มีคำทำนายภัยพิบัติ พระยาธรรมที่ท่านทั้งหลายคิดว่าเชื่อถือได้กันบ้างหรือเปล่า

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย zalievan, 24 กันยายน 2018.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ...พอเราหายไปนานก็ชอบแหย่ให้เราเข้ามาตอบ แต่พอเราเข้ามาโพสต์บ่อยๆทุกคนก็หาย แล้วจะให้เราทำอย่างไร เอาเป็นว่าช่วงนี้เราจะคุยเรื่องอดีตชาติที่เราได้รู้มาเมื่อวันถูกควบคุมจิตและเรื่องประสบการในการปฎิบัติ สิ่งที่ได้ประสบมาเมื่อวันพระที่ผ่านมาไปพลางๆก่อนแล้วกัน....
     
  2. Cheewin...

    Cheewin... อิ่มแล้ว...ไปต่อไม่ไหวแล้ว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2018
    โพสต์:
    1,195
    ค่าพลัง:
    +1,514
    ผมไม่ค่อยรู้เรื่องธรรมเท่ารัยครัช
     
  3. Cheewin...

    Cheewin... อิ่มแล้ว...ไปต่อไม่ไหวแล้ว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2018
    โพสต์:
    1,195
    ค่าพลัง:
    +1,514
    มีเรื่องเล่าให้ฟังครับ ช่วงหนึ่งผมฟังธรรมอยู่ ช่วงนั้นครึ่งหลับครึ่งตื่น ช่วงทีฟังธรรมอยู่นั้น เห็น หมอกคล้ายควัน หรือเป็นเหมือนพายุลอยมาจากไหนไม่รู้ครับ ลอยลงมาที่หน้าผมตกใจเลยตื่น ไม่ทราบว่าคิดไปเอง หรือว่า สิ่งนั้นเป็นอะไรก็ไม่ทราบ เพราะยังเข้าไม่ถึง:)
     
  4. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    _อดีตชาติ_
    ...ชาติหนึ่งเราเคยเป็นศิษย์พุฒาจารย์โต พรหมรังษี เราเป็นเด็กตัวน้อยวัยกำลังซน ขรัวโตรักเรามากเมตตาเรามาก รักเราเหมือนลูกคนหนึ่ง สอนหนังสือเราและสอนวิชชาทุกอย่างที่ท่านมีให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็นวิชาอักษรต่างๆ การพิจารณาความหมายของคำ ว่าคำนี้หมายถึงอะไรหรือสื่อถึงอะไรได้บ้างพร้อมทั้งวิชากรรมฐานและเราก็รักขรัวโตเหมือนพ่อแท้ๆ วันที่เราถูกคุมจิต อาจารย์(ขรัวโต)ได้ทำให้เราระลึกรู้อดีตชาติ พอเรารู้เราก็รำพึงรำพันอยู่คนเดียวว่า..อาจารย์ศิษย์คิดถึงเหลือเกินพร้อมกับน้ำตาไหลเป็นสายไม่หยุด เหมือนพ่อลูกที่จากกันหลายปี ปัจจุบันนี้ท่านทั้งหลายเห็นรูปพุฒาจารย์โตสอนหนังสือเด็กคนไหนบ้างหรือมีใครบ้างที่อยู่ในรูปนั้น นั่นแหละอดีตชาติหนึ่งของเรา เราถึงได้บอกว่าอดีตชาติแต่ละชาตินั้นมันช่างต่างกับปัจจุบันนี้เหลือเกินราวฟ้ากับดิน
    ....เราเกิดชาติไหนก็ได้เกิดมาสร้างประโยชน์ให้กับแผ่นดินไทยและพระพุทธศาสนาทุกชาติไม่เว้นแม้แต่ชาตินี้ก็ยังทำอยู่ ต่างแค่ศักดินา สมบัติที่มีเท่านั้น...
    ...ทั้งหมดเรารู้แค่นี้และเรารู้ในวันที่ถูกควบคุมจิตให้กลับมาบ้านเกิด ท่านอาจารย์คงให้เรารีบกลับมาเพื่อรอทำงานอะไรบางอย่างก็ได้ หากท่านอาจารย์ต้องการหรือเป็นคำสั่งอาจารย์ไฉนเลยเราจะขัดได้ ทั้งรักทั้งเคารพบูชาทั้งกลัว...อาจารย์ขรัวโต พรหมรังษี
    ....ทุกอย่างอาจเหมือนนิทานหรืออาจเหมือนคนเพี้ยนเล่าเรื่องแต่ทั้งหมดคือสิ่งที่เราได้รู้ภายในวันเดียววันนั้น....
    ....เราไม่มีความสามารถทางจิตเพียงแต่เมื่อถูกควบคุมจิตแล้วความรู้ทุกอย่างวิชชาทุกอย่างที่มีในอดีตมันจะเป็นเองมีมาเอง เหมือนมันถูกเก็บซ่อนไว้ภายใน เมื่อไรทีมันแสดงออกมามันมากมายเหลือเกิน จนถึงขั้นทำให้เราเข้าสู่คำว่า"พุทธะ"ได้ แต่ถ้าไม่มีเหตุใดๆทำให้มันเกิดเราก็เหมือนคนทั่วไปธรรมดานี้แหละ ยาจกคนหนึ่งนี้แหละคงเปรียบเทียบตัวเองได้ใกล้เคียงที่สุดแล้ว...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2018
  5. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,268
    ค่าพลัง:
    +5,219
    เป็นธรรมดาของเว็บบอร์ดครับท่าน
    เว็บบอร์ดเป็นสถานที่ของคนที่มีเวลาไม่ตรงกัน ที่ต้องการสื่อสารกัน

    ฝากข้อความไว้ให้คนมาอ่าน จากไป
    แล้วแวะเวียนเข้ามาดูเรื่อย ๆ
     
  6. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    IMG_20181121_131520.jpg IMG_20181121_160522.jpg ***ผู้เดินทางจึงจะรู้ผู้เข้าถึงจึงจะเข้าใจ***

    .....ผู้มีความต้องการพ้นทุกข์แล้วจึงได้เริ่มปฏิบัติอบรมจิตฝึกสติตนเอง เปรียบดังการเดินทางเข้าสู่สมรภูมิรบในมหาสมุทรที่มีอันตรายอยู่รอบด้านตลอดเวลา เหตุนี้จึงควรเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ สิ่งสำคัญที่ต้องมีในใจคือความศรัทธาอย่างมั่นคงและให้มีสติ_ปัญญาอันยิ่ง
    .....ผู้ศึกษาจากตำราผู้พิจารณาจากพระสูตร_คำสั่งสอนของตถาคตนั้น เมื่อพิจารณาพึงระวังอย่าให้จิตเข้าสู่ภวังค์ หากสติและความศรัทธาไม่มากพอ หรือ ไม่ประกอบด้วยศรัทธาในตถาคตเป็นอย่างยิ่งแล้ว อาจจะติดกับดักของอวิชชาได้ หรือเรียกว่า..."ห้วงแห่งมาร" จะเกิดความหลงรู้ ปลงใจเชื่อว่าตนเป็นผู้รู้ เป็นผู้ได้มาพบกับสิ่งนี้ความรู้นี้ี้_ตนเป็นศาสดาบรมครู ตนจะนำเอาความรู้ที่ได้นี้ไปสั่งสอนผู้อื่นให้รู้ตาม นี้จะเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา เป็นทางแยกที่จะนำไปสู่ "อบายภูมิ" ตามความหนักเบาของผู้เห็นผิดนั้น ให้ทำความเข้าใจไว้เสมอว่า...การปฏิบัติจิตนี้เมื่อเข้าสู่ภวังค์แล้วเป็นจิตที่อยู่ภายใต้อำนาจของความหลง...เหตุนี้ความศรัทธาในตถาคตจึงสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง...
    พระพุทธเจ้าจึงตรัสสอนไว้ว่า...
    "อย่าเชื่อแม้คำสอนของพระองค์"
    "กาลามสูตร"

    ///////ขอฝากเตือนไว้จากผู้ได้ผ่านทางนี้แล้ว///////
     
  7. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ที่จริงแล้วอมตะอยู่เบื้องหลังธรรมชาติเรานี่เอง แต่เราไม่สามารถยกระดับคลื่นมิติเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาตินั้นได้ เหมือนอยู่คนละมิติ ที่ไม่สามารถแทรกซึมไปสู่ความละเอียดอ่อนได้ เพราะยังมีของหนักของหยาบอยู่
     
  8. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,268
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ผมเลือกเป็นคนที่พาคนที่อยากออกจากป่า ออกไปจากป่า ส่วนคนที่ไม่อยากออกจากป่าก็ลองโน้มน้าวใจก่อน ถ้าโน้มน้าวไม่สำเร็จก็ปล่อยเขาดีกว่า
    ใครอยากเป็นนักเดินป่าที่พาคนออกจากป่าด้วยก็คงจะอนุโมทนากับเขา
    แต่เมื่อแนวทางต่างกันมันก็เลยเกิดความสงสัย
    ดังนั้นผมจึงอยากเข้าใจ สิ่งที่เขาเชื่อด้วย ว่ามันเป็นอย่างไร สิ่งที่เขาเชื่อสามารถพาคนออกจากป่าได้จริงหรือเปล่า แล้วจริง ๆ ป่านี้มันคืออะไร

    แต่ช่วงนี้คงต้องศึกษาลู่ทางในป่ากับฝึกทักษะไปพลาง ๆ กระมังครับ
    ต้องศึกษาวิธีที่จะทำให้คนที่ไม่อยากออกจากป่า เปลี่ยนใจเป็นอยากออกจากป่าไว้ด้วยกระมัง

    ส่วนเรื่องผู้รู้

    ผมอยากเป็นผู้รู้ที่เข้าใจทางโลกไปด้วยน่ะนะครับ
    ไม่งั้นผมจะไปสอนใครได้ล่ะ
    คงจะเป็นมิจฉาทิฐิสินะ

    เมื่อก่อนผมเข้าใจว่าผู้รู้คือผู้เข้าใจทุกสิ่ง
    ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าผู้รู้คืออะไร
    เป็นผู้มีสติรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาอยู่อย่างนั้นหรือเปล่า

    แต่ผมก็อยากเป็นคนที่เข้าใจทุกสิ่งไปด้วยนั่นแหละครับ เพราะผมรู้สึกว่าความเข้าใจทุกสิ่งโดยละเอียดจะทำให้ผมสามารถช่วยคนอื่นแก้ปัญหาได้ โดยเฉพาะปัญหาทางโลก บางคนก็ต้องการการแก้ปัญหาไปทีละขั้น ๆ ไป อย่างผมนี่แหละมั้งครับ
    กล่าวคือ ผมมีความเชื่อของผมที่จะทำอย่างนั้น ซึ่งสำหรับหลาย ๆ คน มันอาจจะฟังดูยุ่งยากที่ผมชอบทำตัวเป็นคนขี้สงสัย หรือมีปัญหา แต่เหตุผลเบื้องหลังการกระทำบางอย่างของผมก็คือ ผมอยากทำความเข้าใจ สิ่งต่างๆ อย่างละเอียดให้ได้จริง ๆ
    อีกอย่างก็อยากเป็นพ่อที่ดีด้วยแหละครับ ถ้ามีโอกาสได้เป็นน่ะนะ
    และผมก็ชอบถามตัวเองอยุ่บ่อย ๆ ว่าถ้าเราไม่เข้าใจความไม่รู้แล้ว เราจะรับมือกับความไม่รู้ของเด็กได้ยังไง...

    ส่วนอาณาปาณสติ
    ผมทำครับ จริง ๆ ก็ทำมานานแล้ว แต่ไม่กระเตื้องเลย

    ไม่รู้เพราะอะไร อาจจะเพราะผมไม่เข้าใจหลักการทำสมาธิที่ถูกต้อง หยุดคิดไม่เป็น หรือ เพราะสุขภาพจิตไม่ดี เพราะเป็นคนไม่ค่อยมีความสุขก็ไม่อาจทราบได้

    สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ คือ พวกท่านมีจิตใจเป็นปกติ ส่วนผมจิตใจไม่ค่อยจะปกติ นั่นแหละมั้งครับ ปัญหาของผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2018
  9. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ...ในวันหนึ่งช่วงที่ทำงานอยู่ทีระยอง เราก็ไปทำงานตามปกติ แต่สมองคิดแต่เรื่องพระสูตร พิจารณาพระสูตรตลอดทั้งวันจนกระทั่งเลิกงาน เมื่อขับมอไซด์กลับบ้าน กิเลสตัวโทสะก็ค่อยๆโผล่ออกมา จนที่สุดสติแทบจะควบคุมไม่ได้ พอมาถึงห้องพักรีบเข้าไปยกมือไหว้พระแล้วอธิฐานว่า...ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาตั้งแต่อดีตชาติก่อนเกิดมา จงมาเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้ามีสติข้ามวิปัสนูกิเลสนี้ไปด้วยเทิอญ...
    ....เพียงอธิฐานจบเท่านั้นจิตหนึ่งระลึกรู้ขึ้นมาเองว่า..จะให้เอากุศลที่ไหนมาก็เราไม่เคยเกิดไม่เคยตายจงสงบเถิดนี่แหละเรา...
    ...เราเกิดยิ้มขึ้นในใจและเกิดปิติเป็นอย่างมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
    ...ส่วนภาวะที่เกิดในชั้นโลกุตระหมายถึงวิปัสนาญาณเราจะไม่ขอเอ่ยถึงไม่ว่ากรณีใดเราก็จะไม่พูด เพราะมันเป็นข้อห้ามในทางปฏิบัติ คือให้ผู้ปฏิบัติรู้เองเห็นเอง หากเอามาเปิดให้ผู้ปฏิบัติยังไม่ถึงฟังครูบาอาจารย์ท่านว่าไม่สมควร...หลวงปู่มั่นท่านว่า ธรรมลึกลับไม่ควรบอกให้คนอื่นรู้เพราะธรรมจะเสีย ต้องพูดเฉพาะคนที่ปฏิบัติเท่านั้น ถ้าเราบอกในนี้ก็เท่ากับไม่ฟังคำครูบาอาจารย์ เพราะในนี้เป็นที่สาธารณะ
     
  10. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    _ฝากถึงท่านZaเป็นพิเศษ_
    ...ความรู้เกิดจากความไม่รู้...
    ...คนฉลาดเกิดจากคนเคยโง่...
    ...ดอกบัวเกิดจากโคลนตม...

    ...ท่านZaท่านเริ่มเข้าใจถูกแล้ว ตัวสตินี้แหละคือผู้รู้ตัวจริงที่พาเข้านิพพานไม่ใช่อย่างอื่นอย่างใดนอกจากสตินี้
    ...ให้ทุกคนลองกำหนดสติจับที่ริมฝีปากบนดูพร้อมกำหนดลมหายใจไปด้วย ลองทำดูแล้วจดจำความรู้สึกไว้
    ...และให้ทุกคนลองกำหนดสติจับที่ริมฝีปากล่างดูแต่ให้ใช้เวลานานหน่อยแล้วสังเกตุว่าจะเป็นอย่างไร ปากจะอ้าขึ้นมั๊ย น้ำลายไหลหรือเปล่า
    ...ตัวริมฝีปากล่างนี้แหละคือตัวอยาก คือตัวสัตว์ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติว่า...สัตว์โลก ก็ริมฝีปากล่างนี้แหละเป็นตัวอยากเป็นตัวโลภ เป็นตัวหลง เป็นตัวกาม เราทั้งหลายจึงได้เรียกเป็นคำพ้องเสียงว่า...กรามหรือขากรรไก นี่แหละธรรมมีเท่านี้แหละหาธรรมหาได้จากกายกับใจเท่านี้แหละ ปฏิบัติธรรมก็ปฏิบัติกับกายกับใจนี้แหละ

    ...ทุกคำแนะนำขอถวายเป็นพุทธบูชาและทดแทนคุณครูบาอาจารย์.....
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,700
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** สัจจะ ****

    รู้เข้าใจ คือ ดวงตาเห็นธรรม
    ผู้ทำได้ใกล้เอื้อม คือ อรหันต์
    ผู้ที่สำเร็จไปแล้ว ก็้ด้วยสัจจะ
    แก้วสามประการ สกปรกด้วย
    นิสัยสันดานตนเอง
    ใครหลงกาย ตายไป
    ก็ต้องมาเกิดมีกายใหม่
    ความจริง มีหนึ่งเดียว
    นอกนั้นเป็น ความเชื่อ
    ตัวตาย แต่การกระทำไม่ตาย
    ตัวกระทำมีจริง
    ตัวกระทำมีผลตอบแทน
    การกระทำให้ตนหลุดพ้น
    ตัวกระทำของตน
    จึงจัดสรรให้ตนเอง
    หลุดพ้นทุกข์
    นิพพาน คือ ที่สุด

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,700
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** คนหลงทาง ****

    ใครสอนให้คน
    หลงรูป หลงกาย
    หลงสวรรค์
    หลงความสุข
    คือ บาปกรรม
    พอกพูนกิเลสให้คนอื่น
    คือ เดินตรงข้ามคำสั่งสอน
    ที่มีแต่ตัดลดนิสัยตนเอง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ค่ะ ขอบคุณมากจิตยิ้มก็ทราบดีค่ะ สิ่งที่ทำอยู่ยังไม่ใช่ของจริงที่จะพาตนเองบรรลุธรรม เพราะการอยู่กับรู้การเข้าถึงการรู้สึกตัว นั่นคือ ของจริงที่จะทำให้เราเห็นสภาวะธรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามจริง คือการรู้ตัวมิใช่ลืมตัว แต่ของตนเองยังไม่ใช่ของจริง เพราะเวลาเข้าไปในสมาธิจะลืมตัว แต่จะอยู่กับการพิจารณาหาเหตุผลใหตนเองกระทำเพื่อแก้ไขทิฐิความเห็น ที่เราเห็นอารมณ์ต่าง ๆ ที่เราทำแล้วเกิดความทุกข์และเศร้าหมองล้วนเกิดจากทิฐิใดที่สั่งสมไว้ เราจึงต้องแสดงออกทางความคิดความเห็นและเกิดเป็นอารมณ์อย่างนั้นค่ะ และสิ่งนี้ก็แค่จินตามยปัญญา แค่นั้น

    แต่....ชอบคำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า "ไม่คิดหนีไปจากโลก" โดยเฉพาะคำขีดเส้นใต้ประโยคเกี่ยวกับการกำจัดกรรม ซึ่ง

    มนุษย์แต่ละคนผู้มีหน้าที่ต้องกำจัดผลกรรมใด ๆ ย่อมไม่มีวันหนีการเผชิญกรรมของตนไปได้ฉันใด โอกาสที่จะหนีภัยร้ายแรงจากธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น ก็ไม่ทีทางหนีพ้นไปได้เช่นเดียวกัน

    หลวงปู่ชา ก็ยังพูดว่า "ให้อารมณ์นั่นแหละ มันเป็นครูสอนเรา" ดังนั้นการที่จะฝึกเห็นอารมณ์ทุกสภาวะอารมณ์ สติสัมปชัญญะ เพื่อฝึกให้เกิดรู้ทุกสภาวะรู้ทันทุกขณะจิตจึงต้องมีให้เป็นอัตโนมัติ

    ส่วน.. การฝึกสติของจริงให้รู้สภาวะทุกสภาวะที่ให้กิดขึ้นต้องตามนี้ค่ะ....



    เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังฝึกขั้นต้นหรือหลงทาง เพราะการรู้ทั้งสภาวะ และการหลงสภาวะก็รู้จะสามารถทำให้เรานำสิ่งที่เป็นอารมณ์กรรมมาพิจารณาเพื่อลดละ สำหรับแนวทางของตนเองนะคะ

    ค่ะ ขณะนี้ไปจะลองปฏิบัติตนเองอย่างเคร่งครัด จะวางทุกอย่างก่อน ถึงแม้ที่ผ่านมาจะลดละอารมณ์กรรมได้บ้าง แต่ก็ยังไม่ทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ เพราะยังไม่ใช่ของจริง แต่เพียงว่าเป็นการแผ้วถากทางให้สามารถเจาะดิ่งลงไปเจอของจริงได้ง่าย แต่ถ้าเรายังมีสิ่งที่คอยขัดขวางหรืออารมณ์แห่งกรรมยังมาก ก็จะเจาะดิ่งลงไปหาขุมทรัพย์ก็ทรงยาก หรือก็ทำให้ไม่เจอของจริงก็ได้เพราะมีสิ่งที่ขวางอยู่ และทำให้เราหลงทางได้ จริตของตนเองเป็นอย่างนี้ ยังไม่มีสมถะเป็นกำลังของจิตแต่มันก็เหมือนยากจก ไปถึงเป้าหมายเหมือนกันคนอื่นเขาขึ้นเครื่องบินไปอย่างสบาย แต่เราต้องเดินไป สงสารตนเองเหมือนกันค่ะ แต่ก็แปลกนะคะที่รู้ทั้งสภาวะรู้และรู้ทั้งสภาวะหลง รู้ได้ทั้งสองสภาวะ ซึ่งโดยปกติแล้วคนจะไม่รู้สภาวะหลงของตนเอง แสดงว่าในอดีตชาติจิตยิ้มฝึกเรื่องสติสั่งสมไว้มากแล้ว


    สิ่งนี้ไม่รู้ว่าเหมือนกันหรือเปล่า แต่ทุกสภาวะโลกุตระ นั่นเป็นสัจจะ ความจริงที่พบเห็น พอไม่มีเหตุใด ๆ ก็เป็นคนธรรมดาที่แสนธรรมดาไม่มีอะไรเลย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2018
  14. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    _ถึงท่านหนุมาน ผู้นำสาร_

    ...เราฝากสารขึ้นไปด้วยว่าเรากำลังฝึกให้รู้ในการฝึกจิตเบื้องต้น ให้ทุกคนมีพื้นฐานที่ดีก่อน มีอารมณ์มั่นคงในกรรมฐานก่อน แล้วเราจะค่อยๆแนะนำวิธีถอนรากราคะหมายถึงความหลงกายที่เห็นว่าสวยงามนี้ หากคนที่ยังไม่เข้าถึงหลักการภาวนาที่ถูกต้องแล้วจะถอนความหลงของตนได้อย่างไร เราอยากให้ทุกคนทำให้ได้เบื้องต้นก่อน ถ้าไม่ได้เบื้องต้นแล้วจะไปแนะนำให้คนปฏิบัติได้อย่างไร เราต้องช่วยคนหมู่มากไม่ได้ช่วยแค่ตนเองหรือพวกพ้องตนเท่านั้น ท่านปู่จันทร์คงจะเข้าใจเรา และรับรู้รับทราบในเจตนาเรา
    ...ด้วยว่าเราแนะนำไปก็ไม่รู้ว่าใครได้เท่าไหร่แล้ว เราขอเวลาหน่อย มันจะต้องดีขึ้น ท่านทั้งหลายก็เร่งปฏิบัติด้วยแล้วกัน ส่วนใครที่เห็นว่าคำแนะนำวิธีปฎิบัติของเรามีประโยชน์ก็เอาไปพิมพ์แจกญาติมิตรสหายตนได้แล้วแต่ท่านเห็นสมควร แต่อย่าให้มีชื่อเราติดไปด้วย เพราะมันไม่ใช่ความรู้ของเรา ทุกอย่างเป็นธรรมเป็นของที่มีบนโลกอยู่แล้ว เราก็ฝากคืนให้เป็นประโยชน์ต่อโลกก็เท่านั้น
    ....ฝากท่านหนุมาน ผู้นำสารถามข้างบนเป็นพิเศษว่า..เราจะมีเงินที่ไหนมาให้พ่อแม่ไว้ใช้จ่ายในช่วงนี้(อันนี้ขอถามเป็นการส่วนตัว)
    ....ทุกท่านอีกไม่นานจะเริ่มบทหนักแล้ว บทนี้ต้องยอมสละเป็นสละตายแล้วนะ เร่งๆหน่อย ข้างบนมีสารมาเตือนแล้ว

    ......สวัสดี......
     
  15. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    _ถึงท่านจิตยิ้ม_
    ...หากฟังธรรมลองฟังตอนเข้านอนทุกวันให้ใส่หูฟังไปจนหลับ และตอนนอนอยู่นั้นก็ภาวนาไปด้วย ให้มีเสียงที่หูเบาๆแต่เราไม่สนใจเสียง ให้สนใจแต่คำภาวนา ให้มีสติอยู่กับลมหายใจและคำภาวนา ช่วงที่อยู่ระยองเราก็ฝึกอย่างนี้ เราก็ได้รู้ได้เห็นธรรมมาด้วยวิธีนี้เป็นส่วนมาก เพราะทุกคนต้องทำงานก็ใช้เวลานอนนี้แหละฝึกตนเอง
    ....ทุกคนมีเวลาส่วนตัวเท่ากันหมดทุกคนนั่นคือเวลานอน ทุกคนมีธรรมเท่ากันทุกคนมีเวลาส่วนตัวเท่ากันทุกคนขาดแต่สติเท่านั้น คือขาดความรู้สึกตัวในลมหายใจของตนเอง
    .....เรียนรู้_เร่ง_แล้วดีแน่แท้
     
  16. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    _บทนี้สำคัญ_

    พระพุทธ...มีความอยากและลมหายใจปกปิดไว้
    พระธรรม...มีความอยากและน้ำลายปกปิดไว้
    พระสงฆ์...มีความอยากและความคิดปกปิดไว้
    /////ทางเข้าสู่พระพุทธคือลมหายใจ/////

    ...ทุกตัวอักษรถวายเป็นพุทธบูชาและทดแทนคุณครูบาอาจารย์....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2018
  17. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,613
    ค่าพลัง:
    +3,015
    พระยาธรรม คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ขน คนที่ยังไม่บรรลุธรรม และ เหล่าพระโพธิสัตว์ ที่ทำงานในกึ่งพุทกาลของ พระสมณะโคดมพุทธเจ้า ให้ไปเจอ พระศรีอาริย์ และได้บรรลุธรรมในสมัยหน้าโน้น

    งานของพระยาธรรม เน้น สามอย่าง คือ ความสัตย์จริง ความดีงาม ความงดงามของสภาพแวดล้อม ทำได้ทั้งงาน สถาปนิก และ วิศวะกร ในคนเดียวกัน เพราะเหตุนี้ ท่านจึงต้องมาในร่าง คนธรรมดา ที่ไม่ใช่ พระสงฆ์ ด้วยเหตุที่ว่า ท่านต้องทำนุบำรุงศาสนา ต้องตกแต่งปัดกวาดศาสนสถาน แม้แต่งานล้างห้องน้ำในวัด ก็เป็นงานที่เหล่าพระยาธรรมชอบทำ หากอยากเห็นพระยาธรรม ท่านก็จะต้องฝึกล้างห้องน้ำสาธารณะอยู่เสมอๆ จึงจะมีโอกาสเจอพวกท่าน

    ท่านมาในร่าง คนธรรมดา เพราะว่า ท่านจะต้องทำได้ทั้งบุญ และ บาป ในเวลาเดียวกันได้ด้วย นั่นก็คือ การทำนุบำรุงศาสนาคือบุญ แต่การตกแต่งตัดแต่งสถานที่ เป็นงานที่เป็นบาป ที่ท่านเต็มใจที่จะรับทำงานเช่นนี้
     
  18. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,613
    ค่าพลัง:
    +3,015
    วิธีสังเกตการทำงาน ของ เหล่าพระยาธรรม

    เนื่องจากท่านเหล่านี้ มีศักดิ์ที่สูงส่งในสามโลกธาตุ แต่ท่านเหล่านั้นกลับชอบไปคลุกคลีตีโมง กับ บุคคลที่ต่ำต้อยในโลก เช่น ขอทาน ผู้พิการ คนชรา ผู้ป่วย ผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยไม่เคยคิดรังเกียจแต่ประการใด แต่ท่านทำไปด้วยใจที่มีเมตตาของ พระโพธิสัตว์นั่นเอง
     
  19. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,613
    ค่าพลัง:
    +3,015
    ข้อสังเกต พระศรีอาริย์ ผู้ที่จบ ด๊อกเตอร์ จบทั้ง ภาคปัญญาธิกะ ศรัทธาธิกะ และ วิริยะธิกะ ท่านจะมีพุทธบารมี เกือบเทียบเท่า สมเด็จองค์ปฐม นั่นเอง จะมีพุทธะบารมีมากกว่า พระสมณะโคดมพุทธเจ้า อยู่ประมาณ 10 เท่า คือ พระสมณะโคดม มีอาจารย์ที่เป็น พระพุทธเจ้าทั้ง
    สิ้น 37 ,000 กว่าพระองค์ แต่ พระอาศรีอาริย์ มีอาจารย์ที่เป็นพระพุทธเจ้าสอนมา 450 ,000 กว่าพระองค์เลยทีเดียว
    เพราะฉะนั้น จึงสามารถที่จะบรรลุธรรมได้มากถึง สี่แสนกว่าครั้งเลยทีเดียว หากท่านไม่มี
    มหาเมตตาใหญ่ ในตนเอง ท่านก็คงหนีไปนิพพานนานแล้ว

    บุคคลใน สามโลกธาตุ จึงยกย่องท่านให้เป็น ผู้ที่มีมหาเมตตาที่ใหญ่มากๆ ยกย่องท่านว่า พระศรีอาริยะเมตไตรย หรือ ผู้ที่มีเมตตาดั่งพระอริยะเจ้า นั่นเอง
     
  20. ดาราแฟร์

    ดาราแฟร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2013
    โพสต์:
    1,660
    ค่าพลัง:
    +2,461
    ครับผม..โพสต์นี้ได้ใจจริงๆครับ.
    การตกแต่งตัดแต่งสถานที่นี่ ไม่รู้ว่ามีกี่พันล้านชีวิตที่ต้องถูกสังเวยไป.
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...