***วัตถุมงคลหลวงพ่อไพบูลย์ วัดอนาลโย ดอยมังกร-ครูบาวงค์ และเกจิอาจารย์ทั่วไทย

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย siwa1968, 24 สิงหาคม 2010.

  1. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    พระเครื่องจังหวัดตากเท่าที่มีครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF1619.jpg
      DSCF1619.jpg
      ขนาดไฟล์:
      494 KB
      เปิดดู:
      60
    • DSCF1620.jpg
      DSCF1620.jpg
      ขนาดไฟล์:
      293.9 KB
      เปิดดู:
      62
    • DSCF1621.jpg
      DSCF1621.jpg
      ขนาดไฟล์:
      331.7 KB
      เปิดดู:
      56
    • DSCF1622.jpg
      DSCF1622.jpg
      ขนาดไฟล์:
      242.8 KB
      เปิดดู:
      48
    • DSCF1623.jpg
      DSCF1623.jpg
      ขนาดไฟล์:
      232.8 KB
      เปิดดู:
      55
    • DSCF1624.jpg
      DSCF1624.jpg
      ขนาดไฟล์:
      182.4 KB
      เปิดดู:
      56
    • DSCF1625.jpg
      DSCF1625.jpg
      ขนาดไฟล์:
      207.8 KB
      เปิดดู:
      56
  2. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    สมเด็จไม่รู้สำนัก+สมเด็จหินแกะไม่รู้ที่แต่สวย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF1546.jpg
      DSCF1546.jpg
      ขนาดไฟล์:
      129.6 KB
      เปิดดู:
      53
    • DSCF1547.jpg
      DSCF1547.jpg
      ขนาดไฟล์:
      143.3 KB
      เปิดดู:
      54
    • DSCF1548.jpg
      DSCF1548.jpg
      ขนาดไฟล์:
      124.3 KB
      เปิดดู:
      56
    • DSCF1549.jpg
      DSCF1549.jpg
      ขนาดไฟล์:
      128.6 KB
      เปิดดู:
      49
  3. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    หลวงพ่อผิว วัดสง่างาม ปราจีนบุรีขอบคุณบทความจากคุณJUMBO A
    เมื่อเยาว์วัยได้ช่วยมารดา-บิดาประกอบอาชีพในการทำนา การศึกษาเล่าเรียนในสมัยนั้น ก็อาศัยเรียนกับพระที่วัด หลวงพ่อได้เรียนกับพระที่วัดเลียบ ตำบลท่างาม อำเภอเมือ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้บ้าน จนมีความรู้อ่านออกเขียนได้ ทั้งหนังสือไทยและหนังสือขอม ซึ่งเรียกว่า อักขรสมัย จนถึงอายุ 21 ปี จึงได้อุปสมบท ณ วัดเลียบแห่งนี้ ในสมันนั้นนิยมบวชเมื่ออายุได้ 21 ปี อุปสมบทเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2456 ณ พัทธสีมาวัดเลียบ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีพระครูปราจีนมุนี (หลวงพ่อทอง) เจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี วัดหลวงปรีชากูล เป็นพระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการหร่ำ วัดเลียบเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า สีลสิสุทฺโธ เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาพร้อมทั้งได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดเลียบ เป็นเวลา 10 พรรษา จนถึง พ.ศ. 2466 หลวงพ่อจึงย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสง่างาม ตำบลบางบริบูรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี เป็นวัดซึ่งอยู่มาทางทิศตะวันออกของวัดเลียบคนละฝั่งแม่น้ำระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสง่างามตั้งแต่ พ.ศ. 2466 เป็นต้นมา จวบจนกระทั่งมรณภาพ พ.ศ. 2528 นับได้ 62 ปี

    หลวงพ่อมีคุณวิเศษอย่างหนึ่งคือ หลวงพ่อเป็นผู้มีเมตตาธรรมสูงได้ช่วยเหลือสงเคราะห์ อนุเคราะห์แก่ผู้ที่เจ็บป่วย เช่น แขนหัก ขาหัก กระดูกหักต่าง ๆ ท่านช่วยรักษาให้หายได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้กระทั่งนายแพทย์บางคนที่สำเร็จการศึกษามาทางวิทยาศาสตร์แขนหักยังต้องมาให้หลวงพ่อรักษาต่อกระดูกให้ก็เคยมี ท่านรักษาโดยใช้น้ำมันมนต์และวิธีเคาะต่อกระดูกให้ติดกันได้ตลอดจนกระทั่งวัว ควาย ช้าง สัตว์เลี้ยงขาหัก ท่านก็รักษาให้หายได้มาแล้วจนนับไม่ถ้วน ผลงานพิเศษอีกด้านหนึ่งที่ทำให้หลวงพ่อเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปคือการไปในพิธีพุทธาภิเษก ซึ่งมีหลายต่อหลายแห่งด้วยกัน แม้แต่ในระยะหลังนี้ถึงแม้หลวงพ่อจะชราภาพลงไปมากแล้วตามก็ยังมีผู้มานิมนต์ท่านอยู่เสมอๆ และมีครั้งหนึ่งที่เป็นเกียรติประวัติ หลวงพ่อได้รับฎีกาเข้าไปในพิธีพุทธาภิเษกในพระบรมหาราชวัง ในงานฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อปี พ.ศ. 2525
    เหรียญเมตตาบารมี 350 บาท
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาพะเยา ชื่อบ/ช ปริศนา บัวเทศ เลขที่ 209-2-51303-6
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2010
  4. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    พระพุทธชินราช ของดีเมืองสองแคว
    ทั้งชุด 900 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2010
  5. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    คำทำนายโบราณล้านนาพญาอินทร์ตวายโลก<O:p</O:p
    <O:p> </O:p>
    คำทำนายนี้ เป็นคำทำนายล้านนาโบราณ ได้จารึกในสมัย พญาสิริธรรมจักรววรดิติลกราช (พระเจ้าธรรมจักรพรรดิ์ติโลกราช)ท่านทรงให้จารึกเป็นพุทธทำนายถึงยุคกึ่งพุทธกาลซึ่งพระอินทร์ได้จดไว้มอบให้พระมหาสุคันธศีลจำมาต่อมา ต่อมาคุณสิงห์คำได้เอามาใส่เพลงซอขับร้องน่าเสียได้ไม่สามารถใส่เพลงมาให้ฟังได้ก็ขอลงคำทำนายแล้วกันครับ
    <O:p> </O:p>
    * สัตว์ โลกมนุษย์ที่นับถือศาสนาพุทธ ทั้งหลาย ฟังคำทำนายอินทราธิราชเจ้าแต่งคำซอเอามาบอกเล่า คำทำนายเก่าจะจริงไม่จริง ในอนาคตจะบังเกิดความจริงธัมม์พระยาอินทร์ทำนายไว้ภายหน้า ใกล้ถึงเวลาแห่งความพินาศ (สร้อย)
    * ที่ดอนจะกลายเป็นที่ลาด ดอยโดนถากถาง ขุนเขาผุพังถูกบุกรุกเข้าไปก่อสร้างทำเป็นรีสอร์ทบังกะโล คอนโดใหญ่โต มนุษย์จะเข้าไปบุกทำลายป่าเขาสร้างเป็น โรงแรม โรงเรียนที่ดอนจะกลายเป็นที่ลาดราบเรียบเหมือนหน้าเขียง ที่เป็นหาดทรายจะกลายเป็นวังน้ำวนดอยจะโล่งเตียน (สร้อย)
    * หาด ทรายจะกลายเป็นวังน้ำวนเพราะมีการนำเรือมาดูดทรายออกไป บ้านสวนไร่นาที่อยู่ริมตลิ่งจะพังถล่มลงกลายเป็นวังน้ำวน ดอย/ภูเขาจะร้องลั่นคำราม ฟ้าร้องฝนตกหนักเหมือนเสียงผีร้องไห้ดังก้องไปทั้งป่า (สร้อย)
    * เจดีย์ /พระธาตุจะร้าวแยก แตก พังจะเกิดแผ่นดินจะไหวรุนแรง พระพุทธรูปจะมีเหงื่อไหลออกมาตามองค์พระเป็นคำทำนายโบราณที่เคยมีมา (สร้อย)
    * กล่าว กันว่าร่มฉัตรจะมีฝูงแตนเข้าไปทำรัง ฟ้าจะแดงจะสว่างและร้อนผิดปกติควันมากมายจะปกคลุมบ้านเมืองจนมองไม่เห็นดาว เดือน ทั้งควันพิษ ควันไฟป่า ฯลฯเมฆจะจับตัวเป็นรูปร่างพิสดารต่างๆนานา(สร้อย)
    * จะเกิดฟ้าผ่ารุนแรงทำให้ผู้คนล้มตายจำนวนมากผีหัวโตจะบินวนบนท้องฟ้าส่งเสียงร้องคำรามกึกก้อง(น่าจะหมายถึงเครื่องบิน)นักปราชญ์จะจะหลอกลวงเอาเงินทองด้วยวิธีผิดกฏหมาย สิ้นคิดเพื่อเลี้ยงตัวเอง (สร้อย)
    * น้ำ ในลำคลอง ห้วย หนองต่างๆจะกลายเป็นสีเลือดจะเกิดอุทกภัยขั้นรุนแรงมากมาย แมลงศัตรูพืชจะระบาดหนักจะเกิดการขัดแย่งทางความคิดขึ้น(หมาหลายฝูงออกมาหอนซ่าว) (สร้อย)
    * สัตว์ป่าหรือสัตว์ที่เคยอยู่ในป่าจะเข้ามาอยู่ในเมืองในรูปแบบต่างๆคนนุ่งเหลืองจะอ้างตัวว่าเป็นพระ ขี้ยา ขี้เหล้าจะบวชปลอมอยู่ในพุทธศาสนาโดยไม่เกรงกลัวต่อบาปและศีลธรรม ปลูกข้าวก็จะยืนต้นตายเพราะขาดน้ำ (สร้อย)
    * บ่อน้ำและแหล่งน้ำจะแห้งขอด คนยากคนจนจะพากันกู้หนี้ยืมสิน โจรผู้ร้ายจะชุกชุมผู้คนจะหันไปพึ่งสิ่งที่ไม่มีตัวตนมากขึ้น (สร้อย)
    * ที่ที่เคยเป็นแหล่งน้ำจะถูกคนรวยถมเพื่อสร้างบ้านเรือนจะมีเสียงหวีดร้องน่ากลัวเหมือนภูติผีปีศาจอาละวาดคนที่ทำผิดจะแพ้ภัยตัวเองในที่สุด (สร้อย)
    * ชาวเขาจะเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้น คนหนุ่มจะได้เป็นใหญ่เป็นโตในหน้าที่การงานผู้คนจะได้ทำงานนอกบ้านกันมากขึ้น คนใจบาปจะร่ำรวยมั่งมีแต่จิตใจหยาบช้าแต่คนจิตใจดีกลับยากจน
    * พ่อ แม่ลูกจะพลัดพรากจากกันคนมีความรู้จะไม่มีใครนับถือ เพราะจิตใจหลงอยู่ในอบายมุขบางพวกก็ทำอะไรเกินตัวเองจนเป็นหนี้เป็นสินมากมายเห็นช้างขี้ขี้ตามช้างนั้นเอง(สร้อย)
    * พ่อค้าสบคบคิดกับโจรเอารัดเอาเปรียบลูกค้า วัวควายจะกินหญ้าร่วมกับม้าถนนถูกสร้างแต่ไม่มีใครใช้ กลับไปใช้ถนนแคบๆเช่น ซอยหรือซอกเล็กๆ (สร้อย)
    * สัตว์เพศผู้จะสู่สมกัน มีเพศสัมพันธ์แบบผิดธรรมชาติ เด็กจะใจแตก ท้องก่อนวัยอันควรลืมบุญคุณพ่อแม่ ลืมบุญคุณผู้มีพระคุณ (สร้อย)
    * คนผู้น้อยจะไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ คนมีบุญผู้ทำความดีจะถูกเมินเฉยจะไม่ใครศรัทธาในผู้ประพฤติในธรรม ฝนจะไม่ตกต้องตามฤดูกาล (สร้อย)
    * ผู้คนจะหลงลืมหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าจะครองตนอยู่บนความ รัก โลภ โกรธหลง(ผ้าสี่แจ่งเอามาแป๋งถง) ผู้คนจะหันไปนับถือผีจนลืมพระพุทธศาสนามีการปลอมแปลงเงิน ธนาบัตรต่างๆ คนแก่คนมีอายุจะหลงรักสาวน้อย (สร้อย)
    * คนมีอายุจะหลงในกามารมณ์จนต้องหมดเนื้อหมดตัวเด็กสาวจะท้องก่อนแต่งเพราะชอบลองอะไรแปลกๆ คนทำผิดจะบวชเพื่อหนีความผิดวัวควายผอมโซจะถูกฆ่าเพื่อใช้เป็นอาหาร ต้นข้าวจะตายเพราะถูกแดดเผา (สร้อย)
    * จะ ได้หว่านกล้าเดือน 11,12 (เดือนเหนือ) ฝนจะตกเดือน 4,5 (เดือนเหนือ)ฤดูกาลจะผิดปกติไปหมด ตามคำทำนายโบราณในธัมม์ ต้นพระศรีมหาโพธิ์จะยืนต้นตายต้นไม้จะล้มตายจำนวนมาก ผู้คนจะเห็นสิ่งไม่มีค่าว่าเป็นสิ่งมีค่า(สร้อย)
    * ผู้ คนจะละเลยสิ่งเก่าๆ พากันกราบไหว้สิ่งเน่าเหม็น ไม่รู้คำว่ายอมทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตเป็นคดีความขึ้นโรงขึ้นศาล ทำอะไรก็จะมีอุปสรรคผู้หญิงคนเดียวจะมีสามีมากคน หลงระเริงในกามารมณ์ (สร้อย)
    * ผู้คนจะหลงระเริงในอบายมุข พระสงฆ์ พระชั้นผู้ใหญ่จะนั่งรถเก๋งหลงใหลในอบายมุขลืมคำสอนของพระพุทธศาสนา (สร้อย)
    * มีการปลอมแปลงสินค้าเช่น ของเก่า ของโบราณ คนชั้นผู้น้อยจะทำตัวเสมอเจ้าผู้เป็นลูกศิษย์จะไม่ฟังคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ ญาติพี่น้องจะเกลียดชังกัน (สร้อย)
    * เจ้า จะคิดคบกับสตรีเพศนำผู้ที่ไม่ใช่เชื้อสายมายกย่องให้เป็นเจ้าคนตายจะกลับฟื้นคืนชีพ คำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะถูกตัดแต่งคำสัตว์ต่างพันธุ์จะผสมพันธุ์กันจนเกิดการกลายพันธุ์ขึ้น จะเกิดสุริยุปราคาจันทรุปราคาขึ้นบ่อยครั้ง (สร้อย)
    * ต้นไม้ที่ยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่จะติดดอกออกผล สมณเพศจะค้าขายเหมือนชาวบ้านสัตว์ป่าจะพูดได้ คนป่าเถื่อนจะอวดอ้างความฉลาด คนแก่จะอยากเป็นหนุ่มเป็นสาวจะขายตัวเลี้ยงชีพ ผู้ดีจะเกลือกกลั้วกับไพร่ (สร้อย)
    * พระอินทร์ได้ให้คำทำนายว่า คนที่ทำบาปกรรมจะต้องได้ผลกรรมนั้นผู้มีอำนาจชั้นเจ้านานยใหญ่จะเชื่อลัทธิใหม่ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแต่คนที่ทำดียึดมั่นในคำสอนของพระพุทธศาสนา ก็จะได้ผลแห่งการทำดีนั้นตอบแทนจนได้ไปอยู่บนสวรรค์ อันมีนิพพานเป็นที่ตั้ง
     
  6. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    สมเด็จแพพันเนื้อทองเหลืองหลวงพ่อแพ
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาพะเยา ชื่อบ/ช ปริศนา บัวเทศ เลขที่ 209-2-51303-6<!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2010
  7. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    เหรียญหลวงพ่อจันทร์ เกสโร นครสวรรค์รุ่น1
    หลวงพ่อจันทร์ท่านเป็นลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อเดิม ทั้งยังได้รับมอบหมายเป็นผู้ถือโลหะ (ลงอักขระปลุกเสกของหลวงพ่อเดิม)
    เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลเนื่องในพิธีหล่อรูปกรมหลวงชินวรสิริวัฒน์สมเด็จพระสังฆราชฯที่สวรรคตไป ในปี ๒๔๘๑ ณ วัดราชบพิธ ซึ่งเป็นการรวมเอาเกจิอาจารย์ชื่อดังจากทั่วสารทิศมาร่วมพิธีฯ
    บูชา650รวมจัดส่งครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2010
  8. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    เหรียญใบโพธิ์พระครูนิติสารโกวิท หลวงพ่อเชย วัดเกาะลอย ต.แควอ้อม อ.เขางู จ.ราชบุรี
    บูชา 350 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF1583.jpg
      DSCF1583.jpg
      ขนาดไฟล์:
      299 KB
      เปิดดู:
      47
    • DSCF1584.jpg
      DSCF1584.jpg
      ขนาดไฟล์:
      279.6 KB
      เปิดดู:
      47
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2010
  9. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    หลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุ ลพบุรี
    พระครูสิริธัชสมาจารย์ (หลวงปู่บุญตา วิสุทธสีโล) วัดคลองเกตุ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี
    มีนามเดิมว่า บุญตา นามสกุล พาซื่อ โยมบิดาชื่อ นายอุด โยมมารดาชื่อ นางทุม พาซื่อ
    เกิดที่บ้านโนนสะคาม จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2449
    ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 4 ท่าน คือ
    1. นายอ้วน พาซื่อ
    2. นายรุณ พาซื่อ
    3. นางลา พาซื่อ
    4. หลวงปู่บุญตา วิสุทธสีโล
    เมื่ออายุได้ 3 ขวบ บิดาย้ายถิ่นฐานไปอยู่บ้านพระเสาร์ อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร

    ชีวิตในวัยเยาว์อายุ 12 ปี ได้ศึกษาภาษาไทย ณ วัดพระเสาร์ จนถึงชั้น ป. 3 จึงออกมาช่วยบิดามารดาทำนา
    จนกระทั่งอายุ 16 ปี บิดามารดาพาย้ายถิ่นฐานไปอยู่บ้านจาน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
    และได้ย้ายไปอยู่บ้านหนองมะนาว ต.ขอนแก่น อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์
    จนอายุได้ 23 ปี มารดาก็เสียชีวิต ท่านจึงได้บวชหน้าไฟเพื่อทดแทนคุณมารดา

    ท่านอุปสมบทเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2472 ที่วัดหนองม้า ต.หนองฮะ อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์
    โดยมีพระอธิการกลัด เจ้าอาวาสวัดสะเม็ด เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอาจารย์กา วัดสะเม็ด เป็นพระกรรมวาจา
    พระอธิการเผือ วัดบ้านเครือ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ท่านได้รับฉายาว่า "วิสุทธสีโล" แปลว่า "ผู้มีศีลอันบริสุทธิ์
    เมื่อบวชแล้วได้จำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์กลัด พระอุปัชฌาย์ในวัดสะเม็ด
    ได้เริ่มเรียนการปฏิบัติกัมมัฏฐานอย่างจริงจังกับผู้เป็นอุปัชฌาย์
    พร้อมกับเรียนพระปริยัติธรรมควบคู่ไปด้วยและก็สอบได้นักธรรมชั้นตรีในพรรษาแรก

    เมื่อจิตใจพึงพอใจอยู่กับความสงบประกอบกับหลวงปู่ท่านได้สมาธิแล้ว
    ก็ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายที่จะต้องอยู่กับสิ่งแวดล้อมแห่งผู้คน
    จึงขออนุญาตพระอาจารย์กลัดแสวงหาครูบาอาจารย์สอนวิชา
    โดยไปจำพรรษาที่วัดกลาง จังหวัดบุรีรัมย์
    เพราะทราบว่ามีครูบาอาจารย์ดีในวัดหลายองค์
    ท่านจึงได้ศึกษาวิชาต่างๆ หลายแขนงทั้งทางด้านปฏิบัติธรรม ด้านคาถาอาคม
    ไสยศาสตร์ แต่เนื่องจากวิชาอาคมต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นภาษาขอมท่านจึงคิดที่หาที่เรียนภาษาขอม
    จึงเดินทางไปยังวัดเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี
    เรียนภาษาบาลีและอักขระขอม ใช้เวลาเรียนอยู่ 4 ปีเต็มจนแตกฉานในภาษาบาลีและอักขระขอม

    จบแล้วจึงไปจำพรรษาที่วัดพระเสาร์เป็นเวลา 3 พรรษา
    และท่านก็ปรารถนาจะกราบนมัสการพระธาตุพนม ซึ่งไม่เคยไปมาก่อน
    ท่านจึงออกเดินทางธุดงค์ไปยังวัดพระธาตุพนม ค่ำไหนก็ปักกลดที่นั่น
    ทำการสำรวจจิตใจด้วยตนเอง ทบทวนด้วยเรื่องของสังขารอยู่ในป่าทึบ
    จนกระทั่งถึงวัดพระธาตุพนม และอยู่ที่วัดพระธาตุพนม 7 วัน

    จากนั้นออกธุดงค์ต่อไปทางจังหวัดเชียงใหม่ไปพักอยู่วัดอุโมงค์
    เป็นวัดที่พระชาวศรีลังกามาสอนธรรมะ
    ท่านอยู่ที่นั่น 15 วัน ก็ธุดงค์ต่อไปทั่วภาคเหนือและภาคอิสาน
    ปี พ.ศ. 2474 หลวงปู่เดินธุดงค์อยู่เชียงใหม่
    ท่านทราบว่าเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) แสดงธรรมอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง
    ท่านดีใจมากที่จะได้พบพระสุปฏิปันโน
    และท่านก็ได้รับความเมตตาชี้แนะแนวทางธรรม
    หลังจากนั้นท่านจึงธุดงค์ไปวัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา
    ไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเสาร์ กันตสีโล
    ซึ่งหลวงพ่อเสาร์ ท่านเชี่ยวชาญเรื่องปัฏฐวีกสิณ เตโชกสิณ อาโปกสิณ และวาโยกสิณ
    หลวงพ่อเสาร์ท่านได้เมตตาสอนปัฏฐวีกสิณให้
    โดยนำดินมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเท่าหม้อใหญ่และขนาดขันน้ำ โดยมองให้เห็นอยู่อย่างนั้น
    แล้วลืมตามาเพ่งใหม่คือ การเพ่งดินเป็นอารมณ์ และในการฝึกนั้นจะมีพระมหาปิ่น ปญฺญาธโร
    และพระอาจารย์สิงห์ ขันตคยาโม เป็นผู้เข้มงวดในการฝึก
    จนกระทั่งหลวงปู่บุญตา เข้าถึงปฐวีกสิณอย่างรวดเร็วกว่าศิษย์ท่านอื่นๆ

    จากนั้นท่านจึงกราบลาหลวงพ่อเสาร์ และพระมหาปิ่น ธุดงค์มาทางจังหวัดลพบุรี
    และมาพักอยู่วัดพรหมมาสตร์ มาอยู่กับหลวงพ่อพุทธวรญาณ ได้ศึกษาธรรมะอยู่ 1 พรรษา
    จากนั้นจึงเดินทางเข้าไปกรุงเทพฯ ไปอยู่วัดมหาธาตุ
    พร้อมกับปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานกับพระเทพสิทธิมุนี ภาวนายุบหนอ พองหนอ
    เพ่งสติให้เป็นมหาสติปัฏฐาน ปฏิบัติได้ 2 เดือนเศษก็มีความชำนาญและช่ำชองอย่างรวดเร็ว

    ออกจากวัดมหาธาตุ ย้อนกลับไปยังจังหวัดนครสวรรค์
    ได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม พุทธสโร แห่งวัดหนองโพ ได้ศึกษาวิชากับหลวงพ่อเดิมหลายอย่าง
    เช่น การสร้างมีดหมอเทพศาสตราตามตำรับเดิมแท้ ฯลฯ
    และท่านได้ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อทองวัดเขากบ ซึ่งท่านมีชื่อเสียงในการเล่นแร่แปรธาตุ

    จากนั้นได้เข้าศึกษาพระธรรมที่วัดศรีษะเมือง หรือวัดนครสวรรค์ ซึ่งมีชื่อเสียงทางปริยัติธรรม
    หลวงปู่บุญตาจึงได้ศึกษาจนสำเร็จนักธรรมชั้นโทและนักธรรมชั้นเอก
    ท่านอยู่ที่ในนครสวรรค์ 4 พรรษา จากนั้นก็กลับมาลพบุรี มาจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองบัว ต.คลองเกตุ
    อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส ในปี 2483
    ท่านอยู่ที่วัดหนองบัว 3 พรรษา จากนั้นจึงกลับไปเยี่ยมภูมิลำเนาเกิด โดยไปจำพรรษาที่วัดพระเสาร์
    เป็นเวลา 3 พรรษา จากนั้นก็กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัวอีกครั้งหนึ่ง
    ในการอยู่วัดหนองบัวท่านก็ได้โน้มน้าวจิตใจของญาติโยมเข้าวัดปฏิบัติธรรม
    ควบคู่ไปกลับการสอนปริยัติธรรมให้กับพระภิกษุสามเณร
    รวมทั้งเป็นที่พึ่งของญาติโยมในภาวะเจ็บไข้ท่านก็ใช้พลังอำนาจทางจิตทำการรักษา
    รวมทั้งผู้ที่ถูกคุณไสยมนต์ดำ หลวงปู่สยบมาแล้วทั้งนั้น
    ชื่อเสียงด้านการสอนธรรมะและปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ ทำให้ผู้ใหญ่ระดับสูงในอำเภอโคกสำโรง
    อาราธนานิมนต์ไปยังอารามแห่งใหม่
    ท่านอยู่วัดหนองบัวครั้งหลัง 3 พรรษา ปี 2492 ก็ได้รับคำสั่งให้ไปปกครองวัดสิงห์คูยาง
    ซึ่งอยู่ใจกลางชุมชนตลาดอำเภอโคกสำโรง ท่านพัฒนาวัดสิงห์คูยาง จนก้าวหน้า
    และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพระครูสังฆรักษ์บุญตา พระฐานานุกรมของพระกิตติญาณมุนี
    (พระพุทธวรญาณ) เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี รวมระยะเวลาปกครองวัดสิงห์คูยาง 23 พรรษา

    ขณะที่ท่านพำนักอยู่วัดสิงห์คูยางนั้นท่านเดินทางสู่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
    เพื่อขอรับการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานตามแนวทางของพระธรรมธีราชมุนี (โชดกญาณสิทธิ ป.ธ.9)
    ในรุ่นที่ 3 และได้รับการยกย่องจากพระเดชพระคุณ พระพิมลปัญญาว่า เป็นพระวิปัสสนาจารย์ชั้นเยี่ยม
    เพราะเข้าสมาธิได้เป็นที่ 1 สามารถทำให้ร่างกายไม่ไหวติงนานนับ ถึง 1 วัน 1 คืน
    ถึงขั้นมีผู้ทดสอบยกร่างของท่านจากที่เดิมไปที่แห่งใหม่ โดยที่ท่านั่งของท่านยังคงเดิมไม่ไหวติง
    เพราะหลวงปู่ท่านเข้าถึงสภาวะจิตขั้นสูงแล้ว


    วัดคลองเกตุ ต.คลองเกตุ อ.โคกสำโรง ถึงยุคเสื่อมโทรมร้างเจ้าอาวาส
    ชาวบ้านตำบลคลองเกตุได้พร้อมใจกันไปขอร้องท่านผู้ใหญ่ในอำเภอ
    ขออาราธนานิมนต์ไปปกครองวัดคลองเกตุไปเป็นหลักของชาวบ้านคลองเกตุ
    เพราะความศรัทธาที่มีต่อท่านตั้งแต่ครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัว ซึ่งอยู่ในตำบลเดียวกัน

    คณะสงฆ์ผู้ใหญ่ได้สอบถามหลวงปู่ หลวงปู่ก็ตอบตกลงเพราะว่าวัดสิงห์คูยางเจริญแล้ว
    และอยู่กลางอำเภอ และเห็นว่าวัดคลองเกตุเงียบสงบ
    เหมาะแก่การเจริญภาวนา ปฏิบัติธรรม ท่านจึงตอบตกลงทันที

    วันที่ 25 มกราคม 2514 ขบวนชาวบ้านคลองเกตุ ได้จัดขบวนไปรับหลวงปู่ถึงวัดสิงห์คูยาง
    เพื่อไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดคลองเกตุ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
    หลวงปู่ท่านก็ได้ไปบริหารจัดการและพัฒนาจนเจริญก้าวหน้าจนเป็นวัดคลองเกตุในปัจจุบัน


    หลวงปู่บุญตาท่านมีความช่ำชองในการเพ่งกสิณไฟเป็นพิเศษ
    ถึงขนาดที่กำหนดจิตเสกพระให้แก่ผู้ศรัทธาเพียงชั่วอึดใจ
    พระที่ท่านเสกให้ถึงกับร้อนจัดขึ้นทันที
    และที่น่าอัศจรรย์คือมีผู้ห้อยพระของท่านถูกฟ้าผ่า แต่รอดตายได้อย่างปาฏิหารย์
    วัตถุมงคลของท่านทุกรุ่น ประสบการณ์เพียบ....เรื่องแคล้วคลาด ปลอดภัย โชคลาภ
    มีพูดคุยปากต่อปากของลูกศิษย์ของท่านไม่ขาดปากตลอดจนถึงปัจจุบันนี้
    และวัตถุมงคลของท่านไม่มีวางให้เห็นตามแผงพระทั่วไป เพราะลูกศิษย์เห็นจะเก็บไว้หมด
    นานๆ ทีจึงจะเห็นวัตถุมงคลของท่านออกมาให้เห็นตามตลาดพระบ้าง
    กสิณไฟเหนือฟ้า วาจาสิทธิ์

    ลูกศิษย์ของหลวงพ่อบุญตา ทั้งใกล้และไกลได้ประจักษ์ถึงคุณวิเศษของท่านคือ วาจาสิทธิ์
    ถ้อยคำที่ท่านพูดออกไปนั้นมักเป็นความจริงเสมอ จนได้รับการยกย่องว่า หลวงปู่บุญตาวาจาสิทธิ์
    หลวงปู่ท่านเป็นพระกัมมัฏฐานที่มีจิตใจสะอาดมองโลกในงแง่ดีเสมอ
    กายวาจาและจิตใจของท่านบริสุทธิ์จริงไม่มีการพลั้งเผลอขาดสติ
    จิตใจแน่วแน่อยู่ในพุทธคุณ วาจาที่กล่าวออกมาจึงบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์
    เป็นที่รู้กันไม่ว่าหลวงปู่จะพูดอะไรก็เป็นไปอย่างนั้น จะทักใครให้อยู่ดีมีความสุข
    คนนั้นก็จะเป็นไปตามที่หลวงปู่พูด คนเกเรข่มเหงไม่ว่าผู้เฒ่าผู้เฒ่าผู้แก่ระรานเขาไปทั่ว
    เมื่อหลวงปู่ทราบก็จะสั่งสอนให้กลับเนื้อกลับตัวเสียใหม่
    ให้ปฏิบัติแต่ในสิ่งที่ดีงามก่อนจะสาย หากคนนั้นรับปากแล้วไม่กระทำตามหรือดูหมิ่น
    ในคำสอนของหลวงปู่ก็จะต้องได้รับความวิบัติจนถึงหายนะไปในที่สุดดังที่ประจักษ์กันมาแล้ว
    คำพูดของท่านที่ลูกศิษย์ได้ยินเสมอคือ ช่างเขาเถอะ


    หลวงปู่ท่านเป็นผู้ที่ให้เสมอ ผู้ใดขออะไร ท่านก็มีแต่ให้ ท่านมักพูดน้อย
    วาจาไพเราะ ผิวพรรณผ่องใสงดงาม ผู้ที่เข้ามากราบท่าน พบท่านแล้วจะเกิดความเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง
    สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของท่านก็คือ การเพิ่มพลังกำลังใจให้แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก
    หรือที่ภาษาของชาวบ้านเรียกว่า ต่ออายุหรือต่อชะตา
    ชาวบ้านใกล้ไกลจะมาให้ท่านสงเคราะห์อยู่อย่างสม่ำเสมอ คนป่วยที่ว่าไม่น่ารอด
    ไปหาหมอไหนๆ ก็ส่ายหน้า แต่ถ้ามากราบนิมนต์ให้ท่านทำหรือแนะนำให้ไปปฏิบัติ
    ก็จะหายจากอาการที่เป็นอยู่ และจะดีขึ้นในวันต่อมา เป็นความมหัศจรรย์จริงๆ

    หลวงปู่ท่านจะอบรมสั่งสอนให้ศิษย์เป็นคนดีหนีทุกข์ยากได้สำเร็จ
    ดั่งคำพูดของท่านว่า "อาตมาเป็นพระภิกษุสงฆ์ บวชแล้วได้อาศัยอาหารของชาวบ้าน
    เลี้ยงตัวตนจึงนับด้วยพระคุณ ดุจทองคำอันมีค่า
    แต่ยังด้อยกว่าข้าวเพียงหนึ่งคำที่ฉันผ่านลำคอ
    ดังนั้น แม้เวลาใดขณะใดญาติโยมมาหา อาตมาก็ต้องต้อนรับขับสู้ด้วยจิตที่มีเมตตายินดี"

    หลวงปู่ท่านได้เมตตาอบรมความคิดคติธรรมคำพรประสิทธิ์แด่ลูกศิษย์ ดังนี้
    1. ให้ทำความสงบทางจิตใจ
    2. ให้ขยันหมั่นเพียร
    3. อย่าเกียจคร้านให้สร้างเนื้อสร้างตัวโดยเร็ว
    4. ให้ทำตัวเป็นคนดี จะได้หลุดพ้นความยากจนและความทุกข์
    5. มีให้เกินใช้ มีมากใช้น้อย
    6. ได้ให้เกินเสีย คือทำงานมีเงินควรเก็บไว้แต่เวลาใช้ก็อย่าใช้มากให้ประหยัด
    7. คบเพื่อนที่ดี เพื่อนที่แนะนำไปในทางที่ดี
    8. สวดมนต์ภาวนา สร้างกุศลเพื่อหลุดพ้นภพชาติ
    ขอให้ญาติโยมทุกคนหมั่นเจริญภาวนาหาเหตุผลแยกแยะความดีความชั่ว
    ดูให้ออกมองให้เห็นและหมั่นทำความดีรักษาศีล เจริญธรรม
    ชีวิตที่อับเฉาของญาติโยมก็จะดีขึ้นมีความสุขขึ้น
    เพราะพระธรรมย่อมนำความสุขสงบความร่มเย็นมาให้
    สมัยก่อนมีลูกศิษย์ได้ถามหลวงปู่บุญตาว่า ทำไมฟ้าจึงผ่าคนแล้วไม่ตายครับ
    หลวงปู่ตอบว่า ฟ้าคงจะทดลองบุญบารมีเขากระมัง
    ลูกศิษย์ท่านนั้นก็ถามว่า ทดลองบารมีใครหรือครับ
    หลวงปู่ตอบกลับไปว่า ลองสวดมนต์บ่อยๆ นั่งกัมมัฏฐานเรื่อยๆ นะ เดี๋ยวก็จะรู้เอง
    ลูกศิษย์คนนั้นก็ได้แต่รับปากว่า...ครับ...หลวงปู่...
    บูชา 450 บาท


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3xm02.jpg
      3xm02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.7 KB
      เปิดดู:
      54
    • bpx06.jpg
      bpx06.jpg
      ขนาดไฟล์:
      95.4 KB
      เปิดดู:
      41
    • DSCF1633.jpg
      DSCF1633.jpg
      ขนาดไฟล์:
      214.2 KB
      เปิดดู:
      56
    • DSCF1634.jpg
      DSCF1634.jpg
      ขนาดไฟล์:
      231.9 KB
      เปิดดู:
      52
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2010
  10. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    ปู่ฤาษีที่บูชาอยู่ครับนำมาให้ชมกัน องค์ที่แกะจากดินได้มาจากแพร่ ครูบาศรีนวลได้มาจากวัดร้างกลางป่าท่านบอกว่าอายุหลายร้อยปีครับท่านมอบให้ประธานชมรมพระเครื่องเมืองแพร่แล้วเฮียมอบให้ผมเป็นที่ระลึกตอนที่ไปดูฮวงจุ้ยให้
    องค์ดำและลายเสือได้มาจากพระดอยอนาลโย ท่านบอกว่าเจ้าของเดิมตั้งแต่ได้มา คนในบ้านทะเลาะกันบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงได้นำมาถวาย ท่านเห็นว่าผมชอบจึงมอบให้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF1576.jpg
      DSCF1576.jpg
      ขนาดไฟล์:
      419.7 KB
      เปิดดู:
      64
    • DSCF1577.jpg
      DSCF1577.jpg
      ขนาดไฟล์:
      485.8 KB
      เปิดดู:
      45
    • DSCF1578.jpg
      DSCF1578.jpg
      ขนาดไฟล์:
      309 KB
      เปิดดู:
      65
    • DSCF1579.jpg
      DSCF1579.jpg
      ขนาดไฟล์:
      264.4 KB
      เปิดดู:
      53
    • DSCF1580.jpg
      DSCF1580.jpg
      ขนาดไฟล์:
      347.3 KB
      เปิดดู:
      49
    • DSCF1581.jpg
      DSCF1581.jpg
      ขนาดไฟล์:
      333 KB
      เปิดดู:
      68
    • DSCF1582.jpg
      DSCF1582.jpg
      ขนาดไฟล์:
      274.9 KB
      เปิดดู:
      58
    • DSCF1583.jpg
      DSCF1583.jpg
      ขนาดไฟล์:
      433.8 KB
      เปิดดู:
      71
    • DSCF1584.jpg
      DSCF1584.jpg
      ขนาดไฟล์:
      368.8 KB
      เปิดดู:
      43
    • DSCF1585.jpg
      DSCF1585.jpg
      ขนาดไฟล์:
      179.8 KB
      เปิดดู:
      57
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2010
  11. krit_eng99

    krit_eng99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    791
    ค่าพลัง:
    +2,228
    เข้ามาชมปู่ฤาษีครับ ขลังทั้งสามองค์เลยครับ (ping-love
     
  12. KRITA

    KRITA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    2,060
    ค่าพลัง:
    +7,264
    พระสมเด็จอวตาร 84 ยังมีให้บูชาอยู่หรือเปล่าครับ
     
  13. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    สมเด็จอวตารยังมีอยู่2องค์ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF1576.jpg
      DSCF1576.jpg
      ขนาดไฟล์:
      352.4 KB
      เปิดดู:
      47
    • DSCF1577.jpg
      DSCF1577.jpg
      ขนาดไฟล์:
      499.1 KB
      เปิดดู:
      45
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2010
  14. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    คุณKRIT ENG99 ฝากบุญมาแจกครับ
    เมื่อวานไปที่วัดกลางบางแก้วมาครับ งานบวงสรวงพระพรหม และเทพยดา ไปเป็นเพื่อนอาจารย์ผม

    ฝากข่าวประชาสัมพันธ์หน่อยครับ
    กระทู้บอกบุญของผมเอง<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    เบี้ยแก้ไม่รู้ที่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2010
  16. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    พระผงรูปเหมือน กนกข้าง หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ครับ
    บูชา 850 บาท ถ่ายต่างเวลาครับรูปจึงสีเพี้ยนๆหน่อย รูปล่างสีเหมือนของจริง ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF1592.jpg
      DSCF1592.jpg
      ขนาดไฟล์:
      392.2 KB
      เปิดดู:
      56
    • DSCF1593.jpg
      DSCF1593.jpg
      ขนาดไฟล์:
      464 KB
      เปิดดู:
      55
    • P8290290.jpg
      P8290290.jpg
      ขนาดไฟล์:
      137 KB
      เปิดดู:
      47
    • P8290293.jpg
      P8290293.jpg
      ขนาดไฟล์:
      135 KB
      เปิดดู:
      51
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2010
  17. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา เป็นปูชนียบุคคลที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในภาคเหนือตอนบน

    บารมีของครูบาศรีวิชัย ยังไม่มีพระสงฆ์องค์ใดเสมอได้ ทั้งในยุคสมัยของท่าน จนมาถึงปัจจุบัน

    เนื่องจากคำสอนและแรงศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนที่เคารพ นับถือครูบา คนในภาคเหนือยังให้ความเคารพนับถืออยู่เสมอ

    รวมทั้งยังปรากฏสถาปัตยกรรมในอัตลักษณ์รูปแบบของครูบาศรีวิชัย ในวัดที่มีชื่อเสียงทั้งเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา และแพร่ เป็นต้น

    ปี 2550 เป็นปีครบรอบ 130 ปี ครูบาศรีวิชัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย จ.ลำพูน ได้จัดการแสดงนิทรรศการพิเศษ "ครูบาเจ้าศรีวิชัย ชีวิต คำสอน ศรัทธา สถาปัตย์" ขึ้น โดยจะจัดแสดงตั้งแต่บัดนี้ ไปสิ้นสุดเดือนเมษายน 2551

    เพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาเรียนรู้ประวัติบุคคลสำคัญของล้านนา ที่ไม่เคยจางหายไปจากจิตใจของชาวล้านนา

    ครูบาศรีวิชัย เดิมชื่ออินทร์เฟือน เกิดวันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2421 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นบุตรคนที่ 3 ใน 5 ของนายควาย และนางอุสา ครอบครัวเป็นชาวนายากจน อยู่ที่ บ้านปาง ต.แม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน ต้นตระกูลเป็นหมอคล้องช้าง ของเจ้าหลวงดาราดิเรกฤทธิ์ไพโรจน์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 7

    เมื่ออายุ 18 ปีได้บวชเป็นสามเณรภายหลังอุปสมบท ได้รับฉายาว่า "สิริวิชโยภิกขุ" หรือพระสีวิไช

    ครูบาศรีวิชัย มีความสนใจด้านวิปัสสนา ปฏิบัติตามแบบอย่างของพระวัดป่าอย่างเคร่งครัด ถือสันโดษ มักน้อย

    อัตลักษณ์ของครูบา เวลาไปไหนมาไหนจะถือพัดใบลานและสวมลูกประคำเสมอ

    ชีวิตความเป็นสงฆ์ ฉันอาหารมื้อเดียว คือ มื้อเช้า ถ้าเป็นวันพระจะไม่ฉันอาหารเลย อาหารที่ฉันเป็นมังสวิรัติ และมัชชวิรัต เว้นจากของเสพติดทั้งหมด ไม่ยึดติดกับวัตถุปัจจัย วัตถุที่มีคนถวายทานโดยเฉพาะเงิน จะไม่จับต้องเลย ทำให้ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธา <TABLE style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted" border=1 cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    อีกทั้งการออกธุดงควัตรของครูบา ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆ โดยเฉพาะชาวกะเหรี่ยง ซึ่งมีบทบาทและมีความสัมพันธ์กับครูบาศรีวิชัยมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่

    ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในเขต อ.แม่สะเรียง และ อ.ลี้ ขนานนามครูบาศรีวิชัยว่า "กระแฉ่บั้ง" ซึ่งคำว่า "กระแฉ่" หมายถึงผู้วิเศษที่มีอำนาจเหนือธรรมชาติและเหนือวิญญาณหรือผีอื่นๆ ส่วนคำว่า "บั้ง" หมายถึง สีเหลือง คือสีจีวรที่นุ่งห่ม

    ครูบาศรีวิชัย ได้จาริกแสวงบุญไปทั่วทุกสารทิศ และได้บูรณะวัดไว้มากมาย จนได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าหมวดอุปัชฌาย์ จึงทำให้มีลูกศิษย์จำนวนมาก ช่วยเสริมบารมีท่านให้แก่กล้า กระทั่งเป็นที่จับตาของคณะสงฆ์มณฑลพายัพ จึงถูกอธิกรณ์ระยะแรกจากคณะสงฆ์ล้านนา มีการดำเนินคดีความเป็นช่วงระยะเวลายาวนาน เกือบ 30 ปี คือตั้งแต่ พ.ศ.2451-2479

    ส่วนระยะที่ 2 เจ้าคณะเมืองเชียงใหม่และเจ้าคณะมณฑลพายัพ กล่าวโทษว่าตั้งตัวเป็นพระอุปัชฌาย์ ไม่มีใบอนุญาต และไม่อยู่ในความบังคับบัญชาของเจ้าคณะสงฆ์ รวมทั้งมีเวทมนตร์ล่อลวงประชาชน ซ่องสุมผู้คน เป็นเหตุให้ประชาชนหลงนิยม ทำให้ครูบาต้องถูกลงโทษจำกัดบริเวณ ที่วัดพระธาตุหริภุญไชย จ.ลำพูน

    อธิกรณ์ระยะที่ 3 เกิดขึ้นในช่วงที่มีการสร้างถนนขึ้นสู่พระธาตุดอยสุเทพ คณะสงฆ์ผู้ปกครองเชียงใหม่ ไม่พอใจที่ครูบาศรีวิชัยดำเนินการโดยลำพังกับพระลูกศิษย์ และมีคณะสงฆ์บางคณะที่เห็นชอบ ขอแยกตัวมาอยู่ในการปกครองของครูบาถึง 90 วัด

    ในอธิกรณ์ครั้งที่ 3 ครูบาศรีวิชัยถูกจับกุมไปกรุงเทพฯ และยอมให้รับคำรับรองต่อคณะสงฆ์ ว่าจะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติลักษณ์ปกครองสงฆ์ทุกประการ แต่ข้อขัดแย้งกลับไม่ยุติยังคงดำเนินบทบาทต่อเนื่องมาจนถึงยุคสมัยลูกศิษย์คนสำคัญ คือ พระอภิชัยขาวปี หรือครูบาขาวปี

    แต่ผลจากการอธิกรณ์เหล่านี้ กลับสร้างบารมีให้แก่ครูบา จนมีคำกล่าวว่า "มาร บ่ มี บารมี บ่ แก่กล้า"

    ที่สุดแล้ว ไม่มีใครทำอะไรท่านได้ เพราะท่านมีลูกศิษย์ที่เป็นแนวร่วมและพร้อมจะปกป้องคุ้มครองครูบา จนทำให้เกิดภาพลักษณ์ของความเป็น "ตนบุญแห่งล้านนา" มาจนถึงปัจจุบัน

    "ยุพิน เข็มมุกด์" อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ในช่วงปี 2477 เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ชื่อเสียงของครูบาศรีวิชัยโด่งดังไปทั่ว คือการตกลงเป็นประธานการสร้างทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ จากการติดต่อขอความช่วยเหลือของ หลวงศรีประกาศ ผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่

    ซึ่งการขึ้นดอยสุเทพไปนมัสการพระธาตุสมัยก่อนเป็นไปอย่างยากลำบาก ในสมัยของพระองค์เจ้าบวรเดช อุปราช มณฑลพายัพ เคยมีความคิดจะสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ โดยใช้งบประมาณ 2 แสนบาท แต่ทางการไม่มีงบประมาณให้

    ถนนขึ้นดอยสุเทพ มีระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร ใช้เวลาในการก่อสร้าง 5 เดือน 22 วัน ทำพิธีเปิดทางเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2478 โดยครูบาศรีวิชัยนั่งรถเถ้าแก่โหงว จากต้นทาง คือ ห้วยแก้ว ไปถึงเชิงพระธาตุดอยสุเทพ นับเป็นความยิ่งใหญ่ที่ทางการทำไม่ได้

    ตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่ ครูบาศรีวิชัยได้บูรณปฏิสังขรณ์ วัดวาอาราม เจดีย์ จำนวนมาก และยังได้บูรณะหอไตรเพื่อไว้เก็บคัมภีร์ที่ท่านจารขึ้น สร้างวิหารครอบพระนอน รวมถึงบูรณะซ่อมแซมอุโบสถอีกด้วย

    ระยะเวลา 18 ปี ครูบาเจ้าศรีวิชัยได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ ในภาคเหนือ คือในจังหวัดลำพูนมีประมาณ 24 แห่ง เชียงใหม่ 33 แห่ง เชียงรายและพะเยา 22 แห่ง ลำปาง 24 แห่ง สุโขทัย คือวัดกลางดง

    ทุ่งเสลี่ยม ที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน คือวัดน้ำรูและวัดแม่ปิง จังหวัดตาก คือวัดพระธาตุแก่งสร้อย รวมประมาณ 74 แห่ง

    ขณะพำนักอยู่ที่วัดจามเทวี จ.ลำพูน ครูบาศรีวิชัยยังได้เป็นประธานสร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิง ระหว่างอำเภอหางดง จ.เชียงใหม่กับลำพูน

    ก่อนที่ครูบาศรีวิชัยจะละสังขารท่านได้สั่งเสียกับลูกศิษย์คนใกล้ชิดว่า ท่านอยากกลับไปตายที่บ้านปาง สถานที่เกิด และสั่งให้เอาน้ำผึ้ง 1 ขวด กรอกใส่ปากท่าน เมื่อท่านสิ้นอายุขัย ศพจะได้ไม่เน่าเปื่อย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2481 ท่านได้มรณภาพลง

    เมื่อข่าวการมรณภาพของครูบาศรีวิชัยแพร่กระจายออกไป ทั้งชาวลำพูนและชาวเชียงใหม่ต่างต้องการจะนำศพท่านไปประกอบพิธีกรรม แต่ด้วยสัจวาจาที่ท่านได้กล่าวไว้ว่า "ตราบใดที่แม่ปิงบ่ไหลล่องขึ้นเหนือ จะบ่ขอเหยียบย่างแผ่นดินเชียงใหม่อีก" ทำให้ชาวเชียงใหม่ยอมจำนน

    ดังนั้น เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ผู้ครองนครลำพูนจึงได้ประกอบพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่ 15 วัน 15 คืน ที่วัดจามเทวี ซึ่งเป็นวัดที่ท่านเคยบูรณะและสร้างวิหารไว้

    หลังงานพระราชทานเพลิงศพ ได้มีการแบ่งธาตุของท่านออกเป็น 6 ส่วน ไว้ที่ วัดจามเทวี จ.ลำพูน วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่ วัดพระแก้วดอนเต้า จ.ลำปาง วัดศรีโคมคำ จ.พะเยา วัดพระธาตุช่อแฮ จ.แพร่ และวัดบ้านปาง จ.ลำพูน
    เหรียญครูบาศรีวิชัย วัดพระธาตุดอยสุเทพฯ จ.เชียงใหม่ ปี 2515

    เหรียญครูบาศรีวิชัย วัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ จัดสร้างโดยคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ โดยกำหนดพิธีมหาพุทธาภิเษกพระพุทธสิหิงค์จำลอง 9 เมษายน 2515 พระเครื่องพิมพ์ต่างๆที่สร้างและปลุกเสกในพิธีเดียวกัน นอกจากพระพิมพ์พระร่วงรางปืนแล้ว ยังมีพระกริ่งเชียงแสน ,เหรียญพระพุทธสิหิงค์,เหรียญพระเจ้าเสตังคมณี วัดเชียงมั่น,เหรียญหลวงพ่อทันใจ,เหรียญครูบาศรีวิชัย ,เหรียญเจ้าคุณพระราชสิทธาจารย์,เหรียญเจ้าคุณพระอภัยสารทะ วัดทุงยู

    มหาพุทธาภิเศกใหญ่โดยยอดพระคณาจารย์ 108 รูป ดังมีรายชื่อดังต่อไปนี้
    -หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    -หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง
    -หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    -อาจารย์นำ แก้วจันทร์
    -หลวงพ่อเกษม เขมโก
    ....ฯลฯ

    พระเครื่องและวัตถุมงคลชุดนี้ นับเป็นพิธีปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพิธีหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ เหรียญครูบาศรีวิชัยรุ่นนี้ถือเป็นยอดวัตถุมงคลที่ผู้มีจิตเคารพศรัทธาในครูบาศรีวิชัยควร มีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะทำพิธีมหาพุทธาภิเษกใหญ่โดยยอดคณาจารย์ในสมัยนั้นแล้ว ยังสร้างโดยวัดพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งเป็นวัดที่ครูบาศรีวิชัยท่านได้สร้างและยังเป็นศูนย์รวมใจ เป็นที่ยึดเหนี่ยวของประชาชนชาวล้านนาอีกด้วย
    บูชา 450บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF1597.jpg
      DSCF1597.jpg
      ขนาดไฟล์:
      349.4 KB
      เปิดดู:
      65
    • DSCF1598.jpg
      DSCF1598.jpg
      ขนาดไฟล์:
      281 KB
      เปิดดู:
      65
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2010
  18. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    เหรียญครูบามนตรี บุญมี จ.แพร่ รุ่น 1 บูชา 450 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF1599.jpg
      DSCF1599.jpg
      ขนาดไฟล์:
      352.8 KB
      เปิดดู:
      63
    • DSCF1600.jpg
      DSCF1600.jpg
      ขนาดไฟล์:
      352.9 KB
      เปิดดู:
      46
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2010
  19. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    ครูบาชัยยะวงศ์ษา ได้มรณะภาพ เมื่อวันที่ 17 พฤกษาคม 2543 ซึ่ง เมื่อครบรอบการมรณะภาพของท่านจะมีการทำพิธีเปลี่ยนผ้าให้กับครูบาชัยยะวงศ์ษา และในปี 2547 จะจัดขึ้นในวันที่ 13-17 พฤษภาคม 2547
    ระเพณีเปลี่ยนผ้าครูบาชัยวงศ์ษา<O:p</O:p
    ครูบาชัยยะวงศ์ษา เป็นบุคคลสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกองค์หนึ่งที่ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงให้ความเคารพและศรัทธารวมทั้งคนพื้นราบ ซึ่งตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านได้ดำริคิดสร้างศาสนวัตถุ ศาสนสถาน เช่น วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เจดีย์ศรีเวียงชัย เพื่อดึงและปลุกจิตศรัทธาให้เกิดมีในคณะศิษย์ และเป็นบุคคลสำคัญที่สร้างความเจริญให้แก่วัดและบ้านพระบาทห้วยต้ม <O:p></O:p>
    ครูบาชัยยะวงศ์ษา ได้มรณะภาพ เมื่อวันที่ 17 พฤกษาคม 2543 ซึ่ง เมื่อครบรอบการมรณะภาพของท่านจะมีการทำพิธีเปลี่ยนผ้าให้กับครูบาชัยยะวงศ์ษา และในปี 2547 จะจัดขึ้นในวันที่ 13-17 พฤษภาคม 2547 วัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งเพื่อให้ศิษยานุศิษย์ได้แสดงออกซึ่งความเคารพและศรัทธาในตัวท่านและเป็นการทำบุญฉลองมลฑปเพื่ออุทิศแด่ท่านครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา และเป็นพระราชกุศลแด่พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเด็จมหาราชที่ทรงมีพระชนมายุครบ 72 พรรษา ซึ่งประเพณีเปลี่ยนผ้าครูบาในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ตั้งแต่ท่านได้มรณะภาพและเป็นการจัดงานประจำปีที่ใหญ่กว่าทุกปี กิจกรรมจัดขึ้นประมาณเดือนพฤษภาคม ของทุกปี จะมีการเชิญพระสรีระท่านของหลวงปู่ครูบาเจ้าลงในศาสนาพิธี เพื่อทำการเปลี่ยนผ้า
    จุดเด่นของงาน<O:p></O:p>
    จะได้เห็นความศรัทธาและเคารพของชาวกะเหรี่ยงที่มีต่อครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาจะร่วมทำบุญอย่างพร้อมเพรียงกัน และจะได้เห็นการแต่งกายของกะเหรี่ยงมากที่สุดในรอบปี ที่มาจากหลาย จังหวัด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2010
  20. siwa1968

    siwa1968 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +540
    เหรียญ 5 รอบหลวงพ่อจรัล วัดอัมพวา สิงห์บุรี บูชา 450 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF1578.jpg
      DSCF1578.jpg
      ขนาดไฟล์:
      206.1 KB
      เปิดดู:
      41
    • DSCF1579.jpg
      DSCF1579.jpg
      ขนาดไฟล์:
      236.4 KB
      เปิดดู:
      39

แชร์หน้านี้

Loading...