สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG] ขอชูนิ้วให้ท่าน [​IMG]
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ว่าแต่ว่า หม้อไฟฟ้า จะคู่กับอะไร (แซวนะแซว)
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    จากนิมิตของคุณขันธ์ คุณขันธ์ก็พูดชัดว่า ต้องตีความ

    คุณขันธ์ตีความได้แบบนั้น

    ทีนี้ผมอาศัยนิมิต ที่คุณขันธ์อธิบายได้อย่างละเอียด ตรงจริงตามที่เห็นที่สุดแล้ว
    แต่ความหมายนั้นไม่ทราบชัด ต้องตีความ ผมก็ขอตีความจากคำอธิบายที่ชัดบ้าง

    พระอนุรุธคือ นักภาวนาสติปัฏฐานดูจิต นักภาวนาเจริญสติ สติของท่านจึงไว
    มาก เพียงผลิกมือก็รู้การเกิดดับได้นับหมื่นจักรวาล ดั่งจะเห็นจากคำถามที่
    ถามพระสารีบุตรเกี่ยวกับปัญหาที่ตัวเองไม่บรรลุ เพราะเอาแต่ดูจิต และเกิด
    นิวรณ์กุกกุจจะ ซึ่งก็เป็นนักอภิธรรม จำแนกจิตเป็นดวงๆ มีชื่อเรียกมากมาย

    ดังนั้น ในนิมิต ท่านกวักมือเรียก ก็หมายถึง ปฏิบัติแบบท่านสิ มาลองปฏิบัติ
    แบบท่านสิ มา มาลองดู มาดูจิต

    ทีนี้ ทำไมไม่กวักมือแต่แรก ก็เพราะ ทิฏฐิยังกล้าแข็ง ไม่อ่อนโยน ก็เลยบอก
    ว่า ไปอ่านเรื่องสัมมาทิฏฐิก่อน ไปปรับพื้นตัวเองก่อน

    ส่วนเรื่องอาหาร ก็คือ หยุดเข้ามาถามได้แล้ว นี่เป็นการใช้ขันธ์ การเห็นนิมิตนั้น
    ต้องใช้ขันธ์ทำงาน ทั้งของผู้ถาม และผู้ปรากฏ ก็อย่าไปสร้างอาหารให้มันเกิด
    บ่อยๆ หยุดพอใจในนิมิตเพื่อเข้ามาถาม หยุดทำ แล้วดู เสีย

    * * * *

    ธรรมะแสดงให้เห็นแล้ว ก็ดูไปตรงๆ รับไปตรงๆ อย่าไปตีความ

    กวักมือเรียก ก็คือ กวักมือเรียก ไม่ต้องตีความ

    ให้อ่านพระสูตร ก็ให้ไปอ่าน ท่านให้คุณไปอ่าน ไม่ได้เข้านิมิตให้ผม หรือ ชาวพลัง
    จิตไปอ่าน ท่านอ่านแล้ว ก็ให้อ่านตรงๆ อย่าตีความ อย่าเอาพระสูตรมายก แล้ว
    แสดงความคิดเห็นของตัวเอง นี่เท่ากับ เอาพระสูตรมารองรับการตีความของตัวเอง

    เรื่องอาหาร ก็อย่าไปตีความ พิจารณาลงเป็นปัจจุบันธรรมไป หากตอนนั้นเห็น ก็แจ้ง
    ไปแล้ว นี่ไม่เห็น เทศน์ต่อหน้าก็ไม่เห็น ก็ออกมาข้างนอก มาตีความ แทนที่จะเห็น
    ธรรม ก็มีแต่ อาหารที่ปรุงออกมา
    <!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2009
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    รู้ทัน กิเลส ตัณหา อารมณ์ ที่เริ่มคุกรุ่นขึ้นในใจตน ก็พอจะหลุดจากการครอบงำได้ ชั่วคราว นะท่าน[​IMG]

    แล้วพอสติมีมาก มีสมาธิตั้งมั่นได้มาก สติก็จะไวพอที่จะไปรู้ ก่อนที่มันจะคุ ขึ้นมาเป็นตัวตน ถ้ามีสติบริบูรณ์ สมาธิบริบูรณ์ ตลอดเวลา ก็หลุดพ้นจากการครอบงำ ได้ถาวร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2009
  5. ไม้ขัดหม้อข้าว...!

    ไม้ขัดหม้อข้าว...! สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +4

    <style>.wysiwyg { BACKGROUND: #f5f5ff; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; COLOR: #000000 } P { MARGIN: 0px } .inlineimg { VERTICAL-ALIGN: middle } </style>ว่าแล้วเชียว ต้องมีหุๆ นายแน่มาก
     
  6. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ผู้ปฏิบัติบางคนคิดว่า ให้รู้เฉยๆ นั้น มันน้อยไป กลัวจะโง่หรือไม่พ้นทุกข์. จึงพยายามคิดเพื่อสนองความอยากรู้. โดยไม่ทราบว่า จริงๆ แล้ว "รู้" กับ "คิด" เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกัน. หลวงปู่ดูลย์ ท่านจึงสอนว่า "คิดเท่าไรก็ไม่รู้ ต้องหยุดคิดถึงจะรู้".
    ....เกล็ดเล็กๆ ลองอ่านดู...ครูอาจารย์ท่านเขียนไว้
     
  7. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ jinny95 [​IMG]
    บำเรอขันธ์ ทำไมขันธ์ จึงต้องบำเรอ หรือเป็นเพราะมันถูกบำเรอมายาวนานมาก ยามใดไม่บำเรอมันจึงร้อนหนักหนา^-^
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขันธ์ก็คงต้องได้รับการบำเรอ เพราะขันธ์เป็นวิบาก มันก็ต้องได้รับผลของ
    มันไป จะให้ขันธ์หายไป หรือ ไม่ได้รับการบำเรอ ก็ผิดธรรมชาติของขันธ์

    เราจะดับอาหารวารแก่จิตได้อย่างไร ?

    อย่างไร ^-^
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ล้อกันเล่นหรือเปล่า ที่ถามนี่ ถามไป แล้ว ถามกลับ

    แล้วใครจะตอบก่อนดีหละ
     
  9. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    แล้วทำไมจึงเห็นว่า ผิดธรรมชาติ ของขันธ์ล่ะ ^-^
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อีกประเด็นนะครับคุณขันธ์

    ชาวพลังจิต ตอนนี้ย่ำแย่ในสายตาคุณใช่ไหม ปุถุชนกำลังย่ำแย่

    โดยปรกติ คนที่มีคุณธรรมสูง ย่อมแก้ปัญหาของปุถุชนได้ตามกำลัง
    ซึ่งสามารถอยู่แล้ว เพราะรู้เห็นสิ่งที่เป็นปุถุชนเป็นอยู่

    แต่คุณไม่ได้สังเกตุหรือครับว่า คุณหมดปัญญาที่จะสอน หมดขนาด
    ต้องทำสมาธิ กำหนดนิมิตไปถาม

    แล้วถามหน่อยเถอะครับ ท่านในนิมิตสั่งคุณหรือเปล่าว่า เอาธรรมะนี้
    ไปแสดงนะ เอาไปไล่สะกิดแต่ละคนให้มาฟังธรรมะนี้

    ผมว่า ท่านในนิมิตคงไม่ใช้วิธีสอนแบบนั้น เพราะอยู่ดีๆ จะแต่งตั้ง
    ตาสีตาสาให้เป็นศาสดาพยากรณ์นั้นไม่ใช่เรื่องในแนวพุทธ ไม่มีใน
    จรณะ ไม่เคยปรากฏ มีแต่ เน้นเรื่อง การสอนระหว่างบุคคล และ
    การเข้าถึงด้วยตัวเอง

    ดังนั้น เชื่อผมเถอะครับ ธรรมะที่ได้รับในนิมิตนั้น ไม่ได้ให้เอา
    มาสอนใครคนใดคนอื่นหรอก ท่านสอนคุณโดยตรงเสียหละมากกว่า

    * * * *

    แล้วเรื่องนิมิตนี่ ส่วนใหญ่มักคิดว่าเกิดในปัจจุบัน แต่มันมีความเป็นไปได้
    ว่าเป็นภาพในอดีต เมื่อเกิดการวนเวียน เกิดคำถามที่ตัวเองเคยติด เคย
    ข้อง ภาพแต่หนหลังก็ปรากฏ ภาพในชาติกระนู้นก็ปรากฏ ก็จะเหมือน
    ว่า ได้เข้าไปถาม ถามด้วยคำถามเดียวกันในสมัยนู้ 2500 กว่าปีมาแล้ว
    เมื่อก่อนถามอย่างไร ผู้เป็นอาจารย์เล็งเห็นไปในนาอนาคตแล้วก็แสดง
    ธรรมเอื้อเอาไว้ เมื่อเกิดการวนถาม ธรรมะก็จะถ่ายทอดออกมา ทีนี้ก็
    ขึ้นกับคนที่ปฏิบัติแล้วว่า จะนมสิการได้แค่ไหน ติดเหมือนเก่า หรือว่า
    จะปฏิบัติอย่างที่ท่านกวักมือเรียกไปทำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2009
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ชอบพูดสั้นๆ

    ประเด็นไหน ประเด็น ขันธ์คือส่วนวิบากเหรอ

    ถ้าประเด็นนี้ก็ตอบว่า จิตมันเกิด ขันธ์คือส่วนผลอันเกิดจากจิตมันเกิด

    จิตมันดับ ขันธ์ก็ดับไปด้วย เพราะขันธ์ย่อมไม่อยูโดดๆได้ มันต้องอาศัย
    การมีจิต การเกิดของจิต

    จิตทำไมจึงไม่ดับไปเลย ทำไมจึงเกิดอีก อันนั้น ก็เป็นเรื่องที่พี่จินนี่ต้อง
    ไปทำให้แจ้งด้วยตัวเอง
     
  12. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ไม่ไช่ครับ ผมหมายถึงทำไมจึงว่า ขันธ์ต้องบำเรอเป็นธรรมชาติ ถ้าไม่บำเรอจะผิดธรรมชาติ ^-^
     
  13. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ทัพพีแน่นอน ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ หุหุ
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อ้อ

    ก็ถ้า ขันธ์มันเกิด ขันธ์มันมี ที่ละเอียดๆ คงอธิบายกันยาก ก็ดูเท่าที่
    ตาเห็นละกัน

    ขันธ์กายนี่ มีแล้ว ทำให้ดับไปจะถูกต้องไหม ตัดแขน ตัดขาตัวเอง เป็นเรื่อง
    ถูกต้องไหม ถ้าไม่ถูกต้องนี่ ขันธ์ที่เราไม่ต้องไปดับมัน มันเป็นวิบาก มีอย่าง
    ไรก็มีไปตามนั้น

    ทีนี้ขันธ์กายนี่ ไม่บำเรอมันจะถูกต้องไหม หากไม่บำเรอมันก็กำลังทำอะไรอยู่
    จะคิดไปดับขันธ์หรือไร แล้วดับขันธ์นี่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า เป็นเรื่องที่ถูก
    ต้องไหม วรรคแรกเห็นอย่างไร วรรคนี้ก็ให้เห็นอย่างนั้น จริงไหม

    คำว่า บำเรอ นี่ ก็ต้องดูอีกทีเนาะ ว่าจินนี่หมายถึงไปแค่ไหน แล้วเราควร
    จะหมายถึงไปแค่ไหน

    หากให้ตอบ ก็บำเรอเพียงเพื่ออาศัยแก่การระลึกรู้
     
  15. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    อนุโมทนากับอาจารย์ขันธ์ค่ะ ที่นำพระสูตรมาให้อ่าน

    (เขาเรียกว่าพระสูตรใช่ป่าวค่ะนี่)

    =====================

    จิตละเอียดกับหยาบ มันทำไมเห็นโต้ง ๆ ง่ายจังหว่า ขนาดแว๊ดมันโง่ ๆ นะนี่ แต่บางทีคนโง่ มันก็ยังไม่รู้เลยนะว่ามันโง่ มันเลยต้องโง่ต่อไป (บ่น ๆ คนเดียว)
     
  16. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    วันนี้มีมาบ่น ...ชิมิ ชิมิ
     
  17. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ไม่ค่อยจะตรงใจเท่าไร แต่ก็อนุโมทนา ครับผม ^-^
     
  18. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    11 นาริกา ยืมมุกหน่อยนะ วิดนุ๊
     
  19. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    จ้า
     
  20. haha4959

    haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    ฮิ๊วววววววว

    ตา ขัน จอม อะหังกาน มะนังกาน เข้ม แข็ง

    ท่อนข้างบน ของประโยค ที่ คูณ ยกมานั้น

    ตามความหมายที่ผม อยาก สื่อ ก็ คือ

    ไอ้ อันเดียวกันที่ เรา มอง กับ พระพุทธเจ้า ทรง มอง นั้น มัน ไม่ เหมือน กัน ครับ

    เรา รับ รู้ ได้ เท่า นั้น มัน ก็ เลย เป็น ของ มัน อย่าง นั้น

    โลก ของ ใคร มัน ก็ ของ คน คน นั้น นะ ครับ

    คุณ เป็น ใคร สอน คน บางคนให้เข้าใจไม่ได้ ยัง จะ รั้น ใช้ วิธีเดิม เดิม อยู่ นั่น

    ก็ ใช้ แล้ว มัน ไม่ เวิร์ค ก็ ไม่ รู้ จัก สังเคาระห์ พัฒนา เปลี่ยน แปลง

    กรรม ของ ใคร ดี นี่

    อยาก สอน แต่ สอน ไม่ เป็น เลย บอก ว่า ศิษย์นั้น โง่

    ศิษย์โง่นั้น ไม่มี มี แต่ อาจารย์ที่โง่ เพราะสอนศิษย์ไม่เป็น
     

แชร์หน้านี้

Loading...