยพระองค์เอง แล้วอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ กรุงสุโขทัย พระมหากษัตริย์กรุงสุโขทัยทุกพระองค์ได้ทรงเคารพบูชาพระพุทธสิหิงค์ตลอดมา

พระพุทธสิหิงค์ที่ประดิษฐานอยู่ที่นครศรีธรรมราชนี้ มีลักษณะ ตามแบบสกุลช่างท้องถิ่น เรียกว่า แบบขนมต้ม คือมีพระพักตร์กลม อมยิ้ม พระอุระอวบอ้วน ประทับนั่งในท่าขัดสมาธิเพชร ชายสังฆาฏิสั้นระดับพระถัน เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของ ชาวนครศรีธรรมราชเป็นพระพุทธรูปที่มีพระรูป และสัดส่วนที่งดงามมาก

​

ครั้งเมื่อได้ตั้งกรุงศรีอยุธยาขึ้น ทางสุโขทัยอ่อนกำลังลง สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ เจ้ากรุงศรีอยุธยา ได้สุโขทัยไว้ในอำนาจเมื่อปี พ.ศ.๑๙๒๐ พญาไสยลือไทย เจ้ากรุงสุโขทัย ถูกลดตำแหน่งเป็นเจ้าประเทศราช ลงมาครองพิษณุโลก จึงได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ มาประดิษฐานไว้ที่พิษณุโลกด้วย เมื่อพระยาไสยลือไทย สิ้นพระชนม์ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ ก็ทรงโปรดให้เชิญพระพุทธสิหิงค์โดยมาทางเรือลงมาไว้ที่กรุงศรีอยุธยา

เมื่อทางกรุงศรีอยุธยาได้กรุงสุโขทัยไว้ในอำนาจแล้ว ได้จัดแบ่งการปกครอง ออกเป็นสองมณฑลคือเมืองตาก, สวรรคโลก กับพิษณุโลก เป็นมณฑลสอง ให้เจ้านายในราชวงศ์พระร่วงปกครอง พระยาธิษฐิระ ผู้ครองกำแพงเพชรนั้นปรากฏว่า ราชบุตรเลี้ยงของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ ปรารถนาจะได้พระพุทธสิหิงค์ไปประดิษฐานไว้เมืองกำแพงเพชร จึงให้มเหสีผู้เป็นมารดาตนขอพระพุทธรูปองค์หนึ่ง แล้วติดสินบนขุนพุทธบาลผู้รักษาพระ เลือกพระพุทธสิหิงค์ส่งไป

เรื่องมีต่อว่า ใน พ.ศ.๑๙๓๑ นี้เองมีพระภิกษุรูปหนึ่งในเมืองกำแพงเพชรปั้นรูปจำลองพระพุทธสิหิงค์ด้วยขี้ผึ้ง และนำพระพุทธรูปจำลองนี้ไปเชียงราย เมื่อเจ้ามหาพรหมผู้ครองนครเชียงรายได้เห็นจึงชวนเจ้ากือนา พี่ชายผู้ครองนครเชียงใหม่ยกกองทัพไปกำแพงเพชรและ ขู่ขอพระพุทธสิหิงค์ พระยาธิษฐิระต้องยอมยกพระพุทธสิหิงค์ให้ไป พระพุทธสิหิงค์จึงได้ไปประดิษฐานอยู่เชียงราย ในปี พ.ศ.๑๙๓๑

พอถึง พ.ศ.๑๙๕๐ เชียงใหม่กับเชียงรายเกิดรบกัน เชียงรายแพ้ เจ้าแสนเมืองมาเจ้านครเชียงใหม่ก็อัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานอยู่เชียงใหม่ราว ๒๕๕ ปี เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตีเมืองเชียงใหม่ได้ใน พ.ศ.๒๒๐๕ โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานไว้ ณ วัดพระศรีสรรเพชรกรุงศรีอยุธยา ครั้นเมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าครั้งที่ ๒ เชียงใหม่เป็นพวกพ้องพม่า จึงสามารถอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับไปเชียงใหม่ได้เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐

มาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อเชียงใหม่ได้รวมอยู่กับคนไทยแล้ว พม่ายกกองทัพมาล้อมเชียงใหม่ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ยกกองทัพไปขับไล่กองทัพพม่าพ้นเมืองเชียงใหม่ สมเด็จพระกรมพระราชวังบวรฯ จึงได้ทรงอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มากรุงเทพฯ (พ.ศ.๒๓๓๔) ประดิษฐานในพระที่นั่งพุทไธศวรรย์ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยนัยนี้ นับว่าพระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของสยามประเทศ มาตั้งแต่ต้นประวัติกาล

ผู้แต่งตำนานคือพระโพธิรังสี ได้พรรณนาอานุภาพของพระพุทธสิหิงค์ไว้เป็นอันมาก มีข้อที่น่าฟังตอนหนึ่งกล่าวว่า "พระพุทธสิหิงค์หามีชีวิตได้ก็จริง แต่มีอิทธานุภาพด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ อธิษฐานพละของพระอรหันต์ อธิษฐานพละของเจ้าลังกาหลายพระองค์ และศาสนพละของพระพุทธเจ้า" ซึ่งหมายความว่ากำลังใจของพระอรหันต์ และกำลังใจของเจ้าลังกาพร้อมทั้งกำลังแห่งพระพุทธศาสนา กระทำให้พระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธปฏิมากรที่ทรงอานุภาพ
อีกตอนหนึ่งพระโพธิรังสี กล่าวว่า "พระพุทธสิหิงค์เมื่อประทับอยู่ ณ ที่ใด ย่อมทรงทำให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองดั่งดวงประทีปชัชวาล เหมือนหนึ่งว่าพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่"

ในส่วนของพลตรีหลวงวิจิตรวาทการ ผู้ซึ่งได้รวบรวมตำนาน พระพุทธสิหิงค์เองมีความเชื่อมั่นในอานุภาพ ของพระพุทธสิหิงค์อยู่มาก "อย่างน้อยก็สามารถบำบัดทุกข์ร้อนในใจให้เหือดหาย ผู้ใดมีความทุกข์ร้อนในใจท้อถอยหมดมานะด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ถ้าได้มาจุดธูปเทียนบูชาและนั่งนิ่งๆ มองดูพระองค์สัก ๑๐ นาที ความทุกข์ร้อนในใจจะหายไป ดวงจิตที่เหี่ยวแห้งจะกลับมาสดชื่น หัวใจที่ท้อถอยหมดมานะจะกลับเข้มแข็งมีความมานะพยายาม ดวงจิตที่หวาดกลัวจะกลับกล้าหาญ ดวงจิตที่เกียจคร้านจะกลับขยัน ผู้ที่หมดหวังจะกลับมีความหวัง"
คุณานุภาพของพระพุทธสิหิงค์ดังกล่าวมานี้ กระทำให้ท่านเชื่อเหตุผลของ พระโพธิรังสีว่าอธิษฐานพละ คือกำลังใจของพระอรหันต์ และเจ้าลังกาผู้สร้างพระพุทธสิหิงค์ได้เข้าไปอยู่ในองค์พระพุทธสิหิงค์พร้อมทั้งศาสนพละของพระพุทธเจ้า และข้อที่พระโพธิรังสีกล่าวว่า "พระพุทธสิหิงค์ประทับอยู่ใดก็เหมือนพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ที่นั้น"

ข้อนี้ก็สมจริง ใครที่ได้เห็น พระพุทธเจ้าแม้แต่ยังมิได้ฟังธรรมเทศนาเลย ก็มีความสบายใจในทันทีที่ได้เห็นผู้ใดที่ได้เห็น พระพุทธสิหิงค์ย่อมได้รับผลอย่างเดียวกัน พระพุทธสิหิงค์เป็นที่เคารพสักการะบูชาของ องค์พระมหากษัตริย์ ของประชาชนชาวสยามมาเป็นเวลาช้านาน จึงกล่าวได้ว่าพระพุทธสิหิงค์เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของสยามประเทศเลยทีเดียว

สุดท้ายนี้ต้อขอขอบคุณ นายอนันต์ แซ่ตัน หรือ โกฉ้า ผู้ร่วมดำเนินการ สร้างพระพุทธสิงหิงค์ ศิลปะขนมต้มแท้ รุ่นอุดมโชคโภคทรัพย์ ของวัดสิรินธรเทพรัตนาราม ในพระราชูปถัมภ์ ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล "ตำนานพระพุทธสิงห์"
ที่มา http://www.komchadluek.net/column/pra/2005/03/28/02.php

หมายเหตุ

เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ จะมีการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ออกมาให้ประชาชนชาวไทยได้สรงน้ำเป็นประจำทุกปี และผมก็ได้เคยอ่านพบคำทำนายเกี่ยวกับเรื่องของพระพุทธสิหิงค์นี้ ได้กล่าวเอาไว้ว่าเมื่อถึงคราวที่ ประเทศไทยต้องประสบกับภัยธรรมชาติอย่างรุนแรงที่สุดเมื่อใด พระพุทธสิหิงค์จะทรงออกมาแสดงอภินิหารช่วยเหลือคนดีมีศีลธรรม ให้รอดพ้นจากอันตรายได้เป็นอัศจรรย์!!

​

 

ระมัดระวังกันไว้ก่อนอย่าได้ประมาทครับ